เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 29 มีนาคม 2024, 02:18:03
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  คนเชียงราย สังคมเชียงราย (ผู้ดูแล: bm farm, [ตา-รา-บาว], zombie01, ۰•ฮักแม่จัน©®, ⒷⒼ*, ตาต้อม, nuifish, NOtis)
| | |-+  +++ถนน R3a ท่าเรือเชียงแสน 2 และโครงการสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 4+++
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: 1 [2] 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 ... 16 พิมพ์
ผู้เขียน +++ถนน R3a ท่าเรือเชียงแสน 2 และโครงการสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 4+++  (อ่าน 151963 ครั้ง)
เชียงรายพันธุ์แท้
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,024



« ตอบ #20 เมื่อ: วันที่ 23 ธันวาคม 2009, 22:40:00 »

สวัสดีครับคุณ เชียงรายพันธ์แท้ คิดว่าตั้งแต่เปลี่ยนหน้าตาเวบนี่ คนเก่าๆกระจัดกระจายไปหมดเลยนะครับ เอ หรือว่าผมไม่ค่อยได้เข้ามานะ
คิดถึงทุกๆคนครับ
ไปไหนแล้วล่ะ ลิงซน บีเอ็ม ลมหลวง อากิระ แม่ญิงคนเมือง กกสัก ฯลฯ คิดถึงนะครับ....
ของน้อง กอ-ย่า นี่เห็นบ่อยครับ สดใสร่าเริงเหมือนเดิม


ผมก็เข้ามาดูบอร์ดทุกวันอ่ะครับ
เปลี่ยนชื่อไปหลายท่านเลยนะครับ จำไม่ได้เลยอ่า


IP : บันทึกการเข้า
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,112


« ตอบ #21 เมื่อ: วันที่ 24 ธันวาคม 2009, 08:32:59 »

เปิดแชตบ็อกดีมั้ยครับ


วันนี้ที่การก่อสร้างท่าเรือเชียงแสน 2 มาครับ ว่างๆจะมาโพสภาพให้ชมครับ

ขอบพระคุณมากครับ ผมว่าก็ดีนะครับ จะได้แลกเปลี่ยนฝากแนะนำตัวเอง ด้วย ครับ

ผมน้องใหม่กับการโพสห้องนี้ ครับ
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,112


« ตอบ #22 เมื่อ: วันที่ 05 มกราคม 2010, 07:43:30 »

วันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2552 ปีที่ 33 ฉบับที่ 4171 ประชาชาติธุรกิจ

จีนทุ่มเดินหมากโซ่อุปทานเชิงรุก ดึง GMS เชื่อมประตูสู่การค้าโลก

โซ่อุปทานคือกลุ่มผู้สร้างคุณค่าจากหลาย ๆ คนในบริษัท จนถึงระดับประเทศ จากหลาย ๆ ประเทศรวมเป็นอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง หลาย ๆ ประเทศมีความร่วมมือกัน มีการค้าขายร่วมกัน การส่งผ่านสินค้ากัน ซึ่งการร่วมมือกันมีข้อกำหนดต่อกัน เพื่อไปสู่ผลลัพธ์ที่ได้คือประโยชน์ของประชาคม ขององค์กรที่ได้ร่วมกัน ดังนั้น การพัฒนาโซ่อุปทานในระดับกลุ่มประเทศในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (GMS) จึงเป็นเรื่องที่น่าสนใจยิ่งว่า แต่ละประเทศมีนโยบายภายใน และภายนอกประเทศอย่างไร เพื่อเกิดคุณค่าในห่วงโซ่อุปทาน

ทางสำนักพัฒนาการจัดการอุตสาหกรรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรมร่วมกับสถาบันวิทยาการโซ่อุปทาน มหาวิทยาลัยศรีปทุมได้จัดสัมมนาขึ้น

นายวิบูลย์ ตั้งกิตติภาภรณ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทในเครือฟาร์อีสต์ โปรเฟสชั่นแนล กรุ๊ป ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับประเทศจีน กล่าวว่า รัฐบาลของประเทศจีนได้มีการวางแผนระยะยาว ล่วงหน้าถึง 50 ปีในการที่จะเปิดเส้นทางเชื่อมการค้า และการลงทุนภายในกลุ่มประเทศในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (GMS) ตอนนี้ผ่านมา 10 ปีแล้ว โดยตั้งเป้าให้ 2 มณฑล คือยูนนานและกวางสี เข้ามามีบทบาท เห็นได้จากแผนพัฒนาฉบับที่ 17 ของยูนนาน ซึ่งปีหน้าเป็นปีสุดท้าย ทั้งแผนระยะกลางและระยะยาวได้กำหนดนโยบายว่ายูนนานจะเป็นมณฑลเชื่อมต่อ 3 เอเชีย คือเอเชียตะวันออก เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เอเชียใต้ และเชื่อมต่อ 2 มหาสมุทรด้วยคือ แปซิฟิกกับอินเดีย

ด้านมณฑลยูนนานได้รับฉายาว่า เป็นประตูสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียใต้ เพราะฉะนั้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้คือไทย สิ่งที่ทางยูนนานเตรียมไว้รองรับ คือ 1)การตั้งศูนย์โลจิสติกส์ที่คุนหมิง เรียกว่า "ศูนย์โลจิสติกส์อาเซียน" 2)เขตอุตสาหกรรมโลจิสติกส์เชียงรุ้ง 3)ศูนย์เปลี่ยนถ่ายโลจิสติกส์บ่อหาน 4) ศูนย์ ขนถ่ายด่านควนเหล็ก และสุดท้ายศูนย์ โลจิสติกส์ชายแดนต้าล่วง โครงการเหล่านี้ได้ก่อตั้งขึ้นแล้ว โดยทางรัฐบาลได้กำหนดงบประมาณให้

ขณะที่นโยบายภายนอกประเทศทางรัฐบาลจีนได้ดำเนินการ 2 เรื่อง คือ การสร้างรางรถไฟ และถนนเชื่อมต่อเส้นทางในภูมิภาค โดยรัฐบาลจีนได้จัดงบประมาณไว้สนับสนุนการก่อสร้างมาโดยตลอด เฉพาะปีนี้ประเทศจีนมีงบประมาณสนับสนุนอาเซียนเกี่ยวกับโลจิสติกส์ สาธารณูปโภคประมาณ 25,000 ล้านบาท แบ่งเป็นงบฯแบบให้เปล่า 10,000 ล้านบาท และให้กู้ประมาณ 15,000 ล้านบาท เพื่อให้นำไปสร้างเส้นทางเชื่อมให้ครบหมด อย่างไรก็ตาม จะเห็นได้ชัดเจนว่า ประเทศจีนมีนโยบายต้องการเชื่อมเส้นทางการค้าการลงทุนผ่านออกทางประเทศไทยแน่นอน แต่รัฐบาลจีนค่อนข้างปวดหัวกับการสร้างทางเชื่อมต่อกับไทย เพราะนโยบายที่ไม่ชัดเจนของรัฐบาลไทย รวมถึงปัญหาเรื่องข้อกฎหมาย และข้อตกลงต่าง ๆ ที่ต้องปรับปรุงแก้ไขและเจรจากัน(สงสัยจีนอาจต้องลงมาทำเองเหมือนให้ข่าวก่อนหน้านี้เป็นเชิงรุกเพราะถนนที่คนไทยไปสร้างเริ่มพังแล้วรถไฟเป็นทางเลือกที่ดีจากลาวสูไทยชาวเชียงรายอาจได้นั่งรถไฟจีนก่อนรถไฟไทยก็ได้555++)
"ตัวมณฑลกวางสีเองที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ไม่มีส่วนใดที่แม่น้ำโขงไหลผ่าน แต่จีนก็ดึงนโยบายจีเอ็มเอสเข้าไปเชื่อมโยงได้ ในอนาคตเท่าที่ทราบมณฑลเสฉวนจะขอเข้ามาเอี่ยวด้วย"

สำหรับนโยบายภายในประเทศแล้ว และนโยบายนอกประเทศที่รัฐบาลจีนต้องจะผลักดันให้เชื่อมต่อกันภายใน 50 ปี คือ ทางรางกับทางถนน ทางรางกำหนดเป็น 1 เส้นตรง กับ 3 วงแหวน โดย 1 เส้นตรง ตามแผน 11 เส้นตรงคือ ทางจากคุนหมิงลงมาที่จิ่งโขง บ่อหาน เข้าสู่หลวงพระบาง เวียงจันทน์ เชื่อมที่หนองคาย รวมถึงสิงคโปร์ 3 วงแหวน มี วงแหวนตะวันออก คุนหมิงมาฮานอย มาโฮจิมินห์ กลับมาพนมเปญ เข้ากรุงเทพฯ กลับหนองคาย วงแหวนตะวันตก คือ คุนหมิงออกจุ้ยมี่ ไปย่างกุ้ง ผ่านกาญจนบุรี เข้ากรุงเทพฯ กลับไปหนองคาย วงแหวนที่ 3 คือ 2 อันรวมกัน นี่คือนโยบายระยะกลางและระยะยาวของยูนนาน(สังเกตุว่าจีนต้องการลงมาค้าขายกับไทยมากอาจเลี่ยงไปทางเวียดนามลาวแทนมากว่าให้คุณค่ากับไทย)
ส่วนทางถนนทางจีนกำหนด 1 เส้น 1 เครือข่าย คือคุนหมิง-กรุงเทพฯ คือ เครือข่ายของโลจิสติกส์ทั้งหมดที่ต้องเชื่อมติดกัน ปัจจุบันอาร์ 3 บียังมีอีกหลายช่วงที่จะต้องเชื่อมอีก ปี 2015 จะต้องเชื่อมให้ครบหมด จะเห็นว่า อาร์ 3, 8, 9, 12 เอ เชื่อมหมดแล้ว เส้นตรงคุนหมิง-กรุงเทพฯ 736 กิโลเมตร หลังจากปี 2008 จะเหลือ 688 กิโลเมตร มาจนถึงเชียงรุ้ง มาต่อบ่อหานชายแดนจีน หลังจากออกจากจีนมาถึง ลาว เข้าบ่อเต็น ระยะทาง 228 กิโลเมตร แบ่งเป็น 3 ช่วง ช่วงแรก บ่อเต็น-หลวงน้ำทา ทางจีนเป็นคนสร้าง 69 กิโลเมตร จากหลวงน้ำทามาเวียงพูกา ระยะทางประมาณ 74 กิโล ธนาคารพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) ให้ลาวกู้ แต่ลาวให้ไทยสร้างช่วงท้ายไทยสร้าง 84 กิโลเมตร ต่อไปพอเข้ามาห้วยทรายมาถึงเชียง เส้นต่อไปอาร์ 3 บีในฝั่งพม่า ด่านฝ้ารั่วมาเมืองลา ด่านท่าขี้เหล็กเป็นถนนจากคุนหมิงลงมา 1 เส้น (เส้นทางสายทองคำสายใหม่ของเอเซีย)
แผนของมณฑลกวางสี เรียก 1 แกน 2 ปีก หมายถึงกวางสีรับผิดชอบอาเซียน การสัมมนาเขตเศรษฐกิจทั้งหมดจะอยู่ กวางสี ทางจีนถือว่าเป็นนโยบาย มาสเตอร์พีชของอู๋จิ่นเทา

1 แกนคือจาก หมานหมิงไปสิงคโปร์ มีทั้งรถและรถไฟ 2 ปีก คือ แม่น้ำโขงกับอ่าวตังเกี๋ย เป่ยกู้วาน ถือว่าเป็นระเบียง โลจิสติกส์ทางบกของกวางสีมาสู่อาเซียน เส้นนี้เข้าสู่ผิงเสียง ด่านอู๋อวี้กวาง ทางถนนทางยูนนานมีเส้นเดียว คือเส้นคงมั่นกงลู่ตรงลางกับพม่า แต่ถ้าเป็นกวางสี ทางถนนเปิดใช้แล้วจากหนานหมิงมาฮานอย หรือเรียกว่าเอ 1 ต่อมาจากหนานหมิงถึง ผิงเสียง 198 กิโลเมตร หลักเซินมา ฮานอย 158 จากฮานอย ถ้าต่อเชื่อมมายังประเทศไทยจะเห็นว่าเป็นเส้นอาร์ 9

โดยสรุปถ้าเราเชื่อมจากยูนนาน กวางสีเข้าสู่ไทย จะมีสะพานทั้งหมด 4 แห่งด้วยกัน คือ อาร์ 3, 8, 12 และ 9 สะพานจะมี 1.ที่หนองคาย 2.มุกดาหาร 3.นครพนม 4.เชียงของ เส้นทางที่สะดวกที่สุด คือ อาร์ 3 เอ แต่ยังติดอยู่ที่สะพาน ส่วนไปกวางสีทางสะดวกที่สุดน่าจะเป็นอาร์ 12 ส่วนอาร์ 8 สั้นจริงแต่ว่าคดเคี้ยวละรับ น้ำหนักไม่ได้ ถ้าพูดถึงถ้าตลาดจีนของไทย อยู่ทางตะวันตกไปอาร์ 3 จะเร็วกว่า แต่ถ้าตลาดใหญ่ของไทยน่าจะอยู่ กวางเจา อาร์ 12 ค่อนข้างจะใกล้กว่า แล้วปีกแม่น้ำโขง มีโครงการความร่วมมือเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคแม่น้ำโขง ประเทศจีนถ้านำยูนนานกับกวางสีเข้ามาเกี่ยวข้อง ประชากรเฉพาะบริเวณนี้มี 320 ล้านคน

หากพิจารณาแผนที่ของประเทศจีน จะเห็นว่า ด้านบนติดรัสเซีย อีกทางก็ตาลีบัน อีกด้านเจอนิวเคลียร์เกาหลีเหนือ ญี่ปุ่น ปัญหาไต้หวันยังมี ไปไหนไม่ได้ จีนเขารู้อยู่แล้วเหนือแข็ง ตะวันออกดุร้าย ใต้ตัน ทางใต้ลาวออกทะเลไม่ได้ เวียดนามไปแปซิฟิกได้ แต่ไปอินเดียไม่ได้ พม่าเจอ คนกลุ่มน้อย ออกอินเดียได้ แต่ไปแปซิฟิกไม่ได้ มาไทยไปได้ทั้งสองแห่ง"


http://www.prachachat.net/view_news....day=2009-12-31
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,112


« ตอบ #23 เมื่อ: วันที่ 05 มกราคม 2010, 07:44:21 »

นกแอร์ยอมรับบินไทยเพิ่มทุน


บินไทยจี้นกแอร์ คลอดโปรแกรมเคลมตั๋วและสะสมไมล์ สร้างความมั่นใจผู้โดยสารได้รับสิทธิประโยชน์จากการบินไม่ต่างกัน ลดกระแสถูกโวย พร้อมตั้งเป้าทยอยยกทุกเส้นทางที่ไม่ได้เชื่อมต่อระหว่างประเทศให้บินเพิ่มอีก หลังเดินแผนเพิ่มทุนในนกแอร์แล้วเสร็จ ขณะที่ประธานบอร์ดบินไทยชี้หากไม่ให้นกแอร์บินแทน ผู้โดยสารจะยิ่งได้รับผลกระทบหนักกว่านี้ เหตุจากต้องปรับขึ้นค่าตั๋วลดขาดทุนโดเมสติก
นายพฤทธิ์ บุปผาคำ รองกรรรมการผู้อำนวยการใหญ่สายการพาณิชย์ บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยกับ"ฐานเศรษฐกิจ" ว่าในขณะนี้ฝ่ายการพาณิชย์ของการบินไทย ได้หารือร่วมกับนกแอร์ ถึงแนวทางการสร้างความมั่นใจแก่ผู้โดยสารในการใช้บริการ ว่าจะได้รับสิทธิประโยชน์จากการบินไม่ต่างจากที่เคยใช้บริการของการบินไทย โดยได้เสนอให้นกแอร์ จัดทำบริการที่จะเปิดให้ผู้โดยสารสามารถเคลมตั๋ว และสะสมไมล์ในการเดินทางได้เช่นเดียวกับของการบินไทย ซึ่งนกแอร์ก็จะเร่งดำเนินการ โดยจะโปรโมตการเปิดตัวบริการดังกล่าวในเดือนมกราคมปีหน้า
"การทำงานร่วมกันระหว่างการบินไทยและนกแอร์ ถือเป็นสิ่งที่ดี เพราะในตลาดการบินโลก สายการบินชั้นนำของประเทศต่างๆก็จะมีการจัดตั้งสายการบินต้นทุนต่ำ เพื่อร่วมกันส่งเสริมธุรกิจระหว่างกัน ซึ่งนอกจากเส้นทางบิน กรุงเทพฯ-พิษณุโลก , กรุงเทพฯ-อุบลราชธานี และเส้นทางเชียงใหม่-แม่ฮ่องสอน ที่ยกให้นกแอร์มาบินแทนแล้ว การบินไทยก็ตั้งเป้าหมายว่าจะทยอยยกเที่ยวบินในประเทศในทุกเส้นทางที่ไม่ได้เป็นจุดเชื่อมต่อกับเที่ยวบินระหว่างประเทศให้นกแอร์บินเพิ่มอีก(ยกเว้น เส้นทางบินระหว่างกรุงเทพฯสู่เชียงใหม่,เชียงราย,หาดใหญ่,ภูเก็ต หลังเดินแผนเพิ่มทุนในนกแอร์แล้วเสร็จ" )นายพฤทธิ์ กล่าวในที่สุด
ขณะที่นายอำพน กิตติอำพน ประธานกรรมการบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า หากการบินไทยไม่ให้นกแอร์ทำการบินในประเทศใน 3 เส้นทางนี้ การบินไทยก็ไม่มีทางเลือก ที่ต้องขึ้นราคาค่าโดยสาร เพื่อลดภาระการขาดทุนสำหรับเที่ยวบินในประเทศ เพราะเครื่องบินโบอิ้ง737-400 ที่การบินไทยใช้ในการเดินทางภายในประเทศเป็นเครื่องบินที่ใช้เดินทางระหว่างประเทศด้วย การใช้เครื่องบินรุ่นนี้มาบินในเส้นทางบินระยะสั้น การแบกน้ำหนัก ต่างๆ เหล่านี้ทำให้มีต้นทุนสูง เมื่อนกแอร์เช่าเครื่องไป ก็จะนำไปปรับปรุง(โมดิฟายด์)เครื่องให้เหมาะสมกับการบินระยะสั้น ก็เพื่อเป็นการประหยัดและแข่งขันได้ และการบินไทยก็ไม่ต้องขึ้นค่าตั๋ว ซึ่งจะสร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนมากกว่า
ด้านนายปิยสวัสดิ์ อัมระนันนท์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าการบินไทยมีแผนจะเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในนกแอร์จาก 39% เป็น 49% โดยจะซื้อหุ้นอีก 10% จากธนาคารกรุงไทย และแนวทางการจัดหาเงินทุนก็ไม่จำเป็นต้องใช้เงินกู้ เพราะอาจจะนำค่าเช่าเครื่องบินที่นกแอร์ชำระให้การบินไทยปีละราว 600 ล้านบาท มาใช้ซื้อหุ้น ซึ่งคาดว่าธนาคารกรุงไทย จะไม่มีปัญหาที่จะขายหุ้นนกแอร์ให้กับการบินไทย
ส่วนนายพาที สารสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการบินนกแอร์ เผยว่า ในกรณีที่การบินไทยจะเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในนกแอร์เป็น 49% นกแอร์ก็ยินดี แต่ไม่สามารถเพิ่มได้มากกว่านี้ เพราะนกแอร์ไม่ต้องการเป็นรัฐวิสาหกิจ ส่วนสถานะการเงินของนกแอร์ในขณะนี้ถือว่าดีขึ้นต่อเนื่อง ในปีที่ผ่านมามีกำไรสุทธิ 330 ล้านบาท และคาดว่าในปี 2552 จะมีกำไรสุทธิโตต่อเนื่อง และปัจจุบันมีกระแสเงินสดกว่า 400 ล้านบาท และบริษัทมีแผนจะนำนกแอร์เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯภายใน 3 ปีข้างหน้า ซึ่งบริษัทต้องเตรียมตัวบริหารงานและเพิ่มจำนวนเครื่องบิน จากปัจจุบันที่มีอยู่ 6 ลำ

http://www.thannews.th.com/index.php...sn-&Itemid=448
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
QingGE
สมาชิกลงทะเบียน
มัธยม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 751



« ตอบ #24 เมื่อ: วันที่ 05 มกราคม 2010, 10:50:08 »

สะพานเสร็จเมื่อไหร่คงสะดวกขึ้นมากๆเลยครับ
IP : บันทึกการเข้า
lannaboy
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #25 เมื่อ: วันที่ 05 มกราคม 2010, 11:23:38 »

ควรมีมาตรการหรือวางแผนรองรับกับปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคตด้วยนะครับ อย่าวัวหายแล้วล้อมคอกมันแก้ไขยากครับ
IP : บันทึกการเข้า
เชียงรายพันธุ์แท้
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,024



« ตอบ #26 เมื่อ: วันที่ 05 มกราคม 2010, 21:46:32 »

ควรมีมาตรการหรือวางแผนรองรับกับปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคตด้วยนะครับ อย่าวัวหายแล้วล้อมคอกมันแก้ไขยากครับ

นั่นแหละครับปัญหา
ส่วนใหญ่พวกนักการเมืองกับข้าราชการมักจะทำอย่างนี้แหละ
วัวหายแล้วล้อมคอก

ไอ้ทีก่อนจะทำไม่เคยคิด ไม่เคยถามคนในพื้นที่
พอมีปัญหาเกิดขึ้นก็ต้องมาตามแก้ทีหลัง
ตัวอย่างก็ที่เห็นๆอยู่ตามข่าวนั่นแหละ มาบตาพุต แม่เมาะ เขื่อนปากมูล
เขื่อนราศีไศล นิคมอุตสาหกรรมลำพูน

หลายรัฐบาลได้สร้างเวรสร้างกรรมให้ชาวบ้าน แต่พวกมันก็ไม่เคยสำนึก
ส่วนข้าราชการก็ได้แต่เดินตามก้นนักการเมือง
น่าอนาจใจจริงๆ


---------------------------------------------------------------------------------------------
เมื่อก่อนเคยคิดว่าคนที่ไม่สนใจการเมือง "หน้าง่าว"
แต่ตอนนี้ผมคิดว่าตัวเอง "หน้าง่าว" ที่สนใจการเมือง
เพราะถึงสนใจไปก็รังจะกลายเป็น "ผีบ้า" ในสายตาคนอื่นเท่านั้น
สมัยนี้ไม่มีคนฉลาดที่ไหนจะสนใจการเมืองหรอก
(เชียงรายพันธุ์แท้, 5 ก.ย. 2550)


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 05 มกราคม 2010, 22:09:22 โดย เชียงรายพันธุ์แท้ » IP : บันทึกการเข้า
oyoyo *^_^*
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,013



« ตอบ #27 เมื่อ: วันที่ 05 มกราคม 2010, 22:27:20 »

ขอบคุณข้อมูลดี ๆ ครับ
IP : บันทึกการเข้า

"มนุษย์ใช้เหตุผลทางความคิด
ในการตัดสินว่าอะไรถูกอะไรผิด
ขณะที่ธรรมชาติใช้ความจริงทางจิต
ในการตัดสินว่าอะไรเป็นบุญอะไรเป็นบาป"

วาทะดังตฤณ "ด้วยความเป็นห่วง"
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,112


« ตอบ #28 เมื่อ: วันที่ 06 มกราคม 2010, 11:35:12 »

วันที่ 04 มกราคม พ.ศ. 2553 ปีที่ 33 ฉบับที่ 4172 ประชาชาติธุรกิจ


ทางหลวงเมินเสียงร้องเร่งลาวมอบพื้นที่สร้างสะพานข้ามโขง4
กรม ทางหลวงเมินเสียงร้องนักลงทุนไทย เร่ง สปป.ลาวส่งมอบพื้นที่สร้าง ถนนอาร์ 3-สะพานข้ามโขงแห่งที่ 4 ขณะที่บริษัท เอเอซี กรีน ซิตี้ ลาว เจ้าของ โครงการนาคราชนครทำใจขอลุ้นชดเชยความเสียหาย


ดร.สิชา สิงห์สมบุญ ประธานบริษัท เอเอซี กรีน ซิตี้ ลาว จำกัด ผู้ดำเนินโครงการนาคราชนคร เมืองห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ภายหลังยื่นเรื่องถึงสำนักนายกรัฐมนตรีและสถานทูตประเทศไทยประจำนคร เวียงจันทน์ กรณีกรมทางหลวงได้ออกแบบให้ถนนตัดผ่านโครงการนาคราชนคร ทำให้ต้องเสียที่ดินราว 20 เฮกตาร์ หรือ 120 ไร่ และมีผลกระทบต่อการลงทุนนั้น ล่าสุดกรมทางหลวงได้แจ้งไปยังกระทรวงโยธาธิการและการขนส่ง สปป.ลาว ให้เร่งรัดมอบที่ดินเพื่อก่อสร้างถนนและด่านพรมแดน จึงไม่เข้าใจว่าเหตุใดหน่วยงานของไทยจึงไม่ส่งเสริมการลงทุนของกลุ่มทุนใน ต่างแดน

ดร.สิชาเปิดเผยว่า กรมทางหลวงของไทยอ้างว่า จำเป็นเนื่องจากได้ขายแบบโครงการไปแล้ว จึงทำให้ในปัจจุบันได้เกิดปัญหาในระดับต่างประเทศเพราะทางรัฐบาล สปป.ลาว ซึ่งได้ให้สัมปทานในที่ดินกับบริษัทไปแล้วเกิดความกังวลอย่างมาก ดังนั้นจึงถึงขั้นจะนำปัญหาเข้าหารือในสภารัฐบาล สปป.ลาว เพื่อพิจารณาในวันที่ 3 ม.ค.นี้ ซึ่งทางบริษัทก็ได้เสนอไปยังรัฐบาล สปป.ลาวล่วงหน้าเอาไว้แล้วว่าหากจะดำเนินการตามที่กรมทางหลวงของไทยได้แจ้ง ให้ทราบก็จะต้องมีการชดเชยความเสียหายให้กับบริษัทด้วย เนื่องจากพื้นที่ที่บริษัทจะต้องเสียไปหากก่อสร้างมีอยู่ประมาณ 120 ไร่ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ที่ออกแบบสำหรับการก่อสร้างสนามกอล์ฟ 18 หลุม อาคารรีสอร์ตและแหล่งพักผ่อน

ดร.สิชาเปิดเผยว่า ไม่เข้าใจว่าเหตุใด กรมทางหลวงของไทยจึงต้องเร่งรีบโครงการ เพราะทางธนาคารพัฒนาเอเชียให้งบประมาณเพื่อการศึกษาเบื้องต้นเท่านั้นและ สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ซึ่งกรณีจะเปลี่ยนแปลงก็แทบจะไม่ต้องเปลี่ยนแบบแปลนการก่อสร้างมากนัก โดยในส่วนของถนนระยะทางประมาณ 6 กิโลเมตร หากเปลี่ยนไปอ้อมทางด้านข้างของโครงการของบริษัทแทนที่จะผ่าเข้ากลางที่ดิน ก็จะยืดระยะทางเพิ่มออกไปไม่เกิน 500 เมตร ซึ่งปัจจุบันบริษัทได้ออกแบบรอไว้ให้แล้วและสามารถหารือในรายละเอียดเรื่อง งบประมาณกับบริษัทได้ด้วย ส่วนตัวอาคารด่านพรมแดนเพียงแต่สร้างให้เบี่ยงไปอีกเล็กน้อย ขณะที่ตัวสะพานข้ามแม่น้ำโขงไม่ต้องเปลี่ยนแปลง

ดร.สิชาเปิดเผยว่า ขณะนี้รอการพิจารณาของสภารัฐบาล สปป.ลาว กระนั้นยังกังวลว่าหากผลการพิจารณาของรัฐบาล สปป.ลาว ขอให้กรมทางหลวงของไทยเปลี่ยนแปลงแบบแปลน จะทำให้การพัฒนาพื้นที่ดังกล่าวได้รับผลกระทบอย่างไร และหากผลออกมาในทางตรงกันข้ามโดยรัฐบาลลาวเห็นชอบกับกรมทางหลวง บริษัทต้องการเรียกร้องค่าชดเชยหรือ ดำเนินการใด ๆ ตามสิทธิในสัมปทาน

บริษัท ทุ่มทุนไปแล้ว 200 ล้านบาท ภายใต้สัญญาสัมปทานกับรัฐบาล สปป.ลาว 40 ปี และต่อได้อีก 40 ปี รวมทั้งยังมีแผนร่วมทุนกับกลุ่มทุนจากมณฑลหยุนหนาน ประเทศจีน ในการสร้างระบบโลจิสติกส์ อีกด้วย

ทั้งนี้โครงการก่อ สร้างสะพานข้าม แม่น้ำโขง ถนนเชื่อมกับถนนอาร์สามไทย-สปป.ลาว-จีนตอนใต้มีกำหนดก่อสร้างตั้งแต่กลางปี 2553 ใช้เวลาก่อสร้าง 30 เดือน งบประมาณ 60 ล้านดอลลาร์สหรัฐ กำหนดประกวดราคาก่อสร้างในวันที่ 7 ม.ค. 2553หน้า 17

http://www.prachachat.net/view_news....day=2010-01-04
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
aunpang
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,112


--อ้อมกอดอันแสนอบอุ่น--


« ตอบ #29 เมื่อ: วันที่ 06 มกราคม 2010, 23:32:57 »

ขอบคุณข้อมูลดี ๆ เจ้า
IP : บันทึกการเข้า


อิ่มอร่อยกุ้งเผา
ถนนสนามบินแม่ฟ้าหลวง ตรงกันข้ามโรงแรมทีคการ์เด้นท์
0897559556
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,112


« ตอบ #30 เมื่อ: วันที่ 08 มกราคม 2010, 20:55:34 »

จีนโหม“คุน-มั่น กงลู่”ถนนสู่อาเซียน(1)“รัฐ-เอกชนจีน”ลุยรับFTAอาเซียน+1
 
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 5 มกราคม 2553 11:44 น.
 
 
   
นาง เตา หลิน อิง ผู้ว่าฯสิบสองปันนา ก้าวเท้าเหยียบแผ่นดินไทย ก้าวแรก ที่ริมแม่น้ำโขง อ.เชียงของ จ.เชียงราย เมื่อคราวเดินทางมาเยือนไทย เมื่อเดือนสิงหาคม
 
 
       ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ – ตัวแทนภาครัฐ-เอกชนจีน เร่งกรุยทางลงทุนตามแนวเส้นทาง “คุน-มั่น กงลู่” ส่งทีมตั้งโต๊ะหารือส่วนราชการ – กลุ่มทุนไทยถี่ยิบ รองรับข้อตกลงจีน-อาเซียน ที่เริ่มต้นขึ้นแล้วในปีนี้(พ.ศ.2553) ขณะที่รัฐไทย ยังเล่นกับ “งบ” ผุดสารพัดโปรเจกต์ตัดถนนเพิ่ม – ศึกษารถไฟเด่นชัย-เชียงรายใหม่ ทั้งที่สารพันปัญหาจ่อคิวผุดหลัง “ไทย-พม่า-ลาว-จีน”เดินเครื่องเต็มตัว
       
       รอบ 4-5 เดือนสุดท้ายของปีกลาย (2552) มีกระแสความเคลื่อนไหวของภาครัฐ-เอกชนจีน ผ่านลงมาตามเส้นทางคุนหมิง-กรุงเทพฯ หรือคุน-มั่น กงลู่ (มั่น – มาจากคำว่า ม่านกู่ ในภาษาจีนกลาง ที่แปลว่า กรุงเทพฯ) เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง บ่งชี้ถึงความพยายามขยายเครือข่ายการลงทุนลงใต้ของ สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยเฉพาะมณฑลหยุนหนัน อย่างมุ่งมั่น
       
       ไม่ว่าจะเป็นคณะของ “เตา หลินอิง” ผู้ว่าฯสิบสองปันนา ที่นำคณะนั่งรถจากสิบสองปันนา มณฑลหยุนหนัน ลงมาตาม R3a ขึ้นฝั่งที่เชียงของ เมื่อสิงหาคม 52
       
       ตามมาด้วยคณะของ Jiang Pusheng เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ สาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำสิบสองปันนา และประธานสมาคมมิตรภาพระหว่างประเทศสิบสองปันนา พร้อมตัวแทนภาครัฐ-เอกชนจากสิบสองปันนา ทั้ง MR.Chen Qizong รองผู้ว่าฯสิบสองปันนา , Mr.Lu Jingquan ผอ.สนง.การท่องเที่ยวสิบสองปันนา ,Mr.Den Xiping รองประธาน Yunnan Airport Group CO,LTD ฯลฯ ก็มุ่งหน้ามาตามเส้นทาง R3a เพื่อร่วมพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวระหว่างการท่องเที่ยวสิบสองปันนา กับสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเชียงใหม่ – เชียงราย ระหว่างวันที่ 1-3 ธันวาคม 2552
       
       ถัดจากนั้นอีกไม่กี่วัน คือวันที่ 9 ธันวาคม 2552 Mr.Xu Zhonglin อดีตประธานกระทรวงอุตสาหกรรมมณฑลหยุนหนัน พร้อมคณะนักธุรกิจทั้งด้านลอจิสติกส์ เฟอร์นิเจอร์ ตกแต่งภายใน อุตสาหกรรมหนักต่าง ๆ อีกร่วม 50 ชีวิต ที่เดินทางจากคุนหมิง เมืองเอกของหยุนหนัน มาตามเส้นทางคุน-มั่น กงลู่ เพื่อสำรวจช่องทางการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว
       
       คณะนี้มีผู้บริหารบริษัทเอกชนรายใหญ่ของหยุนหนัน ร่วมเดินทางมาด้วย เช่น กลุ่มผู้บริหารบริษัทหยุนหนันการลงทุนในภาคพื้นเอเชีย จำกัด -บริษัทหยุนหนันกลุ่มวิศกรรมก่อสร้าง จำกัด -บริษัทโลหะกรรมวิศวกรรมก่อสร้าง จำกัด -บริษัทคุนหมิงเหาเหม่ย อสังหาริมทรัพย์พัฒนา จำกัด -บริษัทหยุนหนันลู่เฉียว จำกัด- โรงงานไท่เหอซึ่งอยู่ในเครือซีวายกรุ๊ป จำกัด -บริษัทอินเตอร์เนชั่นแนลคอมบัสชั่นเอ็นยิเนีย จำกัด- โรงงานผลิตภัณฑ์ต่างๆ ในเครือบริษัทจิ่วโจว อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
       
       ตามมาด้วยคณะ เฉียน เต๋อ เว่ย รองนายกเทศมนตรีนครผูเอ่อ ที่นำทีมบินตรงจากคุนหมิง เข้าสุวรรณภูมิ ก่อนย้อนขึ้นมาพิษณุโลก พบปะกับนักธุรกิจเมืองสองแควพร้อมทำบันทึกข้อตกลงความร่วมระหว่างรัฐต่อรัฐ คือ เทศบาลนครพิษณุโลกกับเทศบาลนครผูเอ่อ เป็นบ้านพี่เมืองน้องให้ความร่วมมือทางการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว พร้อมกับดูลู่ทางการร่วมทุนในธุรกิจการเกษตร – ศูนย์สินค้าเกษตรอินโดจีน เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2552
       
       หลากหลายคณะตัวแทนรัฐ-เอกชนจีน ที่ตบเท้าเข้าไทยผ่านคุน-มั่น กงลู่ เหล่านี้ ล้วนแต่มีนัยว่า จีนเดินหน้าเต็มที่ สำหรับการเปิดช่องทางการค้า ลงทุน ท่องเที่ยว จีนตอนใต้เชื่อมโยงกับอาเซียน – ตลาดโลก ผ่านเส้นทางสายนี้
       
       Jiang Pusheng เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีนประจำสิบสองปันนา และประธานสมาคมมิตรภาพระหว่างประเทศสิบสองปันนา กล่าวระหว่างประชุมร่วมกับคณะผู้ว่าฯ-ภาคธุรกิจที่เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2552 ณ ศาลากลางเชียงใหม่ ว่า เขามาเชียงใหม่เป็นครั้งที่ 2 แล้ว ซึ่งขณะนี้โครงสร้างพื้นฐานได้รับการพัฒนามาก การเดินทางระหว่างจีน-ไทย เริ่มสะดวกมากขึ้น ทั้งเส้นทาง R3a (จีน-ลาว-ไทย) ก็เปิดใช้มาเกือบ 2 ปี ,แม่น้ำโขง ที่ 4 ประเทศร่วมกันพัฒนาจนสามารถเดินเรือได้ เหลือเพียงทางอากาศ ที่ก่อนหน้านี้เคยมีสายการบินให้บริการระหว่างเชียงใหม่ – สิบสองปันนา แต่ได้เลิกบินไปแล้วอย่างน่าเสียดาย คราวนี้เขาจึงต้องการให้จังหวัดเชียงใหม่ ช่วยผลักดันให้มีการเปิดเส้นทางบินระหว่างเชียงใหม่-สิบสองปันนาขึ้นอีกครั้งหนึ่ง

 
 
นายราชันย์ วีระพันธุ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมลงนามความตกลงพัฒนาการท่องเที่ยวร่วมกับการท่องเที่ยวสิบสองปันนา มณฑลหยุนหนัน ของจีน ที่ศาลากลางเชียงใหม่ เมื่อต้นเดือนธันวาคม 2552
 
 
       Xu Zhonglin อดีตประธานกระทรวงอุตสาหกรรมมณฑลหยุนหนัน กล่าวระหว่างประชุมหารือด้านการค้าการลงทุนร่วมกับหอการค้าฯ-สภาอุตสาหกรรมเชียงใหม่ และอมรพันธ์ นิมานันท์ ผู้ว่าฯเชียงใหม่ ที่โรงแรมอโมร่า ท่าแพ เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม2552 ว่า ข้อตกลงอาเซียน + 1 ที่เริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2553 จะก่อให้เกิดแรงจูงใจทำให้การค้าระหว่างจีน-กลุ่มอาเซียน โดยเฉพาะไทยคึกคักมากขึ้น โดยเฉพาะการค้าผ่านคุน-มั่น กงลู่ ที่เชื่อมเข้าภาคเหนือของไทยที่เชียงราย จะเป็นจุดเชื่อมลอจิสติกส์ร่วมกันระหว่างจีนและกลุ่มอาเซียน
       
       Xu Zhonglin ย้ำว่า หยุนหนัน ให้ความสำคัญต่อการพัฒนาความร่วมมือจีน-อาเซียนมาก และมองว่าไทยเป็นศูนย์กลางของเอเชียตะวันออก และสามารถพัฒนาเป็นฮับ(HUB) ได้ เพราะมีภูมิประเทศที่เหมาะสม
       
       ล่าสุดเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2552 ที่ผ่านมา มณฑลหยุนหนัน ก็ได้ตั้ง สหพันธ์ความร่วมมือการพัฒนาเศรษฐกิจเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ขึ้น เพื่อเป็นองค์กรในการพัฒนาความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างจีน – เอเชียอาคเนย์ / จีน-เอเชียใต้
       
       ขณะที่ “ฟ่ง หวา” กรรมการบริษัทจิ่วโจว อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ที่มีโครงการก่อสร้างโรงแรม คลับเฮาส์ บนที่ดินราว 50 ไร่ ที่บ้านดอนมหาวัน อ.เชียงของ จ.เชียงราย ริมจุดก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขง 4 มูลค่าการลงทุนไม่น้อยกว่า 500 ล้านบาท ระบุกับ ASTVผู้จัดการ ว่า หลังข้อตกลงจีน-อาเซียนมีผล ก็จะทำให้ 4 มณฑลตะวันตกเฉียงใต้ของจีนทั้งหยุนหนัน กว่างซี เสฉวน และกุ้ยโจว ที่มีประชากรรวมกันกว่า 200 ล้านคน เข้ามามีส่วนร่วม ซึ่งพื้นที่แถบนี้มีอุตสาหกรรมหนัก และสินค้ากระจายในตลาดภูมิภาคนี้อยู่แล้ว แต่ขนส่งผ่านทะเลจีนใต้ไปยังท่าเรือสิงคโปร์มากกว่า
       
       แต่เมื่อเส้นทาง R3a และคุน-มั่น กงลู่ สะดวกตลอดทั้งสาย รวมถึงมีข้อตกลงจีน-อาเซียน ก็จะหันมาใช้ประโยชน์จากเส้นทางนี้ ลำเลียงสินค้าต่อไปยังท่าเรือแหลมฉบังกระจายสินค้าผ่านอ่าวไทยและท่าเรือ จ.ระนอง ออกไปทางทะเลอันดามัน-มหาสมุทรอินเดีย ต่อไป
       
       ฟ่ง หวา ย้ำว่า รัฐบาลจีน ให้การสนับสนุนเอกชนเพื่อขยายการค้าการลงทุนผ่านไทยมาก โดยเฉพาะด้านเงินทุนที่สนับสนุนหลายบริษัทในลักษณะร่วมทุนกับเอกชนสัดส่วน 50 ต่อ 50 และหลังถนน R3a ผ่าน สปป.ลาว ซึ่งร่วมทุนระหว่างไทย-จีน-ธนาคารพัฒนาเอเชีย 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐแล้ว ก็ยังระดมเงินทุนเอาไว้อีก 300 ล้านหยวน หรือ 1,500 กว่าล้านบาท เพื่อสนับสนุนเอกชนที่จะเข้าไปลงทุนตามแนวถนน R3a
       
       จีนเสนอตั้งคณะทำงานสางปมผ่านแดน
       
       อย่างไรก็ตาม ณ วันนี้ ภาพรวมของอนุภูมิภาคนี้ทั้ง 4 ประเทศคือไทย จีน สปป.ลาว และพม่า ต่างก็มีปัญหาคือ แต่ละประเทศมีหน่วยงานที่บริหารงานทั้งที่ขึ้นต่อส่วนกลางและส่วนท้องถิ่น ซึ่งฝ่ายจีนได้เสนอให้มีการตั้งองค์กรความร่วมมือประสานงาน 3 ฝ่าย 5 พื้นที่ คือไทย-พม่า-จีน และไทย-สปป.ลาว-จีน โดยมี 5 พื้นที่เป็นคณะทำงานร่วมจากพื้นที่เชียงราย เชียงใหม่ สิบสองปันนา แขวงหลวงน้ำทาและแขวงบ่อแก้ว (สปป.ลาว) เพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ และถ้าได้ผลก็อาจขยายไปยังแขวงหลวงพระบาง (สปป.ลาว) และเมืองเชียงตุง (พม่า) ต่อไป โดยอาจจัดเป็นศูนย์ประสานงานขึ้น
       
       “"ถ้าพบปัญหาที่เกี่ยวกับหน่วยงานท้องถิ่นก็สามารถหารือกันได้โดยทันที แต่ถ้าพบปัญหาระดับนโยบายอันเกิดจากส่วนกลางก็จะมีการประชุม 5 ฝ่าย เพื่อนำเสนอไปยังรัฐบาลของแต่ละฝ่ายต่อไปได้ ซึ่งผมเดินทางมาครั้งนี้ก็อยากจะประสานงานเพื่อเริ่มต้นกันที่ จ.เชียงราย และ จ.เชียงใหม่ ก่อนจากนั้นค่อยๆ ขยายไปยังแขวงบ่อแก้วต่อไป” Jiang Pusheng กล่าว

 
 
นายณรงค์ คองประเสิร์ฐ ประธานหอการค้า มอบของที่ระลึกให้แก่คณะตัวแทนกลุ่มทุนขนาดใหญ่ของหยุนหนัน ระหว่างเดินทางสำรวจลู่ทางการค้าที่เชียงใหม่ รองรับข้อตกลงจีน-อาเซียนเมื่อธันวาคม 2552 
 
 
       ไทยเล่นแต่“งบ”/ทุ่มทุนสร้างถนน-ปลุกรถไฟ“เด่นชัย-เชียงราย”
       
       ขณะที่โครงข่ายถนนคุน-มั่น กงลู่ (คุนหมิง-กรุงเทพฯ) ในประเทศเพื่อนบ้านทั้งลาว (R3a) และพม่า(R3b) จะก่อสร้างแล้วเสร็จ รอเพียงสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 4 ที่จะเชื่อม อ.เชียงของ จ.เชียงราย ของไทยเข้ากับ R3a ให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้นนั้น ประกอบกับกระแสทุนจีน ที่หลั่งไหลเข้ามารองรับกรอบข้อตกลงอาเซียน + 1 อย่างต่อเนื่องนั้น ในส่วนของไทย ก็มีความเคลื่อนไหวปรับปรุง – ก่อสร้างเส้นทาง และสาธารณูปโภคอื่น ๆ ขึ้นมารองรับเช่นกัน
       
       โดยเฉพาะกระทรวงคมนาคม มีโครงการก่อสร้างถนน เพื่อสนับสนุนท่าเรือเชียงแสน 2และสะพานแม่น้ำโขงแห่งที่ 4 เชื่อมเชียงของ-แขวงบ่อแก้ว และถนน R3a รวมทั้งยังมีโครงการทางหลวงเชื่อมเชียงใหม่-เชียงราย ด้วยได้แก่
       
       - โครงการทางหลวงหมายเลข 1020 สายเชียงราย-เชียงของ ปัจจุบันได้ดำเนินการตอนที่ 1 แล้ว ตั้งแต่เชียงของ ลงมา ระยะทาง 11.1 กม. มีสัญญาก่อสร้างระหว่างวันที่ 9 กันยายน 2552-31 พฤษภาคม 2554 งบประมาณ 320 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีโครงการระยะที่ 2 อีก 18.9 กม. ด้วยงบประมาณ 664 ล้านบาท ขณะนี้กำลังรอการลงนามในสัญญาการก่อสร้างอยู่ ซึ่งโครงการนี้จะเชื่อมระหว่าง อ.เมืองเชียงราย-สะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 4 โดยตรง
       
       - ถนนเชื่อมไปยังท่าเรือแม่น้ำโขงเชียงแสน 2 บนทางหลวงหมายเลข 1016 สาย อ.แม่จัน - อ.เชียงแสน โดยอยู่ระหว่างก่อสร้างตอนที่ 1 ระยะทาง 19.2 กม. มีสัญญาก่อสร้างกับเอกชนระหว่างวันที่ 7 ตุลาคม 2552-26 กันยายน 2554 ด้วยงบประมาณ 630 ล้านบาท รวมทั้งยังมีโครงการตอนที่ 2 อีกประมาณ 16.40 กม. ซึ่งรองบประมาณอีก 540 ล้านบาท
       
       -โครงการถนนสาย อ.แม่สาย - อ.เชียงแสน เลาะตะเข็บชายแดนไทย-พม่า และไทย-สปป.ลาว บนทางหลวงหมายเลข 1290 ตอนที่ 1 ระยะทาง 30.6 กม. ระยะสัญญาก่อสร้างตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2552-21 สิงหาคม 2554 รวมทั้งยังเหลือระยะทางตอนที่ 2 อีก 8 กม. ซึ่งกำลังรองบประมาณอยู่อีก 300 ล้านบาท
       
       นอกจากนี้ยังมีเส้นทางอื่นๆ ที่บรรจุอยู่ในแผนแล้ว ได้แก่ ทางเลี่ยงเมืองเชียงราย เพื่อลดความแออัดของถนนพหลโยธินในเขต อ.เมือง ซึ่งจะทำเส้นทางเลี่ยงจากพื้นที่ ต.สันทราย อ.เมือง อ้อมไปทางทิศตะวันตกเพื่อกลับเข้าสู่ถนนพหลโยธินอีกครั้งที่ ต.ท่าสุด อ.เมือง รวมระยะทางประมาณ 28 กม. งบประมาณ 900 ล้านบาท และโครงการขยายทางหลวงหมายเลข 1129 เชื่อมระหว่าง อ.เชียงแสน-เชียงของ เลาะแม่น้ำโขงระยะทางประมาณ 59 กม. จาก 2ช่องจราจรเป็น 4 ช่องจราจร งบ 995 ล้านบาท
       
       ขณะเดียวกัน ยังมีการศึกษาเพื่อก่อสร้างถนนสายเชียงราย-เชียงของ จาก อ.เมือง ผ่านไปทาง อ.ขุนตาล-เชียงของ ซึ่งจะได้ผลสรุปเพื่อหาแบบก่อสร้างที่ชัดเจนในเดือนมกราคม 2553 นี้อีกด้วย
       
       พร้อมกันนี้ ยังมีโครงการปรับปรุงถนนสาย 118 เชื่อมเชียงราย-เชียงใหม่ ระยะทาง 179 กม. โดยเป็นการปรับปรุงจาก 2 ช่องจราจรเป็น 4 ช่องจราจรประมาณ 62 กม.และปรับปรุง 2 ช่องจราจรอีก 117 กม. ด้วยงบประมาณรวมทั้งหมด 3,500 ล้านบาท โดยช่วงระยะเชียงใหม่-ดอยสะเก็ด จะปรับปรุงให้เป็น 4 ช่องจราจร และจากดอยสะเก็ด-บ้านแม่เจดีย์ อ.เวียงป่าเป้า ปรับปรุง 2 ช่องจราจรเป็นระยะทาง 50 กม. ด้วยงบประมาณ 1,300 ล้านบาท จาก ต.แม่เจดีย์-อ.เวียงป่าเป้า ขยายเป็น 4 ช่องจราจรระยะทาง 25 กม. และจาก อ.เวียงป่าเป้า ขึ้นไปอีกประมาณ 67 กม. ขยาย 2 ช่องจราจรด้วยงบประมาณ 2,200 ล้านบาท ทั้งหมดส่วนใหญ่จะแล้วเสร็จในปี 2555
       
       ด้านการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.)ก็ได้รับอนุมัติงบประมาณปี 53 จากโครงการไทยเข้มแข็ง 80 ล้านบาท เพื่อปรับปรุงแบบรายงาน EIA และศึกษาความเหมาะสมโครงการก่อสร้างทางรถไฟเด่นชัย-เชียงรายอีกครั้ง โดยจะเป็นการศึกษาเพื่อพัฒนาระบบรถไฟขนาดรางมาตรฐานกว้าง 1.435 เมตร จากนั้นจะขออนุมัติงบประมาณปี 54 เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการว่าจ้างที่ปรึกษาเพื่อเตรียมการก่อสร้างต่อไป

 
   
 
 
       ส่วนท่าเรือในแม่น้ำโขงเชียงแสนแห่งที่ 2 ที่หมู่บ้านสบกก อ.เชียงแสน มีเนื้อที่ 402 ไร่ 1 งาน 20 ตารางวา ปัจจุบันก่อสร้างด้วยวงเงิน 1,546,400,000 ล้านบาท กรมขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวีได้ว่าจ้างบริษัทพอร์ท แอนด์ มารีน คอร์ปอเรชั่น (พี.เอ.เอ็ม) จำกัด ตามสัญญาเลขที่ 52/2552/พย.ลงวันที่ 12 พฤษภาคม 2552 ให้ทำการก่อสร้างตามสัญญา 960 วัน ตั้งแต่ วันที่ 13 พฤษภาคม 2552-28 ธันวาคม 2554 รูปแบบเป็นท่าเรือย่อยรวม 5 จุดพร้อมอาคารสถานที่และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน
       
       ขณะที่ โครงการสะพานข้ามแม่น้ำโขงที่ อ.เชียงของ กรมทางหลวงกำหนดให้มีการประกวดราคาในวันที่ 7 มกราคม 2553 เพื่อคัดสรรเอกชนทำการก่อสร้างด้วยงบประมาณ 1,566 ล้านบาท ระยะเวลาก่อสร้าง 30 เดือนคาดว่าจะตอกเสาเข็มได้กลางปี 2553
       
       สารพัดปัญหาโผล่หลังไทย-พม่า-ลาว-จีนเดินเครื่องเต็มตัว
       
       
       ในมิติการขยายตัวทางการค้า การลงทุน ขนส่ง ท่องเที่ยว ตามเส้นทางคุนหมิง-กรุงเทพฯ ที่เริ่มเดินเครื่องกันอย่างเต็มตัวมากขึ้น โดยมีกลุ่มทุนจีนมากหน้าหลายตาทะลักเข้ามายึดกุมพื้นที่ – โอกาสทางธุรกิจอย่างต่อเนื่องนั้น ก็อาจจะมีปัญหาต่อเนื่องตามมาด้วยเช่นกัน
       
       ระยะที่ผ่านมาคณะกรรมการเพื่อโครงการสี่เหลี่ยมเศรษฐกิจ (คสศ.) หอการค้า 10 จังหวัดภาคเหนือ ได้เปิดเวทีหารือร่วมกับกลุ่มตัวแทนจากประเทศที่เกี่ยวข้อง สามารถสรุปปัญหาอุปสรรค และข้อเสนอแนะจากมุมมองของภาคเอกชน แยกตามความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน ดังนี้
       
       ไทย - สปป.ลาว
       
       1.ภาครัฐควรเร่งให้มีการจัดทำผังเมืองรวมโดยด่วน พร้อมทั้งกำหนดแผนยุทธศาสตร์เชิงรุกเพื่อแก้ไขปัญหาล่วงหน้า
       
       2.ต้องเร่งเจรจาแกไขปัญหาการจัดเก็บภาษีระหว่างแดน เนื่องจากปัจจุบันมีอัตราการจัดเก็บไม่เท่ากัน ไม่มีมาตรฐาน ขึ้นกับความพึงพอใจของเจ้าหน้าที่
       
       3.ด้านลอจิสติกส์ ควรเตรียมลงทุนสร้างศูนย์กระจายสินค้าที่ อ. เชียงของ ด้วย เพื่อไม่ให้เป็นเพียงเส้นทางผ่านไปยังแขวงบ่อแก้ว เพียงอย่างเดียว
       
       4.ด้านการพัฒนาฝีมือแรงงานจากแรงงานไร้ฝีมือเป็นแรงงานฝีมือด้านลอจิสติกส์
       
       5.ปัญหาด้านการจราจร และมลพิษที่จะเกิดขึ้นตามมาหลังจากมีสะพานหรือคลังสินค้า
       
       6.ปัญหาด้านสังคมที่จะตามมา เช่น ปัญหาขาดการวางผังเมืองรวม ปัญหาขยะ อาชญากรรม เป็นต้น
       
       ด้านไทย –จีน
       
       1.ภาครัฐต้องเร่งเจรจาหาทางแก้ไขปัญหาเรื่องกฎเกณฑ์และระเบียบกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการส่งออกสินค้าไปยังจีน เนื่องจากมีกฎระเบียบที่ยุ่งยาก ซับซ้อน ไม่มีมาตรฐานที่ชัดเจน
       
       2.ภาครัฐต้องเร่งเจรจาแก้ไขปัญหาเรื่องการจำกัดโควตาสินค้าในการส่งสินค้าเข้าจีน เนื่องจากปัจจุบันถูกผูกขาดโดยกลุ่มทุนรายใหญ่เพียงไม่กี่กลุ่มที่อาศัยความสัมพันธ์กับเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นของจีนเป็นหลัก
       
       3.ภาครัฐต้องเร่งประสานงานและแก้ไขปัญหาเรื่องการอำนวยความสะดวก ในเรื่องหนังสือเดินทางระหว่างกันให้คล่องตัวมากขึ้น
       
       4.การค้าเสรีไทย – จีน (FTA) ยังไม่สามารถทำได้เต็มรูปแบบ เนื่องจากติดปัญหาเรื่องกฎระเบียบของท้องถิ่นของจีน ทำให้ต้องเสียเวลาส่งสินค้าผ่านพม่า และลาวก่อน ทำให้ต้นทุนสินค้าเพิ่มมากขึ้น
       
       ด้านไทย – พม่า
       
       1.ภาครัฐควรจะจัดบูรณาการหน่วยงานชายแดนทั้งหลาย เช่น ศุลกากร ตรวจคนเข้าเมือง ฝ่ายปกครอง ฝ่ายทหาร ตำรวจ ให้ทำงานเป็นเอกภาพ ลดขั้นตอนการทำงาน และเอื้ออำนวยความสะดวกต่อภาคเอกชนให้มากขึ้น มากกว่าการจ้องจับผิด
       
       2.ภาครัฐควรเร่งเจรจา แก้ไขปัญหาเรื่องระบบการซื้อขายสินค้า และการชำระเงินให้ผ่านระบบธนาคารตามระบบสากล
       
       3.ควรส่งเสริมและปรับปรุง เส้นทาง R 3 b (แม่สาย –ตองยี – เชียงตุง) ระยะทาง 475 กม. เพื่อเป็นช่องทางเสริมด้านการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวพร้อมกันไปด้วย
 
http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9530000000630
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,112


« ตอบ #31 เมื่อ: วันที่ 10 มกราคม 2010, 14:49:22 »

จอยต์เวนเจอร์กรุงธนฯลอยลำ ชนะประมูล"สะพานข้ามโขง4"

วันที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2553 ปีที่ 33 ฉบับที่ 4174 ประชาชาติธุรกิจ


กลุ่มกิจการร่วมค้า "ไชน่าเรลเวย์-กรุงธนเอนยิเนียร์" คว้างานประมูลสะพานข้ามโขงแห่งที่ 4 เชียงของ-ห้วยทราย เสนอราคาต่ำสุด 1,560 ล้านบาท กรมทางหลวงเตรียมต่อรองราคาก่อนเซ็นสัญญา คาดเริ่มสร้าง มี.ค.นี้ ใช้เวลา 30 เดือนแล้วเสร็จ


ผู้สื่อข่าว "ประชาชาติธุรกิจ" รายงานว่า เมื่อวันที่ 7 มกราคมที่ผ่านมา กรมทางหลวง (ทล.) ได้เปิดซองราคาโครงการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงตามแนวเศรษฐกิจเหนือ-ใต้ (ห้วยทราย-เชียงของ) ของ อนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง หรือสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 4 วงเงิน 1,624 ล้านบาท ปรากฏว่าผู้รับเหมาที่เสนอราคาต่ำสุดคือ กลุ่ม CR5-KT Joint Venture (China Railway No.5 Engineering Group Co., Ltd. ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจของรัฐบาลจีน, บจก.กรุงธนเอนยิเนียร์) โดยเสนอราคาอยู่ที่ 45.9 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 1,560 ล้านบาท โดยผู้รับเหมาเสนอส่วนลดให้อีก 2% จากราคากลาง 45.5 ล้านเหรียญ อย่างไรก็ตาม กรมทางหลวงจะต้องต่อรองราคากับผู้รับเหมาอีกรอบก่อนที่จะอนุมัติราคาต่อไป

ส่วนผู้รับเหมาอีก 4 รายที่เข้าร่วมแข่งขันประกวดราคาโครงการนี้ ประกอบด้วย 1.กลุ่ม Joint Venture CKYS (บมจ.ช.การช่าง, China Yunnan Sunny Road & Bridge Co., Ltd.) 2.กลุ่ม CTN Joint Venture (China Harbour Engineering Company Ltd., บจก.ทิพากร, Nonghai Road & Bridge Construction Co., Ltd.) 3.กลุ่ม VC Joint Venture (บจก.วิจิตรภัณฑ์ก่อสร้าง, China Gezhouba (Group) Corporation) 4.กลุ่ม SCC-MBEC Consortium (บจก.เสริมสงวนก่อสร้าง, China Major Bridge Engineering Group

นายวีระ เรืองสุขศรีวงศ์ อธิบดีกรมทางหลวง เปิดเผยว่า โครงการนี้กรมทางหลวงได้ลงนามร่างความตกลงว่าด้วยการจัดการด้านการเงินกับรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2552 สำหรับงานก่อสร้าง โดยร่วมกันรับผิดชอบฝ่ายละเท่ากัน วงเงินค่าก่อสร้าง 1,624 ล้านบาท ในส่วนที่รัฐบาลไทยต้องรับผิดชอบ จำนวน 812 ล้านบาท และคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติเพิ่มวงเงินค่าควบคุมงานในส่วนที่รัฐบาลไทยต้องรับผิดชอบอีก 45.5 ล้านบาท

สำหรับรายละเอียดโครงการสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 4 นี้มีความยาวรวม ทั้งสิ้น 11.6 กิโลเมตร ประกอบด้วยงานส่วนสะพานข้ามแม่น้ำโขง ขนาด 2 ช่องจราจรพร้อมทางเท้า ความยาว 480 เมตร และสะพานเชิงลาดฝั่งไทย ยาว 150 เมตร รวมความยาวทั้งสิ้น 630 เมตร

ส่วนถนนฝั่งไทย เป็นทางหลวงลาดยางขนาด 4 ช่องจราจร มีความยาวประมาณ 5 กิโลเมตร มีจุดเปลี่ยนทิศทางจราจร (traffic changeover) เป็นทางแยกระดับพื้นดินและติดตั้งสัญญาณไฟจราจร สำหรับเปลี่ยนทิศทางการขับขี่จากฝั่งซ้ายเป็นฝั่งขวา แล้วเปลี่ยนเป็นทางหลวงลาดยางขนาด 2 ช่องจราจรต่อเนื่องกับตัวสะพาน

ทั้งนี้ การออกแบบให้มีการก่อสร้างพร้อมอาคารด่านพรมแดนรูปแบบสถาปัตยกรรมล้านนา ส่วนถนนฝั่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เป็นทางหลวงลาดยางขนาด 2 ช่องจราจร มีความยาวประมาณ 6 กิโลเมตร ก่อสร้างพร้อมอาคารด่านพรมแดนรูปแบบสถาปัตยกรรมล้านช้าง

"โครงการนี้คาดว่าจะเซ็นสัญญาจ้างและเริ่มงานก่อสร้างได้ในเดือนมีนาคม 2553 โดยใช้ระยะเวลาก่อสร้าง 30 เดือน" นายวีระกล่าว

หน้า 8
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,112


« ตอบ #32 เมื่อ: วันที่ 10 มกราคม 2010, 14:49:54 »

เปิดแชตบ็อกดีมั้ยครับ


วันนี้ที่การก่อสร้างท่าเรือเชียงแสน 2 มาครับ ว่างๆจะมาโพสภาพให้ชมครับ

รอชมอยู่ครับ
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,112


« ตอบ #33 เมื่อ: วันที่ 11 มกราคม 2010, 23:40:33 »

ซีอาร์เอส-เคที ชนะประมูลสร้างสะพานแม่น้ำโขงห้วยทราย-เชียงของ

กรุงเทพฯ 11 ม.ค.- นายวีระ เรืองสุขศรีวงศ์ อธิบดีกรมทางหลวง เปิดเผยว่า ความคืบหน้าการยื่นซองประกวดราคางานก่อสร้างโครงการสะพานข้ามแม่น้ำโขงตามแนวเศรษฐกิจเหนือ-ใต้ (ห้วยทราย-เชียงของ) ของอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง หลังจากรัฐบาลไทยและรัฐบาลจีนตกลงร่วมกันจัดการด้านการเงินวงเงินค่าก่อสร้างรวม 1,624 ล้านบาทนั้น ทางกลุ่มร่วมทุนซีอาร์เอส-เคที ประกอบด้วย บริษัทกรุงธนเอนยิเนียร์ จากไทย และบริษัทไชน่า เรลล์เวย์ นัมเบอร์ 5 เอนยิเนียริ่ง กรุ๊ป จากประเทศจีน ได้ยื่นซองประกวดราคาต่ำสุด 43,158,581 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1,431 ล้านบาท จากราคากลาง 43,772,060 ดอลลาร์สหรัฐ ทำให้ชนะการประกวดราคาผู้ยื่นซองอีก 3 ราย คือ กลุ่มร่วมทุน ซีเควายเอส กลุ่มร่วมทุนซีทีเอ็น และกลุ่มร่วมทุนวีซี

นายวีระ กล่าวว่า หลังจากได้ผู้ชนะการประกวดราคาแล้ว คาดว่าขั้นตอนการตรวจสอบผลการประกวดราคาและลงนามสัญญาจ้าง เพื่อเริ่มงานก่อสร้างได้ในเดือนมีนาคมนี้ โดยจะใช้ระยะเวลาก่อสร้าง 30 เดือน ซึ่งโครงการสะพานข้ามแม่น้ำโขงตามแนวเศรษฐกิจเหนือ-ใต้ (ห้วยทราย-เชียงของ) ตั้งอยู่บริเวณบ้านปักอิง ตำบลศรีดอนไชย อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย ส่วนฝั่งลาวนั้นจะเป็นบริเวณทางตอนใต้ของเมืองห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว ประเทศลาว มีความยาวรวมทั้งสิ้น 11.6 กิโลเมตร

ทั้งนี้ สะพานข้ามแม่น้ำโขง เป็นสะพานขนาด 2 ช่องจราจรพร้อมทางเท้า ความยาวสะพานช่วงข้ามแม่น้ำโขง 480 เมตร และสะพานเชิงลาดฝั่งไทย 150 เมตร รวม 630 เมตร ส่วนถนนฝั่งไทยมีความยาวประมาณ 5 กิโลเมตร เป็นทางหลวงลาดยางขนาด 4 ช่องจราจร พร้อมอาคารด่านพรมแดนรูปแบบสถาปัตยกรรมล้านนา มีจุดเปลี่ยนทิศทางจราจร เป็นทางแยกควบคุมด้วยสัญญาณไฟจราจร สำหรับสลับทิศทางการขับขี่จากซ้ายเป็นขวา แล้วลดความกว้างเป็นขนาด 2 ช่องจราจรต่อเนื่องกับตัวสะพาน

ส่วนถนนฝั่ง สปป.ลาวมีความยาวประมาณ 6 กิโลเมตรเป็นทางหลวงลาดยางขนาด 2 ช่องจราจรพร้อมด่านพรมแดนรูปแบบสถาปัตยกรรมล้านช้าง เมื่อโครงการก่อสร้างแล้วเสร็จ จะก่อให้เกิดประโยชน์กับอนุภูมิภาคแห่งนี้ ในด้านการค้าการลงทุน ความสะดวกในการคมนาคม การติดต่อกัน รวมทั้งศักยภาพด้านการท่องเที่ยวระหว่างเชียงรายถึงคุนหมิง.-สำนักข่าวไทย


http://news.mcot.net/economic/inside...ZudHlwZT10ZXh0

IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
Lin Yufeng
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 58


« ตอบ #34 เมื่อ: วันที่ 12 มกราคม 2010, 21:51:38 »

เชียงรายหรอ จะทำอะไรดีอ่ะ‏

สวัสดีค่ะทุกท่าน
 
 
                 พอดีหนูมีการบ้านอ่ะค่ะ เป็นงานกล่ม 12  คน งานก็มีอยู่ว่า
 
 

World Community' Assignment for Semester 2-2009
 
Dear all,



...We are waiting for the 750th anniversary of Chiang Rai in the coming year 2012 (2555 B.E.). As we study and live our lives in such a long-lived city, let's do something to celebrate this special occasion with your assignment!...
1. Form a group of 15 students. (+/-)
.

2. Think of the major trend(s) that may connect Chiang Rai to the world community in the next decade by analyzing that trend(s) with the good reasoning and the relevant evidence. Do not forget to suggest the suitable management for Chiang Rai's local community.
.

3. Your assignment should be presented in the form of a 20-page-booklet (cover and preface are excluded) or a short documentary movie (15 mins. +/-)

4. Come talk to me about your concept before working.

5. Assignment dues on Sunday, 14/02/2010.
 
 
 
 
 
 
                คือจุดประสงค์ของอาจารย์เค้า  อยากให้เราไปทำเรื่องอะไรก็ได้ที่น่าสนใจหรือเด่นๆ เกี่ยวกับเชียงราย ไปสำรวจข้อมูล  แล้วเอาข้อมูลที่ได้มาจริง และเป็นข้อมูลจริง มีแหล่งอ้างอิงได้ มาทำการประเมินสถานการณ์ในอนาคตหรือน่าจะเกิดขึ้นได้บนพื้นฐานความจริงของเชียงราย  เหมือนเราเป็นหมอดูอ่ะค่ะ  ไม่ใช่หมอเดานะ  ฮ่าๆๆ
 
 
                กลุ่มหนูส่วนมากไม่ใช่คนเชียงราย เลยไม่รู้ข้อมูลที่แน่ชัด  เลยตัดสินใจไม่ได้  แต่ที่สนใจคือ หัวข้อของพี่นี้ และก็
            สี่เหลี่ยมเศรษฐกิจ (ไทย จีนตอนใต้ พม่า ลาว)
           Thailand Logistics Road Map หรือยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบลอจิสติกส์ของประเทศไทย (พ.ศ.2550-2554)
           


           มธ.จัดงานสัมมนาเรื่อง “ถนนคุน-มั่น กงลู่ : อีกเส้นทางเลือกเชื่อมไทย-จีนตอนใต้”
 
 
           ประมาณนี้อ่ะค่ะ  ไม่รู้ว่าหัวข้อดีพอหรือน่าสนใจมั้ยค่ะ  และสามารถไปหาแหล่งข้อมูลได้ที่ไหนบ้างค่ะ
 
 
มืดแปดด้านค่ะ   ใกล้จะส่งแล้วด้วยอ่ะ ยังคิดกันไม่ได้เลย   งานทำเป็นภาษาอังกฤษด้วยสิ 
 
 
 
ถ้าพี่ๆมีข้อเสนอแนะดีๆ ก็ช่วยกลุ่มหนูด้วยนะค่ะ
 
 
ขอบคุณค่ะ 
 

IP : บันทึกการเข้า
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,112


« ตอบ #35 เมื่อ: วันที่ 12 มกราคม 2010, 23:19:07 »

ผมก็พยายามรวบรวมข้อมูลอยู่ ครับเพื่อประชาสัมพันธ์ให้คนเชียงรายรับรู้สิ่งที่จะเกิดขึ้นภายในบ้านเมือง ข้อมูลตอนนี้กระจัดกระจายเยอะมากครับเกี่ยวกับโครงการนี้

ผมเพิ่งรวบรวม ข่าวสาร 2-3 เดือนนี้เอง เกี่ยวกับ การพัฒนา  เสี่เหลี่ยมเศรษฐกิจ (ไทย จีนตอนใต้ พม่า ลาว)  และเส้นทางคมนาคม ผมว่าข้อมูลที่ผมเอามาลงลองเปิดดู และอ้างอิงแหล่งข่าวเยอะพอสมควร ผมว่าตลอด 2-3 เดือนไม่น่าจะพลาดโครงการนี้ น้องๆลองเปิดดูโครงการนี้ที่พี่มาโพส ครับ

ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร.
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,112


« ตอบ #36 เมื่อ: วันที่ 12 มกราคม 2010, 23:21:14 »

ดึงคีย์แมนเศรษฐกิจลุ่มน้ำโขงขึ้นเวทีเชียงรายชี้ทิศทาง“GMSในทศวรรษใหม่”


โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 11 มกราคม 2553 14:18 น.

เชียงราย – เตรียมเปิดเวที “GMSในทศวรรษใหม่” ที่เชียงราย ระดมคีแมนหลักภาคเศรษฐกิจทั้งไทย-พม่า-ลาว-จีน-เวียดนาม ขึ้นอภิปรายแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงบนพื้นที่เศรษฐกิจใหม่ หลังโครงข่ายคมนาคมเชื่อมชาติสมาชิก – เขตการค้าเสรีอาเซียน +1 มีผลบังคับใช้ ก่อนเปิดงานวัฒนธรรมลุ่มน้ำโขงครั้งที่ 15 เสาร์นี้(16 ม.ค.)


รายงานข่าวจาก จ.เชียงราย แจ้งว่า ระหว่างวันที่ 14-16 ม.ค.นี้ จังหวัดเชียงราย ร่วมกับคณะกรรมการเพื่อโครงการสี่เหลี่ยมเศรษฐกิจ (คสศ.) หอการค้า 10 จังหวัดภาคเหนือ มีกำหนดกิจกรรมส่งเสริมการพัฒนาความร่วมมือทางเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศลุ่มน้ำโขงขึ้น เริ่มจาก วันที่ 14 ม.ค. ที่ คสศ.จะจัดประชุมครั้งที่ 4/2552 ณ โรงแรมพิมานอินน์ จ.เชียงราย วันที่ 15 ม.ค.จะมีการจัดการสัมมนาเรื่อง “GMS ในทศวรรษใหม่” ณ ห้องดอยตุง โรงแรมดุสิตไอส์แลนด์ รีสอร์ท จ.เชียงราย และวันที่ 16 ม.ค.ตั้งแต่เวลา 09.00-12.00 น.การเจรจาจับคู่ธุรกิจ (Business Matching) ณ โรงแรมดุสิตไอส์แลนด์รีสอร์ท

จากนั้นเวลา 17.30 น.วันเดียวกัน (16 ม.ค.) มีกำหนดเปิดงาน “อลังการงานแสดงสินค้า และวัฒนธรรมสัมพันธ์ลุ่มน้ำโขง ครั้งที่ 15” ณ สนามบินทหารอากาศ ฝูงบิน 416(สนามบินเก่า) อ.เมือง ซึ่งงานนี้จะจัดไปถึง 23 ม.ค.53 ซึ่งภายในงานมีการแสดงศิลปะและวัฒนธรรมจากชาติต่างๆ ลุ่มแม่น้ำโขง เช่น ไทย จีน สปป.ลาว พม่า เวียดนาม ฯลฯ รวมทั้งมีการจัดแสดงสินค้าจากชาติต่างๆ

นายพัฒนา สิทธิสมบัติ ประธาน คสศ.หอการค้า 10 จังหวัดภาคเหนือ กล่าวว่า ในเวทีสัมมนาเรื่อง "GMS ในทศวรรษใหม่" จะมีผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งสามารถสะท้อนสภาพเศรษฐกิจของกลุ่ม GMS ร่วมแสดงทัศนะหลายคน ไม่ว่าจะเป็นนางเหยาง เหยียน ปิง ประธานหอการค้ามณฑลหยุนหนัน ประเทศจีน , ผู้แทนจากสภาหอการค้าและอุตสาหกรรมประเทศพม่า ,สภาหอการค้า สปป.ลาว และผู้บริหารระดับอธิบดีรวมทั้งฑูตพาณิชย์จากเวียดนาม ซึ่งจะช่วยให้ภาครัฐ-เอกชนที่สนใจได้รับทราบข้อมูลเกี่ยวกับพัฒนาการของ GMS และปัญหาอุปสรรคต่างๆ

นายพัฒนา กล่าวอีกว่า ปัจจุบันพัฒนาการตามกรอบข้อตกลงและยุทธศาสตร์ของ GMS ขับเคลื่อนไปอย่างต่อเนื่อง โดยสังเกตได้จากพื้นที่ใกล้ตัวคือการพัฒนาด้านการคมนาคมขนส่งเกี่ยวกับแผนงานพัฒนาแนวพื้นที่เศรษฐกิจเหนือ-ใต้ (North-South Economic Corridor) ผ่านถนน R3A ไทย-สปป.ลาว-จีนตอนใต้ หรือทางเรือในแม่น้ำโขง ฯลฯ ขณะที่แผนงานพัฒนาแนวพื้นที่เศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก (East-West Economic Corridor)จากพม่า-ไทย-สปป.ลาว-เวียดนาม ก็คืบหน้าไปแล้วเช่นกัน

ดังนั้น เวทีนี้จึงเป็นโอกาสอันดีที่จะได้ข้อมูลว่า เชียงราย และภาคเหนือของไทยจะสามารถเก็บเกี่ยวประโยชน์จากการพัฒนาการดังกล่าวได้อย่างไร โดยเฉพาะเรื่องการพัฒนาสินค้าเพื่อจัดส่งไปตามเส้นทางต่างๆ ดังกล่าว

นอกจากนี้ วันที่ 1 ม.ค.53 เป็นต้น ยังมีการใช้ข้อตกลงการค้าเสรีหรือ FTA ในกลุ่มประเทศอาเซียนทั้งหมด และยังมีอาเซียน-จีน ก็จะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนในพื้นที่ทางเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศสมาชิกอย่างต่อเนื่องด้วย

นายพัฒนา กล่าวอีกว่า ส่วนงานอลังการงานแสดงสินค้าและวัฒนธรรมสัมพันธ์ลุ่มน้ำโขงเดิมมีอยู่เพียง 4 ประเทศลุ่มแม่น้ำโขงคือไทย จีนตอนใต้ สปป.ลาว และพม่า ต่อมาเพิ่มเป็นประเทศกัมพูชา-เวียดนามเป็น 6 ประเทศ ภายในงานมีการจัดแสดงสินค้านานาชาติกว่า 100 บูท และของไทยจำนวน 300 บูท และบนบนเวทีมีการแสดงวัฒนธรรมลุ่มน้ำโขงจาก 6 ประเทศหมุนเวียนกันไปตลอดงาน

รวมทั้งมีการจัดกาดหมั้วครัวแลงจำลองวิถีชีวิตของชาวล้านนา การจัดนิทรรศการลุ่มน้ำโขง การบริการอาหารและเครื่องดื่มจากชมรมภัตตาคารและร้านอาหาร จ.เชียงราย รวมทั้งมีลานชมคอนเสิร์ตจากศิลปินที่มีชื่อเสียงด้วย

สำหรับ GMS หรือ Greater Mekong Subregion เป็นความร่วมมือของ 6 ประเทศ คือ ไทย พม่า ลาว กัมพูชา เวียดนาม และจีน (มณฑลหยุนหนัน) เพื่อส่งเสริมให้เกิดการขยายตัวทางเศรษฐกิจ สนับสนุนการจ้างงานและยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่ให้ดีขึ้น โดยมีธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (Asian Development Bank-ADB) เป็นผู้ให้การสนับสนุนหลัก

ที่ผ่านมามีกรอบความร่วมมือหลากหลาย เช่น การพัฒนาคมนาคมขนส่ง การลงทุน การสื่อสาร พลังงาน การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ สิ่งแวดล้อม การค้า การท่องเที่ยว การเกษตร และที่ผ่านมามีการพัฒนาตามแผนงานต่างๆ เช่น แผนงานพัฒนาแนวพื้นที่เศรษฐกิจเหนือ-ใต้ (North-South Economic Corridor) แผนงานพัฒนาแนวพื้นที่เศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก (East-West Economic Corridor) แผนงานพัฒนาแนวพื้นที่เศรษฐกิจตอนใต้ (Southern Economic Corridor) แผนงานพัฒนาเครือข่ายโทรคมนาคม (Telecommunications Backbone) แผนงานการอำนวยความสะดวกการค้าและการลงทุนข้ามพรมแดน (Facilitating Cross-Border Trade and Investment) ฯลฯ

http://www.manager.co.th/Local/ViewN...=9530000003549

IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
Ck 401
"....เมื่อเห็นทุกสิ่งเป็นธรรมดา ก็ไม่มีอะไรมาทำให้ทุกข์ได้อีก...."
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,267


...งานหนักไม่เคยฆ่าคน...


« ตอบ #37 เมื่อ: วันที่ 13 มกราคม 2010, 09:09:13 »

 ยิ้ม ขอบคุณข้อมูลดีๆครับ... ยิ้มกว้างๆ
IP : บันทึกการเข้า

"....คณะเรา ไม่ยอมให้ด้อยถอยลง ต่ำเราต้องค้ำชูให้สูงจรุงศรี....."
....เมื่อเห็นทุกสิ่งเป็นธรรมดา  ก็ไม่มีอะไรมาทำให้ทุกข์ได้อีก...."
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,112


« ตอบ #38 เมื่อ: วันที่ 13 มกราคม 2010, 20:14:48 »

มีนาคมเริ่มสร้างสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 4

13 มค. 2553 19:24 น.


หนังสือพิมพ์ เวียงจันทน์ ไทม์ส รายงานอ้างการเปิดเผยของนายถาวร วรบุตร รองผู้อำนวยการโครงการก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย-ลาวว่า การก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขง ความยาว 480 เมตร เชื่อมระหว่างอำเภอห้วยทราย จังหวัดโพธิ์แก้วของลาว กับอำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงรายของไทย กำหนดจะเริ่มขึ้นในช่วงต้นเดือนมีนาคมนี้ โดยขณะนี้ได้มีการเวรคืนที่ดินและจ่ายเงินชดเชยให้ประชาชนที่ต้องเสียที่ดิน บ้านเรือนและฟาร์มปศุสัตว์ ซึ่งคาดว่า การก่อสร้างจะแล้วเสร็จภายใน 30 เดือน

รัฐบาลลาวและรัฐบาลไทย ต่างก็ออกค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างกันคนละครึ่ง แต่ลาวได้รับการอนุเคราะห์ทางการเงินจำนวน 20 ล้านดอลล่าร์ หรือราว 700 ล้านบาท จากรัฐบาลจีนเมื่อปี 2551 เพื่อนำมาใช้เป็นเงินทุนในโครงการนี้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการสร้างเขตเศรษฐกิจแม่น้ำโขง เหนือ-ใต้ ที่เชื่อมระหว่างจังหวัดเชียงรายกับเมืองคุนหมิง ในมณฑลยูนนานของจีนผ่านเส้นทางหลวงหมายเลข 3 ในลาว

http://breakingnews.nationchannel.com/read.php?newsid=426600
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,112


« ตอบ #39 เมื่อ: วันที่ 14 มกราคม 2010, 10:48:09 »

จีนโหม“คุน-มั่น กงลู่”ถนนสู่อาเซียน(จบ)ทุนLogisticมังกรยึดถนนR3aเชื่อมไทย


โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 12 มกราคม 2553 15:12 น.


การเดินเรือในแม่น้ำโขงยังคงเฟื่องฟู ขณะที่การคมนาคมทางบกที่่ผ่านถนน R 3 a และ R 3b ก็ได้รับความนิยมมากขึ้น ที่การขนส่งสินค้า และการท่องเที่ยว


ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ – สารพัดกลุ่มทุนขนส่งจีนพาเหรดเข้าหาพาร์ตเนอร์ท้องถิ่น ลุยโปรเจกต์รองรับเส้นทาง “คุน-มั่น กงลู่” และข้อตกลงจีน – อาเซียน ล่าสุดกลุ่ม “ทัวร์GMSสิบสองปันนา” คว้าใบอนุญาตวิ่งรถจีน-ลาว-ไทย ผ่าน R3a เป็นรายแรก พร้อมเปิด สนง.ที่เชียงราย-ห้วยทราย(ลาว) ขณะที่ทุน Logistic ยักษ์หยุนหนัน ดีลผ่าน “ทุนไทย-เกาหลีใต้”รอส่งสินค้าจีนผ่าน “แหลมฉบัง” ด้านสายการบิน “SGA”เล็งเปิดบินเข้าเชียงรุ่งเมษาฯ 53 รองรับ บริษัททัวร์ไทยเตรียมส่งเรือ “สัญชาติไทย” ลำแรกลงน้ำโขงแล้ว

ขณะที่สะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 4 เชื่อม อ.เชียงของ จ.เชียงราย เข้ากับเมืองห้วยทราย แขวงบ่อแก้วสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว( สปป.ลาว )จุดเริ่มต้นถนน R3a ที่เป็นส่วนหนึ่งของคุน-มั่น กงลู่ มีกำหนดการ (เบื้องต้น) เปิดประมูลวันที่ 7 มกราคม2553 เพื่อก่อสร้างให้เสร็จในปี 2555 อันจะทำให้โครงข่ายคมนาคมสายนี้สมบูรณ์ 100%นั้น ในกลุ่มธุรกิจขนส่งทั้งคน-สินค้า ก็มีความเคลื่อนไหวเข้ายึดกุมโอกาสทางธุรกิจที่เปิดขึ้นตามเส้นทางคมนาคมเช่นกัน

Ji Jin ผู้จัดการใหญ่ บริษัทรถทัวร์ GMS สิบสองปันนา จำกัด กิจการร่วมทุนระหว่างทางการสิบสองปันนา – เอกชนจีน เปิดเผย ASTVผู้จัดการรายวัน เมื่อคราวร่วมคณะเลขาฯพรรคคอมมิวนิสต์จีน ประจำสิบสองปันนา เยือนเชียงใหม่-เชียงราย ระหว่างวันที่ 1-3 ธันวาคม 2552 ว่า บริษัทของเขามีสำนักงานเครือข่ายกระจายอยู่ในตัวเมืองหลัก ๆ ของหยุนหนัน ทั้งคุนหมิง ลี่เจียง สิบสองปันนา ฯลฯ ให้บริการทั้งรถประจำทาง รถทัวร์เช่า ฯลฯ ล่าสุดได้ร่วมมือกับบริษัทหย่าไทร้เอเชี่ยนทัวร์ จำกัด และบริษัทเทียนเฉิน จำกัด(จีน) ตั้งศูนย์กระจายสินค้าและการท่องเที่ยวสิบสองปันนา-เชียงราย ขึ้น ณ ที่ทำการของบริษัทหย่าไทร้ฯ บริเวณ 5 แยกพ่อขุนฯ กลางเมืองเชียงราย

ทั้งนี้ เพื่อเป็นศูนย์ประสานงาน-ฐานข้อมูลสำหรับธุรกิจต่างๆ เกี่ยวกับการเดินทางไปมาระหว่างเชียงราย-จีนตอนใต้ โดยมีทางการจีนให้การรับรองเพียงรายเดียวของไทย รวมทั้งเป็นเครือข่ายให้บริการลูกค้าที่จะเข้ามาใช้บริการรถทัวร์ของบริษัทเดินทางไปมาระหว่างจีน-ไทย ผ่านเส้นทาง R3a ที่บริษัทมีใบอนุญาตจากทางการลาวเพียงรายเดียวในการวิ่งรถข้ามทั้ง 3 ประเทศ

นอกจากนี้บริษัทยังเปิดสำนักงานในลักษณะเดียวกันนี้ ที่เมืองห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว เพื่อให้บริการลูกค้า ที่มีต้นทางที่ห้วยทราย – คุนหมิง หรือเมืองท่องเที่ยวต่าง ๆ ของหยุนหนันด้วย

“เราเริ่มเปิดให้บริการวิ่งรถผ่าน 3 ประเทศเมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2552 นี้เอง ถือเป็นบริษัทในหยุนหนันรายแรกที่วิ่งรถได้ทั้ง 3 ประเทศแล้ว ที่ผ่านมามีลูกค้าเข้ามาใช้บริการมากกว่า 2,000 คนแล้ว”

Ji Jin บอกว่า ในอนาคตบริษัทจะขยายเครือข่ายให้บริการครอบคลุมประเทศในกลุ่ม GMS ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น จีน ลาว พม่า ไทย กัมพูชา เวียดนาม เมื่อเส้นทางคมนาคม และกฎระเบียบต่าง ๆ เอื้ออำนวยให้มากขึ้น จะทำให้คนในภูมิภาคนี้ สามารถเดินทางไปมาหาสู่กันได้ทั้งหมด

ขณะที่นายพงษ์ทร ชยาตุลชาต กรรมการผู้จัดการ บริษัทหย่าไทร้เอเชี่ยนทัวร์ จำกัด ยืนยันว่า บริษัทรถทัวร์GMS สิบสองปันนา จำกัด วิสาหกิจจีน ได้รับอนุญาตจากทางการลาว นำรถบัสนำเที่ยวขนาด 32 ที่นั่งและ 57 ที่นั่ง เปิดให้บริการบนถนน R3a เชื่อมเชียงราย-สปป.ลาว ผ่านแขวงบ่อแก้ว-แขวงหลวงน้ำทา-เขตปกครองตนเองสิบสองปันนา มณฑลหยุนหนัน ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2552 ในอนาคตจะเปิดให้บริการไปยังกรุงเทพฯ เพื่อให้สุดทางถนนคุนหมิง-กรุงเทพฯ หรือคุน-มั่น กงลู่ รวมทั้งจะขยายต่อไปยังประเทศมาเลเซีย-สิงคโปร์ด้วย

โดยคิดค่าบริการแบบเช่าเหมาสายเชียงราย-บ่อเต็น แขวงหลวงน้ำทา สปป.ลาว ชายแดนติดกับประเทศจีน รถบัสขนาด 40 ที่นั่งขึ้นไป ราคา 43,000 บาท และรถบัสตั้งแต่ 30-40 ที่นั่ง ราคา 41,500 บาท สำหรับผู้ที่ต้องการเริ่มต้นเดินทางจาก อ.เชียงของ ชายแดนไทย-สปป.ลาว ติดกับเมืองห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว ไปยังเมืองบ่อเต็นหรือเส้นทางเชียงของ-บ่อเต็น คิดราคาจากรถบัส 40 ที่นั่งขึ้นไป ราคา 35,000 บาท และรถบัส 30-40 ที่นั่ง ราคา 32,000 บาท และเส้นทางห้วยทราย-บ่อเต็น สำหรับรถบัส 40 ที่นั่งขึ้นไปราคา 28,000 บาท และรถบัส 30-40 ที่นั่ง ราคา 26,000 บาท

“ตลาดท่องเที่ยวบน R3a ยังโตได้อีกมาก ยิ่งถ้ามีการผ่อนคลายกฎระเบียบ ให้คนจีนใช้เอกสารบอร์เดอร์พาสแทนพาสปอร์ตเข้าไทยได้ ก็จะทำให้มีคนจีนเดินทางเข้ามาเชียงราย หรือภาคเหนือของไทยไม่น้อยกว่า 2 หมื่นคนต่อวันแน่นอน”
ขณะที่บริษัทไทยพัฒนกิจขนส่ง จำกัด ที่บริหารงานโดย บริษัทชัยพัฒนาขนส่งเชียงใหม่ จำกัด หรือกรีนบัส ผู้ให้บริการรถโดยสารขนส่งมวลชนรายใหญ่ของภาคเหนือ ได้ทำการเซ็นสัญญากับท่าตัวแทนจำหน่ายบัตรโดยสาร Green bus ณ บ้านห้วยทราย จุดจำหน่ายบัตรจุดแรกในประเทศลาว เมื่อเร็ว ๆ นี้ เพื่อเชื่อมผู้โดยสารลาว-ประเทศไทย รองรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศไปยังแหล่งท่องเที่ยวเมืองหลวงพระบาง และยังเป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทาง R3a และขยายเครือข่ายจำหน่ายตั๋วร่วมไปถึงคุนหมิง เมืองเอกของหยุนหนันต่อไป



ดร.สิชา สิงห์สมบูรณ์ ประธานบริษัทเอเอซี กรีนซิตี้ลาว จำกัด ผู้รับสัมปทานพื้นที่บริเวณจุดก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 4 เชื่อมเมืองห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว (ฝั่งลาว)


ด้าน ดร.สิชา สิงห์สมบุญ ประธานบริษัทเอเอซี กรีน ซิตี้ ลาว จำกัด บริษัทร่วมทุนไทย-เกาหลีใต้ ที่เข้าสัมปทานพื้นที่ 1,200 ไร่ บริเวณบ้านดอนขี้นก จุดก่อสร้างสะพานมิตรภาพข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 4 ฝั่งเมืองห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว ซึ่งมีโครงการก่อสร้างโรงแรม รีสอร์ต สปา สนามกอล์ฟ ฯลฯ ด้วยงบลงทุน 1,320 ล้านบาท ล่าสุดลงทุนปรับพื้นที่-พัฒนาสาธารณูปโภคพื้นฐานไปแล้ว กว่า 200 ล้านบาท กล่าวว่า หากเคลียร์ปัญหาเรื่องแนวก่อสร้างถนนเชื่อมสะพานข้ามแม่น้ำโขง 4 และจุดก่อสร้างอาคารด่านพรมแดน บนพื้นที่ผ่านพื้นที่สัมปทานของโครงการได้ ก็จะทำให้แผนงานต่าง ๆ ของบริษัทเดินหน้าต่อไปได้

ก่อนหน้านี้ ได้ตกลงเบื้องต้นกับกลุ่มขนส่งยักษ์ใหญ่ของหยุนหนันไว้ คือ กลุ่ม พีค็อก ว่า เมื่อขนส่งสินค้าจากจีนลงมาตามเส้นทาง R3a ก็จะเข้ามาพักเปลี่ยนหัวลากในพื้นที่ของบริษัท ก่อนที่จะลำเลียงเข้าไทยต่อไปที่ท่าเรือแหลมฉบัง ผ่านบริษัทที่เป็นพันธมิตรกันอย่างสยามสตีล เพื่อส่งสินค้าออกสู่ตลาดโลกต่อไป

SGAเล็งเปิดบินเชียงราย-เชียงรุ่ง

ด้านนายสงวน ซ้อนกลิ่นสกุล รองเลขาธิการฝ่ายพัฒนาระบบ Logistic หอการค้าจังหวัดเชียงราย ระบุเพิ่มเติมว่า ยอมรับว่าตอนนี้มีกลุ่มทุนจีนเข้ามาหาช่องทางลงทุนตามแนวถนนคุน-มั่น กงลู่ อย่างคึกคัก หลากหลายกลุ่ม โดยระยะแรกจะเป็นการแสวงหาพาร์ตเนอร์ในท้องถิ่น ก่อนที่จะเริ่มเดินเครื่องอย่างจริงจังต่อไป ทั้งกลุ่มธุรกิจขนส่ง – ธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว ฯลฯ

นายวันชัย ช่วงชัยกิจการ รองผู้อำนวยการฝ่ายการขายและตลาดของสายการบินเอสจีเอ กล่าวเมื่อคราวร่วมพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงระหว่างการท่องเที่ยวสิบสองปันนา – สภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเชียงรายเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2552 ว่า เอสจีเอ มีแผนจะทำการบินระหว่างเชียงใหม่-เชียงราย-สิบสองปันนา ด้วยเครื่องรุ่น 304 ขนาด 33 ที่นั่ง ซึ่งปัจจุบัน เอสจีเอ ได้สั่งซื้อและเตรียมเครื่องบินเอาไว้แล้วที่ออสเตรเลีย 2 ลำ โดยจะบินมาไทยในเดือนนี้ (มกราคม 2553) และตั้งเป้าว่าจะเปิดบินเชียงราย ให้ได้ในเดือนเมษายน หรือพฤษภาคม 2553 และพร้อมจะเชื่อมธุรกิจกับเอกชนจีนต่อไป โดยจะเดินเรื่องขออนุญาตและกฎระเบียบต่างๆ ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อจะเปิดให้เร็วกว่ากำหนด

ปัจจุบันเอสจีเอ มีเครื่องบินเล็กจำนวน 3 ลำให้บริการโดยมีเชียงใหม่ เป็นศูนย์กลางการบินเชื่อมกับ อ.เมืองแม่ฮ่องสอน อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน จ.เชียงราย และ จ.น่าน จ.อุดรธานี
ขณะที่ Den Xiping รองประธานบริษัทหยุนหนัน แอร์พอร์ตกรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า ถ้าสายการบิน เอสจีเอเปิดบินจริง ทางท่าอากาศยานนานาชาติสิบสองปันนา ก็จะให้ส่วนลดไม่ต้องเสียค่าลงจอดในปีแรกทันที 100% ปีที่สองลด 50% ปีที่สามลด 80% แต่ถ้าหาก 2-3 ปียังมีปัญหาด้านการลงทุนก็สามารถยกเว้นให้ได้อีกต่อไป

สอดคล้องกับ Jiang Pusheng เลขาพรรคคอมมิวนิสต์จีน ประจำสิบสองปันนา ที่ย้ำผ่านเวทีประชุมร่วมทั้งที่เชียงใหม่ – เชียงราย ว่า การเปิดเส้นทางบินระหว่างภาคเหนือของไทย กับสิบสองปันนา รอบใหม่นี้ รับรองไม่ขาดทุนแน่นอน

เตรียมเรือไทยลำแรกลงแม่น้ำโขง

หลังข้อตกลงเปิดเดินเรือพาณิชย์ฯในแม่น้ำโขงตอนบน ระหว่าง ไทย พม่า ลาว จีน เริ่มมีผลตั้งแต่เมษายน 2544 เป็นต้นมา ปรากฏว่า เรือสินค้า-นำเที่ยวนับร้อย ๆ ลำที่วิ่งขึ้นล่องในแม่น้ำโขง ล้วนแต่เป็นเรือสัญชาติจีนทั้งสิ้น
แต่นับจากนี้จะมีเรือนำเที่ยวสัญชาติไทยวิ่งแล้ว

นางสาวผกายมาศ เวียร์รา ประธานกรรมการบริษัทแม่โขงเดลต้าทราเวล เอเจนซี จำกัด ผู้ให้บริการนำเที่ยวในสี่เหลี่ยมเศรษฐกิจ ทั้งทางบก ผ่านเส้นทาง R3a / R3b และทางน้ำผ่านแม่น้ำโขงตอนบน จากเชียงแสน – เชียงรุ่ง มากว่า 2 ปี บอกว่า บริษัทกำลังปรับปรุงเรือท่องเที่ยวขนาด 80 ที่นั่ง (ชั้นธุรกิจ 40 ที่นั่ง VIP 40 ที่นั่ง สามารถปรับเป็นห้องประชุมสัมมนาลอยน้ำได้ กว้าง 5 เมตร ยาว 41 เมตร กินน้ำลึก 60 ซม.) ที่สั่งต่อกันที่หลวงพระบาง สปป.ลาว โดยใช้วิศวกรจาก 3 ชาติ (ไทย ลาว จีน) ร่วมกันคุมงาน ที่นำมาเทียบท่าริมน้ำโขงหน้าสำนักงานบริษัทที่เชียงแสนอยู่ ก่อนจะเริ่มทดลองวิ่งในแม่น้ำโขงอย่างจริงจังต่อไป

“ลำนี้ จะเป็นเรือสัญชาติไทยลำแรกที่วิ่งในแม่น้ำโขง ถ้าไม่นับพวกเรือหางยาว เรือแจวที่ทำมาหากินในแม่น้ำโขงกันมานาน”

นางสาวผกายมาศ บอกว่า เรือลำนี้ จะจดทะเบียนที่ประเทศไทย เป็นเรือสัญชาติไทย ใช้ชื่อไทย ส่วนกัปตันถ้าขึ้นไปทางเชียงแสน จากสามเหลี่ยมทองคำ – สิบสองปันนา ก็ใช้กัปตันจีน ลูกเรือจีน ถ้าล่องลงหลวงพระบาง ก็ใช้คนลาว นายน้ำลาว ลูกเรือผสมกันระหว่างจีน – ลาว แต่ฝ่ายต้อนรับทั้งหมด จะใช้คนไทย ที่มีทักษะดีกว่า

เธอบอกว่า หลังจากนี้จะต่อเพิ่มอีกลำ และจะทำที่ไทย สร้างเรือให้ตรงตามกฎหมายไทย ก่อนที่จะขออนุญาตวิ่งเข้าจีน ลาว เพื่อวิ่งเข้าหลวงพระบางด้วย

ทั้งนี้ที่ผ่านมาบริษัทแม่โขงเดลต้าเคยร่วมมือกับ บริษัทขนส่งเทียนต๋าสิบสองปันนา รัฐวิสาหกิจของสิบสองปันนา ทั้งเรือ “นกยูงทอง” เรือท่องเที่ยวที่มีห้องพักในตัว รองรับผู้โดยสารได้ 76 คน (ขยายได้ 130 คน) เรือสามเหลี่ยมทองคำ 8 จุผู้โดยสารได้ 68 คน กับเรือเทียนต๋า 1 และ 2 ที่สามารถจุผู้โดยสารได้ลำละ 48 คน ก็จะค่อย ๆ ปลดระวางไป เพราะบางลำ จะสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงมาก บางลำเริ่มมีปัญหากับอายุการใช้งานที่มากขึ้น เพราะกระแสน้ำในแม่น้ำโขง แตกต่างจากน้ำทะเล และแหล่งน้ำอื่น ๆ มาก ก็ต้องหาช่องทางแก้ปัญหา

เธอมองว่า อนาคตของการท่องเที่ยวแถบสามเหลี่ยมทองคำ – การท่องเที่ยวผ่านแม่น้ำโขง ยังไปได้ คนชอบ แต่การเดินทางแม่น้ำโขงต้องใช้เวลานับสิบๆชั่วโมง ทำให้คนเบื่อได้ คนจะตื่นเต้นระยะแรก ที่ได้ลงเรือแม่น้ำโขง

แต่สิ่งที่จะต้องทำก็คือ การสร้างกิจกรรมรองรับบนเรือ เช่น เคาน์เตอร์บาร์ ห้องอาหาร ฯลฯ แต่ไม่ควรเป็นเรือนอน เพราะคนกลัวที่จะนอนระหว่างทางในแม่น้ำโขง เช่น หาจุดพักกลางทาง เช่น หมู่บ้านลาว หรือสบโหลย ฝั่งพม่า ที่ปัจจุบันกลายเป็นชุมทางสินค้า – คนมากขึ้น โดยเฉพาะเกาหลีเหนือที่ทะลักมาพักรอเดินทางเข้าไทยอยู่เป็นจำนวนมาก

ส่วนเรือโดยสารก็สามารถบริหารจัดการได้ตามปริมาณผู้โดยสาร เช่น ช่วงพีกเดิมเคยวิ่งเชียงแสน-เชียงรุ่ง (สิบสองปันนา) ไปกลับสัปดาห์ละ 6 เที่ยว (ขาขึ้นจันทร์ พุธ ศุกร์ ,ขาล่อง อังคาร พฤหัสบดี เสาร์) ก็ปรับเหลือสัปดาห์ละ 2 เที่ยว (ไปกลับรวม 4 เที่ยว) และเมื่อถึงไฮซีซันก็เพิ่มความถี่สูงขึ้นเท่านั้น

ส่วนทางบก ผ่าน R3a (ไทย ลาว จีน) ส่วนหนึ่งของคุน-มั่น กงลู่ หรือคุนหมิง – กรุงเทพฯโดยมากจะเน้นหนักเรื่องการเดินทางติดต่อค้าขายมากกว่า เพราะตลอดเส้นทางวนเวียนอยู่ในภูเขา ขณะที่ สปป.ลาว เองก็กำลังอยู่ระหว่างการจัดระเบียบเดินรถอยู่ เพื่อปกป้องธุรกิจสัญชาติลาวเอง

ขณะที่ R3b (ไทย พม่า จีน) ที่แม้จะก่อสร้างเสร็จมานานหลายปี ที่จีนปิดพรมแดนมาร่วม 3-4 ปี ล่าสุดจีนก็เปิดพรมแดนต้าล่อ หรือต้าลั่ว สิบสองปันนา มณฑลหยุนหนัน ที่เชื่อมต่อกับปลายทาง R3b ที่เมืองลา เขตเศรษฐกิจพิเศษที่ 4 แห่งสหภาพพม่า ของกลุ่ม “อูไซลิน”

แต่ในฝั่งพม่า ยังไม่เปิดพรมแดนให้ โดยส่วนหนึ่งมาจากปัญหาการสู้รบระหว่างรัฐบาลพม่า – ชนกลุ่มน้อย ที่พม่า เองก็ยังไม่สามารถคุมได้ตลอดเส้นทาง และการจัดสรรผลประโยชน์กับกลุ่ม “อูไซลิน” ที่ปกครองพื้นที่อยู่ ทั้งเรื่องค่าผ่านทาง ไกด์ วีซ่า(เข้าเขตปกครอง)

อย่างไรก็ตาม ผกายมาศ บอกว่า เส้นทาง R3b ก็ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวไทยอยู่เนือง ๆ เพียงแต่ยังไม่สามารถเดินทางทะลุเข้าจีนผ่านทางนี้ได้เท่านั้น

เช่นเดียวกับคนจีน (ไทลื้อ) ที่เดินทางไปมาหาสู่กับญาติพี่น้องในแถบนี้มานาน ก็ยังคงใช้บอร์เดอร์พาสเข้าพม่า มาจนถึงท่าขี้เหล็ก (ตรงข้าม อ.แม่สาย จ.เชียงราย) อยู่ บางกลุ่มขับรถมากันเองด้วยซ้ำ เพียงยังไม่สามารถข้ามฝั่งมาถึงไทยได้

http://th.newspeg.com/จีนโหมคุน-มั่น...-55436125.html
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
หน้า: 1 [2] 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 ... 16 พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!