เห็นว่าเจ้าของกระทู้ ลงทุนสมัครสมาชิก เพื่อเข้ามาสอบถาม ไม่น่าจะเป็นการเข้ามาโพสชง เพื่อรอให้คนมาตบ (ศัพท์เซปักตะกร้อ) ก็เลยขออนุญาตเพิ่มเติมรายละเอียดให้ เผื่อว่าจะเป็นประโยชน์กับท่านอื่นๆ ด้วย
เคลือบแก้วคืออะไร?เคลือบแก้วเป็นเทคโนโลยี การดูแลรักษาสีรถ ที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่เกิน 5 ปีที่ผ่านมา
โดยการเคลือบรถด้วยน้ำยาที่มีส่วนผสมของ ซิลิก้า ซึ่งเป็นแร่พื้นฐานที่ใช้ในการผลิตกระจกหรือแก้ว เคลือบไว้บนตัวรถทั้งคัน จึงเป็นที่มาของคำว่า “เคลือบ(ด้วย)แก้ว” ส่วนที่ว่าแต่ละยี่ห้อมีซิลิก้าผสมอยู่กี่เปอร์เซ็นต์นั่นว่ากันอีกที (ฮา)
ด้วยกระแสและตัวเลขที่เย้ายวนตั้งแต่หลักหลายหมื่น จนถึงหลักแสนบาท จึงทำให้ผู้ให้บริการหลายแห่ง สรรหามาให้บริการกับลูกค้าของตน แต่ปัญหาที่ตามมาคือ “เกิดอาการมั่ว” ทั้งโดยพ่อค้าขายน้ำยา และเจ้าของกิจการ
ถึงวันนี้ ผ่านมา 2-3 ปี ความจริงจึงเริ่มปรากฏว่า ส่วนใหญ่ ไม่เป็นไปตามคำโฆษณา เช่น ความแข็ง ความทนทาน การป้องกันรอย ฯลฯ กระแสการต่อต้าน และก่นด่าเคลือบแก้วจึงเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในกทม. ที่เริ่มให้บริการก่อนที่อื่นๆ
เกิดอะไรขึ้น?ผมมองว่าสาเหตุใหญ่ประการแรกคือการโฆษณาเกินจริง เช่น ป้องกันรอยขีดข่วนได้100% , มีความแข็งระดับ 9H
( ตามสเกลความแข็งของมอร์ ซึ่งแข็งเกือบๆเท่าเพชรเลยครับ), ทนทานนานหลายปี แต่พอเวลาผ่านไป ความจริงเริ่มปรากฏว่าไม่ใช่ เรื่องเหล่านี้จะโทษแต่เจ้าของกิจการเพียงฝ่ายเดียวก็ไม่ถูก เพราะตัวแทนขายน้ำยาหลายๆยี่ห้อ ก็มั่ว (สมัยที่ไม่ค่อยรู้เรื่อง ผมก็เคยโดนคนขายน้ำยาหลอกมาแล้วครับ)
สาเหตุเกิดจากใครก็แล้วแต่ เมื่อลูกค้าจ่ายเงินไปแล้วหลายหมื่น ทำยังไงล่ะทีนี้?
ประการต่อมาคือความชัดเจนของคำว่า “เคลือบ” คือที่เมืองไทย จะเคลือบแว็กซ์ หรือเคลือบแก้ว เราเรียกว่า “เคลือบ” หมด แต่ฝรั่งเค้าไม่ใช่ การเคลือบแว็กซ์ ฝรั่งเค้าจะใช้คำว่า “Wax the Car” แต่ถ้าเป็นเคลือบแก้ว เค้าจะเรียกว่า “Coat the car” ทีนี้พอเราใช้คำว่า “เคลือบ” รวมไปหมด ก็เลยมีการเอาแว็กซ์ต่างๆ มาเคลือบรถ แล้วก็รวมเรียกว่า “เคลือบแก้ว” กันมั่วไปหมด ผมขับรถไปต่างจังหวัด เคยเห็นป้ายเคลือบแก้วเริ่มต้น 150 บาท ก็มี
2-3 เดือนก่อน ผมเห็นที่แผนกประดับยนต์ในห้างแห่งหนึ่ง ติดป้ายขวด Meguiar’s #21 : Synthetic Sealant 2.0 ว่าน้ำยาเคลือบแก้ว !?! ขนาดนั้นกันเลยทีเดียว
นี่ยังไม่นับ ในงานกาชาดปีที่ผ่านมา เห็นว่า มีคนมาตั้งโต๊ะ แล้วก็เอาแว็กซ์ยี่ห้ออะไรไม่รู้ (เดาว่าคงจะกวนกันอยู่แถวคลองถม) เอามาขายเป็นน้ำยาเคลือบแก้ว กระปุกละพันกว่าบาท
เมื่อไม่นานมานี้ก็มีเพื่อนๆที่กทม. แจ้งมาอีกว่า เดี๋ยวนี้มีหลายๆร้านในกทม. เล่นเอาแลคเกอร์ (Clear Coat) ที่เค้าใช้พ่นรถ มาโฆษณาว่าเป็นเคลือบแก้วกันแล้ว
สรุปแล้วเคลือบแก้วดีหรือไม่?เคลือบแก้วที่เป็นซิลิก้าแท้ๆ ที่เคยเจอมา ผมพบว่า ทนทานจริงๆครับ เคลือบ(coat) ครั้งนึง อยู่ได้เป็นปีบางยี่ห้ออาจจะถึง 5 ปี สำหรับผู้ที่ไม่อยากเสียเวลาไปกับเคลือบรถบ่อยๆ ครั้งนึง 4-5 ชั่วโมง ผมว่าคุ้ม
หรือผู้ที่รักรถ อยากจะรักษาสีรถให้รถสวยไปนานๆ การเคลือบก็จะช่วยให้ดูแลรถง่ายขึ้น ลดโอกาสการเกิดริ้วรอยบนรถได้
ส่วนเรื่องการเคลือบแก้วแบบอื่น เช่น การเอาแว็กซ์มาเคลือบแล้วเรียกว่า "เคลือบฟิล์มแก้ว" บ้าง การพ่นด้วยน้ำยาชนิดอื่นเช่นโพลิเมอร์ แล้วเรียกว่า " เคลือบแข็ง" บ้าง
อันนั้นผมไม่มีความเห็นครับ
ทั้งหมดนี้ เป็นความคิดเห็นส่วนตัว
ซึ่งเกิดจากประสบการณ์การเคลือบแก้วสำหรับรถที่ใช้งานและอยู่ในสภาวะแวดล้อมและสภาพภูมิอากาศที่เชียงรายกว่า 100 คัน
รวมถึงความรู้ที่ได้จากการแลกเปลี่ยนกับ Detailer ทั่วโลกใน Detailing World (ชุมชนสำหรับการแลกเปลี่ยนความรู้ของ Detailer จากทั่วโลก)
อถ้าท่านใดเห็นว่า มีเรื่องใดไม่จริงในประเด็นใด ผมยินดีรับฟังและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นจากทุกท่านครับ