เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 29 มีนาคม 2024, 01:09:13
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  คนเชียงราย สังคมเชียงราย (ผู้ดูแล: bm farm, [ตา-รา-บาว], zombie01, ۰•ฮักแม่จัน©®, ⒷⒼ*, ตาต้อม, nuifish, NOtis)
| | |-+  +++ถนน R3a ท่าเรือเชียงแสน 2 และโครงการสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 4+++
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: 1 2 3 4 5 6 7 8 [9] 10 11 12 13 14 15 16 พิมพ์
ผู้เขียน +++ถนน R3a ท่าเรือเชียงแสน 2 และโครงการสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 4+++  (อ่าน 151959 ครั้ง)
ap.41
ตอบแทนคุณแผ่นดิน
ผู้ดูแลบอร์ด
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 19,008


ไม่มีเทพไม่มีโปร..มีแต่เราที่จะก้าวไปพร้อมกัน...


« ตอบ #160 เมื่อ: วันที่ 28 ธันวาคม 2011, 15:59:54 »

ท่าเรือล่าสุด ถ่ายตอนบ่ายวันนี้ หลังหมู่บ้านผมครับ


* DSC_0016.JPG (130.45 KB, 800x536 - ดู 4320 ครั้ง.)

* DSC_0017.JPG (88.05 KB, 800x536 - ดู 3825 ครั้ง.)

* DSC_0021.JPG (80.06 KB, 800x536 - ดู 3799 ครั้ง.)

* DSC_0025.JPG (175.77 KB, 800x536 - ดู 2837 ครั้ง.)

* DSC_0031.JPG (101.32 KB, 800x536 - ดู 3830 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า

boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,112


« ตอบ #161 เมื่อ: วันที่ 08 มกราคม 2012, 07:50:10 »

'สบบง'ได้ถนนเชื่อมถึง2เส้นทาง เตรียมพร้อมรับทางR3A-หวังเป็นจุดพักสินค้า

วันที่ 08 มกราคม พ.ศ. 2555 ปีที่ 21 ฉบับที่ 7710 ข่าวสดรายวัน

พะเยา - นายสมพน พึ่งพวก นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบล (ทต.) สบบง อ.ภูซาง จ.พะเยา กล่าวว่า จากการที่เรียกร้องและผลักดันถนนเส้นทางเชื่อมระหว่าง ต.สบบง อ.ภูซาง กับ ต.อ่างทอง อ.เชียงคำ เป็นเส้นทางเชื่อมไปสู่ อ.เทิง จ.เชียงราย จะเป็นเส้นทางใช้เลี่ยงเมืองที่เริ่มแออัด เช่น ชุมชนสบบง ชุมชนเชียงคำ ออกไปยัง ต.อ่างทอง และไปต่อยัง จ.เชียงราย ได้โดยสะดวก เรียกร้องอย่างต่อเนื่องทุก 3-5 ปี ที่ผ่านมาหน่วยงานราชการนำเครื่องจักรกลบดอัดลูกรังให้ใช้การได้ระยะหนึ่ง แต่ยังไม่สามารถใช้เป็นการถาวรได้ ฤดูฝนค่อนข้างสัญจรลำบาก

ล่าสุดมีหนังสือจากกรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม แจ้งมาว่าขณะนี้ทางกรมทางหลวงบรรจุถนนเส้นทางดังกล่าวไว้ในแผนการก่อสร้างของปีงบประมาณ 2555 แล้ว ระยะทางประมาณ 9 กิโลเมตร วงเงินงบประมาณ 10 ล้านบาท หากสร้างเสร็จจะได้รับประโยชน์อย่างมหาศาล เดินทางเชื่อมระหว่าง อ.ภูซาง อ.เชียงคำ จ.พะเยา กับ อ.เทิง จ.เชียงราย ได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย

นายสมพนกล่าวอีกว่า นอกจากนี้กรมทางหลวงยังได้แจ้งเพิ่มว่าถนนทางหลวงแผ่นดินเชื่อมระหว่าง ต.สบบง-ต.ทุ่งกล้วย อ.ภูซาง ระยะทางประมาณ 10 ก.ม. พร้อมด้วยระบบไฟฟ้าส่องสว่าง จะก่อสร้างด้วยงบประมาณไม่ต่ำ 10 ล้านบาท ก็จะได้ในปีงบประมาณ 2555 เช่นกัน สำหรับถนนเส้นนี้จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเร่งปรับปรุงผิวการจราจร เพราะคับแคบและไม่มีไฟฟ้าส่องสว่างทำให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนบ่อยมาก

"อย่างไรก็ตามการได้รับอนุมัติงบประมาณในการก่อสร้างเส้นทางทั้งสองเส้นดังกล่าวจากรัฐบาล ทำให้ทางเทศบาลมองไปไกลในอนาคตเรื่องการเตรียมพร้อมของชุมชนและเป็นพื้นที่รองรับการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและโลจิสติกส์ของ R3A ที่กำลังจะเกิดขึ้น ซึ่งเมื่อเส้นทางและไฟฟ้าส่องสว่างพร้อมเต็มพื้นที่ตามเส้นทางสำคัญๆ อนาคตในการวางผังเมืองเรื่องเป็นแหล่งเก็บกักสินค้าของผู้ประกอบการที่จะเข้ามาใช้พื้นที่ก็ต้องเตรียมวางแผนรับด้วยเช่นกัน"

หน้า 9

http://www.khaosod.co.th/view_news.p...dNUzB3T0E9PQ==
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,112


« ตอบ #162 เมื่อ: วันที่ 09 มกราคม 2012, 19:26:55 »

กกร.เสนอรัฐพัฒนาระบบขนส่ง-จัดการน้ำ

09 มกราคม 2555 เวลา 16:53 น
  
กกร.เตรียมเสนอรัฐบาลพัฒนาระบบโลจิสติกส์ การค้าชายแดน ท่องเที่ยว และบริหารจัดการน้ำ ในการประชุมกรอ.นัดแรก ที่เชียงใหม่

นายพงษ์ศักดิ์ อัสสกุล ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการภาคเอกชนร่วม 3 สถาบัน (กกร.) ว่า ที่ประชุมได้หารือเรื่องการเตรียมการไปประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.) ที่มีน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ที่จังหวัดเชียงใหม่ ในวันที่ 14 ม.ค. 2555 โดยภาคเอกชนจะนำเสนอ 4 หัวข้อหลัก ได้แก่ โครงข่ายคมนาคมระบบโลจิสติกส์ การส่งเสริมการลงทุน การส่งเสริมการท่องเที่ยวและบริการ และการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ

ทั้งนี้ ในส่วนของโครงข่ายคมนาคมระบบโลจิสติกส์ ภาคเอกชนต้องการเห็นโครงการ ได้แก่ รถไฟความเร็วสูง เส้นทางกรุงเทพฯ – เชียงใหม่ และเส้นทางรถไฟรางคู่ โดยตามแผนของรัฐบาลโครงการดังกล่าวจะแล้วเสร็จในปี 2568 ซึ่งเอกชนเห็นว่าล่าช้าเกินไป ต้องดำเนินการให้เร็วกว่รวมทั้งส่งเสริมเขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สาย ให้เป็นพื้นที่นำร่องในการสร้างเชตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน

ขณะเดียวกัน รัฐบาลจำเป็นต้องพัฒนาการใช้ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ จังหวัดเชียงใหม่อย่างเป็นรูปธรรม ว่าจะมีใครเป็นเจ้าภาพและดูแล เพื่อกระตุ้นอุตสาหกรรมการประชุม และการจัดนิทรรศการ (ไมซ์) ให้เกิดขึ้นในพื้นที่ภาคเหนือให้มากที่สุด ซึ่งจะเป็นผลดีต่อการท่องเที่ยวด้วย

ส่วนเรื่องการบริหารจัดการน้ำต้องมีการดูแลทั้งปัญหาน้ำท่วม และน้ำแล้ง เพื่ออำนวยความสะดวกต่อภาคเกษตรกรในภาคเหนือ

นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า หากระบบการขนส่งของไทยเชื่อมต่อกับประเทศเพื่อนบ้านได้เป็นอย่างดี จะทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางการขนส่งสินค้าภายในภูมิภาค


http://www.posttoday.com
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,112


« ตอบ #163 เมื่อ: วันที่ 14 มกราคม 2012, 21:05:00 »

ล่อง R3A เชื่อมการค้า ไทย-ลาว-จีน



นาย Zhu Xiaoyang รองอธิบดีกรมพาณิชย์มณฑลยูนนาน และนาย Li Yong Sheng ซีอีโอ Yonmong Group ร่วมต้อนรับและให้ข้อมูลแก่คณะของนายสมชัย หทยะตันติ ที่ CAFTA Business Portal Operation Center.

สาวหมวย ในชุดกี่เพ้าสีแดงเสิร์ฟอาหารพื้นเมืองสารพัด เสิร์ฟพร้อม ชาจีนชั้นดี ขณะที่ นายหลี เสี่ยว พิง ผู้ว่าการเมืองผู่เออร์ มณฑลยูนนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน กล่าวถ้อยแถลงต้อนรับคณะผู้แทนการค้ากลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน นำโดย นายสมชัย หทยะตันติ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ในโอกาสมาสำรวจเส้นทางการค้าตามเส้นทางสาย R3A

บรรยากาศการต้อนรับดู จริงใจและเป็นมิตรต่อกันทั้ง 2 ฝ่าย ภารกิจหลักในครั้งนี้ คือ การนำหัวหน้าส่วนราชการ กลุ่มยุทธศาสตร์จังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 และภาคเอกชนจาก จ.เชียงราย, พะเยา, แพร่, น่าน เดินทางสำรวจเพื่อเก็บข้อมูลนำมาจัดการให้เป็นรูปธรรม



ต้นยางพาราปลูกเรียงรายไปตามทิวเขา.

ย้อน ภาพกลับไปเริ่มต้นการเดินทางจากด่าน ตม.เชียงของ คณะใหญ่ 50 กว่าชีวิตข้ามแม่น้ำโขงไปขึ้นรถตู้ที่เมืองห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เพื่อไปผ่านด่านเมืองบ่อหาน ก่อนจะเข้าประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน

ตลอดเส้นทางในลาวดูคดเคี้ยว เลี้ยวลดไปตามแนวเขาที่ยังอุดมสมบูรณ์ไปด้วยแมกไม้นานาพันธุ์ ที่ดินบางแปลงปลูกต้นยางพาราสุดลูกหูลูกตา มีนายทุนเป็นชาวจีน รวมไปถึงทางภาคเหนือของไทยบางแห่งด้วย

หลับๆตื่นๆ เด้งไปเด้งมาหลายงีบกว่าจะถึง “บ่อหาน” สุดเขตประเทศลาว เข้าสู่เขตจีน ถนนหนทางเปลี่ยนเป็นถนนลาดยางสี่เลน อุโมงค์หลายสิบแห่งเจาะทะลุภูเขา โดยมีสะพานสูงบ้าง ต่ำบ้าง เชื่อมต่อเส้นทาง ไม่ต้องเสียเวลาอ้อมภูเขา ส่วนไฟส่องในอุโมงค์นั้นใช้พลังงานโซลาร์เซล หรือพลังงานแสงอาทิตย์ เปิดปิดอัตโนมัติ

ด่านบ่หาน หรือบ่อหาน เชื่อมเส้นทางลาว-จีน.

ที่ราบ น้อยใหญ่และบนภูเขาสูงส่วนใหญ่ปลูกยางพาราเป็นแนวทึบทะมึน ไกด์สาวชาวสิบสองปันนาเฉลยให้ฟังว่า ยางพาราที่ปลูกในจีนและลาว ยังไม่พอใช้สำหรับ 1 มณฑลในจีน

ช่วงลับสมองประลองคณิตศาสตร์บนรถ สมชัย หทยะตันติ หัวหน้าคณะ เท้าความให้ฟังว่า กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 นั้น มีรายได้หลักจากการท่องเที่ยวและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องจากการท่องเที่ยว เนื่องจากสภาพภูมิศาสตร์มีที่ตั้งในพื้นที่สี่เหลี่ยมเศรษฐกิจที่สามารถ เชื่อมโยงการท่องเที่ยวกับกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านในกลุ่มอนุภาคลุ่มน้ำโขง หรือ GMS



อุโมงค์ลอดทะลุภูเขาย่นระยะทาง.

ได้แก่ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว สาธารณรัฐประชาชนจีน ในมณฑลยูนนาน และสิบสองปันนา สหภาพพม่า และเวียดนาม จึงเป็นโอกาสที่จะพัฒนาศักยภาพด้านการท่องเที่ยวเชื่อมโยงประเทศทางตอนเหนือ สู่ตอนใต้ และภาคตะวันออกสู่ภาคตะวันตก

โอกาสนำนักท่องเที่ยวเข้าสู่ ประเทศไทยและท่องเที่ยวไปยังกลุ่มประเทศต่างๆในลุ่มน้ำโขงมีอีกมาก  เป็นการแลกเปลี่ยนนักท่องเที่ยว  เป็นช่องทางในการเพิ่มรายได้ และกระจายรายได้ไปสู่ชุมชนต่างๆ ด้วยการมีจุดแข็งทางประวัติศาสตร์ เส้นทางคมนาคม สิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติ ประเพณี วัฒนธรรม



เยี่ยมศูนย์วิจัยชาผู่เออร์.

นึก ภาพ โรงแรม ที่พัก ร้านอาหาร ร้านจำหน่ายของที่ระลึก ผุดขึ้นตามแหล่งท่องเที่ยว เม็ดเงินมหาศาลที่ตามมา ถ้าไม่รีบสำรวจเส้นทาง ประสานงานเพื่อเชื่อมโยง และค้นหาสภาพแวดล้อมที่เป็นโอกาสในการพัฒนา โดยมีผลประโยชน์ร่วมกันเป็นที่ตั้ง นอกจากนี้ ยังส่งผลดีต่อการวางกลยุทธ์ก่อนที่ประเทศไทยจะเข้าเป็นสมาชิกประชาคม เศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558

ระหว่างทางจากเมืองซือเหมาเข้าสู่เขต ปกครองตนเองเมืองหล้า สิบสองปันนา คณะเยี่ยมชมแหล่งผลิต “ชาผู่เออร์” ของดีและเป็น 1 ในชาชั้นดีของจีน โดยในเมืองนี้มีพื้นที่ปลูก 1,354,166 ล้านไร่ รองลงมาคือ กาแฟ สมุนไพร เนื่องด้วยมีแหล่งน้ำ รวมทั้งทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์หลากหลาย



ไร่ชาผู่เออร์.

และ จากการร่วมประชุมกับ คณะผู้บริหาร Yonmong Group และ รองอธิบดีกรมพาณิชย์มณฑลยูนนาน มีการหารือด้านการส่งเสริมความร่วมมือด้านการขนส่งและกระจายสินค้า การปลูกยางพารา ทำให้รู้ว่าขณะนี้ภาคเอกชนจีนได้รุกหนักด้วยทุนมหาศาล ทั้งยังมีแผนที่จะตั้งโรงงานแปรรูปยางในเมืองไทยแล้วด้วย

ต้องอึ้ง กับศูนย์โลจิสติกส์ของยูนนานที่สามารถกระจายสินค้าได้อย่างรวดเร็ว ครองตลาดการค้ามูลค่ามหาศาล จึงต้องหันมาทบทวนว่า หากคนไทยยังไม่ลงมือทำอะไรให้เป็นชิ้นเป็นอัน ย่อมจะสูญเสียประโยชน์มหาศาล

โดย เฉพาะหากภาคการเมืองยังรุนแรง โยกย้ายบุคลากรที่มีส่วนในการสร้างความสัมพันธ์ทางการค้าบ่อยๆจนต้องมานั่ง นับ 1 กันแทบทุกครั้ง เป็นที่น่าเบื่อหน่ายของนักลงทุนต่างชาติ




สภาพถนนลาดยางอย่างดีในจีน.

สะพานเชื่อมต่ออุโมงค์ระหว่างภูเขาย่นระยะการเดินทาง.

ทันที ที่ถนนสาย R3A สร้างเสร็จ จะกลายเป็นเส้นทางทางบกสายหลักในการขนส่งสินค้าทดแทนการขนส่งสินค้าทางเรือ ในแม่น้ำโขงที่มีปัญหา มูลค่าการค้าจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และจะเพิ่มแบบทวีคูณในฤดูแล้ง

ไม่เริ่มตอนนี้ เราจะเสียโอกาสขนาดไหน... ไม่อยากคิดเลย.

http://www.thairath.co.th/content/life/230326
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
สบายแมน
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,485



« ตอบ #164 เมื่อ: วันที่ 14 มกราคม 2012, 22:02:02 »

โครงการไปถึงไหนแล้วครับตอนนี้ ยิงฟันยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,112


« ตอบ #165 เมื่อ: วันที่ 16 มกราคม 2012, 18:07:05 »

คมนาคมรุดดูท่าเรือเชียงแสน-หลังพ้นสัญญาสร้างเร่งให้เปิด 1 เมษาฯนี้

เชียงราย - รองปลัดฯคมนาคม ยกทีมดูงานก่อสร้างท่าเรือเชียงแสน 2 หลังสิ้นสุดสัญญาจ้างตั้งแต่ปลายปี 54 ล่าสุด ใจชื้นงานเดินหน้า 98.03% เชื่อ เปิดทัน 1 เมษาฯนี้แน่ เผยมีเอกชนจีนสนใจลงทุนเปิดห้องเย็น รับการค้าปีละกว่าหมื่นล้านแล้ว







       
       วันนี้ (16 ม.ค.) นายศรศักดิ์ แสนสมบัติ รองปลัดกระทรวงคมนาคม พร้อมคณะจากกระทรวงคมนาคม เช่น นายถวัลย์ อ่อนศิละ อธิบดีกรมเจ้าท่า, นายวันชัย ภาคลักษณ์ อธิบดีกรมทางหลวง ฯลฯ ได้เดินทางไปตรวจสอบความคืบหน้าการก่อสร้างท่าเรือแม่น้ำโขงเชียงแสนแห่งที่ 2 ปากแม่น้ำกก ต.บ้านแซว อ.เชียงแสน จ.เชียงราย เนื้อที่ประมาณ 387 ไร่ 1 งาน 44 ตารางวา ชายแดนติดกับแขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว
       
       หลังสิ้นสุดสัญญาก่อสร้างไปแล้วตั้งแต่ 28 ธ.ค.54 (เริ่มสัญญา 12 พ.ค.52 รวมระยะเวลาก่อสร้าง 960 วัน วงเงิน 1,546.4 ล้านบาท) แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่แล้วเสร็จ
       
       กรมเจ้าท่าประกาศว่า การก่อสร้างคืบหน้าได้กว่า 98.03% แล้ว และมีกำหนดจะเปิดใช้งานได้ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.55 นี้เป็นต้นไป จากนั้นการท่าเรือแห่งประเทศไทยจะเป็นหน่วยงานที่เข้าไปบริหารดูแลท่าเรือต่อไป
       
       นายเฉลิมชัย มีคุณเอี่ยม ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ได้รายงานความคืบหน้าว่า ปัจจุบันท่าเรือเชียงแสนแห่งที่ 1 ซึ่งอยู่ในเขตเทศบาล ต.เวียงเชียงแสน รองรับสินค้าได้ปีละ 300,000 ตัน แต่ในอนาคตปริมาณการค้าโดยเฉพาะกับจีนเพิ่มมากขึ้นจึงทำให้ท่าเรือเชียงแสนแห่งที่ 2 มีความจำเป็น เพราะรองรับสินค้าได้ปีละมากกว่า 6 ล้านตัน
       
       ทั้งนี้ ปัจจุบันโครงการคืบหน้าไปมาก จะเปิดได้ทันวันที่ 1 เม.ย.55 นี้แน่นอน โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 9 หน่วยงาน เช่น ด่านตรวจคนเข้าเมือง ด่านศุลกากร องค์การอาหารและยา กรมเจ้าท่า ฯลฯ จะย้ายไปอยู่ในท่าเรือทั้งหมด ปัจจุบันจัดเตรียมสถานที่และมีระบบการเชื่อมโยงการทำงานร่วมกันเอาไว้แล้ว ทั้งนี้ก่อนการเปิดใช้งานจริงจะทดลองรับเรือในเดือน มี.ค.55 นี้ก่อน
       
       อย่างไรก็ตาม มีข้อเสนอ 2 เรื่อง คือ ขอให้ท่าเรือเป็นศูนย์กลางการเทียบท่าเรือแม่น้ำโขงของไทย เพราะปัจจุบันมีท่าเรืออื่นๆ ที่ไม่ใช่ของรัฐอยู่ และขอให้มีการพัฒนาเส้นทางคมนาคมเพื่อเชื่อมโยงไปยังท่าเรืออย่างมีประสิทธิภาพ
       
       “ตอนนี้มีเอกชนจีนให้ความสนใจจะก่อสร้างห้องเย็นเก็บสินค้าที่ท่าเรือด้วย ซึ่งภายในท่าเรือ ที่กว้างขวางก็จัดเตรียมสถานที่รองรับเอาไว้อยู่แล้ว แต่ยังไม่ได้พิจารณาตัดสินใจ เพราะถือเป็นเรื่องไม่เร่งด่วน แต่หากว่าจีนไม่ทำ ทางการท่าเรือฯก็มีแผนที่จะทำเองได้ในอนาคต โดยจะเสนอของบประมาณลงทุนเรื่องห้องเย็นเองได้เช่นกัน” นายเฉลิมชัย กล่าว
       
       นายทรงกลด ดวงหาคลัง หัวหน้าสำนักงานเจ้าท่า จ.เชียงราย กล่าวว่า จากเหตุการณ์รุนแรงในแม่น้ำโขงช่วงปลายปีที่ผ่านมา จนทำให้เรือสินค้าแม่น้ำโขงหยุดแล่น ปรากฏว่าผู้ประกอบการหันไปขนส่งทางรถยนต์ผ่านถนนอาร์สามเอไทย-สปป.ลาว-จีนตอนใต้ ที่ อ.เชียงของ กันมากขึ้น แต่ต้นทุนการขนส่งสูงกว่าทางเรือถึงกว่า 5 เท่าตัว ดังนั้น การขนส่งทางเรือ ยังคงจำเป็นและท่าเรือแห่งนี้ก็ห่างจากท่าเรือแห่งเดิมแค่ 6 กิโลเมตร
       
       ส่วนความกังวลเรื่องระดับน้ำแห้งนั้น ได้มีการศึกษาแล้วพบว่า ในปีที่ผ่านมาระดับน้ำแห้งสุดช่วงเดือน เม.ย.อยู่ที่ 2 เมตร แต่เรือใช้ระวางได้ 1.8 เมตรขึ้นไป จึงไม่มีปัญหาเรื่องน้ำแห้งแน่นอน ขณะเดียวกัน หากเรือจีนแล่นลงมาทางประเทศจีนมักมีการเปิดน้ำในเขื่อนรองรับเสมอด้วย
       
       นายสมควร สุตะวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) บ้านแซว กล่าวว่า เมื่อโครงการแล้วเสร็จก็อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องคำนึงถึงข้อตกลงร่วมหรือเอ็มโอยู ที่เคยทำร่วมกับชาวบ้าน ได้แก่ การจ้างงานต้องใช้คนในพื้นที่ การจัดเก็บรายได้ควรแบ่งให้ท้องถิ่น การจัดระเบียบพื้นที่หรือโซนนิ่งโดยเฉพาะปัญหาขยะที่กำลังกังวลกันอยู่ เมื่อเปิดใช้ท่าเรือ ซึ่งบางเงื่อนไขก็อาจติดข้อกฎหมายจึงขอให้มีการนำไปศึกษาและแจ้งให้ชาวบ้านทราบด้วย
       
       นายศรศักดิ์ แสนสมบัติ รองปลัดกระทรวงคมนาคม ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนเพิ่มเติมว่า ท่าเรือใหม่น่าจะเปิดใช้งานทันวันที่ 1 เม.ย.55 นี้แน่นอน เพราะเตรียมแผนล่วงหน้ามาแล้วร่วม 1 ปี โดยจะถือเป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ 100 ปี กระทรวงคมนาคมพอดีด้วย
       
       สำหรับสาเหตุที่การก่อสร้างไม่ตรงตามสัญญาก่อสร้าง คณะรัฐมนตรีได้มีมติให้เลื่อนการก่อสร้างออกมาได้เพราะสาเหตุเรื่องอุทกภัย ส่วนปัญหาเรื่องท่าเรือริมแม่น้ำโขงอื่นๆ ที่จะต้องขอให้หยุดให้บริการเพื่อไปใช้ที่ท่าเรือแห่งนี้ทั้งหมดนั้น คงต้องอาศัยทางฝ่ายปกครองอำเภอและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเข้าไปช่วยเจรจา ซึ่งคงจะมีปัญหาบ้างแต่เชื่อว่าสามารถทำได้
       
       อย่างไรก็ตาม แผนการเปิดใช้งานท่าเรือเชียงแสน 2 ในวันที่ 1 เม.ย.55 แม้ว่า ขณะนี้หลายฝ่ายยืนยันว่า ทันตามกำหนดแน่นอนก็ตาม แต่ก็มีหลายหน่วยงานกังวลเช่นกันว่า อาจจะเกิดปัญหาขึ้นได้ เนื่องจากหน่วยงานต่างๆ ที่จะเข้าไปประจำอยู่ในท่าเรือได้แจ้งการทำงานที่สำนักงานแห่งเดิมถึงวันที่ 31 มี.ค.55 นี้เท่านั้น
       
       นอกจากนี้ ยังมีปัญหาเรื่องทางเชื่อมจากถนนสายเชียงแสน-เชียงของ ด้านหน้าท่าเรือซึ่งยังไม่มีมีการก่อสร้างเพราะอยู่นอกเขตท่าเรือ ทำให้ทางรองปลัดคมนาคม ได้ฝากไปยังกรมทางหลวง นำงบประมาณ 10 ล้านบาทไปก่อสร้างชั่วคราว จากเดิมกรมทางหลวง วางแผนใช้งบประมาณ 330 ล้านบาทพัฒนาถนนเชียงแสน-เชียงของ อยู่แล้ว แต่เป็นงบประมาณปี 2556 ซึ่งต้องนำผ่านสภาผู้แทนราษฎรในเดือน ก.พ.ซึ่งอาจไม่ทันการณ์
       
       สำหรับท่าเรือเชียงแสนมีมูลค่าการค้าชายแดน รวมปีละกว่า 11,000 ล้านบาท แยกเป็นการส่งออกประมาณ 9,000 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นชิ้นส่วนไก่แช่แข็ง น้ำมันปาล์ม เครื่องดื่ม ฯลฯ นำเข้าประมาณ 1,000 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นผลไม้และพืชผัก และสินค้าผ่านแดนประมาณ 1,000 ล้านบาท โดยการค้าส่วนใหญ่เป็นการค้ากับจีน และใช้เรือสินค้าสัญชาติจีนเป็นหลัก
       
       ทั้งนี้ ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ก็พบว่า มีการส่งออกแล้วกว่า 892,277,892.57 บาท และนำเข้า 39,999,775.67 บาท แม้ว่าจะมีปัญหาเรื่องเรือสินค้าจีน 2 ลำถูกปล้นและลูกเรือชาวจีนถูกฆ่ารวม 13 ศพ เมื่อวันที่ 5 ต.ค.54 ที่ผ่านมาก็ตาม


http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9550000006748
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,112


« ตอบ #166 เมื่อ: วันที่ 20 มกราคม 2012, 11:27:53 »


รัฐบาล ยืนยันได้มีการเตรียมแผนรองรับโครงข่ายคมนาคม เชื่อมถนนมิตรภาพ R3A (ไทย ลาว จีน)

รัฐบาล ยืนยันได้มีการเตรียมแผนรองรับโครงข่ายคมนาคม เชื่อมถนนมิตรภาพ R3A (ไทย ลาว จีน) เพื่อรองรับสี่เหลี่ยมเศรษฐกิจภาคเหนือตอนบน (จังหวัดเชียงราย) ไว้แล้ว
การประชุมสภาผู้แทนราษฎร วันนี้ (19 ม.ค.55) ในการพิจารณาวาระกระทู้ถามสด มีการตั้งกระทู้ถามสด พลตำรวจโท ชัจจ์ กุลดิลก รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เรื่องการเตรียมพร้อมด้านโครงข่ายคมนาคม เชื่อมถนนมิตรภาพ R3A (ไทย ลาว จีน) เพื่อรองรับสี่เหลี่ยมเศรษฐกิจ ภาคเหนือตอนบน (จังหวัดเชียงราย) ซึ่งถามโดย นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ส.ส. เชียงราย พรรคเพื่อไทย เนื่องจากต้องการทราบความคืบหน้าและการเตรียมความพร้อมรองรับสี่เหลี่ยมเศรษฐกิจภาคเหนือตอนบน
โดย พลตำรวจโท ชัจจ์ กุลดิลก ชี้แจงว่า รัฐบาลได้มีการเตรียมแผนรองรับการพัฒนาโดยเฉพาะเรื่องของสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 4 (เชียงของ-ห้วยทราย) โดยมีการวางแผนดำเนินการที่สมบูรณ์และถึงแม้จะมีอุปสรรคบ้าง แต่เชื่อว่าจะเร่งดำเนินการได้เสร็จทันกำหนดเวลา พร้อมกันนี้ยังมีแผนพัฒนาหลังธนาคารเสร็จสมบูรณ์ เช่น การขยายเส้นทางที่เชื่อมต่อกับสะพานเพื่ออำนวยความสะดวกในการคมนาคม และการดำเนินการรถโดยสารข้ามประเทศ รวมถึงการเจรจาการค้าระหว่างไทย ลาว และจีน

    
ข้อมูลข่าวและที่มา

ผู้สื่อข่าว : อภิสิทธิ์ จันทร์เต็ม   Rewriter : ธนวัต วงศ์วิริยะวณิช
สำนักข่าวแห่งชาติ กรมประชาสัมพันธ์ : http://thainews.prd.go.th


 วันที่ข่าว : 19 มกราคม 2555
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,112


« ตอบ #167 เมื่อ: วันที่ 20 มกราคม 2012, 11:29:02 »

"ชัจจ์" แจงเหตุสร้างสะพานโขงแห่งที่ 4 เฉื่อย

วันพฤหัสบดีที่ 19 มกราคม 2555 เวลา 12:39 น.

"ชัจจ์" แจงเหตุสร้างสะพานแม่น้ำโขงแห่งที่ 4 เฉื่อย เหตุเงินจีนมาช้า 1 ปี ยันเสร็จ 1 ก.ค.56
วันนี้ (19 ม.ค.) ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยมีนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎ ทำหน้าที่เป็นประธานที่ประชุม  ทั้งนี้มีการพิจารณากระทู้ถามสดของนายเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย เรื่องการเตรียมพร้อมด้านโครงข่ายคมนาคม เชื่อมถนนมิตรภาพ R3A (ไทย ลาว จีน) เพื่อรองรับสี่เหลี่ยมเศรษฐกิจ ภาคเหนือตอนบน (จ.เชียงราย) ถามพล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก รมช.คมนาคม ในฐานะรักษาราชการแทนรมว.คมนาคม ว่าในกรณีสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 4 กำหนดแล้วเสร็จในปี 2555 แต่เมื่อดูแล้วคาดว่าจะยังไม่เสร็จ และรัฐมนตรีจะมีแผนรองรับ 8 จังหวัดภาคเหนือรองรับสี่เหลี่ยมเศรษฐกิจด้านคมนาคมอย่างไร

พล.ต.ท.ชัจจ์ ชี้แจงว่า แผนรองรับการเปิดสะพานแม่น้ำโขงแห่งที่ 4 ระหว่าง อ.เชียงของ ข้ามไปห้วยทราย ของประเทศลาว ขณะนี้ได้วางแผนไว้ค่อนข้างจะสมบูรณ์ เนื่องจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เรียกแผนนี้ขึ้นมามอบหมายให้กระทรวงคมนาคมเร่งรัด โดยงานที่ทำอยู่ก่อนมีอุปสรรค เพราะเงินทุนที่สร้างสะพานเป็นเงินทุนร่วมกันระหว่างไทยกับจีน ซึ่งเงินของจีนช้าไป 1 ปี เป็นเหตุให้การสร้างสะพานล่าช้า แต่กรมทางหลวงที่ได้รับมอบหมายสร้างสะพานแห่งนี้ ก็พยายามเร่งรัดให้เสร็จทันตามกำหนด ส่วนแผนรองรับอย่างอื่นก็กำลังดำเนินการ เตรียมกรอบการทำงานระหว่าง ไทย ลาว จีน โดยจะทำให้เสร็จภายในปี 2556 ซึ่งอยู่ระหว่างการนำเสนอครม.พิจารณาความตกลงด้านการขนส่งทางบกอยู่ และไทยได้เตรียมเปิดเส้นทางเดินรถโดยสายระหว่างประเทศไทยจะเจรจารายละเอียดเดินรถยกร่างสัญญานำเสนอกรรมการบริษัทขนส่งลงนามสัญญาโดยเตรียมขั้นตอนไว้แล้ว เมื่อสะพานแห่งนี้เสร็จก็น่าจะมีรถโดยสารวิ่งระหว่างประเทศได้ทันที

[COLOR="Red"]พล.ต.ท.ชัจจ์ กล่าวต่อว่า สะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 4 ระหว่างเชียงของ-ห้วยทราย จะแล้วเสร็จใน1 ก.ค. 2556 ซึ่งจะช้ากว่าแผนไป 20 เปอร์เซ็นตสำหรับรันเวย์ทางขึ้นลงท่าอากาศยาน จ.เชียงราย ซึ่งมีเพียงเส้นเดียว ช่องทางเดียว เมื่อมีการขยายโครงข่ายสี่เหลี่ยมเศรษฐกิจก็น่าจะมีรันเวย์เพิ่มขึ้นอีกสายหนึ่งเพราะต้องรองรับขนส่งอากาศยานที่เพิ่มขึ้นโดยจะเสนอให้ผู้ที่มีหน้าที่กำชับดำเนินการให้สมกับเป็นท่าอากาศยานสากลในภาคเหนือ


 http://www.dailynews.co.th/politics/8260
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,112


« ตอบ #168 เมื่อ: วันที่ 20 มกราคม 2012, 11:31:28 »

ปฐมฤกษ์เปิดเดินรถเส้นทางใหม่เชียงใหม่-หลวงพระบาง ราคา 1,200บาทตลอดสาย

วันพฤหัสบดีที่ 19 มกราคม 2012 เวลา 12:58 น.    ณัฐญา เนตรหิน    ข่าวรายวัน    - ข่าวในประเทศ   

วันนี้ (19 ม.ค. 2555) ที่สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดเชียงใหม่ แห่งที่ 3 (อาเขต 2) นายศิลปะชัย จารุเกษมรัตนะ รองปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นประธานในพิธีเปิดการเดินรถโดยสารระหว่างประเทศไทย-สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เส้นทางสายเชียงใหม่-หลวงพระบาง ซึ่งเกิดจากความร่วมมือของกรมการขนส่งทางบกของไทยและกรมโยธาธิการและขนส่งของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว  โดยมีนายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) คณะผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมในพิธีปล่อยรถโดยสารเที่ยวปฐมฤกษ์ ซึ่งรองปลัดกระทรวงคมนาคมได้มอบของที่ระลึกให้กับผู้โดยสารที่ใช้บริการรถเที่ยวดังกล่าวทุกคนด้วย
         
สำหรับเส้นทางบดังกล่าว ระยะแรกเดินรถด้วยรถโดยสารปรับอากาศมาตรฐาน 2 ของบริษัทขนส่ง จำกัด หรือ บขส. จากจังหวัดเชียงใหม่ จอดรับผู้โดยสารที่จังหวัดเชียงราย และอำเภอเชียงของ ข้ามเรือที่ท่าเรือเชียงของ บ่อแก้ว ขึ้นรถโดยสารของบริษัทนาหลวงขนส่งโดยสารผ่านแดน ต่อไปยังแขวงหลวงน้ำทา แขวงอุดมไชยและแขวงหลวงพระบาง ใช้เวลาเดินทาง 18 ชั่วโมง ค่าโดยสาร 1,200 บาทตลอดสาย และเมื่อก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 4 เชียงของห้วยทรายแล้วเสร็จในปี 2556 จะเปลี่ยนใช้รถโดยสารปรับอากาศมาตรฐาน 1 แทน อัตราค่าโดยสาร 1,500 บาท ซึ่งการเปิดเส้นทางเดินรถดังกล่าวจะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างสองประเทศ เสริมสร้างเศรษฐกิจการลงทุนเป็นอย่างดี
         
ในส่วนของรถที่ใช้โดยสาร 44 ที่นั่ง และจะปรับเปลี่ยนเป็นรถที่สะดวกกว่าเมื่อสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 4 แล้วเสร็จ โดยคาดหวังจำนวนที่นั่งร้อยละ 60 ของที่นั่งทั้งหมด จึงจะคุ้มทุน ออกเดินรถวันละ 1 เที่ยว คาดว่าจะมีผู้ให้ความสนใจเดินทางท่องเที่ยวเส้นทางนี้จำนวนมาก โดยผู้โดยสารต้องใช้ Passport ผ่านแดนเมื่อเข้าสู่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว

 
นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) กล่าวว่า  เส้นทางดังกล่าวถือเป็นเส้นทางการเดินรถโดยสารระหว่างประเทศไทยสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวเส้นทางที่ 8 หลังจากที่ผ่านมา บขส.ได้เปิดเส้นทางไปยังสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวแล้ว 7 เส้นทาง ประกอบด้วยเส้นทางอุดรธานี-นครหลวงเวียงจันทร์, เส้นทางหนองคาย-นครหลวงเวียงจันทร์, เส้นทางอุบลราชธานี-เมืองปากเซ แขวงจำปาสัก, เส้นทางมุกดาหาร-สะหวันนะเขต, เส้นทางขอนแก่น-นครหลวงเวียงจันทร์, เส้นทางนครราชสีมา-นครหลวงเวียงจันทร์ และเส้นทางนครพนม-เมืองท่าแขก แขวงคำม่วน

นอกจากนี้  บขส.มีแผนที่จะเปิดให้บริการเส้นทางการเดินรถโดยสารระหว่างประเทศไทยสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวเส้นทางที่ 9 อุดรธานี-เมืองวังเวียง โดยคาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการได้ในเดือน ก.พ.ที่จะถึงนี้อีกด้วย

http://www.thanonline.com/index.php?option=com_content&view=article&id=103124:---1200-&catid=176:2009-06-25-09-26-02&Itemid=524
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
ap.41
ตอบแทนคุณแผ่นดิน
ผู้ดูแลบอร์ด
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 19,008


ไม่มีเทพไม่มีโปร..มีแต่เราที่จะก้าวไปพร้อมกัน...


« ตอบ #169 เมื่อ: วันที่ 20 มกราคม 2012, 15:30:16 »

เช้าๆที่ท่าเรือ


* DSC_0005_resize.JPG (119.41 KB, 850x569 - ดู 2386 ครั้ง.)

* DSC_0006_resize.JPG (121.14 KB, 850x569 - ดู 2402 ครั้ง.)

* DSC_0007_resize.JPG (118.74 KB, 850x569 - ดู 2398 ครั้ง.)

* DSC_0008_resize.JPG (145.37 KB, 850x569 - ดู 2513 ครั้ง.)

* DSC_0009_resize.JPG (137.81 KB, 850x569 - ดู 2392 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า

corolado4
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,835


บ้านสวน ดอยพระบาท11 (ธารน้ำกรณ์2)


« ตอบ #170 เมื่อ: วันที่ 21 มกราคม 2012, 14:11:30 »

มีภาพทางอากาศมาให้ไว้เก็บเป็นข้อมูล สำหรับท่านที่สนใจครับ


* 550118 Bypass ท่าเรือน้ำลึก 00.jpg (150.5 KB, 773x669 - ดู 6430 ครั้ง.)

* 550118 Bypass ท่าเรือน้ำลึก 01.jpg (130.43 KB, 687x639 - ดู 4116 ครั้ง.)

* 550118 Bypass ท่าเรือน้ำลึก 02.jpg (138.54 KB, 892x619 - ดู 6412 ครั้ง.)

* 550118 Bypass ท่าเรือน้ำลึก 03.jpg (106.8 KB, 937x555 - ดู 3988 ครั้ง.)

* 550118 Bypass ท่าเรือน้ำลึก 04.jpg (99.09 KB, 694x578 - ดู 2489 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า

corolado4
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,835


บ้านสวน ดอยพระบาท11 (ธารน้ำกรณ์2)


« ตอบ #171 เมื่อ: วันที่ 21 มกราคม 2012, 14:15:11 »

ท่าเรือ และชุมชนข้างเคียง
เอาไว้วางแผนพัฒนาพื้นที่โดยรอบ
อย่าให้ขวางลำน้ำกก ยามน้ำหลากล่ะกัน
น้ำเอ่อท่วมชุมชน เดี๋ยวชาวบ้านจะพาลมาโทษความผิดของท่าเรือ


* 550118 Bypass ท่าเรือน้ำลึก 05.jpg (108.51 KB, 715x584 - ดู 6194 ครั้ง.)

* 550118 Bypass ท่าเรือน้ำลึก 06.jpg (110.02 KB, 860x572 - ดู 6153 ครั้ง.)

* 550118 Bypass ท่าเรือน้ำลึก 07.jpg (126.21 KB, 899x582 - ดู 6196 ครั้ง.)

* 550118 Bypass ท่าเรือน้ำลึก 08.jpg (104.83 KB, 818x563 - ดู 6127 ครั้ง.)

* 550118 Bypass ท่าเรือน้ำลึก 09.jpg (87.09 KB, 716x468 - ดู 2419 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า

corolado4
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,835


บ้านสวน ดอยพระบาท11 (ธารน้ำกรณ์2)


« ตอบ #172 เมื่อ: วันที่ 21 มกราคม 2012, 14:16:37 »

ต่ออีกภาพ


* 550118 Bypass ท่าเรือน้ำลึก 10.jpg (90.91 KB, 816x522 - ดู 6299 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า

boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,112


« ตอบ #173 เมื่อ: วันที่ 21 มกราคม 2012, 16:15:48 »

ขออนุญาต แชร์นะครับ ท่าน orolado4 และ่ท่าน Ap1
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,112


« ตอบ #174 เมื่อ: วันที่ 27 มกราคม 2012, 22:43:47 »

ส.ส.เพื่อไทยเชียงราย ชักธงค้านแผนตัดถนนเชื่อมสะพานข้ามโขง 4

เชียงราย - กรรมาธิการคมนาคม-ส.ส.เพื่อไทย ตั้งธงค้านสร้างถนนเชื่อมเมืองเชียงราย-สะพานข้ามโขง 4 บอกไม่ตรงแนวปฏิบัติผู้ค้าชายแดน แถมเลี่ยงเขตชุมชนทั้งที่ชาวบ้านต้องการให้ตัดถนนเข้าพื้นที่ ถึงขั้นพร้อมยกที่วัดให้ ขณะที่นักวิชาการ ม.ราชภัฏเชียงราย ร่วมซักค้านกระทบ “หนองหลวง” เผยพบทุนรับเหมาอิงรัฐบาลก่อนเอี่ยวงานก่อสร้าง




       
       วันนี้ (27 ม.ค.) ที่ห้องประชุมทรัพย์ล้อม สำนักงานแขวงการทาง จ.เชียงราย คณะกรรมาธิการการคมนาคม สภาผู้แทนราษฎร ได้เดินทางไปศึกษาข้อเท็จจริง โครงการก่อสร้างเส้นทางหลวงสาย อ.เมือง-อ.เชียงของ เพื่อเชื่อมต่อโครงข่ายถนนในประเทศกับสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 4 และถนน R3a ไทย-สปป.ลาว-จีนตอนใต้
       
       นายเจือ ราชสีห์ ประธานคณะกรรมาธิการฯ พร้อมคณะได้เชิญกรมทางหลวง สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคประชาชน นักวิชาการ ร่วมรับทราบความคืบหน้าโครงการก่อสร้าง มี นายธีรพัฒน์ รัติธรรมกุล ผู้จัดการโครงการก่อสร้าง และ นายธีรพจน์ วราชิต ตัวแทนจากบริษัทที่ปรึกษาโครงการ ให้ข้อมูล
       
       นายธีรพจน์ กล่าวว่า หลังไทย จีน สปป.ลาว ได้ร่วมกันก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 4 ที่ อ.เชียงของ จ.เชียงราย เชื่อมกับเมืองห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว-ถนน R3a นั้น กรมทางหลวง ได้ศึกษาแนวก่อสร้างถนนภายในประเทศที่รองรับ โดยเฉพาะถนนสาย อ.เมือง-เชียงของ ซึ่งถนนเดิมคับแคบ ระยะทางไกลกว่า 110 กิโลเมตร ดังนั้น จึงได้ทำการศึกษารูปแบบเอาไว้หลายแบบ
       
       แต่ล่าสุดได้คัดเลือกแบบที่เหมาะสมที่สุดได้แล้วโดยสามารถย่นระยะทางเหลือเพียง 92 กิโลเมตร มีจุดเริ่มต้นที่บริเวณบ้านหัวดอย ต.ท่าสาย อ.เมือง ผ่านหนองหลวง อ.เวียงชัย ซึ่งจะมีการก่อสร้างสะพนข้ามหนองน้ำขนาดใหญ่ และเลี่ยงเขตชุมชนใน ต.บ้านต้าตลาด อ.ขุนตาล เพื่อไปเชื่อมกับถนนสาย อ.เทิง-เชียงของ ที่บ้านใหม่พัฒนา ต.ยางฮอม อ.ขุนตาล ที่เป็นถนนสายหลัก 4 ช่องจราจรรอเอาไว้อยู่แล้ว รวมทั้งกำลังศึกษาเพื่อก่อสร้างถนนไปทาง อ.ขุนตาล
       
       รูปแบบถนนสายใหม่จะเป็น 4 ช่องจราจรเขตทางกว้าง 30-60 เมตร ความกว้างช่องจราจร 3.50 เมตร ไหล่ทาง 2.50 เมตร แบ่งเป็น 3 ช่วง รวมงบประมาณทั้งหมดประมาณ 1,000 ล้านบาท
       
       ทั้งนี้ ตลอด 1 ปีที่ผ่านมา โครงการได้ศึกษา และพบปะประชาชนจนออกแบบให้เส้นทางเลี่ยงเขตชุมชนหลายพื้นที่ของ อ.ขุนตาล และ อ.พญาเม็งราย ซึ่งหลายแห่งต้องการให้ถนนผ่านหมู่บ้านเพื่อความเจริญแต่หลายแห่งไม่ต้องการ ซึ่งทางโครงการฯ ต้องดูความเหมาะสมเพราะต้องใช้เขตทางกว้าง ขณะที่หลายแห่งกว้างแค่ 10-20 เมตร
       
       ด้าน น.ส.ศิริรัตน์ อิฐรัตน์ ตัวแทนจาก สนข.กล่าวว่า สนข.รับผิดชอบศึกษาความเหมาะสมเรื่องความจำเป็นเรื่องโครงข่ายที่เชื่อมโยงถนน R3a และสะพานแม่น้ำโขงแห่งที่ 4 ซึ่งมีแผนที่จะเสนอของบประมาณก่อสร้างในปี 2556-2557 นี้ เพื่อรองรับการขนส่งสินค้าของถนนอาร์สามเอเป็นสำคัญ
       
       อย่างไรก็ตาม ในที่ประชุมนายรังสรรค์ วันไชยธนวงศ์ โฆษกคณะกรรมาธิการฯ และเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) เชียงราย พรรคเพื่อไทย ได้นำทีมคัดค้านในหลายเรื่องทั้งความคุ้มค่า ผลกระทบ ความต้องการชุมชน ฯลฯ โดยระบุว่า ไม่เข้าใจเรื่องแนวคิดการก่อสร้าง ซึ่งเน้นใช้เพื่อประโยชน์ในการขนส่งสินค้าเป็นสำคัญ
       
       ทั้งที่ปัจจุบันผู้ประกอบการค้าชายแดนใช้เส้นทางขนส่งสินค้าจาก อ.เชียงของ-เทิง ไปทาง อ.จุน-ดอกคำใต้ จ.พะเยา เพื่อเชื่อมกับถนนพหลโยธินไปยังกรุงเทพฯ แต่กรมทางหลวงกลับสร้างถนนสายใหม่เชื่อมกับ อ.เมือง เป็นการดึงการจราจรสู่ตัวเมืองเชียงราย ที่เริ่มคับคั่งมากขึ้น
       
       “ที่น่าตกใจเมื่อทราบว่า ถนนสายนี้เป็นเพียงสายรอง แต่กลับจะมีการเสนอเพื่อการก่อสร้างก่อน ดังนั้น มีแนวคิดว่าสร้างถนนสายนี้เพื่อการขนส่งถือว่าผิด 100%”
       
       นายรังสรรค์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ หากก่อสร้างถนนจะต้องสร้างสะพานข้ามหนองหลวงใน อ.เวียงชัย ซึ่งจะกระทบต่อวิถีชีวิตและสิ่งแวดล้อม ขณะเดียวกัน แนวของเส้นทางยังตัดเลี่ยงชุมชนหลายพื้นที่ เช่น อ.พญาเม็งราย ซึ่งตนได้พบปะชาวบ้านพบว่าชาวบ้านต้องการให้ถนนผ่านชุมชนพวกเขามาก วัดบางวัดถึงขั้นสามารถให้พังกำแพงวัดเพื่อใช้เป็นถนนได้เลยด้วย ดังนั้น จึงขอให้มีการทบทวนพิจารณาเรื่องนี้ให้ละเอียดด้วย
       
       นายชัยยา นาสมทรง นักวิชาการจากมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย กล่าวว่า หนองหลวงมีเนื้อที่ประมาณ 10,000 ไร่ เป็นแหล่งน้ำเพื่อการเกษตร การท่องเที่ยว มีปลาและนกอพยพ ชาวบ้านใช้เพื่อการประมง รวมทั้งคณะรัฐมนตรีมีมติให้เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำอันดับ 2 ของประเทศไทย ต่อมาจึงมีมติให้ทบทวนโครงการกอสร้างทุกอย่างในหนองหลวง โดยมีข้อห้ามต่างๆ มากมาย จึงเห็นว่าโครงการก่อสร้างฯ ไม่น่าจะทำได้เพราะจะกระทบหลายเรื่อง เช่น สิ่งแวดล้อม วิถีชีวิต รบกวนนกอพยพ ฯลฯ
       
       ด้านคณะจากบริษัทที่ปรึกษาโครงการก่อสร้าง ได้ชี้แจงว่า สาเหตุที่ไม่ก่อสร้างผ่านเส้นทางชุมชน เพราะคับแคบเพียง 5-20 เมตร และหากผ่านเขตวัด แม้จะบริจาคที่ดินเพื่อการก่อสร้างแต่ต้องใช้พระราชบัญญัติในการยกมอบให้ เพราะเป็นที่ดินของสงฆ์ ซึ่งอาจใช้เวลาร่วม 4-5 ปีจึงจะได้ข้อยุติ
       
       ส่วนกรณีของหนองหลวงถือเป็นหนองน้ำขนาดใหญ่นั้น จะมีการก่อสร้างถนนตลอดแนวความยาวเพียงประมาณ 560 เมตร และตัวสะพานที่อยู่เหนือหนองน้ำจริงๆ จะยาวเพียงประมาณ 30 เมตร และบนบกด้านข้างอีกข้างละ 20 เมตรเท่านั้น จึงจะมีเสาตอม่อไม่กี่เสา รวมทั้งจะมีจุดชมวิวตรงขอบสะพานให้ด้วยจึงส่งเสริมการท่องเที่ยวไปในตัว
       
       กรณีมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับพื้นที่ชุ่มน้ำดังกล่าว ทางโครงการรับทราบแล้ว แต่ยืนยันว่า กรณีนี้มีข้อกำหนดให้ใช้การศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม หรือ อีไอเอ โดยไม่ต้องเสนอต่อคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ก็สามารถก่อสร้างได้ นอกจากนี้ โครงการได้ศึกษาความคุ้มทุนพบว่าคุ้มทุนเพราะจะมีการจราจรขนส่งผ่านเส้นทางวันละกว่า 2,000-6,000 คัน
       
       หลังจากถกประเด็นกันได้ระยะหนึ่ง นายเจือ ราชสีห์ ประธานคณะกรรมาธิการ ได้แจ้งให้มีการรวบรวมประเด็นปัญหาทุกอย่างเอาไว้ เพื่อทำการศึกษา และเสนอไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้รับทราบ ก่อนจะนำคณะสำรวจเส้นทางเพื่อศึกษาข้อเท็จจริงตามขั้นตอนต่อไป
       
       ทั้งนี้ โครงการก่อสร้างถนนหลายสายดำเนินการในช่วงรัฐบาลชุดที่ผ่านมา โดยมีเอกชนที่รับเหมาก่อสร้าง ซึ่งใกล้ชิดกับนักการเมืองในรัฐบาลก่อน เข้าไปก่อสร้างเส้นทางบางส่วนด้วย


http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9550000012275
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,112


« ตอบ #175 เมื่อ: วันที่ 31 มกราคม 2012, 20:46:19 »

เจ้าท่า"ล้อมคอก หลังน้ำท่วมใหญ่ ทุ่มกว่า1.2พันล. ขุดลอกคูคลอง


 นายถวัลย์รัฐ อ่อนศิระ อธิบดีกรมเจ้าท่า(จท.) กระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า กรมฯได้รับงบประมาณในการขุดลอกคูคลองฟื้นฟูสภาพแม่น้ำหลังอุทกภัย ในวงเงินงบประมาณ1,215ล้านบาท คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในเดือนกุมภาพันธ์2555นี้ และจะต้องแล้วเสร็จภายใน 180 วัน เมื่อการขุดลอกแล้วเสร็จจะเป็นกลไลหนึ่งที่จะช่วยระบายน้ำได้ดีขึ้น บรรเทาปัญหาน้ำท่วมได้

 "การ ขุดลอกฟื้นฟูสภาพแม่น้ำลำคลองครั้งนี้ จะเริ่มดำเนินการได้ในเดือนกุมภาพันธ์โดยแนวทางการ ดำเนินการจะขุดลอกให้กว้างขึ้นและลึกขึ้น และซ่อนแซมตลิ่งที่ได้รับความเสียหาย โดยใช้ดินบดอัดขึ้นมาทำแนวตลิ่ง" นายถวัลย์รัฐ กล่าว

 นอกจากนี้ กรมฯจะเดินหน้าขุด3แม่น้ำหลัก คือแม่น้ำท่าจีน แม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำบางปะกง โดยจะเริ่มในเดือนกุมภาพันธ์เช่นกัน ในส่วนของการขุดลอกแม่น้ำท่าจีนและแม่น้ำเจ้าพระยาใช้งบ ประมาณขุดบอกรวม277ล้านบาท

 นายถวัลย์รัฐ กล่าวถึงความคืบหน้าของการก่อสร้าง ท่าเรือเชียงแสน2 จ.เชียงรายว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จในเดือนกุมภาพันธ์ และจะเปิดให้บริการในวันที่1เมษายน 2555โดยมติครม.ได้สั่งการให้ ท่าเรือเชียงแสน2เป็นจุดบริการแบบจุดเดียวครบวงจร หรือ วันสต็อปเซอร์วิส
วันที่ 31/1/2012
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,112


« ตอบ #176 เมื่อ: วันที่ 03 กุมภาพันธ์ 2012, 22:39:18 »

LOGISTIC CORNER กรมเจ้าท่ากับ 4 นโยบายสำคัญปี 55

  ฉบับที่ 1272 ประจำวันที่ 4-2-2012  ถึง 7-2-2012 ]
 
“กรมเจ้าท่า” ได้จัดทำนโยบายเร่งด่วน เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล โดยมีนโยบายที่สำคัญ 4 นโยบาย ในปี 2555 ดังนี้

1.นโยบายด้านการส่งเสริมให้มีการบริหารจัดการน้ำอย่างบูรณาการและเร่งรัดขยายเขตพื้นที่ชลประทาน โดยเร่งให้มีการบริหารจัดการน้ำในระดับประเทศอย่างมีประสิทธิภาพให้สามารถป้องกันปัญหาอุทกภัยและภัยแล้งได้ ฟื้นฟูการขุดลอกคูคลอง และแหล่งน้ำธรรมชาติที่มีอยู่เดิม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำและการผลิต ได้แก่ งานขุดลอกฟื้นฟูแม่น้ำสายหลัก และแม่น้ำสาขาเพื่อแก้ไขปัญหาอุทกภัยและภัยแล้ง เพื่อฟื้นฟูสภาพแม่น้ำสายหลักและแม่น้ำสาขา ให้เป็นพื้นที่ที่มีความ สามารถในการรองรับปริมาณน้ำ และระบายน้ำตามธรรมชาติได้สะดวกและรวดเร็วดียิ่งขึ้น

2.นโยบายเร่งนำสันติสุขในชีวิตและ ทรัพย์สินของประชาชนกลับมาสู่พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยพัฒนาด้านเศรษฐกิจและสังคม ได้แก่ การจ้างเหมาขุดลอกร่องน้ำชายฝั่งทะเลที่บริเวณต่างๆ (ร่องน้ำปัตตานี, ร่องน้ำนราธิวาส, สายบุรี, ร่องน้ำปานาเระ, บางมะรวด, บางพารา และไม้แก่น จ.ปัตตานี)

3.นโยบายเร่งฟื้นฟูความสัมพันธ์และพัฒนาความร่วมมือกับประเทศเพื่อน บ้านและนานาประเทศ ตลอดจนการเชื่อม โยงเส้นทางคมนาคมขนส่งภายในและภายนอกภูมิภาค ได้แก่ การจัดสร้างท่าเรือ อเนกประสงค์คลองใหญ่ (ปี 2552-2555 วงเงินรวม 1,295.10 ลบ.) ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการ, ท่าเรือเชียงแสนที่ 2 จ.เชียงราย (ปี 2552-2555 วงเงินรวม 1,546.40 ลบ.) ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนิน การ, จัดหาระบบติดตามเรือสินค้าและเรือ โดยสารในเขตท่าเรือเชียงแสน จ.เชียงราย ขอตั้งงบประมาณปี 2555 แล้ว แต่ไม่ได้รับจัดสรร ซึ่งจะได้ขอตั้งงบประมาณปี 2556 มาดำเนินการต่อไป

4.นโยบายด้านการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่ง ระบบประปา และระบบไฟฟ้าให้กระจายไปสู่ภูมิภาคอย่างทั่วถึงเพียงพอ รวมทั้งส่งเสริมการประหยัดพลังงานและลดต้นทุนการขนส่งเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน พร้อม ทั้งสร้างโอกาสการกระจายรายได้ กระจาย เศรษฐกิจ และกระจายการลงทุนสู่ชนบท รวมทั้งกำกับดูแลอัตราค่าบริการที่สอดคล้องกับสภาพพื้นที่และกลุ่มผู้ได้รับ ประโยชน์และการคุ้มครองผู้บริโภค ได้แก่

(1) การพัฒนาท่าเรือลอจิสติกส์ ได้แก่ งานก่อสร้างเขื่อนยกระดับในแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำน่านเพื่อการเดินเรือเพื่อเพิ่มขีดความสามารถการเดินเรือในแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำน่าน, งานก่อสร้างท่าเรือที่จังหวัดชุมพร เพื่อการขนส่งเชื่อมโยงระหว่างภาคใต้ตอนบนและภาคตะวันออกเชื่อมไปสู่ฝั่งตะวันตก, งานก่อสร้างสถานีขนส่งสินค้าทางลำน้ำเพื่อการประหยัดพลังงาน จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งได้ดำเนินการแล้วเสร็จ อบต.ศาลาลอยอยู่ระหว่างการพิจารณาเข้าเป็นผู้บริหาร และการพัฒนาท่าเรือน้ำลึกบริเวณชายฝั่งทะเลอ่าวไทยตอนล่าง (ท่าเรือน้ำลึกสงขลา แห่งที่ 2 เพื่อรองรับการค้าระหว่างประเทศที่มีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้น)

(2) งานพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ เช่น การสร้างเขื่อน ท่าเรือ ขุดลอกร่องน้ำ และการกำกับดูแลการขนส่งทางน้ำ รวมทั้งการผลิตบุคลากรพาณิชยนาวี

ทั้งหมดนี้ เพื่อเจตนารมย์อันมุ่งมั่น ดังสโลแกนที่ว่า “เสริมสร้างความปลอดภัย พัฒนาทางน้ำก้าวไกล นำ พาณิชยนาวีไทยสู่สากล”

http://www.siamturakij.com/home/news/display_news.php?news_id=413357710
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
ap.41
ตอบแทนคุณแผ่นดิน
ผู้ดูแลบอร์ด
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 19,008


ไม่มีเทพไม่มีโปร..มีแต่เราที่จะก้าวไปพร้อมกัน...


« ตอบ #177 เมื่อ: วันที่ 05 กุมภาพันธ์ 2012, 20:32:27 »

นายถวัลย์รัฐ กล่าวถึงความคืบหน้าของการก่อสร้าง ท่าเรือเชียงแสน2 จ.เชียงรายว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จในเดือนกุมภาพันธ์ และจะเปิดให้บริการในวันที่1เมษายน 2555โดยมติครม.ได้สั่งการให้ ท่าเรือเชียงแสน2เป็นจุดบริการแบบจุดเดียวครบวงจร หรือ วันสต็อปเซอร์วิส
วันที่ 31/1/2012

เห็นเร่งทำงานทั้งวันทั้งคืนในการขุดลอกแม่น้ำโขง วันนี้เอาภาพล่าสุดมาให้ชม


* DSC_0027.JPG (211.23 KB, 904x606 - ดู 5475 ครั้ง.)

* DSC_0028.JPG (201.29 KB, 904x606 - ดู 5351 ครั้ง.)

* DSC_0029.JPG (217.66 KB, 904x606 - ดู 5381 ครั้ง.)

* DSC_0030.JPG (196.33 KB, 904x606 - ดู 5363 ครั้ง.)

* DSC_0031.JPG (177.09 KB, 904x606 - ดู 5227 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า

boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,112


« ตอบ #178 เมื่อ: วันที่ 07 กุมภาพันธ์ 2012, 22:43:02 »

พาณิชย์หนุน 3 อำเภอเชียงรายเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน


นายเฉลิมพล พงศ์ฉบับนภา พาณิชย์จังหวัดเชียงราย เปิดเผยว่าจากการประชุมครม.สัญจร ที่จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2555 ซึ่งครม.มีมติเห็นชอบให้จัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนแม่สาย เชียงแสน และเชียงของ ของจ.เชียงราย โดยศักยภาพพื้นที่ทั้ง 3 อำเภอชายแดนมีจุดเด่นและลักษณะพิเศษที่แตกต่างกัน โดยอำเภอแม่สาย มีศักยภาพด้านการค้า บริการ การท่องเที่ยว และแรงงานข้ามชาติ อำเภอเชียงแสน มีศักยภาพดเานการลงทุนในอุตสาหกรรมเกษตร และการท่องเที่ยวทางน้ำ และอำเภอเชียงของ มีศักยภาพด้านโลจิสติกส์ และอุตสาหกรรมการเกษตร การลงทุนเน้นทำในรูปคอนเทร็กฟาร์มมิ่งใน สปป.ลาว และนำกลับมาบริหารจัดการ หรือ ส่งออกไปยังจีนในลักษณะการค้าข้ามแดน

ทั้งนี้จังหวัดเชียงรายมีอำเภอชายแดนที่มีศักยภาพถึง 3 พื้นที่ซึ่งสามารถผลักดันและยกระดับให้เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนได้ เพราะมีชายแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้านถึง 2 ประเทศ คือ พม่า และ สปป.ลาว รวมทั้งยังมีการค้าข้ามพรมแดนกับสาธารณรัฐประชาชนจีน ผ่านแม่น้ำโขงและเส้นทางอาร์ 3 เอ ที่เชื่อมระหว่าง ไทย-ลาว-จีน ผ่าน เชียงของ-ห้วยทราย-หลวงน้ำทา-บ่อเต็น-บ่อหาน-สิบสองปันนา-คุนหมิง

นายเฉลิมพล กล่าวว่า จ.เชียงราย เป็นส่วนสำคัญของระเบียบเศรษฐกิจอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง และส่งผลต่อจังหวัดต่างๆในภาคเหนือทั้ง 13 จังหวัด ที่อยู่ในแนวเส้นทางเศรษฐกิจเหนือ-ใต้ หรือ นอร์ทเซ้าท์ อีโคโนมิก คอรีดอร์ ซึ่งข้อดีของเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแเดน คือ ทำให้ระบบการค้ามีความเป็นสากลและโปร่งใสมากขึ้น และยังแก้ไขปัญหาแรงงานเถื่อน รวมทั้งยังทำให้ต้นทุนของการลงทุนลดลงด้วย

อย่างไรก็ตามการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน ระบบโลจิสติกส์มีความสำคัญมากพอสมควร โดยเฉพาะเส้นทางบกจากจ.เชียงรายเชื่อมไปยังพื้นที่ต่างๆในภูมิภาค การพัฒนาระบบโลจิกสติกส์ไม่ควรล่าช้าเนื่องจากขณะนี้ประเทศเพื่อนบ้านโดยเฉพาะจีนได้รุกเข้ามาแล้ว ซึ่งจีนมีความต้องการสินค้าจากไทยมาก และต้องการขยายเส้นทางออกไปสู่ทะเล เพราะจีนมีพื้นที่ที่สามารถเพาะปลูกได้เพียง 20%

http://breakingnews.nationchannel.com/read.php?newsid=551428
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,112


« ตอบ #179 เมื่อ: วันที่ 08 มีนาคม 2012, 10:55:04 »

ดีเดย์ 1 เม.ย. เปิดบริการท่าเรือเชียงแสน 2

กทท.พร้อมเปิดบริการ "ท่าเรือเชียงแสน 2" 1 เม.ย.นี้  เชื่อว่าหากเปิดท่าเรือแห่งใหม่แล้ว จะมีเรือมาใช้บริการเพิ่มขึ้น และมีมูลค่าการค้าเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน...

เมื่อวันที่ 8 มี.ค. นายเฉลิมชัย มีคุณเอี่ยม ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) เปิดเผยถึงความพร้อมในการเปิดให้บริการท่าเรือแม่น้ำโขง เชียงแสน แห่งที่ 2 บริเวณปากแม่น้ำกก อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงรายว่า ในวันที่ 1 เม.ย. นี้ ท่าเรือเชียงแสน 2 พร้อมเปิดให้บริการอย่างแน่นอน โดยขณะนี้มีปัญหาบ้างเล็กน้อย เช่น กรมเจ้าท่า ขุดลอกแม่น้ำ พบหินทำให้การขุดลอกลำบากขึ้น โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เช่น กรมเจ้าท่า ด่านตรวจคนเข้าเมือง ด่านศุลกากร องค์การอาหารและยา จะย้ายไปอยู่ในท่าเรือแห่งใหม่ทั้งหมด และในวันที่ 20 -21 มี.ค. ผู้บริหารกระทรวงคมนาคม จะมาตรวจความพร้อมอีกครั้ง

"ตอนนี้รอกรมเจ้าท่า ประกาศที่จะให้เรือทุกลำต้องจอดในท่าเรือเชียงแสน 2 เท่านั้น ห้ามมีการจอดเรือตามชายฝั่งเหมือนตอนสมัยใช้ท่าเรือเชียงแสน 1 เพราะตอนนั้นท่าเรือเชียงแสน 1 มีพื้นที่จำกัด ทำให้แออัด แต่ท่าเรือแห่งใหม่ มีพื้นที่กว้างถึง 387 ไร่ 1 งาน 44 ตารางวา และเชื่อว่าหากเปิดท่าเรือแห่งใหม่แล้ว จะมีเรือมาใช้บริการเพิ่มขึ้น และมีมูลค่าการค้าเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน" นายเฉลิมชัย กล่าว

นายถวัลย์รัฐ อ่อนศิระ อธิบดีกรมเจ้าท่า กล่าวว่า ขณะนี้กรมเจ้าท่าอยู่ระหว่างขุดลอกร่องน้ำบริเวณท่าเรือเชียงแสน 2 เพื่ออำนวยความสะดวกแก่เรือขนส่งสินค้าที่จะเข้ามาใช้บริการในท่าเรือเชียงแสน 2 คาดว่าจะสามารถดำเนินการทุกอย่างให้แล้วเสร็จ 100% ในวันที่ 20 มี.ค.นี้อย่างแน่นอน ส่วนการประชาสัมพันธ์เพื่อเชิญชวนเจ้าของเรือขนส่งสินค้า ขณะนี้กรมเจ้าท่ามีแผนการดำเนินงานอยู่แล้ว คาดว่าเมื่อทุกอย่างพร้อมจะเร่งประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการเรือทั้งหมดรับทราบ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ท่าเรือเชียงแสนมีมูลค่าการค้าชายแดน รวมปีละกว่า 11,000 ล้านบาท แยกเป็นการส่งออกประมาณ 9,000 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นชิ้นส่วนไก่แช่แข็ง น้ำมันปาล์ม เครื่องดื่ม ฯลฯ นำเข้าประมาณ 1,000 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นผลไม้และพืชผัก และสินค้าผ่านแดนประมาณ 1,000 ล้านบาท โดยการค้าส่วนใหญ่เป็นการค้ากับจีน และใช้เรือสินค้าสัญชาติจีนเป็นหลัก ทั้งนี้ ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ก็พบว่า มีการส่งออกแล้วกว่า 892,277,892.57 บาท และนำเข้า 39,999,775.67 บาท.

http://www.thairath.co.th/content/eco/243903
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
หน้า: 1 2 3 4 5 6 7 8 [9] 10 11 12 13 14 15 16 พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!