เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 26 เมษายน 2024, 06:52:41
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  ศาสนา กิจกรรมทางวัด (ผู้ดูแล: ap.41, ลุงหนาน)
| | |-+  วิธีดับกามราคะ
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: [1] พิมพ์
ผู้เขียน วิธีดับกามราคะ  (อ่าน 4257 ครั้ง)
Gun0091
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11


« เมื่อ: วันที่ 29 มีนาคม 2014, 20:10:30 »

พอวิธีไหมครับที่จะดับกามราคะ ความกำหนัด โดนใช้ธรรมะ
พอดีเป็นคนที่คิดแต่เรื่องพวกนี้มาก และอยากจะหยุดความคิดพวกนี้มาก
แต่จะฝืนไม่ให้ตัวเองทำตามความคิด แต่ก็เหมือนจะไม่ได้ผลเลย
IP : บันทึกการเข้า
nantong
ปั๋น กั๋นฮู้ แล้วก่อยเอาไปกึ๊ดอ่าน กั๋น แหมกำ อาจมีผิดถูก ฯ
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,579



« ตอบ #1 เมื่อ: วันที่ 29 มีนาคม 2014, 22:50:04 »

ไหว้สา พระธัมม์  สายบุญ

ที่ทำนั้น ก็ดีแล้วนี่ ดีในระดับ เท่าที่ได้แล้วไง  แต่ยังไม่พึงพอใจก็ใช่อยู่       ไปศึกษาหัวข้อ ธรรมะ คือ อะไร ?  อะไร คือ ธัมมะ Dhamma

จะรู้ว่า สิ่งที่มี ที่เป็น ก็คือ ธัมมะ             เราคิดในสิ่งนี้ คือ กามมาก เป็นต้นเหตุ   เรากำลังแก้ต้นเหตุอยู่ คือ ไม่คิด ไม่ทำตามคิด
ที่ไม่ได้ผล ด้วยว่า  มันยังอยู่ในกระบวนการคิด  แต่ยังไม่ได้อยู่ในกระบวนการทำ อันได้ผลสูงดังหวัง  แต่การคิดก็เป็น กระบวนการทำอย่างหนึ่งอยู่หนา  อย่าได้วิตกกังวลอะไร

การคิด คือ ใช้สมอง เป็น ส่วนของกายกัมม์  ก็มี ใจ คือ มโนกัมม์อยู่ด้วยแล้ว  พิมพ์ หรือ บอกอกมา สื่อให้ผู้อื่นทราบ ก็เป็น วจีกัมม์ด้วยนี่

รู้ว่า กามเป็น ไม่ดี อกุศลกัมม์ จึงดำริห์คิดออก หยุดมัน   ก็เป็น การให้มี กุศลกัมม์เกิดขึ้นมาแล้ว     ยอด ๆ ๆๆ


มีศีล 5 อยู่ ถึงเราไปทำ กามด้วยกาย วาจา ใจ แม้นแต่ ด้วยอวัยวะเพศ หาก ไม่ได้ผิดถึงขั้น ข้อสาม กาเมสุมิจฉาจาร ฯ ในคนผู้ถูกหวงห้าม  
อย่างการไปซื้อหา การพึงพอใจกัน โดย ไม่เข้าข่ายผิดสีลข้อ 3 เราก็มีสีล ครบ     อาจได้บุญแถมมาด้วย ทุกข์ทำไม

ทมะ คือ การข่มใจไว้    แต่ ข่มเอาไว้ จนอั้นไปจะ       บ่ ไหวแล้วคับ    แลบลิ้น          ก็ปล่อยผี สาาาาาบ้าง   ก็ไม่ผิดแท้  ผิดว่า นิ                แฮ่  ยิงฟันยิ้ม  

ปล่อย ฯ โดย ผิดสีล ข้อ 3  ก็ระวัง ถ้ารอดบนโลก  หรือ บนโลกไม่รอดก็ตาม ก็แก้ตัว ในเมืองผีเอา หรือ รับโทษในนั้นได้

ถึง ปล่อยโดยผิดสีล  ก็อย่าให้ผิดธัมมะ  

คือ  อย่าให้หมดในการทำดี  ทำให้ดี ๆ ไม่ผิดใจเสียใจกัน  อาจทำให้ถูกต้อง โดย เข้าตามตรอก ออกประตู (วิวาห์) เข้าหาผู้ปกครองพ่อแม่เขาได้ ก็ไปสาาาา

อยู่กินกัน ถือเป็น คู่กัน     เลิกกันก็ไม่ได้เป็น คู่กัน     ไม่ต้องคิดรอคู่จริง คู่แท้ ในอนาคต  เอาปัจจุบันว่ากันเลย คือ คู่แท้ ในปัจจุบันขณะ  เลิกไปก็จบคู่       แฮ่  ยิงฟันยิ้ม

บุญ ย่อมให้ผล เป็น สุข สนุก สนาน              บาป ให้ผลตรงข้าม        ไม่บุญไม่บาป ก็ไม่ถูกไม่ผิด เป็น กลาง ๆของผิดถูก

พระพุทธเจ้า สอนให้หลวก   ไม่สอนให้ง่าว      สอนไปตามลำดับ    ธัมมะ ทำให้สมควรแก่ ธัมมะ        

ท่านพบโจร ก็ สอนโจร ในการเป็นโจร ที่ดี     ท่านสอนคนไหว้ทิศมงคล  ท่านก็สอนไหว้ทิศมงคล ตามแบบท่านว่า

อันธพาลชน เขาไม่สนใจออกจากกามราคะ   ปุถุชน ยังมีกาม มีราคะ    กัลยาณชน สนใจในธัมมะ กุศลกัมม์      อริยชน ชน สนในอริยสมบัติ

พาลชน  คนง่าว          ปัณฑิตชน บัณฑิตชน  คนหลวก คนใจมีธัมมะ      ท่านกำลัง เข้าข่ายบัณฑิต คนฉลาด ชาตินักปราชญ์ แล้วครับ

สาธุ ๆ ๆ  อนุโมทามิ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 29 มีนาคม 2014, 23:01:24 โดย nantong » IP : บันทึกการเข้า

หนานขี้อู้หำยาน : นายจิราวัฒน์  โสรัจพงศ์เกษม / หนานธง   อีเมล : k e n g k a b h e n g @ g m a i l . c o m    มือถือ  081 777  51 76
nantong
ปั๋น กั๋นฮู้ แล้วก่อยเอาไปกึ๊ดอ่าน กั๋น แหมกำ อาจมีผิดถูก ฯ
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,579



« ตอบ #2 เมื่อ: วันที่ 30 มีนาคม 2014, 14:43:57 »

Gun0091

พอวิธีไหมครับ     ที่จะดับกามราคะ ความกำหนัด        โดย ใช้ธรรมะ          พอดี  เป็นคนที่คิดแต่เรื่องพวกนี้มาก  และ  อยากจะหยุดความคิดพวกนี้มาก

แต่จะฝืนไม่ให้ตัวเองทำตามความคิด แต่ก็เหมือนจะไม่ได้ผลเลย

***************************************

ก็อย่างที่บอก คือ ให้เป็นไปตามลำดับธัมมะ  ที่เราพึงทำได้  โดย ไม่ทุกข์เกินไป   มีอริยสัจจ์ 4 มาอิง    ทุกข์ สมุทัย  นิโรธ  มัคค์

ทุกข์ คือ  ปัญหา จาก ความกำหนัดกามราคะ หมกมุ่นเรื่องการสัมผัสรสเพศ อยากเอาเมีย
สมุทัย คือ สมุทฐาน  หมายถึง ต้นเหตุ  สาเหตุแห่งทุกข์ยากลำบาก  มาจาก  ตัณหาความอยาก(เอา)

มีกามตัณหา  อยากเอารูป รส กลิ่น เสียง  สัมผัส     
 ความอยากในกามรส อันมี  สัมผัสอันเสียวซ่าน  วาบหวิว เป็นต้น

ภวตัณหา คือ สิ่งที่เนื่องต่อจาก กามตัณหา ตัวแรก  จัดเป็น ตัวสอง    กามตัณหา ที่ ได้แล้ว   จึงมีภวตัณหา คือ อยากเอาอีก
 คำสุภาพ ท่านบอก ภวตัณหา คือ ความอยากมี อยากเป็น

 เคยแล้วอิ่มไปแล้ว ยังมาหิว  มาอยากเอาอีก เอาอีก คำเมืองว่าสั้น ๆ ว่า
            ติก ๆ  แหม ๆ

ภวตัณหา เป็น กามตัณหาที่หิวอยากอีก  แบบเคยได้ แล้วยังอยากได้อีก   มีเสื้อผ้าแล้ว  ไปเจอตัวใหม่ ก็อยากได้อีก

วิภวตัณหา เป็น ตัวต่อเนื่องจาก อันสอง ภวตัณหา     จึงเป็น อันสาม  คือ  ความก้าย  แปลว่า  เบื่อ

คำสุภาพ ท่านว่า ความไม่อยากเป็น  ไม่อยากมี

นิโรธ  คือ  การดับ

มัคค์ คือ  หนทาง

ธัมมะ ของ พระพุทธเจ้า เป็น หนทางในการออกจากกามราคะ เป็น มัคคะ ทางดับทุกข์  โดย ธัมมะ มีหลากหลายอย่าง ตามแต่ บุญนำพา  เหตุปัจจัย
อาจได้จากการ เสาะหาครูบาอาจารย์ กัลยาณมิตร จากเราเองค้นเจอตัวเก่าก็ได้

 จากทุกข์ หรือ จากสุข ให้เราได้พบสุข หรือ สุขยิ่งๆขึ้นก็ได้

นิโรธ การดับ  ก็ดับจาก ชั่วคราว ไปตามลำดับ จนดับสิ้นเชิง  หาก เข้าถึงอริยสมบัติ เริ่มจาก โสดาบัน ขึ้นไปที่สุด  มีอรหันตมัคค จนได้ถึงผลของ  อรหันตผล เป็น ที่สุด ของ ที่สุด

สมุทัย ต้นเหตุ ของ ทุกข์ มาจาก กามตัณหา อยากกาม       เอากามอีก เอาอีก ๆ คือ ภวตัณหา     อิ่มแล้ว เบื่อแล้ว คือ วิภวตัณหา

พยายามยึดอารมณ์เบื่อ หรือ อิ่มนี้ให้คงไว้บ่อย ๆ  ก็จะ หายทุกข์     หายภัยในความอยากเอา  เอากามราคะเพศสัมพันธ์

ทมะคือ วิธีการข่มใจไว้      ขันติ คือ  ความอดกลั้น       

ธัมมะ ตามลำดับชั้น คือ วิธีใด ก็ได้ ให้ใจ อยู่ใน กุศลกัมม์ ให้ยาวนานเท่าที่ทำได้   

ต้อง อาศัยคันถธุระ กับ วิปัสสนาธุระ  ควบคู่กัน   อาจจัดว่า อาศัยปริยัติ สู่การปฏิบัติ เพื่อหนุนปฏิเวธ

คันถธุระ คือ ความรู้ในพระธัมมะ   วิปัสสนาธุระ คือ  การใช้ปัญญามาช่วยให้รู้ชัดเจนแจ่มแจ้ง เด็ดขาด ไม่หวนกลับอีก

ปริยัติธัมมะ  คือ  ธัมมะ ที่จำเป็น ที่สำคัญ ต่อ การพ้นทุกข์   มีพระพุทธญาณเท่านั้น  ที่ทรงรู้แจ้งว่า อะไร(ธัมมะใด) ที่ใช้ได้ผลต่อ การดับทุกข์ของ ผู้ใดเป็นการจำเพาะ

แต่ ท่านทรง ละพระพุทธมรดกเอาให้ คือ พระบาลี มี พระธัมมวินัย   ที่ถูกเรียบเรียง(สังคายนา) เป็น  3 หมวดหมู่  บาลีเรียก ไตรปิฎก

นี่แล คือ ปริยัติธัมม์  ธัมมะจำเป็น ต่อ การดับทุกข์     ระดับโลกียธัมมะ ฮอด โลกุตรธัมมะ ในที่สุด


IP : บันทึกการเข้า

หนานขี้อู้หำยาน : นายจิราวัฒน์  โสรัจพงศ์เกษม / หนานธง   อีเมล : k e n g k a b h e n g @ g m a i l . c o m    มือถือ  081 777  51 76
nantong
ปั๋น กั๋นฮู้ แล้วก่อยเอาไปกึ๊ดอ่าน กั๋น แหมกำ อาจมีผิดถูก ฯ
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,579



« ตอบ #3 เมื่อ: วันที่ 31 มีนาคม 2014, 00:43:06 »

ไหว้สา พระธัมม์  สายบุญ

ให้ท่านโปรด ไปศึกษา ในประวัติ ครูบาบุญชุ่ม                       

ที่หนานธง ได้เอามาลง ในหัวข้อ 

มหาอนุโมทนา  ครูบาบุญชุ่ม             

สาธุ ๆๆ   อนุโมทามิ
IP : บันทึกการเข้า

หนานขี้อู้หำยาน : นายจิราวัฒน์  โสรัจพงศ์เกษม / หนานธง   อีเมล : k e n g k a b h e n g @ g m a i l . c o m    มือถือ  081 777  51 76
JAMESCOM1
ทักทายผมได้นะครับ Line: JAMESCOM007
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,160

สอนคอม & ซ่อม เชียงราย


« ตอบ #4 เมื่อ: วันที่ 31 มีนาคม 2014, 02:44:20 »

ขอจุดประสงค์ที่อยากทำเช่นนั้นก่อนครับ แล้วจะให้คำตอบได้ดีขึ้น
ทำไมท่านอยากดับกาม เป็นพระหรือครับ หรือบวชชั่วคราว หรือแค่อยากฝึกดับ

คำตอบนั้นมี แต่เอาเบื่องต้นสั้นๆไปก่อนว่า มือใหม่ต้องรู้จักฝึกฝนครับ ไม่ต้องรีบดับในทันที
IP : บันทึกการเข้า


มาทาง Big-C ถ.ศรีทรายมูล สันสลีซอย1
harmony
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 144


« ตอบ #5 เมื่อ: วันที่ 31 มีนาคม 2014, 18:56:14 »

ยังดับไม่ได้ครับ เพราะธรรมชาติของร่างกายเรา ฮอร์โมน หรือสารเคมี มันทำงาน
ตามปกติเมื่อมีสิ่งเร้า หรือถูกกระตุ้น มันจะทำให้ กิเลส มันทำงานในทันทีที่ถูกกระตุ้น
เพราะนิสัยเรามันสั่งสมกิเลสมาเป็นแบบนี้ เรื่อง กามไม่ได้หมายถึงแค่เรื่องเพศ
แม้แต่ติดใจในรสชาติอาหาร ก็ยังเป็นการติดในกามครับ

มีแต่วิธีกดข่มมันไว้เท่านั้น โดยการใช้สมาธิ หรือการพิจารณาร่างกาย เป็นของไม่สวย
ไม่งาม พอทำสมาธิมาก ๆ เข้า เราจะได้ตัวที่เรียกว่า สติ และเอาตัวสตินี่แหละ
ไปรู้ทัน เวลาใดที่เรามีความรู้สึก ว่ามีกามราคะเกิดขึ้น เมื่อสติระลึกได้ กามราคะก็จะดับไป
แล้วสติมันก็จะจำสภาวะนี้ไว้ เมื่อใดสภาวะกามราคะเกิด เมื่อสติระลึกได้มันก็จะดับหายไป
เมื่อเราฝึกมาก ๆ เข้า สติมันจะเร็ว พอมีกามราคะเกิดปุ๊บ สติระลึกได้ กามราคะจะดับปั๊บ
แต่ต้องอาศัยการฝึก อาจต้องใช้เวลานานหลายปี หรือ ถ้าบุญบารมีมาก ก็จะเข้าใจได้ใน
ทันที

หาข้อมูลเพิ่มเติมได้จากที่นี่ครับ   www.wimutti.net


IP : บันทึกการเข้า
nantong
ปั๋น กั๋นฮู้ แล้วก่อยเอาไปกึ๊ดอ่าน กั๋น แหมกำ อาจมีผิดถูก ฯ
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,579



« ตอบ #6 เมื่อ: วันที่ 03 เมษายน 2014, 16:34:18 »

ไหว้สา พระธัมม์  สายบุญ

ฮาโมนี ตอบแบบฟันธง มาว่า ดับไม่ได้  มีแต่การข่มเอาไว้ชั่วคราว

เขาว่า มีส่วนถูกอยู่ แต่ ก็ไม่ใช่ถูกหมด ตามว่า

ธัมมะตามลำดับ ในการดับกามราคะ คือ อะไรที่เป็นไปตามลำดับขั้นตอน ในการดับกามราคะ

อย่าว่า แต่ดับกามราคะชั่วคราวเลย การดับอย่างถาวร พระพุทธเจ้าท่านสอนได้จริง จะง่าย ก็ง่าย จะยากก็ยาก จะง่ายก็เหมือนยาก  จะยากก็เหมือนง่าย  หากเหตุปัจจัยเหมาะเจาะ  สมควรแก่ธัมมะ

ท่านจุลปันถก ปันถกน้อยผู้น้องมหาปันถก  ปันถกใหญ่  สงสัยปันถกเป็น นามสกุลท่านกระมัง ?   
พระพี่ชายมีชื่อเสียง  มีลูกศิษย์เก่ง ๆ เป็น อริยบุคคลหลาย  แต่สอนน้องไม่ผ่าน จนไม่สนใจจะสั่งสอนแล้ว

ด้วยพระพุทธญาณ  ว่า สอนแบบใดได้ผล ของ พระพุทธบวรนาถ    ท่านให้  ท่านปันถกน้อย บริกัมม์คาถา  พร้อมลูบผ้าขาว

หากจำไม่ผิด พระคาถา ว่า รโช  หรณัง     รชัง  หรติ

บังเกิดให้จิตใจ ท่านสงบ จากการ ว่า คาถานั้น  สงบมาก จิตมีกำลังมาก น่าจะได้อารมณ์  ฌาน   พอเห็นผ้าขาวหมอง  ภิกษุปันถกผู้น้อง  เอาปัญญามาช่วยใช้เป็น  วิปัสสนาธุระ 

เห็นตามพระไตรลักษณ์  เห็นธัมมะ ใน หัวข้อธัมมะ

วิปัสสนาพาหลุดพ้นอวิชชา ได้อรหันตบุคคล  ผู้ไม่มาเกิดอีกเด็ดขาด        อย่าว่าแต่ ดับกามราคะชั่วคราวเลย  นั่นของเด็ก ๆ  ชิว ๆ เบบี้ ๆ
IP : บันทึกการเข้า

หนานขี้อู้หำยาน : นายจิราวัฒน์  โสรัจพงศ์เกษม / หนานธง   อีเมล : k e n g k a b h e n g @ g m a i l . c o m    มือถือ  081 777  51 76
harmony
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 144


« ตอบ #7 เมื่อ: วันที่ 03 เมษายน 2014, 18:28:57 »

หนาน ไปอ่าน ไปศึกษาให้ดี กามราคะ จะดับได้นั้น เป็นภูมิจิตภูมธรรม ของพระอนาคามี
เมื่อใดที่ไม่ยึดใน หู ตา จมูก ลิ้น กาย ใจ ก็หมายถึง รูป หรือกายจะถูกทิ้งไป
เมื่อใดที่ไม่ยึดรูป หรือ กาย กามและปฎิคะ จะถูกทิ้งไป แต่จะมารักษาจิตแทน
IP : บันทึกการเข้า
nantong
ปั๋น กั๋นฮู้ แล้วก่อยเอาไปกึ๊ดอ่าน กั๋น แหมกำ อาจมีผิดถูก ฯ
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,579



« ตอบ #8 เมื่อ: วันที่ 05 เมษายน 2014, 22:25:15 »

ไหว้สา พระธัมม์ สายบุญ

ทำธัมมะ คือ ทำ อะไร ๆตามสมควร ตามลำดับอะไรควรทำ(ธัมมะ)     ตั้งแต่ การจดจำ ร่ำเรียนพระพุทธธัมมวินัย พระบาลีไตรปิฏก ทำบุญกิริยา 10 ตั้งแต่ ทานมัย ศีลมัย ภาวนามัย ไปจนครบ10 อย่าง

หัดละตัวตนอัตตา โดยการดื่มน้ำเยี่ยว คือ มูตร  พระพุทธเจ้าทรงเล็งพระญาณ ว่า น้ำมูตรให้คุณ นานาประการ

ทำจิต ทำใจ เปียร ไปติก ๆ คือ เพียร พยายาม  ไปให้   ถึงอนาคามีภูมิ คือ ผู้ไม่ สร้างบ้านเมือง คามนิคม เอาผัวเอาเมีย เพื่อสืบต่อเกิดลูก  สิ้นกามราคะ ไม่ยุ่งเพศ โนเซกส์ No sex


ฮาโมนี  คนหลวกแหลม     คนธัมมดา ที่ไม่ธัมมดา          ไม่ได้เป็น คนขี้ ๆ นะเนี่ย     แต่ แกล้งง่าว เท่านั้นเอง
IP : บันทึกการเข้า

หนานขี้อู้หำยาน : นายจิราวัฒน์  โสรัจพงศ์เกษม / หนานธง   อีเมล : k e n g k a b h e n g @ g m a i l . c o m    มือถือ  081 777  51 76
harmony
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 144


« ตอบ #9 เมื่อ: วันที่ 05 เมษายน 2014, 22:49:26 »

ไม่ได้แกล้งโง่ แต่โง่จรืง พูดถึงการลดอัตราตัวตน ทำให้นึกได้ ตอนฝึกใหม่ๆ
เข้าห้องน้ำ เอาสายชำระก้น ฉีดใส่ปากตัเอง รู้สึกขยะแขยงไหม
ทั้งๆ ที่มันเป็นน้ำที่มาจากแหล่งเดียวกัน เพียงแต่ก็อกน้ำมันต่างกัน
เขาให้ดูตรงความรู้สึก ดูตรงจิตที่มันปรุงแต่งความขยะแขยง กว่าจะดูเป็น
โง่ตั้งนาน แต่กินฉี่ตัวเองไม่เคยน๊ะ อัตตา ไม่ต้องไปรีบลดมันหรอก
ภาวนาให้ถูกวิธี เด๋วมันก็ลดเอง กินฉี่ตัวเอง เด๋วศาสนาผีมาเห็นเขาจะหัวเราะเอา
IP : บันทึกการเข้า
nantong
ปั๋น กั๋นฮู้ แล้วก่อยเอาไปกึ๊ดอ่าน กั๋น แหมกำ อาจมีผิดถูก ฯ
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,579



« ตอบ #10 เมื่อ: วันที่ 06 เมษายน 2014, 18:36:29 »

ไหว้สา พระธัมม์  สายบุญ

คนบ้า มักไม่รู้ตัว ว่า ตนบ้า     คนโง่ มักโกรธ  หากมีคนว่าตนง่าว   

 แต่  คนบ้า  คนง่าว ที่ยังรู้ตัว ยอมรับตัวตน  ถึงยังมีอัตตาตัวตนอยู่ อย่างหนา  พวกนี้  ค่อยยังดี  ดีกว่าค่อยยังชั่ว  ยังไม่รู้สึกตัว ว่า บ้า ว่า ง่าว

เขาเหล่านี้ คือ  คนผู้มีโอกาสพัฒนา ไปสู่ ความเป็น นักปราชญ์  ชาติบัณฑิต ได้       

  ทว่า  ต้องลดละ อัตตา มานะตน  ลดมิจฉาทิฏฐิ  อันใดไม่ใช่ วิสัย วิถี ของ นักธัมมะ ที่ดี  ต้องฝึกฝีน ลดละ ทิ้งขว้างออกไป อาสัยอิทธิบาท 4 มีความวิริยะ อุตสาหะ เพียร พยายาม คำเมืองว่า เปียนไปติกๆ

เหมือน คนขนมีด ขนพร้า คน ฝนทั่งให้เป็นเข็ม   
         
ใช้สติ ปัญญาทางธัมมะ มาให้ จิตคิดบวก   กำกึ๊ดดี    เหล็กจี  เป๋น พร้าโต้        กำกึ๊ดโล้   พร้าโต้  เป๋น เหล็กจี

การกินมูตร ไม่ใช่สิ่งน่าอาย อย่าได้แคร์ ศาสนาใดๆ  จงสัทธา ใน การตรัสรู้ ของ พระสัพพัญญู สัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งปวง ท่านทรงเล็งพระพุทธญาณ ว่า ดี

พระบวชใหม่ อุปัชฌายะ คือ ผู้รับผู้บวชให้เข้าหมู่ภิกษุ ท่านจะบอกให้ ตั้งแต่ยังไม่ออกจากโบสถ์ ว่า  จง ทำสิ่งเหล่านี้ มี

  ฉันยาดองน้ำมูตร / อยู่ป่าเขาโคนไม้ / ออกกุมบาตรเพื่อหาอาหารการกินขบฉัน / ใช้ผ้านุ่งห่มจากที่เขาทิ้งแล้ว หรือ ผ้ารีไซเคิล ผ้าไตรเก่าผ่านการใช้งานมาก่อน ก็อาจอนุโลมเป็นไปได้

แม้น กินคูตร คือ ขี้ พระพุทธเจ้า ยังทรงแนะนำ นักบวชที่โดนงูพิษขบกัด ฉันเป็นยา แต่ ต้องอย่าให้อุจจาระ ตกถึงพื้น    ยิงฟันยิ้ม   

สาธุ ๆ ๆ  อนุโมทามิ
IP : บันทึกการเข้า

หนานขี้อู้หำยาน : นายจิราวัฒน์  โสรัจพงศ์เกษม / หนานธง   อีเมล : k e n g k a b h e n g @ g m a i l . c o m    มือถือ  081 777  51 76
nantong
ปั๋น กั๋นฮู้ แล้วก่อยเอาไปกึ๊ดอ่าน กั๋น แหมกำ อาจมีผิดถูก ฯ
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,579



« ตอบ #11 เมื่อ: วันที่ 09 เมษายน 2014, 22:18:46 »

ไหว้สา พระธัมม์ สายบุญ

พระอนาคามี ดับเวทนาทางกาย ออกจากจิตใจได้  นอกจาก ดับราคะได้แล้ว โดยเด็ดขาด

พระอาจารย์เกษมเพชรบูรณ์ ท่านว่ามา พระอนาคามี แม้นกายจะเจ็บปวดเมื่อย ก็ไม่ทำให้ใจ ของ ท่านหงุดหงิดจากเวทนาปวดนั้น 

แต่ สกิทาคามี ลงมาโสดาบัน  กัลยาณชน ปุถุชน จน อันธพาลชน ลำดับต่ำลงมา ๆ หาได้ ดับเวทนา  ดับกามราคะได้อย่าง อนาคามีบุคคล


สาธุ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 21 เมษายน 2014, 17:51:07 โดย nantong » IP : บันทึกการเข้า

หนานขี้อู้หำยาน : นายจิราวัฒน์  โสรัจพงศ์เกษม / หนานธง   อีเมล : k e n g k a b h e n g @ g m a i l . c o m    มือถือ  081 777  51 76
automan3
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,004


สุขใจไปวันๆ


« ตอบ #12 เมื่อ: วันที่ 15 มิถุนายน 2014, 22:42:51 »

 ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ดับง่ายๆ เอายางวงมา2เส้นต่อกันเวลาอยากมีกามราคะเอามือขวาจับยางวงด้านนึงเอามือซ้ายจับด้านนึงยืดให้สุด เล็งมือขวาไปที่หัวจรวดปล่อยมือซ้าย กามราคะดับวูบทันที ไม่เชื่อลองดูซิ ยิ้มเท่ห์ ตกใจ ยิ้มกว้างๆ
IP : บันทึกการเข้า

การเมืองไม่ยุ่ง การมุ้งไม่เกี่ยว เฮฮาลูกเดียวสบายใจ
chaplainbalm
magdafVE
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 19



« ตอบ #13 เมื่อ: วันที่ 30 สิงหาคม 2014, 20:51:08 »

พึ่งเข้าใหม่ขออนุญาตตอบด้วยคนครับ
วิธีดับกามตามหลักของพระนักปฏิบัติท่านมีวิธีปฏิบัติกรรมฐานอยู่ 40 วิธี สาเหตุที่มีหลากหลายเพราะว่าคนเรามีจริตซึ่งเป็นลักษณะทางใจของคนไม่เหมือนกันครับ อย่างที่เจ้าของกระทู้พูดถึงตัวเองนั่นแหละครับ วิธีสำหรับคนราคจริต (มักกำหนัดในกาม) คือ การเพ่งอสุภะ ซึ่งเป็นพวกซากศพต่าง ๆ สภาพตั้งแต่ตายแล้ว ขึ้นอืด หนอนชอนไช ฯลฯ จนถึงร่างกระดูก
ทุกวันนี้คงจะหาดูยาก แต่เราสามารถใช้โลกไซเบอร์ให้เป็นประโยชน์ครับ ค้นหารูปที่เป็นอสุภะ พวกซากศพต่าง ๆ มาไว้ดูเยอะ ๆ (แทนภาพวาบหวิวอ่ะนะ)  ดูทุกวันให้ชินตา หลับตาเห็น ลืมตาเห็น จนเห็นว่าเป็นสิ่งไม่งาม  พระนักปฏิบัติบางท่านเพ่งจนมองเห็นคนเดินผ่านไปมาเป็นซากศพ ไม่ได้สนใจว่าเป็นหญิงหรือชายครับ
โดยหลักการแล้ว การมองให้เห็นเป็นของไม่สวยไม่งามจนชินตาตามวิธีนี้ก็เพื่อให้ใจเราคุ้นชิน จะได้ไม่เผลอไปหลงไหลในความสวยงามครับ

สุดท้าย  คนที่จะตัดกามได้เด็ดขาดต้องบรรลุธรรมถึงขั้นอนาคามี (อริยบุคคลขั้นที่ 3 รองจากพระอรหันต์) แม้บรรลุเป็นพระโสดาบัน พระสกทาคามี ก็ยังตัดกามไม่ได้นะครับ แต่ท่านจะไม่ประพฤติผิดในกามเด็ดขาดเพราะท่านมีศีลสมบูรณ์แล้ว

อีกข้อหนึ่ง โลกมนุษย์เราจัดเป็นกามภูมิ เป็นภูมิที่ชอบสนุกสาน รวมถึงเรื่องกามด้วย เป็นปกติวิสัยของคนทั่วไป อย่าซีเรียสมากครับ เพียงแต่อย่าหลงไปผิดศีลข้อ ๓ ประพฤติผิดในกามก็พอ ขอให้มีความสำรวมในกาม คือพอใจอยู่กับคู่ของเราก็พอครับ
IP : บันทึกการเข้า

nantong
ปั๋น กั๋นฮู้ แล้วก่อยเอาไปกึ๊ดอ่าน กั๋น แหมกำ อาจมีผิดถูก ฯ
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,579



« ตอบ #14 เมื่อ: วันที่ 31 สิงหาคม 2014, 18:04:14 »

ไหว้สา พระธัมมวินัย  สายบุญ

chaplainbalm & หนานธง

พึ่งเข้าใหม่ขออนุญาตตอบด้วยคนครับ

วิธีดับกามตามหลักของพระนักปฏิบัติท่านมีวิธีปฏิบัติกรรมฐานอยู่ 40 วิธี

สาเหตุที่มีหลากหลายเพราะว่าคนเรามีจริตซึ่งเป็นลักษณะทางใจของคนไม่เหมือนกันครับ อย่างที่เจ้าของกระทู้พูดถึงตัวเองนั่นแหละครับ
วิธีสำหรับคนราคจริต (มักกำหนัดในกาม) คือ การเพ่งอสุภะ ซึ่งเป็นพวกซากศพต่าง ๆ สภาพตั้งแต่ตายแล้ว ขึ้นอืด หนอนชอนไช ฯลฯ จนถึงร่างกระดูก

ทุกวันนี้คงจะหาดูยาก แต่เราสามารถใช้โลกไซเบอร์ให้เป็นประโยชน์ครับ ค้นหารูปที่เป็นอสุภะ พวกซากศพต่าง ๆ มาไว้ดูเยอะ ๆ (แทนภาพวาบหวิวอ่ะนะ)  ดูทุกวันให้ชินตา หลับตาเห็น ลืมตาเห็น จนเห็นว่าเป็นสิ่งไม่งาม  พระนักปฏิบัติบางท่านเพ่งจนมองเห็นคนเดินผ่านไปมาเป็นซากศพ ไม่ได้สนใจว่าเป็นหญิงหรือชายครับ

โดยหลักการแล้ว การมองให้เห็นเป็นของไม่สวยไม่งามจนชินตาตามวิธีนี้ก็เพื่อให้ใจเราคุ้นชิน จะได้ไม่เผลอไปหลงไหลในความสวยงามครับ

สุดท้าย  คนที่จะตัดกามได้เด็ดขาดต้องบรรลุธรรมถึงขั้นอนาคามี (อริยบุคคลขั้นที่ 3 รองจากพระอรหันต์) แม้บรรลุเป็นพระโสดาบัน พระสกทาคามี ก็ยังตัดกามไม่ได้นะครับ แต่ท่านจะไม่ประพฤติผิดในกามเด็ดขาดเพราะท่านมีศีลสมบูรณ์แล้ว

อีกข้อหนึ่ง โลกมนุษย์เราจัดเป็นกามภูมิ เป็นภูมิที่ชอบสนุกสาน รวมถึงเรื่องกามด้วย เป็นปกติวิสัยของคนทั่วไป อย่าซีเรียสมากครับ เพียงแต่อย่าหลงไปผิดศีลข้อ ๓ ประพฤติผิดในกามก็พอ ขอให้มีความสำรวมในกาม คือพอใจอยู่กับคู่ของเราก็พอครับ



                   ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑


สาธุ ๆ ๆ อนุโมทามิ กับ ธัมมทาน ของ สายบุญท่านนี้ครับ  ธัมมสัปปายะ ว่าแบบสบาย ๆ ง่ายดี



IP : บันทึกการเข้า

หนานขี้อู้หำยาน : นายจิราวัฒน์  โสรัจพงศ์เกษม / หนานธง   อีเมล : k e n g k a b h e n g @ g m a i l . c o m    มือถือ  081 777  51 76
naylex
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,993



« ตอบ #15 เมื่อ: วันที่ 10 กันยายน 2014, 10:49:15 »

ฟังหลวงพ่อปราโมทย์ เทศน์ ท่านว่า อย่าระงับกิเลส แต่ให้มีสติ เห็นตัวกิเลส
เห็นมันตามหลักไตรลักษณ์ คือ
เห็นว่ากิเลสเกิดมา ตั้งอยู่ ดับไป เป็นอนิจจัง
เห็นทุกข์ที่เกิดจากกิเลสเป็นเหตุ
เห็นความไม่คงทนของกิเลส เป็นอนัตตา

เห็นมันไปอย่างนั้น อย่าอยากจะดับมัน หรือ ฝืนใจระงับมัน เพราะไม่เพียงแต่จะไร้ผล กลับยิ่งเพิ่มกิเลส
ให้เห็นมัน คอยดูมัน ขณะที่เราเห็นและดูมันนั้น เราจะอยู่ในกรรมฐาน คือวิปัสสนากรรมฐาน
ขณะนั้นเราจะไม่หลงไปกับกิเลส คือระงับกิเลสเฉพาะตัวที่เราเห็นแบบอัตโนมัติ
เป็นการระงับที่เกิดขึ้นเอง ไม่ได้เป็นการบังคับกาย บังคับใจให้ระงับ
เมื่อเราเห็นกิเลสที่เกิดขึ้น เห็นมันตามหลักไตรลักษณ์
เชื่อว่าจะเกิดปัญญา เป็นปัญญาที่สามารถชนะกิเลสได้จริง แม้ไม้ถาวร แต่ก็ได้ชนะบ้างเป็นครั้งๆไป

ผิดถูกประการใดขออภัย และขอผู้รู้เพิ่มเติมด้วยครับ ยิ้มกว้างๆ ยิ้มกว้างๆ ยิ้มกว้างๆ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 10 กันยายน 2014, 11:05:36 โดย naylex » IP : บันทึกการเข้า

ปรารถนาสารพัดในปฐพี เอาไมตรีแลกได้ดั่งใจจง
PhotoMaster
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 688



« ตอบ #16 เมื่อ: วันที่ 10 กันยายน 2014, 14:45:21 »

ฝืนอะไรก็ฝืนไปอย่าไปฝืนธรรมชาติ ดูผู้เฒ่าผู้แก่เป็นตัวอย่าง เค้ายังไม่ฝืนทนเลย ถึงได้มีเราๆในทุกวันนี้ ถ้า ปู่ย่าเราฝืนธรรมชาติช้อนี้ก็คงไม่มีเรา ในวันนี้หรอก  ถ้ามันมีอารมมากๆก็ไปเตะบอลครับ เค้าบอกว่าข้อนี้ถูกต้องที่สุด

 ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า

จองปากเปล่า ได้ปากแตก
nantong
ปั๋น กั๋นฮู้ แล้วก่อยเอาไปกึ๊ดอ่าน กั๋น แหมกำ อาจมีผิดถูก ฯ
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,579



« ตอบ #17 เมื่อ: วันที่ 10 กันยายน 2014, 16:20:47 »

ไหว้สา  พระธัมมวินัย  สายบุญ

ธัมมชาติ ของ คน ไม่ต่างจากเดรัจฉาน มี กิน ขี้ ปี้ นอน เหมือนกัน  แต่  คนมีความแตกต่าง คือ การมี ที่ มากกว่าสัญชาตญาณ

พระพุทธศาสนาเกิดขึ้นมา  มีส่วนให้คนเราได้รู้จักการทวนกระแสโลก  แต่  พระพุทธธัมมะ ก็มีลำดับธัมมสัปปายะ  ความรู้แบบสบาย ๆ ตามลำดับ  ลำดับธัมมะให้ได้จดจำทำตามแต่วาสนาปารมี

คนวัด ก็จัดบทหนักกว่าคนบ้าน  ให้ได้ไปจดจำ ทำเอา

อย่าง คนวัดนักบวชเอาเมียปาราชิก  คนบ้านเอาเมียได้  เอาหลายคนก็ได้  แต่ต้องทำอย่างดี  อย่างงาม  อย่างถูกต้อง  อย่างสมควร  ทั้งทางโลก  ทางธัมมะ





IP : บันทึกการเข้า

หนานขี้อู้หำยาน : นายจิราวัฒน์  โสรัจพงศ์เกษม / หนานธง   อีเมล : k e n g k a b h e n g @ g m a i l . c o m    มือถือ  081 777  51 76
ร้อยป่า
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,864



« ตอบ #18 เมื่อ: วันที่ 10 กันยายน 2014, 17:54:28 »

เครื่องดับไฟราคะ / Extinguish the great fire of lust.

*I am burning with sensual lust, my mind is engulfed by fire. Please tell me how to extinguish it, out of compassion, 0 Gotama.
ข้าพเจ้าเร่าร้อนเพราะกามราคะ จิตของข้าพเจ้ารุ่มร้อน ขอท่านจงบอกวิธีเป็นเครื่องดับราคะ เพื่ออนุเคราะห์แก่ข้าพเจ้าด้วยเถิด ท่านผู้โคดม ฯ

"It is through an inversion of perception; That your mind is engulfed by fire.   Turn away from the sign of beauty; Provocative of sensual lust.   See formations as alien, as suffering, not as self. Extinguish the great fire of lust; Don't burn up again and again.'
Develop the mind on foulness;  One-pointed, well concentrated;  Apply your mindfulness to the body; Be engrossed in revulsion. Develop meditation on the signless, and discard the tendency to conceit. Then, by breaking through conceit; You will be one who fares at peace."
จิตของท่านรุ่มร้อน เพราะสัญญาอันวิปลาส ท่านจงละเว้นนิมิตอันสวยงาม อันเป็นที่ตั้งแห่งราคะเสียท่านจงดับราคะอันแรงกล้า  ท่านจงอย่าถูกราคะเผาผลาญบ่อยๆ ท่านจงเจริญจิตในอสุภกัมมัฏฐาน ให้เป็นจิตมีอารมณ์เป็นอันเดียวตั้งมั่นด้วยดีเถิดท่านจงเห็นสังขารทั้งหลาย โดยความเป็นของแปรปรวน     เห็นสังขารโดยเป็นทุกข์และอย่าเห็นโดยความเป็นตน   ท่านจงมีกายคตาสติ ท่านจงเป็นผู้มากด้วยความหน่าย     ท่านจงเจริญความไม่มีนิมิต และจงถอนมานานุสัยเสีย   เพราะการรู้เท่าถึงมานะ ท่านจักเป็นผู้สงบระงับเที่ยวไป  ฯ

Saññāya vipariyesā cittaṃ te pariḍayhati, Nimittaṃ parivajjehi subhaṃ rāgūpasaṃhitaṃ. Saṅkhāre parato passa dukkhato mā ca attato, Nibbāpehimahārāgaṃ mā ḍayhittho punappunaṃ. Asubhāya cittaṃ bhāvehi ekaggaṃ susamāhitaṃ, Sati kāyagatā tyatthu nibbidābahulo bhava. Animittañca bhāvehimānānusayamujjaha, Tato mānābhisamayā upasanto carissasīti.

[๗/๗๓๗] สญฺญายวิปริเยสา         จิตฺตนฺเต ปริฑยฺหติ   นิมิตฺตํ  ปริวชฺเชหิ          สุภํ  ราคูปสญฺหิตํ     สงฺขาเร ปรโต ปสฺส       ทุกฺขโต  มา  จ  อตฺตโต   นิพฺพาเปหิ  มหาราคํ     มา  ฑยฺหิตฺโถ ปุนปฺปุนนํ     อสุภาย  จิตฺตํ  ภาเวหิ    เอกคฺคํ   สุสมาหิตํ    สติ  กายคตา  ตฺยตฺถุ     นิพฺพิทาพหุโล  ภว     อนิมิตฺตญฺจ ภาเวหิ         มานานุสยมุชฺชห     ตโต  มานาภิสมยา         อุปสนฺโต  จริสฺสสีติ ฯ         
IP : บันทึกการเข้า
ร้อยป่า
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,864



« ตอบ #19 เมื่อ: วันที่ 10 กันยายน 2014, 17:56:14 »

    ถ้าในประเด็นของวัยรุ่นแล้ว...วันรุ่นนั้นกำลังเป็นวัยที่อยากรู้
อยากเห็น อยากลอง เน้นไปทางด้านอารมณ์ของตน...มากกว่าเหตุผล
เป็นส่วนใหญ่..การที่เราจะทำให้เค้าเข้าใจในสิ่งต่างๆที่ถูกต้องได้นั้น
จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้อง แสดง พูด อธิบาย ยกตัวอย่างให้เค้าได้เห็น
จนเค้าเข้าใจถึง ทุกข์ โทษ ผลที่จะตามมาจากการกระทำของเขาเอง...
ให้ลึกลงไปสู่จิตใต้สำนึกของเขา
พูดแสดงให้เคัามองให้เห็นอนาคต...
ความเป็นจริงในชีวิตคู่..ถึงความเป็นไปได้..
ให้เค้านึกถึงบุญคุณของบิดามารดา ที่สู้อุสาหะเลี้ยงเค้า
เหล่านั้นมาจนเติบโต ถึงความลำบากตรากตรำทำงาน
ส่งเสียให้พวกเค้าเหล่านั้นได้ร่ำเรียนตำรับตำราวิชาความรู้ต่างๆ
ความรักที่บุพการีที่มีต่อบุตรของตน พรรณาให้ลงไปในแก่นลึกของหัวใจ
ในจิตใต้สำนึกแห่งความดีของเขา ให้เค้าได้รู้สึก สำนึก ในสิ่งที่ตนได้กระทำลงไป..
หากทำได้ ก็อาจจะสามารถทำให้เค้าเหล่านั้นได้เข้าใจได้บ้าง รักพ่อแม่ของตนขึ้นบ้าง
รักตนเอง เห็นทุกข์ โทษ ประโยชน์ที่จะได้รับ เห็นอนาคตของตน
เห็นโลกตามความเป็นจริง....เห็นชึวิตทุกชีวิตมีค่า...
หากพวกเค้าเหล่านั้นเข้าใจ และทำได้ ปัญหาต่างๆเหล่านี้ก็จะเบาบางลง.....

   หากในแง่ของนักบวชแล้ว ท่านก็จะมีกรรฐานของท่านในการฝึก่ต่อสู้กับสิ่งเหล่านี้ครับ
ไม่ว่านะเป็นอสุภะกรรฐาน การมีสติกำหนดรู้ต่ออายตนะภายนอกที่มากระทบควบคุมจิต
ไม่ให้ยินดี ยินร้ายในการ เห็นรูป ฟังเสียง ดมกลิ่น ลิ้มรส ถูกต้องสัมผัส อารมณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นกับจิต เมื่อกระทำบ่อยเข้า เจริญมากเข้า ก็จะเห็นทุกข์ โทษ ความไม่สวย ไม่งาม เห็นสภาวะตามความเป็นจริง ของร่างกาย ความไม่จีรังยั่งยึน
จนเห็นในพระไตรลักษ์ ความไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่ใช่ตัวตน ตอนอัตตาความเป็นตัวตน
ของตนของตนเองได้ ก็จะทำให้กิเลส ราคะนี้ เบาบางลง หรือหมดไป......
IP : บันทึกการเข้า
หน้า: [1] พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!