เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 29 มีนาคม 2024, 14:08:31
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  คนเชียงราย สังคมเชียงราย (ผู้ดูแล: bm farm, [ตา-รา-บาว], zombie01, ۰•ฮักแม่จัน©®, ⒷⒼ*, ตาต้อม, nuifish, NOtis)
| | |-+  +++ถนน R3a ท่าเรือเชียงแสน 2 และโครงการสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 4+++
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: 1 2 [3] 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 ... 16 พิมพ์
ผู้เขียน +++ถนน R3a ท่าเรือเชียงแสน 2 และโครงการสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 4+++  (อ่าน 151974 ครั้ง)
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,112


« ตอบ #40 เมื่อ: วันที่ 16 มกราคม 2010, 21:19:29 »

แวะดูรูปภาพ ครับ

คุณ http://www.chiangraifocus.com/forums/index.php?topic=6700.0

คุณเชียงรายพันแท้เอาลงแล้ว ครับ เหลือแต่รูปเซ็นทรัลเชียงราย
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,112


« ตอบ #41 เมื่อ: วันที่ 16 มกราคม 2010, 21:24:14 »

ข่าวประชาสัมพันธ์ 
เดินหน้าท่าเรือเชียงแสน 2 มูลค่า 1.5 พันล้าน เสร็จปี 54 
ประกาศเมื่อ : 06 มิถุนายน 2009 เวลา 11:17:41 เปิดอ่านทั้งหมด 800 ครั้ง
 
เริ่มแล้วโปรเจกต์ท่าเรือเชียงแสน 2 กลุ่ม “พี.เอ.เอ็ม” คว้าสัญญาสร้างท่าเรือปากแม 
 
 
 
เริ่มแล้วโปรเจกต์ท่าเรือเชียงแสน 2 กลุ่ม “พี.เอ.เอ็ม” คว้าสัญญาสร้างท่าเรือปากแม่น้ำกก บรรจบแม่น้ำโขง มูลค่า 1.5 พันล้าน ล่าสุด เริ่มปรับแต่งหน้าดิน กำหนดสร้างเสร็จปี 54 พร้อมวางแผนขุดลอกร่องน้ำโขงใหม่ เปิดทางเรือสินค้าใหญ่เข้าเทียบท่าได้ตลอด กรมการขนส่งทางน้ำฯเชื่อมั่น คุ้มทุนแน่นอน หลังท่าเรือเชียงแสน 1 มีปริมาณสินค้าเข้า-ออกเกินเป้าหมาย จนเริ่มแออัด ด้าน อปท.-พ่อค้าท้องถิ่น ยืนยันไม่มีใครขวาง แต่เตือนต้องหารือ ส.ป.ป.ลาว ก่อนขุดน้ำโขง พร้อมให้เปิดทางชุมชนเข้าใช้ประโยชน์ร่วม
       
       รายงานข่าวจาก จ.เชียงราย แจ้งว่า กรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี กระทรวงคมนาคม ได้จัดการประชาสัมพันธ์โครงการก่อสร้างท่าเทียบเรือเชียงแสน แห่งที่ 2 จ.เชียงราย ที่ ห้องประชุมวัดพระธาตุผาเงา ต.เวียง อ.เชียงแสน เมื่อเร็ว ๆ นี้ โดยมีนายเกื้อกูล ด่านชัยวิจิตร รมช.คมนาคม เป็นประธาน และ นายชลอ คชรัตน์ อธิบดีกรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี ก็นำคณะนักวิชาการไปประชาสัมพันธ์โครงการ มีผู้เข้าร่วมรับฟังเป็นข้าราชการในพื้นที่ที่เกี่ยวข้อง ตัวแทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและประชาชนเข้ารับฟังจำนวนหนึ่ง
       
       นายเกื้อกูล กล่าวว่า แม้โครงการนี้จะผ่านการศึกษาด้านต่าง ๆ มาเป็นอย่างดี และเชื่อมั่นว่าโครงการนี้จะเป็นผลดีต่อการค้าชายแดนของเชียงราย รวมถึงพื้นที่เชียงแสนในอนาคต อย่างไรก็ตาม ทุกโครงการย่อมมีความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบในอนาคต ซึ่งตนยินดีรับฟังความคิดเห็นของทุกฝ่ายระหว่างที่ก่อสร้าง โดยล่าสุดนายอิทธิเดช แก้วหลวง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) เชียงราย พรรคเพื่อไทย ก็โทรศัพท์แจ้งให้ช่วยดูโครงการให้ดีและอย่าให้มีผลกระทบ ซึ่งตนเองก็รับปากตามนั้น
       
       รายงานข่าวแจ้งอีกว่า ในการจัดประชาสัมพันธ์ครั้งนี้กรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี ได้ให้ นายพงษ์วรรณ จารุเดชา ผู้อำนวยการสำนักวิศวกรรมของกรมให้รายละเอียดทั้งหมดของโครงการว่า ท่าเรือเชียงแสน 2 จะตั้งตรงปากแม่น้ำกก ซึ่งไหลลงสู่แม่น้ำโขง ที่หมู่บ้านสบกก ต.บ้านแซว อ.เชียงแสน เนื้อที่ 402 ไร่ 1 งาน 20 ตารางวา โดยปัจจุบันได้ผ่านขั้นตอนการศึกษาความเหมาะสม ออกแบบ ศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ประชาพิจารณ์หมดแล้ว และคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ก่อสร้างด้วยวงเงิน 1,546,400,000 ล้านบาท
       
       กรมการขนส่งทางน้ำฯ ได้ตกลงว่าจ้างบริษัท พอร์ท แอนด์ มารีน คอร์ปอเรชั่น (พี.เอ.เอ็ม) จำกัด ตามสัญญาเลขที่ 52/2552/พย.ลงวันที่ 12 พฤษภาคม 2552 ให้การทำก่อสร้างตามสัญญา 960 วัน ตั้งแต่วันที่ 13 พฤษภาคม 2552-28 ธันวาคม 2554
       
       นายพงษ์วรรณ กล่าวว่า สำหรับรายละเอียดโครงการจะมีการสร้างท่าเทียบเรือ 5 จุด คือ ท่าเรือแบบทางลาด 2 ระดับ ด้านทิศเหนือยาว 300 เมตร และทิศใต้ยาว 300 เมตร ท่าเรือแนวดิ่งภายในแอ่งจอดเรือยาว 629 เมตร บริเวณต่อกับแอ่งจอดเรือด้านทิศเหนือยาว 554 เมตร บริเวณต่อกับแอ่งจอดเรือด้านทิศใต้ยาว 300 เมตร และท่าเรือสำหรับเรือตรวจการณ์ยาว 226 เมตร โครงการป้องกันตลิ่งเป็นเขื่อนกันตลิ่งยาวรวม 3,447 เมตร โดยแยกเป็นเขื่อนป้องกันตลิ่งในแม่น้ำโขงยาว 500 เมตร เขื่อนป้องกันตลิ่งเกาะช้างตายซึ่งเป็นเกาะกลางแม่น้ำโขงยาว 765 เมตร เขื่อนป้องกันตลิ่งสองฝั่งแม่น้ำกกด้านละ 660 เมตรและ 1,525 เมตรตามลำดับ
       
       นอกจากนี้ จะมีการขุดลอกร่องน้ำทางเดินเรือในแม่น้ำโขงกว้าง 40 เมตร ยาว 1.4 กิโลเมตร ลึก 1.5 เมตร จากระดับน้ำต่ำสุด และขุดลอกส่วนที่เป็นแอ่งจอดเรือ ซึ่งจะทำให้ต้องขุดลอกดินขึ้นมาทั้งสิ้น 1,050,000 ลูกบาศก์เมตร และจะมีการขุดลอกบำรุงรักษาประจำปีประมาณ 181,700 ลูกบาศก์เมตร
       
       ส่วนงานด้านอาคารมีทั้งอาคารสำนักงานท่าเรือและอาคารเอนกประสงค์ โรงพักสินค้า สำนักงานโรงพักสินค้าประตูทางเข้า ฯลฯ ลานจอดรถพักรอพื้นที่รวม 26,600 ตารางเมตร งานก่อสร้างถนนยาวรวม 4,036 เมตร นอกจากนี้ยังมีโครงการอื่นๆ เพื่อสำรองเอาไว้และเก็บกองดินทรายที่ขุดลอกขึ้นมาใหม่โดยคำนวณปริมาณดินตะกอนที่สามารถรองรับได้ 605,146.54 ลูกบาศก์เมตร
       
       ด้านนายสมควร สุตะวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) บ้านแซว กล่าวว่า จากการทำประชาพิจารณ์ 2-3 ครั้งที่ผ่านมาจะเห็นว่าชาวบ้านไม่มีใครต่อต้านเพราะเห็นว่าจะเกิดผลดี แต่ก็ยังกังวลว่าอาจจะมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม รวมทั้งอยากให้จัดสรรพื้นที่จำหน่ายสินค้าเพื่อชุมชนภายในท่าเรือ จึงขอให้ท่าเรือมีหนังสือไปยัง อบต.บ้านแซว เพื่อยืนยันเรื่องดังกล่าวอย่างเป็นทางการด้วย
       
       ด้านนายอรรภัณฑ์ รังษี ประธานชมรมพ่อค้าชายแดน อ.เชียงแสน กล่าวว่า บรรดานักธุรกิจชายแดนไม่มีการต่อต้านโครงการ เพราะเห็นถึงความจำเป็น แต่มีความกังวลและหากทางภาครัฐยังไม่ดำเนินการก็ขอให้เร่งดำเนินการเพื่อไม่ให้มีผลกระทบภายหลัง คือ กรณีการขุดร่องแม่น้ำโขงนั้นขอให้หารือกับ สปป.ลาว ให้ดีเพราะเป็นเรื่องระหว่างประเทศที่อาจส่งผลกระทบได้
       
       นอกจากนี้ อยากให้มีการประเมินราคาค่าใช้บริการจากเรือและรถบรรทุกให้ต่ำลงเพื่อดึงดูดใจ เพราะท่าเรือแห่งที่ 1 ปัจจุบันคิดราคาเรือเทียบท่า 300 บาท และรถบรรทุก 300 บาท แต่ปัจจุบันเพิ่มเป็น 600 บาท จนทำให้มีผู้ไปใช้บริการน้อยและหันไปใช้ท่าเรือเอกชนแทน
       
       ขณะเดียวกัน ก็กังวลเรื่องระดับน้ำในแม่น้ำโขงที่จะลดระดับลงตั้งแต่เดือนธันวาคม-เมษายน ของทุกปี จึงเกรงว่าเรือสินค้าที่ตั้งเป้าให้รับได้กว่า 300 ตัน จะเข้าไปปากแม่น้ำกก ที่ห่างจากท่าเรือแห่งเดิมประมาณ 10 กิโลเมตรไม่ได้ ก็จะทำให้ไม่สามารถใช้ประโยชน์ท่าเรือได้เต็มที่ตามเป้าหมาย
       
       อย่างไรก็ตาม นายชลอ คชรัตน์ อธิบดีกรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี กล่าวว่า มีความจำเป็นต้องสร้างท่าเรือใหม่ เพราะแห่งที่ 1 มีเนื้อที่แค่ 9 ไร่ ใช้งานแค่ 4 ไร่ที่เหลือใช้จอดรถ และขยายตัวสร้างคลังสินค้าก็ไม่ได้ทั้งยังอยู่กลางเมืองเชียงแสนและโบราณสถานเชียงแสน
       
       นอกจากนี้ กำหนดให้ได้ใช้งานนาน 15 ปี รองรับปริมาณสินค้าได้ปีละ 300,000 ตัน แต่ปรากฏว่าปัจจุบันปริมาณสินค้าทะลุกว่า 100,000 ตันแล้ว สำหรับเรื่องความคุ้มทุนนั้นตนเห็นว่าไม่น่าห่วงเพราะ 7 เดือนที่ผ่านมาท่าเรือแห่งที่ 1 ทำกำไรได้ประมาณ 3 ล้านบาท คาดว่าตลอดทั้งปีอาจจะถึง 5-10 ล้านบาท ดังนั้นหากท่าเรือแห่งที่ 2 แล้วเสร็จและใช้ได้อย่างเต็มที่อาจจะมีรายได้ทะลุ 10-20 ล้านบาท ด้านความกังวลเรื่องผลกระทบ กรมฯได้กำหนดเอาไว้ในสัญญาทุกระดับเอาไว้กว่า 10 แผนเชื่อว่าจะไม่มีปัญหา
       
       ทั้งนี้ ระหว่างที่มีการประชาสัมพันธ์โครงการดังกล่าวต่อภาคส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องนี้ บริเวณไซต์งานก่อสร้าง ก็เริ่มนำเครื่องจักรเข้าไปปรับหน้าดิน ซึ่งเป็นป่าแขม ติดกับแม่น้ำกก-แม่น้ำโขงแล้ว

แหล่งข่าว ผู้จัดการออนไลน์
 
* เชียงรายโฟกัส ดอทคอม/ www.chiangraifocus.com



5บริษัทยักษ์ชิงดำสร้างสะพานแม่น้ำโขง โครงการร่วมไทย-จีนมูลค่าพันล้าน

วันที่ 07 ธันวาคม พ.ศ. 2552 ปีที่ 32 ฉบับที่ 11594 มติชนรายวัน


นายวีระ เรืองสุขศรีวงศ์ อธิบดีกรมทางหลวงเปิดเผยถึงความคืบหน้าในการก่อสร้างโครงการสะพานข้ามแม่น้ำโขงตามแนวเศรษฐกิจเหนือ-ใต้ หรือที่ห้วยทราย-เชียงของ ว่ามีกลุ่มบริษัทก่อสร้างที่ผ่านการคัดเลือกตามเงื่อนไขในการเข้ายื่นซองประกวดราคา ซึ่งจะเปิดยื่นซองในวันที่ 7 มกราคม 2553 แล้ว 5 ราย เป็นกลุ่มบริษัทร่วมค้าระหว่างบริษัทไทยกับจีน ประกอบด้วยกลุ่มร่วมค้าซีเควายเอส กลุ่มร่วมค้าซีทีเอ็น กลุ่มพันธมิตรเอสซีซี-เอ็มบีซีซี และกลุ่มร่วมค้าซีอาร์เอส-เคที คาดว่า หลังได้ผู้ชนะการประมูลแล้ว จะลงนามสัญญาจ้างและเริ่มงานก่อสร้างได้ในเดือนมีนาคม 2553 โดยจะใช้ระยะเวลาก่อสร้าง 30 เดือน

สำหรับสะพานดังกล่าว เป็นโครงการร่วมกันระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลจีน ซึ่งที่ผ่านมาได้ลงนามร่างความตกลงว่าด้วยการจัดการด้านการเงินสำหรับงานก่อสร้าง โดยร่วมกันรับผิดชอบฝ่ายละเท่ากัน วงเงินค่าก่อสร้าง 1,624 ล้านบาท หรือประเทศละ 812 ล้านบาท ซึ่ง ครม.ได้อนุมัติให้ปรับวงเงินค่าก่อสร้างในส่วนที่รัฐบาลไทยต้องรับผิดชอบแล้ว 812 ล้านบาท และเพิ่มวงเงินค่าควบคุมงานอีก 45.5 ล้านบาท

ทั้งนี้ ลักษณะของสะพาน จะมีความยาว 11.6 กิโลเมตร โดยจะเป็นสะพานข้ามแม่น้ำโขง ขนาด 2 ช่องจราจรพร้อมทางเท้า ความยาว 480 เมตร และสะพานเชิงลาดฝั่งไทย ยาว 150 เมตร รวมความยาว 630 เมตร ถนนฝั่งไทย เป็นทางหลวงลาดยางขนาด 4 ช่องจราจร มีความยาว 5 กิโลเมตร มีจุดเปลี่ยนทิศทางจราจร เป็นทางแยกระดับพื้นดิน และติดตั้งสัญญาณไฟจราจร โดยรูปแบบการก่อสร้างพร้อมอาคารด่านพรมแดนรูปแบบสถาปัตยกรรมล้านนา ส่วนถนนฝั่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เป็นทางหลวงลาดยางขนาด 2 ช่องจราจร มีความยาวประมาณ 6 กิโลเมตร ก่อสร้างพร้อมอาคารด่านพรมแดนรูปแบบสถาปัตยกรรมล้านช้าง

หน้า 18

IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,112


« ตอบ #42 เมื่อ: วันที่ 21 มกราคม 2010, 14:29:02 »

เชียงราย – “ซาเล้ง” นำทีม รมต.คมนาคมภูมิใจไทย นำคณะลงเชียงราย ตระเวนดูการก่อสร้างท่าเรือเชียงแสน 2 – สะพานข้ามโขง 4 ก่อนขึ้นเวที อบจ.เชียงราย ที่ส่งเทียบเชิญ ภท. เปิดทิศทางอนาคตรถไฟ “เด่นชัย-เชียงราย”

รายงานข่าวจาก จ.เชียงราย แจ้งว่า ระหว่างวันที่ 21-22 ม.ค.53 นี้นายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และนายเกื้อกูล ด่านชัยวิจิตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม มีกำหนดตรวจราชการในพื้นที่จังหวัดเชียงราย โดยในวันแรก (21 ม.ค.) จะเดินทางไปตรวจติดตามการก่อสร้างท่าเรือแม่น้ำโขงเชียงแสนแห่งที่ 2 ที่หมู่บ้านสบกก ต.บ้านแซว อ.เชียงแสน ชายแดนไทย-สปป.ลาว ซึ่งกรมขนส่งทางน้ำและพาณิชย์นาวีกำลังก่อสร้างบนเนื้อที่ 402.3 ไร่ ด้วยงบประมาณ 1,560.580 บาท เพื่อสร้างท่าเรือใหม่ให้สามารถรองรับเรือรุ่นใหม่ที่มีความยาว 40 เมตร ได้พร้อมกัน 11 ลำ มีลานจอดรถขนาด 93,830 ตารางเมตร หน้าท่าเป็นทางลาดกว้าง 15 เมตร ยาว 30 เมตร ระดับ 2 ชั้น

ซึ่งจะเป็นท่าเรือ ที่สามารถใช้ได้ทั้งระดับน้ำขึ้นและลง มีท่าเรือที่ขนถ่ายด้วยเครน 4 ท่า รองรับรถยก 30 ตัน และมีท่าสำหรับขนถ่ายตู้คอนเทนเนอร์ มีสะพานขนาด 10 คูณ 50 เมตร ยื่นไปกลางแม่น้ำสำหรับเรือบรรทุกผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม นอกจากนี้ในระยะที่ 2 กำหนดให้เพิ่มระบบเครนและสายพาน 1 ท่า ระบบตู้คอนเทนเนอร์อีก 8 ท่า เป็นที่ตั้งของ 8 หน่วยงาน เช่น ศุลกากร ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ด่านตรวจพืช-สัตว์ องค์การอาหารและยา (อย.) ฯลฯ ซึ่งจะก่อสร้างแล้วเสร็จภายในสิ้นปี 2553 นี้หรือใช้ระยะเวลาก่อสร้างนาน 2 ปี

จากนั้นจะลงตรวจพื้นที่ก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขง (เชียงของ-ห้วยทราย) ฝั่งไทยที่อำเภอเชียงของ เพื่อเชื่อมกับถนน R3A ไทย-สปป.ลาว-จีนตอนใต้ ซึ่งตามแปลนก่อนสร้าง จะเป็นสะพานแบบ Pre-Stressed Concrete Box Girder Bridge โดยมีเสาตอม่อในแม่น้ำโขง 4 เสา ตัวสะพานจะกว้าง 14.7 เมตร มีสองช่องจราจร ความยาวตัวสะพาน 480 เมตร แต่เมื่อรวมกับสะพานต่อเนื่องบนบกของฝั่งไทยก็จะมีความยาวรวม 630 เมตร

นอกจากนี้ ยังมีโครงการเสริมคือการสร้างถนน 4 ช่องจราจรในฝั่งไทยอีกประมาณ 5 กิโลเมตรโ ดยกันเขตทางเอาไว้ 60 เมตร และถนน 2 ช่องจราจรในฝั่ง สปป.ลาว ระยะทาง 60 กิโลเมตร เขตทาง 50 เมตร รวมทั้งสร้างอาคารด่านพรมแดนทั้งฝั่ง อ.เชียงของ และเมืองห้วยทราย เป็นรูปแบบศิลปะล้านนาผสมผสานกับศิลปะประจำถิ่น และกันพื้นที่ไว้เป็นจุดจอดรถ คลังสินค้า ส่วนขยาย ฯลฯ และสร้างจุดเปลี่ยนการจราจรในฝั่ง อ.เชียงของ เพื่อให้สอดคล้องกับการจราจรในฝั่ง สปป.ลาว และจีนด้วย

ล่าสุดโครงการนี้ได้ประกวดราคาจัดหาเอกชนเพื่อทำการก่อสร้างแล้ว ด้วยงบประมาณร่วมไทย-จีน ประมาณ 1,650 บาท กำลังอยู่ระหว่างตรวจสอบสัญญา ก่อนที่จะเริ่มก่อสร้างได้ในเดือนมีนาคม 53 และให้แล้วเสร็จในปี 2555 หรือภายในระยะเวลา 30 เดือนต่อไป

วันเดียวกัน (21 ม.ค.)ในช่วงเย็นนายโสภณ และคณะจะเดินทางไปยังสำนักงานแห่งใหม่ของแขวงการทางเชียงรายที่ 1 ประชุมร่วมกับหน่วยงานในสังกัดใน จ.เชียงราย เพื่อติดตามความคืบหน้าโครงการต่าง ๆ จากนั้นเดินทางไปตรวจราชการ ที่สถานีขนส่งผู้โดยสารเชียงรายแห่งที่ 2 ต.สันทราย อ.เมืองเชียงราย

โดยในวันพรุ่งนี้ (22 ม.ค.) คณะ รมว.คมนาคมจะเดินทางไปยังห้องประชุม ศูนย์บูรณาการและการเรียนรู้ องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เชียงราย เปิดการสัมมนาและปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “แนวทางการพัฒนาจังหวัดเชียงราย” ซึ่งมีรายงานว่า จะมีการเปิดเผยถึงความคืบหน้าในการพัฒนาเส้นทางรถไฟสายเด่นชัย-เชียงราย ที่มีการผลักดันกันมานาน แต่ล่าสุดรัฐบาลกลับให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กลับไปศึกษาความคุ้มทุนกันใหม่อีก ทำให้โครงการไม่มีการก่อสร้างอีกเช่นเคย
ขณะที่หน่วยงานองค์กรต่างๆ ในพื้นที่ เช่น อบจ.เชียงราย มหาวิทยาลัยทุกแห่ง ภาคสื่อมวลชน ฯลฯ ต่างพยายามผลักดันในเรื่องนี้ไปยังกระทรวงคมนาคม ซึ่งอยู่ในขั้วพรรคภูมิใจไทยอย่างเต็มที่

http://www.manager.co.th/Local/ViewN...=9530000008816
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,112


« ตอบ #43 เมื่อ: วันที่ 21 มกราคม 2010, 14:34:27 »

ชงสารพัดโปรเจกต์รับลุ่มน้ำโขงโต ทั้งเปิดด่านเพิ่มรอบทิศ-รื้อลอจิสติกส์ เหนือ

เชียงราย – รัฐ-เอกชน เร่งชงสารพัดโครงการรองรับกรอบการพัฒนาลุ่มน้ำโขง ทั้งเปิดด่านเพิ่มรอบชายแดน ปลุกผีรถไฟเด่นชัย – เชียงราย ขณะที่ผู้ว่าฯเชียงใหม่ นำทีมเจรจา “อลงกรณ์” ดันรัฐบาล “มาร์ค” รื้อลอจิสติกส์ 10 จังหวัดภาคเหนือเพิ่มศักยภาพการขนส่ง

นายพัฒนา สิทธิสมบัติ ประธานคณะกรรมการเพื่อโครงการสี่เหลี่ยมเศรษฐกิจ (คสศ.) หอการค้า 10 จังหวัดภาคเหนือ เปิดเผยภายหลังจัดประชุม คสศ.หอการค้า 10 จังหวัดภาคเหนือ ครั้งที่ 1/2553 ณ โรงแรมพิมานอินน์ อ.เมือง จ.เชียงราย เมื่อเร็วๆ นี้ ว่า คสศ.ได้ทำเรื่องถึงเลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติหรือสภาพัฒน์ เพื่อให้มีการผลักดันให้มีการจัดหาที่ดินบริเวณเชิงสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 4 เชื่อมกับถนน R3a ในฝั่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว(สปป.ลาว )ที่ อ.เชียงของ จ.เชียงราย โดยกันที่ดินมาใช้ในการเป็นศูนย์บริการด้านลอจิสติกส์โดยเฉพาะภาคการขนส่งระหว่างไทย-สปป.ลาว-จีนตอนใต้ ซึ่งสภาพัฒน์ได้เห็นชอบในหลักการไปแล้วและมอบหมายให้มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ได้เข้าไปศึกษาวิจัยให้แล้วเสร็จภายในเดือน กันยายน 2553

นายพัฒนา กล่าวว่า หลังการดำเนินการแล้วดังกล่าว คสศ.หอการค้า 10 จังหวัดภาคเหนือ ได้มีการประชุมกันในครั้งนี้และมีมติให้จัดทำหนังสือข้อเรียกร้องผ่านนายอลงกรณ์ พลบุตร รมช.กระทรวงพาณิชย์ ซึ่งรับผิดชอบดูแลด้านลอจิสติกส์ของรัฐบาลและเดินทางมาร่วมสัมมนาเรื่อง GMS ในทศวรรษใหม่ เพื่อให้พิจารณาเสนอต่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้พิจารณาดำเนินการอีกหลายเรื่อง

ได้แก่ ให้เปิดจุดผ่านแดนใหม่ในภาคเหนือโดยเฉพาะที่ด่านบ้านห้วยผึ้ง อ.แม่ลาน้อย จ.แม่ฮ่องสอน ด่านกิ่วผาวอก จ.เชียงใหม่ ให้รัฐบาลได้มีการเจรจาระหว่างประเทศเพื่อให้เกิดการเปิดด่านต้าลั๊ว บนถนน R 3 b เชื่อมไทย-พม่า-จีนตอนใต้ ซึ่งด่านนี้เป็นจุดเชื่อมระหว่างจีนตอนใต้กับพม่า แต่ถูกปิดใช้งานมานานหลายปีแล้ว และหากเปิดใช้งานได้ก็จะมีระยะทางในการขนส่งสินค้าและท่องเที่ยวจาก จ.เชียงราย สู่จีนตอนใต้ ได้ใกล้เคียงกับถนน R3a ที่ผ่าน สปป.ลาว
นอกจากนี้ยังได้เสนอให้มีการพัฒนาระบบรถไฟรางคู่จาก อ.เด่นชัย จ.แพร่ สู่เชียงราย ให้สำเร็จในรัฐบาลชุดนี้หลังจากเรื่องยืดเยื้อมานานหลายสิบปีแล้ว

นายประสพสุข พ่วงสาครา ผู้อำนวยการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สำนักงานภาคเหนือ ในฐานะที่ปรึกษา คสศ.หอการค้า 10 จังหวัดภาคเหนือ กล่าวว่า ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ประเทศจีนได้มีการเปิดใช้รถไฟความเร็วสูงจากเมืองหูเป่ยหรืออู่ฮั่น ลงมาถึงเมืองฉางซา เมืองหลวงของมณฑลหูหนัน และต่อมายังเมืองกว่างโจว มณฑลกวางตุ้งแล้ว รวมทั้งกำลังจะเชื่อมต่อมายังเมืองเซินเจิ้น เขตเศรษฐกิจพิเศษที่สำคัญในภาคใต้ด้วย

รถไฟความเร็วสูงดังกล่าวทำความเร็วได้ถึง 350 กิโลเมตรต่อชั่วโมงซึ่งถือว่าเร็วที่สุดในโลก และเป็นหนึ่งในโครงการพัฒนาระบบการขนส่งทั่วประเทศของจีนให้เชื่อมถึงกันทั่วประเทศได้อย่างรวดเร็ว คาดว่าภายใน 10-15 ปีข้างหน้ารถไฟความเร็วสูงดังกล่าวจะเชื่อมต่อไปยังมณฑลต่างๆ อีก และลงสู่ภาคตะวันตกเฉียงใต้ซึ่งมีการค้าขายกับประเทศไทยผ่าน จ.เชียงราย โดยตรง จากนั้นคงจะเชื่อมต่อลงไปยังกลุ่มอาเซียนอื่นๆ คือ มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย ต่อไป ดังนั้น การเตรียมการรองรับระบบการขนส่งอันเกิดจากการถาโถมลงมาของเศรษฐกิจจีน จึงเป็นสิ่งที่ดี

ด้านนายวิรุณ คำภิโล ประธานหอการค้า จ.เชียงราย กล่าวว่าปัจจุบันเชียงรายมีการค้าชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้านผ่าน 3 จุดผ่านแดนถาวรที่ อ.แม่สาย อ.เชียงแสน และ อ.เชียงของ โดยถนน R3a ซึ่งเชื่อมกับจุดผ่านแดนถาวร อ.เชียงของ มีความคึกคึกมากขึ้นตามลำดับ หลังถนนแล้วเสร็จ และกำลังมีโครงการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงเชื่อมระหว่าง อ.เชีย'ของ กับเมืองห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว ด้วย ดังนั้นในอนาคตคงต้องให้ความสำคัญต่อระบบลอจิสติกส์เพราะเป็นต้นทุนของการค้าถึง 17% แต่ที่ประเทศสิงคโปร์มีการจัดระบบลอจิสติกส์ดีมาก จึงทำให้ต้นทุนลดลงเหลือ 10% ซึ่งตนเห็นว่าการผลักดันเรื่องรถไฟเด่นชัย-เชียงราย เป็นหนึ่งในการพัฒนาระบบลอจิสติกส์ของ จ.เชียงราย

นายสุพจน์ กลิ่นปราณีต ประธานหอการค้า จ.แม่ฮ่องสอน กล่าวว่า เหตุที่ต้องผลักดันให้มีการเปิดจุดผ่อนปรนไทย-พม่า ที่บ้านห้วยผึ้งเนื่องจากจุดดังกล่าวตั้งอยู่ห่างจากเมืองเนปิดอร์เมืองหลวงใหม่ของประเทศพม่าเพียงประมาณ 200 กิโลเมตร และสามารถเชื่อมต่อไปยังเมืองใหญ่ต่างๆ ของพม่ารวมทั้งผ่านไปยังประเทศบังกลาเทศ อินเดียหรือขึ้นสู่จีนตอนใต้ได้

ในโอกาสนี้นายอมรพันธ์ นิมานันท์ ผู้ว่าราชการ จ.เชียงใหม่ ได้นำคณะตัวแทนจากภาครัฐและเอกชนในภาคเหนือ นำเสนอเรื่องการพัฒนาระบบลอจิสติกส์ในภาคเหนือเพื่อให้รัฐบาลนำไปดำเนินการ โดยเสนอให้มีการศึกษาเพื่อพัฒนาระบบลอจิสติกส์ระหว่าง 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน กับจังหวัดที่เกี่ยวข้องคือพิษณุโลก ตาก และอุตรดิตถ์ หรือ 8 บวก 3 แต่นายอลงกรณ์ ขอให้ทุกจังหวัดได้กลับไปประชุมหารือกันอีกครั้ง เพื่อแจ้งรายละเอียดในการศึกษาร่วมกันให้ชัดเจนจากนั้นให้นำเสนอไปยังรัฐบาลอีกครั้งหนึ่ง

นายอมรพันธ์ กล่าวว่า ปัจจุบันการคมนาคมในกลุ่มประเทศ GMS โดยเฉพาะระเบียงเหนือ-ใต้ หรือไทย-จีนตอนใต้ ซึ่งมีการพัฒนาไปมากโดยมีการสร้างถนน สะพาน เส้นทางการบิน ทางเรือ ฯลฯ ถึงกันตลอด แต่ปรากฏว่าที่ผ่านมาแต่ละจังหวัดในภาคเหนือ ซึ่งกำลังจะได้รับผลกระทบจากการพัฒนาดังกล่าวโดยตรง กลับมีการพัฒนาในลักษณะต่างฝ่ายต่างดำเนินการทำให้ดูเหมือนว่าไม่ได้เชื่อมต่อถึงกัน โดยเฉพาะระบบลอจิสติกส์ไม่ได้หมายถึงแค่การขนส่งแต่หมายถึงทุกๆ อย่างในการนำสินค้าจากแหล่งผลิตไปสู่จุดจำหน่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ดังนั้นจึงได้เสนอให้รัฐบาลอนุมัติให้มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ศึกษาวิจัยใน 8 จังหวัดบวก 3 ดังกล่าว ว่าสภาพปัจจุบันเป็นอย่างไร และในอนาคตแต่ละจังหวัดควรจะทำสิ่งใด เพื่อให้สอดคล้องกับศักยภาพและความเหมาะสมของตัวเอง รวมทั้งหาแนวทางเชื่อมโยงระบบลอจิสติกส์ร่วมกัน ทั้งนี้หากได้รับการอนุมัติงบประมาณก็คงจะใช้เวลาเพียง1 ปีเท่านั้น

โดย ASTVผู้จัดการรายวัน 20 มกราคม 2553 20:23 น.
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,112


« ตอบ #44 เมื่อ: วันที่ 26 มกราคม 2010, 12:56:38 »

กรมทางหลวงกำหนดโครงการขนส่งพื้นฐานเชื่อมต่อประเทศลุ่มน้ำโขง




กรุงเทพฯ 25 ม.ค. - นายวีระ เรืองสุขศรีวงศ์ อธิบดีกรมทางหลวง เปิดเผยหลังสัมมนาการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและบริการระบบคมนาคมขนส่งจังหวัดเชียงราย ว่า ขณะนี้กรมทางหลวงมีโครงการรองรับยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและการขนส่งในจังหวัดเชียงราย และพื้นที่ภาคเหนือตอนบน เพื่อให้ประชาชนได้รับความสะดวกในการคมนาคมขนส่งสินค้า และ ท่องเที่ยวมากขึ้น

ทั้งนี้ โครงการต่าง ๆ จะประกอบด้วย การก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงที่อำเภอเชียงของตาม โครงการสะพานข้ามแม่น้ำโขงตามแนวเศรษฐกิจเหนือ - ใต้ (ห้วยทราย- เชียงของ) ของอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง โดยร่วมกันรับผิดชอบฝ่ายละเท่ากัน ในวงเงินค่าก่อสร้าง 1,624 ล้านบาท ซึ่งความคืบหน้าในขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจเอกสารและลงนามในสัญญาคาดว่าจะลงนามาได้ในเดือนมีนาคม 2553 ใช้ระยะเวลาก่อสร้าง 30 เดือน เมื่อโครงการก่อสร้างแล้วเสร็จ จะก่อให้เกิดประโยชน์กับอนุภูมิภาคแห่งนี้ ในด้านการค้าการลงทุน มีความสะดวกในการคมนาคมขนส่งและการติดต่อกัน รวมทั้งศักยภาพด้านการท่องเที่ยวระหว่างเชียงรายถึงคุนหมิงอีกด้วย

นอกจากนี้ ยังมีโครงการสนับสนุนเพื่อรองรับสะพานเชียงของและท่าเรือเชียงแสน 2 ซึ่งปัจจุบันกรมทางหลวงมีแผนที่จะปรับปรุงถนน ก่อสร้างและขยายทางหลวงหมายเลข 1152 จากจังหวัดเชียงราย - อำเภอพญาเม็งราย - บ้านต้าตลาด และทางหลวงหมายเลข 1120 จาก บ้านต้าตลาด – อำเภอเชียงของ ระยะทางรวม 110 กิโลเมตร ให้เป็นถนนขนาด 4 ช่องจราจร ส่วนการพัฒนาเส้นทางรองรับท่าเรือเชียงแสน 2 กรมทางหลวงยังมีแผนงานโครงการพัฒนาทางหลวงรองรับการก่อสร้างท่าเรือเชียงแสน 2 ได้แก่โครงการก่อสร้างขยายทางหลวงหมายเลข 1061 จาก อำเภอแม่จัน – อำเภอเชียงแสน (รวมทางเลี่ยงเมืองเชียงแสน ระยะทางระยะ 37 กิโลเมตร) ให้เป็นถนนขนาด 4 ช่องจราจร ก่อสร้างขยายทางหลวงหมายเลข 1290 จากอำเภอแม่สาย – อำเภอเชียงแสน ระยะทาง 36 กิโลเมตร ให้เป็นถนน 4 ช่องจราจร โครงการก่อสร้างขยายทางหลวงหมายเลข 1129 จากอำเภอเชียงแสน–อำเภอเชียงของ ระยะทาง 59 กิโลเมตร ให้เป็นถนน ขนาด 4 ช่อง จราจร และการก่อสร้างทางเลี่ยงเมืองเชียงราย ระยะทาง 28 กิโลเมตร โดยจะทำเป็นโครงการก่อสร้างขนาด 4 ช่องจราจร

โครงการทางหลวงหมายเลข 1290 อำเภอแม่สาย – อำเภอเชียงแสน ส่วนที่ 1 ระยะทาง 30.46 กิโลเมตร ค่างาน 598 ล้านบาท สัญญา 1 ตุลาคม 2552 – 21 สิงหาคม 2554 , ทางหลวงหมายเลข 1290 อำเภอแม่สาย – อำเภอเชียงแสน ส่วนที่ 2 ระยะทาง 8.00 กิโลเมตร ค่างาน 300 ล้านบาท ทางหลวงหมายเลข 1016 อำเภอแม่จัน – อำเภอเชียงแสน ระยะทาง 19.2 กิโลเมตร ค่างาน 630.98 ล้านบาท สัญญา 7 ต.ค.52 – 26 ก.ย.54 ทางหลวงหมายเลข 1016 อ.แม่จัน – อ.เชียงแสน (รวมทางเลี่ยงเมืองเชียงแสน) ระยะทาง 16.402 กิโลเมตร ค่างาน 540 ล้านบาท (อยู่ระหว่างคิดราคา) ทางหลวงหมายเลข 118 เชียงใหม่ – เชียงราย ตอน 4 ระยะทาง 27 กิโลเมตร ค่างาน 900 ล้านบาท ทางหลวงหมายเลข 118 เชียงใหม่ – เชียงราย ตอน 3 ระยะทาง 40 กิโลเมตร ค่างาน 1,300 ล้านบาท ทางหลวงหมายเลข 118 เชียงใหม่ – เชียงราย ตอน 1(ดอยสะเก็ด – แม่เจดีย์) ระยะทาง 33 กิโลเมตร ค่างาน 1,300 ล้านบาท ทางหลวงหมายเลข 118 เชียงใหม่ – เชียงราย ตอน 2 (ดอยสะเก็ด – แม่เจดีย์) ระยะทาง 10 กิโลเมตร ค่างาน 420 ล้านบาท สะพานที่อำเภอเชียงของ ค่างาน 1,624 ล้านบาท (ปี 2553 – 2555) คาดว่าก่อสร้าง พ.ค. 2553

ทางหลวงหมายเลข 1020 เชียงราย - เชียงของ ตอน 1 ระยะทาง 11.1 กิโลเมตร ค่างาน 320 ล้านบาท สัญญา 9 ก.ย. 2552 – 31 พ.ค. 2554 ผลงาน 0.69% ทางหลวงหมายเลข 1020 เชียงราย - เชียงของ ตอน 2 ระยะทาง 18.9 กิโลเมตร ค่างาน 663.80 ล้านบาท สัญญา 10 พ.ย. 2552 – 30 ต.ค. 2554 ทางหลวงหมายเลข 1129 เชียงแสน – เชียงของ ระยะทาง 59 กิโลเมตร ค่างาน 995 ล้านบาท ทางหลวงหมายเลข 1020 เทิง – บ้านต้าตลาด ระยะทาง 25 กิโลเมตร ค่างาน 850 ล้านบาท ทางหลวงหมายเลข 1152,1020 เชียงราย - เชียงของ ตอน 3 ระยะทาง 75 กิโลเมตร

นายวีระ กล่าวอีกว่า เมื่อโครงการก่อสร้างแล้วเสร็จ จะก่อให้เกิดประโยชน์กับอนุภูมิภาคแห่งนี้ ในด้านการค้าการลงทุน มีความสะดวกในการคมนาคมขนส่งและการติดต่อกัน รวมทั้งศักยภาพทางด้านการท่องเที่ยวระหว่างเชียงรายถึงคุนหมิงอีกด้วย. -สำนักข่าวไทย


http://news.mcot.net/economic/inside...ZudHlwZT10ZXh0
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,112


« ตอบ #45 เมื่อ: วันที่ 28 มกราคม 2010, 03:13:36 »



กรมทางหลวง จัดประชุมรับฟังความคิดเห็นโครงข่ายทางหลวงเชื่อมโยงเชียงราย – สะพานข้ามแม่น้ำโขง


*********************


นายวิชัย เรืองสวัสดิ์ ผู้อำนวยการสำนักแผนงาน กรมทางหลวง แจ้งว่า สำนักแผนงาน กรมทางหลวง ได้ว่าจ้างกลุ่มบริษัทที่ปรึกษาฯ เพื่อดำเนินการศึกษาความเหมาะสมทางด้านเศรษฐกิจ วิศวกรรม และผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการก่อสร้าง 4 ช่องจราจร โครงข่ายทางหลวงเชื่อมโยงเชียงราย – สะพานข้ามแม่น้ำโขงที่เชียงของ ซึ่งในขั้นตอนของการศึกษาฯ จะต้องดำเนินการประชาสัมพันธ์ เผยแพร่โครงการ เพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมในโครงการฯ


กรมทางหลวงได้เล็งเห็นความสำคัญของการมีส่วนร่วมของประชาชน อันจะเอื้อประโยชน์สูงสุดในการศึกษาฯ และสอดคล้องตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน พ.ศ. 2548 จึงได้กำหนดให้มีการประชุมสัมมนาครั้งที่ 2 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำเสนอภาพรวมของโครงการ ความก้าวหน้าของการศึกษา สรุปผลการคัดเลือกรูปแบบทางเลือกที่เหมาะสม พร้อมทั้งรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะต่อการศึกษา ในวันพฤหัสบดีที่ 28 มกราคม 2553 เวลา 08.30-12.00 น. ณ ห้องแม่กก แขวงการทางเชียงรายที่ 1 อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย โดยผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นายสุเมธ แสงนิ่มนวล จะกล่าวเปิดการประชุม ในเวลา 09.05 น


http://www.chiangrai.prdnorth.in.th/ct/news/viewnews.php?ID=100127142202
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,112


« ตอบ #46 เมื่อ: วันที่ 28 มกราคม 2010, 15:49:52 »

เดินหน้าสร้างสะพานข้ามโขง4 วางศิลาฤกษ์เม.ย.นี้-แล้วเสร็จ2555

แนวหน้า 26/01/2010


เชียงราย:นายวีระ เรืองสุขศรีวงศ์ อธิบดีกรมทางหลวง เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 4 ระหว่าง อ.เชียงของ จ.เชียงราย กับเมืองห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชน(สปป.)ลาว ด้วยงบประมาณก่อสร้างกว่า 1,650 ล้านบาท ว่า ขณะนี้ได้มีการเปิดซองประกวดราคาเพื่อจัดหาเอกชนดำเนินการก่อสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ได้แก่ กลุ่มซีอาร์ 5-เคที จอยท์เวนเจอร์ ซึ่งเป็นการร่วมทุนกันระหว่างบริษัทไชน่า เรลเวย์ โน.5 เอ็นจิเนียริ่ง กรุ๊ป จำกัด จากประเทศจีน บริษัทกรุงธนเอ็นยิเนียร์ จำกัด จากประเทศไทย และได้ทำสัญญาก่อสร้างสะพานดังกล่าวให้แล้วเสร็จระยะเวลาก่อสร้าง 30 เดือนหรือปลายปี 2555

โดยรูปแบบของสะพานจะมีความยาวของตัวสะพาน 480 กิโลเมตร โดยมีช่วงถนนเชื่อมสะพานฝั่งไทย 150 เมตร และ ฝั่ง สปป.ลาว อีก 6 กิโลเมตร ตัวสะพานออกแบบให้มีสองช่องจราจรไปและกลับกว้าง 14.7 เมตร และมีไหล่ทางกว้าง 1.25 เมตร โดยแบบทั้งหมดเป็นแบบที่สมบูรณ์จะไม่มีการแก้ไขใดๆ อีก

ด้านนายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม กล่าวว่า รัฐบาลโดยกระทรวงคมนาคมมุ่งที่จะให้เชียงรายเป็นประตูสู่ประเทศเพื่อนบ้านในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงโดยเฉพาะการเชื่อมไทย-จีนตอนใต้ โดยสะพานแม่น้ำโขงแห่งที่ 4 จะเป็นโครงข่ายที่สามารถเชื่อมกับถนน R3A ไทย-สปป.ลาว-จีน หรือเหนือ-ใต้ของกลุ่มประเทศ GMS ทั้งด้านการค้าและการท่องเที่ยว และขั้นตอนต่อไปคือการส่งมอบพื้นที่ให้กับกรมทางหลวงเพื่อเปิดให้เอกชนทำการก่อสร้าง

ส่วนกรณีที่กลุ่มทุนไทย-เกาหลีใต้ ได้รับสัมปทานพัฒนาพื้นที่ 1,200 ไร่ในฝั่งเมืองห้วยทราย สปป.ลาว แต่ไปขวางแบบแปลนที่กรมทางหลวงออกแบบให้สร้างถนนไกล 6 กิโลเมตร และด่านพรมแดนในฝั่ง สปป.ลาว ทับซ้อนกับพื้นที่สัมปทานดังกล่าวถึง 70 ไร่ นั้นปัญหาดังกล่าวเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในฝั่ง สปป.ลาว ซึ่งเชื่อว่าทาง สปป.ลาว คงจะเข้าไปจัดการได้.
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,112


« ตอบ #47 เมื่อ: วันที่ 28 มกราคม 2010, 15:50:28 »

กดปุ่มสะพานข้ามโขงเชียงของ อีก30เดือนเปิดใช้-แฉกลุ่มทุนกาสิโนป่วน

วันที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2553 ปีที่ 19 ฉบับที่ 7000 ข่าวสดรายวัน


เชียงราย - นายวีระ เรืองสุขศรีวงศ์ อธิบดีกรมทางหลวง เปิดเผยว่า จากกรณีที่กรมทางหลวงได้รับมอบหมายจากรัฐบาล ให้ออกแบบก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงเชื่อมไทย-ลาว แห่งที่ 4 ที่ อ.เชียงของ จ.เชียงราย กับเมืองห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว เพื่อเชื่อมกับถนนอาร์สามเอ ไทย-ลาว-จีนตอนใต้ นั้น ล่าสุดได้เปิดซองประมูลก่อสร้างจากเอกชนหลายราย ตั้งแต่วันที่ 7 ม.ค. ที่ผ่านมา ผลปรากฏว่ากลุ่มเอกชนที่ได้รับการคัดเลือก ได้แก่ กลุ่มกลุ่มซีอาร์ 5-เคที จอยท์เวนเจอร์ จากประเทศจีน และบริษัท กรุงธนเอ็นยิเนียร์ จำกัด จากประเทศไทย

นายวีระกล่าวว่า สำหรับรูปแบบของสะพานคือ ตัวสะพานมีความยาว 480 เมตร ซึ่งยังไม่รวมถนนในฝั่งลาวและฝั่งไทย โดยจะมีทางต่อเนื่องกับตัวสะพานในฝั่งไทยอีกประมาณ 150 เมตร และก่อสร้างถนนในฝั่งลาวอีกประมาณ 6 ก.ม. การจราจรจะเป็นสองช่องสวนกันบนสะพาน ความกว้างของตัวสะพานประมาณ 14.7 เมตร มีไหล่ทางข้างละ 1.25 เมตร รวมทั้งมีการก่อสร้างอาคารด่านพรมแดนทั้งฝั่งไทยและลาวด้วยงบประมาณ 1,625 ล้านบาท โดยไทยกับจีนเสียค่าใช้จ่ายประเทศละ 50% กำหนดระยะเวลาก่อสร้างทั้งหมด 30 เดือน เริ่มตั้งแต่ต้นเดือนเม.ย.นี้เป็นต้นไป

นายวีระกล่าวถึงกรณีที่ได้มีกลุ่มทุนไทย-เกาหลีใต้เข้าไปได้สัมปทานที่ดิน จุดก่อสร้างฝั่งลาวและดำเนินโครงการนาคราชนคร 1,200 ไร่ โดยกำลังก่อสร้างสนามกอล์ฟ ไร่เกษตร โรงแรมห้าดาวขนาด 120 ห้อง กาสิโน รีสอร์ต ฯลฯ เรียกร้องให้กรมทางหลวงเปลี่ยนแบบแปลนไปสร้างถนนอ้อมด้านหลังโครงการแทนที่จะตัดผ่านที่ดินของโครงการว่า กรมทางหลวงจะไม่มีการแก้ไขแบบแปลนดังกล่าวอีกแล้ว เพราะได้มีการออกแบบกันมาตั้งแต่ต้นและเป็นไปตามข้อตกลงระหว่างไทย-สปป.ลาว-จีน ทุกอย่าง

หน้า 28
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,112


« ตอบ #48 เมื่อ: วันที่ 29 มกราคม 2010, 14:50:07 »

ทีเอ็นที รุกตลาดโลจิกสติกส์เชียงใหม่ -ลำพูน
กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ - วันที่ 28 มกราคม 2553 18:27


[/CENTER]

ทีเอ็นที รุกตลาดโลจิกสติกส์เชียงใหม่ -ลำพูน เน้นเจาะตลาดในนิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือ หวังดึงส่วนแบ่งจากผู้ประกอบการขนส่งญี่ปุ่น

นายธราธร ศรีสกุล ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด บริษัท ทีเอ็นที เอ็กซเพรส เวิลด์ไวด์ (ประเทศไทย)  จำกัด ผู้ให้บริการจัดส่งพัสดุภัณฑ์ด่วน เปิดเผยถึงการจัดงาน "ทีเอ็นที เชียงใหม่ โรดโชว์" ว่า การเดินทางมาจัดโรดโชว์ที่จ.เชียงใหม่ครั้งนี้ เพื่อเจาะตลาดในพื้นที่จ .เชียงใหม่ - ลำพูน โดยเน้นกลุ่มลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือ จ.ลำพูน ซึ่งปัจจุบันการขนส่งสินค้าในนิคมอุตสาหกรรมภาคเหนืออยู่ในมือของผู้ประกอบ การขนส่งชาวญี่ปุ่นเป็นหลัก

บริษัท ทีเอ็นที เคยมาทำตลาดที่จ.เชียงใหม่ - ลำพูน แล้วครั้งหนึ่งเมื่อเดือน มิ.ย. 2552 ที่ผ่านมา แต่ยังไม่ได้เข้าไปทำตลาดอย่างจริงจังในนิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือ  ส่วนเป้าหมายการทำตลาดจะเน้นการขนส่งโดยใช้เส้นทางอาร์ 3 เอ เชื่อมไทย - ลาว - จีน ผ่านอ.เชียงของ - ห้วยทราย - หลวงน้ำทา - บ่อเต็น - บ่อหาน -สิบสองปันนา เป็นการขนส่งโดยใช้รถบรรทุก เพราะจุดแข็งของบริษัท คือ เป็นผู้ประกอบการขนส่งข้ามประเทศ โดยรถบรรทุกที่มีศักยภาพมากที่สุด

นายธราธร กล่าวอีกว่า  เส้นทางอาร์ 3 เอ ถือเป็นทำเลทองในการดำเนินธุรกิจด้านโลจิสติกส์ แต่ปัจจุบันยังไม่มีผู้ประกอบการด้านนี้เข้าไปลงทุนอย่างจริงจัง บริษัท ทีเอ็นที เชื่อว่าหลังเข้ามาทำตลาดในปี 2553 นี้ จะมีรายได้เพียงขึ้นไม่ต่ำกว่า 20 - 30% จากปัจจุบัน

ดร.วิทยา สุหฤทดำรง ผู้อำนวยการสถาบันวิทยาการห่วงโซ่อุปทาน มหาวิทยาลัยศรีปทุม กล่าวว่า  เส้นทางอาร์ 3 เอ เป็นโครงข่ายคมนาคมทางบกที่ก่อสร้างขึ้นเพื่อรองรับการท่องเที่ยวเป็นหลัก จึงไม่สามารถใช้ประโยชน์ด้านโลจิสติกส์ได้เต็มที่ เพราะไม่มีการเตรียมความพร้อมรองรับ  การขนส่งผ่านเส้นทางอาร์ 3 เอ ยังมีอุปสรรคและล่าช้า ทำให้ต้นทุนโลจิสติกส์ค่อนข้างสูง

ทั้งนี้ หากต้องใช้ประโยชน์จากเส้นทางคมนาคมเพื่อช่วยพัฒนาเศรษฐกิจให้ดีขึ้น จำเป็นต้องพัฒนาถนนให้มีความพร้อมรองรับมากกว่านี้ ตัวอย่างเช่น จีนที่ใช้งบลงทุนด้านโลจิกสติกส์ค่อน ข้างสูง การก่อสร้างหรือตัดถนนของจีน จะเน้นตัดถนนเป็นทางตรงเพื่อใช้ประโยชน์และลดต้นทุนโลจิสติกส์เป็นหลัก โดยเฉพาะเส้นทางอาร์ 3 เอ  ที่จีนพัฒนาเพราะต้องการขนส่งสินค้ามาทางตอนใต้ของประเทศ สำหรับประเทศไทยมาตรฐานการตัดถนนยังไม่ดีเท่าที่ควรแม้มีการลงทุนขยายถนน เพิ่มขึ้น

ดร.วิทยา กล่าวอีกว่า   โครงสร้างถนนของประเทศไทยใช้ประโยชน์เพื่อรองรับการท่องเที่ยวเท่านั้น หากต้องการใช้ประโยชน์ด้านโลจิสติกส์เพื่อลดต้นทุนและเวลาในการขนส่ง ต้องพัฒนามาตรฐานการก่อสร้างถนนให้รองรับการขนส่งสินค้า  รวมทั้งต้องพัฒนาตลาดและออกไปหาลูกค้า มิฉะนั้นประเทศไทยจะไม่สามารถเป็นศูนย์กลางด้านการขนส่งในภูมิภาคได้

พม่า ลาว และเวียดนาม มีช่องทางออกสู่ทะเล จึงเป็นทางเลือกของจีน  ในอนาคตหากไทยไม่เร่งพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับโลจิกสติกส์จีน อาจเปลี่ยนเส้นทางไปใช้ทางออกสู่ทะเลช่องทางอื่นแทน เพราะไทยไม่มีท่าเรือน้ำลึกเพิ่มเติมนอกเหนือจากท่าเรือแหลมฉบังเพียงแห่ง เดียวซึ่งปัจจุบันแออัดมาก ส่วนระบบรถไฟรางคู่ในประเทศการรถไฟแห่งประเทศไทยก็ไม่มีแผนพัฒนา ขณะที่จีนได้มุ่งสร้างเส้นทางรถไฟไปยังเวียดนามแทนแล้ว" ดร.วิทยากล่าว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 29 มกราคม 2010, 14:52:40 โดย boondham » IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,112


« ตอบ #49 เมื่อ: วันที่ 29 มกราคม 2010, 14:53:16 »

----
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 29 มกราคม 2010, 15:25:29 โดย boondham » IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,112


« ตอบ #50 เมื่อ: วันที่ 29 มกราคม 2010, 15:20:11 »

ทล.เปิดห้องแจงแนวถนนรับสะพานโขง 4-ชาวบ้านยืนข้อเสนอยึดแนวเส้นทางเก่า



   
เชียงราย– ทางหลวงเปิดห้องแจงความเหมาะสมแนวถนน 4 เลนเชื่อมสะพานข้ามโขง 4 ทะลุลาว ครั้งที่ 2 เผยชาวบ้านในพื้นที่เชียงของ ยืนข้อเสนอขยายแนวถนนเดิม หวังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่อีกทา
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,112


« ตอบ #51 เมื่อ: วันที่ 29 มกราคม 2010, 15:24:44 »

ลงหมุด "สะพานมิตรภาพ 4" ปลาย ก.พ.นี้ 3 ปีได้ใช้

ภาพแฟ้มวันที่ 23 มิ.ย.2552 รถบรรทุกตู้สินค้าของจีนจากฝั่งเมืองห้วยทรายของลาว กำลังขึ้นจากแพขนานยนต์ค่อนข้างทุลักทุเล ตามความลาดชันของพื้นที่ ในอาณาบริเวณท่าศุลกากร อ.เชียงของ จ.เชียงราย อีก 3 ปีข้างหน้าสะพานมิตรภาพข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 4 จะทำให้ความไม่สะดวกเช่นนี้หมดไป
       
ASTVผู้จัดการออนไลน์-- การก่อสร้างสะพานมิตรภาพข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 4 ระหว่างไทยกับลาว กำลังจะเริ่มขึ้นปลายเดือน ก.พ. นี้ หลังเปิดซองประกวดราคาซึ่งคัดบริษัทไทยและจีนเอาไว้เพียง 2 ราย สำหรับโครงการมูลค่า 43 ล้านดอลลาร์ เพื่อทะลุ "กำแพงสุดท้าย" บนเส้นทางระเบียงเศรษฐกิจส่งแนวเหนือ-ใต้ แห่งอนุภูมิภาคแม่น้ำโขง ในปี 2556
       
       เจ้าหน้าที่ของลาวเปิดเผยในสัปดาห์นี้ว่า ทุนรอนสำหรับการก่อสร้างพร้อมหมด โดยรัฐบาลจีนกับรัฐบาลไทยสมทบกันคนละครึ่ง ทางการลาวจ่ายชดเชยให้แก่ราษฎรที่ได้รับผลกระทบที่จะต้องโยกย้ายออกไปจาก อาณาบริเวณ และจัดหาที่ทำกินให้ใหม่ ซึ่งคาดว่าจะต้องใช้เงิน 40,000 ล้านกีบ (264 กีบ/บาท)
       
       ตามรายงานของสำนักข่าวสารปะเทดลาว บริษัทก่อสร้างไทยและจีนจำนวน 4 แห่งเข้ายื่นซองประกวดราคา แต่คณะกรรมการได้คัดเอาไว้เพียง 2คือ บริษัทกรุงธนก่อสร้างจากประเทศไทย กับบริษัทสร้างทางรถไฟเลข 5 ของรัฐบาลจีน อันเป็นขั้นตอนสุดท้าย
       
       การก่อสร้างสะพานมิตรภาพ 4 ล่าช้ามา 1 ปีจากปีที่แล้ว เนื่องจากวิกฤติการณ์เศรษฐกิจโลกกับอีกหลายปัจจัยซึ่งทำให้มูลค่าการก่อ สร้างพุ่งขึ้นสูง
       
       ทั้งสามฝ่ายลาว ไทยและจีน ต้องตกลงกันใหม่เกี่ยวกับการสมทบเงินทุนและรายละเอียดอื่นๆ อีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งในปัจจุบันพร้อมแล้ว ขปล.อ้างคำกล่าวของนายถาวอน วอละบุด รองผู้อำนวยการโครงการก่อสร้างสะพานฯ ของฝ่ายลาว
       
       สะพานกำลังจะสร้างขึ้นห่างจากตัวเมืองท่าทราย แขวงบ่อแก้วของลาว และ อ.เชียงของ จ.เชียงราย ลงไปทางใต้ราว 4 กิโลเมตร เมื่อสร้างแล้วเสร็จก็จะเปิดทางโล่งให้กับทางหลวงสายยาวตั้งแต่นครคุนหมิง มณฑลหยุนหนุน ลงไปจนถึงกรุงเทพฯ และ สิงคโปร์
       
       ลาว ไทยและจีน ได้เปิดใช้ทางหลวงสาย "อา3อา" (A3a) ระยะทางกว่า 300 กม.อย่างเป็นการตั้งแต่ต้นปี 2551ให้การขนส่งทางบกเชื่อม 3 ประเทศเป็นไปได้ครั้งแรกในประวัติศาสตร์
       
       การก่อสร้างถนนแบ่งออกเป็น 3 ช่วง โดยรัฐบาลจีนและไทยรับผิดชอบ 2 ช่วงปลาย รัฐบาลลาวก่อสร้างช่วงกลาง โดยได้รับการสนับสนุนเงินกู้ผ่อนปรนจากธนาคารพัฒนาเอเชีย (เอดีบี)
       
       ปัจจุบันการขนส่งข้ามแม่น้ำโขงระหว่าง จ.เชียงราย กับแขวงบ่อแก้ว ใช้แพขนานยนต์เป็นหลัก ในการบรรทุกยานพาหนะและสินค้าต่างๆ ส่วนนักท่องเที่ยวใช้เรือรับจ้างระหว่างท่าศุลกากร อ.เชียงของกับท่าเรือห้วยทราย
       
       ห้วยทรายยังเป็นต้นทางยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศ ในการเดินทางจากภาคเหนือของไทยไปยังเมืองมรดกโลกหลวงพระบางโดยทางน้ำ ซึ่งจะใช้เวลา 2 วัน จอดพัก 1 คืนระหว่างทางที่เมืองปากแบ่ง แขวงอุดมไซ.




ภาพแฟ้มวันที่ 23 มิ.ย.2552 นักท่องเที่ยวดูบางตาในช่วงปีที่เศรษฐกิจโลกกำลังวิกฤติ นักท่องเที่ยวไทยกลุ่มนี้กำลังลงเรือข้ามฟาก เพื่อไปยังฝั่งเมืองห้วยทราย อีก 3 ปีจะมีสะพานมิตรภาพแห่งที่ 4 อำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกที่เดินทางจากไทยต่อไปยัง ภาคเหนือของลาว


ภาพแฟ้มวันที่ 21 เม.ย.2551 นักท่องเที่ยวจากแดนไกลกำลังขึ้นจากเรือข้ามฟากทางฝั่งเมืองห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว สะพานมิตรภาพแห่งที่ 4 กำลังจะเปลี่ยนแปลงการคมนาคมขนส่งกับการท่องเที่ยวในแถบนี้
       
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,112


« ตอบ #52 เมื่อ: วันที่ 02 กุมภาพันธ์ 2010, 22:56:02 »

เชียงรายเล็งขยายถนน4เลน รองรับสะพานข้ามแม่น้ำโขง

แนวหน้า 2/02/2010


เชียงราย:นายพินิจ หาญพาณิชย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เปิดเผยว่า สำหรับความคืบหน้าโครงการก่อสร้างถนน 4 ช่องจราจร โครงข่ายทางหลวงเชื่อมโยงเชียงราย – สะพานข้ามแม่น้ำโขง ที่ อ.เชียงของ เป็นส่วนหนึ่งของเส้นทาง R3E ซึ่งเป็นโครงการพัฒนาตามกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง เชื่อมระหว่าง อ.เชียงของ กับบ้านห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว ในฝั่ง สปป.ลาว

โดยคาดว่าจะมีการก่อสร้างในปี 2553 และจะแล้วเสร็จในปี 2555 ซึ่งจะทำให้ปริมาณจราจรบนโครงข่ายเพิ่มมากขึ้น ในอนาคตจึงได้พิจารณาปรับปรุงโครงข่ายทางหลวงเดิมจาก 2 ช่องจราจร ให้เป็น 4 ช่องทางจราจร ตั้งแต่บ้านหัวดอย ต.ท่าสาย อ.เมือง ไปถึง อ.เชียงของ ระยะทางกว่า 75 กิโลเมตร แต่ยังมีอุปสรรคในหลายด้าน จึงได้หารือร่วมกับทุกฝ่ายเพื่อหาแนวทางในการแก้ไขเพื่อศึกษารูปแบบการปรับปรุงที่เหมาะสม รวมถึงวิเคราะห์ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม


http://www.naewna.com/news.asp?ID=197711
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
NoOK-ManiA
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 422


"WE LOVE OUR KING"


« ตอบ #53 เมื่อ: วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2010, 21:29:48 »

พื้นที่ต.สันทราย อ้อมไปทางทิศตะวันตก เพื่อกลับเข้าสู่ถนนพหลโยธินอีกครั้งที่ ต.ท่าสุด ระยะทาง 28 กิโลเมตร

ไม่ทราบว่าเป็น ต.สันทราย อ.แม่จัน หรือ ต.สันทราย อ.เมืองครับ
IP : บันทึกการเข้า
Ck 401
"....เมื่อเห็นทุกสิ่งเป็นธรรมดา ก็ไม่มีอะไรมาทำให้ทุกข์ได้อีก...."
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,267


...งานหนักไม่เคยฆ่าคน...


« ตอบ #54 เมื่อ: วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2010, 15:39:23 »

พื้นที่ต.สันทราย อ้อมไปทางทิศตะวันตก เพื่อกลับเข้าสู่ถนนพหลโยธินอีกครั้งที่ ต.ท่าสุด ระยะทาง 28 กิโลเมตร

ไม่ทราบว่าเป็น ต.สันทราย อ.แม่จัน หรือ ต.สันทราย อ.เมืองครับ
เข้าใจว่าเป็นอ.เมืองครับ
IP : บันทึกการเข้า

"....คณะเรา ไม่ยอมให้ด้อยถอยลง ต่ำเราต้องค้ำชูให้สูงจรุงศรี....."
....เมื่อเห็นทุกสิ่งเป็นธรรมดา  ก็ไม่มีอะไรมาทำให้ทุกข์ได้อีก...."
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,112


« ตอบ #55 เมื่อ: วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2010, 15:31:03 »

วันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553 ปีที่ 33 ฉบับที่ 4184 ประชาชาติธุรกิจ


แห่ยึดทำเลฮอตริมฝั่งโขงเชียงของ-เตือนอย่าผลีผลามโหมลงทุน


คลื่นการลงทุนโรงแรม ที่พัก เกสต์เฮาส์พาเหรดยึดทำเลทองริมแม่น้ำโขงด้านอำเภอเชียงของ ระบุส่วนใหญ่เป็นกลุ่มทุนนอกถิ่น หวั่นห้องพักโอเวอร์ซัพพลาย เตือนอย่าผลีผลามเร่งลงทุนเร็วเกินไป เหตุจัดเก็บข้อมูลของรัฐและเอกชนไม่ชัดเจน


นายพรหมโชติ ไตรเวช ผู้อำนวยการสำนักการท่องเที่ยวและกีฬา จ.เชียงราย เปิดเผยถึงสถานการณ์โรงแรมใน จ.เชียงราย ว่ามีการก่อสร้างโรงแรมขนาดกลางและขนาดเล็กจำนวนมาก รวมทั้งยังมีการซื้อขายกิจการกันอย่างคึกคักทั้งในกลุ่มนักลงทุนคนไทยและต่างชาติ ส่งผลให้การจัดเก็บข้อมูลจำนวนโรงแรมและนักท่องเที่ยวใน จ.เชียงราย ทำได้ไม่ชัดเจน ปัจจุบันจากข้อมูลที่สำรวจได้พบว่ามีโรงแรมในเชียงราย 170 แห่ง จำนวนห้องพักประมาณ 18,000 ห้อง

พื้นที่ที่มีการลงทุนขยายตัวมากคือ บริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขงด้าน อ.เชียงของ ชายแดนไทย-สปป.ลาว ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนของกลุ่มทุนนอกพื้นที่ ไม่ใช่กลุ่มทุนท้องถิ่น สภาพเช่นนี้คล้ายกับการเติบโตของธุรกิจโรงแรมที่ จ.ภูเก็ต ซึ่งมีโรงแรม 746 แห่ง นักท่องเที่ยวปีละกว่า 5.6 ล้านคน แต่ธุรกิจทั้งหมดเป็นของต่างชาติถึง 70% ส่วนอีก 30% เป็นของกลุ่มทุนไทย

การเติบโตในลักษณะดังกล่าว ไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการ เพราะนอกจากคนในพื้นที่จะไม่ได้รับประโยชน์มากนักแล้ว ยังทำให้การจัดเก็บข้อมูลด้านต่าง ๆ เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในการวางแผนพัฒนา ไม่สามารถทำได้อย่างเต็มที่ ทั้ง ๆ ที่ในปัจจุบัน จ.เชียงราย มีงบประมาณเพื่อพัฒนาการท่องเที่ยว 290 ล้านบาท แต่ไม่สามารถ นำไปจัดสรรเพื่อพัฒนาได้ทั้งหมด เพราะไม่มีข้อมูลที่ชัดเจน จึงทำได้เพียงกระจายงบประมาณไปยังโครงการ หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีความชัดเจนเท่านั้น

นายพรหมโชติเปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมายังมีการลงทุนที่คึกคักในกลุ่มบ้านพักเกสต์เฮาส์ รีสอร์ตขนาดเล็ก โฮมสเตย์ และห้องชุด โดยเฉพาะในเขต อ.เมืองเชียงราย น่าจะเกิดขึ้นใหม่ไม่ต่ำกว่า 40 แห่งแล้ว ราคาที่พักคืนละ 500-600 บาท ซึ่งห้องพักเหล่านี้ไม่มีการแจ้งตัวเลข เพราะยังไม่มีการจดทะเบียนเป็นสถานประกอบการอย่างเป็นทางการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจึงไม่สามารถจัดเก็บภาษีได้

ด้านนายสมเกียรติ ชื่นธีระวงศ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว จ.เชียงราย และนายกสมาคมท่องเที่ยวเชียงราย กล่าวว่า ปัญหาตัวเลขไม่ชัดเจนดังกล่าวส่งผลกระทบต่อการพัฒนาด้านการท่องเที่ยวแน่นอน ซึ่งต่อไปสมาคมจะสนับสนุนให้โรงแรมขนาดกลางและเล็ก เกสต์เฮาส์ รีสอร์ต โฮมสเตย์ มีการรวมตัวกัน เพื่อไม่ให้เสียโอกาสในการเข้าถึงความช่วยเหลือ หรือการจัดสรรงบประมาณจากภาครัฐ เพื่อนำไปพัฒนากิจการของตนเอง

"ถ้าไม่ดำเนินการใด ๆ เลย ในอีก 30 เดือนข้างหน้าเมื่อสะพานข้ามแม่น้ำโขง อ.เชียงของ-สปป.ลาว เชื่อมถนนอาร์สามเอระหว่าง ไทย-สปป.ลาว-จีนตอนใต้ แล้วเสร็จก็จะไม่ทันการ เพราะนักท่องเที่ยวจะทะลักไปตามถนนอาร์สามเอ กลุ่มทุนที่ได้ประโยชน์คือผู้ที่มีความพร้อมมากกว่าทั้งกลุ่มทุนจีน ทุนยักษ์ใหญ่จากกรุงเทพฯ หรือเมืองใหญ่ ๆ ส่วนทุนเล็ก ๆ ที่ กระจัดกระจายอย่างพวกเราก็จะแข่งขันกันเองและค่อย ๆ ตายไปทีละราย" นาย สมเกียรติกล่าวและว่า

ถ้ารวมตัวกันได้นอกจากจะได้ยุทธศาสตร์การพัฒนาที่ถูกต้องแล้วยังมีพลังในการร่วมกับประเทศต่าง ๆ เช่นมณฑลหยุนหนาน จีนตอนใต้ สปป.ลาว พม่า จัดทำสินค้าหรือแพ็กเกจนำเที่ยวรับประโยชน์ร่วมกันได้
นายเอกชัย หาญสุวรรณชัย เจ้าของ ภูชี้ฟ้ารีสอร์ท อ.เทิง กล่าวว่า สาเหตุที่มีห้องพักขนาดเล็กเกิดขึ้นมากเกิดจากหลายปัจจัย เช่น เศรษฐกิจฟื้นตัว ถนนอาร์สามเอ สะพานข้ามแม่น้ำโขง นักท่องเที่ยวจีนจะทะลักลงมามาก ฯลฯ แต่สภาพที่แท้จริงกลับไม่ได้เป็นเช่นนั้นเพราะสิ่งเหล่านี้ยังไม่เกิดขึ้นอย่างสมบูรณ์ ปัญหาจึงเกิดจากข้อมูลที่ได้รับจากภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับโครงการพัฒนาดังกล่าวไม่ชัดเจน ทำให้ผู้ประกอบการที่รับข้อมูลรีบลงทุนไปก่อน

ดังนั้นขอให้มีการให้ข้อมูลที่ชัดเจนทันเหตุการณ์กับผู้ประกอบการ ไม่เช่นนั้นจะเกิดปัญหาการลงทุนเกินกว่าจำนวนนักท่องเที่ยว ทำให้ต้องแข่งขันตัดราคากันเองจนต้องยุบกิจการไปทีละรายในที่สุด

หน้า 23

http://www.prachachat.net/view_news....day=2010-02-15
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,112


« ตอบ #56 เมื่อ: วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2010, 09:10:28 »

งสือพิมพ์บ้านเมือง -- อังคารที่ 16 กุมภาพันธ์ 2553 09:27:43 น.

นายวิชาญ คุณากูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมทางหลวงชนบท (ทช.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการดำเนินการ โครงการก่อสร้างถนน จ.เชียงราย ว่าเพื่อสนับสนุนระบบขนส่งของภาคเหนือตอนบน พัฒนาโครงสร้างด้านคมนาคมขนส่งทั้งในประเทศ และประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งโครงการดังกล่าวเป็นการบูรณาการแผนร่วมกับหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคมเพื่อให้การคมนาคมสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ยังเป็นการสอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงคมนาคม ที่ต้องการให้มีการเชื่อมโยงภาคการขนส่งให้ครบวงจรด้วยอย่างไรก็ตาม ขณะนี้ ทช.ได้เตรียมความพร้อมเพื่อส่งเสริมโครงข่ายของพื้นที่ภาคเหนือตอนบน พัฒนาพื้นที่โครงข่ายถนนเพื่อให้ประชาชนสามารถขนส่งลำเลียงสินค้าจากชายแดนได้อย่างสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย รวมทั้งรองรับปริมาณการจราจรที่กำลังจะเพิ่มขึ้นจากการพัฒนาเขตสี่เหลี่ยมเศรษฐกิจ(ตอนเหนือของไทย พม่า ลาว และตอนใต้ของจีน) ใน อนาคต พัฒนาการท่องเที่ยว การค้า การคมนาคมกับประเทศเพื่อนบ้าน รวมทั้งรองรับนักท่องเที่ยวที่จะใช้เส้นทางสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 4 ซึ่งกรมฯ ได้เริ่มดำเนินโครงการก่อสร้างทางดังกล่าว นอกจากนี้ ทช.ได้พัฒนาโครงข่ายทางไปสู่ท่าเทียบเรือเชียงแสน จ.เชียงราย แห่งที่ 2 เพื่อส่งเสริมการคมนาคมขนส่งให้ขยายตัวอย่างมีระบบสะดวก ปลอดภัย เพิ่มศักยภาพในการขนส่ง ตลอดจนกระจายความเจริญไปสู่ภูมิภาค


http://www.ryt9.com/s/bmnd/795503
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,112


« ตอบ #57 เมื่อ: วันที่ 09 มีนาคม 2010, 20:55:46 »

ไฟเขียวให้สพพ.ปล่อยกู้ลาวปรับปรุงถนนเชียงราย-คุนหมิง

Posttoday 09 มีนาคม 2553 เวลา 18:39 น.


ครม.ไฟเขียวสพพ. กู้เอ็กซิมแบงก์-ออมสิน 405 ล้านบาท ให้ลาวกู้ปรับปรุงถนน R3 เชียงราย-คุนหมิง พร้อมแบกรับภาระดอกเบี้ยให้อีกว่า 25 ล้านบาท

นายวัชระ กรรณิการ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ครม. เห็นชอบในหลักการให้กระทรวงการคลัง โดยสำนักความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (สพพ.) ให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ลาว สำหรับโครงการปรับปรุงถนนหมายเลข 3 (R 3) วงเงิน 405 ล้านบาท โดยให้ สพพ. กู้เงินจากธนาคารเพื่อการส่งออกและการนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือเอ็กซิมแบงก์ และธนาคารออมสิน ไปปล่อยกู้ต่อให้กับลาว คิดดอกเบี้ยที่ 1.5% ระยะเวลาชำระคืนเงินต้นนาน 30 ปี (รวมระยะเวลาปลอดหนี้10 ปี) คิดเป็นดอกเบี้ยที่จะได้รับจากลาวในช่วง 10 ปีแรก เป็นเงินประมาณ 60.75 ล้านบาท

ทั้งนี้ สพพ.กู้ผ่านเอ็กซิมแบงก์ 200 ล้านบาท โดยใช้เงินสะสมของ สพพ. ที่ไม่มีภาระผูกพัน 200 ล้านบาทค้ำประกันเงินกู้ทั้งจำนวน ดอกเบี้ย 0.50 % และกรณีที่ สพพ. ไม่สามารถนำเงินฝากค้ำประกันได้ทั้งจำนวน เอ็กซิมแบงก์จะคิดดอกเบี้ยเฉพาะวงเงินที่ไม่มีการค้ำประกัน ในอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 6 เดือน ของ 5 ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ บวก 1.75% ส่วนเงินกู้จากธนาคารออมสิน 205 ล้านบาท ใช้อัตราดอกเบี้ยลอยตัว ตามดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 6 เดือน เฉลี่ย 5 ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ บวก 1.65%

"ภาระดอกเบี้ยที่ สพพ. ต้องจ่ายให้เอ็กซิมแบงก์และออมสินในช่วง 10 ปีแรก คิดเป็นเงิน 86 ล้านบาท หรือเฉลี่ยปีละ 8.6 ล้านบาท โดยภาระส่วนต่างของดอกเบี้ยที่เหลืออีกกว่า 25 ล้านบาท ทาง สพพ. จะนำดอกเบี้ยที่ได้จากการให้ความช่วยเหลือทางการเงินในโครงการอื่น และรายได้สะสมของ สพพ. มาบริหารจัดการเอง เพื่อไม่ให้เป็นภาระต่องบประมาณ" นายวัชระกล่าว

ทั้งนี้ เชื่อว่าการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่สปป.ลาวนี้เป็นการปรับปรุงสภาพถนนให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานและมีความปลอดภัย ซึ่งจะสามารถสนับสนุนการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศไทยกับจีนให้ดีขึ้น นอกจากนี้การให้ความช่วยเหลือดังกล่าว ยังเป็นการรักษาชื่อเสียงของประเทศไทยในฐานะประเทศผู้ให้กู้ในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงและยังช่วยกระชับความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับลาวให้ดียิ่งขึ้น
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
AIT
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,914



« ตอบ #58 เมื่อ: วันที่ 11 มีนาคม 2010, 00:15:05 »

ข้อมูลแน่นดีจริง ๆ
IP : บันทึกการเข้า
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,112


« ตอบ #59 เมื่อ: วันที่ 06 พฤษภาคม 2010, 15:56:21 »

วันที่ 05 พฤษภาคม พ.ศ. 2553 เวลา 15:37:22 น. มติชนออนไลน์


ไทย-จีนเตรียมลงนามสร้างสะพานข้ามโขงแห่งที่4คาดแล้วเสร็จปี55


นายวีระ เรืองสุขศรีวงศ์ อธิบดีกรมทางหลวง กล่าววันที่ 5 พฤษภาคมถึงการลงนามบันทึกข้อตกลงว่าด้วยการก่อสร้างสะพานมิตรภาพแห่งที่ 4 เชียงของ – ห้วยทราย ว่า เป็นสะพานเชื่อมโยงจังหวัดเชียงราย – บ่อแก้ว ตามแนวเส้นทางสาย อาร์ 3 เอ ต่อไปถึงเมืองคุนหมิง สาธารณรัฐประชาชนจีน ตามแผนพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจเหนือ – ใต้ (North – South Economic Corridor) ภายใต้กรอบความร่วมมืออนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (Greater Mekong Subregion : GMS) โดยที่รัฐบาลไทยให้ความช่วยเหลือในการศึกษาและสำรวจออกแบบรายละเอียด มูลค่าการก่อสร้าง 1,468 ล้านบาท


สำหรับงบประมาณในการก่อสร้างรัฐบาลไทยร่วมกับรัฐบาลจีนให้การสนับสนุนฝ่ายละครึ่งหนึ่ง ขณะนี้โครงการได้ดำเนินการประกวดราคาก่อสร้างและได้ตัวผู้รับจ้างแล้ว ซึ่งจะใช้เวลาก่อสร้าง 30 เดือนหรือในปี 2555 จะสามารถเริ่มใช้สะพานดังกล่าวได้


เมื่อโครงการดังกล่าวก่อสร้างแล้วเสร็จจะเป็นการเชื่อมโยงการค้าการลงทุนระหว่างประเทศไทย ลาว และจีน อีกทั้งยังเป็นการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนทั้ง 3 ประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น


โดยจะมีการลงนามสัญญาบันทึกข้อตกลงว่าด้วยการก่อสร้างสะพานมิตรภาพแห่งที่ 4 ในวันที่ 14 พฤษภาคม ระหว่าง นายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กับ นายสมมาด พลเสนา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงโยธาธิการและขนส่งแห่งราชอาณาจักรสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ที่จังหวัดเชียงราย

http://www.matichon.co.th/news_detai...sid=1273048668
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
หน้า: 1 2 [3] 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 ... 16 พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!