เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 26 เมษายน 2024, 02:08:15
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  บอร์ดกลุ่มชมรม
| |-+  ชมรมนักกลอน
| | |-+  ระลึกบ้านเมื่อกาลเก่า
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: 1 [2] พิมพ์
ผู้เขียน ระลึกบ้านเมื่อกาลเก่า  (อ่าน 2250 ครั้ง)
watthanasit
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 248



« ตอบ #20 เมื่อ: วันที่ 11 สิงหาคม 2013, 18:30:36 »




น้ำมันยางเกิดได้ให้อย่างนี้
ตามวิธีที่ว่าไว้ให้ทุกอย่าง
หนึ่งอาทิตย์เก็บมันใหม่ไม่เว้นวาง
วิถีทางเก็บน้ำมันนั้นสนุกดี

หากมียางเป็นร้อยน้อยเมื่อไร
มันยางใสสองปี๊บใช้จึงได้ที่
อีกหนึ่งปี๊บขี้คั่วนั้นพอดี
ต่อแต่นี้ผลิตภัณฑ์นั้นตามมา

มันยางใสใช้ได้ในหลายด้าน
ทาจักสานว่ากันนั้นดีหนา
ทากระด้งฝัดข้าวเข้าตำรา
จะทนกว่าตึงกว่าไม่ทามัน
 
น้ำมันยางเรียกว่า “มันยางใส”
เขานำไปชุบด้ายให้ชื่อ “หมัน”
ตัวผสมหลักมันยางใสให้สำคัญ
ต่างรู้กันทั่วหน้าชาวประมง

เรื่อที่ต่อด้วยไม้ไม่เชื่อมสนิท
จำต้องปิดรอยต่อมิเหลือหลง
“หมัน” นี้เองตัวกันได้มั่นคง
อุดตอกลงรอยร่องตามต้องการ

เชือกด้ายชุบมันยาง “หมัน” ดีนัก
อุดแน่นหนักยัดแน่นเป็นมาตรฐาน
หยอดมันยางตามหลังครั้งเสร็จการ
อีกทาสมานทั่วลำด้วยมันยาง

ปล่อยเรือแห้งทาใหม่ให้หลายซ้ำ
น้ำมันฉ่ำซึมไม้ได้ลึกกว้าง
กันน้ำเค็มกันเพรียงได้สองทาง
น้ำมันจางทาใหม่ไม่ต้องกลัว

พูดถึงไต้ใช้กันนั้นนานนัก
แจ้งประจักษฺคนใต้ใช้กันทั่ว
จุดสว่างไสวไม่มืดมัว
อีกเป็นตัวก่อไฟได้อย่างดี

ขอแนะนำไต้ให้สักหน่อย
จะเรียงร้อยขั้นทำจำถ้วนถี่
วัสดุทำไต้มากมายมี
จะขอชี้ชื่อเห็นเป็นสำคัญ

มันยางใส่ขี้คั่วตัวยืนพื้น
อันสิ่งอื่นที่มีโน้นนี่นั้น
เปลือกเสม็ดเด็ดดีคลุกขี้ชัน
ที่ใช้กันเป็นพื้นกว่าอื่นใด

แทนเสม็ดหนึ่งให้ใช้เปลือกมะพร้าว
สองนั้นเล่าใบปอจงคงกันได้
จะอย่างอื่นทดแทนแค่นว่าไป
ขอเพียงให้ติดไฟได้อย่างดี

ห่อเนื้อใต้ควรทราบใช้กาบหมาก
ถ้าหายากใบเตยเสียเลยนี่
แต่ใบเตยจัดไว้ในเกรดบี
สุดท้ายมีหวายมัดรัดเร็วพลัน
น้ำขั้คั่วผสมมันยางใส
เกิดชื่อใหม่ทันทีนี่น่าขัน
ลองทายดูเรียกว่าอะไรกัน
ก็ "ขี้ชัน" นั่นเล่าขอเข้าใจ

เริ่มขั้นแรกนำเสม็ดคลุกขี้ชัน
ให้ทั่วกันสักพักหมักทิ้งไว้
มันขิ้ชันซึมซับกับเสม็ดไป
นี่เยื่อไต้ เนื้อไต้ ได้ออกมา

เอาเยื่อไต้ใส่ไปในกาบหมาก
ห่อไม่ยากยาวกลมสมปรารถนา
ผ่าศูนย์กลางสามนิ้วดูงามตา
ศอกกว่ากว่าควมยาวมิเท่าไร

ขั้นสุดท้ายหวายมัดจัดเป็นปล้อง
ห่างแค่สองสามนิ้วทั่วลำใต้
เอาเชือกมัดมัดมัดมัดทำไม
ยามติดไฟไต้มิแตกแยกออกมา

หลุมมันยางใช้ได้ให้นานโข
หากหลุมโตเมื่ไรไม่ได้หนา
ไฟติดมากยางอาจตายวายชีวา
ต้องขุดหาหลุมใหม่ไปทันที


ประทีป  วัฒนสิทธิ์
11 สิงหาคม 2556


 

IP : บันทึกการเข้า

http://www.naturedharma.com/

ธรรมชาติธรรม

นายประทีป  วัฒนสิทธิ์
watthanasit
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 248



« ตอบ #21 เมื่อ: วันที่ 18 สิงหาคม 2013, 14:11:16 »




ตั้งทาน

วกมาเรื่องข้าวห่อขอเล่าขาน
หัวตะพานอีกหนึ่งซึ่งอย่างนี้
นี่ความเชื่อถือเป็นประเพณี
เป็นของดีสอนใจให้กับตน

ก่อนจะกินข้าวห่อพ่อ "ตั้งทาน"
ภาษาบ้านเรียกอย่างนี้มิสับสน
เป็นความเชื่อว่าดีมีมงคล
แผ่กุศลวิญญาณการแผ่บุญ

พ่อเคยบอก "ออกชื่อถือเสียง"
คำร้อยเรียงความหมายให้เคยคุ้น
จำมิเลือนมิลบครบต้นทุน
ของค่าคุณจำมั่นนั้นขึ้นใจ

ในความหมายนึกถึงซึ่ง "เจ้าที่"
จะตรงนี้ทั่วทิศจิตเลื่อมใส
ผู้ล่วงลับนานาที่ลาไกล
ออกชื่อได้ดั่งคิดจิตจำนง

ก่อนกินห่อ "ตั้งทาน" มินานช้า
เสร็จกิจจากินได้ตามประสงค์
ทานข้าวห่อไร่นาหรือป่าดง
ก็ยังคงตั้งทานทุกสถานไป

หาใบตองใบไม้ใส่อาหาร
ของตั้งทานทุกอย่างตักวางไว้
นำไปวางที่หนึ่งที่ใด
เตรียมน้ำไว้กรวดทานการต่อมา

กล่าวกรวดทานรดน้ำผ่านใบไม้
ออกชื่อถือเสียงไปไม่รอช้า
นั่นคือการแผ่กุศลแผ่เมตตา
ใช้เวลาเพียงนิดสัมฤทธิ์การ

การตั้งทานสอนใจได้ล้นเหลือ
เป็นความเชื่อสอนใจให้ลูกหลาน
รู้จักให้จักแบ่งแห่งธรรมทาน
รู้เจือจานพี่น้องแลผองชน

การปลูกฝังจิตสำนึกระลึกได้
จำต้องใช้ความเชื่อเหนือเหตุผล
อันความเชื่อประดุจดั่งยังเวทมนต์
จักช่วยดลจิตใจเกิดใฝ่ปอง

วิธีการหลักการในด้านสอน
สมันก่อนเช่นนี้ที่สอง
แท้ทุกอย่างย่างไปตามครรลอง
ล้วนปกป้องเสริมสร้างสังคมดี


ประทีป  วัฒนสิทธฺิ์
18 สิงหาคม 2556

 
IP : บันทึกการเข้า

http://www.naturedharma.com/

ธรรมชาติธรรม

นายประทีป  วัฒนสิทธิ์
watthanasit
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 248



« ตอบ #22 เมื่อ: วันที่ 14 กันยายน 2013, 18:33:11 »




อยู่กินแบบเก่า


 ๑๘๘ การทำมาหากินกันแบบเก่า         
บ้านผมเล่าเขาอยู่รู้วิถี
ความพอเพียงเลี้ยงตนหนทางมี      
ถือเป็นศรีแห่งบ้านหัวตะพานเรา

   ๑๘๙ ผักสวนครัวปลูกกันนั้นทุกบ้าน      
เกินต้องการเหลือใช้แบ่งให้เขา
คอยซ่อมแซมเสริมใหม่ไม่ซาเพลา      
คอยดูเช้าดูเย็นมิเว้นวัน

   ๑๙๐ ของใดใช้ทำเครื่องแกงเป็นแหล่งหลัก      
ปลูกกันนักใส่ปุ๋ยคอกออกขยัน
ตะไคร้พริกขิ่งข่าขมิ้นชัน         
พริกไทยนั้นขาดไปมิได้นา

   ๑๙๑ เม็ดดีปลีนิยมมากมาตากแห้ง         
เอาใส่แกงนิดหน่อยอร่อยหนา
สองสามเถาเลื้อยโคนไม้ใกล้ชายคา      
หากเข้ายาก็ได้เห็นใช้กัน

   ๑๙๒ พืชกินต้นกินฝักชักถ้วนทั่ว         
ประเภทหัวผลดอกใบได้ทั้งนั้น
ไม้ยืนต้นล้มลุกสารพัน         
พวกเผือกมันคูนบอนหย่อนลงไป

   ๑๙๓ กอระกำมีไว้อย่าไกลบ้าน         
คราวต้องการแกงเหลืองแบบเมืองใต้
รสระกำหอมหวนชวนชื่นใจ         
นำมาใส่สามสี่ผลน้ำข้นดี

   ๑๙๔ ล้มหลายชนิดใช้ใส่ในแกงเหลือง      
ส้มมะเฟืองมะไฟใส่ได้นี่
ฝักใบมะขามสดสดรสเข้าที         
ลูกหลุมพีมะม่วงเบาลูกเขาคัน

   ๑๙๕ ส้มมะนาวเป็นหนึ่งซึ่งเรื่องส้ม      
ทั้งแกงต้มส้มมะนาวมันเข้าขั้น
ส้มยืนพื้นประจำทุกค่ำวัน         
ที่สำคัญมันเป็นตลอดปี

ประทีป  วัฒนสิทธิ์
14 กันยายน 2556
IP : บันทึกการเข้า

http://www.naturedharma.com/

ธรรมชาติธรรม

นายประทีป  วัฒนสิทธิ์
watthanasit
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 248



« ตอบ #23 เมื่อ: วันที่ 15 กันยายน 2013, 17:14:29 »



 


๑๙๖ ส้มชะมวงส้มแขกมันแหกกฎ         
กินทั้งสดหรือแห้งแกงได้นี่
แต่หากแห้งแกงเหลืองอร่อยดี      
แถมยังมีตัวยาที่ว่ากัน

   ๑๙๗ เอาส่วนเนื้อส่วนเปลือกเลือกสุกหอม      
หากสุกงอมหอมกว่าแก่มิแปลผัน
ส้มชะมวงใช้เปลือกเป็นสำคัญ      
ส้มแขกนั้นเอาเปลือกเนื้อเหลือเมล็ดใน

   ๑๙๘ ฝานบางบางตากแดดแห้งมิช้า      
เก็บบน“ผรา”ห้าปีนี้ยังได้
รสยังหอมเปรี้ยวมีมิจากไป         
แกงปลาไหลต้องเลือกใส่“เปลือกชะมวง”

  ๑๙๙ เปลือกชะมวงแห้งแกงกับปลาไหลย่าง      
กลิ่นมันช่างยั่วน้ำลายว่าหายห่วง
ใครได้ชิมอิ่มกมลล้นในทรวง         
สู่แมนสรวงเปรียบได้ให้ลองดู

   ๒๐๐ ต้นกระท้อนมะมุดสุดจะสอย         
สูงลิ่วลอยโตใหญ่ให้งามหรู
แกงเทโพเป็นเลิศคำเชิดชู         
เป็นที่รู้ทั่วกันรสมันดี

   ๒๐๑ ส้มที่กล่าวเล่าฟังดังขับขาน         
หัวตะพานปลูกทุกบ้านในย่านนี้
อย่างละต้นค้นดูรู้ว่ามี         
ประเพณีสืบทอดยอดเมืองไพร

ประทีป  วัฒนสิทธิ์
14 กันยายน 2556
IP : บันทึกการเข้า

http://www.naturedharma.com/

ธรรมชาติธรรม

นายประทีป  วัฒนสิทธิ์
watthanasit
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 248



« ตอบ #24 เมื่อ: วันที่ 26 กันยายน 2013, 20:54:12 »




จิตสำนึก

๒๐๒ การสร้างจิตสำนึกในเรื่องนี้         
ตัวบ่งชี้ยกเสาเอกของบ้านใหม่
มีมะพร้าวกล้วยอ้อยห้อยเสาไป      
ขาดมิได้รวงข้าวน้ำตามเชื่อกัน

   ๒๐๓ พิจารณาให้ดีมีวิสัยทัศน์         
บทเรียนลัดสอนครบจบทุกชั้น
ให้รู้ว่าอาหารนั้นสำคัญ         
มุ่งบากปั่นมั่นสร้างทางทำกิน

    ๒๐๔ ผักพืชผลหลายชนิดคิดสร้างไว้      
เพื่อนำใช้เป็นอาหารทานมิหมดสิ้น
สวนผสมเห็นมาอยู่อาจิณ         
ทั่วท้องถิ่นอย่างนี้มีเหมือนกัน

    ๑๐๕ นึกกินกล้วยมีกล้วยใกล้ใกล้บ้าน      
ได้รับทานปานอยู่คู่สวรรค์
ประสงค์ใดได้พบประสบพลัน      
ให้ตื้นตันหัวใจกระไรดี

ประทีป  วัฒสิทธิ์
26 กันยายน 2556
IP : บันทึกการเข้า

http://www.naturedharma.com/

ธรรมชาติธรรม

นายประทีป  วัฒนสิทธิ์
watthanasit
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 248



« ตอบ #25 เมื่อ: วันที่ 29 กันยายน 2013, 19:21:59 »




    ๒๐๖ หน้าทุเรียนเฝ้าทุเรียนกันสนุก      
นึกความสุขสมัยเด็กตราบวันนี้
ทุเรียนใหญ่ใกล้ยางตัวอย่างมี      
หล่นสักทีดังก้องทั่วท้องไพร

    ๒๐๗ ลูกมันดกตกราวเข้าครึ่งพัน         
กินหลายวันมิหวั่นมิไหว
เหลือจากกินกวนเก็บกันต่อไป      
ถนอมไว้ได้นานกาลขวบปี

    ๒๐๘ เรื่องตลกจากทุเรียนพ่อเพียรเล่า      
ควายก็เข้าเกี่ยวดองของเรื่องนี้
อันเกิดจากเรื่องโม้โววาที         
ของตนมีใหญ่กว่าเข้าหากัน

    ๒๐๙ กระทาชายนายหนึ่งพึงเล่าว่า      
ควายของทวดของตาใหญ่มหันต์
เขาเหยียดฟ้ากำยำผิวดำมัน         
ก้องสวรรค์เมื่อร้องต้องตกใจ

    ๒๑๐ ตอนกินน้ำในคลองต้องแห้งขอด      
เวลาคลอดลูกตกพื้นครืนหวั่นไหว
มิมีอื่นฤๅเทียบเปรียบอย่างใด      
ควายนี้ใหญ่สุดใหญ่ในโลกา

    ๒๑๑ อีกฝ่ายหนึ่งพึงฟังตั้งใจมั่น         
จบเรื่องพลันเล่าต่อมิรอช้า
ทุเรียนของทวดของทวดตา         
สูงเหยียดฟ้าเช่นกันนั้นโอฬาร

    ๒๑๒ ยามผลหล่นนานหนากว่าถึงพื้น      
ตั้งสี่คืนห้าวันเลยผันผ่าน
กระทบพื้นลูกแตกถึงแหลกลาญ      
ควายของท่านที่ว่ายังมากิน

    ๒๑๓ เข้าไปคลักในเปลือกเกลือกในนั้น      
เพียรขยันกินไปไม่หมดสิ้น
แค่ครึ่งยวงอิ่มระอาน้ำตาริน         
เพื่อนรอบข้างได้ยินหัวเราะฮา




IP : บันทึกการเข้า

http://www.naturedharma.com/

ธรรมชาติธรรม

นายประทีป  วัฒนสิทธิ์
watthanasit
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 248



« ตอบ #26 เมื่อ: วันที่ 03 ตุลาคม 2013, 20:19:42 »




    ๒๑๔ วกยังเรื่องผ่านมาคราใหม่ใหม่      
กลัวลืมไปเกี่ยวเนื่องเรื่องของ“ผรา”
ก็คำใต้รู้กันนั้นธรรมดา         
ถิ่นอื่นหนาอาจไม่เข้าใจกัน

    ๒๑๕ สมัยก่อนครัวไฟผิดสมัยนี้         
ด้วยวิถีนี้เปลี่ยนหมุนเวียนผัน
เชื้อเพลิงใช้ไฟฟืนเป็นสำคัญ         
ส่วนถ่านนั้นก็ใช้ให้คู่ไป

    ๒๑๖ เมื่อใช้ถ่านใช้ฟืนยืนเป็นหลัก         
จึงรู้จักหลีกหลบพบเพลิงไหม้
ทำที่หุงปรุงหาเรียกว่า “แม่ไฟ”      
บ้านใครใครเหมือนแท้สอนแก่กัน

    ๒๑๗ เลือกดินเหนียวหรือไม่ใช้ดินปลวก      
แต่สะดวกอย่างใดได้ทั้งนั้น
ไม้กระดานหน้าห้าเอามาพลัน      
ตีกรอบกั้นพื้นผ้าสง่างาม

    ๒๑๘ ยาวเมตรครึ่งกว้างเสร็จเจ็ดสิบเซ็นฯ      
ดูงามเด่นเข้าทีมิต้องถาม
ยัดดินใส่แน่นกรอบตอบเต็มตาม      
สองสามวันผันผ่านใช้การเลย

    ๒๑๙ บนแม่ไฟตรงกลางวางก้อนเส้า      
หรือว่าเตาหุงข้าวแม่คุณเอ๋ย
ถังเก็บถ่านขี้เถ้าแม่เจ้าเอย         
สิ่งคุ้นเคยกระทะหม้อต่อเรียงมา

    ๒๒๐ จากแม่ไฟสูงมาเมตรห้าสิบ         
พอเอื้อมหยิบตำแหน่งตั้งแผง“ผรา”
ติดตั้งเสาจากแม่ไฟให้งามตา      
เป็นสีขาสี่เสาเข้าจัดแจง

    ๒๒๑ ฟากไม้ไผ่ผูกมัดจัดเป็นผรา         
ภูมิปัญญาเก็บบริวารอาหารแห้ง
พริกกะปิแลพร้อมหัวหอมแดง      
กะปิแกงอีกคณาคละเคล้าปน

    ๒๒๒ เหล่าเนื้อย่างทุกชนิดติดผราไว้      
รมควันไฟค่ำเช้าเจ้าหอมล้น
รสพิเศษเทียบสวรรค์ชั้นเบื้องบน      
ชื่นกมลได้ทานซ่านอุรา


IP : บันทึกการเข้า

http://www.naturedharma.com/

ธรรมชาติธรรม

นายประทีป  วัฒนสิทธิ์
watthanasit
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 248



« ตอบ #27 เมื่อ: วันที่ 18 ตุลาคม 2013, 19:30:08 »



       ๒๒๓ ยังติดใจเนื้อย่างของทางใต้         
หอมจับใจรสรื่นชื่นนาสา
แกงกะทิตอกย้ำจำติดตา         
“ใบส้มแป้นขี้ม้า”หั่นใส่แกง

    ๒๒๔ “แป้นขี้ม้า” ใส่แกงปรุงแต่งรส      
ใส่ใบสดห้ามใช้ใบเหี่ยวแห้ง
แม้ใส่มากหากรสมิเปลี่ยนแปลง      
รสปรุงแต่งดีนักจักรู้กัน

    ๒๒๕ ข้าวร้อนร้อนช้อนพร้อมยอมฤๅไหว      
ราดแกงใส่ไอระเหยเย้ยสวรรค์
น้ำลายสอรอมิไหวไหลลงพลัน      
ช้อนมิทันเข้าปากอยากลิ้มลอง

    ๒๒๖ ผักสดสดวางไว้อยู่ใกล้หน้า         
ยั่วชิวหาตวัดใส่ใจเรียกร้อง
ภาพตอกย้ำน้ำลายไหลให้เอ่อนอง      
ใครคงต้องเช่นผมเหลือข่มใจ

ประทีป  วัฒนสิทธิ์
18 ตุลาคม 2556
IP : บันทึกการเข้า

http://www.naturedharma.com/

ธรรมชาติธรรม

นายประทีป  วัฒนสิทธิ์
หน้า: 1 [2] พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!