ขอบคุณทุกท่านที่แนะนำ
แห่มากันเต็มเลย
เหนื่อยจะอธิบาย
ขอชี้แจงในนี้ละกันนะครับ
B Wash เป็นดีเทลลิ่งเต็มระบบ
The Garage เป็นงานแว็กซ์ (เหมือนคาร์แคร์)
B Wash Car Detailing "ไม่"ใช่ร้านล้างรถเหมือนกับ คาร์แคร์ หรือ ล้างอัดฉีดเราแบ่งงานออกเป็น 4 งานหลักๆ (ตามรูป)
A. งานทำรถให้สวยถ้าเป็นรถเก่า คือ "งานฟื้นฟูสภาพ" (รวมถึงการแ้ก้ไขรอยขีดข่วนต่างๆ บนชั้นเคลียร์โค้ทด้วย)
ถ้าเป็นรถใหม่ คือการทำให้รถสวยขึ้น (กว่าป้ายแดงในโชว์รูม) คนส่วนใหญ่คิดว่า รถที่ออกจากโชว์รูม คือรถที่สวยที่สุด
"ไม่จริง" เราสามารถทำให้รถสวยกว่านั้นได้ ซึ่งอันนี้ไม่เกี่ยวกับการเคลือบแว็กซ์ให้รถเงาๆ นะครับ
ขั้นตอนนี้ คือการทำรถให้สวย (โดยยังไม่ต้องเคลือบ) ถ้าเจ้าของรถดูแลรักษาให้ดี ความสวยจะติดกับตัวรถไปตลอด
B. งานปกป้องคือขั้นตอนการ "ปกป้องรถ" ที่ไ้ด้ผ่านการทำให้สวยมาแล้ว
เพื่อให้ความสวยอยู่ทนนานที่สุด และปกป้องรถจากสิ่งต่างๆทึ่จะมาทำให้รถสวยน้อยลง หรือหมดความสวย
ปัจจุบันใช้วิธีการเคลือบแข็ง (Coating) ซึ่งเรารู้จักกันในนาม "เคลือบแก้ว" หรือ "เคลือบคริสตัล"
คือการเอาน้ำยาเคลือบที่มีส่วนผสมของซิลิก้า มาเคลือบผิวรถ
ซึ่งเมื่อเคลือบแล้วจะแข็ง,ใส คล้ายกับแก้ว ซึ่งมีความทนทานเป็นปี หรือหลายปี (แล้วแต่ยี่ห้อ) โดยไม่จำเป็นต้องเคลือบซ้ำ่บ่อยๆ
C. งานเสริมสวย (Make Up)คือการทำให้รถสวย ชั่วครั้งชั่วคราว ถ้าทำก็สวย ถ้าไม่ทำก็ไม่สวย เปรียบเหมือนกับการแต่งหน้า ทาปาก (Make Up)
ขั้นตอนนี้คือ "งานเคลือบแว็กซ์" เมื่อเคลือบเสร็จ รถก็สวย พอแว็กซ์หมด รถก็กลับไปเป็นเหมือนเดิม
*** แว็กซ์ส่วนใหญ่ มีส่วนช่วยปกป้องสีรถด้วยเช่นกัน
การเคลือบแว็กซ์นี้ ส่วนสำคัญคือชนิด,ยี่ห้อ ของแว็กซ์
แต่ที่สำคัญที่สุด คือเทคนิคการเคลือบ
แว็กซ์จะอยู่ ทน หรือไม่ทน อยู่ที่ "การเตรียมผิวให้สะอาด" แว็กซ์จะได้เกาะอยู่บนตัวรถ ไม่ใช่เกาะอยู่กับคราบสกปรกต่างๆ ที่ยังเหลือตกค้างอยู่ อีกประการคือ การล้างรถที่ถูกวิธี ด้วยแชมพู "สำหรับล้างรถที่เคลือบแว็กซ์ " เพื่อไม่ให้ชะล้างแว็กซ์ที่เคลือบไว้จนหมดจากการกัดของแชมพู
D. งานทำความสะอาด (ล้างรถ)ทีนี้ก็มาถึงงานที่เราๆท่านๆ คุ้นเคย คือ "งานล้างรถ" อันนี้อาจจะยาวหน่อย...
งานล้างรถของ B Wash จะทำให้
เฉพาะรถที่ผ่านขั้นตอนการปกป้อง (ฺB) หรือเคลือบแก้วไปแล้วเท่านั้น เพราะเป็นการล้างแบบ "Safe Wash" ซึ่งเป็นเทคนิคพิเศษเฉพาะของเรา เพื่อปกป้องตัวเคลือบ และทำให้รถของลูกค้าสวยงาม ยาวนานที่สุด และที่สำคัญ ป้องกันการเกิดรอยขนแมว (รอยขนแมว : เกิดจากการเช็ดรถในขณะที่มีฝุ่น หรือล้างรถที่ไม่ถูกวิธี)
งานล้างรถของ The Garage เราจะทำให้เฉพาะรถของสมาชิกที่คลือบแว็กซ์ไปแล้วเท่านั้น
การเป็นสมาิชิก ไม่ได้ยุ่งยาก ไม่ต้องเสียเงินสมัคร เพียงแต่ครั้งแรกที่ เ้ข้ารับบริการ ต้องเข้ารับบริการเคลือบรถก่อน ไม่ว่าจะเคลือบด้วยแว็กซ์ชนิดใดก็ตาม แค่นี้เราก็ถือว่าเป็นสมาชิกแล้ว ครั้งต่อๆไป สามารถกลับมาใช้บริการล้างรถ ได้ตามปกติ
เหตุผล คือ แชมพู (โฟม) ล้างรถ ของทางร้าน เป็นสูตรที่สั่งโรงงานทำขึ้นมาโดยเฉพาะ มีค่า pH 7 คือเป็นกลาง ไม่เป็นกรด ไม่เป็นด่าง เพื่อปกป้อง รถที่ผ่านการเคลือบ ทั้งเคลือบแก้วและเคลือบแว็กซ์ ให้ติดอยู่่กับรถให้นานที่สุด
ผมมั่นใจว่า กว่า 90 % ของร้านล้างรถทั่วไป ไม่สามารถตอบได้ว่าแชมพูที่ใช้ล้างรถให้ลูกค้ามีค่า pH เท่าไหร่ ?สำคัญหรือเวอร์ ?
สำหรับรถใช้งาน ที่ต้องการแค่้้ล้างให้ฝุ่นหมด เรื่องนี้ไม่สำคัญ
แต่สำหรับรถที่ผ่านการเคลือบ เพื่อให้รถสวยงาน เรื่องนี้สำคัญมาก
ผมพบว่า แชมพูล้างรถ ที่ร้านส่วนใหญ่ใช้ (แกลลอน 5 ลิตร หรือ 30 ลิตร) มีค่า pH มากกว่า 13 มันก็คือผงซักฟอกดีๆ นี่เอง เพียงแต่มาในรูปแบบของเหลว ผสมใส่เข้าไปในถัง อัดลม แล้วฉีดออกมาเป็นฟองขาวๆ ความเป็นจริง ไ่ม่ได้ต่างอะไรกับเอาผงซักฟอกมาล้างรถ
เมื่อมาล้างรถที่เคลือบแว็กซ์ จะไปเหลืออะไรล่ะครับ? ขนาด จาน ชาม เสื้อผ้า ที่มีคราบมัน ยังล้างได้สะอาดวิ๊งค์
นี่เป็นสาเหตุหนึ่ง ที่หลายคนบอกว่า แว็กซ์ไม่ทน และถ้าอยากให้รถสวยต้องเคลือบแว็กซ์บ่อยๆ หรือทุกสัปดาห์ เจ้าของร้านก็ยิ้ม สิครับ เพราะได้เงิน
อันที่จริงแล้ว แว็กซ์ที่มียี่ห้อ ส่วนใหญ่อยู่ได้เป็นเดือน (แว็กซ์บางตัว ถ้าล้างรถถูกวิธี อยู่ได้หลายเดือนครับ)
ด้วยเหตุนี้ เราจึง"ไม่"สามารถให้บริการล้างรถ ที่ไม่ได้เคลือบสีไว้ก่อน เพราะแชมพูของเราจะล้างรถเหล่านี้ให้สะอาดได้ยากมาก