เมื่อคิดจะเลี้ยงงูสักตัวต้องทำอย่างไร?ปัจจุบันการเลี้ยงสัตว์ของคนสมัยนี้ไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะ สุนัข, แมว, นก หรือ ปลา เท่านั้น เพราะในขณะนี้สัตว์เลื้อยคลานได้ก้าวเข้ามาอยู่ในบ้านของเราในรูปของสัตว์เลี้ยงกันมากขึ้น สังเกตได้จากบรรดาร้านขายสัตว์เลี้ยงแบบแปลกๆ ได้ผุดขึ้นราวกับดอกเห็ด และหนึ่งในบรรดาสัตว์เลื้อยคลานที่คนส่วนมากรังเกียจนั่นก็คืองูนั่นเอง แต่ก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่หลงไหลเสน่ห์และความงดงามที่ซ่อนอยู่ในความน่ากลัวและลึกลับของงู จึงไม่แปลกที่คนเหล่านั้น ยอมควักกระเป๋าจ่ายเงินเพื่อให้ได้ตัวงูเหล่านั้นกลับมาเชยชมที่บ้าน แต่เรื่องมันไม่ได้จบง่ายๆอย่างนั้น ปัญหาต่างๆจะตามมาอีกมากหากไม่มีการเตรียมตัวเตรียมใจก่อนตัดสินใจเลี้ยง
งูเป็นสัตว์ที่กินสัตว์อื่นเป็นอาหาร- เชื่อหรือไม่? ว่าบางคนซื้องูมาโดยที่ไม่รู้ว่ามันกินอะไรเป็นอาหารแล้วพยายามบังคับให้มันกินผัก อันนี้เกิดขึ้นจริง เพื่อนของผมท่านหนึ่งได้ไปพบคนที่กำลังพยายามยัดแตงกวาใส่ปาก ball python (คิดได้ไงเนี้ย) ความจริงแล้วงูทุกชนิดกินสัตว์เป็นอาหารไม่มีแม้แต่ชนิดเดียวเลยที่กินพืช ซึ่งงูแต่ละชนิดก็มีความชอบอาหารแตกต่างกันไป เช่น ball python ชอบกินหนู , งูเขียวปากจิ้งจก ชอบกินจิ้งจกและสัตว์เลื้อยคลานขนาดเล็ก , งูน้ำต่างๆ ชอบกินปลา หรือ งูจงอาง ชอบกินงูด้วยกันเป็นอาหาร เพราะฉะนั้นการศึกษานิสัยการกินอาหารและอาหารของงูชนิดที่ท่านสนใจก่อนนำมาเลี้ยงจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ โดยส่วนมากแล้วงูมักจะชอบกินเหยื่อที่มีชีวิต อาจดูแล้วโหดร้ายไปบ้างแต่มันเป็นเรื่องของธรรมชาติ หากท่านทำใจรับในจุดนี้ไม่ได้ก็ไม่ควรเลี้ยงงู งูบางชนิดสามารถฝึกให้กินชิ้นส่วนของสัตว์เช่น น่องไก่,เนื้อไก่ ฯลฯ ถึงแม้ว่างูจะยอมกินอาหารดังกล่าวโดยสมัครใจ แต่ก็ไม่เป็นการดีต่อสุขภาพของงูในระยะยาวเพราะจะทำให้งูขาดสารอาหารและวิตามินบางชนิด ส่งผลให้เกิดโรคได้ในเวลาต่อมา ดังนั้นการให้งูกินอาหารที่เป็นสัตว์ทั้งตัวจะเป็นการดีกว่า หรือถ้ามีความจำเป็นต้องให้งูกินชิ้นส่วนของสัตว์ก็ควรให้สัตว์ทั้งตัวบ้างอย่างน้อยเดือนละครั้ง เพื่อไม่ให้งูขาดสารอาหาร
งูบางชนิดมีพิษ- ก่อนที่จะรับงูเข้ามาเลี้ยงควรศึกษาก่อนว่างูชนิดที่ท่านสนใจนั้น เป็นงูที่มีพิษหรือไม่ ถ้ามีพิษแล้วพิษนั้นมีผลอย่างไรต่อร่างกายมนุษย์ ระดับความรุนแรงของพิษเป็นเช่นไร เพราะคำว่ามีพิษนั้นสามารถแบ่งได้หลายระดับ คือ พิษอ่อนไม่อันตราย,พิษอ่อนอันตราย,พิษรุนแรงถึงชีวิต การเลี้ยงงูที่มีพิษนั้นไม่เท่เลยแม้แต่น้อย ไม่ใช่ว่าเลี้ยงงูพิษแล้วจะเป็นยอดมนุษย์หรือเจ๋งกว่าคนอื่น หากไม่มีความจำเป็นก็อย่าเลยดีกว่า เพราะไม่ใช่ท่านคนเดียวที่เสี่ยงอันตรายแต่บุคลในครอบครัวอันเป็นที่รักของท่านก็เสี่ยงอันตรายด้วยเช่นกัน เลี้ยงงูที่ไม่มีพิษดีกว่าเพราะถ้าพลาดพลั้งโดนกัดก็ไม่ถึงตาย ถ้าจะตายก็คงเพราะตกใจจนหัวใจวายตายมากกว่า ยังมีงูไม่มีพิษที่สวยๆให้ท่านเลือกเลี้ยงอีกมากมาย ศึกษาไว้ก่อนเป็นดีครับ
งูแต่ละชนิดมีขนาดไม่เท่ากัน- งูบางชนิดมีขนาดใหญ่มาก บางชนิดก็เล็กเท่าไส้ปากกาลูกลื่น ต้องถามตัวเองก่อนว่างูขนาดแค่ไหนจึงจะเหมาะกับท่าน ไม่ใช่ว่าอาศัยอยู่ในอพาทเมนท์เล็กๆแล้วเลี้ยงงูหลามตัวเบ้อเริ้มอันนี้ก็ลำบากทั้งงูลำบากทั้งเจ้าของ ดังนั้นการเลือกขนาดของงูที่เหมาะสมกับท่านจึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม
บุคคลรอบข้าง- มีคนจำนวนไม่น้อยที่ได้รับการปลูกฝังมาตั้งแต่เด็กว่างูเป็นสัตว์ร้ายน่ากลัวไม่ควรเข้าใกล้หากพบเมื่อไหร่จะต้องตายกันไปข้างนึง เป็นเรื่องที่น่าหนักใจสำหรับผู้ที่มีคนในบ้านเกลียดหรือกลัวงู ยิ่งถ้ายังเป็นผู้ที่อยู่ในวัยเรียนด้วยแล้วยิ่งหมดสิทธิ์ไปโดยปริยายเพราะ พ่อแม่ไม่อนุญาต แต่ก็ยังมีบางคนที่แอบเลี้ยง แต่ผมคิดว่าอย่างไรก็ตามการเลี้ยงแบบหลบๆซ่อนนั้นไม่มีความสุขเลย มิหนำซ้ำหากความแตกขึ้นมากรรมทั้งหมดก็จะตกอยู่ที่ตัวงูน้อยผู้โชคร้ายนั่นเอง ไม่ตายก็โดนบังคับเอาให้ไปปล่อย งูไม่ใช่สัตว์ที่เลวร้ายอย่างที่หลายๆคนคิดหากเราศึกษาดีๆจะพบว่ามีเรื่องที่น่าสนใจอีกมาก หากคนในบ้านไม่ยอมรับก็อย่าฝืนเลี้ยงเลยดีกว่าเพราะมันไม่มีความสุขนักกับการฟังเสียงบ่นทุกๆวันจริงไหมครับ แต่ถ้าใจรักจริงๆก็ขอให้เลี้ยงแบบไม่ให้ไปรบกวนคนที่กลัวงูจะเป็นการดีที่สุด สิ่งที่คนเลี้ยงงูไม่ควรทำคือ ไม่นำงูออกไปในที่สาธารณะโดยไม่จำเป็นเพราะจะทำให้คนตกใจกลัว เช่นเอางูคล้องคอขึ้นรถเมล์หรือเดินห้างเนี้ย ไม่ควรจริงๆครับ ไม่เท่เลย อีกอย่างนึง ไม่ควรเอางูไปหลอกคนที่กลัวงูโดยเด็ดขาด เพราะนั่นไม่ใช่วิสัยของคนรักงูครับและจะทำให้คนรอบข้างมีทัศนะคติที่แย่ๆกับงูมากขึ้น
สถานที่เลี้ยงงู- การจัดสถานที่เลี้ยงงูนั้นต้องคำนึงถึงขนาดและพฤติกรรมการดำรงชีวิตของงูชนิดนั้นๆด้วย เช่นเป็น งูพื้นดิน,งูต้นไม้,งูน้ำ ฯลฯ ตู้เลี้ยงงูนั้นอาจเป็นตู้พลาสติก หรือตู้กระจก ขนาดของตู้นั้นต้องสัมพันธ์กับขนาดของงูด้วย และจะต้องมีรูระบายอากาศที่ดี แต่ต้องแข็งแรงพอที่งูจะไม่สามารถมุดหรือดันออกมาได้ไม่งั้นงูหายแน่ๆครับ งูส่วนมากมีนิสัยขี้อาย มักหาที่หลบซ่อนเพื่อพรางตัวจากศัตรูและเหยื่อ ดังนั้นการนำงูมาเลี้ยงนั้นจำเป็นต้องทำที่ซ่อน อาจใช้กระถางต้นไม้แตกๆมาวางคว้ำไว้ให้มันซ่อนก็ได้เหมือนกัน กิ่งไม้ก็เป็นสิ่งที่ควรมีไว้เหมือนกัน นอกจากจะช่วยเป็นเครื่องประดับที่เลี้ยงแล้วยังเป็นที่ให้งูใช้สำหรับถูตัวเวลาลอกคราบได้อีกด้วย สิ่งที่ขาดไม่ได้อีกอย่างคือ ถ้วยสำหรับใส่น้ำให้งูดื่ม อาจใช้ถ้วยข้าวของสุนัขที่เป็นพลาสติกก็ได้ เพราะเมื่องูเลื้อยทับถ้วยน้ำ น้ำจะได้ไม่หกไงครับ
การดูแลทั่วไป- การดูแลงูโดยทั่วไปนั้นไม่ยุ่งยากอะไรเลย ไม่ต้องพาไปฉีดวัคซีน ไม่ต้องพาไปเดินเล่น ไม่ต้องแปรงขน ฯลฯ แค่เพียงนำออกมาอุ้มเล่นทุกๆวัน ครั้งละไม่นานนัก ยกเว้นตอนงู อิ่มๆและช่วงที่งูเข้าคราบ เพื่อสร้างความคุ้นเคย เก็บและทำความสะอาดทันทีเมื่อเห็นงูขับถ่ายออกมา เก็บคราบของงูที่ลอกแล้วไปทิ้ง อย่าปล่อยเอาไว้ในที่เลี้ยงงูเพราะอาจหมักหมมเป็นแหล่งเพาะเชื้อโรคได้ เปลี่ยนน้ำในถ้วยทุกวันเพราะงูมักจะชอบขับถ่ายใส่น้ำบ่อยๆ นำออกมาโดนแดดอ่อนๆในตอนเช้าบ้างเพื่อให้ระบบการย่อยอาหารของงูสมบูรณ์ ที่สำคัญอย่าลืมงูไว้กลางแดดเชียวประเดี๋ยวท่านจะได้งูแดดเดียวเป็นมื้อเที่ยงกันพอดี นำงูไปอาบน้ำเมื่อเห็นว่าตัวงูสกปรกเพราะงูอาจเลื้อยทับอุจาระของตัวเอง แต่ไม่ควรใช้สบู่ ให้ใช้น้ำสะอาดล้างก็พอ ล้างมือทุกครั้งทั้งก่อนและหลังสัมผัสงู เพราะในอุจาระของงูจะมีเชื้อแบคทีเรีย Salmonella ซึ่งหากเชื้อชนิดนี้เข้าสู่ร่างกายโดยการกิน( โดยไม่ตั้งใจอยู่แล้ว ใครจะไปกินขี้งู ) จะเป็นสาเหตุของอาการท้องร่วง โดยเฉพาะเด็กที่อายุต่ำกว่า 3 ขวบ , ผู้สูงอายุ และผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง จัดเป็นกลุ่มเสี่ยง ดังนั้นควรล้างมือให้สะอาดหลังจากสัมผัสงูตัวโปรดของท่านทุกครั้ง
Credit :
www.siamreptile.com