เป็นอีกหนึ่งสถาบันที่มุ่งช่วยเหลือผู้รักการเกษตร องค์กรใดมีการฝึกอบรมแก่บุคคลากรบ่อยๆ ถึงแม้จะเสียงบประมาณ แต่จะมีผลทำให้องค์กรมีประสิทธิภาพอย่างเห็นได้ชัดกว่าองค์กรที่ไม่ใส่ใจการพัฒนาบุคคลกร
ไปเรียนกัน ผมกลับเข้ามาอยู่ในชุมชนเห็นเลยว่า บุคคลากรในสาขาอาชีพชาวนายังไม่ได้พัฒนา ทำแบบเดิมที่เคยทำ ไม่กล้าเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เคยทำ กลัวผลผลิตไม่ได้ตามเป้าที่เคยได้ กลัวเป็นคนแปลก ฯลฯ ไม่กล้าลอง ไม่กล้าค้นคว้า จ้องจับผิด
ผมเห็นแนวทางของท่าน ว. ที่มีทุนให้นักวิจัยในแนวทางพุทธเศรษฐศาสตร์เพื่อมุ่งพัฒนาอาชีพเกษตรที่เป็นอาชีพหลักของประชากรของประเทศ เหมือนองค์กรที่มีหน่วยงาน ด้านวิจัยและพัฒนา(Research&Development)
ตอนนี้อยู่ที่ชาวนาจะสนใจใคร่รู้ละครับ ไปเรียนรับความรู้ แถมยังได้เพื่อน แลกเปลี่ยนความรู้ประสบการณ์ ตามที่ผมเคยผมได้เพื่อนมีคุณค่ามากนอกเหนือความรู้ที่เรียนมา
ไปเรียนกันนักๆ ไกลหน่อย จะได้รู้สึกมีคุณค่ามากกว่าได้มาง่ายๆ ดีกว่าที่มาอบรมให้ถึงที บางคนก็ไม่เอามาใช้ให้เป็นประโยชน์
ผมมีตัวอย่าง
ผมเคยไปพบอาจารย์ อดิศร ผู้ดูแลโครงการ ๑ไร่๑แสน ทางกันดารมากเป็นโคลนติดล้อ รถปาเจโร่ของลูกน้องเก่าเขาขับมาส่ง ขับมาเจอหลุมน้ำ เราเกรงใจเลย บอกกลับเถอะ มีรถขับตามหลังมาด้วย ก็วกกลับไปแล้ว คนที่ไปส่งเราเขาก็ดึงดัน ไปสิพี่ ทั้งที่เขาทำงานเป็นวิศวะใน ทศท. ไม่ใช่อาชีพเกษตร โชคดีที่เจอเพราะท่านจะอยู่เฉพาะวันพุธ พอไปเจอบ่นให้ท่านฟัง อาจารย์ท่านบอกว่า เป็นการคัดกรองผู้ที่สนใจจริงๆ ในระดับหนึ่ง เพราะไม่งั้นก็จะต้องคอยต้อนรับแขกมากมาย เออคงจะจริงของท่าน
ไว้จะเล่าข้อคิดที่ไปพบอาจารย์เพื่อเป็นการดันกระทู้ให้ และให้มีความน่าสนใจ คนที่ไปอบรมอะไรที่ไหน เอามาเล่ามาแบ่งปันกันเลยครับ
1 ไร่ 1 แสนแนวความคิดนี้เป็นไปได้จริง ๆ ใช่มั้ยครับ ตอนนี้ทำอยู่รึเปล่าผมอยากไปเรียนรู้มาก ๆ ครับ ในเนื้อที่ 1 ไร่ เป็นการแบ่งเอาพื้นที่จากที่มีอยู่กี่ไร่ก็ตามมาทำโดย ให้มีพื้นที่ทำนาข้าว (ใช้พันธุ์ข้าวหอมนิล) ขุดร่องลึกรอบแปลงนี้ โดยเอาดินมาทำคันกว้างรอบพื้นที่ 1 ไร่ที่แบ่งมานี้ใช้พื้นที่เป็น เล้าเป็ด สำหรับเป็ด 50ตัว กระต็อบที่พักอาศัยตลอดทำโครงการ พืชยืนต้นที่ปลูกเป็นหลักคือ ต้นมะรุม (เพื่อเป็นพืชเอนกประสงค์ กินและยาใช้รักษาโรคได้กว่า 300ชนิด ท่านบอก มีคนที่มาเข้าโครงการหายจากโรคที่เคยเป็นก่อนมาร่วมโครงการหลายคน)
ล้อมตาข่าย รอบพื้นที่ ปลูกพืชบนขอบคัน อยากกินหวาน ก็ปลูกอ้อย อยากกินขม ก็ปลูกสะเดา อยากเปรี้ยวก็ปลูกมะนาว อยากกินเผ็ดก็ปลูกพริก ปลูกทุกอย่างที่กิน กินทุกอย่างที่ปลูก เลี้ยงปลาดุก กบ กุ้งฝอย
ที่ปลูกไม่ได้คือรสเค็ม ต้องซื้อคือเกลือ ตลอดโครงการ ประมาณ 5เดือน ประมาณ 100บาท
งบที่ใช้ตลอดโครงการทั้งปรับที่ ใช้จ่ายบ้างก่อนจะมีรายได้อีก 50000บาท เสื้อผ้าไม่ต้องซื้อเอาจากที่มีในตู้มาใช้
ที่น่าสนใจคือ ระหว่างอยู่ในโครงการคือ ไม่มี วิทยุ หนังสือพิมพ์ ไฟฟ้าก็ไม่จำเป็น มือถือก็ไม่ต้องพูดถึง เพราะท่านให้เหตุผลว่าคงเคยได้ยินคำว่า
เสื่อผืนหมอนใบ มาแล้วว่ามาจากคนจีนที่ประสบผลสำเร็จในการสร้างฐานะจนเป็นปึกแผ่น
ปลูกพืชทุกอย่างที่อยากปลูก ทั้งเป็นอาหารเป็นยา ตลอดโครงการไม่ต้องจับจ่ายซื้อหาเพราะมีผัก ปลา กบ ไข่ ฯลฯ ที่ทำได้อยู่แล้ว
สร้างให้มีรายได้จากผลผลิตทุกวัน ลงบัญชีรายรับ รายจ่าย
มีการทำ อาหารปลาที่ใช้เป็นปุ๋ยได้แบบครบวงจร หลักการหลักๆ ก็เป็นอย่างนี้
แนวความคิด1 ไร่ 1 แสนนี้ ตามผมมองก็เป็นการปรับ หรือย่อส่วนเอาไร่นาสวนผสมลงมา แล้วเอาเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้ในการจัดการ ทำให้สามารถดูแลเอาใจใส่ได้ทั่วถึง เหมาะกับการใช้แรงงานภายในครอบครัว
ขออนุญาตยืมรูปจากข้อความที่คุณaeknea ลงไว้ในกระทู้อื่น ซึ่งจะมีในเอกสารที่รับแจกของโครงการ1 ไร่ 1 แสน ได้ดูเพิ่มเติม น่าจะช่วยทำให้เข้าใจง่ายขึ้นครับ
แต่จะให้ดีต้องเข้าอบรมเข้ม ชาวนาเฮาต้องมีการอบรม รับความรู้แนวคิดใหม่ๆ ที่หลากหลาย อาจไม่ตรงกับที่ต้องการก็ตาม