เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 26 เมษายน 2024, 06:18:49
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  บอร์ดกลุ่มชมรม
| |-+  ชมรมคนรักรถ
| | |-+  Club cefiro a31 ( r32 r33 r34 r35 s13 s14 s15 , 200sx ) เชียงรายครับ
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: 1 [2] 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 ... 150 พิมพ์
ผู้เขียน Club cefiro a31 ( r32 r33 r34 r35 s13 s14 s15 , 200sx ) เชียงรายครับ  (อ่าน 383901 ครั้ง)
toyting_a31
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 627


รักเครื่องเสียง


« ตอบ #20 เมื่อ: วันที่ 23 กันยายน 2010, 21:24:48 »

รถพี่ติ่งครับ เป็นเครื่อง rb25turbo ตัวถัง 24 v สีดำ แต่ง tbo 1 รอบคัน ให้ดูตามสภาพก่อนครับ
ยังไม่เสร็จ  ตอนนี้อยู่กรุงเทพ  เสร็จแล้วจะมาอวดนะครับ


* ting.jpg (142.84 KB, 904x457 - ดู 38485 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 23 ธันวาคม 2010, 11:23:47 โดย toyting_a31 » IP : บันทึกการเข้า
toyting_a31
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 627


รักเครื่องเสียง


« ตอบ #21 เมื่อ: วันที่ 23 กันยายน 2010, 22:52:12 »

up up up
IP : บันทึกการเข้า
toyting_a31
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 627


รักเครื่องเสียง


« ตอบ #22 เมื่อ: วันที่ 24 กันยายน 2010, 12:28:50 »

ทำที่ซอยรามอินทรา 14 ( ซอยไมยราบ )   เครื่องและช่วงล่าง  ทำที่อู่ช่างโด่งครับ
ร้านซ่อม a31 ตรงรุ่น 
IP : บันทึกการเข้า
Krubandoi
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 99



« ตอบ #23 เมื่อ: วันที่ 24 กันยายน 2010, 13:08:57 »

จะรอชมนะครับ
IP : บันทึกการเข้า
yingkook
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 664



« ตอบ #24 เมื่อ: วันที่ 24 กันยายน 2010, 16:09:47 »

ว้าวววววววววววววตื่นเต้นๆๆเมื่อไหร่จะด้ายเหนน้อ......แวะมาดันนะค่ะพี่ชาย
IP : บันทึกการเข้า

ร้าน BK AUTO SHOP ตัวแทนจำหน่ายไฟหน้าโปรเจ็คเตอร์ ไฟท้าย LED อุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์ทุกชนิด ทั้งปลีกและส่ง kuk_kukza555@hotmail.com เบอร์โทร 088-2519242 , 081-9524535  (Jazz club chaingrai)
toyting_a31
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 627


รักเครื่องเสียง


« ตอบ #25 เมื่อ: วันที่ 25 กันยายน 2010, 14:09:47 »

up up up
IP : บันทึกการเข้า
toyting_a31
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 627


รักเครื่องเสียง


« ตอบ #26 เมื่อ: วันที่ 26 กันยายน 2010, 13:28:33 »

เรื่องน่ารู้ สำหรับยางรถยนต์
จะช่วยให้ท่านมีความเข้าใจถึงการดูแลรักษายางอย่างถูกวิธี 

1.ยางมที่ใช้อยู่ควรจะเติมลมกี่ปอนด์

การเติมลมยางให้ได้อัตราที่ถูกต้อง คือสิ่งสำคัญและจำเป็นที่สุดของการดูแลรักษายาง ยางที่ใช้อยู่ควรสูบลมให้ได้ตามอัตราสูบลมที่โรงงานผู้ผลิตรถยนต์ได้กำหนดไว้ โดยปกติแล้วอัตราสูบลมที่ถูกต้อง และเหมาะสมสำหรับรถแต่ละชนิดที่โรงงานผู้ผลิตรถยนต์กำหนดไว้นั้น จะระบุไว้ในแผ่นโลหะ หรือสติ๊กเกอร์ที่ติดไว้บริเวณสันประตูหรือเสากลางข้างตัวรถ หรือติดไว้ในช่องเก็บของภายในรถ นอกจากนั้น ยังมีระบุไว้ในหนังสือคู่มือการใช้รถอีกด้วย แต่หากท่านมิได้ใช้ยางขนาดเดียวกันกับยางที่ติดรถมา ท่านควรขอคำแนะนำเกี่ยวกับอัตราสูบลมยางที่เหมาะสมจากโรงงานผู้ผลิตรถยนต์ หรือร้านจำหน่ายยางที่ได้มาตราฐานสำหรับยางอะไหล่ท่านควรสูบลมไว้ให้มากกว่ามาตรฐาน3-4 ปอนด์และลดลงให้กลับสู่ปกติเมื่อนำไปใช้

2.การใช้ลมอ่อนเกินไปจะมีผลอย่างไรต่อยางที่ใช้อยู่?

การใช้ยางที่สูบลมไว้ต่ำกว่าอัตราที่เหมาะสมถูกต้อง หรือที่เราเรียกกันสั้นๆว่า ลมอ่อนเกินไปนั้น นับเป็นศัตรูตัวสำคัญต่ออายุการใช้งานของยางทีเดียว อีกทั้งยังจะส่งผลเสียอย่างมากต่อยางที่ใช้อยู่ กล่าวคือ ในขณะรถวิ่ง ยางจะเกิความร้อนสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และมากกว่าที่ควรจะเป็น ความสามารถในการบรรทุกน้ำหนักจะลดน้อยลงกว่ามาตราฐาน และสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงมากขึ้น

3.ควรตรวจเช็คลมยางเมื่อไร?

ท่านควรตรวจเช็คลมยางอย่างสม่ำเสมอประมาณอาทิตย์ละครั้งหรือทุกครั้งก่อนเดินทางในขณะที่ยางยังเย็นอยู่ กล่าวคือวิ่งมาไม่เกิน 1.5-2.0  กิโลเมตร เพราะขณะที่รถวิ่งนั้น ความดันลมในยางจะเพิ่มขึ้นตาม อุณหภูมิที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องปกติ หากท่านทำการตรวจเช็คอัตราลมในขณะนั้น ก็จะได้ค่าที่ไม่ถูกต้อง ดังนั้น จึงควรตรวจเช็คอัตราลมในขณะที่ยางยังเย็นอยู่ หรือประมาณ2-3 ชั่วโมงหลังการใช้งาน ท่านไม่ควรใช้วิธีสังเกตด้วยตาว่า ลมยางของท่านอ่อนเกินไปหรือยัง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากยางที่ท่านกำลังใช้อยู่เป็นยางเรเดียล ท่านควรตรวจเช็คลมโดยให้เกจ์วัดลมที่ได้มาตราฐาน ซึงสามารถหาซื้อได้จากห้างสรรพสินค้า หรือตามร้านจำหน่ายยางที่ได้มาตราฐาน

4. ทำไมถึงต้องมีการสลับยาง

วัตถุประสงค์หลักของการสลับยาง ก็เพื่อให้ยางทุกเส้นมีการสึกที่เท่ากัน ดังนั้นท่านควรศึกษาคู่มือการใช้รถเกี่ยวกับคำแนะนำในการสลับยาง ซึ่งโดยปกติแล้วท่านควรสลับยางทุกๆ 9,000-13,000 กิโลเมตร หากรถของท่านเป็นรถใหม่ท่านควรสลับยางในทันทีที่ท่านใช้รถครบ10,000 กิโลเมตรแรกหากยางเกิดการสึกที่ไม่สม่ำเสมอ ท่านควรรีบปรึกษากับร้านผู้ชำนาญงาน เพื่อตรวจเช็คศูนย์ล้อ ถ่วงล้อ ตลอดจนระบบช่วงล่างโดยทันทีโรงงานผู้ผลิตรถยนต์ มักจะแนะนำให้เติมลมยางล้อหน้า และล้อหลังต่างกัน ดังนั้นเมื่อสลับยางเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ท่านก็ต้องปรับระดับความดันลมของยางล้อหน้า และล้อหลังให้ถูกต้อง

5. ทำไมต้องมีการถ่วงล้อ

หากเกิดการกระจายน้ำหนักไม่ถูกต้องของยางและกะทะล้อ จะก่อให้เกิดอาการสั่นสะท้านขึ้นขณะที่รถวิ่ง อันจะมีผลเสียต่ออายุการใช้งานของยาง ระบบช่วงล่างของรถ ตลอดจนความสะดวกสบายในการขับขี่ การถ่วงล้อจะช่วยให้เกิดการกระจายน้ำหนักที่ถูกต้องของยาง และกะทะล้อ ซึ่งการถ่วงล้อก็สามารถกระทำได้ โดยเพิ่มน้ำหนักลงไป ณ จุดใดจุดหนึ่งที่ขอบกะทะล้อ

6. เมื่อไรจึงควรจะถ่วงล้อ

ยางและกะทะล้อควรส่งเข้ารับการบริการถ่วงล้อในทันทีที่ เมื่อมีการเปลี่ยนยางใหม่ เมื่อมีการสลับยาง สลับกะทะล้อ เมื่อนำยางที่ใช้แล้วมาใส่กะทะล้อที่ใช้อยู่ เมื่อยางแตก และได้รับการปะยางเป็นที่เรียบร้อย เมื่อมีการถอดยางออกจากกะทะล้อ หรือใส่ยางกลับเข้ากะทะล้อ เมื่อเกิดการสั่นสะท้านขณะที่รถวิ่ง เมื่อเกิดการสึกไม่สม่ำเสมอ ท่านควรส่งรถเข้ารับบริการถ่วงล้อจากร้านยางที่ได้มาตราฐานเท่านั้น

7. การตั้งศูนย์ล้อคืออะไร

การตั้งศูนย์ล้อ คือการทำให้ส่วนประกอบต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบบังคับเลี้ยว ระบบช่วงล่างล้อ และยาง ทำงานสัมพันธ์กันอย่างถูกต้อง ซึ่งจะทำให้รถวิ่งได้ตรง ไม่ดึงไปทางซ้ายหรือขวา ระบบช่วงล่างและระบบบังคับเลี้ยวของรถนั้น มีชิ้นส่วนต่างๆ มากมาย ที่มีการเคลื่อนไหวขณะรถวิ่ง และย่อมจะมีการสึกหรอเกิดขึ้น ซึ่งมีผลทำให้ศูนย์ล้อผิดเพี้ยนไปจากสเป็คที่ถูกต้อง ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีการปรับตั้งศูนย์ล้อเพื่อให้ได้ค่าตามที่กำหนดไว้ในสเป็คของรถ นอกจากนั้น ศูนย์ล้อยังขึ้นอยู่กับความสูงของตัวรถกับพื้นถนน และการกระจายน้ำหนักลงบนล้อรถด้วย กล่าวคือ เมื่อรถถูกใช้งานนานขึ้น คอยส์สปริง บุช ลูกยางต่างๆก็เริ่มหมดอายุ ความสูงและการกระจายน้ำหนักของรถก็ผิดไปจากมาตราฐานเดิม อันจะส่งผลให้ศูนย์ล้อผิดพลาดไปจากสเป็ค เมื่อใดก็ตามที่ศูนย์ล้อไม่ถูกต้องตามสเป็ค ล้อรถกับตัวถังหรือล้อข้างซ้ายกับล้อข้างขวาก็จะไม่เคลื่อนที่ไปในทิศทางเดียวกัน จะเป็นผลให้รถวิ่งไม่ตรงหรือเกิดอาการแฉลบ หรือพวงมาลัยดึงไปข้างใดข้างหนึ่ง ทำให้ยางสึกผิดปกติ

8. ทำไมต้องมีการปรับตั้งศูนย์ล้อ

เพราะการที่รถมีศูนย์ล้อที่ไม่ถูกต้อง นอกจากจะทำให้ยางเกิดการสึกที่ผิดปกติแล้ว ยังมีผลต่อระบบควบคุมบังคับทิศทางของรถด้วย ดังนั้น หากรถของท่านที่มีอาการผิดปกติในการควบคุมบังคับทิศทางของรถ หรือท่านสังเกตุเห็นว่ายางที่ใช้อยู่มีลักษณะสึกที่ไม่สม่ำเสมอ หรือผิดปกติ ก็สามารถบ่งชี้ได้ว่าศูนย์ล้อรถของท่านจำเป็นต้องได้รับการตรวจเช็ค และปรับตั้งศูนย์ล้อแล้ว และแม้ท่านจะต้องเสียค่าใช้จ่ายในการนี้ แต่ก็เป็นค่าใช้จ่ายเพียงเล็กน้อย เมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายที่ท่านจะต้องใช้ในการซื้อยางชุดใหม่ ซ่อมแซมช่วงล่าง และที่สำคัญคืออันตราย อันอาจจะเกิดขึ้นต่อทรัพย์สินและชีวิตของท่าน

9. มีคำแนะนำอย่างไร เมื่อต้องการเปลี่ยนยางชุดใหม่

ในการเลือกยางรถยนต์สิ่งที่ควรคำนึงถึง คือประเภทรถยนต์ รถยนต์หนัก รถยนต์เบาสมรรถนะความเร็วรถ ความเร็วปกติ ความเร็วสูงลักษณะการขับขี่ ขับช้า ขับเร็ว หรือขับเร็วมากสภาพพื้นผิวถนน ถนนเรียบ ถนนขรุขระ ถนนทรายสภาพภูมิอากาศ ร้อน หนาว ฝนตกชุกใช้ยางกับกะทะล้อให้ถูกต้องตามที่กำหนดโดยโรงงานผู้ผลิตรถยนต์ และกะทะที่ใช้จะต้องไม่บิดเบี้ยว หรือเป็นสนิมอย่าเลือกใช้ยางที่มีขนาดเล็กกว่ายางที่ติดรถมา ทั้งนี้เพราะยางที่มีขนาดเล็กกว่าย่อมมีประสิทธิภาพในการรับน้ำหนักบรรทุกได้น้อยกว่า (รวมทั้งน้ำหนักตัวรถด้วย) ฉะนั้น ควรใช้ยางให้ถูกตามขนาดที่กำหนดโดยโรงงานผู้ผลิต หรือตามคำแนะนำจากร้านจำหน่ายยางที่ชำนาญงานเท่านั้นควรใช้ยางชนิดเดียวกัน ดอกเดียวกันทั้งหมด เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพในการขับขี่อย่างเต็มที่ ท่านควรตระหนักว่า ยางต่างชนิดกัน ย่อมมีโครงสร้างที่แตกต่างกัน และมีประสิทธิภาพในการใช้งานที่แตกต่างกันด้วยอนึ่ง หากท่านมีความจำเป็นต้องใช้ยางที่ต่างชนิด หรือดอกยางต่างกัน ก็ควรจะใช้ยางชนิดหรือดอกเดียวกันในเพลาเดียวกันหากท่านมีความจำเป็นที่จะต้องใช้ยางต่างขนาดกัน ให้ใช้ยางที่มีซีรีส์เท่ากันในเพลาเดียวกัน และให้ใช้ยางซีรีส์ต่ำกว่าเป็นยางหลัง ส่วนยางซีรีส์สูงกว่าเป็นยางหน้าเมื่อท่านเปลี่ยนยางใหม่แล้ว ท่านควรขับรถด้วยความระมัดระวังเพื่อให้ชินกับยางชุดใหม่เสียก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขณะที่เบรครถ เร่งความเร็วรถ เข้าโค้ง หรือใช้รถขณะฝนตก ทั้งนี้เพราะยางชุดใหม่อาจให้ความรู้สึกที่ผิดไปจากยางชุดเก่าที่ท่านเคยใช้ข้อควรระวัง เกี่ยวกับความปลอดภัย การถอดหรือใส่ยางเข้ากะทะล้อ ควรกระทำโดยผู้ชำนาญงานเท่านั้น มิฉะนั้น อาจเกิดความเสียหาย และอันตรายขณะถอดใส่ได้

10. จะทำอย่างไรเมื่อรถเกิดอาการสั่นสะท้าน

อาการสั่นสะท้านย่อมแสดงว่า มีสิ่งผิดปกติกับรถที่ใช้อยู่และควรได้รับการแก้ไขโดยทันที มิฉะนั้นจะส่งผลเสียต่อยางที่ใช้ระบบช่วงล่าง ตลอดจนระบบพวงมาลัย เมื่อเกิดอาการสั่นสะท้านขึ้น ท่านควรตรวจเช็คการสึกของยาง เพราะลักษณะการสึกจะทำให้ท่านพอทราบถึงสาเหตุของการสั่นสะท้าน และวิธีการป้องกัน

11. นิสัยการขับรถมีผลต่อการสึกของยางหรือไม่

นิสัยการขับรถของแต่ละท่าน จะมีผลต่อการสึกของยางก่อนกำหนด ฉะนั้นเพื่อเป็นการยืดอายุการใช้งานของรถ ท่านควรหลีกเลี่ยงนิสัยการขับต่อไปนี้ ออกรถ และหยุดรถอย่างรุนแรง การหักเลี้ยวอย่างรุนแรง การขับรถปีนขอบถนน ขับเบียดฟุตบาท การขับโดยไม่หลบหลุม ก้อนหิน หรือสิ่งกีดขวาง

ข้อควรปฏิบัติบำรุงรักษายางรถยนต์

1.ตรวจเช็คลมยางทั้ง 4 ล้อ อย่างน้อยอาทิตย์ละ 1 ครั้ง

2. ควรสูบ หรือเติมลมยางมาตรฐานที่ทางโรงงานผู้ผลิตกำหนด (ขณะที่ยางเย็น)

3. การเพิ่ม หรือลดลงยางให้มีความสัมพันธ์กับน้ำหนักบรรทุก

4. เมื่อขับรถออกต่างจังหวัด หรือใช้ความเร็วสูงควรเพิ่มลมยางมากกว่าปกติ 3-5 ปอนด์/ตารางนิ้ว


5. อย่าลดลมยางในขณะที่ฝนตกหรือวิ่งบนถนนเปียกเพราะอาจจะทำให้การยึดเกาะถนนและประสิทธิภาพการรีดน้ำของดอกยางลดลงด้วย

IP : บันทึกการเข้า
toyting_a31
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 627


รักเครื่องเสียง


« ตอบ #27 เมื่อ: วันที่ 26 กันยายน 2010, 16:49:19 »

MV cefiro-thailand ครับ
http://www.youtube.com/watch?v=W9rYiGOwX1s
IP : บันทึกการเข้า
toyting_a31
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 627


รักเครื่องเสียง


« ตอบ #28 เมื่อ: วันที่ 27 กันยายน 2010, 17:58:12 »

อยากรู้ไหมว่า เจ้า a31 จึงมีสัญลักษณ์เป็นรูปปลาโลมา
ว่าด้วยเรื่องประวัติ ปลาโลมา สัตว์ประจำเซฟิโรก็คือสมัยที่ เซฟิโร่ออกมาขายแรกๆที่ญี่ปุ่น และ ไทย  คนญี่ปุ่นได้คิดสัตว์นำโชคประจำรถรุ่นนี้คือ ปลาโลมา  ทำไมต้อง ปลาโลมาด้วย งงมั้ย ทำไมไม่เป็นตัวอะไรก็ได้  อ่ะมาดูกัน เซฟิโร่นั้นได้มีระบบจับ การสั่นสะเทือน เรียกว่าโซน่า
ซึ่งโซน่านั้นได้ถูกเปลียบเทียบ ไปเหมือนสัตว์ที่น่ารักตัวนึงคือ ปลาโลมานั่นเอง
และก็มีสัตว์ปีกมีหูอีกตัวนึงที่มีโซน่าเหมือนเจ้าโลมา แต่คนญี่ปุ่นบอกว่า สัตว์ปีกตัวนี้(ค้างคาว)เป็นสัตว์ที่ไม่เป็นมงคล กับแบรน์นิสสัน และ ด้วยรูปลักษ์ของเซฟิโรเองที่เป็นรถซีดาน ที่ดูปราดเปรียวส่วนโค้งส่วนเว้าที่เหมาะสมกับ โลมา จึงเลือกเอาเจ้าปลาโลมานี่แหละมาเป็นสัตว์นำโชคของเซฟิโร
วิศวกรญี่ปุ่นผู้ออกแบบรถ Cefiro A31 ได้ออกแบบ Body รถรุ่นนี้ให้มีความอ่อนช้อยพริ้วไหวคล่องแค่วว่องไว และมีระบบ Sonar โดยมีปลาโลมาเป็นต้นแบบ และใช้ชื่อว่า Cefiro ซึ่งมีความหมายพริ้วไหวเหมือนสายลม ส่วนภาษาญี่ปุ่นชื่อปลาโลมาเรียกว่า  อีรุกะ ครับ


* cefiro a31.jpg (10.71 KB, 250x78 - ดู 26177 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 27 กันยายน 2010, 18:00:17 โดย toyting_a31 » IP : บันทึกการเข้า
toyting_a31
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 627


รักเครื่องเสียง


« ตอบ #29 เมื่อ: วันที่ 29 กันยายน 2010, 01:36:36 »

มาดูระบบระบายความร้อนของ a31 กันนะ
หม้อน้ำ
อันนี้เราๆเท่าๆรู้จักกันดีแล้ว แต่ต้องไม่ใช้อย่างเดียว ต้องดูแลมันด้วยหม้อน้ำแบ่งเป็นหลายแบบเช่น หม้อน้ำทองแดง หม้อน้ำมิเนียม แถมยังมีหลอดตั้งหลอดนอนอีก

หม้อน้ำทองแดง
ข้อดี ราคาถูก ซ่อมได้ ผุเปลี่ยนฝาเอา ล้างโดยวิธีแยงได้
ข้อเสีย น้ำหนักเยอะ ระบายความร้อนไม่ค่อยดี

หม้อน้ำอลูมิเนียม
ข้อดี ระบายความร้อนได้ดีกว่า น้ำหนักเบากว่า
ข้อเสีย ราคาแพง ถ้าเป็นหม้อน้ำอลูมิเนียมโรงงานจะเป็นฝาพลาสติกชอบแตกร้าว แต่เราสามารถเอาไปเปลี่ยนฝาเป็นอลูมิเนียมได้แต่แพงประมาณ 3-4000 บาท

เราควรถ่ายน้ำระบบหม้อน้ำอย่างน้อยปีละ 1 ครั้งเพื่อล้างน้ำสนิม ตระกรันต่างๆที่จะทำให้หม้อน้ำอุดตัน วิธีล้างมีหลายแบบ
1 ล้างโดยใช้น้ำยาล้างหม้อน้ำ ง่ายๆคือเอาน้ำยาล้างหม้อน้ำใส่ลงไป ติดเครื่องทิ้งไว้ 10-20 นาทีตามฉลาก แต่จริงๆแล้วเราสามารถใช้งานได้ โดยวิ่งรอบต่ำๆสักครึ่ง ชม ให้น้ำวนระบบให้เต็มที่ อย่างของผมเอง เติมน้ำยาเสร็จสตาร์ทให้วาวล์น้ำเปิดแป๊บนึงดับเครื่องทิ้งไว้ 2-3 ชม พอถ่ายน้ำออกดำแทบเป็นโคลน
2 แยงหม้อน้ำ อันนี้เหมาะสำหรับรถอาการหนัก แล้วก็เฉพาะหม้อน้ำทองแดงเท่านั้น หม้อน้ำอลูมิเนียมฝาพลาสติกหมดสิทธิ์ เอาไปที่ร้านช่างก็จะเปิดฝาหม้อน้ำบน-ล่างออกหมด แล้วก็เอาลวดแยงพวกตะกรันต่างๆออกมา

วิธีเอาน้ำยาล้างหม้อน้ำออกจากระบบให้หมด ถ้าเอาออกไม่หมดมันก็จะกัดพวกซีลปั้มน้ำต่างๆ
ปิดจุกถ่ายน้ำด้านล่างให้เรียบร้อย เอาสายยางมาจ่อไว้ที่หม้อน้ำด้านบนเลย หาตำเหน่งท่อน้ำวน ท่อไล่ลม หรือ ท่อน้ำเลี้ยงเทอร์โบ ที่มันวนจากเครื่องกำลังจะกลับเข้ามห้อน้ำ ถอดตรงนั้นเลย สตาร์ทเครื่อง เปิดน้ำอัดเข้าหม้อน้ำ ปล่อยน้ำทิ้งทางท่อที่เราถอด รอจนน้ำใส ถ้าให้ดี เอาลมอัดตรงท่อนั้นด้วย น้ำเก่าๆจะได้ออกหมด
ทีนี้ก็จะสังเกตุได้ว่ารอบนี้เราต้องเติมน้ำเข้าไปมากกว่าปรกติ (เพราะมันออกจากระบบจนเกลี้ยงจริงๆ

ปล.แนะนำให้เติมน้ำยาคูลแลนท์ด้วย อยากให้ใช้แบบไม่ต้องผสมน้ำมากกว่า เพราะน้ำเปล่าเป็นตัวการให้เกิดสนิม จะใช้แบบที่ผสมน้ำก็ได้แต่น้ำที่ใส่ ควรเป็นน้ำกลั่น(เติมแบต) จะช่วยให้ไม่มีสนิม

ออยเกียร์
ปรกติในเซฟเกียร์ออโต้ จะมีออยเกียร์มาให้จากโรงงานอยู่แล้ว โดยจะอยู่แถบล่างของหม้อน้ำ อันนี้คงไม่ต้องล้าง แต่ควรหมั่นตรวจสอบท่อยางที่วิ่งไปหม้อน้ำว่าเปื่อย ฉีกหรือยัง
แต่จริงๆแล้วอยากแนะนำให้ใช้พวก ออยแผ่นแยกจะดีกว่า เพราะมันระบายดีกว่า เย็นกว่า ที่สำคัญ เราสามารถทำให้หม้อน้ำใหญ่ขึ้นได้ โดยมีน้ำในระบบได้เยอะกว่า โดยไม่มีหลอดของออยเกียร์มาแย่งที่ ออยเกียร์แยกก็ไม่แพงอะไร แผ่นนึงก็ 600-700 ท่อยางอีกสัก 1 เมตร(เกรดดีหน่อย) น้ำมันยิ่งเย็น ความหนืดก็ไม่เสีย แรงดันน้ำมันก็ดี เกียร์ก็ทนขึ้นครับ

ออยพวงมาลัย
อันนี้เซฟเดิมๆ บางคันก็มี บางคันก็ไม่มี จะเริ่มมีออยพวงมาลัยตั้งแต่ปี 93 ขึ้นไป รุ่นที่มีคือ 24vตัวแรก ตำเหน่งของออยคือ ใต้ที่นั่งคนขับ 12vกับ24v ปี 94 ปลายๆที่เป็นกันชนอูมแล้ว จะย้ายออยพวงมาลัยไปอยู่ที่ หลังกระจังหน้า อันนี้ระบายดีกว่า 24v ตัวแรกเยอะ แต่ข้อเสียคือ ท่อออยเป็นแป๊บ รกมาก
ข้อดีคือ ทำให้น้ำมันเย็นไม่เดือด เพราะน้ำมันที่ร้อนมาก จะไปทำลาย ปั้ม และก็ซีลยางที่แรค แรคถึงรั่วบ่อยๆ โดยเฉพาะพวกแรค 5 สายแรงดันน้ำมันสูงมาก แถมเจอความร้อนอีก ซีลยางเลยไปง่าย
ถ้าจะให้ดีใส่ออยแยกเพิ่มเข้าไป ตรงท่อไหลกลับก่อนเข้ากระป๋อง ก็ใช้ออยแผ่นเหมือนเดิมไม่กี่บาท ลองเอานิ้มจิ้มน้ำมันในกระป๋องตอนสตาร์ทเครื่องไว้ได้เลยครับ ก่อนใส่ออย กับ หลังใส่ เย็นกว่ากันเยอะ ระบบคุณก็จะทนขึ้นลงทุนประมาณ 1500 แต่ใช้แรคได้ยาวขึ้น ปั้มทนขึ้น

ออยเครื่อง
อันนี้เซฟเดิมๆไม่มี แต่ถ้าหามาใช้ได้ก็จะดี ทั้ง j และ RB ประโยชน์ก็เหมือนออยทั่วๆไป คือ ลดความร้อน
ข้อดีของมันคือ
1 อุณหภูมิน้ำมันเครื่องลดลง(เท่ากับว่า แรงดันไม่ตก น้ำมันไม่เสียคุณภาพ ทำให้เครื่องหมุนได้ลื่นขึ้น วิ่งดีขึ้น ยิ่งร้อนน้ำมันยิ่งใส่ ก่อนใส่ ออย และ หลังใส่ออย ลดอุณหภูมิได้ประมาณ 10 องศา) สังเกตุไม๊ว่า เครื่องอึดๆทนๆอัดยาวๆแรงไม่ตกเช่นพวกกระบะ มิตซู มีออยมาจากโรงงานแล้วทั้งนั้น
ค่าใช้จ่ายก็มีหลายแบบ ถ้างบไม่เยอะ ก็ซื้อออยแผ่นทั่วๆไปมาใส่ แต่ต้องซื้อชุดย้ายกรอง ให้เลือกแบบหัวธรรมดา ใช้ท่อยางเกรดดีๆหน่อย (ไม่แนะนำให้เจาะแคร้ง) ถ้างบเหลือๆ ก็ซื้อพวกของแต่งไปเลย มีทั้งของบ้านเรา ของนอก ก็ประมาณ 8000-12000 ตอนใส่แล้วควร เพิ่มน้ำมันเครื่องจากของเดิมประมาณ 1 ลิตร

ออยเบนซิน
อันนี้เหมาะกับพวกรถแข่ง รถบ้าพลังซะมากกว่า โดยจะติดตั้งในตำเหน่งก่อนไหลกลับถัง เพื่อช่วยให้น้ำมันที่วนกลับ เย็นขึ้น จะได้หนาแน่นขึ้น น้ำมันแบนซิน ยิ่งเย็นยิ่งวิ่ง ม้ายิ่งสูง ไม่เหมือนพวกน้ำมันดีเซลที่ยิ่งร้อนยิ่งดี

ออยพัดลมไฮโดรลิค(jz)
อันนี้สำหรับพวกเครื่องเจใช้พัดลมไฮโดร เคยสังเกตุหรือป่าวเวลาใช้งานๆหรือวิ่งทางไกล ลมพัดลมมันเบาลง แถมน้ำมันในกระป๋องชอบทะลักออกฝา เป็นเพราะน้ำมันๆร้อนแล้วใส ใส่ออยตัวเล็กๆเข้าไปสัก 1 แผ่นก่อนไหลกลับกระป๋องพักก็จะลดปัญหานี่ได้สบาย


อยากให้ทราบไว้ว่า น้ำมันพอเจอความร้อนมันจะใส ลดความหนืดลง แรงดันน้ำมันก็ตก ไม่เหมือนตอนเครื่องเย็นสตาร์ทใหม่ๆ อยากให้ทุกอย่างทำความเต็มที่ของมัน เราก็ควรระบายความร้อนของน้ำมันพวกนี้ออกไป น้ำมันในระบบต่างๆก็จะทำงานได้ดีขึ้น

การติดตั้งพวกออย ควรอยู่ในตำเหน่งที่กินลม ถ้าไม่มีที่จริงๆก็สามารถใช้พัดลมตัวเล็กๆช่วยเป่าได้ ท่อยางต่างๆควรใช้เกรดที่ดีๆหน่อยมันจะได้ทนๆ ถ้าท่อยางอยู่ในที่ล่อแหลมเช่น เบียดกับขอบคมๆ เบียดตัวถัง ก็ควรเอาพวกไส้ไก่ มาพันไว้ หรือใช้พวกท่อแอร์มาสวมไว้ก็ได้ และไม่ควรติดตั้งท่อต่ำๆแบบลากพื้นได้ เดี๋ยวอะไรมันจะมาเกี่ยวหลุดซะ

__________________
IP : บันทึกการเข้า
toyting_a31
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 627


รักเครื่องเสียง


« ตอบ #30 เมื่อ: วันที่ 30 กันยายน 2010, 22:27:15 »

ทำไม RB25DET บางตัวมีท่อไอดีพาดเครื่อง แบบรูปที่ 1 นี้
และบางตัว ที่หาข้อมูลมา ไม่ว่าจะเว็ปนอกเว็ปไทย ไม่มีท่อไอดีพาดอยู่บนเครื่องตามรูป 2 นี้
ตอบ
อันที่แปลกตาไปเป็น ท่อ id แต่งคับยี่ห้อก็แปะอยู่บนท่อน่ะคับ....
ส่วนปีผลิตจะเริ่ม 93 ครับ จบนี้ไม่แน่ใจ ขอดูโพยก่อนนะคับ...
rb25 จะมี 2 ตัวคับ ตัว afm สีเขียวมีระบบ cdi กับ afm สีชมพู และไม่มีระบบ cdi (จิงๆก็มีแต่มันย้าย cdi เข้าไปในตัว coil)
สรุปแล้วน่าเป็นตัวเดียวกันครับ


* 1.jpg (99.48 KB, 784x505 - ดู 30848 ครั้ง.)

* 2.jpg (29.51 KB, 400x400 - ดู 28181 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
toyting_a31
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 627


รักเครื่องเสียง


« ตอบ #31 เมื่อ: วันที่ 04 ตุลาคม 2010, 18:06:36 »

up up up
IP : บันทึกการเข้า
toyting_a31
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 627


รักเครื่องเสียง


« ตอบ #32 เมื่อ: วันที่ 04 ตุลาคม 2010, 23:38:12 »

ตำนานรถสปอร์ต Nissan Skyline (ก้อปมาฝาก)

วันนี้หยิบเอารุ่นรถ SKYLINE GT-R ขวัญใจหลาย ๆ คนมาฝาก
Skyline นั้นเดิมทีเป็นชื่อรุ่นรถของ Prince Automobile ได้ทำรถออกมาแบบ 4 ประตู ก่อนที่จะรวมกิจการเข้ากับ นิสสัน-ดัทสัน รุ่นแรก ๆ หรือ บรรบุรุษของ Skyline GT-R ออกมาในปี 1964 ( 2503 ) ก็คือ Slyline S54 2000 GT-B ต่อมาได้มีการพัฒนารถรุ่นใหม่แต่ก็ยังทำเป็นรถซีดาน ( 4 ประตู ) ก็คือ Skyline PGC10 2000 GT-R และต่อมาก็ทำเป็นรุ่นคูเป้ 2 ประตู และต่อมาได้มีการพัฒนารถเป็นรุ่น KPGC110 2000 GT-R ใช้เครื่อง S20 มีกำลัง 160 แรงม้า ลักษระเครื่องเป็น L6 ซึ่งใหล้เคียงกับรุ่นแรก 2000 GT-R
เกือบลืมไป ตอนนั้นีระบบการขับเคลื่อนนั้นยังเป็นขับเคลื่อนสองล ้อหลังชนิดเครื่องวางหน้า ( FR = Front Engine , Rear Drive )
- Prince Skyline 2000 GT-B
- Prince Skyline KGC10 2000 GT-R
- Prince Skyline 2000 GT-R
- Prince Skyline KPGC 2000 GT-R

ต่อมาเข้าสู่ยุคปี 90 หลังจาก 16 ปีต่อมาในปี 1989 ในขณะนั้นสกายไลน์ ยังไม่ได้เป็นสายพันธุ์ GT-R ด้วยความที่ว่า GT-R เป็นรุ่นรถที่มีความแรงที่เป็นเรือธงของนิสสัน รุ่นแรกของ Skyline GT-R ได้เกิดขึ้นในปี 1989 ใช้รุ่นรหัส R32 เครื่องยนต์ที่ใช้เป็น RB26DETT การขับเคลื่อนใช้ระบบขับเคลื่อน 4WD แบบ Part Time ต่อมาในปี 1995 ได้ออกรหัสรุ่นใหม่ R33 โดยที่เครื่องยังเป็นเครื่องฝาแดงแสนสวย RB26DETT ส่วนระบบขับเคลื่อนเป็น 4WD ต่อมาในปี 1998 ได้ออกโมเดลรุ่นใหม่ ภายใต้ชื่อรุ่นว่า Skyline 2.5 Turbo รุ่นนี้เป็นรุ่นแรกของ Skyline GT-R R34

Skyline GT-R R34 ออกมาในปี 1999 นั้นถือว่าเป็นรถสปอร์ตรุ่นที่ไฮเทคที่สุดของนิสสันในตอนนั้น ไม่ว่าระบบการควบคุมสปอยเลอร์ ระบบการควบคุมการเลี้ยว 4 ล้อ ที่สามารถควบคุมได้เหมือนกับเครื่องบิน หรือ ระบบเซ็นเซอร์ที่กุญแจรถ รวมไปถึงหน้าตาที่ดุดันสุด ๆ กับความแรงของเครื่อง RB26DETT มี 3 เวอร์ชั่น
- Skyline GT-R R34 ( 1999 )
- Skyline GT-R R34 V-Spec ( 1999 )
- Skyline GT-R R34 V-SPec II ( 2000 )
- Skyline GT-R R34 M-Spec ( 2001 )

ในเมื่อความฝันของสกายไลน์ จีที-อาร์ ที่มีมาตั้งแต่ ปี 1990 กายใต้รหัส R32 มาจนถึง R34 ต้องจบลงไปในปี 2002 เนื่องจากเครื่องยนต์ฝาแดงแสนสวยอย่าง R26DETT ไม่ผ่านมาตราฐานระบบไอเสียของทาง สหภาพยุโรป ( คุ้น ๆ กันกับคำว่ามาตราฐาน ยูโร เช่น ยูโรวัน ยูโรทู ยูโรทรี และ ยูโรโฟร์ ) เจ้าเครื่อง RB26DETT ได้สร้างปัญหาแต่มลภาวะไว้อย่างมาก ประกอบช่วงนั้นนิสสันได้มีจำหน่ายรถ Nissan Fairlady Z ( 350Z หรือ Z 33 ) จึงทำให้สกายไลน์ รุ่นต่อมาไม่ใช่ GT-R แต่การพัฒนาจาก รุ่นรหัส R34 มาสู่รุ่น G35 ใช้เครื่องยนต์บลีอก VQ35DE แต่อย่างไรก็ตามแต่วงการ Motorspot ก็ไม่นิยมเล่นตัวนี้ โดยทาง Nismo ได้เปลี่ยนรถแข่งในการ Japan GT Championship ( ปัจจุบันคือ Super GT ) จาก Skyline GT-R R34 มาเป็น Fairlady Z ทั้งรุ่น GT500 และ GT300 ที่มีก่อนหน้านี้
แต่ถึงอย่างไรก็ตามแต่ สายพันธุ์ GT-R ยังไม่จบสิ้นเมื่อปี 2005 ที่ผ่านมาในงาน Tokyo Motorshow ในบู๊ธของนิสสันได้สร้างความตื่นเต้นกับบรรดาแฟน GT-R ด้วยการเปิดตัว GT-R Proto โดยมีข่าวลือมาว่า รุ่นนี้จะวางเครื่อง VQ32DETT กับเกียร์ 7 Speed




--------------------------------------------------------------------------------
หัวข้อ: Re: บทความเกี่ยวกับ Skyline
เริ่มหัวข้อโดย: TheBest ที่ สิงหาคม 22, 2009, 10:02:28 am
--------------------------------------------------------------------------------

ส่วนเครื่องของ GT-R นั้น

1. RB26DETT
2. RB26DETT Z2
3. VQ3000DETT ( ใช้กับ Nismo GT-R ในรายการ Japan Championship รุ่น GT500 )
4.VQ35DE
รายชื่อรถ SKYLINE GT-R เฉพาะรุ่นที่เป็นของนิสสัน
Skyline R33 GTS-T - RB25DET or RB25DE
Skyline R33 GTS-4 - RB25DET or RB25DE and 4WD
Skyline R33 GTS - RB25DE
Skyline R33 GTR - RB26TT
SKyline R33 GT-R V-Spec - RB26DETT
Nismo GT-R R33 LM Edition - RB26DETT - FR
Nismo GT-R ( JGTC ) - RB26DETT - FR
Skyline R34 25GT-T - RB25DET with 280hp
Skyline R34 GT - powered by the RB20DE with 140hp
Skyline R34 25GT-V - with the RB25DE engine and 193hp
Skyline R34 25GT - optional AWD - 4 Door only in FR
Skyline R34 25GT-X - optional AWD - 4 Door only in FR
Skyline GT-R R34 - with RB26DETT - 4WD
Skyline GT-R R34 V-Spec - with RB26DETT - 4WD
Skyline GT-R R34 V-Spec 2 - with RB26DETT - 4WD
Skyline GT-R R34 M-Spec - with RB26DETT - 4WD
Nismo GT-R ( JGTC 1999 ) - with RB26DETT - FR
Nismo GT-R ( JGTC 2002 ) - with RB26DETT - FR
Nismo GT-R ( JGTC 2002 V6 Edition ) - with VQ30DETT - FR
Nismo GT-R ( JGTC 2003 ) - with VQ30DETT - FR




* SKYLINE GT-R.jpg (10.39 KB, 245x206 - ดู 35196 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
toyting_a31
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 627


รักเครื่องเสียง


« ตอบ #33 เมื่อ: วันที่ 05 ตุลาคม 2010, 23:39:46 »

a31 เท่เท่ ครับ


* Untitled.jpg (140.64 KB, 630x699 - ดู 26522 ครั้ง.)

* diana_a31cefiro_fb-y.jpg (73.84 KB, 600x400 - ดู 77851 ครั้ง.)

* spd_20090626110900_b.jpg (54.63 KB, 615x461 - ดู 29194 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
toyting_a31
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 627


รักเครื่องเสียง


« ตอบ #34 เมื่อ: วันที่ 07 ตุลาคม 2010, 16:22:54 »

up
IP : บันทึกการเข้า
toyting_a31
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 627


รักเครื่องเสียง


« ตอบ #35 เมื่อ: วันที่ 07 ตุลาคม 2010, 22:35:39 »


2jz กับ rb26 ตัวไหนน่าจะวางกว่ากันครับ
น่าวางทั้ง2ตัวแล่ะคับ อยู่ที่รสนิยมของเจ้าของรถด้วยครับว่าชอบแบบไหน อยากเทพเปิดฝากระโปรงมาแล้วดูดีก็ RB26 แต่RB26จะยุ่งยากกว่าหน่อยเพราะต้องหาเกียร์RB25มาชน เพราะเครื่องRB26มันเป็นขับ4  แต่ถ้าจะเล่นแบบง่ายๆสบายๆดึงหนักๆก็2JZ-GTEคับ รหัสยอดฮิต ของวัยมันส์....



* 2jz.jpg (72.66 KB, 500x300 - ดู 46023 ครั้ง.)

* rb26.jpg (124.55 KB, 450x248 - ดู 30350 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
josarn
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 502



« ตอบ #36 เมื่อ: วันที่ 08 ตุลาคม 2010, 16:07:35 »

ฝากขาย พักปลาย 2.5 นิ้ว ใส้เกลียว ขนาด เข้า 6 นิ้ว ออก 5 นิ้ว ราคา 1000 ต่อรองได้
สนใจ 083-2088053
IP : บันทึกการเข้า
toyting_a31
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 627


รักเครื่องเสียง


« ตอบ #37 เมื่อ: วันที่ 08 ตุลาคม 2010, 22:56:03 »

พี่ toyting เป็นสมาชิกชมรม cefiro - thailand กรุงเทพ รหัส a31239 ครับ
คนที่ใช้รถ cefiro a31 และ a32 , a33 และ r32  มีกี่คันแล้วเอ่ย รวมตัวกัน
เป็นสมาชิก cefiro ใน จังหวัดเชียงราย เพื่อเป็นสมาชิกในชมรมใหญ่ต่อไปนะครับ
ฝาก mail มานะครับ ที่ toyting_a31@hotmail.com ครับ หรือคุยกันในเวป
ก่อนพบปะกันต่อไปนะครับ  หรือโทรมานะครับที่  083-5718009  พี่ติ่งครับ
 


* 111.jpg (11.48 KB, 592x83 - ดู 24500 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
toyting_a31
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 627


รักเครื่องเสียง


« ตอบ #38 เมื่อ: วันที่ 09 ตุลาคม 2010, 22:22:03 »

ความรู้รถขับเคลื่อนล้อหน้ากับขับเคลื่อนล้อหลังต่างกันอย่างไร
  สาเหตุที่ต้องวางเครื่องตามระบบขับเคลื่อน สืบเนื่องมาจากความสะดวกและง่าย ตลอดจนความเหมาะสมมากกว่า (แต่มันไม่แน่เสมอไปหรอกว่ารถขับหน้าแล้วต้องวางเครื่องขวาง ) ยกตัวอย่างเช่น คุณจะใช้เครื่อง 6 สูบกับรถขับเคลื่อนล้อหน้า ถ้ามาวางตรงแล้วขับเคลื่อนล้อหน้ามันจะเกิดอะไรขึ้น เพราะอย่าลืมว่าเกียร์มันต้องห้อยอยู้ท้ายเครื่อง แล้วเพลาก็ต่อออกมากจากเกียร์ หมายความ ว่าน้ำหนักของเครื่องยนต์จะอยู่ที่ด้านหน้าบอกแนวล้อ ทำให้น้ำหนักตกหน้ามากเกินไป มีผลกับการทรงตัว การบังคับควบคุม ความนุ่มนวล แล้วยังออกแบบยากเพราะระยะโอเวอร์แฮงก์หน้าจะยื่นยาวมาก นอกจากนี้ยังมีปัญหาเรื่องวางตำแหน่งหม้อน้ำกับแผงคอยส์แอร์รวมทั้งพัดลม ที่ต้องมีความบางมากกว่าปกติ แต่การวางแบบนี้ไม่ใช่ว่าจะไม่มีการทำอย่างเช่น รถ RENAULT 20 TS  วางเครื่อง 4 สูบแถวเรียงตามยาว แล้วใช้ระบบขับเคลื่อนล้อหน้า ผลก็คือ พัดลมระบายความร้อนต้องออกแบบพิเศษมีความหนาแค่นิ้วเดียว การวางตำแหน่งรังผึ้งแดร์ก็มีปัญหา ต้องนำไปติดตั้งเอาไว้ใต้ท้องรถแทน เพราะทางด้านหน้าไม่มีที่วางแล้ว คิดเอาเองแล้วกันขนาดแค่เปลี่ยนสายพานแอรืกันที ถึงกับต้องถอดสายพานไทมิ่งเลย มันยุ่งยากมากเรื่องขนาดไหน หรือแม้กระทั่งรถขับเคลื่อนล้อหน้าอย่าง  AUDI  หรือ HONDA บางรุ่นก็ยังนิยมวางเครื่องตรงแล้วขัยบเคลื่อนล้อหน้าอย่างตัว AUDI 100 หรือ HONDA Vigor เค้าวางเครื่องแถวเรียง 5 สูบลงไป โอเวอร์แฮงก์หน้าจึงยื่นยาวเป็นพิเศษ ทั้ง ๆ ที่ท่าง AUDI ใช้เกียร์ย้อนเพิ่มชุดเฟืองตัวกลับอีกทอดเพื่อให้ส่วนของเฟืองท้ายและเพลาขับ ย้ายมาอยู่ด้านติดกับเครื่องยนต์ แทนที่จะไปอยู่ทางด้านท้ายเกียร์แล้วก็ตาม  ถ้าสังเกตให้ดีโดยไม่มองส่วนโค้งที่ทำหลอกตาไว้ จะพบว่าหน้ารถยท่นยามออกมาเยอะเชียว

   ในกรณีที่เป็นรถขับเคลื่อนล้อหน้าแล้วคบกับเครื่อง Boxer อย่าง  SUBARU สามาถวางตรงได้สบาย เพราะเครื่องแบบนี้วางลูกสูบสวนกันจึงสั้นกว่าเครื่องปกติ แถมลูกสูบยังวางนอนกางออกทางด้านข้าง ทำให้ตัวเครื่องเตี้ยมามกไม่มีปัญหาทะเลาะกับฝากระโปรง

   คราวนี้ถ้าเราเอาเครื่องแถงเรียง 5 สูบ หรือ 6 สูบ  มาวางขวางแบวใช้ระบบขับเคลื่อนล้อฟน้า หมายความว่าห้องเครื่องต้องกว้างมาก เพราะต้องเผื่อเนื้อที่สำหรับเครื่องยนต์และเกียร์อีกลูก ถ้าจะให้สะดวกก็ต้องออกแบบเครื่องยนต์ให้สั้นลง โดยการมใช้ลูกสูลเล็กแล้วให้ช่วงชักยาว ซึ่งก็มีผลให้ความสูงของเครื่องยนต์เพิ่มมากขึ้ร เดือดร้อนการออกแบบฝากระโปรงให้สูงตาม อันสร้างปัญหาให้กับเรื่องอากาศพลศาสตร์ แล้วยังต้องออกแบบชุดท่อไอดีให้อยู่ในระดับต่ำอีก เรียกว่าค่อนข้างมากเรื่อง ด้วยเหตุนี้เค้าจึงหันมาคบเครื่อง V 6 วางขวางลงไปแทน หรือใช้เครื่องแถวเรียง 6 สูบ แต่จัดกระบอกสูบให้เป็นรูปตัว V อย่าวงเช่น HONDA Accord หรือ NISSAN  Cefiro    การวางแบบนี้เรื่องความกว้างของรถไม่มีปัญหา เพราะรถรุ่นใหม่นิยมออกแบบให้ตัวกว้าง สามารถวางเครื่อง 6 สูบตามขวางได้สบาย พร้อมทั้งเกียร์ก็มีความยาวไม่มากนัก ส่วนเรื่องความสูงของเครื่องยนต์ก็ไม่มีปัญหาอีกนั่นแหละ เพราะสามารถจับลูกสูบวางเอียงเป็นรูบตัว V ความสุงของเครื่องก็เลยมีน้อยลง ไม่เด่เหมือนเครื่อง 6 สูบแถวเรียงธรรมดา ทางด้านรถก็สามารถออกแบบฝาประโปรงให้เทลาดหลบกระแสลม ได้ ไม่ต้องห่วงเรื่องอากาศพลศาสตร์

พวกรถขับเคลื่อนล้อหลังที่นิยมวางเครื่องตรงเป็นเพราะมันเล่นง่าย เนื่องจากเกียร์ต่อจากท้ายเครื่องแล้วผ่านพรากลางไปขับล้อหลัง ไม่มีปัญหาเรื่องน้ำหนักล้ำหน้าแนวล้อหน้า และแบบนี้เป็นวิธีที่ดีที่สุด เมื่อวางเคเครื่องตรงยังอาศัยทางด้านหน้าติดตั้งวพัดลมเครื่องได้อีก ไม่จำเป็นต้องอาศัยพัดลมไฟฟ้ายังไหว เพราะเครื่องวางตรงและมีเนื้อที่ด้านหน้าเหลือเยอะ ยกเว้นพวกวางเครื่องหลังขับหลัง อย่าง TOYOTA MR II จะวางเครื่องขวาง ส่วน PORSCHE หรือ  VOLKSWAGEN จะวางเครื่องตรง

 
 
 
 


* spd_20090817231926_b.jpg (30.67 KB, 800x533 - ดู 48435 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
toyting_a31
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 627


รักเครื่องเสียง


« ตอบ #39 เมื่อ: วันที่ 13 ตุลาคม 2010, 01:37:38 »

พี่ toyting เป็นสมาชิกชมรม cefiro - thailand กรุงเทพ รหัส a31239 ครับ
คนที่ใช้รถ cefiro a31 และ a32 , a33 และ r32  มีกี่คันแล้วเอ่ย รวมตัวกัน
เป็นสมาชิก cefiro ใน จังหวัดเชียงราย เพื่อเป็นสมาชิกในชมรมใหญ่ต่อไปนะครับ
ฝาก mail มานะครับ ที่ toyting_a31@hotmail.com ครับ หรือคุยกันในเวป
ก่อนพบปะกันต่อไปนะครับ  หรือโทรมานะครับที่  083-5718009  พี่ติ่งครับ
 

รวมตัวกันนะครับ
IP : บันทึกการเข้า
หน้า: 1 [2] 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 ... 150 พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!