เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 20 เมษายน 2024, 12:50:44
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  นักลงทุน การเงิน การธนาคาร
| | |-+  ใครมีเงินเย็น อยากลงทุนหุ้น มาทางนี้
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: 1 ... 18 19 20 21 22 23 24 25 26 27 [28] 29 30 31 32 33 34 35 36 37 38 ... 41 พิมพ์
ผู้เขียน ใครมีเงินเย็น อยากลงทุนหุ้น มาทางนี้  (อ่าน 293302 ครั้ง)
น้าวัยทองฯ
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 10,912



« ตอบ #540 เมื่อ: วันที่ 11 พฤษภาคม 2012, 12:14:08 »

ไม่รู้จะเอาลงกระทู้ไหน  ขอเอามาลงกระทู้พี่ชายวายุละกันครับ



"คนรวย...เป็นคนกำหนดหลักสูตรการศึกษา
ส่วนคนจน...เรียนปริญญาเพื่อทำงานให้คนรวย !!!"

จากหนังสือชื่อ คำคมผู้นำ ถ้อยคำแห่งปราชญ์

-- โรเบิร์ต คิโยซากิ --

เจ้าของหนังสือ พ่อรวยสอนลูก
IP : บันทึกการเข้า

วายุ
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 650



« ตอบ #541 เมื่อ: วันที่ 14 พฤษภาคม 2012, 15:49:23 »

การซื้อหุ้นกลับคืน
     ผมเชื่อว่าทุกท่านในที่นี้ที่เคยผ่านการซื้อขายหุ้นมาแล้ว  จะต้องเคยขายหุ้นเสร็จแล้วมันก็วิ่งขึ้นไปต่อ(ที่เขาเรียกกันว่าขายหมู)  เมื่อขายเสร็จแล้วก็ให้เสียดายเป็นหนักหนา  อดคิดไม่ได้ว่าถ้าถือไว้นานอีกสักหน่อย  กำไรก็จะเยอะกว่านี้  แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นผมบอกได้เลยว่า  ไม่มีใครรู้หรอกว่าหุ้นมันจะขึ้นและลงไปถึงตรงไหน  ส่วนมากที่ทำได้ก็แค่กะๆเอาเท่านั้น  เมื่อขายหมูเสร็จแล้วก็พลางนึกปลงอนิจจาว่า  ได้น้อยยังดีกว่าไม่ได้  หรือกำไรพอแล้ว  แบ่งให้คนอื่นเขาบ้าง  ไม่อย่างนั้นก็รวยตายน่ะสิ  ฯลฯ  และถ้าทุกคนรู้เหมือนกันหมดว่าหุ้นมันจะไปหยุดอยู่ที่ตรงไหน  ก็คงไม่มีภาษาหุ้นที่ว่าติดดอยหรือขายหมูออกมาเพื่อจำกัดความกันเป็นแน่แท้

     แล้วสาเหตุที่เราขายหุ้นนั้น  เราขายไปทำไม  ขายไปเพื่ออะไร?  บางคนก็บอกว่าทำกำไร  บางคนก็ว่าราคามันสูงเกินพื้นฐานไป  บางคนเห็นตลาดกำลังตกก็ขายตามคนอื่นเขาไป  เพราะกลัวว่าถ้าถือนานกว่านี้ก็อาจขาดทุนบานเบอะ  แต่ไม่ว่าท่านจะขายไปด้วยเหตุผลใดก็ตาม  ไม่ว่าท่านจะคิดก่อนขาย  หรือขายเพราะตกใจ  ท่านเคยคิดจะซื้อหุ้นตัวนั้นคืนบ้างหรือไม่?

     ผมมีความเชื่ออีกอย่างหนึ่งว่า  เกือบทุกคนก็อยากจะซื้อหุ้นตัวนั้นคืน  แต่ปัญหามันติดอยู่ตรงที่ว่า  ถ้าหุ้นนั้นมันดันราคากระเด้งกลับมาสูงกว่าตอนที่เราขายออกไป  หลายคนทำใจไม่ได้  เขาจะซื้อคืนก็ต่อเมื่อราคามันต่ำกว่าตอนที่เขาขายออกไปเท่านั้น  และถ้าราคาหุ้นนั้นมันไม่ยอมลง  เขาก็จะหันไปซื้อหุ้นตัวอื่นแทน...ถูกต้องไหม  แต่ผมมีประเด็นอยากให้คิดกันนิดหนึ่งว่า  ไม่ว่าคุณจะขายไปด้วยสาเหตุอะไร  หลังจากที่คุณได้ขายไปเสร็จแล้ว  คุณก็ได้ตระหนักว่า  สิ่งที่คุณได้ทำลงไปนั้นมันไม่สมควร  การซื้อหุ้นกลับคืนมา  ไม่ว่าจะในราคาที่ถูกกว่าหรือแพงกว่าตอนที่คุณได้ขายออกไป  มันเป็นสิ่งที่ถูกต้องและควรทำ(แต่นี่ไม่ได้หมายถึงการซื้อๆขายๆแบบเล่นรอบหรือเก็งกำไรนะ)  หลายคนคิดว่า  การซื้อหุ้นกลับคืนในราคาที่สูงกว่าตอนที่ได้ขายออกไปเป็นสิ่งผิดและโง่เขลา  แต่สำหรับผมแล้ว  ถ้าเหตุผลในการซื้อหุ้นกลับคืนมานั้นเพียงพอ  และมันจะไม่ทำให้คุณต้องสูญเสียหุ้นที่ดีตัวนั้นไปตลอด  นั่นเป็นเรื่องที่ถูกต้อง  การที่คุณได้ขายหุ้นออกมานั้น  มันเป็นแค่การพลาดไปเท่านั้น  แต่ถ้าคุณไม่ยอมซื้อหุ้นนั้นกลับคืนมาในขณะที่หุ้นตัวนั้นยังดูดีทุกอย่าง  นั่นจะเป็นความผิด  ผมเองก็เคยพลาดขายหุ้นออกมาเพราะกลัวว่าจะไม่ได้กำไรที่กำลังอยู่ในมือ  แต่เมื่อผมได้ขายหุ้นนั้นออกไปแล้ว  กลับกลายเป็นว่าหุ้นตัวนั้นวิ่งขึ้นไปต่ออีก  5  บาท  แต่ผมก็ยอมซื้อหุ้นนั้นกลับคืนในราคาที่แพงขึ้นถึง  5  บาท  เพราะผมได้ตระหนักว่า  ผมได้ทำมันพลาดไป  แต่ผมจะไม่ยอมทำผิดซ้ำอีกอย่างแน่นอน  และทุกวันนี้  สิ่งที่ผมได้ตัดสินใจทำในวันนั้น  ก็ได้ตอบแทนผมด้วยผลตอบแทนที่ดี  ถ้าในวันนั้นผมไม่ยอมซื้อหุ้นกลับคืนมาในราคาที่สูงขึ้นถึง  5  บาท  ทุกวันนี้ผมคงจะต้องสูญเสียหุ้นตัวนั้นและกำไรที่ควรจะได้ไปจริงๆ  การลงทุนส่วนบุคคลสามารถทำได้ไม่มีใครว่า  แต่ถ้าคุณเป็นผู้บริหารกองทุนหรือเทรดเดอร์  การที่คุณทำแบบนี้  คุณอาจถูกยึดจอเทรดได้  และข้อคิดสุดท้ายที่อยากฝากไว้ก็คือ  การที่คุณจะซื้อหุ้นกลับคืนมา  ต้องให้แน่ใจแล้วว่ามันเป็นการลงทุนที่ดีจริงๆ
IP : บันทึกการเข้า

ถึงจะจน       พี่ก็จน      อย่างมีเกียรติ
ถึงจะเครียด  พี่ก็เครียด   อย่างมีหวัง
ถึงจะบ้า       พี่ก็บ้า       อย่างมีพลัง
ถึงจะพัง       พี่ก็พัง       อย่างมีฟอร์ม
วายุ
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 650



« ตอบ #542 เมื่อ: วันที่ 16 พฤษภาคม 2012, 15:50:32 »

ช่วงนี้ใครอยากได้  7-11  ก็จ้องนะครับเพราะ....

รายงานผลกำไรไตรมาสแรกออกมาว่า  กำไรต่อหุ้นที่ทำได้  0.61  บาทต่อหุ้น  ถ้าคำนวณผลกระทบจากการแจกหุ้นแล้วก็ต้องหารสองเหลือกำไรหุ้นละ  0.305

คำนวณต่อไปอีกว่า  ถ้ากำไรปีนี้ที่ทำได้ไม่ได้เพิ่มขึ้นเลยทั้งปีก็ต้องคูณสี่  0.305  *  4  =  1.22  บาท  ต่อหุ้น

ให้ค่า  PE  ไปอีกเท่าเก่าคือ  30  เท่า  ราคาหุ้นที่ควรจะเป็นสำหรับปีนี้คือ  1.22  *  30  =  36.6  บาท

ซึ่งราคาหุ้นช่วงนี้ก็เหมาะสมต่อการลงทุนแล้วนะครับ  ผมก็ซื้อเพิ่มไปแล้ววันนี้ที่  35.50  เพราะผมประเมินว่า  กำไรต่อปีที่  7-11  จะทำได้  ไม่น่าจะเป็นเท่าที่คำนวณไว้จริง  มันน่าจะทำได้มากกว่านั้น  เพราะรัฐบาลกำลังลดภาษีเงินได้ให้บริษัทอยู่อีก  2  ปีข้างหน้า  เพราะฉะนั้น  จะช้าอยู่ใย  หาจังหวะเก็บกันเอาเองเด้อ
IP : บันทึกการเข้า

ถึงจะจน       พี่ก็จน      อย่างมีเกียรติ
ถึงจะเครียด  พี่ก็เครียด   อย่างมีหวัง
ถึงจะบ้า       พี่ก็บ้า       อย่างมีพลัง
ถึงจะพัง       พี่ก็พัง       อย่างมีฟอร์ม
น้าวัยทองฯ
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 10,912



« ตอบ #543 เมื่อ: วันที่ 16 พฤษภาคม 2012, 17:34:03 »

เสี่ยวายุก็โหดเกิน เอาเงินลาก 7-11 ซะเขียวเลยอ่ะ หุหุ
IP : บันทึกการเข้า

วายุ
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 650



« ตอบ #544 เมื่อ: วันที่ 21 พฤษภาคม 2012, 16:08:16 »

     วันนี้เอาบริษัทที่หุ้นหวือหวาและเป็นที่กล่าวถึงพอสมควรในเว็ปเชียงรายของเรามาให้ช่วยกันวิเคราห์นั่นก็คือ  malee  เท่าที่ผมอ่านรายงานประจำปีดูแล้ว  รู้สึกว่าง่ายต่อการวิเคราะห์ตัวบริษัทพอสมควร  แต่มือใหม่ทุกท่านจะเข้าใจบ้างหรือเปล่า  เดี๋ยวเราค่อยมาว่ากันทีหลัง  วันนี้โหลดรายงานไปอ่านทำความเข้าใจกันก่อน  แล้วเดี๋ยวผมจะเข้ามาออกความเห็นทีหลังนะครับ

http://www.set.or.th/set/companyprofile.do?symbol=MALEE&language=th&country=TH

ดูในกรอบสีฟ้า  ด้านขวาอันบนสุดเขียนว่า  รายงานประจำปีฉบับล่าสุด 2554  โหลดกันเลยนะพี่น้อง  ลับสมองกันหน่อย  ใครรู้สึกอย่างไร  รู้เรื่องอย่างไร  ก็มาบอกกันได้
IP : บันทึกการเข้า

ถึงจะจน       พี่ก็จน      อย่างมีเกียรติ
ถึงจะเครียด  พี่ก็เครียด   อย่างมีหวัง
ถึงจะบ้า       พี่ก็บ้า       อย่างมีพลัง
ถึงจะพัง       พี่ก็พัง       อย่างมีฟอร์ม
น้าวัยทองฯ
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 10,912



« ตอบ #545 เมื่อ: วันที่ 21 พฤษภาคม 2012, 18:45:24 »

     วันนี้เอาบริษัทที่หุ้นหวือหวาและเป็นที่กล่าวถึงพอสมควรในเว็ปเชียงรายของเรามาให้ช่วยกันวิเคราห์นั่นก็คือ  malee  เท่าที่ผมอ่านรายงานประจำปีดูแล้ว  รู้สึกว่าง่ายต่อการวิเคราะห์ตัวบริษัทพอสมควร  แต่มือใหม่ทุกท่านจะเข้าใจบ้างหรือเปล่า  เดี๋ยวเราค่อยมาว่ากันทีหลัง  วันนี้โหลดรายงานไปอ่านทำความเข้าใจกันก่อน  แล้วเดี๋ยวผมจะเข้ามาออกความเห็นทีหลังนะครับ

http://www.set.or.th/set/companyprofile.do?symbol=MALEE&language=th&country=TH

ดูในกรอบสีฟ้า  ด้านขวาอันบนสุดเขียนว่า  รายงานประจำปีฉบับล่าสุด 2554  โหลดกันเลยนะพี่น้อง  ลับสมองกันหน่อย  ใครรู้สึกอย่างไร  รู้เรื่องอย่างไร  ก็มาบอกกันได้

กำไรบาน แถมยังลดหุ้นด้วย เหอๆ มิน่าไล่กันทุกวัน
IP : บันทึกการเข้า

วายุ
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 650



« ตอบ #546 เมื่อ: วันที่ 30 พฤษภาคม 2012, 16:02:45 »

     ขอโทษที่หายไปนานพอดีไม่ค่อยว่างน่ะครับ  วันนี้มาแล้ว  มิตรรักทั้งหลายก็เข้ามาอ่านกันได้ตามอัธยาศัยนะครับ

วิเคราะห์บริษัทมาลี
     มาเริ่มที่หน้า  5  กันเลยนะครับ  ส่วนนี้เป็นข้อมูลเกี่ยวกับการเงิน  เมื่อดูรายได้รวมก็ไม่แน่ไม่นอน  กำไรสุทธิก็เลยผันผวนตามยอดขาย  ตัวเลขอื่นไม่ต้องไปสนใจมันครับ  เพราะมันไม่ได้บ่งบอกอะไรที่ชัดเจนเกี่ยวกับบริษัทเท่ากับกำไรสุทธิ  มีเทคนิคในการอ่านรายงานประจำปีหรืองบการเงินแบบง่ายๆก็คือ  ดูที่กำไรไว้ก่อน  เพราะราคาหุ้นจะวิ่งตามเส้นกำไรเสมอ  สำหรับช่องสินทรัพย์รวมที่มันเพิ่มขึ้น  ถ้ามันเป็นที่ดินและอาคารหรือเครื่องจักร  มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรเกี่ยวกับธุรกิจเลย  เพราะมาลีเขาเน้นขายของ  ไม่ได้เน้นที่ทรัพย์สินเหมือนกับพวกอสังหาริมทรัพย์  และถัดลงมาก็เป็นอัตราส่วนทางการเงิน  ตรงนี้ถ้าเป็นมือใหม่ก็ปวดหัว  เพราะไม่รู้ความหมายของสิ่งที่บอก  ถ้าไม่รู้เรื่องก็ผ่านมันไปก็ได้  เพราะมันไม่ค่อยสำคัญเท่าไหร่(สำหรับผม)

     หน้า  7  โครงสร้างรายได้  ให้ดูที่ช่องเปอร์เซ็นต์เป็นสำคัญ  ตรงนี้แสดงให้เห็นว่า  ขายในประเทศเป็นส่วนใหญ่  เพราะมียอดขายถึงเจ็ดสิบกว่าเปอร์เซ็นต์มาตลอด  ไม่รู้ว่าส่งออกแล้วกำไรไม่ดี  หรือว่าไม่เป็นที่นิยมในต่างประเทศหรืออย่างไร  ผมก็สุดจะเดา

     หน้า  17  ลักษณะการประกอบธุรกิจ  ตรงส่วนนี้เริ่มจะเห็นภาพชัดขึ้นแล้วว่า  บริษัทนี้ทำมาหากินอย่างไรบ้าง  โดยสรุปก็มีสินค้าคือ  ผลไม้กระป๋อง  น้ำผลไม้  น้ำนมข้าวโพด  นมตราฟาร์มโชคชัย  และน้ำดื่ม  เมื่อเราดูที่รายการสินค้าของบริษัทแล้วเห็นอะไรบ้างครับ  จากสายตาของผมเอง  สินค้าของบริษัทมาลีนี้  ผมซื้อน้อยครั้งมาก  ปีหนึ่งคงไม่กี่ครั้ง  แล้วทุกคนที่เข้ามาอ่านเป็นเหมือนผมกันบ้างหรือเปล่าครับ  ถ้าเป็นเหมือนกัน  เราก็เดาได้ทันทีว่ามันไม่ค่อยรุ่ง  สำหรับสินค้าของบริษัทนี้  เพราะอัตราการซื้อซ้ำต่ำมาก

     หน้า  21  -  24  ภาวะอุตสาหกรรมและแนวโน้ม

-สำหรับรายได้ของข้าวโพดหวาน  ก็คงไม่หวือหวาเท่ากับราคาหุ้น

-ส่วนธุรกิจน้ำผักและน้ำผลไม้  คำกล่าวอ้างของบริษัท(บรรทัดที่  2)ที่ว่า  เพราะผู้บริโภคเล็งเห็นประโยชน์ที่มากล้นของน้ำผักและผลไม้นั้น  ผมว่ามันก็อาจจะจริง  แต่ทีนี้ประเด็นมันอยู่ที่ว่า  ช่องโฆษณาในจานดาวเทียมที่เขาขายเครื่องปั่นหรือเครื่องทำน้ำผลไม้สดๆด้วยตัวเองต่างก็ออกมาบอกว่า  น้ำผักและผลไม้ที่ทำมาจากโรงงานนั้น  ไม่มีสารอาหารที่เป็นประโยชน์หลงเหลืออยู่แล้ว  เนื่องจากว่าวิตามินพวกนี้  จะสูญสลายได้ง่ายในความร้อน  แล้วถ้ามันทำมาจากโรงงานจริง  คุณคิดว่าดื่มแล้วจะได้อะไร?  ต้องนี่เลย...เครื่องทำน้ำผลไม้ด้วยตัวเอง  เอาผลไม้สดๆยัดเข้าไปในเครื่อง  แป๊บเดียวก็ออกมาเป็นน้ำให้เห็นกันจะๆตาว่าสดจริง  อย่างนี้คุณค่าสารอาหารมันจะหายไปไหนล่ะซาร่า  โอ้พระเจ้าจอร์จมันเยี่ยมมากเลย...  ถ้าเป็นคนที่รักสุขภาพจริงและติดตามข้อมูลอย่างเพียงพอ  เขาจะแห่กันมาซื้อน้ำกระป๋องกันหรือเปล่าผมก็ไม่แน่ใจ  แต่สำหรับพวกเราชาวขี้เหล้าหลวงคงได้แต่ขอบาย  ถ้าเป็นเบียร์กระป๋องคงจะโอกว่านี้

-กลุ่มธุรกิจผลไม้กระป๋อง  ความเสี่ยงของสินค้านี้มาจากการควบคุมผลผลิตไม่ได้  ถ้าธรรมชาติเป็นบ้าขึ้นมา  เราก็อาจจะเห็นผู้ถือหุ้นเป็นบ้าตามมาได้  และสำหรับกระป๋องที่เอามาไว้ให้ผลไม้ลงไปยัดกันนั้น  บริษัทก็ไม่ได้ผลิตเอง  ฉะนั้นตรงนี้ก็เป็นความเสี่ยงที่ควบคุมไม่ได้อีกเช่นกัน  แต่ถ้าคิดในด้านของผู้ผลิตจริงๆก็จะเห็นว่า  ถ้าต้นทุนเพิ่ม  เราก็สามารถขึ้นราคาได้  แต่ทีนี้มันมีประเด็นอีกว่า(หน้า  23)  ตำแหน่งของบริษัทในอุตสาหกรรม  เมื่อดูจากตัวเลขอาจจะกระหยิ่มในใจว่าไอแอมลีดเดอร์  แต่บริษัทคงลืมไปแล้วกระมังว่าขายในประเทศเป็นหลัก  แล้วทีนี้คนที่ใหญ่กว่าบริษัทมาลี  แต่มาลีนั้นไม่ได้ลงรายละเอียดไว้ก็คือชาวสวนทั้งประเทศ  ถ้าราคาผลไม้กระป๋องหนึ่ง  สามารถซื้อผลไม้สดได้  2  กิโล  ถ้าเป็นเรา  เราจะเลือกอะไร

-กลุ่มเครื่องดื่มธัญพืช  ตลาดนี้ไม่ใหญ่นัก  มีมูลค่าประมาณ  2000  ล้าน  และเจ้าใหญ่ที่ครองตลาดอยู่แล้วก็เป็นไมโลโอวัลติน  ตรงนี้ไม่ต้องให้ความสำคัญมากก็ได้

-นม  อันนี้หนักเลย  มีการควบคุมราคาโดยรัฐอีกต่างหาก  อย่างนี้ถ้าต้นทุนขึ้น  แต่เราไม่สามารถขึ้นราคาเองได้...ตายมั๊ยล่ะ  และที่สำคัญ  นมฟาร์มโชคชัยก็ไม่เป็นที่นิยมด้วย  เพราะถ้าลองถามผมและคนอื่นๆว่ารู้จักนมยี่ห้ออะไรบ้าง  ผมว่าส่วนใหญ่จะตอบว่าโฟร์โมสต์หรือเมจิ  หรือไม่ก็ไทยเดนมาร์ก

     โดยสรุป  ยอดขายที่เพิ่มขึ้นมาของบริษัท  ผมไม่แน่ใจว่ามาจากความสามารถในการแข่งขันของบริษัทจริงๆหรือว่ามาจากน้ำท่วมใหญ่  ซึ่งช่วงนั้นมีของกินอะไรที่สามารถตุนได้และไม่เน่าคนก็จะเอาไว้ก่อน  ถ้าคิดจะลงทุนกันจริงๆ  ปีหน้าฟ้าใหม่ค่อยมาว่ากันอีกที  เพราะถ้าไม่เกิดเหตุการณ์พิเศษอะไรขึ้นแล้วบริษัทสามารถโตได้  อย่างนี้ต้องถือว่าเป็นความสามารถของบริษัทจริงๆ  แต่สิ่งที่ผมไม่ชอบเกี่ยวกับบริษัทนี้ก็คือ  การควบคุมความเสี่ยงจากปัจจัยต่างๆไม่สามารถทำได้มาก  ไม่ว่าจะเป็นจากภัยธรรมชาติ  จากการแข่งขันกับยี่ห้ออื่น  จากการควบคุมราคาโดยรัฐ  จากราคาเหล็กที่จะนำมาทำกระป๋อง  และตัวสินค้าเองที่สามารถใช้อย่างอื่นมาทดแทนได้(อย่างเช่นผลไม้กระป๋องซึ่งสามารถซื้อของสดทานก็ได้  หรือน้ำผักผลไม้ที่สามารถคั้นเองได้)  ซึ่งเมื่อรวมเอาความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นทั้งหมดมาประเมินแล้ว  คนที่ใกล้ชิดกับบริษัทอย่างพวกโชห่วยหรือคนในวงการเกษตร  น่าจะลงทุนในบริษัทนี้ได้ดีที่สุด  ซึ่งนั่น...ไม่ใช่ตำแหน่งที่ผมกำลังเป็นอยู่
IP : บันทึกการเข้า

ถึงจะจน       พี่ก็จน      อย่างมีเกียรติ
ถึงจะเครียด  พี่ก็เครียด   อย่างมีหวัง
ถึงจะบ้า       พี่ก็บ้า       อย่างมีพลัง
ถึงจะพัง       พี่ก็พัง       อย่างมีฟอร์ม
วายุ
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 650



« ตอบ #547 เมื่อ: วันที่ 01 มิถุนายน 2012, 15:54:25 »

     สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่านิตยสาร ฟอร์บส์ โกลบอล 2000 ทำการจัดอันดับบริษัทมหาชนของโลกจำนวน 2,000 อันดับ ประจำปี 2554 โดยวัดผลจากศักยภาพทางธุรกิจ ได้แก่ ยอดขาย กำไร มูลค่าทรัพย์สินและมูลค่าตลาด

ทั้งนี้บริษัทของไทยมี 17 บริษัทชั้นนำที่ติดอันดับในครั้งนี้ อาทิเช่น บมจ.ปตท.(PTT) หรือปตท. อยู่ในอันดับที่ 167 ซึ่งถือว่าสูงที่สุดในจำนวนบริษัทของไทย , ขณะที่ธนาคารไทยพาณิชย์ติดอันดับที่ 662 หรือบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด(มหาชน) (ซีพีเอฟ) ที่อยู่ในอันดับที่ 1215 เป็นต้น

สำหรับบริษัทของไทยที่ติดอันดับทั้ง 17 อันดับ มีดังนี้
1. ปตท. อันดับที่ 167
2. ธนาคารไทยพาณิชย์ อันดับที่ 662
3. ปตท. เคมิคอล อันดับที่ 665
4. ธนาคารกสิกรไทย อันดับที่ 679
5. ปูนซิเมนต์ไทย อันดับที่ 683
6. ธนาคารกรุงเทพ อันดับที่ 745
7. ธนาคารกรุงไทย อันดับที่ 974
8. เอไอเอส อันดับที่ 1167
9. ซีพีเอฟ อันดับที่ 1215
10. ไทยออยล์ อันดับที่ 1288
11. อินโดรามา อันดับที่ 1428
12. ธนาคารกรุงศรีอยุธยา อันดับที่ 1443
13. บ้านปู อันดับที่ 1707
14. ซีพีออลล์ อันดับที่ 1714
15.อินทัช อันดับที่ 1742
16. ไทยเบฟเวอเรจ อันดับที่ 1838
17. ธนาคารธนชาติ อันดับที่ 1886
IP : บันทึกการเข้า

ถึงจะจน       พี่ก็จน      อย่างมีเกียรติ
ถึงจะเครียด  พี่ก็เครียด   อย่างมีหวัง
ถึงจะบ้า       พี่ก็บ้า       อย่างมีพลัง
ถึงจะพัง       พี่ก็พัง       อย่างมีฟอร์ม
eaku
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 104


« ตอบ #548 เมื่อ: วันที่ 02 มิถุนายน 2012, 08:31:17 »

ผมอยากลงทุนในหุ้นครับ...
พี่วายุ ช่วยดันผมด้วยนะครับ
IP : บันทึกการเข้า
thexfile
ไม่ต้องบินให้สูงอย่างใครเขา... จงบินเอาเท่าที่เราจะบินไหว
สมาชิกลงทะเบียน
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 349


ท่าที่บินไม่จำเป็นต้องเหมือนใคร แค่บินไปให้ถึงฝัน เท่านั้นพอ


« ตอบ #549 เมื่อ: วันที่ 05 มิถุนายน 2012, 12:02:35 »

CPALL 33 แล้ว ใครเก็บแล้วบ้าง  ขยิบตา
IP : บันทึกการเข้า
วายุ
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 650



« ตอบ #550 เมื่อ: วันที่ 06 มิถุนายน 2012, 16:28:03 »

ผมอยากลงทุนในหุ้นครับ...
พี่วายุ ช่วยดันผมด้วยนะครับ

จะให้ดันอย่างไรครับ?
IP : บันทึกการเข้า

ถึงจะจน       พี่ก็จน      อย่างมีเกียรติ
ถึงจะเครียด  พี่ก็เครียด   อย่างมีหวัง
ถึงจะบ้า       พี่ก็บ้า       อย่างมีพลัง
ถึงจะพัง       พี่ก็พัง       อย่างมีฟอร์ม
น้าวัยทองฯ
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 10,912



« ตอบ #551 เมื่อ: วันที่ 06 มิถุนายน 2012, 17:59:56 »

เป็นป๋าดันแล้ว ฮาๆ
IP : บันทึกการเข้า

Temujin
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,998


** แบ่งปัน ไม่แบ่งแยก..แตกต่าง ไม่แตกแยก แตกหัก **


« ตอบ #552 เมื่อ: วันที่ 06 มิถุนายน 2012, 20:18:39 »


 นี่ก็เด็กปั้นของท่านวายุอีกคน  ผู้มีอนาคตไกล  (ถ้ามีค่ารถ)   ยิ้มกว้างๆ ยิงฟันยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า

สัตว์มีสัญชาตญาณ   มนุษย์มีวิตจารณญาณ คิด วิเคราะห์ แยกแยะ (หลัก กาลามสูตร http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B8%95%E0%B8%A3)
น้าวัยทองฯ
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 10,912



« ตอบ #553 เมื่อ: วันที่ 06 มิถุนายน 2012, 20:30:34 »


 นี่ก็เด็กปั้นของท่านวายุอีกคน  ผู้มีอนาคตไกล  (ถ้ามีค่ารถ)   ยิ้มกว้างๆ ยิงฟันยิ้ม

ช่วงนี้ก็จ่ายค่ารถแพงหน่อยครับ หนทางอีกยาวไกล ค่อยๆไป จะได้ไม่เจ็บตัว
IP : บันทึกการเข้า

วายุ
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 650



« ตอบ #554 เมื่อ: วันที่ 13 มิถุนายน 2012, 01:54:22 »

ผลตอบแทนมาแล้ว
     ผลตอบแทนในปีที่ผ่านมาของผมน่าพอใจมากทีเดียว  ราคาหุ้นเพิ่มสูงขึ้นประมาณ  40  %  และได้รับเงินปันผลอีกประมาณ  2  %  ของเงินลงทุน  เมื่อเทียบกับการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทอื่นที่ผมรู้จัก  ผมว่ามันน่าจะชนะทุกอย่าง  แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นมันก็ไม่ใช่ว่าหุ้นทุกตัวจะให้ผลตอบแทนได้อย่างนี้  ซึ่งทุกวันนี้ผมก็มีความสุขดีกับชีวิตในแบบที่ผมกำลังอยากให้มันเป็นนั่นก็คือ

1.อยู่เฉยๆให้ผลตอบแทนมันงอกขึ้นเรื่อยๆ  ไม่ต้องคอยประสาทเสียกับการขึ้นลงของตลาด

2.มีเวลาชีวิตไปทำอย่างอื่นที่ผมอยากทำมากไปกว่าที่ต้องมานั่งลุ้นว่าพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร  การที่เราทุกคนจะมีชีวิตอย่างนี้ได้  เราต้องมีความรู้ทางการเงิน  ต้องมีจินตนาการวาดภาพกิจการที่เราต้องการจะลงทุนว่า  ในอนาคตกิจการนั้นมันจะเป็นอย่างไร  โดยการนำเอาข้อมูลหลายๆส่วนเข้ามาประกอบกันและประเมินมันออกมา

3.เราต้องมีเหตุผลและควบคุมอารมณ์ตนเองให้ได้  เราต้องไม่อยากได้หุ้นจนเกินไปในตอนที่ราคามันพุ่งขึ้น  และเราก็อย่าตื่นตกใจขายเมื่อหุ้นกำลังร่วงลง  ถ้าเรามั่นใจว่ากิจการนั้นดีจริง

     ซึ่งการที่เราจะปฏิบัติตนให้ครบได้ทั้งสามข้อดังที่ได้กล่าวมาแล้วนั้นมันก็เป็นเรื่องที่ยากพอสมควร  แต่ถ้าคุณอยากรวย  นั่นเป็นหน้าที่ของคุณ  ทุกวันนี้การที่ผมออกมาบอกทุกคนว่าต้องทำอย่างไรเพราะผมอยากให้ทุกคนมีชีวิตที่ดีขึ้น  ผมรู้ว่าการไม่มีเงินเป็นอย่างไร  การทำงานหนักแล้วได้เงินน้อยเป็นอย่างไร  การก้มหน้าก้มตาเก็บเงินเพื่อให้มันงอกเงยขึ้นนั้นมันยากขนาดไหน  และการที่ผมมักเอาพอร์ตการลงทุนของผมมาลงก็เพื่อสร้างกำลังใจให้กับทุกคนได้รู้ว่า  การที่ผมทำอย่างนี้แล้วผมได้ผลตอบแทนจริงๆ  ซึ่งอย่าหาว่าผมชอบอวดเลยนะครับที่ผมเอามาลงบ่อยๆ  เพราะผมเชื่อว่าทุกคนที่มีความกลัวจะยังไม่กล้า  ถ้ายังไม่เคยมีใครประสบความสำเร็จให้ได้เห็น  ซึ่งทุกวันนี้ผมก็พยายามกระตุ้นให้คนที่ยังคลางแคลงใจต่อตลาดหุ้นว่า  มันสามารถทำเงินได้จริงหรือ  ด้วยวิธีการลงทุนที่ธรรมดาๆไม่ซับซ้อนอะไรเลย  ซึ่งคุณก็สามารถทำได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องพึ่งมืออาชีพแต่อย่างใด  “อย่าพยายามหาคำตอบที่ดีด้วยวิธีการที่ซับซ้อน  เป็นการง่ายกว่าที่จะหาผลลัพธ์ที่ดีด้วยวิธีการที่ง่ายๆ”
  เอาล่ะ...เรามาเข้าเรื่องการลงทุนกันต่อดีกว่า  ช่วงไม่กี่วันมานี้  หุ้นร่วงระนาวกันทั่วโลกจากความวิตกกังลวเกี่ยวกับกลุ่มยูโรโซน  ผมก็คน  คนอื่นก็คน  เพราะฉะนั้นทุกคนก็ต้องมีความกลัว  มันอยู่ที่ว่า  แต่ละคนจะจัดการกับความกลัวตรงนั้นอย่างไร  ถ้าเราไม่ได้มองที่ตลาดหุ้นเป็นสำคัญ  แต่เรามองที่กิจการก่อน  เราก็ควรพยายามอดทนเอาไว้  หรือถ้าจะให้ดีที่สุดก็คือซื้อหุ้นเพิ่ม(ดูที่พอร์ตผมได้  ผมซื้อหุ้นเพิ่มเข้ามาอีก  200  หุ้นจากเงินปันผลที่ผมได้รับ)  เมื่อเวลาที่ความตื่นตระหนกผ่านพ้นไป  เราจะมาคิดย้อนหลังได้ว่า  ถูกแล้วที่เราไม่ได้โดนตลาดชักจูงให้ทำอะไรโง่ๆลงไป  ทุกวันนี้ถ้าเราต้องลงทุนในตลาดหุ้น  มันย่อมหลีกเลี่ยงกับความผันผวนแบบนี้ไปไม่ได้แน่นอน  เราควรเรียนรู้วิธีที่จะอยู่กับมันจะดีกว่า  และเมื่อจะลงทุน  อย่ารอให้อะไรๆมันชัดเจน  เพราะเมื่อถึงเวลานั้น  มันก็สายไปเสียแล้วสำหรับการลงทุนที่ดี  อย่าพยายามรู้ทุกเรื่องก่อนแล้วค่อยลงทุน  เพราะมันเป็นไปไม่ได้  “การที่เราต้องรู้อะไรทุกสิ่งทุกอย่างก่อนแล้วค่อยลงมือทำเหมือนนักวิทยาศาสตร์จะพ่ายแพ้ในที่นี้  เพราะการลงทุนนั้นเป็นศิลปะไม่ใช่ศาสตร์”


     ผมหวังว่าผู้ที่กำลังคิดจะเริ่มลงทุน  ควรมีทัศนคติและมุมมองที่ดีก่อนเริ่มการลงทุน  เพราะนั่นเป็นพื้นฐานที่สำคัญที่จะทำให้เราไม่ตกเป็นเหยื่อ  ซึ่งผมก็เคยเป็นมันมาก่อน  ผมเริ่มต้นเข้าตลาดโดยไม่มีใครแนะนำ  และผมไม่อยากให้ทุกคนเป็นแบบนั้น  การลงทุนในอุดมคติของผมควรจะออกมาในลักษณะลงทุนในบริษัทที่ดี  มีความแข็งแกร่งในการต่อสู้กับคู่แข่งขัน  มีการเติบโตขึ้นไปเรื่อยๆ  มีเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นบ้างตามสมควร  และที่สำคัญในส่วนของผู้ลงทุนเองก็คือ  อย่าซื้อขายบ่อย  เพราะจะเสียค่าคอมเยอะมาก  และจะเกิดความผิดพลาดได้ง่าย  ควรจะถือยาวเพื่อให้ผลตอบแทนเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆตามพื้นฐานและความเฟื่องฟูของกิจการ  และการถือยาวนี้ก็มีประโยชน์อีกอย่างหนึ่งก็คือ  เราจะไม่เสียเวลาไปกับการนั่งเฝ้ามองตลาดเพื่อจะลงมือซื้อและขายจนไม่มีเวลาไปทำอย่างอื่น  ชีวิตเรานี้สั้นนัก  เวลามีน้อย  จงใช้มันให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ตัวเองจะดีกว่า  เนื่องจากว่า  เราเก็บเวลาเอาไว้ใช้ในอนาคตไม่ได้

     และสำหรับท้ายสุดนี้  ถ้าคุณสังเกตดูในปันผลของผมจะเห็นว่า  ผมโดนหักภาษีไปเยอะพอสมควร  ตอนแรกผมมีความคิดว่า  ไม่อยากโดนหักภาษีแบบนี้เลย กะว่าจะขายหุ้นออกมาก่อนแล้วพอปันผลออกหุ้นตก  ผมก็จะกลับมาซื้อหุ้นคืน  แต่ทีนี้ปัญหามันอยู่ที่ว่า  ผมไม่สามารถหยั่งรู้ได้ว่า  เมื่อปันผลแล้วหุ้นจะตกลงมาหรือไม่  และถ้าตกลงมาแล้ว  หุ้นนั้นมันจะลงมาต่ำสุดที่ราคาเท่าไหร่  และที่สำคัญเลย  ถ้าเรามัวแต่นึกถึงภาษีที่เราจะโดนหัก  แต่ไม่ได้นึกเฉลียวใจเลยด้วยซ้ำว่า  ถ้าผมขายออกและซื้อเข้า  ผมจะโดนค่าคอมเป็นจำนวนมากกว่าที่จะต้องเสียภาษีให้รัฐเสียอีก  และเงินในส่วนที่โดนค่าคอมไปนั้น  มีเป็นส่วนน้อยที่จะไปถึงรัฐบาล  เพราะเงินส่วนมากจะเข้ากระเป๋าของโบรกเกอร์  ซึ่งนั่นจะไม่เกิดประโยชน์อันใดต่อภาพรวมของการพัฒนาประเทศเลย  ถ้าผมยอมเสียเงินให้กับรัฐบาล  รัฐบาลสามารถนำเงินของผมตรงนั้นไปสร้างประโยชน์ให้คนอื่นๆรวมทั้งตัวผมเองได้มากกว่าที่จะต้องเสียเงินให้กับโบรกเกอร์  และในตอนนี้ผมก็ไม่คิดที่จะไปขอคืนภาษีเงินได้ก้อนนั้นด้วย  เนื่องจากว่าทุกวันนี้ผมคิดว่า  ผมได้จากรัฐบาลมากกว่าเงินที่ผมเสียให้กับรัฐบาลไปเสียอีก  เพราะช่วงก่อนหน้านี้แม่ผมเข้าโรงพยาบาลโดยไม่เสียเงินเลยสักบาท  และทุกวันนี้แม่ผมยังต้องไปรักษาตัวอย่างต่อเนื่องและต้องเอายาจากโรงพยาบาลอยู่เป็นประจำ  และแฟนผมก็ต้องไปเอายารักษาไมเกรนจากโรงพยาบาลมากินเป็นประจำด้วยเช่นกัน  ซึ่งก่อนหน้าที่แฟนผมจะไปเอายาจากโรงพยาบาลมากินนั้น  แฟนผมไปหาหมอที่คลินิกสัปดาห์ละครั้ง  และเสียค่ายาไปครั้งละพันกว่าบาท  ต้องขอขอบคุณรัฐบาลที่มีโครงการดีๆอย่างนี้ออกมาช่วยเหลือประชาชนนะครับ


* ปันผล.jpg (133.61 KB, 800x600 - ดู 326 ครั้ง.)

* พอร์ตหุ้น.JPG (48.47 KB, 800x600 - ดู 322 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า

ถึงจะจน       พี่ก็จน      อย่างมีเกียรติ
ถึงจะเครียด  พี่ก็เครียด   อย่างมีหวัง
ถึงจะบ้า       พี่ก็บ้า       อย่างมีพลัง
ถึงจะพัง       พี่ก็พัง       อย่างมีฟอร์ม
eaku
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 104


« ตอบ #555 เมื่อ: วันที่ 13 มิถุนายน 2012, 10:21:18 »

ผมอยากลงทุนในหุ้นครับ...
พี่วายุ ช่วยดันผมด้วยนะครับ

จะให้ดันอย่างไรครับ?

ช่วยดันให้ผมลงทุนในหุ้น ให้ได้กำไรครับ.. 
IP : บันทึกการเข้า
น้าวัยทองฯ
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 10,912



« ตอบ #556 เมื่อ: วันที่ 14 มิถุนายน 2012, 10:17:51 »



 ยิงฟันยิ้ม

เตรียมขยายสาขาไปต่างประเทศ สุดยอด

ถ้าได้ ไม่รู้ว่าจะดึงราคาอยู่หรือเปล่า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 14 มิถุนายน 2012, 10:23:00 โดย วัยทองคะนองรัก » IP : บันทึกการเข้า

น้าวัยทองฯ
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 10,912



« ตอบ #557 เมื่อ: วันที่ 14 มิถุนายน 2012, 10:21:50 »

ดูการวิเคราะห์แบบละเอียดครับ

http://vihybrid.wordpress.com/2012/05/08/cpall-dilute/

ดูแล้วไม่รู้จะพูดยังไง ผมเชื่อแล้วครับท่านวายุ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 14 มิถุนายน 2012, 10:28:53 โดย วัยทองคะนองรัก » IP : บันทึกการเข้า

วายุ
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 650



« ตอบ #558 เมื่อ: วันที่ 14 มิถุนายน 2012, 15:47:24 »

ตอบคุณ  eaku
     ถ้างั้นก่อนอื่นเลย  ผมขอตรวจสอบเกี่ยวกับมุมมองและทัศนคติในหุ้นของคุณว่า  ในมุมมองของคุณแล้ว  "หุ้นคืออะไร"
IP : บันทึกการเข้า

ถึงจะจน       พี่ก็จน      อย่างมีเกียรติ
ถึงจะเครียด  พี่ก็เครียด   อย่างมีหวัง
ถึงจะบ้า       พี่ก็บ้า       อย่างมีพลัง
ถึงจะพัง       พี่ก็พัง       อย่างมีฟอร์ม
eaku
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 104


« ตอบ #559 เมื่อ: วันที่ 15 มิถุนายน 2012, 15:33:51 »

ตามมุมมองผม

หุ้น คือ สิทธิ์ในการเป็นเจ้าของกิจการหรือเจ้าของธุรกิจ เป็นลักษณะของการหาผู้ร่วมลงทุน
จึงทำหุ้นออกมาขาย (ขายสิทธิ์) ถ้าเราซื้อเราก็ได้สิทธิ์เป็นเจ้าของและมีสิทธิ์รับผลกำไรจาก
ธุรกิจนั้นๆ ครับ ซึ่งเราสามารถจะซื้อเพิ่มสิทธิ์ก็ได้ หรือขายสิทธิ์นั้นก็ได้

หวังว่า คงไม่ผิดมากนัก นะครับ
IP : บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 18 19 20 21 22 23 24 25 26 27 [28] 29 30 31 32 33 34 35 36 37 38 ... 41 พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!