เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 16 เมษายน 2024, 23:55:01
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  คนเชียงราย สังคมเชียงราย (ผู้ดูแล: bm farm, [ตา-รา-บาว], zombie01, ۰•ฮักแม่จัน©®, ⒷⒼ*, ตาต้อม, nuifish, NOtis)
| | |-+  +++ถนน R3a ท่าเรือเชียงแสน 2 และโครงการสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 4+++
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: 1 2 3 4 [5] 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 พิมพ์
ผู้เขียน +++ถนน R3a ท่าเรือเชียงแสน 2 และโครงการสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 4+++  (อ่าน 152036 ครั้ง)
Krit_66
ผู้ดูแลบอร์ด
ระดับ :ป.โท
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,571



« ตอบ #80 เมื่อ: วันที่ 20 กันยายน 2010, 16:25:07 »

ช่วงนี้ถนนหนทางหลายแห่งก้อปรับปรุงเพื่อเตรียมตัวที่จะวิ่งไปเชื่อมกับ R3A พี่ๆน้องก้อทนๆหน่อยนะครับ
IP : บันทึกการเข้า

กระทู้ใครหายรบกวนเสียเวลาเข้ามาอ่านหน่อยครับ
กฏ กติกา ระเบียบ การใช้งานเว็บบอร์ดเชียงรายโฟกัสดอทคอม ประจำปี 2562- ปัจจุบัน
http://www.chiangraifocus.com/forums/readme.php
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,111


« ตอบ #81 เมื่อ: วันที่ 20 กันยายน 2010, 16:34:50 »

IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,111


« ตอบ #82 เมื่อ: วันที่ 02 ตุลาคม 2010, 18:15:35 »

IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,111


« ตอบ #83 เมื่อ: วันที่ 02 ตุลาคม 2010, 21:02:40 »

IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,111


« ตอบ #84 เมื่อ: วันที่ 05 ตุลาคม 2010, 12:41:44 »

 วันที่ 04 ตุลาคม พ.ศ. 2553 ปีที่ 34 ฉบับที่ 4250  ประชาชาติธุรกิจ


นักท่องเที่ยวจีนทะลัก'R3A'สู่ไทย ทัวร์จีนแห่ดัมพ์ราคาหน้าร้านรับตลาดโตก้าวกระโดด




 
นักท่องเที่ยวจีน-ไทยทะลักเส้นทาง อาร์สามเอ แนวโน้มพุ่งสูงถึงแสนคน ล่าสุดมณฑลหยุนหนานให้รางวัลคนจีนมาเที่ยวเมืองไทยเกือบหมื่นคน พร้อมจัดแพ็กเกจ เที่ยวเชียงราย-เชียงใหม่-กรุงเทพฯ-พัทยา ด้านทัวร์จีน "หย่าไทร์เอเชี่ยนทัวร์" ดัมพ์ราคาหน้าร้านรับตลาดทัวร์จีนใต้บูม


นายพงษ์ธร ชยาตุลชาต ประธานบริษัท หย่าไทร์เอเชี่ยนทัวร์ จำกัด และผู้อำนวยการศูนย์กระจายสินค้าและท่องเที่ยวสิบสองปันนา ประจำ จ.เชียงราย เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ภายหลังเกิดเหตุการณ์ทางการเมืองทำให้นักท่องเที่ยวจีนหยุดเดินทางมาท่องเที่ยวผ่านถนนอาร์สามเอไทย-สปป.ลาว-จีนตอนใต้ และนักท่องเที่ยวไทยที่เดินทางไปจีนตอนใต้ลดลงกว่า 30% ปัจจุบันสถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติแล้ว โดยคนจีนเดินทางผ่านถนนอาร์สามเอมากขึ้น และมีแนวโน้มว่าตั้งแต่เดือน ต.ค. 2553-เม.ย. 2554 จะเข้ามามากขึ้นเป็นประวัติการณ์ เพราะมณฑลหยุนหนานซึ่งอยู่ใกล้ จ.เชียงรายที่สุดมีโครงการส่งเสริมให้คนจีนลงมาเที่ยวประเทศไทย

"มณฑลหยุนหนานมีโครงการให้แต่ละหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ และเมืองต่าง ๆ แข่งขันทางด้านศิลปวัฒนธรรมและกีฬา พื้นบ้าน และให้รางวัลคนจีนเดินทางมาเยือน จ.เชียงราย เมืองละประมาณ 2,500 คน โดยมีข้อกำหนดให้เดินทางลงมาพักที่ จ.เชียงราย 1 คืน เชียงใหม่ 2 คืน จากนั้นไปกรุงเทพฯ-พัทยา รวมระยะเวลา 5 คืน 6 วัน ซึ่งในมณฑลหยุนหนานมี 5 เมืองใหญ่ จึงคาดว่าจะมีคนจีนเดินทางลงมาอีกไม่ต่ำกว่า 11,000-12,000 คน"

ทั้งนี้สถิติตั้งแต่เดือน ม.ค.-ส.ค. 2553 มีนักท่องเที่ยวคนไทยเดินทางด้วยรถยนต์ไปตามถนนอาร์สามเอโดยผ่านการบริการของศูนย์ 60,095 คน และข้อมูลจากด่านตรวจคนเข้าเมืองมีจำนวน 85,000 คน ส่วนคนจีนที่เดินทางลงมายัง จ.เชียงรายประมาณ 5,000 คน โดยผ่านการให้บริการของศูนย์ประมาณ 1,500 คน และแนวโน้มที่คนจีนจะทะลุถึงแสนคน

โครงการดังกล่าวช่วยลดอุปสรรคเรื่องการทำวีซ่าของคนจีนตอนใต้ ซึ่งที่ผ่านมาทำยากและต้องไปทำ ณ จุดเดียวที่เมือง คุนหมิง เมืองเอกของมณฑลหยุนหนานเท่านั้น ส่วนประเทศไทยเปิดกว้างให้คนจีนเข้ามาโดยใช้ระบบวีซ่าเมื่อมาถึงที่ด่านพรมแดน และ 1 ปีที่ผ่านมาจนถึงเดือน มี.ค. 2554 กระทรวงการต่างประเทศของไทยเปิดบริการให้คนจีนทำวีซ่าฟรี ซึ่งเดิมต้องเสียค่าใช้จ่ายรายละ 1,200 บาท

ส่วนกรณีของคนไทยที่เดินทางไปจีนนั้นก็ไม่มีอุปสรรคด้านการขอวีซ่า แม้ว่าในปัจจุบันค่าใช้จ่ายในการขอวีซ่าจากสถานทูตหรือสถานกงสุลใหญ่ของจีนที่ จ.เชียงใหม่จะสูง โดยคิดในอัตราขอวันเดียวได้เลย 2,200 บาท ขอ 2 วันได้ คิดค่าธรรมเนียม 1,800 บาท และ 4 วัน 1,000 บาท

นายพงษ์ธรกล่าวต่อว่า ความคึกคัก ดังกล่าว บริษัทได้ลดราคาค่าเดินทาง ท่องเที่ยวบนถนนอาร์สามเอ เส้นทาง อ.เชียงของ จ.เชียงราย-สปป.ลาว-จีนตอนใต้ ระยะเวลา 2 วัน 3 คืน หากมีผู้เดินทางตั้งแต่ 30 คนขึ้นไปคิดราคาคนละ 6,800 บาท และ 20 คน คิดราคา 7,000 บาท หากไม่เกิน 10 คน ราคา 7,500 บาท ส่วนระยะเวลา 3 วัน 4 คืน คิดราคา 7,800 บาท 8,000 บาท และ 8,500 บาท ตามลำดับ

หากเดินทางไปถึงสิบสองปันนา-คุนหมิง ระยะเวลา 5 คืน 6 วัน คิดราคา 13,000 บาท 13,500 บาท 14,000 บาท ตามลำดับ และหากเดินทางไปถึงคุนหมิง-ต้าลี่-ลี่เจียง ระยะเวลา 6 คืน 7 วัน คิดราคา 15,000 บาท 15,500 บาท 17,500 บาท ตามลำดับ ที่ผ่านมาทัวร์แบบ 3 วัน 4 คืนได้รับความนิยมที่สุด

นอกจากนี้ยังมีบริการทัวร์ราคาถูกเส้นทางในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงตอนบนอีกหลายเส้นทาง เช่น แม่สาย-เชียงตุง-เมืองลา (พม่า) เส้นทางผ่านถนนอาร์สามเอไปเมืองหลวงพระบาง สปป.ลาว

ทั้งนี้ราคาดังกล่าวเป็นราคาหน้าร้านเท่านั้น หากเป็นเอเย่นต์ก็สามารถเจรจากันได้อีก ปัจจุบันมีเอกชนหลายรายที่จัด โปรโมชั่นในลักษณะเดียวกัน ซึ่งราคาของบริษัทถือเป็นระดับกลาง และเพื่อรองรับ นักท่องเที่ยวจีนที่จะทะลักลงมา ได้เตรียมรถตู้นำเที่ยวระหว่างเส้นทางเชียงราย-เชียงใหม่ไว้แล้ว ค่าโดยสารไป-กลับคนละ 400 บาท ซึ่งนักท่องเที่ยวแวะเที่ยวที่โป่งน้ำร้อนและวัดเจดีย์หลวง อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย ได้ด้วย

นายพงษ์ธรกล่าวอีกว่า ขณะนี้บริษัทกำลังลงทุนเปิดจุดพักรถบัสตามรายทางอาร์สามเอ เพื่อรองรับสะพานข้ามแม่น้ำโขงเชื่อมระหว่างห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว กับ อ.เชียงของ จ.เชียงราย ซึ่งจะแล้วเสร็จในปี 2555 โดยจุดพักรถจะมีหลายจุด เช่น ที่ห้วยทราย หลวงน้ำทา นอกจากนี้ยังได้ประสานกับสถานีขนส่งผู้โดยสาร จ.เชียงราย แห่งที่ 2 เพื่อรองรับรถบัส ซึ่งเชื่อมการโดยสารบนถนนสายคุนหมิง-กรุงเทพฯ หรือคุน-มั่นกงลู่

หน้า 24
 
http://www.prachachat.net/view_news.php?newsid=02phu04041053&sectionid=0211&day=2010-10-04
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,111


« ตอบ #85 เมื่อ: วันที่ 08 พฤศจิกายน 2010, 11:09:07 »


เชียงราย - กรมทางหลวงเริ่มเดินเครื่องสร้างสะพานข้ามโขง 4 เชื่อมชายแดนเชียงรายเข้ากับเส้นทาง R3a แล้ว คาดตอกเสาเข็มเล่มแรกมกราคม 54 ล่าสุดจ่ายเงินเวนคืนที่ดินให้ชาวบ้าน เตรียมสร้างถนนเชื่อมต่อหัวสะพาน
       
       รายงานข่าวจาก จ.เชียงราย แจ้งว่า ขณะนี้กรมทางหลวงได้เริ่มก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 4 เชื่อม อ.เชียงของ กับเมืองห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว เพื่อเชื่อมกับถนน R3 a ไทย-สปป.ลาว-จีนตอนใต้ ระยะทาง 248 กิโลเมตร และก่อสร้างถนนเชื่อมหัวสะพานแล้ว โดยการก่อสร้างสามารถเห็นได้อย่างชัดเจน ตั้งแต่หมู่บ้านดอนมหาวัน ต.เวียง อ.เชียงของ จนมาถึงจุดเริ่มต้นโครงการที่บ้านทุ่งงิ้ว ต.สถาน อ.เชียงของ ห่างจากริมฝั่งประมาณ 7 กิโลเมตร ที่มีการปรับหน้าดินเพื่อตอกเสาเข็มเพื่อให้แล้วเสร็จภายในปี 2555 ตามกำหนด ซึ่งการก่อสร้างดังกล่าวควบคู่ไปกับการทำถนนสายเชียงของ-เทิง ขนาด 4 ช่องจราจรเพื่อรองรับไปพร้อมๆ กัน
       
       นายวิรัตน์ แสนอุดม ผู้อำนวยการแขวงการทางเชียงรายที่ 2 กรมทางหลวง เปิดเผยว่า การก่อสร้างสะพาน ทำไปได้แล้วราว 2-3% คาดว่าภายในเดือมกราคม 2554 จะสามารถตอกเสาเข็มเล่มแรกกลางแม่น้ำโขงได้ และจะมีการวางเสาตอม่อ รวมทั้งสร้างเกาะเทียมกลางแม่น้ำโขง เพื่อใช้ในการก่อสร้างให้เสร็จสมบูรณ์ต่อไป ทั้งนี้ในภาพรวมถือว่าไม่มีปัญหาใดๆ โดยจะมีการปรับพื้นที่ส่วนกองทรายด้านหน้างานก็จะมีการให้เอกชนนำเอาออกไปให้เรียบร้อย ทำให้จะสามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จตามกำหนดแน่
       
       นายวิรัตน์กล่าวว่า ส่วนการเวนคืนที่ดินมีชาวบ้านที่จะถูกคืนที่ดินจำนวน 61 ราย ตลอดรายทางทั้งบริเวณสะพาน-แนวถนน เจ้าหน้าที่ได้มีการเข้าไปทำความเข้าใจแก่ชาวบ้านแล้ว และจ่ายเงินค่าเวนคืนที่ดินให้แก่ชาวบ้านมูลค่าประมาณ 60 ล้านบาท กรณีทรายที่มีการขุดกันนั้นไม่ถือเป็นปัญหาเพราะเอกชนสามารถทำการก่อสร้างต่อไปได้ตามสัญญา
       
       สำหรับรูปแบบโครงการได้รับการสนับสนุนด้านการศึกษารูปแบบจากธนาคารพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) ตั้งแต่ปี 2548 ต่อมาปี 2550 กรมทางหลวงของไทย ได้สานต่อด้วยการออกแบบรายละเอียดโครงการมูลค่า 35 ล้านบาท และเมื่อต้นปี 2553 ก็สามารถคัดสรรเอกชนที่จะทำการก่อสร้าง คือ กลุ่มซีอาร์ 5-เคที จอยท์เวนเจอร์ ซึ่งเป็นการร่วมทุนระหว่างบริษัท ไชน่า เรลเวย์ โน.5 เอ็นจิเนียริ่ง กรุ๊ป จำกัด จากประเทศจีน กับบริษัทกรุงธนเอ็นยิเนียร์ จำกัด ของประเทศไทย ภายใต้งบประมาณ 1,486.5 ล้านบาท โดยประเทศไทยและจีนสนับสนุนฝ่ายละครึ่ง
       
       รูปแบบสะพานเป็นคอนกรีตรูปกล่อง (Segmental Concrete Box Girder) มีเสาตอม่อ 4 ตอม่อ มีความกว้าง 14.70 เมตร เป็นสะพานขนาดสองช่องจราจรๆ ละ 3.50 เมตร และไหล่ทางข้างละ 2 เมตร และทางเท้าข้างละ 1.25 เมตร ความยาว 480 เมตรเมื่อรวมกับถนนติดขอบฝั่งก็จะยาวประมาณ 630 เมตร นอกจากตัวสะพานแล้วยังมีโครงการก่อสร้างถนนตัดแยกจากถนนหมายเลข 1020 หรือสายเชียงราย-เชียงของ ในฝั่งไทย เพื่อเป็นจุดสลับการจราจรก่อนไปถึงตัวสะพานอีกประมาณ 5 กิโลเมตร และถนนในฝั่ง สปป.ลาว อีกประมาณ 6 กิโลเมตร
       
       รวมทั้งมีการก่อสร้างอาคารด่านพรมแดนทั้งฝั่งไทยและ สปป.ลาว รูปทรงล้านนาประยุกต์ เพื่อใช้เป็นจุดตรวจปล่อยร่วมกัน ณ จุดเดียวตามหลักประตูเดี่ยว (Single Stop Inspection) รวมเนื้อที่ฝั่งไทยทั้งหมดประมาณ 400 ไร่
       
       ทั้งนี้ชายแดนเชียงของ-ห้วยทราย ปีที่ผ่านมาตัวเลขการนำเข้าอยู่ที่ 986.331 ล้านบาท เป็นสินค้าจากจีนตอนใต้ 490.409 ล้านบาท สปป.ลาว 495.922 ล้านบาท โดยสินค้านำเข้าอันดับ 1 คือ ถ่านหินลิกไนต์ ปริมาณกว่า 382,339,680 ตัน มูลค่า 317.7 ล้านบาท และได้เริ่มมีพืชผักจีนถูกส่งมาตามถนนอาร์สาเอแล้วกว่า 9,672,350.00 ตัน มูลค่า 159.16 ล้านบาท
       
       ส่วนการการส่งออกมีมูลค่า 1.931,04 ล้านบาท แยกเป็นการส่งออกไปจีนตอนใต้ 436.906 ล้านบาท สปป.ลาว 1,493.184 ล้านบาท พม่า 0.950 ล้านบาท สินค้าส่งออกส่วนใหญ่เป็นน้ำมันเชื้อเพลิง วัสดุก่อสร้าง สินค้าอุปโภคบริโภค อุปกรณ์ไฟฟ้า ยางพารา ฯลฯ
       
       สถิติการนำเข้าและส่งออกทุกอย่างมีอัตราเพิ่มขึ้นทุกปี ตามความสะดวกของการคมนาคมของถนนR3aเชื่อมไทย-สปป.ลาว-จีนตอนใต้ และยังมีผลต่อสถิติด้านการท่องเที่ยว เพราะปี 2552 ที่ผ่านมามีคนไทยเดินทางไปเที่ยวจีนตอนใต้ด้วยเส้นทางนี้กว่า 85,697 คน ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่า 55.2%

http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9530000157110
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,111


« ตอบ #86 เมื่อ: วันที่ 18 พฤศจิกายน 2010, 21:56:31 »

เชียงราย - เอกอัครราชทูตจีน ประจำประเทศไทย เผย หากรถไฟคุนหมิง-หนองคาย-กรุงเทพฯ เสร็จ จะทำให้คนไทย-จีน เดินทางถึงกันได้ภายในเวลา 5 ชั่วโมงเท่านั้น เชื่อมั่นจะก่อให้เกิดการเปลี่ยนในกลุ่มลุ่มน้ำโขงตอนบนอีกมหาศาล หลัง R3a ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในลุ่มน้ำโขงตอนบนมาแล้วอย่างชัดเจน
       
       รายงานข่าวจาก จ.เชียงราย แจ้งว่า ช่วงระหว่างวันที่ 17-19 พ.ย.นี้ นายก่วน มู่ (Mr.Guan Mu) เอกอัครราชทูตประเทศจีนประจำประเทศไทย ได้เดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ จ.เชียงราย เป็นเวลา 3 วัน ซึ่งนอกจากจะเดินทางไปยังสมาคมกวงเม้งเชียงราย เพื่อพบปะพี่น้องเชื้อสายจีนที่อาศัยอยู่ที่เชียงราย ยังเดินไปยังโรงเรียนพณิชยการเชียงราย อ.เมืองเชียงราย ตรวจเยี่ยมสถานศึกษาที่มีการเปิดสอนภาษาจีน พร้อมกันนี้ ได้มอบเครื่องคอมพิวเตอร์ เครื่องเล่นวิดีโอเพื่อใช้เป็นสื่อการเรียนการสอนให้กับทางโรงเรียนด้วย
       
       โดยมี นายสินธุ์ จงไพบูลย์กิจ ผู้รับใบอนุญาตก่อตั้งโรงเรียนพณิชยการเชียงราย และประธานมูลนิธิสาธารณกุศลสงเคราะห์เชียงราย, นายสาธิต ตรีสัตยาเวทย์ เลขานุการมูลนิธิ และคณะกรรมการบริหารมูลนิธิ รวมทั้งบริหารโรงเรียน และนักเรียนให้การต้อนรับ
       
       นายสินธุ์ กล่าวว่า ทางโรงเรียนพณิชยการเชียงราย และมูลนิธิสาธารณกุศลสงเคราะห์เชียงราย นับเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่เอกเอกอัครราชทูตประเทศจีน ประจำประเทศไทยได้เดินทางไปเยือน สำหรับโรงเรียนมีนักเรียนประมาณ 3,000 คน ทำการเปิดเรียนในระดับ ปวช.และ ปวส.ในหลายสาขา ขณะเดียวกัน ได้มีการเปิดสอนหลักสูตรภาษาจีนและที่ผ่านมาสถานศึกษาแห่งนี้มีความมุ่งมั่นจะพัฒนาให้โรงเรียนแห่งนี้เป็นศูนย์กลางการเรียนการสอนในภาคเหนือและของภูมิภาคลุ่มน้ำโขงในอนาคตต่อไป
       
       ด้าน นายก่วนมู่ กล่าวว่า นับเป็นเวลาเกือบ 20 ปีที่จังหวัดเชียงรายได้ร่วมกับประเทศจีนผลักดันการค้า การลงทุนและความใกล้ชิดทางวัฒนธรรมกับประเทศแถบลุ่มน้ำโขงผ่านเส้นทางทางน้ำ ทางบกและอากาศ โดยเฉพาะการเกิดขึ้นของถนน R3A เชื่อมเชียงราย-สปป.ลาว-จีนตอนใต้ ได้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในทุกๆ ด้านต่อประเทศลุ่มแม่น้ำโขงตอนบน และหากสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 4 เสร็จสิ้นลงก็จะกลายเป็นช่องทางที่จะเชื่อมจีนกับอาเซียนโดยผ่านประเทศไทย ซึ่งก็จะทำให้เกิดมูลค่าจากการค้าขายและการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล
       
       “ปัจจุบันประเทศจีนได้ก่อสร้างเส้นทางรถไฟรางคู่จากเมืองคุนหมิง มณฑลหยุนหนัน ผ่านเข้าไปยัง สปป.ลาว และจะเข้าสู่ประเทศไทยที่ จ.หนองคาย เพื่อจะมุ่งหน้าต่อไปยังกรุงเทพฯ ซึ่งหากก่อสร้างแล้วเสร็จก็จะทำให้การเดินทางใช้เวลาอันรวดเร็ว เพราะรถไฟมีความเร็ว 320 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำให้เส้นทางคุนหมิง-กรุงเทพฯ สามารถนั่งรถไฟแค่ 5 ชั่วโมงเท่านั้น" นายก่วนมู่ กล่าวและว่า และหากมีเส้นทางสายคุนหมิง-เชียงราย ในอนาคตอีกก็จะทำให้ใช้เวลาเดินทางแค่ 4 ชั่วโมง
       
       เอกอัครราชทูตประจำจีนประจำประเทศไทย กล่าวด้วยว่า ดังนั้น ทั้งสองประเทศจึงต้องมีการเตรียมตัวรับมือกับการพัฒนาร่วมกันใน โดยในส่วนของ จ.เชียงราย ถือเป็นเมืองสำคัญเพราะเป็นเมืองท่าในแม่น้ำโขงและมีเส้นทางเชื่อมทางบกกับจีนได้ ดังนั้น การที่โรงเรียนพานิชยการเชียงรายมีการพัฒนาการเรียนการสอนภาษาจีนให้กับนักเรียน เพื่อใช้ในการติดต่อพูดคุยกับชาวจีนที่เดินทางมาท่องเที่ยวและมาลงทุนจึงเป็นการรองรับอนาคตที่ดีอย่างยิ่ง
       
       นอกจากนี้ นายก่วนมู่ มีกำหนดเดินทางไปในหลายพื้นที่นอกโปรแกรมปกติ โดยมีรายงานว่าจะเดินทางไปดูสภาพของแม่น้ำโขงชายแดนไทย-ส.ป.ป.ลาว ภายหลังมีข่าวเรื่องแม่น้ำโขงแห้งลงอย่างรวดเร็ว และในวันที่ 19 พ.ย.มีกำหนดอย่างเป็นทางการที่จะเดินทางไปร่วมงานครบรอบ 12 ปีแห่งการสถาปนามหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง (มฟล.) และ 35 ปีการสถาปนความสัมพันธ์ไทย-จีน ณ ศูนย์ภาษาและวัฒนธรรมจีนสิรินธร สถาบันขงจื่อแห่ง มฟล.โดยจะเป็นวิทยากรกิตติมศักดิ์ในการบรรยายเรื่อง “ส่งเสริมมิตรภาพ เพิ่มพูนความร่วมมือ สู่การพัฒนาร่วมกัน” ณ อาคารซี 4 มฟล.ด้วย
 
http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9530000163171
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,111


« ตอบ #87 เมื่อ: วันที่ 18 พฤศจิกายน 2010, 22:07:54 »

เชียงราย - ผู้ว่าฯเชียงราย เล็งโหมโรงกันอีกรอบ เตรียมเสนอทูตจีนตั้งกงสุลเชียงราย หนุนการค้า-การท่องเที่ยว ขณะที่ภาคเอกชนเชื่อมั่น จีนเห็นพ้อง หลังมีทุนจีนลงทุนในลุ่มน้ำโขง แถบชายแดนเชียงรายนับแสนล้าน
       
       รายงานข่าวจาก จ.เชียงราย แจ้งว่าระหว่างวันที่ 17-19 พ.ย.นี้ นายกวนมู่ เอกอัคราชฑูตประเทศจีนประจำประเทศไทย มีกำหนดเดินทางไปเยือน จ.เชียงราย โดยวันที่ 17-18 พ.ย.จะไปร่วมกิจกรรมกับสมาคมการค้าจงหัวเชียงราย เพื่อพบปะกับองค์กรชาวจีน เช่น สมาคม มูลนิธิ ฯลฯ ต่างๆ และในวันที่ 19 พ.ย.มีกำหนดไปร่วมงานครบรอบ 12 ปีแห่งการสถาปนามหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง (มฟล.) และ 35 ปีการสถาปนความสัมพันธ์ไทย-จีน ณ ศูนย์ภาษาและวัฒนธรรมจีนสิรินธร สถาบันขงจื่อ แห่ง มฟล. โดยนายกวนมู่ จะเป็นวิทยากรกิตติมศักดิ์ในการบรรยายเรื่อง "ส่งเสริมมิตรภาพ เพิ่มพูนความร่วมมือ สู่การพัฒนาร่วมกัน" ณ อาคารซี 4 มฟล.ด้วย
       
       ด้านนายสมชัย หทยะตันติ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เปิดเผยว่า ในโอกาสที่เอกอัคราชทูตประเทศจีน ประจำประเทศไทย เดินทางมาเชียงรายครั้งนี้ ตนจะเสนอข้อปรึกษาเกี่ยวกับการขอให้ทางประเทศจีนได้พิจารณาจัดตั้งสถานกงสุลแห่งใหม่ขึ้นที่เชียงราย เพื่อให้เหมาะสมกับภูมิศาสตร์ที่เป็นศูนย์กลางของอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง เพราะปัจจุบันเชียงรายเชื่อมโยงกับจีนตอนใต้ในทุกเส้นทางทั้งทางบกผ่านถนนหลายสาย ทางเรือในแม่น้ำโขง และทางเครื่องบิน รวมทั้งยังสามารถเชื่อมไปยัง สปป.ลาว พม่า ได้อีกด้วย
       
       ซึ่งแม้ว่าในปัจจุบันประเทศจีนจะมีสถานกงสุลใหญ่ประจำ จ.เชียงใหม่ อยู่แล้วแต่เพื่อการอำนวยความสะดวกในการประสานงานทุกด้าน ทั้งด้านการค้าและการท่องเที่ยว จึงเห็นว่าหากมีการจัดตั้งในเชียงรายจะช่วยทำให้การพัฒนาด้านรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
       
       นายสมชัย ย้ำว่า เชียงรายกับจีนตอนใต้ มีความสัมพันธ์แนบแน่นทั้งด้านการค้า การท่องเที่ยว ทางวัฒนธรรม การศึกษา ฯลฯ ซึ่งในส่วนของด้านการศึกษานั้น ก็พึ่งเริ่มต้นกันในตอนหลังและพบว่าทุกฝ่ายให้ความสำคัญ เนื่องจากบทบาทของภาษาจีนในเวทีโลกมีมากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นการได้เรียนรู้ภาษาจีนโดยเฉพาะผ่านทาง มฟล.จึงมีความจำเป็น
       
      ด้านนายวิรุณ คำภิโล ประธานหอการค้า จ.เชียงราย กล่าวว่า เห็นด้วยอย่างยิ่งหากมีการพิจารณาจัดตั้งสถานกงสุลที่เชียงราย เพราะโดยความเป็นจริงแล้วสภาพภูมิศาสตร์ของเชียงราย เป็นศูนย์กลางของอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง หากว่าเมืองหน้าด่าน ซึ่งเป็นประตูมีการสถานกงสุล ก็จะสามารถทำพิธีการเกี่ยวกับการออกวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวเข้า-ออกได้สะดวก
       
       โดยเฉพาะปัจจุบันมีคนจีนและไทยเดินทางไปมาหาสู่กันมากขึ้นในทุกเส้นทางโดยทางบกเชียงรายอยู่ห่างจากเขตปกครองตนเองสิบสองปันนา มณฑลหยุนหนัน เพียง 248 กิโลเมตร และมีช่องทางอื่นๆ อีกมากมาย แต่ปัจจุบันการทำวีซ่า ต้องไปทำกันที่ จ.เชียงใหม่ หรือกรุงเทพฯ เช่นเดียวกับคนจีนที่ต้องติดต่อประสานงานกับสถานกงสุล ก็ไม่สะดวกเช่นกัน
       
       นายวิรุณ กล่าวอีกว่า ขณะนี้กลุ่มทุนจากประเทศจีนได้ลงทุนในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงด้าน จ.เชียงราย เป็นมูลค่านับแสนล้านบาท ดังนั้นตนจึงเชื่อว่าทางประเทศจีนจะรับเรื่องนี้ไปพิจารณา เพราะโลกยุคปัจจุบันอาศัยเรื่องผลประโยชน์และความร่วมมือกันเป็นหลัก หากว่าประเทศจีนมีเศรษฐกิจขยายลงสู่ภาคใต้อย่างมหาศาลเช่นนี้ก็ย่อมต้องใช้กลไกด้านความสะดวกดังกล่าวเช่นกัน
       
       รายงานข่าวแจ้งอีกว่า ในปัจจุบันมีคนไทยเดินทางไปเยือนยังเขตปกครองตนเองสิบสองปันนาปีละประมาณ 85,000 คน ซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นร้อยละ 55 เป็นประจำทุกปี ส่วนคนจีนที่เดินทางมาเยือนเชียงรายยังมีน้อยเพียงประมาณ 5,000 คน ขณะที่การค้าชายแดนเชียงราย-จีนตอนใต้ เมื่อปีที่ผ่านมามีมูลค่ารวมกันกว่า 5,141.18 ล้านบาท แยกเป็นการส่งออกจากไทยมูลค่า 3,261.59 ล้านบาท นำเข้า 1,879.59 ล้านบาท และในช่วงต้นปีนี้มีมูลค่ารวม 1,037.09 ล้านบาท โดยเป็นการส่งออกจากเชียงรายมูลค่า 605.91 ล้านบาท และนำเข้า 431.18 ล้านบาท


http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9530000162562
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
คนเมือง ณ กว่างกรุง
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 553


กำหนดชีวิตตัวเอง หรือรอให้คนอื่นมากำหนดชีวิตเรา..


« ตอบ #88 เมื่อ: วันที่ 19 พฤศจิกายน 2010, 21:15:16 »

ขอบคุณสำหรับข่าวสารดีๆ ยิงฟันยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า

"กว่างเจียงของ"
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,111


« ตอบ #89 เมื่อ: วันที่ 13 ธันวาคม 2010, 14:45:58 »

ถนน ก็รอ ครับ.. สะพานสร้างไปถึงไหนแล้ว
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,111


« ตอบ #90 เมื่อ: วันที่ 27 ธันวาคม 2010, 10:17:48 »

ทางหลวงชนบทกางผังทำถนนเชื่อมท่าเรือเชียงแสน 2 
 
โดย ASTVผู้จัดการรายวัน 26 ธันวาคม 2553 21:06 น.
 
 

 
       เชียงราย - กรมทางหลวงชนบทแจงแผนปรับถนนสาย 1098 เพิ่มเส้นทางเชื่อมท่าเรือเชียงแสน 2 รับการค้าการลงทุนลุ่มน้ำโขงตอนบน
       
       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเร็วๆนี้ กรมทางหลวงชนบท ได้จัดการประชุมสัมมนาเพื่อระดมความคิดเห็นของประชาชนถึงผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม โครงการปรับปรุงขยายถนนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1098 ที่โรงแรมริมกกรีสอร์ท อ.เมืองเชียงราย ซึ่งถนนสายดังกล่าวเชื่อมระหว่างหมู่บ้านดอนงาม ต.โชคชัย อ.ดอยหลวง ไปยังหมู่บ้านป่าตึง ต.บ้านแซว อ.เชียงแสน ใกล้กับท่าเรือแม่น้ำโขงแห่งที่ 2 ที่กรมเจ้าท่าอยู่ระหว่างก่อสร้างเพื่อใช้เป็นท่าเรือหลักในการขนส่งสินค้าไทย พม่า สปป.ลาว และจีนตอนใต้ โดยมีนายพินิจ หาญพาณิชย์ รองผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย เป็นประธานในการเปิดงาน
       
       ในการประชุมครั้งนี้ มีประชาชนและหน่วยงานราชการต่างๆ รวมไปถึงท้องถิ่นและนักธุรกิจให้ความสนใจร่วมแสดงความคิดเห็นประมาณ 100 คน ส่วนใหญ่เห็นชอบด้วยต่อการก่อสร้าง เพราะจะสร้างประโยชน์ด้านความสะดวกในการคมนาคมขนส่ง การค้า การท่องเที่ยว ฯลฯ เนื่องจากเดิมเป็นถนนสายเปลี่ยวและไม่ค่อยได้รับการพัฒนาเท่าที่ควร
       
       นายพินิจ กล่าวว่า เชียงราย มีภูมิศาสตร์และศักยภาพด้านการค้าและการท่องเที่ยว โดยเฉพาะเป็นประตูสู่อนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ทั้งทางน้ำ ผ่านแม่น้ำโขงทางท่าเรือเชียงแสนและเชียงของ โดยเฉพาะในปี 2555 การก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 4 ระหว่างเชียงของ-ห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว ก็จะแล้วเสร็จและสามารถเชื่อมกับถนนR 3 a ไทย-สปป.ลาว-จีนตอนใต้ จึงจำเป็นต้องมีเส้นทางคมนาคมที่สะดวกทุกด้าน เพื่อรองรับความคึกคักของยานพาหนะในอนาคต
       
       ด้าน นายเอนก ณัฐโฆษิต ผู้อำนวยการทางหลวงชนบท จ.เชียงราย กล่าวว่า ถนนสายนี้จะเชื่อมโยงทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1129 ซึ่งเป็นจุดสร้างท่าเทียบเรือเชียงแสนแห่งที่ 2 ที่ปัจจุบันก่อสร้างคืบหน้าแล้ว 60% เพื่อเป็นท่าเรือสำหรับขนส่งสินค้าในแม่น้ำโขงระหว่างไทย ลาว พม่าและจีนตอนใต้ โดยจะเป็นถนนขนาด 2 ช่องทางจราจรระยะทาง 20.440 กิโลเมตร งบประมาณก่อสร้าง คาดว่า กว่า 100 ล้านบาท สภาพปัจจุบันเป็นถนนที่คดเคี้ยวและบางช่วงยังเป็นถนนดินลูกรังที่ยากลำบากแก่การสัญจรการขนส่ง
       
       “เบื้องต้นได้ใช้งบประมาณในการศึกษาจำนวน 3 ล้านบาท โดยให้บริษัท พรี ดีเวลลอปเมนท์ คอนซัลแตนท์ จำกัด เป็นบริษัทผู้ศึกษา หลังก่อสร้างแล้วเสร็จจะทำให้เป็นถนนสายรองเพื่อลดการแออัดของการขนส่งสินค้าจากท่าเรือตามถนนสายหลัก ที่ปัจจุบันกำลังมีการก่อสร้างถนนสายใหญ่เชื่อมระหว่างบ้านเด่น ต.นางแล อ.เมืองเชียงราย ถึงท่าเรือเชียงแสนประมาณ 43 กิโลเมตร” นายเอนก กล่าว
 
 
http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9530000181722
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,111


« ตอบ #91 เมื่อ: วันที่ 27 ธันวาคม 2010, 23:38:28 »

[SIZE="3"]ท่าเรือเชียงแสน 2 จุดรองรับสินค้าทางเรือขนส่งไปจี











IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,111


« ตอบ #92 เมื่อ: วันที่ 06 มกราคม 2011, 13:25:03 »

ทัวร์ลาว-R3a ยอดนักท่องเที่ยวทะลุล้าน-เชื่อหลังสะพานโขง 4 เสร็จการค้าลงทุนบูมอีก
 
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 6 มกราคม 2554 11:20 น.
 
 
 เชียงราย – นักธุรกิจลาวย้ำพร้อมรับสะพานน้ำโขง เผยหลังเส้นทาง R 3 a เสร็จ ทำนักท่องเที่ยวทะลักเข้าลาวผ่านแขวงบ่อแก้วเกินล้านคนแล้ว เชื่อหลังสะพานเสร็จการค้า การลงทุน รวมถึงการท่องเที่ยวเติบโตอีกมหาศาล
       
       รายงานข่าวจาก จ.เชียงราย แจ้งว่า นายสมชัย หทยะตันติ ผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย ได้นำคณะหัวหน้าส่วนราชการและเอกชนเดินทางข้ามฝั่งโขงที่ อ.เชียงของ ไปยังเมืองห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว เพื่อพบปะและเจริญสัมพันธไมตรีกับท่านคำมั่น สูนวิเลิด เจ้าแขวงบ่อแก้ว ที่อยู่ติดกับ จ.เชียงราย เมื่อเร็ว ๆ นี้ ซึ่งได้รับการต้อนรับจากคณะของแขวงห้วยทรายเป็นอย่างดี และทางผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย ร่วมกับนายวิรุณ คำภิโล ประธานหอการค้า จ.เชียงราย ได้เชิญคณะจากแขวงบ่อแก้วได้เข้าร่วมงานวัฒนธรรมสัมพันธ์ลุ่มแม่น้ำโขงครั้งที่ 16 ที่จะจัดขึ้น 15-17 ม.ค.นี้ ณ สนามบินฝูงบิน 416 ถนนสนามบิน เทศบาลนครเชียงราย
       
       จากนั้นท่านคำมั่นได้ให้คณะฝ่ายไทยเดินทางไปตรวจเยี่ยมโรงพยาบาลแขวงบ่อแก้วและโครงการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 4 เชื่อมบ้านดอน เมืองห้วยทราย-บ้านทุ่งงิ้ว ต.สถาน อ.เชียงของ
       
       พร้อมกันนั้นคณะของผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย ได้พบกับคณะวิศวกรชาวจีนของบริษัท CR5-KT (China Raiway No.5 Engineering Group) จำกัด ที่ได้นำเครื่องจักร อุปกรณ์และแรงงานเริ่มก่อสร้างโครงสร้างของสะพานอย่างคึกคัก อย่างไรก็ตามในฝั่ง สปป.ลาว ยังไม่มีการก่อสร้างถนนเชื่อมสะพานเข้ากับเส้นทาง R3A ไทย-สปป.ลาว-จีนตอนใต้
       
       ขณะที่ฝั่งไทย บริษัทกรุงธนเอ็นจิเนียร์ริ่ง จำกัด ซึ่งเป็นเอกชนที่ร่วมทุนกับบริษัท CR5-KT ในการก่อสร้างสะพาน ถนนและอาคารที่เกี่ยวข้อง ได้ทำการก่อสร้างถนนแยกจากถนนสายเทิง-เชียงของ ไปจนถึงหมู่บ้านทุ่งงิ้วอย่างคึกคักเช่นกัน
       
       นอกจากนี้ คณะยังได้เยี่ยมชมโครงการนาคราชนคร ซึ่งเป็นการลงทุนของเอกชนไทยนำโดยบริษัทเอเอซี กรีน ซิตี้ ลาว จำกัด ร่วมทุนกับเกาหลีใต้ พัฒนาเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยว สินค้าปลอดภาษี โรงแรม การเกษตร ฯลฯ ครบวงจร บนเนื้อที่ 1,200 ไร่ ภายใต้สัญญาสัมปทานกับรัฐบาล สปป.ลาว 40 ปีและต่อได้อีก 40 ปี แต่การก่อสร้างสะพานได้ออกแบบถนนให้ตัดผ่านโครงการกว่า 120 ไร่ ซึ่งคณะได้รับทราบจากโครงการนาคราชนครว่าปัจจุบันได้มีการปรับตัวด้วยการปรับแบบเพื่อให้เหมาะสมกับถนนที่จะตัดผ่านแล้ว
       
       ด้านท่านสุพอน ปันยาดา ประธานสภาการค้าและอุตสาหกรรมแขวงบ่อแก้ว ซึ่งเป็นนักธุรกิจด้านการสื่อสารในแขวงบ่อแก้ว กล่าวว่า อดีตที่ผ่านมาการค้าชายแดนด้านห้วยทราย-เชียงของ เป็นการค้าเกี่ยวกับการเกษตรเป็นหลัก แต่ปัจจุบันมีอัตราการขยายตัวมากขึ้น และเชื่อว่าเมื่อสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งนี้แล้วเสร็จจะทำให้การค้าและการท่องเที่ยวขยายตัวอีกมาก
       
       ในส่วนของฝ่าย สปป.ลาว ก็ได้มีการรองรับด้วยการพัฒนาจุดผ่านสินค้าให้สะดวกและรวดเร็วหรือ Single Window รวมทั้งระบบอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากสะพานแห่งนี้คงจะทำให้เกิดการค้าระหว่างไทย-จีน มากขึ้นในส่วนของ สปป.ลาว คงจะได้ประโยชน์ด้านค่าผ่านทาง ภาษีและการท่องเที่ยวเป็นหลัก
       
       ท่านสุพอน กล่าวอีกว่า แม้ว่าการคมนาคมจะสะดวกขึ้นและในปัจจุบันมีการค้าเสรีโดยปลอดอัตราภาษีสินค้ากันมากขึ้น แต่สำหรับ สปป.ลาว ยังถือว่ายังไม่ได้เข้าร่วมกับเขตเสรีอาเซียนหรือ AFTA อย่างเต็มตัวจนกว่าจะถึงปี 2557 ดังนั้นเมื่อการสะพานก่อสร้างเสร็จในปี 2555 ทาง สปป.ลาว ก็คงจะมีการจัดเก็บภาษีตามกฎหมายลาวและข้อตกลงระหว่างประเทศต่างๆ ตามขั้นตอน แต่สิ่งที่จะได้รับประโยชน์อย่างทันทีคือเรื่องการท่องเที่ยวหลังจากที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวผ่าน R3A และแม่น้ำโขงไปเยือนแขวงบ่อแก้วเกือบ 1 ล้านคนแล้ว
       
       "ด้านการลงทุนส่วนใหญ่ยังคงเป็นกลุ่มทุนจีนที่เข้าไปลงทุนในแขวงบ่อแก้วมากกว่ากลุ่มทุนใดๆ รวมทั้งกลุ่มทุนไทย ทั้งโรงแรม ขนส่งสินค้า และด้านการขนส่งสินค้าก็เห็นว่าหลังสะพานก่อสร้างแล้วเสร็จก็คงจะใช้ระบบโลจิสติกส์เดิมคือมีการเปลี่ยนถ่านหัวลากกันที่บ้านนาเตย แขวงหลวงน้ำทา ชายแดน สปป.ลาว-จีนตอนใต้ เพราะรถขนส่งของไทยและจีนบนถนน R3A ไม่เหมือนกัน มีพวงมาลัยและการขับขี่แตกต่างกัน"
       
       ท่านสุพอน กล่าวว่า อย่างไรก็ตามในอนาคตก็อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงไปตั้งจุดเปลี่ยนหัวลากที่เมืองห้วยทรายได้ เพราะเมื่อเกิดความแตกต่างกันดังกล่าวทำให้รถบรรทุกจากประเทศไทยประสบปัญหาการขนส่งบนถนน R3A ในเขต สปป.ลาว เพราะขับขี่คนละช่องทางกันขณะที่ของฝ่าย สปป.ลาว และจีนขับขี่ช่องทางเดียวกัน จึงทำให้ที่ผ่านมาเคยเกิดอุบัติเหตุบนถนนสายนี้มาแล้วหลายครั้ง ซึ่งหากมีจุดเปลี่ยนหัวลากที่ห้วยทรายก็จะแก้ไขปัญหาทั้งหมดนี้ได้
       
       ท่านสุพอน กล่าวด้วยว่า สำหรับธุรกิจที่จะตามมาจากการก่อสร้างสะพาน คือ ขณะนี้ตนกำลังเจรจาในการเชื่อมสายเคเบิ้ลไฟเบอร์ออฟติกมาจากฝั่งไทย โดยระบบดังกล่าวจะสามารถดำเนินการได้พร้อมๆ กับสะพานที่มีโครงสร้างให้สามารถเชื่อมต่อสายดังกล่าวได้อยู่แล้ว เพื่อให้สามารถใช้การสื่อสารในฝั่ง สปป.ลาว ได้ทั้งระบบดีแทค เอไอเอส ฯลฯ หรืออื่นๆ ที่เกี่ยวข้องซึ่งแม้ว่าในฝั่ง สปป.ลาว จะใช้การสื่อสารระบบ 3จี ไปแล้วแต่หากเข้าสู่จุดอับบางจุดก็จะได้ใช้ระบบ 2จีนที่ใช้ในฝั่งไทยทดแทนได้ เพื่อให้ลูกค้าได้รับการอำนวยความสะดวกมากที่สุดต่อไป       
       รายงานข่าวแจ้งด้วยว่าสำหรับสะพานข้ามแม่น้ำโขงดังกล่าว เกิดจากความร่วมมือของรัฐบาลไทย-สปป.ลาว-จีน เพื่อเชื่อมแนวเศรษฐกิจเหนือ-ใต้ โดยมีมูลค่าการก่อสร้างรวม 44,815,322.13 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าจ้างที่ปรึกษารวม 2,540,366.10 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1,400 ล้านบาทโดยรัฐบาลไทยและจีนเป็นผู้รับภาระค่าใช้จ่ายประเทศละ 50% กำหนดเริ่มก่อสร้างตั้งแต่วันที่ 11 มิ.ย.2553 สิ้นสุดสัญญาวันที่ 10 ธ.ค.2555 ระยะเวลาก่อสร้าง 30 เดือน
 
 
http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9540000000574
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
Skt_Doungkaw
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #93 เมื่อ: วันที่ 06 มกราคม 2011, 16:37:52 »

ขอบคุณข้อมูลดี ๆ สุดยอดมากครับ
IP : บันทึกการเข้า
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,111


« ตอบ #94 เมื่อ: วันที่ 10 มกราคม 2011, 14:31:19 »

เชียงราย - กลุ่ม “ดอกงิ้วคำ” จากจีน เดินหน้าปลุกปั้นกาสิโนยักษ์ และสารพัดโครงการ พร้อมสร้างชุมชนใหม่ริมน้ำโขงฝั่ง สปป.ลาว แถบสามเหลี่ยมทองคำต่อเนื่อง คาดอีก 10 ปีเสร็จสมบูรณ์ มีคนเข้าอยู่ไม่ต่ำกว่า 2 แสนคน ฝันเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวลุ่มน้ำโขงตอนบน ล่าสุดกลุ่มห้างสรรพสินค้าจากไทยขอเอี่ยวเปิดห้างด้วย



       
       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างวันที่ 8-9 ม.ค.ที่ผ่านมา สมาคมท่องเที่ยวเชียงรายนำโดย นายอภิชา ตระสินธ์ นายกสมาคมฯ ได้นำคณะกรรมการจัดทำโครงการเยี่ยมเยียนสมาชิกสมาคมฯ พื้นที่ อ.เชียงแสน และได้ข้ามไปเยี่ยมชมกิจการของโรงแรมโกลเด้นไทรแองเกิ้ลพาราไดซ์รีสอร์ท ซึ่งอยู่ที่สามเหลี่ยมทองคำ ฝั่งเมืองท่าขี้เหล็ก ประเทศพม่า ก่อนข้ามไปเยี่ยมชมโครงการ Kings Romans of Laos Asian & Tourism Development Zone ในเขตเศรษฐกิจพิเศษเมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว(สปป.ลาว )ซึ่งกลุ่มดอกงิ้วคำ จากประเทศจีนเข้าไปเช่าจากรัฐบาล สปป.ลาว เป็นเวลา 99 ปี บนเนื้อที่กว่า 7,500 ไร่
       
       ทั้งนี้ พบว่า โครงการ Kings Romans of Laos Asian & Tourism Development มีการพัฒนาคืบหน้าต่อเนื่อง โดยมีการตัดถนนภายในโครงการด้วยคอนกรีตเสริมเหล็กจนครอบคลุมเกือบทุกพื้นที่ รวมทั้งเชื่อมถนนจากโครงการไปเมืองห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว ต่อกับถนน R3a ไทย-สปป.ลาว-จีนตอนใต้ รวมทั้งมีอาคารสถานที่ต่างๆ มากขึ้น
       
       โดยเฉพาะอาคารกาสิโนหลังใหม่ ซึ่งตั้งอยู่ติดหลังเดิมและโรงแรมขนาด 700 ห้อง ที่มีขนาดใหญ่กว่าเดิม หลังคาบนสุดเป็นทรงมงกุฎสามารถมองเห็นได้อย่างโดดเด่น ภายในมีความกว้างขวางและมีนักนักท่องเที่ยวเข้าไปเล่นการพนันต่างๆ อยู่เต็ม ขณะที่ภายในมีห้องอาหาร ร้านกาแฟ ฯลฯ และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ มากมาย
       
       นอกจากนี้คณะได้เข้าพบนายจ้าว เหว่ย ประธานบริษัทจินมูเหมิน จำกัด ที่รับผิดชอบโครงการนี้ รวมทั้งฟังบรรยายสรุปความคืบหน้าโครงการฯ จากนายเจิ้น ซิน หัวหน้าบัญชีและการประชาสัมพันธ์โครงการฯ โดยนายเจิ้น ได้ระบุว่า โครงการมีกำหนดจัดงานเทศกาลดอกงิ้วบานระหว่างวันที่ 27 ม.ค.-2 ก.พ.นี้ ณ เกาะดอนซาว ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการโดยภายในงานมีการแสดงทางวัฒนธรรมและบันเทิงต่างๆ มากมาย
       
       นายเจิ้น กล่าวว่า โครงการให้ความสำคัญต่อการท่องเที่ยวมาก และเห็นว่าผู้ประกอบการท่องเที่ยวจากประเทศไทยมีความสำคัญ สามารถร่วมมือกับโครงการในการพัฒนาการท่องเที่ยวได้อีกมาก ทั้งนี้ปัจจุบันโครงการได้แบ่งการพัฒนาออกเป็น 5 โซนคือโซน A เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษเน้นด้านการค้า พาณิชยกรรม กาสิโน ฯลฯ โซน B เป็นกิจการท่าเรือ โซน C เป็นกิจการด้านวัฒนธรรม โซน D เป็นกิจการด้านโบราณสถาน และโซน E เป็นเขตการท่องเที่ยวธรรมชาติ มุ่งเป็นศูนย์กลางเส้นทางการท่องเที่ยวจากไทย-สิบสองปันนา และหลวงพระบาง รวมทั้ง จ.เชียงใหม่-กรุงเทพฯ ของประเทศไทยด้วย
       
       "อีกประมาณ 10 ปีโครงการก็จะเสร็จสมบูรณ์และจะมีประชากรในพื้นที่เพิ่มมากขึ้นถึงกว่า 200,000 คน และเราเห็นว่าด้านการท่องเที่ยวเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการพัฒนาพื้นที่นี้มาก ปัจจุบันก็คืบหน้าไปอย่างต่อเนื่องทั้งการเกษตร โรงแรม บ่อนคาสิโน ฯลฯ ล่าสุดห้างสรรพสินค้าเอดิสัน จากประเทศไทย ก็เตรียมจะไปเปิดกิจการในโครงการ ขณะเดียวกันมีกลุ่มทุนจีนหลายกลุ่มสนใจเข้าไปลงทุนแต่ปัจจุบันบริษัทเรายังเป็นรายใหญ่ที่สุดในโครงการ" นายเจิ้น กล่าว
       
       สำหรับการพัฒนาเขตการท่องเที่ยวในโครงการนี้ได้แบ่งออกเป็น 6 โซน ได้แก่โซน 1 จัดให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับขุนส่า ซึ่งเกี่ยวข้องกับชายแดนด้านนี้ โซน 2 เกาะดอนซาวโดยเกี่ยวข้องกับดอกงิ้วและตลาดสินค้าชายแดน โซน 3 ชุมชนพม่าโดยจัดให้เป็นศูนย์กลางเกี่ยวกับชาวพม่า 4.โบราณสถานอาณาจักรสุวรรณโคมคำ โซน 5 ท่าเรือบ้านมอม ซึ่งมีตลาดและชุมชนชาวลาวด้วย และโซน 6 ธรรมชาติของสวนป่าและไม้ดอกไม้ประดับ
       ทั้งนี้ปัจจุบันโครงการได้ร่วมกับบริษัทท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจีนเข้าไปพัฒนาการท่องเที่ยว ซึ่งปัจจุบันการพัฒนาทุกโซนคืบหน้าอย่างต่อเนื่องและอยากให้เอกชนไทยเข้าไปลงทุนในโครงการร่วมกัน
       
       ด้านนายอภิชา กล่าวว่า โครงการลงทุนของกลุ่มทุนจีนนี้ จะส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงชายแดนด้านเชียงราย อย่างแน่นอน ดังนั้น สมาคมฯ จึงต้องเข้ามามีบทบาทในความร่วมมือดังกล่าว ทั้งนี้ได้รับแจ้งว่าปัจจุบันโครงการคืบหน้าไปแล้วกว่า 30-40% แต่ก็มีผลถึงขนาดนี้โดยมีคนไทยเดินทางข้ามไปทำงานเป็นจำนวนมากและมีการใช้วัสดุจากฝั่งไทยมากมาย หากโครงการแล้วเสร็จก็ย่อมมีผลอย่างมากเช่นกัน

http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9540000002426
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
strawbery nurse
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #95 เมื่อ: วันที่ 10 มกราคม 2011, 22:13:29 »

รอคอย  ให้เสร็จเร็วๆ อยากไปคุณหมิง ยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า
Dora-world
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 182



« ตอบ #96 เมื่อ: วันที่ 10 มกราคม 2011, 22:22:02 »

เอดิสันโกอินเตอร์แล้วหรอเนี่ย แล้วถนนมันจะผ่านไหนบ้างอ่ะครับ ผมเยอะเกินผมอ่านไม่หมด
IP : บันทึกการเข้า

ละอ่อนเทิงพลัดถิ่น
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,436


รับทำและออกแบบเสื้อผ้าวัยรุ่นชาย โทร.0909027407(ญา


« ตอบ #97 เมื่อ: วันที่ 11 มกราคม 2011, 22:28:56 »

เสร็จเร็วๆเน้อครับ จะได้ค้าขายสะดวก
IP : บันทึกการเข้า

You'll Never Walk Alone.
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,111


« ตอบ #98 เมื่อ: วันที่ 02 กุมภาพันธ์ 2011, 10:20:56 »

ส่งสินค้าไปจีนคล่องตัว

นายธีระ วงศ์สมุทร รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ของไทย และกระทรวงควบคุมคุณภาพตรวจสอบและกักกันโรค (AQSIQ) สาธารณรัฐประชาชนจีนได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจร่วมกันว่าด้วยความร่วมมือด้านสุขอนามัยและสุขอนามัยพืชตั้งแต่ปี ཫ และต่อมาทั้งสองฝ่ายยังได้เห็นพ้องกันที่จะทำความร่วมมือในด้านการขนส่งสินค้าทางบกเส้นทาง R3 และให้ครอบคลุมสินค้าผลไม้ โดยเส้นทางสาย R3 มีระยะทาง 1,104 กิโลเมตร เริ่มต้นจากชายแดนไทยที่อ.เชียงของ จ.เชียงราย ไปสู่เมือง คุนหมิงของจีน เป็นการลดระยะเวลาในการขนส่งเหลือเพียง 2-3 วัน (ทางเรือใช้เวลา 5-7 วัน) ซึ่งไทยส่งออกผลไม้คุณภาพดีไปจีนได้ปีละกว่า 5,000 ล้านบาท และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี และช่วงเดือนม.ค.-ต.ค.53 ส่งออกรวม 5,988 ล้านบาท

หน้า 8
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
miyoko
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,252



« ตอบ #99 เมื่อ: วันที่ 02 กุมภาพันธ์ 2011, 12:10:47 »

ไปทำการค้าไรดีน้อ น่าสนใจ
IP : บันทึกการเข้า

หน้า: 1 2 3 4 [5] 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!