เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 26 เมษายน 2024, 00:11:02
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  การเกษตร,ฟาร์มสัตว์,ปศุสัตว์ (ผู้ดูแล: bm farm)
| | |-+  ----[ จำหน่ายมูลไส้เดือน 100%, น้ำหมักมูลไส้เดือน และชุดทดลองเลี้ยงไส้เดือน ]----
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: 1 [2] 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 ... 19 พิมพ์
ผู้เขียน ----[ จำหน่ายมูลไส้เดือน 100%, น้ำหมักมูลไส้เดือน และชุดทดลองเลี้ยงไส้เดือน ]----  (อ่าน 36307 ครั้ง)
warut wongthiangtham
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 123



« ตอบ #20 เมื่อ: วันที่ 11 พฤศจิกายน 2013, 01:45:40 »

อยากได้ไส้เดือน ตัวเป็นๆอะครับ มีขายไหมครับ ราคาเท่าไหร่ครับ
IP : บันทึกการเข้า
ฟาร์มไส้เดือนงามดี สาขาเชียงราย
จำหน่ายมูลไส้เดือนแท้ 100% (เชียงราย) Tel.084-545-6163
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 705


จำหน่ายมูลไส้เดือนแท้ 100% (เชียงราย)


« ตอบ #21 เมื่อ: วันที่ 16 พฤศจิกายน 2013, 16:46:01 »

อยากได้ไส้เดือน ตัวเป็นๆอะครับ มีขายไหมครับ ราคาเท่าไหร่ครับ

ถึงคุณ arut  wongthiangtham

มีครับ แต่ขายเป็นชุดนะครับ ชุดหนึ่งจะประกอบด้วย กะละมังที่ใช้เลี้ยง, ไส้เดือนครึ่งกิโลและเอกสารพร้อมวิธีการเลี้ยงนะครับ ทั้งหมดนี้ตกชุดละ 1,000 บาทครับ ถ้ายังไงสนใจติดต่อได้ที่เบอร์ 084-5456163 ได้นะครับ ทางเราจะจัดส่งฟรีถ้าอยู่รอบตัวเมืองเชียงรายนะครับ (ส่งฟรีพร้อมแนะนำทุกอย่างเกี่ยวกับการเลี้ยงไส้เดือนทั้งหมดครับ)

ฟาร์มบ้านมูลไส้เดือน เชียงราย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 07 เมษายน 2014, 22:37:06 โดย Harmonious » IP : บันทึกการเข้า

ฟาร์มไส้เดือนงามดี สาขาเชียงราย
จัดจำหน่าย มูลไส้เดือนแท้ 100%

("คนเลี้ยงดิน ดินเลี้ยงพืช พืชเลี้ยงคน")

โทรศัพท์ : 084-545-6163
ฟาร์มไส้เดือนงามดี สาขาเชียงราย
จำหน่ายมูลไส้เดือนแท้ 100% (เชียงราย) Tel.084-545-6163
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 705


จำหน่ายมูลไส้เดือนแท้ 100% (เชียงราย)


« ตอบ #22 เมื่อ: วันที่ 19 พฤศจิกายน 2013, 09:02:42 »

เกร็ดความรู้วันละนิด ชีวิตแจ่มใส #5

"กระเทียมดำ" หรือ "Black Garlic"

ประมาณ 5 ปีที่แล้ว ประเทศเกาหลีได้ออกมาเผยแพร่ข้อมูลสู่วงการอาหารและวงการแพทย์ถึงสิ่งที่เรียกว่า"กระเทียมดำ" หรือ "Black Garlic" โดยกระเทียมดำเกิดจากการผ่านกระบวนการอบบ่ม(Fermentation) ที่อุณหภูมิสูงในสภาวะที่มีความชื้น เป็นเวลา 50-60 วัน จนกระเทียมขาวที่มีสีปกติ กลายเป็นสีดำ และพบว่ากระเทียมดำมีกรดอะมิโน 18 ชนิด โปรตีน เอนไซม์ SOD และโพลีฟีนอล ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ร่างกายดูดซึมได้ง่าย และมีสารที่เป็นประโยชน์มากกว่ากระเทียมขาวปกติ หลายเท่าตัว

IP : บันทึกการเข้า

ฟาร์มไส้เดือนงามดี สาขาเชียงราย
จัดจำหน่าย มูลไส้เดือนแท้ 100%

("คนเลี้ยงดิน ดินเลี้ยงพืช พืชเลี้ยงคน")

โทรศัพท์ : 084-545-6163
ฟาร์มไส้เดือนงามดี สาขาเชียงราย
จำหน่ายมูลไส้เดือนแท้ 100% (เชียงราย) Tel.084-545-6163
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 705


จำหน่ายมูลไส้เดือนแท้ 100% (เชียงราย)


« ตอบ #23 เมื่อ: วันที่ 20 พฤศจิกายน 2013, 20:25:06 »

เกร็ดความรู้วันละนิด ชีวิตแจ่มใส #6

ถั่วงอก

เรื่อง กินอะไรขาวมากไปก็ไม่ดี

อาหารหลายชนิดมักใช้สารฟอกขาวนี้ เพื่อทำให้อาหารมีสีที่น่ารับประทาน จากการฟอกสีในอาหาร และยังใช้เพื่อยับยั้งการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์

ในบรรดาสารปนเปื้อนในอาหารที่จะก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพของผู้บริโภค สารฟอกขาว หรือสารเคมีในกลุ่มซัลเฟอร์ฯ จัดเป็นสารปนเปื้อนอีกชนิดที่ทั้งหน่วยงานภาครัฐและผู้บริโภคอย่างเรา ต้องระมัดระวังกันให้มาก เพราะในปัจจุบันอาหารหลายชนิดมักใช้สารฟอกขาวนี้ เพื่อทำให้อาหารมีสีที่น่ารับประทานจากการฟอกสีในอาหาร และยังใช้เพื่อยับยั้งการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์อีกด้วย

ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (Sulphur dioxide) เป็นสารเคมีตัวหนึ่งในกลุ่มซัลไฟต์ หรือสารฟอกขาวที่มีคุณสมบัติในการยับยั้งการเปลี่ยนสีของอาหารไม่ให้เป็นสีน้ำตาลยับยั้งการเจริญเติบโตของยีสต์ รา แบคทีเรีย หากใช้ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ในปริมาณที่พอเหมาะจะไม่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภคทั่วไป แต่จะมีผลกระทบต่อผู้บริโภคที่แพ้สารนี้ ทำให้เกิดโรคหืด มีอาการแน่นหน้าอก คันคอ หรือเป็นผื่นคัน เป็นแผลพุพองซึ่งทางด้านองค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO/WHO) ได้กำหนดค่าการบริโภคซัลเฟอร์ไดออกไซด์ในแต่ละวัน ที่ได้รับไม่เกิน 0.7 มิลลิกรัมต่อคนต่อวัน ถ้าคนน้ำหนักตัว 60 กิโลกรัม จะรับซัลเฟอร์ไดออกไซด์ในระดับที่ปลอดภัยได้ 42 มิลลิกรัมต่อวัน ทั้งนี้ เกณฑ์มาตรฐานตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขกำหนดให้พบปริมาณซัลเฟอร์ไดออกไซด์ได้ไม่เกิน 1,500 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม

จากการเฝ้าระวังและตรวจวิเคราะห์อาหารแห้งของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ยังคงตรวจพบว่ามีสารฟอกขาวซัลเฟอร์ไดออกไซด์ตกค้างอยู่ในอาหารแห้ง เช่น ดอกไม้จีน เยื่อไผ่ เห็ดหูหนูขาว เก๋ากี้ และยังตรวจพบในอาหารกลุ่มผัก-ผลไม้แห้ง ถั่วงอก แป้ง เส้นก๋วยเตี๋ยว ไปจนถึงน้ำตาลปี้บอีกด้วย และปัจจุบันพบว่า มีการนำสารซัลเฟอร์ไดออกไซด์มาใช้ผิดวัตถุประสงค์ คือ การนำไปใช้เป็นสารฟอกสีในพืชผักสด เช่น หัวไชเท้าสด ขิง หน่อไม้ ถั่วงอก เพื่อรักษาสภาพความสด และเพิ่มความขาวให้น่ารับประทาน สิ่งนี้ถือว่าเป็นอันตรายอย่างยิ่งสำหรับผู้บริโภคเพราะถ้าร่างกายได้รับสารเหล่านี้ สารจะถูกออกซิไดซ์เป็นซัลเฟตแล้วขับออกทางปัสสาวะ ถ้าขับไม่หมดก็จะไปลดประสิทธิภาพของการใช้ไขมันและโปรตีนในร่างกาย และทำลายวิตามินบี 1 ในอาหารได้ และถ้าสารชนิดนี้สะสมในร่างกายมากๆ จะทำให้หายใจติดขัด ปวดท้อง ท้องร่วง เวียนศีรษะ อาเจียน ไปจนถึงหมดสติได้

วิธีเลี่ยงสารฟอกขาวอย่างง่ายๆ คือ การหัดเป็นคนช่างสังเกต เลือกรับประทานอาหารที่มีสีธรรมชาติ ไม่ขาวจนเกินไป เลี่ยงอาหารกลุ่มเสี่ยงที่ตรวจพบบ่อยดังที่ได้กล่าวมาข้างต้น หรือหากจำเป็นต้องรับประทาน ควรจะเลือกอาหารเหล่านี้จากผู้ขายและแหล่งผลิตที่เชื่อถือได้กัน อาจใช้วิธีนานๆ ทานเสียที ก็น่าจะช่วยลดความเสี่ยงให้ร่างกายในการได้รับสารฟอกขาวในปริมาณสูงเกินไป

ผู้เขียนเองเคยเลือกซื้อลำไยอบแห้งตอนที่เดินทางไปจังหวัดเชียงใหม่มาให้กับเพื่อนที่ฝากซื้อ เชื่อไหมว่าในร้านๆ เดียวกัน ลำไยอบแห้งมีหลายเฉดสีให้เราเลือก ตั้งแต่สีเหลืองทองสวยงามไปจนถึงสีคล้ำเกือบดำ และสนนราคาก็แพงเรียงลำดับจากสีอ่อน ไปจนถึงสีเข้มที่ถูกที่สุด คุณผู้อ่านที่รักสุขภาพลองนึกภาพตามนะว่า ธรรมชาติแล้วน้ำตาลหากโดนความร้อนสีของน้ำตาลก็จะค่อยเปลี่ยนไปๆ มีสีคล้ำขึ้น เคยเห็นน้ำตาลที่โดนความร้อนจนกลายเป็นสีคาราเมลกันใช่ไหม ดังนั้นลำไยอบแห้งที่ต้องสงสัยว่ามีการใช้สารฟอกขาวมากที่เราควรระมัดระวังก็คือ กลุ่มที่มีสีเหลืองทองนั่นเอง

ทางกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ก็ได้ศึกษาการลดปริมาณซัลเฟอร์ไดออกไซด์ในดอกไม้จีน และเห็ดหูหนูก่อนนำไปปรุงอาหาร เพื่อใช้เป็นแนวทางในการลดปริมาณซัลเฟอร์ไดออกไซด์ในผักแห้งอื่นๆ และเป็นข้อมูลสำหรับผู้บริโภค จากการศึกษาพบว่า หากนำดอกไม้จีนมาล้างน้ำจะลดปริมาณซัลเฟอร์ไดออกไซด์ได้มากกว่าการแช่น้ำ โดยลดได้มากกว่าร้อยละ 90 สำหรับเห็ดหูหนู ควรนำมาล้างน้ำและลวกในน้ำเดือด 2 นาทีก่อนนำไปปรุงอาหาร จะทำให้สามารถลดปริมาณซัลเฟอร์ไดออกไซด์ได้ร้อยละ 90 เช่นกัน โดยผู้บริโภคสามารถนำผลการศึกษานี้ไปใช้ประโยชน์ในการปรุงอาหารเพื่อลดความเสี่ยงในการรับสารซัลเฟอร์ไดออกไซด์

ทั้งนี้ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้ประสานงานกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ในการดำเนินมาตรการควบคุมปริมาณสารซัลเฟอร์ไดออกไซด์ในผลิตภัณฑ์อาหารนำเข้าเพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภคแล้ว ในส่วนของผู้ประกอบการที่มีการใช้ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ในการผลิตอาหาร ก็ควรแสดงฉลากเพื่อเตือนให้ผู้บริโภคที่แพ้ หรือมีความไวต่อสารนี้ได้รับทราบกันด้วย

ทราบกันอย่างนี้แล้วผู้รักและใส่ใจสุขภาพคงได้ทราบถึงเทคนิคในการเลี่ยง และเลือกรับประทานอาหารที่มีความเสี่ยงในการปนเปื้อนของสารฟอกขาวเกินกำหนด ไปจนถึงวิธีการลดปริมาณสารฟอกขาวตกค้างในอาหารลงเพื่อให้เราได้รับประทานอาหารกันอย่างปลอดภัย ไร้สารฟอกขาวกันอีกต่อไป เพื่อสุขภาพที่ดีของเราและคนที่เรารักในระยะยาว


(ที่มา : สสส./by สาระแห่งสุขภาพ)


IP : บันทึกการเข้า

ฟาร์มไส้เดือนงามดี สาขาเชียงราย
จัดจำหน่าย มูลไส้เดือนแท้ 100%

("คนเลี้ยงดิน ดินเลี้ยงพืช พืชเลี้ยงคน")

โทรศัพท์ : 084-545-6163
ฟาร์มไส้เดือนงามดี สาขาเชียงราย
จำหน่ายมูลไส้เดือนแท้ 100% (เชียงราย) Tel.084-545-6163
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 705


จำหน่ายมูลไส้เดือนแท้ 100% (เชียงราย)


« ตอบ #24 เมื่อ: วันที่ 24 พฤศจิกายน 2013, 20:11:50 »

เกร็ดความรู้วันละนิด ชีวิตแจ่มใส #7

มะพร้าวหอม

เรื่อง เคล็ดลับ(ทำยังไง)ปลูกมะพร้าวน้ำหอมให้ลูกดกและรสชาติดี

เรื่องมีอยู่ว่ามีชาวมาเลย์คนหนึงจะขายสวนมะพร้าวน้ำหอมหลายสิบไร่ เพราะมะพร้าวไม่ค่อยติดลูก มีชาวจีนมาขอซื้อ คนมาเลย์คิดจะแกล้งจึงใส่เกลือบนต้นมะพร้าวก่อนจะขาย นึกว่าต้นมะพร้าวคงจะตาย แต่ผลกลับกลายเป็นว่ามะพร้าวในสวนกลับลูกดกขึ้นมา

การใส่เกลือรอบโคนต้นมะพร้าว มันคือการแกล้งดิน ให้ดินมีความกร่อย แล้วน้ำมะพร้าวจะหวานขึ้น ใส่ที่โคนช่วยเรื่องหวานและมัน ใส่ที่กาบใบช่วยเรื่องหวานและมันแถมไล่ด้วงงวงได้ ธรรมชาติมะพร้าวจะขึ้นได้ดีบริเวณชายทะเล หรือน้ำกร่อย ซึ่งมีความเค็มของโซเดียมคลอไรด์ การปลูกมะพร้าวจึงมีเทคนิคใส่เกลือเพื่อเรียนแบบธรรมชาตินั้นเอง


IP : บันทึกการเข้า

ฟาร์มไส้เดือนงามดี สาขาเชียงราย
จัดจำหน่าย มูลไส้เดือนแท้ 100%

("คนเลี้ยงดิน ดินเลี้ยงพืช พืชเลี้ยงคน")

โทรศัพท์ : 084-545-6163
ฟาร์มไส้เดือนงามดี สาขาเชียงราย
จำหน่ายมูลไส้เดือนแท้ 100% (เชียงราย) Tel.084-545-6163
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 705


จำหน่ายมูลไส้เดือนแท้ 100% (เชียงราย)


« ตอบ #25 เมื่อ: วันที่ 27 พฤศจิกายน 2013, 03:03:43 »

เกร็ดความรู้วันละนิด ชีวิตแจ่มใส #8

ต้นลีลาวดี

เรื่อง ประโยชน์ของต้นลีลาวดี

1.สรรพคุณของดอกลีลาวดีประโยชน์ของดอกลีลาวดีใช้ผสมกับพลู ทำเป็นยาแก้ไข้ และไข้มาลาเรีย (ดอกลีลาวดี,เปลือกต้น)
2.ช่วยรักษาไข้หวัด (ราก)
3.ใช้ปรุงเป็นยาแก้ไอ (เนื้อไม้)
4.ช่วยถ่ายเสมหะและโลหิต (ยางและแก่น)
5.ช่วยขับเหงื่อ แก้ร้อนใน (ราก)
6.ช่วยรักษาโรคหืดหอบ ด้วยการใช้ใบลีลาวดีแห้งนำมาชงกับน้ำร้อนดื่ม (ใบแห้ง)
7.ยางจากต้นลีลาวดีใช้ผสมกับไม้จันทร์และการบูรทำเป็นยาแก้อาการปวดฟัน (ยางจากต้น)
8.มีการนำมาใช้ปรุงเป็นยารักษาโรคลำไส้พิการของม้า (ต้น)
9.ใช้ปรุงเป็นยาถ่าย (เนื้อไม้,ยางจากต้น,เปลือกราก,เปลือกต้น)
10.ช่วยขับลมในกระเพาะ (เปลือกราก)
11.ใช้เปลือกต้นผสมกับน้ำมันมะพร้าว มันเนย และข้าวทำเป็นยาแก้ท้องเดิน(เปลือกต้น)
12.ใช้เปลือกต้นผสมกับน้ำมันมะพร้าว มันเนย และข้าวทำเป็นยาขับปัสสาวะ (เปลือกต้น)
13.ประโยชน์ดอกลีลาวดีฝักนำมาฝนเพื่อนำมาใช้ทาแก้ริดสีดวงทวารได้ (ฝัก)
14.ช่วยขับระดู (เปลือกต้น)
15.ช่วยในการขับพยาธิ (เนื้อไม้)
16.ใช้เปลือกรากปรุงเป็นยารักษาโรคหนองใน (เปลือกราก)
17.ช่วยรักษาโรคโกโนเรีย หรือโรคหนองในแท้ (Gonorrhea) (เปลือกต้น)
18.สรรพคุณของลีลาวดีช่วยรักษากามโรค (ยางและแก่น)
19.ช่วยรักษาโรคไขข้ออักเสบ (ยากจากต้น,เปลือกราก)
20.ใบสดใช้ชงกับน้ำร้อนรักษาหิด (ใบสด)
21.ใบสดลีลาวดีลนไฟประคบร้อนช่วยแก้อาการปวด บวมได้ (ใบสด)
22.ใช้ปรุงเป็นยาถ่ายพิษทั้งปวง (ยางและแก่น)
23.ยางจากต้นลีลาวดีใช้ผสมกับไม้จันทร์และการบูรทำเป็นยาแก้คัน (ยางจากต้น)
24.ลีลาวดีประโยชน์ดอกลีลาวดี ใช้ทำเป็นธูป (ดอก) ซึ่งกลิ่นของดอกลีลาวดีช่วยทำให้นอนหลับสบาย มีความเชื่อว่ากลิ่นของดอกลีลาวดีจะช่วยลดความรู้สึกทางเพศ เหมาะสำหรับนักบวชและผู้ฝึกตน ที่ไม่ต้องการให้กามารมณ์มากวนใจ
25.ต้นลีลาวดีนิยมใช้ในการจัดสวน เพื่อตกแต่งภูมิทัศน์เป็นอย่างมาก โดยพันธุ์ที่นิยมปลูกกันก็คือ "พันธุ์ขาวพวง" หรือพันธุ์ดั้งเดิมนั่นเอง

(แหล่งอ้างอิง : สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.))

IP : บันทึกการเข้า

ฟาร์มไส้เดือนงามดี สาขาเชียงราย
จัดจำหน่าย มูลไส้เดือนแท้ 100%

("คนเลี้ยงดิน ดินเลี้ยงพืช พืชเลี้ยงคน")

โทรศัพท์ : 084-545-6163
ฟาร์มไส้เดือนงามดี สาขาเชียงราย
จำหน่ายมูลไส้เดือนแท้ 100% (เชียงราย) Tel.084-545-6163
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 705


จำหน่ายมูลไส้เดือนแท้ 100% (เชียงราย)


« ตอบ #26 เมื่อ: วันที่ 29 พฤศจิกายน 2013, 20:41:01 »

เกร็ดความรู้วันละนิด ชีวิตแจ่มใส # 9

หญ้าหวาน

คุณทราบไหมว่าในขณะที่ญี่ปุ่น อเมริกา และทั่วโลกต่างหันมาให้ความสำคัญกับสุขภาพโดยการหลีกเลี่ยงการบริโภคสารหวานสังเคราะห์และหันมาบริโภคหญ้าหวานแทน คนไทยกลับไม่มีโอกาสได้บริโภคหรือรู้จักหญ้าหวานดีพอ ส่วนประเทศจีนและบราซิลที่ปลูกหญ้าหวานเพื่อส่งออกก็สร้างรายได้จากการปลูกหญ้าหวานไม่น้อยทีเดียว

หลายคนคงเคยได้ยินชื่อหญ้าหวานมาบ้าง แต่อาจจะไม่ทราบว่าชื่อวิทยาศาสตร์ของหญ้าหวานคือ Stevia rebaudiana หรือ Bertoni เป็นพืชพื้นเมืองของบราซิลซึ่งถูกค้นพบโดยนักวิทยาศาสตร์ชาวอเมริกาใต้ และชาวปารากวัยก็ได้นำหญ้าชนิดนี้มาใช้ประกอบอาหารมานานกว่า 1,500 ปีแล้ว คุณสมบัติเป็นรสหวานที่ไม่ก่อให้เกิดพลังงาน จึงมีการนำหญ้าหวานมาใช้กับผู้ที่มีปัญหาโรคอ้วน โรคเบาหวาน และโรคไขมันในเส้นเลือดสูง เพราะสารสกัดที่ได้จากหญ้าหวานที่รู้จักกันไนชื่อ "สตีวิโอไซท์" มีความหวานกว่าน้ำตาล 100-300 เท่าทีเดียว ประเทศไทยก็สกัดสารหวานสตีวิโอไซด์ได้เองแล้ว โดยทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ใครสนใจก็ลองไปหาซื้อมากินได้

สารแทนน้ำตาลสกัดจากพืชหวานกว่า300เท่าไร้แคลอรี

ปัจจุบันกระแสการคำนึง ถึงสุขภาพเพิ่มขึ้น ทำให้ผู้ผลิตพยายามทำผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพมาตอบ สนองผู้บริโภค ในที่นี้รวมถึงสารทด แทนน้ำตาลด้วยเช่นกัน ซึ่งจะช่วยป้องกันวิกฤตโรคอ้วนและควบคุมน้ำตาลให้กับผู้ป่วยโรคเบาหวานได้ เวลานี้สารให้ความหวานตามธรรมชาติที่กำลังถูกนำมาใช้ ได้แก่ สารจากใบหญ้าหวาน (Stevia) ที่พบได้ในธรรมชาติของอเมริกาใต้ ซึ่งให้รสหวานกว่าน้ำตาลที่ผลิตจากอ้อย และหัวบีทถึง 300 เท่า ในขณะที่มีค่าพลังงานหรือแคลอรีเป็น 0

ดร.มาร์กาเร็ต แอชเวลล์ แห่งคณะกรรมาธิการด้านวิทยาศาสตร์ของ the Global Stevia Institute ของอังกฤษเปิดเผยว่า ช่วย ให้ผู้บริโภคลิ้มรสหวานจากธรรมชาติได้โดยลดแคลอรีลง เดิมหญ้าหวานถูกนำมาใช้ประโยชน์หลายพันปีแล้ว เพื่อเติมให้ความหวานในอาหารหรือเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพและรักษาภาวะความดันเลือดสูง โรคหัวใจ โรคเกาต์และเบาหวานประเภท 2 ปัจจุบันมีบริษัทข้ามชาติจำนวนมากกำลังนำมาใช้ประโยชน์เพื่อลดระดับน้ำตาลในผลิตภัณฑ์ต่างๆลง ช่วยโลกและประเทศลดวิกฤตโรคอ้วน โดยจากสถิติปี 2013 ของสำนักงานสุขภาพแห่งชาติพบว่า ผู้หญิง 65% และผู้ชาย 58% ในอังกฤษมีน้ำหนักสูงกว่าเกณฑ์หรืออ้วน และยังมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

(ที่มาข่าว:นสพ.โลกวันนี้)

IP : บันทึกการเข้า

ฟาร์มไส้เดือนงามดี สาขาเชียงราย
จัดจำหน่าย มูลไส้เดือนแท้ 100%

("คนเลี้ยงดิน ดินเลี้ยงพืช พืชเลี้ยงคน")

โทรศัพท์ : 084-545-6163
ฟาร์มไส้เดือนงามดี สาขาเชียงราย
จำหน่ายมูลไส้เดือนแท้ 100% (เชียงราย) Tel.084-545-6163
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 705


จำหน่ายมูลไส้เดือนแท้ 100% (เชียงราย)


« ตอบ #27 เมื่อ: วันที่ 01 ธันวาคม 2013, 20:10:51 »

เกร็ดความรู้วันละนิด ชีวิตแจ่มใส # 10

ชงโค

เรื่อง ประโยชน์ของชงโค 10 ข้อ

1.ต้นชงโคใบชงโคนำไปต้มช่วยรักษาอาการไอได้ (ใบ)
2.ช่วยแก้พิษไข้ร้อนจากเลือดและน้ำดี (ดอก)
3.ชงโคสรรพคุณใช้เป็นยาระบาย (ดอก,ราก)
4.ช่วยแก้อาการท้องเสีย (เปลือกต้น)
5.ช่วยแก้อาการท้องร่วง (เปลือกต้น)
6.ประโยชน์ของชงโคช่วยแก้บิด (ดอก,แก่น,เปลือกต้น)
7.ช่วยขับลมในกระเพาะ (ราก)
8.ช่วยขับปัสสาวะ (ใบ)
9.ใบชงโคใช้พอกฝี และแผลได้ (ใบ)
10.ประโยชน์ของชงโค มักปลูกไว้เป็นไม้ดอกไม้ประดับบ้านและสวน เพื่อความสวยงาม ให้กลิ่นหอมชื่นใจ

(แหล่งอ้างอิง : เว็บไซต์เดอะแดนดอทคอม, เว็บไซต์หมอชาวบ้าน)
IP : บันทึกการเข้า

ฟาร์มไส้เดือนงามดี สาขาเชียงราย
จัดจำหน่าย มูลไส้เดือนแท้ 100%

("คนเลี้ยงดิน ดินเลี้ยงพืช พืชเลี้ยงคน")

โทรศัพท์ : 084-545-6163
ฟาร์มไส้เดือนงามดี สาขาเชียงราย
จำหน่ายมูลไส้เดือนแท้ 100% (เชียงราย) Tel.084-545-6163
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 705


จำหน่ายมูลไส้เดือนแท้ 100% (เชียงราย)


« ตอบ #28 เมื่อ: วันที่ 04 ธันวาคม 2013, 09:31:50 »

เกร็ดความรู้วันละนิด ชีวิตแจ่มใส # 11

ประโยชน์ของยี่เข่ง

1.เปลือกต้นยี่เข่งใช้เป็นยาลดไข้ได้ (เปลือกต้น)ต้นยี่เข่ง
2.ช่วยทำให้เลือดไหลเวียนได้สะดวกขึ้น (ราก)
3.ช่วยแก้อาการปวดฟัน ด้วยการใช้รากยี่เข่งผสมกับเนื้อหมูต้มกับน้ำรับประทาน (ราก)
4.เปลือกต้นยี่เข่งมีฤทธิ์เป็นยากระตุ้นกระเพาะอาหาร ส่วนต้นและใบจะมีฤทธิ์ในการยับยั้ง (เปลือกต้น)
5.ช่วยแก้บิด จะใช้ใบหรือรากยี่เข่งก็ได้นำมาต้มกับน้ำดื่ม (ใบ,ราก)
6.ช่วยแก้โรคหนองใน ด้วยการใช้ดอกแห้ง 3-10 กรัม หรือจะใช้ดอกสด 15-30 กรัมต้มกับน้ำใช้ชะล้าง (ดอกยี่เข่ง)
7.ช่วยแก้อาการตกเลือดหลังคลอดบุตรด้วยการใช้ดอกยี่เข่งสดต้มกับน้ำกินทั้งกาก (ดอกยี่เข่ง)
8.ช่วยแก้ผดผื่นคัน ประโยชน์ของยี่เข่งด้วยการใช้ใบสดนำมาต้มกับน้ำแล้วใช้ชะล้าง หรือจะนำมาตำแล้วพอกบริเวณที่เป็นก็ได้ (ใบ)
9.ช่วยรักษาบาดแผลสด ด้วยการใช้ใบที่ตากแห้งแล้วนำมาบดเป็นผงแล้วนำมาโรยบริเวณบาดแผล (ใบ)
10.ช่วยรักษาแผลฝี แผลหนองที่หนังศีรษะ กลากเกลื้อน ด้วยการใช้ดอกหรือรากแห้ง 3-10 กรัม หรือจะดอกสดหรือรากสดประมาณ 15-30 กรัมก็ได้ นำมาบดผสมกับน้ำส้มสายชูแล้วทาบริเวณที่เป็น หรือจะนำไปต้มกับน้ำใช้ชะล้างหรือรับประทานก็ได้ (ดอกยี่เข่ง,ราก)
11.เรานิยมปลูกต้นยี่เข่งไว้เป็นไม้ประดับในบ้านหรือในสวน หรือจะปลูกเป็นแนวรั้วเขตริมทาง เพราะให้ดอกสีชมพูสีสันสดใส อึดและทนแร้ง และดูแลง่าย (ต้นยี่เข่ง)

(แหล่งอ้างอิง : เว็บไซต์เดอะแดนดอทคอม)

IP : บันทึกการเข้า

ฟาร์มไส้เดือนงามดี สาขาเชียงราย
จัดจำหน่าย มูลไส้เดือนแท้ 100%

("คนเลี้ยงดิน ดินเลี้ยงพืช พืชเลี้ยงคน")

โทรศัพท์ : 084-545-6163
ฟาร์มไส้เดือนงามดี สาขาเชียงราย
จำหน่ายมูลไส้เดือนแท้ 100% (เชียงราย) Tel.084-545-6163
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 705


จำหน่ายมูลไส้เดือนแท้ 100% (เชียงราย)


« ตอบ #29 เมื่อ: วันที่ 06 ธันวาคม 2013, 14:53:36 »

เกร็ดความรู้วันละนิด ชีวิตแจ่มใส # 12

มะเขือเทศเชอร์รี่ (Cherry Tomato)

มะเขือเทศเชอร์รี่ (Cherry Tomato) หรือที่นิยมเรียกอีกชื่อหนึ่งว่ามะเขือเทศแฟนซีห้าสี มะเขือเทศชนิดนี้เป็นมะเขือเทศที่มีขนาดเล็กที่สุด เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2 เซนติเมตร ลักษณะผลกลมคล้ายลูกพลับลูกแพร รสชาดหวานเข้มกว่ามะเขือเทศชนิดอื่นๆ แบ่งแยกได้ถึง 5 เฉดสี คือ สีชอคโกแลต สีเหลือง สีส้ม สีแดง และสีชมพู นอกจากความสวยงามจากสีของมะเขือเทศเชอรี่แล้ว มะเขือเทศเชอรี่แต่ละสียังอุดมด้วยคุณประโยชน์และมากด้วยคุณค่าสารอาหารที่แตกต่างกัน อีกทั้งมะเขือเทศยังมีกรดอะมิโนกลูตามิกสูง ซึ่งเป็นกรดอะมิโนตัวเดียวกับที่อยู่ในผงชูรส จึงทำให้มะเขือเทศช่วยเพิ่มรสชาดให้อาหารทุกชนิด

มะเขือเทศสีชอคโกแลตหรือสีน้ำตาล จะมีสารแอนโทไชยานิน และฟีโนลิค มีคุณประโยชน์ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง ป้องกันโรคหัวใจ โรคหลอดเลือด โรคเสื่อมที่เกี่ยวข้องกับอายุ โรคเบาหวาน โรคอ้วน และช่วยบำรุงสายตา

มะเขือเทศสีเหลืองและสีส้ม อุดมด้วยวิตามินซี แคโรทีนอยด์ และไปโอฟลาโวนอยด์ ซึ่งมีประโยชน์ต่อหัวใจ การมองเห็น ระบบทางเดินปัสสาวะ และระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ช่วยยังลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งบางชนิดได้ นอกจากนี้มะเขือเทศสีส้มยังมีไลโคพีนชนิด cis-lycopene ที่ร่างกายสามารถดูดซึมไปใช้งานได้มากกว่าไลโคฟีนที่ได้จากมะเขือเทศสีแดง

มะเขือเทศสีแดงและสีชมพู มีไลโคฟีน และแอนโทไชยานิน ข่วยกระตุ้นหัวใจ ระบบทางเดินปัสสาวะ ช่วยเรื่องความจำ และความเสี่ยงจากการเกิดโรคมะเร็งบางชนิดได้ด้วย

(Cr:FRIENDSHIP SEEDS LTD.)

IP : บันทึกการเข้า

ฟาร์มไส้เดือนงามดี สาขาเชียงราย
จัดจำหน่าย มูลไส้เดือนแท้ 100%

("คนเลี้ยงดิน ดินเลี้ยงพืช พืชเลี้ยงคน")

โทรศัพท์ : 084-545-6163
ฟาร์มไส้เดือนงามดี สาขาเชียงราย
จำหน่ายมูลไส้เดือนแท้ 100% (เชียงราย) Tel.084-545-6163
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 705


จำหน่ายมูลไส้เดือนแท้ 100% (เชียงราย)


« ตอบ #30 เมื่อ: วันที่ 09 ธันวาคม 2013, 10:34:56 »

เกร็ดความรู้วันละนิด ชีวิตแจ่มใส # 13

อินทผลัม

เรื่องของอินทผลัม - ความจริงที่ต้องรู้ (กรุณาอ่านให้จบ)

1. อินทผลัมเพาะจากเมล็ดแล้วจะคุ้มไหม โอกาสจะได้ต้นตัวเมียกี่ต้น?
- ข้อมูลจาก FAO (http://www.fao.org/docrep/006/Y4360E/y4360e09.htm)
* Date palm is a dioecious species and consequently half of the progeny will be males and half will be females, with no certain way to determine at an early stage the sex of the progeny, nor fruit or pollen quality prior to flowering (often only seven years later);
(อินทผลัมเป็นพืชไม่สมบูรณ์เพศกล่าวคือมีดอกตัวผู้และตัวเมียอยู่คนละต้นกัน โดยปกติเรามีโกาสจะได้ต้นตัวผู้และตัวเมียอย่างละครึ่ง เราไม่สามารถจำแนกเพศ หรือคุณภาพของผลผลิตได้จนกว่ามันจะออกดอก โดยปกติแล้วใช้เวลาประมาณ 7 ปี

- การเพาะด้วยเมล็ดจะเป็นการขยายพันธุ์ที่ง่ายที่สุดและเร็วที่สุด โอกาสที่จะได้ตัวเมีย 50% (ตำราว่าไว้อย่างนั้น ของผมปลูกไว้ 5 ปี แล้วยังไม่ออกดอกแสดงเพศทุกต้น ต้นตัวเมียที่เร็วที่สุดก็ประมาณ 2 ปีกว่าๆจึงยืนยันยังไม่ได้ แต่ที่แน่ๆในปัจจุบันสถิติจากสวนของผมคือ ต้นอินทผลัมที่แสดงเพศออกมาแล้วมีสัดส่วนของต้นตัวผู้มากกว่าต้นตัวเมียเยอะมาก) แต่อย่างไรก็ตาม การขยายพันธุ์ด้วยเมล็ดมันไม่ใช่วิธีขยายพันธุ์ให้ "ตรงตามสายพันธุ์" และในต่างประเทศไม่มีการปลูกอินทผลัมเพื่อการค้าโดยใช้เมล็ด (ก็คงเหมือนการปลูกพืชชนิดอื่นในบ้านเรา ที่ไม่ใช้วิธีการเพาะเมล็ดในการขยายพันธุ์)

2. ต้นตัวเมียที่ได้จะกลายพันธุ์กี่เปอร์เซ็นต์ จะได้พันธุ์ดีหรือเปล่า?
- ต้นที่ปลูกด้วยเมล็ดทุกต้นจะกลายพันธุ์ทั้ง 100% ซึ่งการกลายพันธุ์นี้มีทั้งดีขึ้น ใกล้เคียงของเดิม และแย่ลงครับ โดยมีโอกาสที่จะดีขึ้นน้อยมาก
- ข้อมูลจาก FAO (http://www.fao.org/docrep/006/Y4360E/y4360e09.htm)
* Female plants originating from seedlings usually produce late maturing fruits of variable and generally inferior quality compared to established clonal palms. In a seedling plantation it is rare that more than 10 percent of the palms produce fruit of satisfactory quality;
(ต้นตัวเมียที่เกิดจากการเพาะเมล็ด จะให้ผลผลิตที่ช้าและมีคุณภาพที่ไม่แน่นอน รวมทั้งคุณภาพของผลที่ด้อยกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับอินทผลัมที่ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการโคลนนิ่ง และเป็นการยากมากที่ต้นอินทผลัมเพาะเมล็ดจะมีคุณภาพของผลเป็นที่น่าพอใจเกินกว่า 10%ของจำนวนอินทผลัมตัวเมียเหล่านั้น)

* Date palms are heterozygous, and thus there will be much variation within the progeny, and desirable characteristics of the parent palm may be lost. In other words, it is not true to type propagation and no two seedling palms are alike;
(อินทผลัมเป็นพืชแบบ heterozygous ดังนั้นการปลูกด้วยเมล็ดจึงเกิดการกลายพันธุ์สูงในชั้นลูกหลาน โดยคุณลักษณะที่พึงประสงค์ของต้นสายพันธุ์อาจจะสูญเสียไป หรือกล่าวอีกอย่างหนึ่งว่า มันไม่ใช่การขยายพันธุ์แบบตรงตามสายพันธุ์ (it is not true to type propagation) และไม่มีต้นอินทผลัมที่เพาะด้วยเมล็ดสองต้นใดๆที่เหมือนกันเลย !!!)

+ เฮเทอโรไซกัส (heterozygous gene) คือ ยีน(gene)ที่มีแอลลีล(allele)ที่ต่างกัน โดยจะเป็นแอลลีลเด่น(dominant allele) อันนึงและเป็นแอลลีลด้อย(recessive allele)อีกอันหนึ่ง เช่น Rr, SsYy เป็นต้น (heterozygous gene) เรียกได้ว่าเป็น พันธุ์ทาง (ข้อมูลจาก http://www.thaibiotech.info/what-is-heterozygous-gene.php)
- กล่าวโดยสรุปนะครับ อินทผลัมเป็นพืช "พันธุ์ทาง" ไม่มี "พันธุ์แท้" ดังนั้นในตำราทุกเล่มจึงบอกว่า หากจะขยายพันธุ์อินทผลัมให้ได้ "ตรงตามสายพันธุ์" (ไม่ใช้คำว่า "พันธุ์แท้" นะครับ) ต้องทำโดยวิธีการแยกหน่อหรือเพาะเนื้อเยื่อเท่านั้นครับ การขยายพันธุ์อินทผลัมด้วยเมล็ดจึงมีโอกาสกลายพันธุ์สูง และไม่มีโอกาสที่จะได้ต้นที่ "ตรงตามสายพันธุ์" เลยครับ ไม่ว่าจะใช้ต้นพ่อพันธุ์และแม่พันธุ์ชั้นดีเพียงใดก็ตาม รวมถึงการใช้พ่อพันธุ์แม่พันธุ์ชั้นดีพันธุ์เดียวกันก็ตาม แต่อย่างไรก็ตามการกลายพันธุ์มีทั้งดีขึ้นและแย่ลง การพัฒนาสายพันธุ์ใหม่ๆที่ดีขึ้นต้องทำจากการเพาะเมล็ดเท่านั้น

3. แล้วที่มีการรับรองสายพันธุ์อินทผลัมที่เพาะจากเมล็ดล่ะ
- ถ้าอ่านรายละเอียดตามข้อ 2 จะพบว่าไม่มีต้นอินทผลัมที่เกิดจากการเพาะเมล็ด 2 เมล็ดใดที่เหมือนกันเลย ดังนั้นจึงไม่สามารถรับรองสายพันธุ์อินทผลัมที่เกิดจากการเพาะเมล็ดได้ไม่ว่ากรณีใดๆ ดังนั้นหากมีผู้ขายรายใดบอกว่าต้นกล้าอินทผลัมมีหนังสือรับรองสายพันธุ์เป็นพันธุ์แท้ หรือแม้กระทั่งรับรองว่าเป็นพันธุ์ดีจึงเป็นเรื่องหลอกลวงลูกค้าให้เป็นเหยื่อทั้งสิ้น เหตุที่ต้องหลอกว่ามีใบรับรองสายพันธุ์ก็เพื่อต้องการขายต้นพันธุ์ราคาแพงๆ โดยกีดกันไม่ให้เกษตรเพาะเมล็ดเอง หรือกีดกันผู้ค้ารายอื่น

- ผู้ขายรายใดที่เริ่มต้นการขายด้วยการหลอกลวงให้ผู้ซื้อเข้าใจผิด ด้วยข้อมูลที่เป็นเท็จนานาประการ มีการแอบอ้างใช้รูปภาพของผู้ค้ารายอื่นๆโดยไม่ขออนุญาตเพื่อแสวงหาประโยชน์ ท่านจะยังหวังได้หรือว่าสัญญารับประกันต่างๆที่ทำไว้จะสามารถทำได้ ทั้งๆที่ผู้ขายไม่มีแปลงปลูกเลย ไม่เคยค้าขาย ไม่เคยส่งออกอินทผลัม แต่สามารถทำสัญญารับซื้อจากท่านได้ไม่จำกัดปริมาณรับซื้อในราคารับประกัน และไม่จำกัดระยะเวลา ซึ่งต้องใช้เงินลงทุนหมุนเวียนในการรับซื้อผลอินทผลัมมากกว่า 100,000,000,000.- บาท (หนึ่งแสนล้านบาท) ต่อปี ท่านจะเชื่อหรือไม่?

IP : บันทึกการเข้า

ฟาร์มไส้เดือนงามดี สาขาเชียงราย
จัดจำหน่าย มูลไส้เดือนแท้ 100%

("คนเลี้ยงดิน ดินเลี้ยงพืช พืชเลี้ยงคน")

โทรศัพท์ : 084-545-6163
ฟาร์มไส้เดือนงามดี สาขาเชียงราย
จำหน่ายมูลไส้เดือนแท้ 100% (เชียงราย) Tel.084-545-6163
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 705


จำหน่ายมูลไส้เดือนแท้ 100% (เชียงราย)


« ตอบ #31 เมื่อ: วันที่ 10 ธันวาคม 2013, 23:14:33 »

เกร็ดความรู้วันละนิด ชีวิตแจ่มใส # 14

จุลินทรีย์จากจาวปลวกกับการเพาะห็ดโคน

ในธรรมชาติมีปลวกอยู่หลายชนิด แต่ผมเคยเห็นปลวกชนิดนี้มีเห็ดโคนเกิดรอบๆ ดอกเห็ดมีขนาดใหญ่ จึงเลือกใช้จาวปลวกจากจอมปลวกชนิดนี้ วิธีขุดใช้เสียบหรือจอบขุดเบาๆ ไม่ต้องลึกมาก จะเจอจาวปลวกอยู่จำนวนมาก เราเก็บมาแค่เล็กน้อยไม่ถึงขั้นต้องทำลายจอมปลวกทั้งหมด

วิธีทำ
จาวปลวกเล็กน้อยประมาณหนึ่งกำมือ ต่อ ข้าวสวย 1 กิโลกรัม เสร็จแล้วก็คลุกเคล้าผสมให้เข้ากัน ก่อนจะเติมน้ำเปล่าลงไปอีก 20 ลิตร ตามหลักวิทยาศาสตร์ ปลวกย่อยเซลลูโลสเองไม่ได้ ต้องอาศัยโปรโตซัว และเชื้อราช่วย เราก็ประยุกต์ขยายเชื้อเหล่านั้นมาช่วยย่อยเศษใบไม้ใบหญ้าให้มันสลายตัวเร็วขึ้นหมักไว้ ๗ วัน จุลินทรีย์โปรโตซัวจะขยายตัวเป็นฝ้าสีขาว

การนำไปใช้
ใช้จุลินทรีย์จาวปลวกเอาใส่นา รดผัก ผลไม้ ให้ผสมน้ำให้ไก่กิน ก็ได้ผลดีใช้อัตราส่วนประมาณ 1 ลิตร /น้ำ 10 ลิตรใช้ฉีดพ่นเพื่อย่อยสลายเศษวัชพืช(หมักทำปุ๋ยหมัก) หรือย่อยสลายตอซังข้าวก่อนทำการไถประมาณ 7 วัน หลังจากนั้นไถกลบ และหากจะนำไปรดโคนต้นเพื่อบำรุงพืชผลอื่นๆก็ได้เช่นกัน ในอัตราส่วนข้างต้น ไม่ตายตัวสามารถปรับได้ตามความเหมาะสมกับการใช้งาน

การเพาะเห็ดโคนจากจุลินทรีย์ปลวก
นำน้ำจุลินทรีย์จาวปลวกนี้ ไปราดที่จอมปลวก คลุมด้วยฟางข้าวหรือใบไม้ รดน้ำพอชื้น ประมาณ ๑๐ วัน ก็จะมีเห็ดโคนขึ้น นำไปประกอบอาหารที่เป็นเห็ดโคนธรรมชาติไร้สารเคมี เป็นเมนูอาหารที่วิเศษมากครับ
IP : บันทึกการเข้า

ฟาร์มไส้เดือนงามดี สาขาเชียงราย
จัดจำหน่าย มูลไส้เดือนแท้ 100%

("คนเลี้ยงดิน ดินเลี้ยงพืช พืชเลี้ยงคน")

โทรศัพท์ : 084-545-6163
ฟาร์มไส้เดือนงามดี สาขาเชียงราย
จำหน่ายมูลไส้เดือนแท้ 100% (เชียงราย) Tel.084-545-6163
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 705


จำหน่ายมูลไส้เดือนแท้ 100% (เชียงราย)


« ตอบ #32 เมื่อ: วันที่ 13 ธันวาคม 2013, 17:01:05 »

เกร็ดความรู้วันละนิด ชีวิตแจ่มใส # 15

น้ำหมักน้ำซาวข้าวสูตรเดือดไว

สูตรลุงกำนันเคว็ดครับ เปลี่ยนของบูดเป็นของดี หมักหลังครัวบำบัดน้ำหลังครัวเยี่ยมไปเลย นำน้ำซาวข้าวที่มีกันทุกบ้านที่หุงข้าว 10 ส่วน + น้ำตาล 1 ส่วน + หัวเชื้อจุลินทรีย์ 1 ส่วน หรือจาวปลวก (ถ้ามีหัวเชื้อจุลินทรีย์ก็ดีมากครับ ถ้าไม่มีไม่ต้องใช้ก็ได้ครับ) นำทั้ง 3 อย่างหมักไว้ 7 วัน ก็ใช้การได้แล้วครับ ได้น้ำหมักจากน้ำซาวข้าวภูมิปัญญาที่มีช้านาน ของดีมีอยู่กับตัวบางทีเราก็หลงลืมไปนะครับ

(ที่มา: สาริศา ศัลยกำธร และฟาร์มสุข สวนกระแส farmsuk Suangrasae)
IP : บันทึกการเข้า

ฟาร์มไส้เดือนงามดี สาขาเชียงราย
จัดจำหน่าย มูลไส้เดือนแท้ 100%

("คนเลี้ยงดิน ดินเลี้ยงพืช พืชเลี้ยงคน")

โทรศัพท์ : 084-545-6163
ฟาร์มไส้เดือนงามดี สาขาเชียงราย
จำหน่ายมูลไส้เดือนแท้ 100% (เชียงราย) Tel.084-545-6163
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 705


จำหน่ายมูลไส้เดือนแท้ 100% (เชียงราย)


« ตอบ #33 เมื่อ: วันที่ 16 ธันวาคม 2013, 14:24:45 »

เกร็ดความรู้วันละนิด ชีวิตแจ่มใส # 16

น้ำอัดลม

เรื่อง อะไรอยู่ในน้ำอัดลม

โดยส่วนตัวเลิกมานานเป็น ๒๐ ปีแล้วเนื่องจากระคายกระเพาะแต่มีลูกศิษย์ในสมาคมหลายๆท่านติดมากขั้นลงแดงเลย ไม่กินไม่ได้ วันนี้จึงนำข้อมูลมาเสนอให้พิจารณาค่ะ

นํ้าตาล น้ำอัดลมส่วนใหญ่ประกอบด้วยน้ำตาลและน้ำเชื่อมจากข้าวโพด ซึ่งมีน้ำตาลประเภทฟรักโทสอยู่ ปริมาณการบริโภคน้ำตาลที่องค์การอนามัยโลกแนะนําอยู่ที่ประมาณ ๘-๑๑ ช้อนชาต่อวัน แต่จากการทดสอบของนิตยสาร UTUSAN KON SUMER พบว่าเครื่องดื่มที่วางจำหน่ายส่วนใหญ่มีน้ำตาลอยู่กระป๋องละประมาณ ๔-๑๕ ช้อนชา

น้ำตาล ๑ ช้อนชามีพลังงาน ๑๖ แคลอรี ถ้าเราดื่มเป๊ปซี่ ขนาด ๓๒๕ ซีซี มีน้ำตาล ๕ ช้อนชาครึ่ง เราจะได้พลังงาน ๘๘ แคลอรี ถ้าดื่มสไปร้ท์มีน้ำตาล ๖ ช้อนชาครึ่ง น้ำส้ม มิรินด้ามี ๗ ช้อนชาครึ่ง เป็นต้น ร่างกายคุณจะได้น้ำตาลเท่าไรก็เอาไปคูณกันดูเอง ยิ่งดื่มมากก็ยิ่งได้มากจึงเป็นสาเหตุของความอ้วนได้อีกประการหนึ่ง

ถ้าดื่มวันละกระป๋องร่างกายก็ได้รับน้ำตาลมากแล้ว ไม่รวมกับน้ำตาลจากแหล่งอื่นอีก ซึ่งก็คงไม่น้อยยิ่งดื่มทุกวันแน่นอนว่าสุขภาพย่อมทรุดโทรมลงเรื่อยๆ เป็นต้นว่า ฟันผุ มีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวาน มีโอกาสเป็นโรคหัวใจ อาหารไม่ย่อย และอื่นๆ

น้ำตาลไม่ทำให้อิ่ม
เมื่อเข้าสู่ร่างกายจะถูกดูดซึมสู่กระแสเลือดทำให้เกิดความอยากอาหารอีก นอกจากนี้ ยังทำให้เกิดอาการติดน้ำตาล เพื่อรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้ (สูง) คงที่

สารให้ความหวาน
ถ้าน้ำอัดลมไหนไม่มีน้ำตาล ก็ต้องมีการใช้สารให้ความหวานแทนสารให้ความหวานที่ใช้กันในน้ำอัดลม ได้แก่ แอสปาเตม อะซีซัลเฟม เค ซัคคารินหรือซูคาโลส แต่ที่ป๊อปปูล่าที่สุดเห็นจะเป็นแอสปาเตม น้ำอัดลมที่ใช้สารให้ความหวานแทนน้ำตาล มักจะเป็นน้ำอัดลมกลุ่มคุมน้ำหนักที่มีคำว่า "ไดเอท" อยู่ด้วย เช่น เป๊ปซี่ไดเอท

อย่างแอสปาเตมนั้นมีความหวานมากกว่าน้ำตาล ๒๐๐ เท่าจึงไม่จำเป็นต้องใช้ในปริมาณที่มากเหมือนอย่างน้ำตาล สารให้ความหวานเทียมนี้อาจเกิดผลไม่ดีต่อสุขภาพของผู้บริโภคบางคนได้ โดยทำให้เกิดการปวดศีรษะไมเกรน สูญเสียความ ทรงจำ เศร้าซึม

นอกจากนี้ยังเชื่อกันว่าแอสปาเตมยังเป็นสาเหตุของการเกิดโรคลมบ้าหมู คลื่นเหียน ท้องร่วง คันผิวหนัง สายตาพร่าและอาจตาบอด

นอกจากแอสปาเตมแล้วน้ำอัดลมประเภทไดเอ็ทบางยี่ห้อ จะใช้ซัคคารินซึ่งให้ความหวานมากกว่าน้ำตาล ๓๐๐ เท่า ซัคคารินได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นเหตุให้เกิดมะเร็งในกระเพาะปัสสาวะ มีการห้ามใช้ซัคคารินในหลายประเทศ เช่น แคนาดา นิวซีแลนด์ และประเทศในยุโรป

วัตถุกันเสีย
ปกติน้ำอัดลมมักไม่เสีย เพราะความเป็นกรดและมีคาร์บอเนตในส่วนผสม แต่บางครั้งสภาพการเก็บที่ไม่เหมาะสมอาจทำให้กลิ่นและรสชาติเปลี่ยนไปได้ ด้วยเหตุนี้จึงมีการผสมวัตถุกันเสียลงไปเล็กน้อยและอาจไม่ระบุในฉลากก็ได้

วัตถุกันเสียที่มักใช้ ได้แก่ โซเดียมเบนโซเอท หรือกรดเบนโซอิค ซึ่งอาจทำให้เกิดโรคหืด ผื่นคัน และทำกิจกรรม ไม่หยุดนิ่ง (hyperactivity)

บางครั้งผู้ผลิตใช้ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ซึ่งไม่เพียงแต่กันการบูดเสียเท่านั้น แต่ช่วยให้สีเครื่องดื่มไม่เปลี่ยนทั้งยังเป็นตัว แอนตี้ออกซิเดนท์ป้องกันการเกิดปฏิกิริยาที่จะทำลายกลิ่นของเครื่องดื่ม ด้วยสารซัลเฟอร์ไดออกไซด์ เป็นสารทีใช้ฟอกขาววัสดุต่างๆ หากร่างกายได้รับเข้าไปในปริมาณมากอาจทำให้เกิดอาการหน้ามืดวิงเวียน ผิวหนังพุพอง บวม อ่อนแรง แน่นหน้าอก ช็อก อาการโคม่า หรืออาจตายได้ในคนที่ไวต่อสารนี้ หรือหากได้รับสารนี้ในปริมาณไม่มากนักแต่นานๆ ไปก็อาจ ทำให้เกิดการกลายพันธุ์ในเซลล์สิ่งมีชีวิตได้

กลิ่นรสสังเคราะห์
กลิ่นที่ใช้ในน้ำอัดลมนั้นไม่ได้มาจากธรรมชาติเสียทั้งหมด เพราะกลิ่นจากธรรมชาติถูกจำกัดด้วยฤดูกาลและสภาพ ภูมิศาสตร์จึงมีการใช้กลิ่นสังเคราะห์ซึ่งมีราคาถูกกว่าด้วย แต่กลิ่นสังเคราะห์นั้นไม่ได้มีการระบุรายละเอียดในฉลาก เพราะมีความซับซ้อนมากอาจผสมหลายตัวเพื่อให้ได้กลิ่นรสเฉพาะตัวอย่างเช่น รสส้ม มีส่วนผสมถึง ๔๐๐ ชนิด

คาเฟอีน
มักพบในเครื่องดื่มประเภทโคล่าประมาณ ๑/๔-๑/๓ ของ ที่พบในกาแฟหรือชาช่วยเพิ่มกลิ่นรสให้แรงขึ้น คาเฟอีนเป็นสารเสพติดซึ่งช่วยกระตุ้นระบบประสาทส่วนกลาง ผลิตภัณฑ์ที่มีคาเฟอีน จะไปกระตุ้นร่างกายและเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจ อาจดูเหมือนทำให้สมองแล่น ความอ่อนเพลียหายไป แต่ก็เป็นไปชั่วคราวเท่านั้น หากร่างกายได้รับการกระตุ้นด้วย คาเฟอีนบ่อยๆ จะไปทำลายพลังชีวิต เพราะต้องต่อสู้กับสารพิษหรือสิ่งแปลกปลอมที่เข้าสู่ร่างกาย คาเฟอีนในปริมาณที่ พบในอาหารและเครื่องดื่มอาจทำให้เกิดโรคนอนไม่หลับ โรคประสาทหงุดหงิด ขี้วิตก อัตราและจังหวะการเต้นของหัวใจผิดปกติ การดื่มเครื่องดื่มที่คาเฟอีน มากเกินไปอาจทำให้เกิดโรคมะเร็งในกระเพาะอาหารหรือในกระเพาะปัสสาวะ ทำให้ความดันเลือดสูงขึ้น อาจทำให้ทารกแรกเกิดพิการ ทำให้โรคเบาหวาน รุนแรงขึ้น ทำลายเยื่อบุ กระเพาะอาหาร

จากการศึกษาในสหรัฐอเมริกาพบว่า การดื่มน้ำอัดลมหลังการทำงานหนักทำให้ร่างกายสูญเสียแคลเซียมและโปตัสเซียม ทำให้กล้ามเนื้อระบม ร่างกายฟื้นตัวช้า

จากการสำรวจปริมาณคาเฟอีนในเครื่องดื่มพบว่า ไดเอ็ทโค้กมีคาเฟอีน ๑๕๗ ppm. เป๊ปซี่ไดเอ็ท มี ๑๑๗ ppm. เป๊ปซี่มี ๙๑ ppm.โคคา โคลา มี ๘๕ ppm.

สีสังเคราะห์
tartrazine ให้สีเหลืองส้ม ถูกห้ามใช้ในนอร์เวย์และฟินแลนด์ สีสังเคราะห์ตัวนี้ทำให้เกิดอาการแพ้เช่นผื่นคัน บวมแดง น้ำมูกไหล ตาแดง ทั้งยังอาจเป็นสารก่อมะเร็งด้วย sunset yellow เป็นสารที่อาจก่อมะเร็งถูกห้ามใช้ในฟินแลนด์ นอร์เวย์ และสวีเดน

carmoisine ให้สีแดง อาจทำให้เกิดมะเร็ง ภูมิแพ้ และอาหารเป็นพิษถูกห้ามใช้ในสหรัฐอเมริกาและ แคนาดา briliant blue เป็นสารที่อาจก่อมะเร็งและอาจทำลายโครโมโซม ทำให้เกิดอาการแพ้ ถูกห้ามใช้ในประเทศพัฒนาแล้วหลายแห่ง ได้แก่ กลุ่มประเทศในประชาคมยุโรป นอร์เวย์ สวีเดน และฟินแลนด์

กรด
กรดที่ใช้ผสมในเครื่องดื่ม เช่น ซิตริค ฟอสฟอริค และบางครั้งใช้กรดมาลิก หรือตาร์ตาริค ทำให้เกิดความซ่าและเป็นตัวรักษาคุณภาพเครื่องดื่ม ด้วยหน้าที่ของกรดอีกประการหนึ่งคือทำให้รสหวานกลมกล่อมพอดี ช่วยให้สดชื่นแก้กระหาย เครื่องดื่มแทบทุกชนิดมีความเป็นกรดสูง โค้กมีค่าความเป็นกรด (PH) ๒.๔ ไดเอ็ทโค้ก ๓.๑๓ สไปรท์ ๓.๓๑ น้ำส้ม ๓.๔๗ เป็นต้น ในสหราชอาณาจักรมีการสำรวจสุขภาพฟันของเด็กในปี ๑๙๙๓ พบว่าร้อยละ ๒๐ ของเด็กที่ดื่มน้ำอัดลมเป็นประจำประสบปัญหาฟันผุ การเสียของฟันจากการกัดเซาะของกรดจะเริ่มภายใน ๕ นาทีหลังจากดื่มน้ำอัดลมเข้าไป และอาจต่อเนื่องไปจนถึงหนึ่งชั่วโมง จากการศึกษาของ ผศ.ทญ.สร้อยศิริ ทวีบูรณ์ ได้ทดลองแช่ชิ้นฟันในเครื่องดื่ม น้ำอัดลม ๕ ชนิด พบว่าใน ๕ นาทีแรกที่แช่ชิ้นฟันจะมีปริมาณแคลเซียมถูกกัดกร่อนจากผิวเคลือบฟันมีค่าตั้งแต่ ๐.๖๗-๑.๗ ไมโครกรัม ต่อพื้นที่หน้าตัดผิวเคลือบฟัน ๑ ตารางมิลลิเมตร และเพิ่มขึ้นเป็น ๑.๐๓-๒.๓๕ และ ๑.๑๓-๒.๘๒ ไมโครกรัมต่อตารางมิลลิเมตร เมื่อเวลาเพิ่มขึ้นเป็น ๑๐ นาที และ ๑๕ นาที มีงานวิจัยที่ทำในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ แสดงให้เห็นว่าเมื่อนำฟันของมนุษย์ใส่ลงไปในน้ำโคล่าภายในเวลา ๒ วัน ฟันจะเริ่มนุ่ม เคลือบฟันสูญเสียแคลเซียมส่วนใหญ่ไป งานทดลองอีกชิ้นหนึ่ง โดยให้หนูกินแต่เครื่องดื่มโคล่าอย่างเดียว พบว่าฟันกรามของมันสึกกร่อนลงมาถึงระดับเหงือกหลังจากเวลาผ่านไป ๖ เดือน

คาร์บอนไดออกไซด์
คาร์บอนไดออกไซด์ทำให้เกิดฟองจึงเป็นส่วนผสมที่สำคัญของน้ำอัดลม ให้ความรู้สึกสดชื่นเพราะไปกระตุ้นเยื่อเมือก (mucous membrane) ในปาก ฟองที่เกิดขึ้นไปกระตุ้นเพดานปาก ทำให้มีรสชาติเพิ่มขึ้น ผลจากคาร์บอนไดออกไซด์ก็คือ เราจะรู้สึกว่าน้ำอัดลมเย็นกว่าอุณหภูมิจริง นอกจากนี้คาร์บอนไดออกไซด์ยังเป็นจำเป็นสำหรับอุตสาหกรรมเครื่องดื่ม เพราะช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย ช่วยให้เครื่องดื่มมีอายุการเก็บนาน

ดื่มน้ำอัดลมแล้วได้อะไร
โดยเฉลี่ยแล้วน้ำอัดลมให้พลังงานประมาณ ๓๕-๔๕ แคลอรีต่อ ๑๐๐ มล.แต่เป็นพลังงานที่เรียกว่า emptycalory ในทางโภชนาการถือว่ามีคุณค่าทางอาหารต่ำ เป็นพลังงานที่ได้มาจากน้ำตาลขัดขาวอย่างเดียว ดื่มน้ำอัดลมมากอาจทำให้คุณเป็นโรคกระดูกพรุน มีการศึกษาหลายชิ้นที่ชี้ให้เห็นว่าการดื่มน้ำอัดลมมากเกินไป ไม่ว่าจะแบบมีหรือไม่มีน้ำตาลก็ตาม จะทำให้ร่างกายสูญเสียแร่ธาตุ เช่น แคลเซียม แมกนีเซียม และธาตุรองอื่นๆ ออกไปกับปัสสาวะ ยิ่งสูญเสียแร่ธาตุมากเท่าใดอัตราเสี่ยงต่อการเป็นโรคกระดูกพรุน ข้อเสื่อม

ความดันสูง เกิดความผิดปกติของต่อมไทรอยด์ก็มาก ตามวัยรุ่นที่ดื่มน้ำอัดลมเช้า กลางวัน เย็น เท่ากับกำลังเปิดประตูรับโรคภัยไข้เจ็บเหล่านี้ ยิ่งเด็กผู้หญิงวัยรุ่นสมัยนี้หากนิยมดื่มน้ำอัดลมขณะที่กังวลกับการรักษารูปร่าง ยิ่งรับประทานอาหารที่มีคุณค่าในปริมาณที่น้อยลงที่สุดก็อาจขาดแคลเซียม นำไปสู่โรคกระดูกพรุนในที่สุด เจน เบรดี้ คอลัมนิสต์ เจ้าของรางวัลจาก The New York Times และผู้แต่ง The Nutrition Book อธิบายว่า "การขาดแคลเซียมในวัยรุ่นพบว่า ส่วนใหญ่เกิดจากการหันไปดื่มน้ำอัดลมแทนนม ปริมาณฟอสฟอรัสในน้ำอัดลมทำให้ส่วนของแคลเซียมต่อฟอสฟอรัสเสียสมดุล และลดความสามารถในการใช้แคลเซียมของ ร่างกาย"

ก่อนตัดสินใจซื้อน้ำอัดลมโปรดคิดสักนิด ถ้าซื้อมาแล้ว ลองก้มลงอ่านฉลากที่ขวดน้ำอัดลม ผู้ผลิตจะบอกอะไรคุณบ้างที่นอกเหนือไปจาก "ใช้วัตถุกันเสีย แต่งกลิ่นรสธรรมชาติ เจือสีสังเคราะห์" ถ้ายังเต็มใจจะดื่มน้ำผสมสารเคมีและน้ำตาลทรายขัดขาวอีกต่อไป ก็ตามใจคุณ

(ที่มา:ไทยโพสต์ วันจันทร์ที่ ๒๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๗ โดย Ayurvedic Association of Thailand)

IP : บันทึกการเข้า

ฟาร์มไส้เดือนงามดี สาขาเชียงราย
จัดจำหน่าย มูลไส้เดือนแท้ 100%

("คนเลี้ยงดิน ดินเลี้ยงพืช พืชเลี้ยงคน")

โทรศัพท์ : 084-545-6163
ฟาร์มไส้เดือนงามดี สาขาเชียงราย
จำหน่ายมูลไส้เดือนแท้ 100% (เชียงราย) Tel.084-545-6163
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 705


จำหน่ายมูลไส้เดือนแท้ 100% (เชียงราย)


« ตอบ #34 เมื่อ: วันที่ 19 ธันวาคม 2013, 15:24:05 »

เกร็ดความรู้วันละนิด ชีวิตแจ่มใส # 17

วิตามินและอาหารเสริม

วิตามินและอาหารเสริมนั้นมีทั้งประโยชน์และโทษ มาดูรีวิวข้อมูลใหม่ล่าสุดกันว่าตัวไหนนะ ที่ไม่ควรเสียเงินซื้อให้สิ้นเปลือง

1. กลูต้าไธโอน จวบจนปัจจุบันยังไม่มีการศึกษาขนาดใหญ่ที่พิสูจน์ได้ว่า กลูต้าไธโอนแบบรับประทาน จะสามารถถูกดูดซึมได้ ความน่าจะเป็นจึงเท่ากับว่า คุณเสียตังค์ฟรีเพื่อหลอกตัวเองว่ากินแล้วขาว

2. แอลฟ่าโทโคฟีรอล หรือ วิตามินอี การศึกษาพบว่า การรับประทานวิตามินอีในฟอร์ม แอลฟ่าโทโคฟีรอล เพียงฟอร์มเดียวนั้น ทำให้ร่างกายขาดวิตามินอีฟอร์มอื่น และอาจส่งผลเสียมากกว่าผลดีนะคะ

3. โอเมก้า 6 อัตราส่วนกรดไขมัน 6:3 ในร่างกายเรานั้น ควรมีค่าไม่ต่างกันมาก แต่ในน้ำมันพืชทุกชนิดที่เรารับประทาน มีแต่กรดไขมันโอเมก้า6 เราจึงไม่จำเป็นต้องซื้อโอเมก้า6มารับประทานเพิ่ม ให้เกิดความไม่สมดุลมากขึ้นไปอีก

4. น้ำมันตับปลาฉลาม สรรพคุณของน้ำมันตับปลาฉลามยังไม่มีการพิสูจน์แน่ชัด แต่ที่ชัดเจนคือ การรับประทานน้ำมันตับปลาฉลามส่งผลเพิ่มระดับคอเลสเตอรอลในเลือดได้ จึงเป็นเหตุผลง่ายๆที่คุณควรคิดให้ดีก่อนเสียเงินซื้อมารับประทาน

5. วิตามินเอ หลายการศึกษาในระยะหลังพบว่า การรับประทานวิตามินเอสังเคราะห์ให้ผลเชิงลบมากกว่าบวก โดยเฉพาะในผู้สุบบุหรี่ อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็งปอดได้ และวิตามินเอยังสะสมในร่างกาย ก่อให้เกิดอาการพิษสะสมได้หากรับประทานมากไป

6. ธาตุเหล็ก ควรรับประทานเฉพาะผู้ที่มีภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก ผู้บริจาคเลือด แต่ถ้าไม่มีข้อบ่งชี้ใดๆ ไม่ควรซื้อมารับประทานเอง เพราะธาตุเหล็กที่มากเกิน ก่อให้เกิดอนุมูลอิสระในร่างกายได้

7. คอลลาเจน สารโมเลกุลใหญอย่างคอลลาเจน ไม่สามารถถูกดูดซึมได้ ส่วนคอลลาเจนเปปไทด์โมเลกุลเล็ก ก็ยังไม่มีงานวิจัยขนาดใหญ่ที่ศึกษารองรับว่า การรับประทานคอลลาเจนจะช่วยให้ผิวใสเด้งจริงดังคำโฆษณา

วิตามินทุกตัวไม่ใช่ขนมนะคะ ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนรับประทาน ว่าจำเป็นหรือไม่ ควรรับประทานอย่างไร มีผลข้างเคียงอะไรบ้าง จึงจะปลอดภัยสูงสุด

(ขอขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก พ.ญ. ธิดากานต์ รุจิพัฒนกุล เวชศาสตร์ชะลอวัย สมิติเวช สุขุมวิท
ที่มา : http://www.samitivejhospitals.com/healtharticle_detail/วิตามินและอาหารเสริมที่ไม่คุ้มค่าเงิน_1198/th)


IP : บันทึกการเข้า

ฟาร์มไส้เดือนงามดี สาขาเชียงราย
จัดจำหน่าย มูลไส้เดือนแท้ 100%

("คนเลี้ยงดิน ดินเลี้ยงพืช พืชเลี้ยงคน")

โทรศัพท์ : 084-545-6163
ฟาร์มไส้เดือนงามดี สาขาเชียงราย
จำหน่ายมูลไส้เดือนแท้ 100% (เชียงราย) Tel.084-545-6163
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 705


จำหน่ายมูลไส้เดือนแท้ 100% (เชียงราย)


« ตอบ #35 เมื่อ: วันที่ 23 ธันวาคม 2013, 17:52:52 »

เกร็ดความรู้วันละนิด ชีวิตแจ่มใส # 18

ถั่วเขียว

เรื่อง ถั่วเขียว อาหารดับร้อน

อากาศร้อน หลังทำงานเหน็ดเหนื่อย กินถั่วเขียวต้มสักชามก็จะรู้สึกชุ่มฉ่ำใจ แก้กระหายน้ำได้เป็นอย่างดี

ถ้านอนดึกมีอาการร้อนใน หรือตาแดง เจ็บคอ ท้องผูก ถ้าต้มถั่วเขียวกินก็จะทำให้อาการดังกล่าวหายไป เราสามารถเลือกกินได้ทั้งร้อนหรือเย็น หวานหรือจืดก็ได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละบุคคล

ชื่อวิทยาศาสตร์ Vigna radiate L. วงศ์ Leguminosae

หน้าร้อน ผิวหนังมักเป็นผดผื่นคัน ใช้ถั่วเขียว ใบบัว และน้ำตาลทราย ต้มกินน้ำ ก็จะทำให้อาการผดผื่นคันบรรเทาและหายไป หรือจะเอาถั่วเขียวที่ต้มแล้วพอกบริเวณผดผื่นคัน ก็จะทำให้หายเร็วขึ้น

หน้าร้อนต้มถั่วเขียวกิน จะมีประโยชน์ต่อร่างกายมาก เนื่องจากในหน้าร้อน เมตาโบลิซึมของร่างกายสูง ทำให้เหงื่อออกมาก ร่างกายสูญเสียพลังงานไปมาก ถั่วเขียวนอกจากจะสามารถแก้ร้อน ลดอาการกระหายน้ำ ทำให้ร่างกายสดชื่นและขับปัสสาวะแล้ว ถั่วเขียวยังอุดมไปด้วยโปรตีนกลุ่มวิตามินบี แคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก เป็นต้น ซึ่งล้วนแต่มีประโยชน์ต่อร่างกายทั้งสิ้น

แป้งที่ทำจากถั่วเขียว แก้ร้อนใน ฝี และแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก

เปลือกหุ้มเมล็ด (สีเขียว) มีสรรพคุณรักษาโรคตาต่างๆ เช่น ตาแดง ตาอักเสบ
ถั่วงอกจากถั่วเขียว หรือดอกต้นถั่วเขียว แก้อาการเมาเหล้า ใบถั่วเขียวตำให้แหลกคั้นน้ำ เติมน้ำส้มสายชูลงไปเล็กน้อย ทำให้อุ่น แก้กินน้ำ แก้อาการอาเจียนและท้องเดิน

สรรพคุณ
ถั่วเขียว แก้ร้อนในกระหายน้ำ ขับปัสสาวะ รักษาฝี
เปลือก (สีเขียว) แก้ร้อนใน กระหายน้ำ ทำให้ตาสว่าง รักษาตาอักเสบ
ถั่วงอก แก้พิษเหล้า

ตำรับยา
1. คางทูม (เป็นใหม่) ต้มถั่วเขียว 70 กรัม จนใกล้สุก ใส่แกนกะหล่ำปลีลงไป 2 หัว ต้มอีก 15 นาที กินเฉพาะน้ำ วันละ 2 ครั้ง อาการคางทูมก็จะหาย
2. อาเจียน (จากการดื่มเหล้า) ให้ดื่มน้ำถั่วเขียวพอประมาณ
3. ตาพร่า ตาอักเสบ ต้มถั่วเขียวกินครั้งละ 15-20 กรัม เป็นประจำ

สารเคมีที่พบในเปลือก (สีเขียว) ของถั่วเขียว มีโปรตีน 79.0 %
มีกรด Amino หลายชนิดคือ Aspartic acid 94.42 ม.ก./กรัม Thrconine 24.98 ม.ก./กรัม Serine 41.73 ม.ก./กรัม Glutamic acid 145.77 ม.ก./กรัม Proline 29.84 ม.ก./กรัม Glycine 27.92 ม.ก./กรัม Alanine 32.18 ม.ก./กรัม Valine 40.05 ม.ก./กรัม Cystine 3.78 ม.ก./กรัม Methionine 10.02 ม.ก./กรัม Iso-leucine 33.40 ม.ก./กรัม Leucine 67.02 ม.ก./กรัม Tyrosine 26.42 ม.ก./กรัม Phenylalanine 51.04 ม.ก./กรัม Lysine 52.44 ม.ก./กรัม Histidine 19.26 ม.ก./กรัม Arginine 50.24 ม.ก./กรัม Tryptophan 9.02 ม.ก./กรัม

ของว่างวันนี้ ต้มถั่วเขียวนมสด

จัดการต้มถั่วเขียวที่แช่ตั้งแต่ เมื่อคืนนี้ คงต้มได้แล้วนะ
นำมาแช่ในนํ้า หนึ่งคืน แช่ถั่วจนได้ที่แล้ว จัดการมาต้มกินดีกว่า
ผลของการโดนต้ม(ถั่วเขียว)จนเปื่อยดีแล้ว ใส่นมสดลงไป
จะใส่กะทิแทนได้ ตามด้วยความหวานของนํ้าตาลทรายใส่ลงไปตามใจชอบ แค่นี้ก็ได้อาหารว่างง่าย ๆ แต่เต็มเปี่ยมไปด้วยประโยชน์ที่ดีต่อสุขภาพ

(ที่มา: http://www.doctor.or.th/article/detail/4515)


IP : บันทึกการเข้า

ฟาร์มไส้เดือนงามดี สาขาเชียงราย
จัดจำหน่าย มูลไส้เดือนแท้ 100%

("คนเลี้ยงดิน ดินเลี้ยงพืช พืชเลี้ยงคน")

โทรศัพท์ : 084-545-6163
ฟาร์มไส้เดือนงามดี สาขาเชียงราย
จำหน่ายมูลไส้เดือนแท้ 100% (เชียงราย) Tel.084-545-6163
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 705


จำหน่ายมูลไส้เดือนแท้ 100% (เชียงราย)


« ตอบ #36 เมื่อ: วันที่ 25 ธันวาคม 2013, 21:04:00 »

เกร็ดความรู้วันละนิด ชีวิตแจ่มใส # 19

ทุเรียน

เรื่อง ทานทุเรียนอย่างไรให้ถูก ไม่กลัวอ้วน ??

ไขมันที่พบอยู่ในเนื้อทุเรียนนั้นก็เป็นไขมันชนิดดี และมีประโยชน์กับร่างกาย ช่วยลดคอเลสเตอรอลได้ ทั้งนี้ต้องกินในปริมาณที่พอเหมาะ
ซึ่งตามปริมาณตามที่กระทรวงสาธารณสุขแนะนำนั้น แนะนำให้กินครั้งละไม่เกิน 2 เม็ดขนาดกลาง น้ำหนักเฉพาะเนื้อประมาณ 100 กรัม ซึ่งจะให้พลังงาน 187 กิโลแคลอรี
ในคนที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือด ให้ระวังการกินทุเรียน ยังสามารถกินได้แต่ควรกินในปริมาณที่น้อยกว่าคนปกติ ที่สำคัญคือ ห้ามกินทุเรียนคู่กับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นอันขาดนะครับ

(ที่มา: http://www.manager.co.th/)


IP : บันทึกการเข้า

ฟาร์มไส้เดือนงามดี สาขาเชียงราย
จัดจำหน่าย มูลไส้เดือนแท้ 100%

("คนเลี้ยงดิน ดินเลี้ยงพืช พืชเลี้ยงคน")

โทรศัพท์ : 084-545-6163
ฟาร์มไส้เดือนงามดี สาขาเชียงราย
จำหน่ายมูลไส้เดือนแท้ 100% (เชียงราย) Tel.084-545-6163
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 705


จำหน่ายมูลไส้เดือนแท้ 100% (เชียงราย)


« ตอบ #37 เมื่อ: วันที่ 29 ธันวาคม 2013, 11:20:36 »

เกร็ดความรู้วันละนิด ชีวิตแจ่มใส # 20

ถั่วลิสง

เรื่อง เคล็ดลับการคั่วถั่วลิสง

จะคั่วถั่ว-ลิสง ให้กรุบกรอบ
มีคำตอบ มาแบ่งปัน ฉันท์เพื่อนฝูง
ลองทำดู ได้หรือไม่ ใช่ชักจูง
ร่วงหรือรุ่ง อย่าชักช้า มาลองกัน

เลือกซื้อถั่ว เม็ดเล็ก ที่สดใหม่
มีหลากหลาย ยี่ห้อ ให้เลือกสรร
ถั่วเม็ดเล็ก คั่วแล้วหอม ดีกว่ากัน
เม็ดใหญ่นั้น แค่ดูดี มีราคา

ก่อนจะคั่ว เลือกถั่วเสีย ออกสักหน่อย
แม้มีรา เพียงเล็กน้อย อย่ากังขา
สีดำดำ หรือเขียวเขียว มีเชื้อรา
คัดออกมา ทิ้งไปนะ อย่าเสียดาย

แล้วนำถั่ว มาล้างน้ำ ให้สะอาด
อย่าได้หวาด ว่าจะทำ ให้เสียหาย
วิธีนี้ อาจไม่เคย เลยสักราย
แต่ถั่วจะ คั่วสบาย กรอบต่างกัน

รินน้ำทิ้ง เหลือน้ำไว้ สักเล็กน้อย
ตั้งกระทะ เปิดไฟคอย อย่าได้หวั่น
เททั้งถั่ว และน้ำ ลงฉับพลัน
ค่อยค่อยคั่ว ไปอย่างนั้น ไฟแรงแรง

ให้น้ำเดือด จนถั่วสุก ทุกถ้วนทั่ว
ไม้ต้องกลัว ถั่วเหม็นเขียว อย่างคั่วแห้ง
พอน้ำเดือด งวดลง ค่อยจัดแจง
หรี่ไฟจาก แรงแรง ให้อ่อนพลัน

คั่วถั่วไป เรื่อยเรื่อย ไฟอ่อนอ่อน
อย่าใจร้อน เร่งไฟ ให้นึกหวั่น
ถั่วจะไหม้ ได้นะถ้า คั่วไม่ทัน
โปรดเชื่อฉัน สักครั้ง ยับยั้งใจ

เมื่อคั่วถั่ว ได้ที่ สีเหลือง-กรอบ
สีอ่อนแก่ ตามใจชอบ คุณเลือกได้
นำถั่วมา เลาะเปลือกออก สบายสบาย
ถั่วที่ได้ จะกรอบนาน วานลองดู

ขออธิบายเพิ่มเติมกันหน่อยนะครับ จะได้แจ่มแจ้ง

หลาย ๆ คน มีปัญหากับการคั่วถั่วลิสง บางทีถั่วคั่วไม่สุกดีทั้งกระทะ บางเม็ดเหม็นเขียว บางทีถั่วก็ไม่กรอบ หรือกรอบไม่นาน เผลอลืมเปิดฝากระป๋องที่เก็บถั่ว ถั่วโดนลมแป๊บเดียวก็หายกรอบเสียแล้ว บางคนเผลอไผลใช้ไฟแรงหน่อย ถั่วก็ไหม้แล้ว ของที่ดูเหมือนง่าย ๆ แต่มันก็ไม่ง่ายอย่างที่คิดเสมอไป แล้วจะคั่วถั่วอย่างไร ที่จะทำให้ได้ถั่วสุกทั่วกันทั้งกระทะ และกรอบนาน...

เท่าที่เห็นมา เวลาใครจะคั่วถั่วลิสง เค้าก็มักจะซื้อถั่วลิสงมา แล้วก็ทำการใส่กระทะคั่วเลย บางคนอาจจะดีหน่อย ตรงที่เลือกยี่ห้อ แล้วนำถั่วมาคัดเม็ดเสีย ๆ ออกก่อน แล้วก็นำถั่วไปคั่วเลย ผมแทบไม่เคยเห็นใครนำถั่วลิสงไปล้างน้ำเสียก่อน แล้วค่อยนำถั่วนั้น ๆ มาคั่วเลยนะครับ ทีจะหุงข้าง ยังต้องซาวข้าวก่อน หรือคิดว่าถั่วมันสะอาดกว่าข้าว เลยไม่จำเป็นต้องล้าง ??

การนำถั่วลิสงมาล้างน้ำให้สะอาดก่อน กลับเป็นเคล็ดลับสำคัญที่ทำให้ถั่วลิสงคั่วนั้นสุกทั่วทั้งกระทะ และจะไม่เหม็นเขียวเลยแม้แต่เม็ดเดียว อีกทั้งยังสุกกรอบดีกว่าการคั่วโดยไม่ได้ผ่านการล้างน้ำเสียก่อน ที่เป็นเช่นนั้น เพราะเมื่อน้ำที่หลงเหลืออยู่ในกระทะ เมื่อนำเดือด น้ำร้อน ๆ จะช่วยทำให้ถั่วในกระทะสุกทั่วทั้งเม็ดได้อย่างง่ายดาย และเมื่อถั่วสุกจนเห็นเป็นเม็ดใส ๆ แต่ยังไม่กรอบ ถ้าหยิบขึ้นมาทานตอนนั้น เราก็จะได้ถั่วลิสงที่มีรสชาติเหมือนถั่วต้มที่เราซื้อหาเป็นฝัก ๆ มาแกะกินนั่นแหละ แต่ดูเหมือนว่า กินถั่วต้มวิธีนี้ จะประหยัดกว่าซื้อถั่วต้มเป็นกระป๋อง ๆ ทานเสียอีกด้วยนะครับ เพราะเราจะได้ถั่วต้มเม็ดสวย ๆ ไม่ลีบ ไม่ฝ่อ ไม่มีเชื้อราให้กังวล –

การคั่วถั่ววิธีนี้ เมื่อเรานำถั่วไปล้างน้ำแล้ว จะล้างครั้งเดียว หรือสองครั้งก็สุดแล้วแต่เราว่าต้องการให้สะอาดขนาดไหน ผมมักจะล้าง 2-3 ครั้ง เพื่อล้างฝุ่นและสิ่งสกปรกให้หมดไป เมื่อเทน้ำสุดท้ายทิ้ง ผมจะเหลือน้ำหน่อย ให้พอขลุกขลิก แล้วตั้งกระทะไฟแรง ใส่ถั่วและน้ำที่เหลือลงไปคั่วครับ เมื่อน้ำเดือดระอุ ผมก็ยังคั่วถั่วด้วยไฟแรงไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งน้ำงวดแห้งลง ผมจึงจะลดไฟเป็นไฟอ่อน ๆ เหมือนเราคั่วถั่วลิสงปกติ โดยคั่วไปเรื่อย ๆ เพื่อให้ความร้อนกระจายไปทั่วทุกเม็ด เพื่อให้เนื้อแห้งสุกกรอบดี

การคั่วถั่วปกติ ผมชอบใช้ไฟอ่อนมาก ๆ เพราะจะได้ถั่วคั่วสีสวยและกรอบนานมาก กว่าจะได้ถั่วแห้งกรอบดี ต้องใช้เวลานานมาก “แต่ยิ่งถั่วอยู่ในกระทะนานเท่าไหร่ ถั่วก็จะยิ่งกรอบนานเท่านั้น” ทั้งนี้จะต้องไม่ทำให้ถั่วไหม้นะครับ ถ้าถั่วไหม้แล้ว จะแก้ไขก็คงไม่ได้ ต้องเททิ้งอย่างเดียวเท่านั้น ดังนั้น เวลาคั่วถั่ว ห้ามหยุดไปทำอะไรอย่างอื่นเด็ดขาดครับ ต้องใจเย็น ๆ นะครับ

จากการสังเกตของผม เมื่อผมนำถั่วคั่ววิธีนี้มาเลาะเปลือก ถั่วมักจะไม่แตกแยกจากกันเป็นซึก ๆ แต่จะได้ถั่วเป็นเม็ด ๆ สวยงาม เว้นแต่ผมจะใจร้อน เอามือบี้ถั่วแรง ๆ เพราะความเร่งรีบความ ผมเคยคั่วถั่ววิธีนี้ แล้วรอให้เย็นลงก่อนเก็บใส่ถุงพลาสติก รัดยางแน่นหนา เวลาผ่านไปสองสัปดาห์ ถั่วก็ยังกรอบหอม ไม่เหม็นหืนครับ ลองดูนะครับ อาจจะดูแผลง ๆ ไปหน่อย แต่รับรองว่าใช้ได้ผลดีมาก ๆ ครับ

เคล็ดลับแผลง ๆ แบบนี้ ยังมีอีกเพียบครับ มีเวลาก็จะนำมาแบ่งปันกันไปครับ ใครใคร่คั่วแบบวิธีเดิม ๆ ก็ทำไป แต่ใครชอบของแปลกใหม่ ก็ลองไปได้เรื่อย ๆ ผลลัพธ์ไม่ได้แตกต่างกันมากมาย ยังไงก็ได้ถั่วลิสงคั่วมากินเล่นเหมือน ๆ กันครับ

(ที่มา: http://topicstock.pantip.com/food/topicstock/2011/05/D10544365/D10544365.html)


IP : บันทึกการเข้า

ฟาร์มไส้เดือนงามดี สาขาเชียงราย
จัดจำหน่าย มูลไส้เดือนแท้ 100%

("คนเลี้ยงดิน ดินเลี้ยงพืช พืชเลี้ยงคน")

โทรศัพท์ : 084-545-6163
Black majic
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 265


« ตอบ #38 เมื่อ: วันที่ 29 ธันวาคม 2013, 20:16:35 »

---- [ จำหน่าย มูลไส้เดือนแท้ 100% "ดินดีคือดินที่มีชีวิต"] ----



จัดจำหน่ายโดย : ฟาร์มบ้านมูลไส้เดือน จังหวัดเชียงราย

สนใจสั่งซื้อ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ โทร. 085-0668907 หรือ ฝากข้อความทาง pm ได้นะครับ
(ไม่ซื้อก็สอบถามได้ครับ)



ราคาของมูลไส้เดือนแท้ 100% (อาหารทางรากของพืช)

•   ประเภทถุงขนาด 1 กิโลกรัม (มารับสินค้าเองที่ฝั่งหมิ่น หมู่บ้านสันตาลเหลือง ริมกก ทางไปสนามบินเชียงราย)

            1        ถุง            ถุงละ       40 บาท    

            3        ถุง            ถุงละ     100 บาท    

•   ประเภทกระสอบขนาด 25 กิโลกรัม

           25    กิโลกรัม   เฉลี่ยกิโลละ 32 บาท     จำนวน  1 กระสอบ     รวม        700     บาท

      1,000    กิโลกรัม   เฉลี่ยกิโลละ 25 บาท     จำนวน 40 กระสอบ    รวม    25,000    บาท

ราคาของน้ำหมักมูลไส้เดือนแท้ 100% (อาหารทางรากของใบ)
     
•   น้ำหมักมูลไส้เดือน ลิตรละ 50 บาท (มารับสินค้าเองที่ฝั่งหมิ่น หมู่บ้านสันตาลเหลือง ริมกก ทางไปสนามบินเชียงราย)



มูลไส้เดือนดิน

              มูลไส้เดือนดินจะมีส่วนประกอบของกรดฮิวมิคซึ่งเป็นตัวกักเก็บธาตุอาหารที่จำเป็นต่อพืชหลายชนิด เช่น ฟอสฟอรัส (P) โพแทสเซียม (K) แคลเซียม (Ca) เหล็ก (Fe) และทองแดง (Cu) ซึ่งธาตุอาหารเหล่านี้จะถูกเก็บอยู่ในโมเลกุลของกรดฮิวมิค อยู่ในรูปพร้อมใช้ และจะถูกปลดปล่อยออกมาเมื่อพืชต้องการ

ประโยชน์ขั้นพื้นฐานของมูลไส้เดือนดินมีดังต่อไปนี้

1.ช่วยปรับสภาพดินให้ดีขึ้นโดยทำให้มีการรวมตัวของดินอย่างเหมาะสมตามธรรมชาติ
2.เป็นสารอินทรีย์ 100%
3.ปลอดสารพิษ และพบว่าปริมาณธาตุโลหะหนักในมูลไส้เดือนดินนั้น ต่ำกว่าที่ทางราชการกำหนดให้มีได้ถึง 10 เท่า (เป็นการสนับสนุนผลงานค้นคว้าเมื่อปี ค.ศ.2001 โดยคณะนักชีวะวิทยา มหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย สหรัฐฯ พบว่าสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังบางชนิดสามารถขจัดความเป็นพิษของธาตุโลหะหนักได้)
4.ไม่ทำให้เกิดรากไหม้ในพืชแม้ใช้ในปริมาณที่มาก
5.ปราศจากกลิ่นและมีฤทธิ์ในการดับกลิ่น
6.ยับยั้งการเจริญของเชื้อราที่เป็นกับพืชและมีฤทธิ์ในการขับแมลง (ด้วยชนิดน้ำตามเปอร์เซ็นต์ที่เหมาะสมเท่านั้น)
7.ช่วยให้พืชมีการเจริญเติบโตดีขึ้นตามธรรมชาติ
8.หลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีกำจัดแมลง และศัตรูพืช

คำถามน่ารู้เกี่ยวกับมูลไส้เดือน

1.มูลไส้เดือนดินคืออะไร?
ตอบ : มูลไส้เดือนดินคือสิ่งขับถ่ายภายหลังการย่อยอาหารของไส้เดือนดินที่อุดมไปด้วยจุลินทรีย์ที่ยังมีชีวิตรวมทั้งสารชีวะเคมีที่มีประสิทธิภาพช่วยให้พืชเจริญเติบโตได้ดี แต่มูลไส้เดือนที่ได้จากต่างสิ่งแวดล้อมย่อมมีคุณภาพแตกต่างกันตามองค์ประกอบอาหารที่ไส้เดือนได้รับ เช่น ในที่กันดารปราศจากอาหารที่มีคุณค่าหรือเศษซากพืชที่ดีย่อมให้มูลไส้เดือนดินที่มีคุณภาพต่ำกว่าจากที่ที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยเศษซากพืชหรือมูลสัตว์ที่ไส้เดือนต้องการ

2.จุลินทรีย์สำหรับดินคืออะไร?
ตอบ : คือจุลินทรีย์ที่ดำรงค์ชีพในดินได้แก่ แบคทีเรีย แอมมีบ้า โปรโตซัว รา นีมาโทด จุลิทรีย์เหล่านี้จะดำรงชีพอยู่ได้ด้วยการย่อยสารอินทรีย์ที่มีอยู่ในดินเพื่อการเจริญเติบโตและขยายพันธุ์ของมันแต่สิ่งที่เหลือจาการย่อยสลายนั้นคือสารอาหารพร้อมใช้สำหรับรากพืช ในดินที่อุดมสมบูรณ์จะมีจุลินทรีย์ประเภทนี้นับไม่ถ้วนในหนึ่งช้อนชานับเฉพาะแบคทีเรียเพียงอย่างเดียวจะพบว่ามีแบคทีเรียต่างชนิดกันกว่าแสนชนิด  จุลินทรีย์เหล่านี้เป็นองค์ประกอบสำคัญสำหรับการคงอยู่ของสภาพแวดล้อมของโลกเรา มันจะทำหน้าที่ในการย่อยสลายสารอินทรีย์ที่ตายแล้วให้กลายเป็นสารสำคัญที่เป็นประโยชน์สำหรับการเจริญเติบโตของพืชต่อไป

3.ทำไมมูลไส้เดือนดินจึงมีประโยชน์เหนือกว่าปุ๋ยชนิดอื่นหรือปุ๋ยหมัก ธรรมดา?
ตอบ : มูลไส้เดือนดินมีจุลินทรีย์หลากหลายชนิดมากกว่าที่พบในปุ๋ยหมักธรรมดา นอกจากนั้นเมื่อ ปี พ.ศ.2545 หรือ ค.ศ.2002 ได้มีรายงานการวิจัยพบสารฮอร์โมนสำคัญเพื่อการเจริญเติบโตของพืชในมูลไส้เดือนดินเพิ่มขึ้นจากเดิม ทำให้แน่ใจได้ว่าในมูลไส้เดือนดินมีสารต่างๆดังนี้ ฮิวเมท (Humates) ออกซิน (Auxins) ไคเนติน (Kinetins) จิเบอเรลริล (Giberellin)  และไซโตไคนิน (Cytokinin) เป็นตัวควบคุมการเจริญเติบโตของพืช ปัจจุบันวิทยาศาสตรเพิ่งเริ่มเข้าใจความสำคัญของสารอินทรีย์เหล่านี้ว่าทำหน้าที่ต่างๆเช่นกระตุ้นการเจริญเติบโตของเซลล์พืช  ทำให้รากรับอาหารไปใช้ การหันหน้าของดอกไม้เข้ารับแสงแดด ควบคุมความยาวของเซลล์และแม้กระทั่งทำหน้าที่เป็นสารต้านการแก่ตัวของพืชไม่ให้เน่าเปื่อยเร็ว นอกจากนั้นยังค้นพบว่ามีเอนไซม์ไคติเนส (Kitinase)ซึ่งสามารถละลายไคตินสารชีวะเคมีชนิดหนึ่งที่ประกอบกันเป็นเปลือกชั้นนอกของแมลงด้วยเหตุนี้มูลไส้เดือนดินจึงมีฤทธิ์ในการขับแมลงด้วย

4.มูลไส้เดือนดินมีประสิทธิภาพในการระงับโรคและแมลงที่เป็นภัยกับพืชได้หรือไม่?
ตอบ : คือได้ พืชที่ได้รับสารอาหารหลากหลายชนิดตามธรรมชาติย่อมเจริญเติบโตแข็งแรงทนทานต่อโรคและงามกว่าพืชที่ได้รับสารอาหารจำกัดในรูปสารเคมีเช่น NPK  โรคพืชและแมลงจะทำลายเฉพาะพืชที่อ่อนแอหรือใกล้ตายมากกว่าพืชที่แข็งแรงและสมบูรณ์ดังนั้นการใช้สารNPKล้วนๆจึงจำเป็นต้องใช้ยาฆ่าแมลงร่วมด้วยตลอดเวลา

5.มูลไส้เดือนดินปลอดภัยต่อสภาพแวดล้อมหรือไม่?
ตอบ : แน่นอน มูลไส้เดือนดินไม่เป็นภัยต่อเด็ก สัตว์เลี้ยง สัตว์ป่า และดิน  มูลไส้เดือนดินเกิดโดยกระบวนการทางธรรมชาติจากการกินสารอิทรีย์ของไส้เดือนดินไม่มีสิ่งที่เป็นสารสังเคราะห์หรือปิโตรเคมีเจือปนแต่อย่างใด ตามความเป็นจริงแล้วได้มีการใช้มูลไส้เดือนในรูปของ Worm tea หรือชนิดน้ำในประเทศไทยรู้จักกันในชื่อปุ๋ยน้ำชีวะภาพมูลไส้เดือนดิน  ในสหรัฐฯใช้สำหรับปลูกหญ้าเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ก่อนหน้านี้นิยมใช้เป็นสารอินทรีย์ขจัดเชื้อราสำหรับพืช ปัจจุบันได้มีการใช้สำหรับสนามหญ้าตามบ้านได้ผลดีกว่าการใช้สารเคมี หญ้างามและสมบูรณ์ลดจำนวนหญ้าตายหญ้าแห้งลงได้และดินมีสภาพอุ้มน้ำได้ดีขึ้นเท่ากับเป็นการลดผลร้ายจากการใช้สารเคมีที่มีต่อน้ำผิวดินและน้ำบาดาลซึ่งอาจเป็นผลร้ายต่อทุกชีวิต

6.มูลไส้เดือนดินมีสารอาหารสำหรับพืชได้แก่ ไนโตรเจน  ฟอสฟอรัส  โปแตสเซียม สูงมากหรือไม่?
ตอบ : ไม่สูงมาก เช่นเดียวกับปุ๋ยอินทรีย์ทั่วไปจะมีสารอาหารดังกล่าวในปริมาณที่ทางราชการกำหนดซึ่งเพียงพอต่อการเจริญเติบโตของพืช(ไม่มากเกินพอเพราะอาจเป็นปัญหาตกค้างในดินได้)

7.ประโยชน์ขั้นพื้นฐานของมูลไส้เดือนดินคืออะไร?
ในขณะนี้ได้มีการเขียนหนังสือเป็นจำนวนมากเกี่ยวกับประโยชน์ที่ได้รับ จากการใช้มูลไส้เดือนดิน (Vermicast) และน้ำชีวะภาพมูลไส้เดือนดิน (Worm tea) และยังมีการศึกษาค้นคว้าระดับมหาวิทยาลัยทั่วโลก
      
(หมายเหตุ : ข้อมูลของมูลไส้เดือนทั้งหมดอ้างอิงจากฟาร์มไส้เดือนงามดี จังหวัดสมุทรปราการ)

500 ก.ก. เท่าไหร่ครับ
IP : บันทึกการเข้า
ฟาร์มไส้เดือนงามดี สาขาเชียงราย
จำหน่ายมูลไส้เดือนแท้ 100% (เชียงราย) Tel.084-545-6163
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 705


จำหน่ายมูลไส้เดือนแท้ 100% (เชียงราย)


« ตอบ #39 เมื่อ: วันที่ 30 ธันวาคม 2013, 11:42:45 »

---- [ จำหน่าย มูลไส้เดือนแท้ 100% "ดินดีคือดินที่มีชีวิต"] ----



จัดจำหน่ายโดย : ฟาร์มบ้านมูลไส้เดือน จังหวัดเชียงราย

สนใจสั่งซื้อ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ โทร. 085-0668907 หรือ ฝากข้อความทาง pm ได้นะครับ
(ไม่ซื้อก็สอบถามได้ครับ)



ราคาของมูลไส้เดือนแท้ 100% (อาหารทางรากของพืช)

•   ประเภทถุงขนาด 1 กิโลกรัม (มารับสินค้าเองที่ฝั่งหมิ่น หมู่บ้านสันตาลเหลือง ริมกก ทางไปสนามบินเชียงราย)

            1        ถุง            ถุงละ       40 บาท    

            3        ถุง            ถุงละ     100 บาท    

•   ประเภทกระสอบขนาด 25 กิโลกรัม

           25    กิโลกรัม   เฉลี่ยกิโลละ 32 บาท     จำนวน  1 กระสอบ     รวม        700     บาท

      1,000    กิโลกรัม   เฉลี่ยกิโลละ 25 บาท     จำนวน 40 กระสอบ    รวม    25,000    บาท

ราคาของน้ำหมักมูลไส้เดือนแท้ 100% (อาหารทางรากของใบ)
     
•   น้ำหมักมูลไส้เดือน ลิตรละ 50 บาท (มารับสินค้าเองที่ฝั่งหมิ่น หมู่บ้านสันตาลเหลือง ริมกก ทางไปสนามบินเชียงราย)



มูลไส้เดือนดิน

              มูลไส้เดือนดินจะมีส่วนประกอบของกรดฮิวมิคซึ่งเป็นตัวกักเก็บธาตุอาหารที่จำเป็นต่อพืชหลายชนิด เช่น ฟอสฟอรัส (P) โพแทสเซียม (K) แคลเซียม (Ca) เหล็ก (Fe) และทองแดง (Cu) ซึ่งธาตุอาหารเหล่านี้จะถูกเก็บอยู่ในโมเลกุลของกรดฮิวมิค อยู่ในรูปพร้อมใช้ และจะถูกปลดปล่อยออกมาเมื่อพืชต้องการ

ประโยชน์ขั้นพื้นฐานของมูลไส้เดือนดินมีดังต่อไปนี้

1.ช่วยปรับสภาพดินให้ดีขึ้นโดยทำให้มีการรวมตัวของดินอย่างเหมาะสมตามธรรมชาติ
2.เป็นสารอินทรีย์ 100%
3.ปลอดสารพิษ และพบว่าปริมาณธาตุโลหะหนักในมูลไส้เดือนดินนั้น ต่ำกว่าที่ทางราชการกำหนดให้มีได้ถึง 10 เท่า (เป็นการสนับสนุนผลงานค้นคว้าเมื่อปี ค.ศ.2001 โดยคณะนักชีวะวิทยา มหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย สหรัฐฯ พบว่าสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังบางชนิดสามารถขจัดความเป็นพิษของธาตุโลหะหนักได้)
4.ไม่ทำให้เกิดรากไหม้ในพืชแม้ใช้ในปริมาณที่มาก
5.ปราศจากกลิ่นและมีฤทธิ์ในการดับกลิ่น
6.ยับยั้งการเจริญของเชื้อราที่เป็นกับพืชและมีฤทธิ์ในการขับแมลง (ด้วยชนิดน้ำตามเปอร์เซ็นต์ที่เหมาะสมเท่านั้น)
7.ช่วยให้พืชมีการเจริญเติบโตดีขึ้นตามธรรมชาติ
8.หลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีกำจัดแมลง และศัตรูพืช

คำถามน่ารู้เกี่ยวกับมูลไส้เดือน

1.มูลไส้เดือนดินคืออะไร?
ตอบ : มูลไส้เดือนดินคือสิ่งขับถ่ายภายหลังการย่อยอาหารของไส้เดือนดินที่อุดมไปด้วยจุลินทรีย์ที่ยังมีชีวิตรวมทั้งสารชีวะเคมีที่มีประสิทธิภาพช่วยให้พืชเจริญเติบโตได้ดี แต่มูลไส้เดือนที่ได้จากต่างสิ่งแวดล้อมย่อมมีคุณภาพแตกต่างกันตามองค์ประกอบอาหารที่ไส้เดือนได้รับ เช่น ในที่กันดารปราศจากอาหารที่มีคุณค่าหรือเศษซากพืชที่ดีย่อมให้มูลไส้เดือนดินที่มีคุณภาพต่ำกว่าจากที่ที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยเศษซากพืชหรือมูลสัตว์ที่ไส้เดือนต้องการ

2.จุลินทรีย์สำหรับดินคืออะไร?
ตอบ : คือจุลินทรีย์ที่ดำรงค์ชีพในดินได้แก่ แบคทีเรีย แอมมีบ้า โปรโตซัว รา นีมาโทด จุลิทรีย์เหล่านี้จะดำรงชีพอยู่ได้ด้วยการย่อยสารอินทรีย์ที่มีอยู่ในดินเพื่อการเจริญเติบโตและขยายพันธุ์ของมันแต่สิ่งที่เหลือจาการย่อยสลายนั้นคือสารอาหารพร้อมใช้สำหรับรากพืช ในดินที่อุดมสมบูรณ์จะมีจุลินทรีย์ประเภทนี้นับไม่ถ้วนในหนึ่งช้อนชานับเฉพาะแบคทีเรียเพียงอย่างเดียวจะพบว่ามีแบคทีเรียต่างชนิดกันกว่าแสนชนิด  จุลินทรีย์เหล่านี้เป็นองค์ประกอบสำคัญสำหรับการคงอยู่ของสภาพแวดล้อมของโลกเรา มันจะทำหน้าที่ในการย่อยสลายสารอินทรีย์ที่ตายแล้วให้กลายเป็นสารสำคัญที่เป็นประโยชน์สำหรับการเจริญเติบโตของพืชต่อไป

3.ทำไมมูลไส้เดือนดินจึงมีประโยชน์เหนือกว่าปุ๋ยชนิดอื่นหรือปุ๋ยหมัก ธรรมดา?
ตอบ : มูลไส้เดือนดินมีจุลินทรีย์หลากหลายชนิดมากกว่าที่พบในปุ๋ยหมักธรรมดา นอกจากนั้นเมื่อ ปี พ.ศ.2545 หรือ ค.ศ.2002 ได้มีรายงานการวิจัยพบสารฮอร์โมนสำคัญเพื่อการเจริญเติบโตของพืชในมูลไส้เดือนดินเพิ่มขึ้นจากเดิม ทำให้แน่ใจได้ว่าในมูลไส้เดือนดินมีสารต่างๆดังนี้ ฮิวเมท (Humates) ออกซิน (Auxins) ไคเนติน (Kinetins) จิเบอเรลริล (Giberellin)  และไซโตไคนิน (Cytokinin) เป็นตัวควบคุมการเจริญเติบโตของพืช ปัจจุบันวิทยาศาสตรเพิ่งเริ่มเข้าใจความสำคัญของสารอินทรีย์เหล่านี้ว่าทำหน้าที่ต่างๆเช่นกระตุ้นการเจริญเติบโตของเซลล์พืช  ทำให้รากรับอาหารไปใช้ การหันหน้าของดอกไม้เข้ารับแสงแดด ควบคุมความยาวของเซลล์และแม้กระทั่งทำหน้าที่เป็นสารต้านการแก่ตัวของพืชไม่ให้เน่าเปื่อยเร็ว นอกจากนั้นยังค้นพบว่ามีเอนไซม์ไคติเนส (Kitinase)ซึ่งสามารถละลายไคตินสารชีวะเคมีชนิดหนึ่งที่ประกอบกันเป็นเปลือกชั้นนอกของแมลงด้วยเหตุนี้มูลไส้เดือนดินจึงมีฤทธิ์ในการขับแมลงด้วย

4.มูลไส้เดือนดินมีประสิทธิภาพในการระงับโรคและแมลงที่เป็นภัยกับพืชได้หรือไม่?
ตอบ : คือได้ พืชที่ได้รับสารอาหารหลากหลายชนิดตามธรรมชาติย่อมเจริญเติบโตแข็งแรงทนทานต่อโรคและงามกว่าพืชที่ได้รับสารอาหารจำกัดในรูปสารเคมีเช่น NPK  โรคพืชและแมลงจะทำลายเฉพาะพืชที่อ่อนแอหรือใกล้ตายมากกว่าพืชที่แข็งแรงและสมบูรณ์ดังนั้นการใช้สารNPKล้วนๆจึงจำเป็นต้องใช้ยาฆ่าแมลงร่วมด้วยตลอดเวลา

5.มูลไส้เดือนดินปลอดภัยต่อสภาพแวดล้อมหรือไม่?
ตอบ : แน่นอน มูลไส้เดือนดินไม่เป็นภัยต่อเด็ก สัตว์เลี้ยง สัตว์ป่า และดิน  มูลไส้เดือนดินเกิดโดยกระบวนการทางธรรมชาติจากการกินสารอิทรีย์ของไส้เดือนดินไม่มีสิ่งที่เป็นสารสังเคราะห์หรือปิโตรเคมีเจือปนแต่อย่างใด ตามความเป็นจริงแล้วได้มีการใช้มูลไส้เดือนในรูปของ Worm tea หรือชนิดน้ำในประเทศไทยรู้จักกันในชื่อปุ๋ยน้ำชีวะภาพมูลไส้เดือนดิน  ในสหรัฐฯใช้สำหรับปลูกหญ้าเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ก่อนหน้านี้นิยมใช้เป็นสารอินทรีย์ขจัดเชื้อราสำหรับพืช ปัจจุบันได้มีการใช้สำหรับสนามหญ้าตามบ้านได้ผลดีกว่าการใช้สารเคมี หญ้างามและสมบูรณ์ลดจำนวนหญ้าตายหญ้าแห้งลงได้และดินมีสภาพอุ้มน้ำได้ดีขึ้นเท่ากับเป็นการลดผลร้ายจากการใช้สารเคมีที่มีต่อน้ำผิวดินและน้ำบาดาลซึ่งอาจเป็นผลร้ายต่อทุกชีวิต

6.มูลไส้เดือนดินมีสารอาหารสำหรับพืชได้แก่ ไนโตรเจน  ฟอสฟอรัส  โปแตสเซียม สูงมากหรือไม่?
ตอบ : ไม่สูงมาก เช่นเดียวกับปุ๋ยอินทรีย์ทั่วไปจะมีสารอาหารดังกล่าวในปริมาณที่ทางราชการกำหนดซึ่งเพียงพอต่อการเจริญเติบโตของพืช(ไม่มากเกินพอเพราะอาจเป็นปัญหาตกค้างในดินได้)

7.ประโยชน์ขั้นพื้นฐานของมูลไส้เดือนดินคืออะไร?
ในขณะนี้ได้มีการเขียนหนังสือเป็นจำนวนมากเกี่ยวกับประโยชน์ที่ได้รับ จากการใช้มูลไส้เดือนดิน (Vermicast) และน้ำชีวะภาพมูลไส้เดือนดิน (Worm tea) และยังมีการศึกษาค้นคว้าระดับมหาวิทยาลัยทั่วโลก
      
(หมายเหตุ : ข้อมูลของมูลไส้เดือนทั้งหมดอ้างอิงจากฟาร์มไส้เดือนงามดี จังหวัดสมุทรปราการ)

500 ก.ก. เท่าไหร่ครับ


500 ก.ก. ราคา 15,000 บาทครับ พร้อมจัดส่งสินค้าถึงบ้าน ฟรี !!! ด้วยครับ
ยังไง ถ้าต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมอื่นๆ รบกวนทิ้งเบอร์ไว้หรือติดต่อที่เบอร์ 085-0668907 นะครับ

ทางเรายินดีอย่างยิ่งในเรื่องการบริการและคำแนะนำอื่นๆ

ขอบคุณครับ

ฟาร์มบ้านมูลไส้เดือน เชียงราย
IP : บันทึกการเข้า

ฟาร์มไส้เดือนงามดี สาขาเชียงราย
จัดจำหน่าย มูลไส้เดือนแท้ 100%

("คนเลี้ยงดิน ดินเลี้ยงพืช พืชเลี้ยงคน")

โทรศัพท์ : 084-545-6163
หน้า: 1 [2] 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 ... 19 พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!