เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 29 มีนาคม 2024, 22:01:03
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  คนเชียงราย สังคมเชียงราย (ผู้ดูแล: bm farm, [ตา-รา-บาว], zombie01, ۰•ฮักแม่จัน©®, ⒷⒼ*, ตาต้อม, nuifish, NOtis)
| | |-+  +++ถนน R3a ท่าเรือเชียงแสน 2 และโครงการสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 4+++
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: 1 2 3 4 5 6 7 8 9 [10] 11 12 13 14 15 16 พิมพ์
ผู้เขียน +++ถนน R3a ท่าเรือเชียงแสน 2 และโครงการสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 4+++  (อ่าน 151982 ครั้ง)
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,112


« ตอบ #180 เมื่อ: วันที่ 17 เมษายน 2012, 11:07:35 »

วาระครม. มท.เสนอโยกย้ายซี 10- กห.ชงบกลาง 952 ลบ.ปรับเงินเดือนทหาร

วันอังคารที่ 17 เมษายน 2012

 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าการประชุมคณะรัฐมนตรี ( ครม.) ในวันนี้ ( 17 เมษายน ) นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย จะทำหน้าที่ประธานการประชุมแทน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่เดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีน สำหรับการประชุมวันนี้ มีวาระที่น่าสนใจคือ กระทรวงมหาดไทยจะเสนอรายชื่อโยกย้ายข้าราชการ ประเภทตำแหน่งบริหารระดับสูง(ระดับ 10) ประมาณ 7 ตำแหน่ง คาดว่าจะมีการเสนอย้าย นายอนุวัฒน์ เมธีวิบูลย์วุฒิ อธิบดีกรมที่ดินไปดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวงมหาดไทย และแต่งตั้งนายบุญเชิด คิดเห็น ผู้ว่าราชการจังหวัด (ผวจ.)ลำพูน ไปดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมที่ดินแทน  ทั้งนี้ก่อนหน้าที่นายบุญเชิด จะไปเป็นผู้ว่าฯนายบุญเชิด เคยดำรงคำแหน่งรองอธิบดีกรมที่ดินมาก่อน  พร้อมกันนี้จะเสนอย้ายผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทยออกไปเป็นผวจ. ประกอบด้วย นายเชิดศักดิ์ ชูศรี ผู้ตรวจฯ ไปดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯสุราษฎร์ธานี และย้ายนายธีระยุทธ เอี่ยมตระกูล ผวจ.สุราษฎร์ธานี ไปเป็นผู้ตรวจ นายวันชาติ วงษ์ชัยชนะ ผู้ตรวจฯ ไปดำรงตำแหน่งผวจ.ร้อยเอ็ด และย้ายนายสมศักดิ์ ขำทวีพรหม ผวจ.ร้อยเอ็ด ไปเป็นผู้ตรวจฯ รวมทั้งจะมีการย้าย นายเสนีย์ จิตตเกษม ผวจ.ตรัง ไปดำรงตำแหน่งผวจ.ระยอง แทนนายธวัชชัย เทอดเผ่าไทย ผวจ.ระยอง และคาดว่าจะมีการย้าย นายธวัชชัย ไปดำรงตำแหน่ง ผวจ.ลำปาง หรือผวจ.ตรัง

 

กระทรวงมหาดไทยชงปรับเงินเดือนทหารตามขรก. โดยคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอครม. คณะที่ 1 (ฝ่ายความมั่นคงและโครงสร้าง) ที่มีนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกฯ เป็นประธาน เสนอเรื่อง การปรับอัตราเงินเดือนแรกบรรจุและการเลื่อนชั้นเงินเดือนเพื่อชดเชยผู้ได้รับผลกระทบของกระทรวงกลาโหม โดยกห.ขออนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง 3 ฉบับ เพื่อปรับปรุงกำหนดอัตราเงินเดือนแรกบรรจุของข้าราชการทหารทหารทุกคุณวุฒิให้เท่ากันหรือใกล้เคียงกับอัตราเงินเดือนแรกบรรจุของข้าราชการพลเรือนสามัญในคุณวุฒิเดียวกัน รวมทั้งการชดเชยแก่ทหารที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการปรับอัตราเงินเดือนแรกบรรจุ เพื่อแก้ปัญหาเงินเดือนทหารกับข้าราชการพลเรือนสามัญเหลื่อมลำกัน

ได้แก่ 1. ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการบรรจุบุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการทหาร และการให้ได้รับเงินเดือน พ.ศ. …. 2. ร่างคำสั่งกระทรวงกลาโหม เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการให้ได้รับเงินเดือนแรกบรรจุสำหรับข้าราชการทหารที่มีคุณสมบัติตามปัจจัยที่มีผลต่อประสิทธิภาพในการปฏิบัติหน้าที่ราชการของกระทรวงกลาโหม 3. ร่างคำสั่งกระทรวงกลาโหม เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการเลื่อนชั้นเงินเดือนเพื่อชดเชยแก่ข้าราชการทหารที่ได้รับผลกระทบจากการปรับอัตราเงินเดือนแรกบรรจุ
 
ทั้งนี้กห.จะขออนุมัติงบประมาณในส่วนงบกลาง เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการปรับอัตราเงินเดือนแรกบรรจุและการเลื่อนชั้นเงินเดือนเพื่อชดเชยแก่ข้าราชการทหารผู้ได้รับผลกระทบโดยจัดสรรให้แก่ส่วนราชการสังกัดกระทรวงกลาโหม จำนวนเงิน 952,454,020 บาท โดยจัดสรรให้แก่ส่วนราชการสังกัดกห.กลาโหม ดังนี้ 1. สำนักงานรัฐมนตรี และสำนักงานปลัดกระทรวงกระทรวงกลาโหม 18,045,120 บาท 2. กรมราชองครักษ์ 1,985,040บาท 3. กองบัญชาการกองทัพไทย 86,779,830บาท 4.กองทัพบก 584,341,030 บาท 5. กองทัพเรือ 182,182,280 บาท 6. กองทัพอากาศ 79,120,720บาท

โดยจะมีการปรับกำหนดอัตราเงินเดือนแรกบรรจุของข้าราชการทหารทุกคุณวุฒิให้เท่ากันหรือใกล้เคียงกับเงินเดือนแรกบรรจุของพลเรือนสามัญในคุณวุฒิเดียวกัน กรณีที่มีคุณวุฒิต่างกันให้ปรับอัตราเงินเดือนโยคงค่าความต่างของอัตราเงินเดือนเเดิมกับคุณวุฒิหลักที่ใช้อ้างอิง โดยให้ดำเนินการเป็น 2 ระยะ คือ ณ 1 ต.ค. 2553 ปรับอัตราเงินเดือนแรกบรรจุของทหารทุกคุณวุฒิตามแนวทางของข้าราชการพลเรือนสามัญตามติครม.เมื่อวันที่ 16 ส.ค. 2553 และ ณ 1 ม.ค. 2555 ปรับอัตราเงินเดือนแรกบรรจุของทหารตามแนวทางของข้าราชการพลเรือนสามัญ ตามติครม.วันที่ 31 ม.ค. 2555 ตัวอย่างเช่น บุคคลที่มีวุฒิปริญญาตรีหรือประกาศนียบัตรเทียบได้ไม่ต่ำกว่าปริญญาตรี หลักสูตรกำหนดเวลาศึกษาไม่น้อยกว่า4 ปี ประเภทนายทหารชั้นสัญญาบัตร ณ 1 ต.ค.53 รับเงินเดือนอัตรา น.1 ชั้น 8 ณ 1 ม.ค.55 ผู้มีคุณวุฒิการศึกษาตรงตามบัญชีแนวท้ายกฎกระทรวง รับอัตรา น.1 ชั้น 12.5 ขณะที่บุคคลคุณวุฒิการศึกษาตรงตามบัญชีและมีคุณสมบัติตามปัจจัยที่มีผลต่อประสิทธิภาพ การปฎิบัติหน้าที่ราชการที่กห.กำหนดได้รับอัตรา น.1ชั้น13.5
 
ด้านสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ….) ออกตามความในพ.ร.บ.กำหนดค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนต์บนทางหลวงและสะพาน พ.ศ. 2497 ที่กำหนดให้ทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 สายกรุงเทพมหานคร – บ้านฉาง รวมทางแยกไปบรรจบทางหลวงหมายเลข 34 (บางวัว) ทางแยกเข้าชลบุรี ทางแยกเข้าท่าเรือแหลมฉบัง และทางแยกเข้าพัทยา ตอนกรุงเทพมหานคร – เมืองพัทยา รวมทางแยกไปบรรจบทางหลวงหมายเลข 34 (บางวัว) ทางแยกเข้าท่าเรือแหลมฉบัง และทางแยกเข้าพัทยาและทางหลวงพิเศษหมายเลข 9 สายถนนวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร ตอนบางปะอิน – บางพลี เป็นทางหลวงที่ต้องเสียค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนต์บนทางหลวง (ร่างข้อ 1 แก้ไขเพิ่มเติมข้อ 1 แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ 19 (พ.ศ. 2540)
 
ขณะที่กระทรวงคมนาคมเสนอร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการขอเก็บค่าบริการผู้โดยสารขาออก พ.ศ. ….กำหนดให้เจ้าของหรือผู้ดำเนินการสนามบินอนุญาตที่ประสงค์จะเรียกเก็บค่าบริการผู้โดยสารขาออก ต้องยื่นคำขอต่ออธิบดีตามแบบที่อธิบดีประกาศกำหนดพร้อมด้วยเอกสารหรือหลักฐาน เช่น ใบอนุญาต เอกสารแสดงอัตราค่าบริการที่จะเรียกเก็บรายงานการเงิน แผนการพัฒนาสนามบินห้าปี เป็นต้น และเมื่ออธิบดีได้รับคำขอพร้อมเอกสารและหลักฐานแล้วให้ดำเนินการ เช่น ตรวจสอบความถูกต้องและความสมบูรณ์ของเอกสารและหลักฐาน จัดทำความเห็นและส่งคำขอพร้อมเอกสารหลักฐานให้แก่คณะกรรมการการบินพลเรือน เป็นต้น รวมทั้งให้คณะกรรมการการบินพลเรือนพิจารณา และจัดทำความเห็นและคำแนะนำต่อรัฐมนตรีและให้รัฐมนตรีพิจารณาภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับความเห็นและเอกสา
 
กระทรวงคมนาคม ขออนุมัติในหลักการให้กรมการขนส่งทางบกดำเนินโครงการศูนย์เปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งสินค้าเชียงของ จ.เชียงราย วงเงินรวม 1,522.275 ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินการ 3 ปี (พ.ศ. 2555-2557) เพื่อให้สามารถขอรับจัดสรรงบกลาง ปีงบฯ 2555 เป็นค่าจ้างที่ปรึกษาเกี่ยวกับการจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน ค่าจ้างที่ปรึกษา เพื่อจัดทำผลการศึกษาและวิเคราะห์โครงการ และค่าเวนคืนที่ดินและค่าชดเชยในราษฎรที่ใช้ประโยชน์จากที่ดินในครอบครองของสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตรกรรม วงเงินรวม 264.300 ล้านบาท
 
นอกจากนี้กระทรวงคมนาคมยังขอควาเห็นชอบร่างกฎกระทวงว่าด้วยการงดรับจดทะเบียนรถที่ประกอบจากจากชิ้นส่วนของรถที่ใช้แล้ว สาระสำคัญเป็นการกำหนดให้งดรับจะทะเบียนรถที่ประกอบจากชิ้นส่วนอุปกรณ์ของรถที่ใช้แล้วทั่วประเทศ ครอบคลุม 4 ประเภท คือ รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน รถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกิน7 คน แต่ไม่เกิน 12 คน รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลและรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล เนื่องจากปัจจุบันมีการนำเข้าชิ้นส่วนและโครงสร้างรถที่ใช้แล้วจากต่างประเทศเข้ามาประกอบหรือดัดแปลงเป็นรถใหม่ เพื่อเลี่ยงไต้องชำระภาษี
 
ด้านกระทรวงพาณิชย์ เสนอขอความเห็นชอบร่างกฎกระทรวงเรื่องกำหนดให้ตัวถังรถยนต์นั่งและโครงรถจักรยานยนต์ที่ใช้แล้ว เป็นสินค้าต้องห้ามในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร โดยขณะนี้้มีประกาศกระทรวงพาณิชย์ควบคุมการนำเข้ารถยนต์นั่งและรถจักรยานยนต์ที่ใช้แล้ว แต่ไม่ครอบคลุมถึงการนำเข้าโครงรถรถยนต์และรถจักรยานต์ที่ใช้แล้ว จึงต้องมีร่างประกาศนี้มารองรับการการควบคุมดังกล่าว แต่จะควบคุมเฉพาะตัวถังรถยนต์นั่งและโครงรถรถจักรยานยนต์ที่ใช้แล้วเท่านั้น ไม่รวมการนำเข้าการนำเข้าชิ้นส่วนรถยนต์และชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์ที่ใช้แล้ว เพราะอาจจะกระทบต่อผู้ใช้รถยนต์และรถจักรยานยนต์ที่ต้องการนำชิ้นส่วนมาทดแทนส่วนที่ชำรุดเสียหาย

ส่วนกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.)เสนอ ร่างพ.ร.บ.ส่งเสริมการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์การบริหารจัดการ การบำรุงรักษา การอนุรักษ์และการฟื้นฟู รวมทั้งให้ประชาชนในท้องถิ่นเข้ามามีส่วนร่วม โดยให้มีคณะกรรมการนโยบายและแผนการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งแห่งชาติ โดยมีนายกรัฐมนตรีหรือรองนายกรัฐมนตรี ซึ่งนายกฯมอบหมายเป็นประธาน กรรมการ16 คน และผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่งครม.แต่งตั้งไม่เกิน 8 คน กำหนดโทษสำหรับกรณีที่ผู้กระทำผิดเป็นนิติบุคคล โดยให้กรรมการผู้จัดการ หุ้นส่วนผู้จัดการ ผู้จัดการ หรือบุคคลซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของนิติบุคคลนั้น ต้องรับโทษตามที่บัญญัติไว้สำหรับความผิดนั้น ๆ ด้วย เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าตนมิได้มีส่วนในการกระทำความผิดนั้น ทั้งนี้ผู้ใดฝ่าฝืนคำสั่งอธิบดีที่ให้ระงับการกระทำหรือกิจกรรมที่ก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรงต่อทรัพยากรทางทะเลฯเป็นการชั่วคราวตามความเหมาะสม และผู้ใดฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามาตรการคุ้มครองทรัพยากรทางทะเลฯ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
 
กระทรวงสาธารณสุข ขอความเห็นชอบร่างพ.ร.บ.อาหาร พ.ศ. ….โดยให้ยกเลิกพ.ร.บ.อาหาร พ.ศ. 2522 ให้รมต.มีอำนาจประกาศกำหนดเกี่ยวกับอาหารเพื่อคุ้มครองผู้บริโภค และให้มีคณะกรรมการอาหาร ที่มีปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานกรรมการ ทำหน้าที่พิจารณาสั่งเพิกถอนทะเบียนตำรับอาหาร โดยมีบทกำหนดโทษกรณีฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามพ.ร.บ.นี้ ซึ่งมีโทษจำคุก หรือปรับ หรือทั้งจำทั้งปรับ เช่น ผู้ฝ่าฝืนผลิตอาหารปลอม ต้องระวางโทษจำคุก1-10ปี ปรับ1ล้านหรือทั้งจำทั้งปรับ


http://www.thanonline.com
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,112


« ตอบ #181 เมื่อ: วันที่ 17 เมษายน 2012, 22:05:34 »

'ปู'ถกเต็มคณะกับนายกฯจีน

'ยิ่งลักษณ์' หารือเต็มคณะ กับ 'นายกฯจีน' พร้อมยกระดับความสัมพันธ์ สู่หุ้นส่วนความร่วมมือทางยุทธศาสตร์ ตั้งเป้าเพิ่มการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว เตรียมสถาปนาบ้านพี่เมืองน้อง กับมณฑลต่าง ๆ วอนไทยทำตามกม.ลุ่มน้ำโขงสร้างความปลอดภัย

          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มวิเทศสัมพันธ์ สำนักโฆษก  ทำเนียบรัฐบาลส่งอีเมลถึงสื่อมวลชนใจความว่า  เมื่อเวลา 17.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและคณะ ได้เดินทางถึงมหาศาลาประชาชน สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยมีนายเวิน เจียเป่า นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีน รอให้การต้อนรับ ก่อนนำนายกรัฐมนตรีเข้าร่วมพิธีต้อนรับอย่างเป็นทางการ ซึ่งประกอบด้วยการขึ้นแท่นทำความเคารพ เดินตรวจแถว กองทหารเกียรติยศ ณ ลานหน้ามหาศาลาประชาชน ด้านทิศตะวันออก

 
          จากนั้น นายกรัฐมนตรีได้เดินทางเข้าสู่อาคารมหาศาลาประชาชน  เพื่อหารือข้อราชการแบบเต็มคณะกับนายเวิน เจียเป่า นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยผู้เข้าร่วมฝ่ายไทยประกอบด้วย ประกอบด้วย นายสุรพงษ์  โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.การต่างประเทศ  นางนลินี ทวีสิน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ  นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.คมนาคม นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  น.อ. อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รมว.ศึกษาธิการ  มรว.พงษ์สวัสดิ์ สวัสดิวัตน์ รมว.อุตสาหกรรม  สรุปดังนี้
          นายกรัฐมนตรีกล่าวแสดงความยินดีที่ได้มาเยือนจีนครั้งนี้  ซึ่งเป็นครั้งแรกในฐานะนายกรัฐมนตรี พร้อมขอบคุณสำหรับการต้อนรับอย่างอบอุ่นและสมเกียรติ และเชื่อมั่นว่าการเยือนครั้งนี้จะประสบความสำเร็จในการส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ พร้อมถือโอกาสนี้ แสดงความขอบคุณในความห่วงใยและความช่วยเหลือที่จีนให้แก่ไทย เมื่อครั้งไทยประสบอุทกภัยครั้งร้ายแรง ซึ่งเป็นกำลังใจให้ไทยเอาชนะปัญหาเหล่านี้ได้
          โดยในการหารือ ทั้งสองฝ่ายต่างเห็นพ้อง ที่จะยกระดับความสัมพันธ์ไปสู่ความเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือยุทธศาสตร์อย่างรอบด้าน เพื่อประโยชน์ต่อประชาชนของสองประเทศ โดยเฉพาะโครงการความร่วมมือเพื่อการพัฒนาในสาขาที่ยั่งยืนของไทย 4 สาขา
          ได้แก่ การจัดหาคอมพิวเตอร์แบบพกพา (แท็บเล็ต) แก่นักเรียนไทย  ความร่วมมือด้านรถไฟ พลังงานสะอาด และการบริหารจัดการน้ำ  ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้เสนอให้มีการใช้กลไกต่างๆ  ที่มีอยู่ในการเจรจาหารืออย่างต่อเนื่อง โดยขอให้มีการหารือระหว่างกระทรวงการต่างประเทศสองฝ่ายเป็นลักษณะยุทธศาสตร์โดยเร็ว เพื่อขยายผลความร่วมมือให้เกิดประโยชน์สูงสุด
          นอกจากนี้ ผู้นำทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะกำหนดทิศทางและตั้งเป้าความร่วมมือทางเศรษฐกิจไทย- จีน ใน 3 สาขาหลัก ดังนี้ การเพิ่มการค้าร้อยละ 20 ต่อปี การลงทุนให้เพิ่มขึ้น ร้อยละ 15 ในอีก 5 ปีข้างหน้า และการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นร้อยละ 20 ในอีก 5 ปีข้างหน้า โดยนายกรัฐมนตรีเวิน เจียเป่า เสนอให้มีการจัดประชุมคณะกรรมการร่วมว่าด้วยความร่วมมือด้านการค้า การลงทุนและเศรษฐกิจไทย-จีน ครั้งที่ 3 เพื่อผลักดันความร่วมมือใน 3 สาขาหลักดังกล่าว  เพื่อเพิ่มมูลค่าการค้าให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ 
          ไทยและจีนยังได้เน้นกระชับความสัมพันธ์และความร่วมมือเป็นรายมณฑลของจีนกับไทย โดยไทยได้จัดตั้งคณะทำงานร่วมกับ 3 มณฑลของจีนแล้ว คือ ยูนนาน กวางตุ้ง และเซียะเหมิน  ซึ่งไทยจะตั้งคณะทำงานร่วมกับมณฑลเสฉวนต่อไป รวมทั้งการให้ความสำคัญกับการสถาปนาบ้านพี่เมืองน้อง ระหว่างจังหวัดของไทยกับมณฑลต่าง ๆ ของจีน
          สำหรับความร่วมมือด้านการเกษตร ทั้งสองฝ่ายอยู่ระหว่างการจัดตั้งคณะทำงานด้านการค้าสินค้าเกษตรไทย-จีน ซึ่งเป็นกลไกในการเจรจาเพื่อเพิ่มพูนปริมาณการค้าสินค้าเกษตรที่สำคัญ คือ ข้าว ยางพารา มันสำปะหลังและผลไม้ รวมทั้งเสนอให้มีการร่วมกันแก้ไขปัญหาอุปสรรคการค้าต่างๆ ระหว่างกัน อาทิ การจำกัดโควต้าการนำเข้า และการปลอมปนข้าวไทยในจีน นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังได้แสวงหาความร่วมมือใหม่ๆ เช่น ความร่วมมือในการสำรวจและขุดเจาะน้ำมันในประเทศที่สาม โดยรัฐบาลของสองประเทศจะสนับสนุนความร่วมมือระหว่างทั้งภาครัฐและเอกชน รวมทั้งระหว่างภาคเอกชนกับเอกชน

          นายกรัฐมนตรี ยังได้ใช้โอกาสนี้ขอบคุณรัฐบาลจีนที่ให้การดูแลนักลงทุนไทยในจีน และขอให้ช่วยดูแลนักลงทุนไทยให้ได้รับความเป็นธรรมในการดำเนินธุรกิจในจีน  โดยนายกรัฐมนตรีได้เสนอให้จีนจัดตั้งศูนย์ประสานงานช่วยเหลือ SMEs ที่เข้าไปลงทุนในจีนแบบครบวงจรในเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง ซึ่งเป็นประตูสู่อาเซียนของจีน

          พร้อมใช้โอกาสนี้ เชิญชวนให้นักธุรกิจจีนไปลงทุนในสาขาที่ไทยส่งเสริมการลงทุน อาทิ ผลิตภัณฑ์ยางพารา ชิ้นส่วน ยานยนต์ เครื่องจักรอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึง อุตสาหกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและพลังงานทดแทน  อาทิ พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานน้ำ พลังงานลมและพลังงานชีวภาพ ซึ่งสอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศ

          นายกรัฐมนตรียังเสนอให้ทั้งสองฝ่ายให้ความสำคัญต่อการพัฒนาการท่องเที่ยวและเน้นการท่องเที่ยวในเชิงคุณภาพมากขี้น  โดยตั้งเป้าให้นักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นร้อยละ 20 ต่อปีในช่วง 5 ปีข้างหน้า  และขอให้รัฐบาลจีนอนุมัติการตั้งสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยที่นครกวางโจว เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวจีนได้ดีขึ้น  พร้อมย้ำนโยบายของไทยในการกระชับความสัมพันธ์กับจีนในรายมณฑล โดยไทยประสงค์จะจัดตั้งคณะทำงานไทย-เสฉวน เพิ่มเติมจากที่มีคณะทำงานมณฑลยูนนาน กวางตุ้งและเมืองเซียะเหมิน
          นายกรัฐมนตรีได้ให้ความสำคัญต่อความร่วมมือด้านการศึกษาและวัฒนธรรม โดยเห็นด้วยกับข้อเสนอของรองประธานาธิบดีสี  จิ้นผิง ของจีนในการแลกเปลี่ยนนักศึกษา 100 คน  และขณะนี้ทราบว่ามีนักศึกษาจีนจำนวนมากที่สนใจเรียนภาษาไทย และนักศึกษาไทยก็สนใจเรียนภาษาจีนมากขึ้นเช่นกัน  จึงขอให้รัฐบาลจีนสนับสนุนส่งเสริมการเรียนการสอนภาษาไทยในจีน  และขอให้จีนสนับสนุนการส่งครูอาสาสมัครจีนไปสอนในไทยเพิ่มขึ้นเป็น 10,000 คน  ซึ่งในโอกาสนี้นายกรัฐมนตรีจีนตอบรับตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอ

          สำหรับประเด็นเกี่ยวกับความร่วมมือในภูมิภาคที่ผ่านมาไทยและจีนมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาเครือข่ายการเชื่อมโยงคมนาคมในภูมิภาค อาทิ การเปิดเส้นทาง R3A ที่เชื่อมโยงจากนครคุนหมิง ยูนนาน ผ่านลาว และเข้าสู่ไทยที่ อ.เชียงของ จังหวัดเชียงราย และมาถึงกรุงเทพฯ และสะพานเชื่อมแม่น้ำโขงแห่งที่ 4 (เชียงของ-ห้วยทราย) ซึ่งกำหนดจะสร้างเสร็จสมบูรณ์ในปลายปีนี้

          ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้ขอให้จีนเร่งรัดการก่อสร้างสะพานดังกล่าวให้แล้วเสร็จตามกำหนด  ซึ่งจะช่วยเกื้อกูลต่อการไปมาหาสู่ของประชาชนและการรวมตัวเป็นประชาคมอาเซียนในอนาคตอันใกล้

          นอกจากนี้ ยังมีการหารือเกี่ยวกับความร่วมมือในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้เสนอให้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับระดับน้ำไทย-จีนในฤดูแล้งอย่างสม่ำเสมอเป็นประจำทุกปีด้วย พร้อมกันนี้นายกรัฐมนตรียังได้เชิญนายเวิน เจียเป่า เข้าร่วมการประชุม WEF ครั้งที่ 21 ระหว่างวันที่ 30 พฤษภาคม -  1 มิถุนายน 2555 ที่ไทยเป็นเจ้าภาพ ที่กรุงเทพฯ เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ร่วมกับผู้นำจากประเทศเอเชียตะวันออก ซึ่งไทยยินดีที่จะประสานกับ WEF เพื่อจัดกำหนดการพิเศษในลักษณะการสนทนาพิเศษร่วมกับศาสตราจารย์ ดร.เคล้าส์ ชวับ ประธานบริหารและผู้ก่อตั้ง WEF

          ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีจีนได้แสดงความสนับสนุนอย่างยิ่งต่อความร่วมมือระหว่างสองประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแผนปฏิบัติการร่วมว่าด้วยความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ไทย-จีน และแผนพัฒนาระยะ 5 ปี ทางด้านเศรษฐกิจและการค้า โดยให้สองประเทศตั้งใจปฏิบัติตามแผนดังกล่าวอย่างจริงจัง

          ทั้งนี้ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการค้าการลงทุนระหว่างกัน  ซึ่งจีนยินดีอำนวยความสะดวกให้นักธุรกิจทั้งสองฝ่าย  โดยขอให้ไทยอำนวยความสะดวกด้านข้อกฎหมายต่าง ๆ พร้อมทั้งขอให้สนับสนุนบริษัทจีนเข้าไปพัฒนาแร่โปแตสเซียมในไทยด้วย  นอกจากนี้จะร่วมกันสนับสนุนความร่วมมือด้านการเงิน เช่น การขยายสาขาธนาคารในสองประเทศ   การชำระเงินโดยใช้เงินตราของไทยและจีนในการค้าการลงทุน

          พร้อมกันนี้ จีนยินดีสนับสนุนการสร้างระบบรถไฟ และมอบหมายให้หน่วยงานทั้งสองประเทศไปร่วมกันดำเนินงานอย่างรวดเร็วและราบรื่น รวมทั้งการสนับสนุนวิสาหกิจด้านอวกาศและไอทีระหว่างกัน  และจีนยินดีสนับสนุนด้านชลประทานตามที่ได้มีการลงนามร่วมกันไปแล้ว   ที่สำคัญจีนขอให้ไทยส่งเสริมการปฏิบัติตามกฎหมายตามลุ่มแม่น้ำโขง เพื่อความปลอดภัยและการพัฒนาพื้นที่โดยรอบ 
          อย่างไรก็ตาม ทั้งไทยและจีนจะร่วมกันพัฒนาการเชื่อมโยงภูมิภาค เช่น โครงการพัฒนาท่าเรือน้ำลึก และนิคมอุตสาหกรรมทวายในเมียนมาร์  ซึ่งไทยพร้อมร่วมมือกับจีนเพื่อให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติมแก่ประเทศในอนุภูมิภาค รวมทั้งเมียนมาร์โดยเฉพาะการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานให้เสร็จสมบูรณ์  เพื่อพัฒนาและยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่โดยรอบด้วย

          นอกจากนี้ ไทยและจีนจะร่วมมือกันอย่างเข้มแข็งในกรอบอาเซียน เพื่อรองรับความท้าทายจากปัญหาสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนแปลงไป
 
ลงนาม 8 ฉบับ แสดงถึงความเป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์อย่างรอบด้าน
          ภายหลังการหารือข้อราชการเต็มคณะ ในเวลา 17.15 น. นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและนายเวิน เจียเป่า นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีน ร่วมการเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามความตกลงระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน  จำนวน 8 ฉบับ ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้

          1) แผนปฏิบัติการร่วมว่าด้วยความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ไทย-จีน ระหว่างปี 2555-2559 (Joint Action Plan on Thailand-China Strategic Cooperation Between the Government of the People’s Republic of China 2012-2016) ซึ่งถือเป็นแผนปฏิบัติการร่วมฯ ฉบับที่ 2 สำหรับการดำเนินความร่วมมือระหว่างไทย-จีน ในสาขาต่างๆ กว่า 17 สาขา ที่จัดทำโดยกระทรวงการต่างประเทศทั้งสองฝ่าย ได้แก่ การเมือง การทหาร ความมั่นคง การค้า การลงทุน การเงินและธนาคาร เกษตรกรรม อุตสาหกรรม คมนาคม พลังงาน การท่องเที่ยว วัฒนธรรม การศึกษาและการอบรม สาธารณสุขและวิทยาศาสตร์-การแพทย์ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ความร่วมมือในระดับภูมิภาคและพหุภาคี โดยมีผู้ลงนามฝ่ายไทย คือ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และฝ่ายจีน คือ นายหยาง เจี๋ยฉือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีน   

          2) แผนพัฒนาระยะ 5 ปี ไทย-จีน ระหว่างปี 2555-2559 ภายใต้ความตกลงการขยายความร่วมมือทวิภาคีทางเศรษฐกิจและการค้าเชิงกว้างและเชิงลึก (Five-Year Development Plan on Trade and Economic Cooperation between the People’s Republic of China and the Kingdom of Thailand) ที่มุ่งเน้นความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างไทยกับจีนในระยะ 5 ปี ระหว่างปี 2555 – 2559 ภายใต้ความตกลงการขยายความร่วมมือทวิภาคีทางเศรษฐกิจและการค้าในเชิงกว้างและเชิงลึกไทย-จีน อาทิ การอำนวยความสะดวกและลดอุปสรรคทางการค้า นวัตกรรมและเทคโนโลยีสีเขียว และโครงสร้างพื้นฐาน เป็นต้น มีผู้ลงนามฝ่ายไทย คือ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และฝ่ายจีน คือ นายเฉิน เต๋อหมิง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์จีน

          3) บันทึกความเข้าใจร่วมว่าด้วยความร่วมมือเรื่องการค้าสินค้าเกษตรระหว่างกระทรวงพาณิชย์ไทยและจีน (Memorandum of Understanding Between the Ministry of Commerce of the People’s Republic of China and the Ministry of Commerce  of the Kingdom of Thailand on Agricultural Trade Cooperation) ซึ่งเป็นข้อเสนอของฝ่ายจีนที่จะจัดตั้งคณะทำงานเรื่องการค้าสินค้าเกษตร เพื่อหารือประดฺนที่ไทยและจีนมีผลประโยชน์ร่วมกัน รวมถึงการพัฒนา ส่งเสริมการค้าสินค้าเกษตร และการแก้ไขปัญหาและป้องกันหรือกำจัดอุปสรรคทางด้านสินค้าเกษตร มีผู้ลงนามฝ่ายไทย คือ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และฝ่ายจีน คือ นายเฉิน เต๋อหมิง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์จีน

          4) บันทึกความเข้าใจร่วมว่าด้วยความร่วมมือระหว่างกระทรวงพาณิชย์ไทย และ State Administration for Industry and Commerce ของจีน (Memorandum of Understanding for Cooperation Between the Ministry of Commerce of the Kingdom of Thailand and the State Administration for Industry and Commerce of the People’s Republic of China) เป็นบันทึกความเข้าใจที่เน้นึความร่วมมือด้านทรัพย์สินทางปัญญา นโยบายและกฎหมายเกี่ยวกับการแข่งขันทางธุรกิจ การคุ้มครองผู้บริโภค การลงทะเบียนกิจการบริษัท และเครื่องหมายการค้า มีผู้ลงนามฝ่ายไทย คือ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และฝ่ายจีน คือ นายเฉิน เต๋อหมิง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์จีน

          5) บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านรถไฟ (Memorandum of Understanding Concerning Feasibility Study for Cooperation on railway Development Between the Government of the Kingdom of Thailand and the Government of the People’s Republic of China) ที่ทั้งสองฝ่ายจะจัดตั้งคณะกรรมการร่วมระดับรัฐมนตรี เพื่อเป็นกลไกในการประสานงานสำหรับการขยายผลความร่วมมือด้านรถไฟ โดยเฉพาะ สาย กทม. – เชียงใหม่ มีผู้ลงนามฝ่ายไทย คือ นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และฝ่ายจีน คือ นายเซิ่ง กวางจู่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงรถไฟจีน

          6) บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการจัดการน้ำ (Memorandum of Understanding Concerning Feasibility Study for Cooperation on railway Development Between the Government of the Kingdom of Thailand and the Government of the People’s Republic of China) ที่ทั้งสองฝ่ายจะจัดตั้งคณะทำงานร่วมระดับรัฐมนตรี เพื่อประสานงานให้เกิดความร่วมมือด้านนี้ต่อไป โดยฝ่ายจีนจะมีการจัดทำรายงานด้านต่างๆ อาทิ ความร่วมมือด้านระบบการจัดการน้ำแบบบูรณาดการ ระบบการบัญชาการเดี่ยว โครงสร้างพื้นฐานของการป้องกันอุทกภัย เป็นต้น

          7) ข้อตกลงว่าด้วยการจัดตั้งห้องปฏิบัติการร่วมด้านสภาพภูมิอากาศและระบบนิเวศน์ทางทะเล (Agreement on Establishment of Thailand – China Joint Laboratory for Climate and Marine Ecosystem between Ministry of Natural Resource and Environment, Kingdom of Thailand and State Oceanic Administration, People’s Republic of China) เป็นข้อตกลงย่อยของบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือทางด้านทะเลระหว่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกับทบวงกิจการมหาสมุทรแห่งชาติจีน เพื่อร่วมมือกันในด้านต่างๆ อาทิ การแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างนักเทดนิคและนักวิทยาศาสตร์ การประชุมเชิงปฏิบัติการระหว่างกัน และการค้นคว้าวิจัย มีผู้ลงนามฝ่ายไทย คือ นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และฝ่ายจีน คือ นายหลิวชื่อกุ้ย ผู้บริหารทบวงกิจการมหาสมุทร (ระดับ รมช.)

          เจ๋ง ถ้อยแถลงร่วมระหว่างสาธารณรัฐประชาชนจีนและราชอาณาจักรไทยเพื่อเสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์อย่างรอบด้าน (Joint Statement Between the People’s Republic of China and the Kingdom of Thailand on Establishing a Comprehensive Strategic Cooperative Partnership) เป็นเอกสารผลลัพธ์การเยือนจีนของนายกรัฐมนตรี ซึ่งสะท้อนถึงความสัมพันธ์และความร่วมมือไทย-จีนที่มีพัฒนาการที่ดีอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านการเมือง ความมั่นคง เศรษฐกิจ การศึกษาและวัฒนธรรม รวมถึงความพร้อมในการร่วมมือกันทั้งในกรอบทวิภาคีและพหุภาคีอย่างรอบด้านในอนาคต

          ภายหลังการร่วมเป็นสักขีพยาน นายกรัฐมนตรีเวิน เจียเป่า ได้เป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารกลางวัน เพื่อเป็นเกียรติแก่นายกรัฐมนตรีและคณะ  ณ ห้องโถงตะวันตก ชั้น 1 มหาศาลาประชาชน


http://www.komchadluek.net
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,112


« ตอบ #182 เมื่อ: วันที่ 19 เมษายน 2012, 00:33:13 »

ภาพ ล่าสุดเมื่อ 17 กพ.55

โครงการสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 4


ขอบคุณภาพ คุณ พัฒนา สิทธิสมบัติ ที่อนุเคราะห์ให้เผยแพร่




มองจากสะพานไปยัง Border Control Area ที่กำลังก่อสร้างอยู่ไกลลิบ ๆ


















IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,112


« ตอบ #183 เมื่อ: วันที่ 27 พฤษภาคม 2012, 17:19:47 »

ความคืบหน้าสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 4 จังหวัดเชียงราย 22-5-2012







http://www.thaitripdd.com/forum/index.php?topic=1513.0

อ้างอิงจาก WiiCHY
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
@เชียงแสน
สมาชิกลงทะเบียน
ระดับ ป.ตรี
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,359


..ทุกลมหายใจคือการเปลี่ยนแปลง..


« ตอบ #184 เมื่อ: วันที่ 27 พฤษภาคม 2012, 19:33:55 »

....สะพานมิตรภาพแห่งที่ 2 แถว ๆ แม่สายยังไม่เคยไปเลยครับ แห่งที่ 4 นี่สร้างไวจริง ๆ
ปล.ท่านใดมีภาพสะพานมิตรภาพแห่งที่ 2 ที่แม่สาย รบกวนขอดูด้วยนะครับ ขอบคุณครับ
IP : บันทึกการเข้า
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,112


« ตอบ #185 เมื่อ: วันที่ 11 มิถุนายน 2012, 19:39:44 »

เจาะยุทธศาสตร์คมนาคมปี 55-59
วันศุกร์ที่ 08 มิถุนายน 2012 เวลา 15:14 น.    กอง บก.ฐานเศรษฐกิจ   

การขับเคลื่อนแผนยุทธศาสตร์ของกระทรวงคมนาคมโดยเฉพาะการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของประเทศถือเป็นอีกหนึ่งผลงานที่จะพิสูจน์ฝีมือการบริหารของรัฐบาลชุดนี้ว่าสามารถทำได้ตามที่วาดฝันไว้หรือไม่ ล่าสุดได้แต่งตั้งปลัดกระทรวงคมนาคมคนใหม่ หวังผลักดันการเชื่อมโยงเส้นทางคมนาคมขนส่งภายในและภายนอกภูมิภาคให้เห็นเป็นรูปธรรมโดยเร็ว

+++4 เดือนขับเคลื่อนยุทธศาสตร์
 นายศิลปชัย จารุเกษมรัตนะ (ว่าที่)ปลัดกระทรวงคมนาคมคนใหม่ ให้สัมภาษณ์พิเศษ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่าได้รับมอบหมายจากนายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม จัดทำแผนพัฒนาระบบโลจิสติกส์และแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ทั้งระบบราง ท่าเทียบเรือ มอเตอร์เวย์ ถึงแม้จะมีระยะเวลาการทำหน้าที่อีกเพียง 4 เดือน

       "ต้องเร่งผลักดันโดยยึดถือการปฏิบัติในกรอบแนวคิดตามแผนยุทธศาสตร์ฯของปี 2555-2559 คาดว่าจะสามารถเพิ่มสัดส่วนปริมาณการขนส่งสินค้าทางรถไฟจาก 2% เป็น 5 % และทางน้ำเพิ่มขึ้นจาก 15% เป็น 19% อีกทั้งยังช่วยลดต้นทุนการขนส่งสินค้าต่อ GDP ลง 2% โดยมีกรอบแนวคิดครอบคลุมระบบโลจิสติกส์การขนส่งให้เกิดการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศจากการเป็นส่วนหนึ่งของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือ AEC ที่กำลังจะเริ่มในปี 2558 นี้"
 +++ลุ้นงบ 1.5 แสนล้านลุย 86 โครงการ
 ภายใต้แผนยุทธศาสตร์ดังกล่าวมีโครงการต่างๆรวมทั้งสิ้น 86 โครงการวงเงินงบประมาณปี 2555-2559 จำนวน 152,038 ล้านบาทแบ่งออกเป็น 3 กลยุทธ์หลัก คือ  1. พัฒนาเครือข่ายโลจิส ติกส์ในประเทศให้เชื่อมโยงอย่างบูรณาการทั้งภายในและสู่ต่างประเทศ  2. สนับสนุนการใช้การขนส่งทางรถไฟและทางน้ำเพื่อลดต้นทุนการขนส่งของประเทศ และ 3. พัฒนาการขนส่งด้านทะเลอันดามันเพื่อนำการพัฒนาพื้นที่ภาคใต้ และรองรับการขยายตัวของการค้าระหว่างประเทศจีน-อาเซียน และอาเซียน-อินเดีย

 นอกจากจะให้ความสำคัญตามแนวเส้นทางระเบียงเศรษฐกิจ 6 คอร์ริดอร์แล้วยังเร่งพัฒนาประตูการค้าชายแดนต่างๆ  คือ 

1.ท่าเทียบเรือเชียงแสนแห่งที่

2  การก่อสร้างถนนจำนวน 9 สายทางวงเงิน 6,831 ล้านบาท ตั้งงบปี 2556 จำนวน 675 ล้านบาท 2.การสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 4 เชื่อมไปยังสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว(สปป.ลาว) และจีน 10,080 ล้านบาท การสร้างศูนย์เปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งสินค้าเชียงของ - เชียงราย 1,552 ล้านบาท สร้างถนน 5 สาย 7,583 ล้านบาท การสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 4 งบ 770 ล้านบาท และโครงการศึกษาออกแบบรายละเอียดทางรถไฟสายเด่นชัย - เชียงราย - เชียงของ 173 ล้านบาท ตั้งวงเงินปี 2556 จำนวน 718 ล้านบาท

 3. ด่านหนองคาย จังหวัดหนองคาย เชื่อมต่อสปป.ลาว 15,498 ล้านบาท มีทั้งโครงการปรับปรุงทางรถไฟ 2 สาย 14,802 ล้านบาท การสร้างสถานีขนส่งสินค้า(CY) ที่หนองคาย  696 ล้านบาท ตั้งงบปี 2556 จำนวน 4,575 ล้านบาท

  4.ด่านอรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว เชื่อมต่อกัมพูชา  5,889 ล้านบาทมีทั้งการก่อสร้างถนน 4 ช่องจราจร 3,067 ล้านบาท คือสายทล.356(พนมสารคาม-สระแก้ว) และสายทล.317(จันทบุรี-สระแก้ว) และงานปรับปรุงทางรถไฟที่ไม่ปลอดภัยช่วงชุมทางคลองสิบเก้า-อรัญประเทศ-คลองลึก 2,822 ล้านบาท ตั้งงบปี 2556 จำนวน 1,003 ล้านบาท
           5. ด่านแม่สอด จังหวัดตาก เชื่อมต่อกับเมียนมาร์ 315 ล้านบาท ประกอบด้วยโครงการศึกษาความเหมาะสมการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเมย แห่งที่ 2 วงเงิน 15 ล้านบาท และการสร้างสถานีขนส่งสินค้าแม่สอด 300 ล้านบาท ตั้งงบปี 2556 จำนวน 40 ล้านบาท และ 6.ด่านสะเดา จังหวัดสงขลา เชื่อมต่อกับมาเลเซีย  25 ล้านบาท สำหรับการศึกษาออกแบบรายละเอียดโครงการก่อสร้างมอเตอร์เวย์ช่วงหาดใหญ่-ด่านสะเดา โดยเป็นงบประมาณปี 2555
+++รุกทางน้ำ-ทางรางควบคู่กัน
 ทั้งนี้จำแนกเป็นการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังในระยะที่ 3 งบ 30,141 ล้านบาท โครงการพัฒนาศูนย์การขนส่งสินค้าทางรถไฟ  3,167 ล้านบาท การก่อสร้างถนน 6 เส้นทางเชื่อมโยงผ่านทางสัตหีบ บ้านบึง พนมสารคาม และชลบุรี  2,322 ล้านบาท โดยส่วนนี้ตั้งวงเงินงบประมาณปี 2556 จำนวน 1,764 ล้านบาท แบ่งเป็นงบการท่าเรือแห่งประเทศไทย 1,266 ล้านบาท และงบประมาณแผ่นดิน 498 ล้านบาท
 ส่วนการขนส่งสินค้าทางลำน้ำที่อยุธยา 379 ล้านบาท ที่อ่างทอง 1,073 ล้านบาท และก่อสร้างเขื่อนยกระดับในแม่น้ำเจ้าพระยาเพื่อการเดินเรือ 2 แห่ง 14,394 ล้านบาท ตั้งวงเงินปี 2556 ไปดำเนินการ 415 ล้านบาท การขนส่งทางชายฝั่งครอบคลุมจังหวัดชุมพร ตรัง ตราด สมุทรสาคร แหลมฉบัง และระนอง 11,006 ล้านบาท มีทั้งการก่อสร้างท่าเรือชายฝั่ง 6,136 ล้านบาท และสร้างท่าเทียบเรือ A 2,030 ล้านบาท การก่อสร้างถนนสนับสนุนท่าเรือชายฝั่งที่ตราดและระนอง 4,870 ล้านบาท ตั้งงบปี 2556 ไปดำเนินการ 2,017  ล้านบาท
 ทางด้านประตูการขนส่งฝั่งทะเลอันดามัน-สะพานเศรษฐกิจ(แลนด์บริดจ์)  28,199 ล้านบาท มีทั้งการก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกปากบาราจังหวัดสตูล 12,558 ล้านบาท การก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกสงขลาแห่งที่ 2 วงเงิน 6,164 ล้านบาท การก่อสร้างถนนสายทล.416 (อ.ปะเหลียน-อ.ทุ่งหว้า-อ.ละงู) 2,518 ล้านบาท และการก่อสร้างทางรถไฟสายจะนะ-หาดใหญ่-ปากบารา 26,379 ล้านบาท ตั้งงบประมาณปี 2556 วงเงิน 2,445 ล้านบาท
 สำหรับการพัฒนาการขนส่งทางรถไฟวงเงิน 73,450 ล้านบาท มีทั้งการก่อสร้างทางคู่ 6 โครงการ 71,351 ล้านบาท การก่อสร้างทางรถไฟสายใหม่เส้นทางมหาสารคาม-ร้อยเอ็ด-มุกดาหาร-นครพนม 42,306 ล้านบาท และการสร้างถนนเชื่อมโยงทางรถไฟ 3 สายทาง 2,098 ล้านบาท โดยตั้งงบปี 2556 ไปดำเนินการ 11,704 ล้านบาท

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 2,747 10-13  มิถุนายน พ.ศ. 2555
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
@เชียงแสน
สมาชิกลงทะเบียน
ระดับ ป.ตรี
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,359


..ทุกลมหายใจคือการเปลี่ยนแปลง..


« ตอบ #186 เมื่อ: วันที่ 11 มิถุนายน 2012, 20:13:22 »

 ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม แถว ๆ เชียงแสนจะมีสร้างบ้างไหมครับ  ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม

IP : บันทึกการเข้า
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,112


« ตอบ #187 เมื่อ: วันที่ 18 มิถุนายน 2012, 18:19:12 »

นที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2555 ปีที่ 22 ฉบับที่ 7872 ข่าวสดรายวัน


เกาะเส้นทางสู่เออีซี บัวแก้ว+อาเซียนสัญจร

สกู๊ปพิเศษ
จันท์เกษม รุณภัย



การให้ความรู้และความเข้าใจกับประชาชนในเรื่องประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 (เออีซี) เป็นภารกิจสำคัญยิ่งของกระทรวงการต่างประเทศ



นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศจึงต้องเป็นแกนนำในการขับเคลื่อนเรื่องนี้เป็นพิเศษ



เมื่อวันที่ 6-7 มิ.ย. จึงเดินทางไปยัง อ.เชียงของ จ.เชียงใหม่ ภายใต้ทัวร์ 'บัวแก้วสัญจร' ควบคู่ไปกับ 'อาเซียนสัญจร' ของกรมอาเซียน กระทรวงการต่างประเทศ ที่โรงแรมดุสิต ไอส์แลนด์ รีสอร์ท



คณะบัวแก้วสัญจรเดินทางไปตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานของ 'หน่วยจัดทำหนังสือเดิน ทางเคลื่อนที่' ของกรมการกงสุล ณ ที่ว่าการอำเภอเชียงของ ซึ่งเจ้าหน้าที่ต่างง่วนอยู่กับการให้บริการประชาชนผู้ต้องการทำหนังสือเดิน ทาง หรือพาสปอร์ต ที่มานั่งรอต่อคิวกันยาวเหยียดเป็นจำนวนมาก



รมว.ต่างประเทศยังเป็นประธานในพิธีเปิดโครงการเวทีสัมมนาชุมชน 'การเตรียมความพร้อมก่อนการเดินทางไปทำงานในต่างประเทศ' เพื่อให้ความรู้แก่ประชาชน ว่าควรใช้ชีวิตอย่างไรในต่างแดน และขั้นตอนปฏิบัติโดยเฉพาะเมื่อเกิดปัญหาในต่างประเทศ เช่น ถูกเอารัดเอาเปรียบ หรือละเมิดสิทธิโดยนายจ้าง เนื่องจากที่ผ่านมาคนไทยนิยมเดินทางไปทำงานในต่างประเทศมากขึ้นราว 1-2 ล้านคน โดยเฉพาะภาคเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง



ขณะเดียวกันยังลงพื้นที่ตรวจความคืบหน้าการก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 4 ซึ่งจะใช้เป็นหนึ่งในเส้นทางสัญจรหลักในประชาคมอาเซียนตามแนวระเบียงเศรษฐกิจเหนือ-ใต้ ระหว่างห้วยทรายไปเชียงของ เชื่อมต่อเชียงราย-คุนหมิงของจีน บนเส้นทาง 'อาร์ 3' รวมระยะทางทั้งสิ้น 1,026 กิโลเมตร



ตัวสะพานกว้าง 14.70 เมตร 2 ช่องจราจร ตั้งแต่ฝั่งราชอาณาจักรไทย ทอดตัวยาวข้ามลำน้ำโขง 630 เมตร จรดผืนแผ่นดินสปป.ลาว ใช้งบประมาณก่อสร้างราว 47 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 1,500 ล้านบาท โดยประเทศไทยและจีนรับภาระค่าใช้จ่ายร่วมกันในอัตราส่วนร้อยละ 50 เริ่มก่อสร้าง 11 มิ.ย.53 และมีกำหนดเสร็จสิ้น 10 ธ.ค.ปีนี้





อย่างไรก็ดี ความคืบหน้าของโครงการนั้นล่าช้ากว่ากำหนด โดยจากเดิมกำหนดไว้ที่ราวร้อยละ 60 แต่ปัจจุบันคืบหน้าร้อยละ 40 ซึ่งปัญหามาจากการจ่ายเงินล่าช้าให้แก่บริษัทรับเหมาก่อสร้างของจีน ซึ่งทางกระทรวงการต่างประเทศจะรับหน้าที่เป็นผู้ประสานงานกับทาง การจีนและหน่วยงานไทยที่เกี่ยวข้องเพื่อเร่งแก้ไขโดยด่วน เพราะต้องเร่งก่อสร้างให้เสร็จทันกำหนดที่ได้ตกลงกันไว้กับทางการลาว คือวันที่ 12 ธ.ค.ปีนี้ ตรงกับฤกษ์ 12/12/2012 ต่อเนื่องจากการเปิดสะพานมิตร ภาพไทย-ลาว แห่งที่ 3 นครพนม-คำม่วน เมื่อ 11 พ.ย.2554 (11/11/2011)



นอกจากนี้ คณะบัวแก้วสัญจรเดินทางไปติดตามโครงการยุวทูตความดีและการเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียนที่โรงเรียนอนุบาลเชียงของ ซึ่งเปิดหลักสูตรการเรียนการสอนตั้งแต่ชั้นอนุบาล 1 ถึงม.3 ภายใต้คำขวัญ 'องค์กรแห่งการเรียนรู้มุ่งสู่มาตรฐานสากล เปี่ยมล้นคุณธรรม ก้าวนำเทคโนโลยี'



ทางโรงเรียนจัดให้มีการแสดงเกี่ยวกับอาเซียน และเด็กนักเรียนขึ้นกล่าวต้อนรับคณะของรมว.ต่างประเทศ 4 ภาษา ได้แก่ ไทย อังกฤษ จีน และลาว ซึ่งนักเรียนแต่ละคนกล่าวได้ฉะฉานชัดเจน สร้างความประทับใจให้กับนายสุรพงษ์และคณะเป็นอย่างมาก



นายอัครเดช ยมภักดี ผู้อำนวยการโรงเรียนกล่าวว่า ครูอาจารย์และนักเรียนมีความตื่นตัว เรื่องการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนเป็นอย่างมาก และจัดสอนภาษาต่างประเทศด้วยเจ้าของภาษา



ด.ญ.อภิญญา ไชยอลังการ หรือน้องแยม นักเรียนชั้นม.2 ผู้กล่าวต้อนรับนายสุรพงษ์เป็นภาษาอังกฤษ เผยถึงเคล็ดลับการเรียนภาษาต่างประเทศว่า ฝึกฝนต่อเนื่อง และนำมาใช้ในชีวิตทุกวัน ประกอบกับการเรียนกับเจ้าของภาษาซึ่งเป็นชาวฟิลิปปินส์ ทำให้ออกเสียงได้อย่างมั่นใจ



'ตอนนี้กำลังหัดภาษาจีนอยู่ หนูคิดว่าสิ่งสำคัญในการปรับตัวเมื่อไทยเข้าสู่ประชาคมอาเซียนคือ ภาษาต่างประเทศค่ะ' ด.ญ. อภิญญากล่าวทิ้งท้าย



...สอดคล้องกับสิ่งที่หลายคน 'คิด' แต่ที่สำคัญคือต้องลงมือ 'ทำ'

หน้า 7
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
แมงคอลั่น
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,451



« ตอบ #188 เมื่อ: วันที่ 18 มิถุนายน 2012, 20:20:27 »

ท่าเชียงแสน แป๋งแล้ว เฮือใหญ่เข้าบ่ได้ จีนปล่อยน้ำมาน้อยเดียว การขนส่งทางบกจากจีนผ่านลาว มาไทย R3A สะดวกกว่า
แหมหน้อย เชียงของจะบูม แม่สาย และเชียงแสนจะแผ่ว แม่สายจะเหลือแต่การท่องเที่ยว
IP : บันทึกการเข้า
backkapo
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #189 เมื่อ: วันที่ 20 มิถุนายน 2012, 23:17:41 »

สวยมากๆสวจริงๆ!!
--------------------

royal1688   ,  holiday palace    ,   genting   
IP : บันทึกการเข้า
crwmkt
ซื่อสัตย์ ยุติธรรม
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 14


ซื่อสัตย์ ยุติธรรม


« ตอบ #190 เมื่อ: วันที่ 21 มิถุนายน 2012, 19:09:09 »

คืบหน้าไปมากๆ เลยครับ แต่ราคาที่ดินก็แพงมาก บางที่ถูกเวณคืนแล้วยังเอามาขายกันเลย ถ้าไม่เช็คกับกรมที่ดินหละก็เสร็จแน่ๆ ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆ ครับ
IP : บันทึกการเข้า

เจอกันที่ http://www.whitemktstore.com
@เชียงแสน
สมาชิกลงทะเบียน
ระดับ ป.ตรี
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,359


..ทุกลมหายใจคือการเปลี่ยนแปลง..


« ตอบ #191 เมื่อ: วันที่ 21 มิถุนายน 2012, 19:24:31 »

...ขอบคุณข้อมูลจากคุณ ap.41 ครับ กลับบ้านสงสัยตั้งนานว่าถนนเส้นดังกล่าวจะตัดไปไหน...
IP : บันทึกการเข้า
krukai
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,139



« ตอบ #192 เมื่อ: วันที่ 30 มิถุนายน 2012, 21:32:50 »

ขอขอบคุณข้อมูลดีๆครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 02 กรกฎาคม 2012, 15:03:39 โดย krukai » IP : บันทึกการเข้า

SonyA850/A77/A550/Nex3N
Zenitar16mmF2.8 Eye Fish
Tamron 17-35F2.8
Minalta28-85/35-105/75-300/100Macro2.8
Zenitar MC50mm f1.9/Jupeter9 85mm f2
Tair11 133mm f2.8/Sigma18-200 mm/170-500 mmApo5-6.5
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,112


« ตอบ #193 เมื่อ: วันที่ 03 กรกฎาคม 2012, 12:29:53 »

เชียงราย - การค้าไทย-เพื่อนบ้านผ่านชายแดนเชียงรายขยายตัวไม่หยุด ล่าสุดตั้งแต่มกราคม-พฤษภาคม 55 โตร่วม 20% แต่กลับพบ สป.จีนตั้งเงื่อนไขแปลก ปรับค่าขนคอนเทนเนอร์มังคุด-ทุเรียนไทยผ่านถนน R3a เข้าจีนตามข้อตกลง FTA ขึ้นอีกหลายเท่าตัวหน้าตาเฉย จนพ่อค้าไทยหลายรายต้องหันไปขนผ่าน R9 แทน




       
       สำนักงานพาณิชย์ จ.เชียงรายระบุว่า ตั้งแต่เดือน ม.ค.-พ.ค. 55 การค้าชายแดนด้าน จ.เชียงรายผ่านทางด่านพรมแดน อ.แม่สาย อ.เชียงแสน และ อ.เชียงของ มีมูลค่ารวมทั้งหมด 13,839.15 ล้านบาท แยกเป็นการนำเข้า 12,690.25 ล้านบาท ส่งออก 1,148.90 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 19.73% ส่วนใหญ่เป็นการค้ากับพม่า และ สปป.ลาว โดยนำเข้าจากพม่ามูลค่า 5,559.02 ล้านบาท ส่งออก 80.93 ล้านบาท นำเข้าจาก สปป.ลาว มูลค่า 5,617.98 ล้านบาท ส่งออก 333.02 ล้านบาท และส่งออกไปยังประเทศจีน 1,513.27 ล้านบาท นำเข้า 734.95 ล้านบาท
       
       สินค้านำเข้าส่วนใหญ่เป็นเครื่องจักรและอุปกรณ์จากจีน เสื้อผ้า ไม้แปรรูป สินแร่ สินค้ากสิกรรม ฯลฯ ส่วนสินค้าส่งออกส่วนใหญ่เป็นสินค้าอุปโภคบริโภค น้ำมันเชื้อเพลิง วัสดุก่อสร้าง ฯลฯ
       
       นายสงวน ซ้อนกลิ่นสกุล รองประธานหอการค้า จ.เชียงราย กล่าวว่า ตอนนี้การค้าชายแดนผ่านทางด้าน จ.เชียงรายสะดวกมากขึ้นเพราะมีเส้นทางคมนาคมให้เลือกหลากหลายโดยเฉพาะถนน R3a ไทย-สปป.ลาว-จีน ระยะทางประมาณ 245 กิโลเมตร ทำให้ที่ผ่านมาเมื่อมีปัญหาการเดินเรือแม่น้ำโขงไทย-จีน ก็มีการใช้เส้นทางนี้อย่างคึกคัก แต่ล่าสุดก็มีปัญหาเช่นกัน คือ ทางการจีนเพิ่มค่าธรรมเนียมตู้คอนเทนเนอร์สินค้าประเภทผลไม้ที่ส่งไปจากประเทศไทย ทั้งมังคุด ทุเรียน ลำไย ฯลฯ ที่มีภาษี 0% ตามข้อตกลงการค้าเสรี หรือ FTA ไทย-จีน ส่วนสินค้าจีนเป็นประเภทองุ่น ดอกไม้ ฯลฯ
       
       แหล่งข่าวจากชายแดนระบุว่า สินค้าที่จะเข้าออกจีนจะต้องผ่านด่านบ่อเต็น-บ่อหาน มณฑลหยุนหนัน ชายแดน สปป.ลาว-จีนตอนใต้ บนถนน R3a นั้น จีนได้ปรับค่าธรรมเนียมเพิ่มเป็นกว่า 100,000 บาท จากเดิมเก็บตู้ละ 20,000-30,000 บาท โดยเน้นไปที่ตู้บรรทุกมังคุดและทุเรียนเป็นหลัก แต่สินค้าอื่นๆ เช่น ลำไย กล้วย ฯลฯ ยังคงส่งออกได้ในราคาปกติ ด้วยเหตุนี้ผู้ประกอบการอาจจะโยกย้ายเส้นทางส่งสินค้าผ่านทาง R9 ไทย-สปป.ลาว-เวียดนาม และนำเข้าจีนทางมณฑลกวางสีที่ยังคงใช้อัตราค่าธรรมเนียมเท่าเดิมอยู่ ซึ่งกระจายสินค้าเข้าไปยังตลาดจีนได้เช่นกัน รวมทั้งส่งไปยังมณฑลหยุนหนันได้อีกด้วย
       
       อย่างไรก็ตาม ในภาพรวมแล้วถือว่าการนำเข้าและส่งออกบนถนน R3a ยังคงคึกคัก แม้จะเกิดอุปสรรคบ้าง แต่บรรดาผู้ประกอบการขนส่งสินค้าบนถนนสายนี้เกือบทุกราย ต่างมีการเพิ่มรถและตู้คอนเทนเนอร์ พร้อมๆ กับการส่งออก-นำเข้าสินค้าประเภทอื่นๆ โดยเฉพาะประเภทวัตถุดิบเพื่อผลิตแคลเซียมในยาสีฟัน ซึ่งกำลังเป็นตลาดใหม่ที่มีการนำเข้าอย่างคึกคัก
       
       นอกจากนี้ การก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงเชื่อม อ.เชียงของ-เมืองห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว-ถนน R3a ซึ่งสร้างมาได้นานประมาณ 1 ปีแล้ว โดยกำหนดการจะแล้วเสร็จปี 2556 ก็พบว่าคืบหน้าไปอย่างต่อเนื่อง โดยจากเดิมที่คาดว่าจะล่าช้าก็มีข่าววงในว่าเอกชนจะก่อสร้างเฉพาะตัวสะพานเพื่อเปิดใช้งานได้ในวันที่ 12 ธ.ค. 55 หรือตรงกับเลขวันที่ 12 เดือน 12 ปี 2012 แต่กรณีอาคารด่านพรมแดนทั้งฝั่งไทยและ สปป.ลาว และถนนรองรับอาจจะเสร็จช้ากว่าตัวสะพาน
       
       ล่าสุดสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร กระทรวงคมนาคม (สนข.) ก็กำลังหาสถานที่เพื่อก่อสร้างศูนย์กระจายสินค้าเนื้อที่ 280 ไร่รองรับตัวสะพาน และบริษัทที่ปรึกษาของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ซึ่งศึกษาเส้นทางรถไฟสายเด่นชัย จ.แพร่-เชียงราย-เชียงของ ก็ได้เข้าไปดูพื้นที่อย่างละเอียด โดยมีการกำหนดสถานที่ที่เส้นทางจะผ่านตามจุดต่างๆ เอาไว้เรียบร้อย หลังจากมีการรับฟังความเห็นจากฝ่ายต่างฯ ไปแล้วในเดือนมิถุนายน 55 ที่โรงแรมริมกกรีสอร์ตเชียงราย และ 27 มิ.ย. 55 ก็เปิดเวทีรับฟังความเห็นครั้งสุดท้ายที่กรุงเทพฯ ไปแล้ว
       
       โดยจะเป็นรถไฟรางคู่กว้าง 1 เมตรไปกลับ ไม่ต้องสลับราง ขณะที่เส้นทางยังคงเป็นเหมือนเดิมจาก อ.เด่นชัย จ.แพร่ ตรงไปยังสถานีที่ อ.เวียงชัย จ.เชียงราย เวียงเชียงรุ้ง เลี้ยวขวาไป อ.เชียงของ และมีจุดเชื่อมที่สามารถต่อไปยังท่าเรือแม่น้ำโขงเชียงแสนแห่งที่ 2 ต.บ้านแซว อ.เชียงแสน ได้อีกด้วย
       
       แต่โครงการนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของรัฐบาล เพราะคาดการณ์กันว่าต้องใช้งบประมาณหลายหมื่นล้านบาท

http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=955000008069
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
natwat
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #194 เมื่อ: วันที่ 03 กรกฎาคม 2012, 20:38:24 »

ถึงวันนี้   คนเชียงราย  ท่านไหนยังไม่มี พาสปอร์ตบ้าง  ต้องรีบทำด่วน  ปลายปีนี้อาจได้เดินทางไปเที่ยวลาว - จีน ผ่านสะพานนี้ก็ได้ 
IP : บันทึกการเข้า
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,112


« ตอบ #195 เมื่อ: วันที่ 14 กรกฎาคม 2012, 20:32:32 »

'R3'ถนนเจาะตลาดจีน

วันที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 ปีที่ 22 ฉบับที่ 7898 ข่าวสดรายวัน


ในขณะที่ตัวเลขส่งออกไทยแสดงถึงการพึ่งพาตลาดจีนเพิ่มขึ้นทุกปี แต่การบุกตลาดจีนสำหรับเอสเอ็มอีไทยนั้นกลับไม่ใช่เรื่องง่าย ทั้งที่การส่งออกไปจีนฟื้นตัวอย่างรวดเร็วท่ามกลางสัญญาณการชะลอตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าหลักของไทย



รวมถึงการวางยุทธศาสตร์เศรษฐกิจระยะยาวในภูมิภาคต่างๆ ของจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งนโยบายพัฒนาเมืองคุนหมิง มณฑลยูนนาน เป็น'หัวสะพาน'เชื่อมการค้า-คมนาคม ระหว่างจีนตอนใต้ กับเอเชียใต้ (อินเดีย) และอาเซียน (ไทย เวียดนาม ลาว พม่า) โดยเปิดใช้สนามบินนานาชาติฉางสุ่ยในนครคุนหมิงที่ใหญ่เป็นอันดับ 4 ของประเทศด้วยงบลงทุนกว่า 1.1 แสนล้านบาท รองรับผู้โดยสารกว่า 68 ล้านคนต่อปี



พร้อมแผนก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง 3 เส้นทางเชื่อมต่อเมืองคุนหมิงกับไทย พม่า และเวียดนาม และโครงข่ายถนนเชื่อมต่อจีนตอนใต้กับอาเซียน (ถนนสาย R3) เข้าสู่ประเทศไทยที่จังหวัดเชียงราย ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญสำหรับเอสเอ็มอีไทยจะสามารถเข้ามาใช้ประโยชน์



สำหรับเอสเอ็มอีในภาคเหนือ แม้ว่าปัจจุบันมูลค่าส่งออกจากไทยไปจีนตอนใต้เพียง 3,700 ล้านบาท แต่หากสามารถใช้ประโยชน์จากถนนสาย R3 เชื่อมโยงการค้า ก็จะเพิ่มมูลค่า ส่งออกได้อีกมหาศาล เพราะจีนตอนใต้มีประชากรถึง 92.8 ล้านคน โดยเฉพาะสินค้าที่เอสเอ็มอีไทยได้เปรียบในการผลิตและ ขายดีในตลาดจีน เช่น ผลิตภัณฑ์จากไม้ ผลิตภัณฑ์เกษตรและอาหารแปรรูป



นอกจากนี้ ถนนสาย R3 ยังช่วยลดต้นทุนการส่งออก โดยเฉพาะค่าขนส่ง เนื่องจากย่นระยะทางการส่งสินค้าสู่ตลาดจีนตอนใต้ จากเดิมต้องส่งผ่านเมืองท่าฝั่งตะวันออกของจีนก่อนแล้วจึงส่งต่อไปตลาดจีนตอนใต้ ในทางกลับกันการนำเข้าวัตถุดิบหรือ สินค้าสำเร็จรูปจากจีนยังนำเข้าได้ง่ายเร็ว ทำให้ต้นทุนของธุรกิจต่ำลงเพิ่มกำไรและความสามารถในการแข่งขันอีกด้วย



ส่วนเอสเอ็มอีทั่วประเทศ ซึ่งอยู่ในอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าส่งออกไปจีนสูง คืออุตสาหกรรมอุปกรณ์และชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ (เอสเอ็มอีภาคกลาง) ผลิตภัณฑ์เคมีและผลิตภัณฑ์พลาสติก (เอสเอ็มอีภาคตะวันออก) มีมูลค่าส่งออกเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยมูลค่าส่งออกเดือนพ.ค.ปีนี้ เพิ่มขึ้น 22.2%



ขณะที่ภาคการเกษตร เช่น ผลิตภัณฑ์ยางพารา (เอสเอ็มอีภาคใต้) ผลิตภัณฑ์แป้งและมันสำปะหลัง (เอสเอ็มอีภาคเหนือและอีสาน) ก็มีมูลค่าส่งออกไปจีนเพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยในเดือนพ.ค.ปีนี้เพิ่มขึ้น 10.1%



ดังนั้น หากเรามีการวางกลยุทธ์ในการใช้ถนนสาย R3 รุกตลาดจีนตอนใต้ที่ชัดเจนแล้วเอสเอ็มอีไทยจะได้ประโยชน์อย่างมหาศาลจากถนนสายนี้ ในฐานะของ'สะพานลำเลียงสินค้า'อย่างแท้จริง

หน้า 9
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
ใบตองแห้ง
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 229



« ตอบ #196 เมื่อ: วันที่ 15 กรกฎาคม 2012, 21:15:31 »

นอกจากมี ตลก ที่กรุงเทพแล้ว ขณะนี้ที่เชียงรายก็ตลก เหมือนกัน คือคนในท้องที่ส่วนใหญ่ยังสรุปไม่ได้เลยว่าถนนที่จะตัดใหม่ มีเส้นไหนบ้าง ผ่านใหนบ้าง แกว่งไปแกว่งมา งง
IP : บันทึกการเข้า
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,112


« ตอบ #197 เมื่อ: วันที่ 16 ตุลาคม 2012, 17:02:40 »

คมนาคมตามจี้สะพานข้ามโขงเชื่อม2แผ่นดิน


ข่าวภูมิภาค 16 October 2555 - 00:00

  พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก รมช.คมนาคม พร้อมคณะเดินทางลงพื้นที่ จ.เชียงราย ตรวจความคืบหน้าการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 4 เชื่อมระหว่าง อ.เชียงของ จ.เชียงราย กับเมืองห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ซึ่งเป็นโครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลลาว และรัฐบาลจีน ด้วยงบประมาณ 44 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อเชื่อมโยงการคมนาคมทางบกของทั้ง 3 ประเทศเข้าด้วยกันตามแนวเส้นทางถนนอาร์ 3A โดยรัฐบาลไทยและรัฐบาลจีนเป็นผู้ออกค่าดำเนินการฝ่ายละ 22 ล้านดอลลาร์ พบว่าการก่อสร้างคืบหน้า 60%
    จากนั้นได้ไปติดตามความก้าวหน้าในการให้บริการของท่าเรือพาณิชย์เชียงแสนแห่งที่ 2 ต.บ้านแซว อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ที่สร้างขึ้นเพื่อลดความแออัดของท่าเรือเชียงแสนแห่งที่ 1 เป็นการอำนวยความสะดวกในการขนถ่ายสินค้าจากประเทศไทยไปสู่ประเทศเพื่อนบ้านทั้งจีน พม่า และลาว ผ่านทางลำน้ำโขงด้วยต้นทุนที่ต่ำ โดยได้รับอนุมัติงบประมาณ 1,500 ล้านบาทในปี 2552 เปิดให้ทดลองใช้มาตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา
    พล.ต.อ.ชัจจ์กล่าวว่า กระทรวงมีกำหนดการจะประกอบพิธีอย่างเป็นทางการในโครงการทั้ง 2 แห่งนี้ ในวันที่ 12 ธ.ค. โดยจะเชิญนายกรัฐมนตรีมาเป็นประธานประกอบพิธีเชื่อมสะพาน 2 แผ่นดิน และเปิดการใช้ท่าเรือพาณิชย์เชียงแสนแห่งที่ 2 ด้วย เพื่อเป็นการแสดงถึงความพร้อมของเครือข่ายคมนาคมของประเทศไทยที่จะเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในปี 2015 นี้ด้วย.

http://www.thaipost.net/x-cite/161012/63778
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
60RADIO
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 807

60RADIO


« ตอบ #198 เมื่อ: วันที่ 16 ตุลาคม 2012, 18:22:10 »

เมื่อไรจะได้ใช้
IP : บันทึกการเข้า

60RADIO 79/243 หมู่ 22 ต.รอบเวียง อ.เมือง จ.เชียงราย
ติดตั้ง ระบบFire Alarm, GPS ติดตามรถ, ซ่อมกล่อง ECU, วิทยุสื่อสาร, กล้องวงจรปิด และ อุปกรณ์รักษาความปลอดภัยในอาคาร
Phone&line; 089 556 3228
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,112


« ตอบ #199 เมื่อ: วันที่ 16 ตุลาคม 2012, 20:22:24 »

วันที่ 15/10/12

















ที่มา :  คุณ Sarisa
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 20 พฤศจิกายน 2012, 19:19:08 โดย boondham » IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
หน้า: 1 2 3 4 5 6 7 8 9 [10] 11 12 13 14 15 16 พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!