ZOONOSES
เอกสารประกอบการสอน
กระบวนวิชา Clin. Microb. 401
สัตวแพทย์หญิงทัศนีย์ ไหลมา
หน่วยสัตว์ทดลอง คณะแพทยศาสตร์ มช.
คำนิยาม
เดิมคำนิยามของ Zoonoses หมายถึงโรคติดต่อจากสัตว์เลี้ยงมาสู่คน ต่อมาภายหลังผู้เชี่ยวชาญขององค์การ
อนามัยโลกได้ให้คำจำกัดความของ ZOONOSES ว่า หมายถึง Those diseases and infection which are
naturally transmitted between vertebrate animals and man. (โรคทั้งหลาย และการติดเชื้อที่มีการ
ติดต่อตามธรรมชาติระหว่างสัตว์มีกระดูกสันหลัง และคน)
กล่าวโดยสรุป ZOONOSES หมายถึงโรคติดต่อระหว่างคนและสัตว์ที่มีกระดูกสันหลังอื่นๆ ทั้งสัตว์เลี้ยงและสัตว์ป่า การ
ติดต่ออาจติดต่อจากสัตว์มายังคน หรือจากคนไปยังสัตว์ก็ได้ แต่การติดต่อนั้นต้องเป็นไปโดยธรรมชาติ
การติดต่อจากสัตว์ไปสู่คน
การติดเชื้อโรคจากสัตว์มาสู่คนนั้นเกิดขึ้นได้หลายทาง พอจะยกตัวอย่างได้ดังนี้
1. โดยการสัมผัสกับสัตว์ป่วยโดยตรง เช่น โรค Leptospirosis ที่เกิดจากเชื้อ Leptospira เชื้อนี้จะไชเข้าสู่ร่างกายคน
จากบาดแผลทางผิวหนังได้
2. โดยการกิน จะเป็นการกินเนื้อ, อวัยวะบางส่วนซึ่งผลิตภัณฑ์ที่ได้จากสัตว์ที่เป็นโรค เช่นกินเนื้อสัตว์ที่เป็นโรค
Trichinosis ที่มีตัวอ่อนของพยาธิในกล้ามเนื้อ หรือกินนื้อสัตว์ที่เป็นโรค Anthrax หรือดื่มนมจากแม่วัวที่ป่วยเป็นวัณโรค
เป็นต้น
3. โดยการหายใจเอาเชื้อหรือ spore ของเชื้อที่เป็นสาเหตุของโรค เช่น โรค Anthrax, Cryptococcosis,
Aspergillosis เป็นต้น
4. โดยการถูกแมลงที่เป็นพาหะของโรคกัด เช่น ยุงที่นำเชื้อ Japanese encephalitis หมัดหนูนำเชื้อกาฬโรค
ไปสู่คน
5. โดยการถูกสัตว์ที่เป็นโรคกัด เช่น โรคพิษสุนัขบ้า เชื้อจะอยู่ในน้ำลายของสุนัขที่เป็นโรคพิษสุนัขบ้า และเชื้อจะเข้าทาง
บาดแผลที่ถูกกัดนั้น เป็นต้น
การจำแนกโรคติดต่อระหว่างสัตว์และคน
การจำแนกกลุ่มของโรคทำได้หลายแบบ เช่น การจำแนกตามแบบแผนของวงจรชีวิตของเชื้อโรค การจำแนกตาม
ธรรมชาติของ host ที่เป็น reservoir ของโรค เป็นต้น
ในที่นี้ จะจำแนกกลุ่มของโรคติดต่อ ระหว่างสัตว์ และคน ตามชนิดของเชื้อที่ทำให้เกิดโรค ซึ่งพอจะแยกได้ดังนี้
ก. โรคที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย เช่น Anthrax, Brucellosis, Leptospirosis, Plague, Melliodiosis,
glanders, Clostridial food poisoning, Vibrio parahaemolyticus, food-born infection,
Salmonellosis, Shigellosis and E.coli infection, Staphy lococcus food poisoning,
Tuberculosis, Listeriosis, Erysipelothrix infection and Campy lobacteriosis เป็นต้น
ข. โรคที่เกิดจากเชื้อไวรัส เช่น Rabies, Japanese encephalitis, Food and Mouth disease
เป็นต้น
ค. โรคที่เกิดจากเชื้อรา เช่น Aspergillosis, Cryptococcosis, Histoplasmosis,
Dermatophytosis เป็นต้น
ง. โรคที่เกิดจากปาราสิต เช่น Trichinosis, Filariasis, Angiostrongyliasis,
Gnathostomiasis, Thelajiasis, Opisthorchiasis, Fasciolopsiasis, Schistosomiasis,
Paragonimiasis, Tacniasis and Cysticercosis, Toxoplasmosis เป็นต้น
การควบคุมโรค Zoonoses
1. หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสัตว์ป่วย หรือผลิตภัณฑ์จากสัตว์ป่วย
2. กำจัดหรือทำลายซากสัตว์ป่วย เช่น การฝังดินลึกๆ หรือเผาทำลาย
3. ควบคุมกำจัดพาหะของโรค
4. ฉีดวัคซีนให้กับสัตว์เพื่อป้องกันการระบาดของโรค และฉีดวัคซีนให้กับบุคคลที่มีอัตราเสี่ยงต่อการเป็นโรคสูง
5. ทำลายเชื้อที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ที่ได้จากสัตว์ เช่น นมที่ดื่มต้องผ่านการฆ่าเชื้อ (Pasteurization) หรือถ้าเป็นเนื้อ
สัตว์ เครื่องใน ก็ควรทำให้สุขก่อน
6. เมื่อมีการระบาดของโรคต้องรีบรายงานเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เช่น เจ้าหน้าที่ของกรมปศุสัตว์ และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข
เป็นต้น
โรคที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย
โรคติดต่อระหว่างสัตว์กับคนเนื่องจากสาเหตุการติดเชื้อแบคทีเรียนั้นมีมากมาย ในที่นี้จะกล่าวถึงเฉพาะโรคที่พบบ่อย
ในประเทศไทย ที่มีผลต่อเศรษฐกิจ และก่อปัญหาสาธารณสุขในบ้านเราเท่านั้น
1. โรคแอนแทรกซ์ (ANTHRAX)
โรคแอนแทรกซ์ ชาวบ้านเรียกว่า โรคกาลี เป็นโรคระบาดในสัตว์เลี้ยงและคนในประเทศไทย ปัจจุบันโรคนี้เป็นโรคระบาดที่เกิดขึ้น
อยู่ประปราย โดยเกิดทั้งในสัตว์และในคน และจะพบว่าเกิดซ้ำในท้องที่เดิมที่เคยมีรายงานโรคมาก่อนเสมอ
สาเหตุ
โรคนี้เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย ที่มีชื่อว่า “บาซิลัส แอนทราซิส” (Bacillus anthracis) มีรูปร่าง slender
rod shape ติดสี Gram positive เชื้อนี้เมื่ออยู่นอกร่างกายสัตว์จะฟอร์มสปอร์ ซึ่งสปอร์นี้จะทนต่อความร้อนความแห้ง
แล้งได้ดี และสามารถมีชีวิตอยู่ในดินได้นาน 10-20 ปี
การติดต่อ
คนติดต่อโรคจากสัตว์ได้โดย
1. โดยการสัมผัสโดยตรงกับสัตว์ป่วยหรือสัมผัสกับผลิตภัณฑ์สัตว์ที่ได้มาจากสัตว์ป่วย เช่น บุคคลที่มีอาชีพชำแหละเนื้อ
สัตวแพทย์ หรือ ผู้ใกล้ชิดกับสัตว์ป่วย
2. โดยคนกินเนื้อสัตว์ป่วยที่เป็นโรคเข้าไป
3. โดยการหายใจเอาสปอร์ของเชื้อเข้าไป
อาการ
สำหรับอาการของโรคนี้ ในคน สามารถแบ่งตามลักษณะของการได้รับเชื้อเข้าไปดังนี้
1. อาการที่เกิดตามผิวหนัง (Cutaneous anthrax)
จะพบได้บ่อยที่บริเวณผิวหนังที่ได้รับเชื้อเข้าไป โดยปกติวิการของโรค (Lesion) จะเกิดขึ้นที่ผิวหนังไม่เกิน 2 วัน หลังจากได้รับ
เชื้อเข้าไป อาการเริ่มแรกจะมีลักษณะเป็นตุ่มแดง คันคล้ายกับถูกแมลงกัด ต่อมาจะบวมและกลายเป็นตุ่มหนองมีน้ำใสอยู่ภายใน
ตรงกลาง หลังจากนั้นเกิดลักษณะของเนื้อตาย (necrosis) เป็นสีดำมีอาการเจ็บเล็กน้อย ในระยะนี้ต่อมน้ำเหลืองที่อยู่บริเวณ
ใกล้แผลจะมีอาการบวมอย่างเห็นได้ชัด ในรายที่มีอาการมากจะทำให้เกิดมีเชื้อในกระแสเลือด และมีอาการโลหิตเป็นพิษ
(toxaemia) ส่วนมาก มักเกิดกับบุคคลที่ทำการชำแหละเนื้อสัตว์ป่วย เช่น โค, กระบือ, สุกร โดยเชื้อจะเข้าทางผิวหนังตรง
บริเวณที่เป็นแผล รอยขีด หรือรอยแตกของผิวหนัง ในรายที่ไม่ได้รับการรักษา จะมีอัตราการตายประมาณ 20%
2. อาการระบบหายใจ (Inhalation anthrax) เกิดขึ้นเนื่องจากหายใจเอาสปอร์ของเชื้อเข้าไป โดยสปอร์จะติด
อยู่ตามฝุ่นละออง ขนสัตว์ หนังสัตว์ เมื่อสูดดมเข้าไปจะไปอยู่ในถุงลม ต่อจากนั้นจะเข้าไปยังต่อมน้ำเหลืองบริเวณหลอดลม และ
เข้าสู่ระบบหมุนเวียนของโลหิต อัตราการตายของผู้ป่วยที่เป็นโรคแบบนี้เกือบ 100% อาการของโรคที่เห็นพบว่าผู้ป่วยจะมีไข้ ปวด
ตามกล้ามเนื้อ ไอ อาการดังกล่าวคล้ายกับไข้หวัดใหญ่ หรือ ปอดอักเสบอย่างอ่อน ต่อมาจะหายในลำบาก มีน้ำออกมาตามเยื่อ
เมือกและผิวหนังมีสีเขียวคล้ำ แสดงการขาดออกซิเจนในเลือด ผู้ป่วยจะมีชีพจรและหายใจถี่ก่อนตายเสมอ
3. อาการทางระบบลำไส้ (Intestinal anthrax) เกิดขึ้นเนื่องจากกินอาหารที่มีเชื้อนี้อยู่เข้าไป เช่น อาหารที่ดิบๆ
หรือไม่สุก ทำให้มีอาการท้องร่วงอย่างรุนแรง ส่วนใหญ่โรคนี้มักเกิดขึ้นในช่วงฤดูร้อน
อาการในสัตว์
จะเกิดกับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทุกชนิด และจะเป็นชนิดเฉียบพลัน คือสัตว์จะมีไข้ และตาย อาการอื่นมีบวมที่คอ ไหล่ บริเวณอก ปาก
และจมูกแห้ง หายใจเร็ว ไข้สูง ขาสั่น ชักและเกร็งเป็นระยะๆ เยื่อหุ้มตาอักเสบ อาการที่พบในโรคนี้ส่วนมากจะมีอาการบวมตาม
บริเวณคอหอย หายใจลำบาก เลือดออกตามช่องเปิดต่างๆ และเป็นเลือดที่ไม่มีการแข็งตัว สัตว์ที่ตายจะเกิด ferment เร็วมาก
การวินิจฉัยโรค
โดยการแยกเชื้อที่ผิวหนังนำมาย้อมสี gram หรือสี giemsa หรือนำไปเพาะเลี้ยงต่อ สำหรับการนำเลือดมาเพาะเชื้อจะทำได้ใน
ระยะปลายของโรค หรือระยะที่สัตว์ใกล้ตาย จะได้ผลดีกว่า เพราะเชื้อนี้จะถูกทำลายเร็วในขบวนการเน่าเปื่อย
ในกรณีที่การเพาะเลี้ยงเชื้อไม่ได้ผลควรใช้การฉีดเข้าหนู mice หรือหนูตะเภา ถ้าเราอยากให้สัตว์ตายช้าอาจใช้ ตัวอย่าง
(specimen) ที่ได้ นำมาขูดบนผิวหนัง วิธีนี้จะทำให้การวินิจฉัยโรคแน่นอนกว่าเพราะถ้าเราฉีดในสัตว์ทดลองสัตว์ที่ตายเร็วอาจ
เนื่องมาจากเชื้อ Clostridium ก็ได้
การควบคุมโรค
1. โดยการฉีดวัคซีนป้องกันโรคในสัตว์เป็นประจำทุกปี
2. สัตว์ที่ตายด้วยโรคนี้หรือสงสัยว่าตายด้วยโรคนี้ให้ฝังหรือเผา ห้ามชำแหละอย่างเด็ดขาด วิธีการนี้จะควบคุมมิให้โรค
แพร่กระจายออกไปได้ดี
อย่างไรก็ตามปัญหาที่พบก็คือ การให้ภูมิคุ้มกันโรคแก่สัตว์ ควรใช้วัคซีนที่ไม่ได้เตรียมมาจาก
สปอร์ แต่ควรใช้วัคซีนเชื้อตาย ซึ่งจะทำให้มีภูมิคุ้มโรคอยู่ได้นานเมื่อเปรียบเทียบกับสปอร์วัคซีน วิธีการนี้ จะทำให้การควบคุมโรค
แอนแทรกซ์ในสัตว์เลี้ยงได้ผลดี
2. โรควัณโรค (TUBERCULOSIS)
เป็นโรคติดต่อที่สำคัญของสัตว์เลือดอุ่น สามารถติดต่อกันได้ระหว่างคนกับสัตว์ และสัตว์กับคน
สาเหตุ
วัณโรคมีสาเหตุจากเชื้อแบคทีเรียที่มีชื่อว่า ไมโคแบคทีเรียม ทูเบอร์คูโรซีส (M.tuberculosis) รูปร่างเป็น slender
rod shape ย้อมด้วยสี acid – fast ติดสีแดง
การติดต่อ
1. โดยการสัมผัสกันโดยตรงระหว่างสัตว์เป็นโรคกับคน
2. โดยการหายใจเอาเชื้อโรคที่อยู่ในอากาศเข้าไป
3. โดยการกินน้ำนมจากสัตว์ที่เป็นโรคเข้าไป เช่น น้ำนมโคที่เป็นวัณโรค
4. โดยการกินเนื้อสัตว์ที่เป็นโรคเข้าไป
การติดวัณโรคในคนส่วนใหญ่ติดจากโคที่เป็นโรคมากว่าสัตว์ชนิดอื่น เช่น สุนัข แมว แพะ แกะ สุกร ม้า กวาง ลิง เป็นต้น
อาการ
ในคน ส่วนใหญ่พบเป็นวัณโรคที่ปอดมากที่สุด เมื่อเปรียบเทียบกับที่อื่น เนื่องจากทำให้เชื้อแพร่และระบาดไปสู่ผู้อื่นง่าย
อาการส่วนใหญ่เป็นแบบเรื้อรัง ไม่แสดงอาการของโรคออกมาให้เห็น และบางรายอาจหายเองได้ อาการที่เห็นเด่นชัดมีไอ อ่อนเพลีย
หมดแรง มีไข้ น้ำหนักลด ตอนกลางคืน มีเหงื่อออก เจ็บหน้าอก ต่อมามีเลือดออกทางจมูก หรือไอออกมามีเลือดปน อาการดัง
กล่าวอาจไม่พบในระยะแรก แต่ในระยะที่โรคไปไกลอาการจะแสดงออกอย่างรุนแรง โดยเฉพาะในแหล่งที่มีโรค ผอมแห้งเรื้อรังที่มี
สาเหตุมาจากโรคอื่น ดังนั้นการวินิจฉัยโรคนี้ จึงควรแยกกับโรคทางเดินระบบหายใจอื่นๆ ออกเช่น โรคปอดบวม หลอดลมอักเสบ
เรื้อรัง เป็นต้น การวินิจฉัยที่ดีที่สุดก็โดยการแยกเชื้อ ซึ่งบางครั้งต้องทำหลายๆ ครั้ง เพราะการแยกเชื้อครั้งแรกอาจไม่พบ สำหรับ
วัณโรคที่เกิดขึ้นในอวัยวะอื่นๆ ก็มีที่ตับ ม้าม ไต กระดูก เยื่อหุ้มสมอง อัณฑะ ลำไส้ รังไข่ เป็นต้น วัณโรคจากโคที่ติดมายังคน
ส่วนใหญ่อาการในคนจะพบเกิดขึ้นที่ต่อมน้ำเหลืองที่คอ อวัยวะที่อยู่ในช่องท้อง และจะพบในเด็กเป็นส่วนใหญ่ ทั้งนี้เนื่องจาก
วัณโรคติดต่อได้ โดยการดื่มน้ำนมโคที่เป็นโรค นอกจากนี้ยังพบว่าสามารถติดต่อได้ โดยการหายใจเอาเชื้อเข้าไป และจะพบอาการ
เกิดขึ้นที่ปอด
อาการในสัตว์
สัตว์มักไม่ค่อยแสดงอาการให้เห็นเด่นชัด เพราะสัตว์ที่ป่วยจะไม่ได้เป็นวัณโรคปอดเหมือนในคน แต่จะเป็นที่ตับ ม้าม ไต
ลำไส้ สัตว์ที่เป็นวัณโรคได้ง่ายคือ โค ม้า สุกร ลิง ส่วนสุนัขและแมว มีความต้านทานต่อวัณโรคสูง
การวินิจฉัยโรค
โดยการสังเกตจากอาการที่แสดงออก แต่พบว่าสังเกตยาก แม้กระทั่งการทดสอบที่ผิวหนัง หรือการตรวจทางน้ำเหลือง
วิทยาก็แยกลำบากมาก แต่ในปัจจุบันมีการทดสอบทางชีวเคมีซึ่งช่วยได้มากในการวินิจฉัยโรคนี้
การควบคุมป้องกันโรค
1. ให้สุขศึกษาแก่ประชาชนและบุคคลที่คลุกคลีกับสัตว์ที่เสี่ยงต่อการเป็นโรคนี้ โดยให้ทราบว่าวัณโรคอาจติดต่อจากคนไป
สู่คนหรือจากสัตว์ไปสู่คน หรือจากผลิตภัณฑ์สัตว์สู่คน และอันตรายที่ได้รับจากโรคนี้ ตลอดจนการป้องกันตัวเองจากโรค
2. ป้องกันตัวเองไม่ให้ติดโรคโดยการปฏิบัติให้ถูกสุขวิทยา และการสุขาภิบาล เช่น การกินน้ำนมที่ต้ม น้ำนมควรผ่าน
การพาสเจอร์ไรซ์ ผู้ที่ทำงานกับสัตว์ทดลองควรมีเครื่องป้องกันการติดต่อเชื้อ และควรทำความสะอาดโรงเรือนสัตว์ให้ถูกหลัก เช่น
ใช้น้ำยาฆ่าเชื้อ
3. การสร้างภูมิคุ้มกันโดยให้วัคซีน (B.C.G.) ป้องกันโรคในคน
4. รักษาผู้ป่วยให้หาย
5. ควรทำการควบคุมสัตว์ที่เป็นวัณโรคโดยการแยกและทำลายสัตว์
6. สัตว์ที่ฆ่าใช้เนื้อเป็นอาหารควรผ่านการตรวจเนื้อจากสัตวแพทย์
7. ผลิตภัณฑ์สัตว์ อาการสัตว์ ควรผ่านวิธีการฆ่าเชื้อมาก่อนแล้ว
ที่มา : สัตวแพทย์หญิงทัศนีย์ ไหลมา
สิงหาคม 2531
www.medicine.cmu.ac.th/secret/edserv/animal/ZOONOSES.doc