เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 17 เมษายน 2024, 05:13:01
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  นักลงทุน การเงิน การธนาคาร
| | |-+  ใครมีเงินเย็น อยากลงทุนหุ้น มาทางนี้
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: 1 ... 25 26 27 28 29 30 31 32 33 34 [35] 36 37 38 39 40 41 พิมพ์
ผู้เขียน ใครมีเงินเย็น อยากลงทุนหุ้น มาทางนี้  (อ่าน 293258 ครั้ง)
วายุ
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 650



« ตอบ #680 เมื่อ: วันที่ 25 ธันวาคม 2012, 15:26:11 »

GUNGUL กลางๆ ปีหน้า คงเห็น 40 -45 บาท
WORK 65 บาท
อย่างต่ำๆ นะ ถึงแหละ

อะไรที่ทำให้คุณมั่นใจว่ามันจะไปที่ราคานั้นครับ
IP : บันทึกการเข้า

ถึงจะจน       พี่ก็จน      อย่างมีเกียรติ
ถึงจะเครียด  พี่ก็เครียด   อย่างมีหวัง
ถึงจะบ้า       พี่ก็บ้า       อย่างมีพลัง
ถึงจะพัง       พี่ก็พัง       อย่างมีฟอร์ม
แมงมุม
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,889


« ตอบ #681 เมื่อ: วันที่ 31 ธันวาคม 2012, 23:02:58 »

ปีนี้ถ้าโบนัสออก ตั้งใจจะเก็บ AIS DTAC กะ TRUE ไว้อย่างละ เท่าๆกัน

เพราะดูจากการประมูลที่ได้ รายได้จะเพิ่มขึ้น ประกอบกับ ต้นทุนค่าบริการจะต่ำลงมากเนื่องจากเปลี่ยนจากสัมปทานมาเป็ยใบอนุญาต
IP : บันทึกการเข้า

...เงินดีงานเดิน...เงินเกินงานวิ่ง...Line=i6629
btland07
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 781


เวียงชัย เชียงราย


« ตอบ #682 เมื่อ: วันที่ 04 มกราคม 2013, 05:53:59 »

ลองเล่นกองทุนรวม SCBSFF ตราสารหนี้ ตัวนี้เป็นอย่างไรบ้างครับ
IP : บันทึกการเข้า

สอบถามรายละเอียดได้ที่นี่ครับ https://m.facebook.com/home.php?ref=bookmark&app_id=4748854339
btland07
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 781


เวียงชัย เชียงราย


« ตอบ #683 เมื่อ: วันที่ 05 มกราคม 2013, 06:16:34 »

วันจันทร์ผมจะซื้อระหว่าง scbsff กับ  scbtmf ตัวไหนให้ผลตอบแทนดีกว่ากันครับ
IP : บันทึกการเข้า

สอบถามรายละเอียดได้ที่นี่ครับ https://m.facebook.com/home.php?ref=bookmark&app_id=4748854339
วายุ
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 650



« ตอบ #684 เมื่อ: วันที่ 05 มกราคม 2013, 21:31:18 »

วันจันทร์ผมจะซื้อระหว่าง scbsff กับ  scbtmf ตัวไหนให้ผลตอบแทนดีกว่ากันครับ

ขออภัยด้วย  ผมไม่ค่อยสันทัดเรื่องตราสารหนี้หรือกองทุนน่ะครับ
IP : บันทึกการเข้า

ถึงจะจน       พี่ก็จน      อย่างมีเกียรติ
ถึงจะเครียด  พี่ก็เครียด   อย่างมีหวัง
ถึงจะบ้า       พี่ก็บ้า       อย่างมีพลัง
ถึงจะพัง       พี่ก็พัง       อย่างมีฟอร์ม
วายุ
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 650



« ตอบ #685 เมื่อ: วันที่ 05 มกราคม 2013, 21:39:16 »

ปีนี้ถ้าโบนัสออก ตั้งใจจะเก็บ AIS DTAC กะ TRUE ไว้อย่างละ เท่าๆกัน

เพราะดูจากการประมูลที่ได้ รายได้จะเพิ่มขึ้น ประกอบกับ ต้นทุนค่าบริการจะต่ำลงมากเนื่องจากเปลี่ยนจากสัมปทานมาเป็ยใบอนุญาต

     ดู  JAS ไว้ด้วยก็ดีนะครับ  เพราะเมื่อหลายวันก่อน  ผมเห็นคนของ  3BB  มาติด  WIFI  ที่ปากซอยบ้านผม  ผมก็ขอรายละเอียดจากเขา  เขาก็ให้ใบโบรชัวร์มา  และผมก็ค้นพบว่า  ตอนนี้  JAS  กำลังจะรุ่งครับ  เพราะมือถือในบ้านเรามีทั้งหมด  3  ค่าย  แต่  ADVANCE  กับ  DTAC  เลือกที่จะเป็นพันธมิตรกับ  JAS  ครับ  ADVANCE  กับ  DTAC  นั้นไม่ได้ติดตั้งข่าย  WIFI  เอง  แต่เขาเลือกที่จะเช่าเอาจาก  JAS  ครับ  สำหรับมุมมองของผมก็เห็นว่าดีนะครับสำหรับ  ADVANCE  กับ  DTAC  เพราะว่าเขาจะได้ไม่ต้องใช้เงินลงทุนเอง  ไม่เหมือนกับ  TRUE  ที่ลงทุนเองทุกอย่าง  เมื่อมองอย่างนี้แล้วมันก็ดูเหมือนจะ  วิน  วิน  ครับ  เพราะ  ADVANCE  กับ  DTAC  ไม่ต้องเสียเงินลงทุนเอง  และ  JAS  ก็ได้ลูกค้าของทั้งสองค่ายนี้ด้วย  และก็อย่างที่เรารู้กัน  ADVANCE  กับ  DTAC  มีส่วนแบ่งการตลาดเป็นเบอร์หนึ่งและเบอร์สองของไทยน่ะครับ  ผมก็กำลังมอง  JAS  อยู่ครับ  รอให้ราคาต่ำกว่า  5  บาทก่อน
IP : บันทึกการเข้า

ถึงจะจน       พี่ก็จน      อย่างมีเกียรติ
ถึงจะเครียด  พี่ก็เครียด   อย่างมีหวัง
ถึงจะบ้า       พี่ก็บ้า       อย่างมีพลัง
ถึงจะพัง       พี่ก็พัง       อย่างมีฟอร์ม
วายุ
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 650



« ตอบ #686 เมื่อ: วันที่ 05 มกราคม 2013, 21:45:14 »

ถึงทุกท่าน
     จริงๆแล้วผมมีเรื่องราวต่างๆที่จะพิมพ์มากมาย  แต่เนื่องจากทุกวันนี้  ความเป็นส่วนตัวของผมได้ลดน้อยลงไปมาก  จึงทำให้ไม่ค่อยได้มีช่วงเวลาที่สงบเงียบเพียงพอที่จะเรียบเรียงเรื่องราวต่างๆที่อยู่ในหัวออกมาได้อย่างสละสลวย  ดังนั้นจึงเป็นการดีกว่าที่ผมจะไม่ต้องคิดถึงมันว่า  ผมมีทำหน้าที่บางอย่างที่จะต้องให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องการลงทุนแก่ทุกท่านที่สนใจ  บางทีการที่ผมไม่ต้องคิดถึงมัน  ชีวิตผมอาจจะมีความสุขมากกว่า  แต่อย่างไรเสียในท้ายที่สุดนี้  ผมอยากจะสรุปเป็นเนื้อหาการลงทุนในแบบฉบับของตัวผมเอง  ซึ่งคนอื่นอาจจะไม่เห็นด้วย  หรือบางทีคนอื่นอาจจะคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้  หรือคิดว่าเสี่ยงเกินไป  หรือว่าทำตามได้ยาก  นั่นก็แล้วแต่ความคิดของแต่ละท่าน  อันนี้มันก็ห้ามกันไม่ได้

     การลงทุนเพื่อให้ประสบความสำเร็จ  มันก็ไม่ได้มีเพียงเส้นทางเดียวหรือวิธีเดียว  ดุจดั่งเช่นการเดินทางจากที่หนึ่งไปสู่อีกที่หนึ่ง  เราอาจจะเลือกใช้พาหนะที่ต่างกัน  แต่สุดท้ายแล้วเราก็คงจะไปถึงจุดหมายเหมือนกัน  เพียงแต่ว่าระยะเวลาอาจจะไม่เท่ากัน  เพราะถ้าผมเดินทางโดยเครื่องบิน  ผมอาจจะถึงเร็วกว่าวิธีอื่น  แต่ถ้าเครื่องบินตก  ผมก็จะไปไม่ถึงจุดหมาย  แต่ตัวผมเองยอมเสี่ยงด้วยวิธีดังกล่าว  เพราะผมไม่ชอบเดินเท้าและไม่ชอบแวะบ่อยๆ  ซึ่งความเสี่ยงในการไปทางเครื่องบินนี้  เราก็สามารถที่จะลดมันลงได้ด้วยการตรวจเช็คเครื่องให้ดีว่า  เครื่องที่จะพาเราเดินทางไปนั้น  มีสภาพดีไว้ใจได้เพียงใด  และถ้าเราไว้ใจในเครื่องที่จะเป็นพาหนะของเราแล้ว  มันจำเป็นหรือไม่ที่เราจะต้องกระจายการเดินทางไปในหลากหลายพาหนะเพื่อให้เราถึงจุดหมาย  คำตอบสำหรับตัวผมแล้ว  “ไม่จำเป็น”  เราจะเดินเท้า  ขึ้นรถ  ลงเรือ  ขึ้นเครื่องบิน  สลับกันไปมาเพื่อที่จะไปให้ถึงจุดหมายกันทำไมเล่า  ทำไมเราจึงไม่ขึ้นเครื่องบินเสียตั้งแต่ทีแรก  แล้วนั่งมันยาวไปจนถึงที่หมายเลย  เราจะพยายามเปลี่ยนพาหนะบ่อยๆเพื่อลดความเสี่ยงในการนั่งเครื่องบินนานๆอย่างนั้นหรือ?  สำหรับผมแล้ว  นั่นมันเป็นเหตุผลที่ไร้สาระมาก  แต่ถ้าเราไม่สามารถหาเครื่องบินที่ดีมานั่งได้  และเราพยายามจะไปด้วยวิธีอื่น  อันนี้มันก็พอจะเป็นเหตุผลที่ดี  เพราะฉะนั้นแล้ว  คำแนะนำสำหรับการเลือกพาหนะนี้ก็คือ  พยายามเลือกมันให้ดีที่สุด  แล้วก็อดทนให้มันพาเราไปให้ไกลที่สุดเท่าที่ความสามารถของมันจะมี  การซื้อหุ้นที่ดีเพียงไม่กี่ตัวที่เรารู้จักมันอย่างลึกซึ้ง  สามารถลดความเสี่ยงได้ดียิ่งกว่าการซื้อหุ้นหลายๆตัวที่เราไม่ได้รู้จักมันอย่างดีเพียงพอ  คำเสียดสีที่ดูเหมือนจะรุนแรงได้กล่าวไว้ว่า  สาเหตุที่กลยุทธ์การกระจายความเสี่ยงนี้เป็นที่นิยมก็เพราะว่าความง่ายของมัน  ซึ่งแม้แต่โบรกเกอร์เองก็ยังเข้าใจ

สิ่งสำคัญ
     ทุกวันนี้เวลาเป็นสิ่งมีค่า  ยิ่งเวลาเดินไปมากเท่าไหร่  เวลาก็ยิ่งมีความสำคัญต่อเรามากขึ้น  สำหรับผมแล้ว  การมีเวลาเหลือเพื่อไปทำอะไรตามที่ใจต้องการ  เป็นสิ่งที่ดีที่สุด  เพราะถึงแม้ว่าเราจะมีเงินมากเท่าไหร่  เราก็หาซื้อเวลามาใช้ไม่ได้  และเมื่อผมลงทุน  ผมก็ต้องการทั้งเงินและเวลา  ดังนั้นแล้ว  วิธีที่ผมใช้อยู่ทุกวันนี้  ให้ทั้งความสุขในด้านเวลาและเงินที่พอกพูนขึ้นในช่วงเวลาเดียวกัน  ผมไม่จำเป็นต้องติดตามตลาดหุ้นทุกขณะ  ซึ่งตรงนี้มันอาจเป็นข้อยกเว้นสำหรับบางคนที่ชอบการนั่งเฝ้ามองตลาด  บางทีนั่นอาจเป็นความสุขของเขา...แต่ไม่ใช่ผม  ชีวิตมันมีอะไรให้ค้นหาอีกเยอะ...มากกว่ามานั่งมองจอคอม  การที่เราต้องการไปไหนต่อไหน  เราจำเป็นไหมที่จะต้องไปเฉพาะตอนตลาดหุ้นปิด  ถ้าเป็นผมแล้ว  ผมสามารถไปไหนต่อไหนได้ตลอดเวลา  “ผมต้องการเป็นเจ้าของหุ้น  แต่ผมไม่ต้องการให้หุ้นมาเป็นเจ้าของชีวิตผม”  ผมต้องการทำอะไรก็ได้ตามที่ใจปรารถนา  โดยมีหุ้นเป็นตัวช่วยส่งเสริมให้ผมได้ทำสิ่งต่างๆเหล่านั้น  จะเป็นการดีกว่า  ที่คุณจะทำเงินได้โดยที่ไม่ต้องเอาความเครียดและเวลาไปแลก  ถ้าผมต้องลงทุนโดยต้องใช้เวลาที่ผมมีอยู่ทั้งหมดเข้าไปแลก  ผมคงเลือกที่จะไม่ลงทุน  แต่มันเป็นโชคดีที่ว่า  การลงทุนมันไม่ได้มีเพียงแค่กลยุทธ์เดียว(ซื้อและขาย)  แต่มันยังมีกลยุทธ์ที่เหมาะสำหรับการใช้ชีวิตของตัวผมเองด้วย(ซื้อและถือ)  ดังนั้นในทุกวันนี้  ผมค่อนข้างที่จะเรียกตัวเองได้ว่า  “เป็นนักลงทุนที่มีความสุข”

     จริงๆแล้วการเล่นหุ้นสั้นๆแล้วได้เงินเยอะๆมันก็มี  เพราะผมก็เคยเห็นบ่อยไป  แต่ผมเลือกที่จะใช้เวลาให้หมดไปกับตัวผมเองมากกว่าที่จะต้องใช้มันให้หมดไปกับตลาดหุ้น  ซึ่งแม้แต่ปีเตอร์  ลินซ์เองก็ยังยอมแพ้ต่อการใช้ชีวิตในรูปแบบนี้  เมื่อเขาขอลาออกจากการเป็นผู้บริหารกองทุนที่เขาเป็นผู้บริหารอยู่  โดยเขาให้เหตุผลว่า  เขาไม่มีเวลาให้ครอบครัว  เมื่อผมเห็นคนอื่นเป็นเยี่ยงนี้แล้ว  ผมก็เลยไม่อยากจะเอาอย่าง

     และในทุกวันนี้  การที่ผมนำความรู้และความเห็นส่วนตัวของผมเองมาลง  มันก็ไม่ใช่ว่าผมใช้เวลาให้หมดไปกับสิ่งไร้สาระ  ตรงกันข้าม  ผมกลับรู้สึกว่าสิ่งที่ผมกำลังทำอยู่นี้ได้ก่อให้เกิดประโยชน์แก่คนอื่นที่สนใจมากมาย  เมื่อผมได้...ผมก็อยากให้คนอื่นได้ด้วย  นี่เป็นการทำความดีให้กับชีวิตของตัวผมเองอีกทางหนึ่ง  ดังคำกล่าวที่ว่า  “เกิดมาไม่ทำดี  อยู่ร้อยปีก็ไม่มีความหมาย”  และผมก็ดีใจที่ผมได้เป็นแรงบันดาลใจหรือเป็นผู้จุดประกายในด้านการอยากลงทุนให้กับหลายคนที่เข้ามาอ่านข้อความของผม

ราคาหุ้น
     มีเซียนหุ้นได้กล่าวเกี่ยวกับราคาหุ้นไว้อย่างน่าสนใจว่า  “ราคาหุ้นเป็นสิ่งที่มีประโยชน์น้อยที่สุดเวลาที่เราจะลงทุน  แต่มันกลับเป็นสิ่งที่มีคนติดตามมากที่สุด”  บ่อยครั้งที่เราถูกทำให้เข้าใจผิดจากราคาหุ้นว่า  ราคาสูงสุดและราคาต่ำสุดของหุ้นตัวหนึ่งที่เราเห็นในช่วงเวลาหนึ่งๆ  มันคือมูลค่าหุ้นที่เหมาะสมตลอดไป  และเราก็จะตกหลุมพรางนั้นเมื่อเวลาที่ราคาหุ้นเข้ามาอยู่ในเกณฑ์แห่งการซื้อของเรา  แต่แท้จริงแล้วมันไม่ใช่  เมื่อพื้นฐานของกิจการเปลี่ยนแปลงไป  ราคาหุ้นก็จะเปลี่ยนแปลงตาม  สิ่งที่เราควรให้ความสนใจ  ไม่ใช่ว่าราคาต่ำสุดและราคาสูงสุดคือตรงไหน  สิ่งสำคัญเวลาที่เราจะเข้าลงทุนก็คือ  พื้นฐานกิจการมันเปลี่ยนไปในทิศทางไหน  ถ้ามันดีขึ้น  ราคาสูงสุดที่เราเคยเห็นมันก็สามารถขึ้นไปได้อีก  แต่ถ้ามันแย่ลง  ราคาที่เราเคยเห็นว่ามันถูกแล้ว  มันก็ยังสามารถลงได้อีก  ดังนั้น  ประเด็นเกี่ยวกับราคาหุ้นมันจึงเป็นเรื่องที่ต้องมาทีหลังพื้นฐานของกิจการ  เมื่อคิดอย่างเป็นเหตุเป็นผลได้ดังนี้แล้ว  ผมจึงบอกว่า  “ผมไม่สนใจเทคนิค”  เพราะเครื่องมือชนิดนี้  ทำได้เพียงแต่คำนวณราคาสูงต่ำของหุ้น  แต่มันไม่สามารถรับรู้เหตุผลได้ว่าสาเหตุอะไรที่ทำให้หุ้นขึ้นหรือลงไปตามทิศทางนั้น  ถ้าใช้การคำนวณจากคอมแล้วทำให้เรารวยได้  เราสามารถเช่าซุปเปอร์คอมพิวเตอร์มาใช้  แล้วทำเงินจากตลาดหุ้นได้อย่างมากมาย

     มีเรื่องเล่าที่เย้ยหยันเกี่ยวกับนักเทคนิคว่า  ในสมัยอดีต  มีคนโบราณอยู่กลุ่มหนึ่ง  นั่งเถียงกันที่รอบกองไฟอยู่ยันเช้าว่าม้ามีฟันกี่ซี่แล้วก็ไม่ได้ข้อสรุป  สิ่งที่คนกลุ่มนั้นควรทำก็คือ  ไปแหกปากม้าแล้วนับดู  ไม่ใช่การมานั่งเถียงกันอยู่ตรงนั้นซึ่งมันจะไม่ได้ความจริง  ซ้ำร้าย  เขายังต้องเสียเวลาและสมองไปกับการวิเคราะห์อยู่นั่นแหละ  ถ้าเป็นการลงทุนในหุ้น  สิ่งที่ต้องทำไม่ใช่การมานั่งวิเคราะห์กันว่าหุ้นมันจะขึ้นหรือลงและราคามันจะเป็นเท่าไหร่  การกระทำที่ถูกต้องก็คือให้ตรวจสอบบริษัท  และใช้สามัญสำนึกของเรามาประเมินมัน

ปันผล
     เป็นที่ถกเถียงกันอย่างมากว่า  การเลือกลงทุนในหุ้นที่จ่ายปันผลดีเป็นการกระทำที่ดีหรือไม่  ตอบได้เลยว่า  “ดี”  เพราะการที่เราได้เงินเข้ากระเป๋า  ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดย่อมดีทั้งนั้น  แต่โดยส่วนตัวแล้วผมมองว่า  เงินปันผลนี้คล้ายกับโบนัสหรืออั่งเปามากกว่า  คือมันเหมือนเป็นเงินพิเศษ  ซึ่งถ้าขึ้นชื่อว่าพิเศษแล้วใครๆก็ชอบ  แต่ถ้าสมมติว่าคุณเป็นลูกจ้างแล้วไปทำงานกับบริษัทที่มั่นคงเงินเดือนดีแต่ไม่จ่ายโบนัสล่ะ  คุณจะลาออกแล้วไปทำงานกับบริษัทที่เงินเดือนน้อยแต่จ่ายโบนัสไหม?  ผมเชื่อว่าคำถามนี้คงได้รับคำตอบที่แตกต่าง  นั่นมันก็แล้วแต่ความพอใจของแต่ละคน  แต่สำหรับผมแล้ว  ในขณะนี้ผมไม่ได้ยังชีพด้วยเงินปันผล  ผมจึงยังไม่ต้องการมันมาก  เพราะผมก็มีรายได้จากงานที่ตัวเองทำอยู่  สิ่งที่ผมต้องการในตอนนี้จริงๆก็คือ  ให้ราคาหุ้นเพิ่มขึ้นไปสูงสุดเท่าที่มันจะเป็นไปได้  เพราะผมต้องการรวย!!!  แต่สำหรับคนที่ชอบปันผลมากๆมันก็ไม่ใช่เรื่องผิด  เพราะรสนิยมและความต้องการของแต่ละคนไม่เหมือนกัน  แต่เท่าที่ผมสังเกตมา  ราคาหุ้นและเงินปันผลเป็นสิ่งที่ทำให้เราต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง  นั่นหมายความว่า  ถ้าคุณชอบเงินปันผลเยอะๆ  หุ้นนั้นมักไม่ค่อยไปไหน  ยกเว้นบางจังหวะที่พื้นฐานมันได้เปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้น  แต่ถ้าคุณอยากได้หุ้นที่ขึ้นมากๆ  คุณก็ไม่ควรหวังว่าเงินปันผลเมื่อเทียบกับราคาหุ้นแล้วมันจะเป็นเปอร์เซ็นต์ที่สูงๆ  แต่สำหรับผมแล้ว  ผมอยากได้ทั้งสองอย่าง!!!  ถ้าผมเลือกหุ้นที่เติบโต  ในช่วงแรกๆของการถือหุ้น  เงินปันผลเมื่อเทียบกับราคาหุ้นมันจะเป็นเปอร์เซ็นต์ที่น้อย  แต่เมื่อเวลาผ่านไปเรื่อยๆ  เงินปันผลเมื่อเทียบกับราคาหุ้นที่เป็นอยู่ในขณะนั้นมันก็ยังเป็นเปอร์เซ็นต์ที่น้อยอยู่  แต่อย่าลืมว่าผมถือหุ้นมาตั้งแต่ราคาหุ้นมันยังถูกกว่านี้  เพราะฉะนั้น  ปันผลที่ผมจะได้รับในอนาคต  มันจะเป็นเปอร์เซ็นต์ที่สูงสำหรับเงินต้นทุนที่ผมได้ซื้อไว้  และเมื่อหุ้นมีการเติบโต  ก็อย่างที่เราได้เห็นกัน  ราคาหุ้นวิ่งขึ้นไปตามที่มันควรจะเป็น  และตรงส่วนนั้นแหละ  ที่ผมคาดหวังว่ามันยังจะไปเรื่อยๆไม่ยอมหยุด  และผมก็หวังอย่างนั้น

เกร่อ
     จากการที่ผมได้ติดตามข่าวสารเรื่องหุ้นในทุกวันนี้  บ่อยครั้งที่หลายๆคนมักจะออกมาอวดอ้างว่าตัวเองเป็น  VI  (Value  Investor)  ผมรู้สึกว่าคำๆนี้ออกจะใช้กันเกร่อไปสักหน่อย  ผมไม่ทราบว่าผู้ที่ใช้คำนี้กับตัวเอง  จะรู้ความหมายที่แท้จริงของมันหรือไม่  ผมได้เคยอธิบายความหมายเกี่ยวกับคำว่า  VI  ไปแล้ว  ลองไปหาอ่านในกระทู้เก่าๆของผมดูก็แล้วกันนะครับ

     หลักการของ  VI  เริ่มต้นจากอาจารย์ของบัฟเฟตที่ชื่อ  เบน  เกรแฮม  หลักการของเขานิยามไว้ว่า  “ให้ซื้อหุ้นในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าของมัน”  ซึ่งเกรแฮมเองก็ไม่ได้กำหนดหรอกนะว่าหุ้นที่จะต้องซื้อเพื่อการเป็น  VI  นั้นจะเป็นหุ้นอะไร  เพราะหลักการมันมีแค่อย่างเดียวเท่านั้นคือให้ซื้อตอนถูก  และคำว่าถูกในที่นี้ก็คือ  ซื้อถูกกว่าราคาที่มันเคยเป็น  และเอาไปขายตอนที่ตลาดให้ราคาเต็ม  จากนั้นก็ให้ดำเนินกระบวนการซ้ำใหม่  ซึ่งถ้าถามผมว่าการเป็น  VI  นั้นยากไหม  ผมตอบได้เลยว่า  “ไม่ยาก”  เพราะหุ้นแต่ละตัวมันก็จะมีราคาฐานของมันอยู่แล้ว  สิ่งที่ต้องทำก็แค่รอให้ตลาดนำมันมาลดราคาให้เท่านั้นเอง  และเมื่อซื้อแล้วก็อดทนถือไว้จนกระทั่งตลาดกลับมาซื้อในราคาเต็ม

     แต่เมื่อผมค้นพบการลงทุนอีกวิธีหนึ่ง  ซึ่งหลักการนี้ไม่เหมือน  VI  ผมก็ไม่รู้จะเรียกศาสตร์นี้ว่าอะไร  แต่ผมเข้าใจเอาเองว่ามันน่าจะเรียกว่า  GI  (Growth Investor)  ซึ่งคำนี้เป็นคำที่ผมไม่เคยได้ยินใครพูด  การลงทุนในลักษณะนี้ไม่ได้มองเรื่องความถูกของราคาหุ้น  แต่สิ่งที่  GI  จะให้ความสนใจจริงๆก็คือว่ามันยังโตต่อไปอีกหลายๆปีได้หรือไม่  เพราะการลงทุนในลักษณะนี้ต้องการทำเงินก้อนโตในระยะยาว  ถ้าเป็น  VI  ผลตอบแทนมันสามารถคาดการณ์ได้พอประมาณในตอนที่เราซื้อเลยว่า  ราคาหุ้นมันตกลงมากี่เปอร์เซ็นต์จากที่มันเคยเป็น  และเราจะได้กำไรกี่เปอร์เซ็นต์เมื่อตอนที่เราขายออกไป  แต่ถ้าเป็น  GI  แล้ว  เราไม่สามารถคาดการณ์ได้เลยว่าเราจะทำเงินได้เท่าไหร่นับจากวันที่ซื้อ  เพราะการลงทุนลักษณะนี้  มันเป็นการคาดการณ์ถึงดินแดนที่เรายังไม่เคยไปถึง  ถ้าถามว่าการเป็น  GI  นี่เสี่ยงกว่า  VI  หรือไม่  เนื่องจากว่ามันไม่มีอะไรให้อ้างอิง  คำตอบนั้นชัดเจนว่า  “ใช่”  แต่ถ้ากำไรที่เราจะทำได้จากราคาหุ้นในการลงทุนแบบ  GI   มันสามารถให้ผลตอบแทนเราได้เป็นหลายเท่าตัวล่ะ  มันก็คุ้มเสี่ยงมิใช่หรือ?  และถ้าถามความเห็นส่วนตัวของผมว่าใครเก่งกว่ากัน  ผมเทใจให้  GI  จนหมด  แต่ถ้าถามว่าใครเสี่ยงน้อยกว่า  คำตอบก็คือ  VI

     ทุกวันนี้ผมก็พยายามเป็นให้ได้ทั้งสองแบบ  ผมมองหาการเติบโตที่ดีในอนาคต  และในอีกด้านหนึ่ง  ผมก็รอซื้อหุ้นที่จะเติบโตในราคาที่ตลาดนำมาลดให้  ซึ่งราคาของหุ้นที่เติบโตอาจจะไม่ได้ตกลงมามากเท่ากับหุ้นที่ไม่มีอนาคต  เนื่องจากว่ามันมีแรงต้านในการตกจากตัวมันเอง  ดังเช่นปลาเป็นที่ยังสามารถว่ายทวนน้ำได้บ้าง  แต่ถ้าเป็นปลาตายแล้ว  เมื่อกระแสน้ำพัดพาไปในทิศทางใดก็ย่อมไม่มีแรงขัดขืน  นี่จึงเป็นภูมิต้านทานที่ดีอีกประการหนึ่งของหุ้น  GI  และผมก็หวังว่าคุณคงจะเจอสักตัว

จุดมุ่งหมายในการลงทุนของผม
     จริงๆแล้วเวลาที่คนเราจะทำอะไรก็ตาม  มักจะต้องมีเหตุผลมารองรับการกระทำของตัวเองเสมอ  ซึ่งสาเหตุที่ผมลงทุนในหุ้นก็เพราะว่า  “ผมอยากมีอิสรภาพทางการเงิน”  ซึ่งเรื่องนี้มันเป็นเรื่องของอนาคต  ผมไม่อาจทราบได้ว่ามันจะสำเร็จหรือไม่  ซึ่งตัวผมเองก็ไม่ได้หวังที่จะร่ำรวยอะไรมากมาย (แต่ถ้าได้มันก็ดี)  ผมอยากมีบั้นปลายชีวิตที่สงบสุข  ใช้ชีวิตแบบพอเพียงและไม่วุ่นวาย  มีเงินปันผลให้ใช้โดยที่ไม่ต้องทำงานสักวันละ  300 – 500  บาทก็พอ  ถ้าวันนั้นมาถึงเร็ว  ผมคงจะดีใจไม่น้อยที่จุดมุ่งหมายของผมสำเร็จดังที่หวัง  แต่ถ้าแม้นว่าในชีวิตของผมนี้ทำมันไม่สำเร็จ  ผมก็คงจะไม่เสียใจเลย  เพราะอย่างน้อยผมก็ได้พยายามแล้ว  ซึ่งยังดีกว่าอีกหลายคนที่ยังไม่กล้าลงมือวางแผนเพื่ออนาคตของตัวเอง

     สุดท้ายนี้...เนื้อหาที่ทุกท่านได้อ่านมาทั้งหมด  อาจจะมองว่าผมเป็นนักลงทุนผู้ละโมบหรือเป็นนักลงทุนที่ขี้โม้  ผู้ซึ่งลงทุนเพื่อต้องการทั้งเงินและเวลา  ผู้ซึ่งลงทุนเพื่อเงินปันผลและราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้น  และสุดท้าย  ต้องการเป็นนักลงทุนทั้งสองแบบ  ไม่ว่าจะทั้งแบบ  VI  หรือ  GI  แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นผมจะไม่กล้าพูดกับทุกท่านแบบนี้เลย  ถ้าสิ่งที่ผมได้บอกทุกท่านไปแล้วนั้น  ผมไม่ได้กำลังทำอยู่  และสุดท้าย  ผมอยากจะกล่าวถึงเรื่องที่สำคัญมาก  อาจกล่าวได้ว่าเป็นส่วนสำคัญที่สุดในการลงทุนในแบบของผมเลยก็ว่าได้  นั่นก็คือ  “ลงทุนในหุ้นที่ถูกต้อง  ในเวลาที่เหมาะสม  และอดทนอยู่กับมันจนกว่าพื้นฐานมันจะเปลี่ยนไป”  แล้วพบกันใหม่เมื่อผมมีเวลามากกว่านี้  ซึ่งตอนนั้นผมอาจจะรวยแล้ว
IP : บันทึกการเข้า

ถึงจะจน       พี่ก็จน      อย่างมีเกียรติ
ถึงจะเครียด  พี่ก็เครียด   อย่างมีหวัง
ถึงจะบ้า       พี่ก็บ้า       อย่างมีพลัง
ถึงจะพัง       พี่ก็พัง       อย่างมีฟอร์ม
วายุ
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 650



« ตอบ #687 เมื่อ: วันที่ 05 มกราคม 2013, 22:18:02 »

     นี่คือสิ่งตอบแทนสำหรับความอดทนของผมครับ  อีกแค่  1  บาท  ผมก็จะทำผลตอบแทนได้  1  เท่าตัวแล้ว  และอีกไม่นาน  หุ้นตัวนี้ก็จะปันผลออกมาอีก  อยากรู้จังน๊า...าาา  ว่าปีนี้จะได้เท่าไหร่หนอ  ทุกท่านอยากเป็นเหมือนผมไหมครับ?  และผมก็หวังว่า  ราคาหุ้นควรจะขึ้นไปอีก  เพราะมันยังไม่หยุดโต


* พอร์ต.JPG (101.67 KB, 1024x768 - ดู 615 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า

ถึงจะจน       พี่ก็จน      อย่างมีเกียรติ
ถึงจะเครียด  พี่ก็เครียด   อย่างมีหวัง
ถึงจะบ้า       พี่ก็บ้า       อย่างมีพลัง
ถึงจะพัง       พี่ก็พัง       อย่างมีฟอร์ม
kraiws
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 56


« ตอบ #688 เมื่อ: วันที่ 13 มกราคม 2013, 16:48:48 »

GUNGUL กลางๆ ปีหน้า คงเห็น 40 -45 บาท
WORK 65 บาท
อย่างต่ำๆ นะ ถึงแหละ

อะไรที่ทำให้คุณมั่นใจว่ามันจะไปที่ราคานั้นครับ

ผมตีกราฟและวัดเป้า Fibo ครับ
IP : บันทึกการเข้า
bomsummer
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 135


« ตอบ #689 เมื่อ: วันที่ 19 มกราคม 2013, 17:11:32 »

อ่านจนตาลายล่ะครับ กำลังถึงหน้า 7 ต้องมีเงินอย่างน้อยเท่าไรหรือครับถึงจะเล่นหุ้นได้ แล้วจะต้องเอาเงินไปไว้ตรงไหนถึงจะร่วมเล่นได้ครับ สนใจอยู่ครับ ขอบคุณครับท่านผู้รู้
IP : บันทึกการเข้า
Tikky cacumiya39
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 67


มักม่วน


« ตอบ #690 เมื่อ: วันที่ 19 มกราคม 2013, 17:56:21 »

สวัดดีท่านสมาชิกในห้องนี้ทุกคนครับ ผมชื่อติ๊กเป็นคนเชียงรายแถวสนามบินเก่าครับแต่ไปทำงานที่ระยอง 20ปีแล้วแรกเริ่มเลยป็นพนักงานบริษัท SCG เครือปูนสองปีแล้วก็ย้ายมาทำบริษัท ปตท.GC อะโรเมติกส์ ก็มีหุ้นของบริษัทอยู่บ้างก็รับแต่ปันผล แต่ไม่ได้ศึกษาเรื่องตลาดหุ้นเท่าไรฟังแต่เพื่อนๆคุยกันเรื่องหุ้นตอนนั้นผมเห็นว่ามีความเสี่ยงเพาะเพื่อนบ่นว่ามีแต่เสียบ้างติดดอยบ้างก็เลยถือหุ้นมาเรื่อยตอนนี้เริ่มสนใจครับเพราะกะลังจะลาออกไปอยู่กับครอบครัวที่เชียงรายประมาณเดือนมีนาคมที่จะถึงวันนี้ไล่อ่านกระทู้หน้าแรกจนหน้าสุดท้ายเลยก็อยากเป็นนักลงทุนบ้างเห็นมีกูรูหลายท่านเรยโดยเช่นท่าน วายุ อธิบายเห็นภาพชัดเจนดีมาก ส่วนผมก็พอมีความเข้าใจในวัฎจัก ธุรกิจพลังงาน,ปิโตรเคมี อยู่บ้าง ก็อยากมีส่วนร่วมวงสนทนาในห้องคนเชียงรายด้วยครับ ขอฝากตัวเป็นน้องใหม่ด้วยตอนนี้กะลังหาหนังสือแนวนี้อ่านอยู่ครับ. แต่กลับไปก็ยังไม่รู้จะเริ่มทำธุรกิจอะไรดีขอคำชี้แนะด้วยครับ.
IP : บันทึกการเข้า
fard
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 20



« ตอบ #691 เมื่อ: วันที่ 25 มกราคม 2013, 15:09:39 »

ชอบพอร์ตที่มีหุ้นตัวเดียวครับ ผมหลงทางมานานในพอร์ตมี 22 ตัว ดูแลไม่ทั่วถึงครับเงินลงทุนเลยกระจายทำให้กำไรได้ 20%  เริ่มซื้อหุ้นใหม่ๆ หนังสือเล่นไหนนะมาบอกว่าไม่ควรใส่ไข่ในตระกร้าใบเดียว เลยซื้อทุกตัวที่เห็นว่าดีมีปันผล จะขายตอนนี้ก็เสียดายไม่รู้ขายตัวไหนออกดี   
IP : บันทึกการเข้า
tiwly-pg
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 490


~คนสร้างภาพ ภาพที่ทำให้โลกสวยงาม~


« ตอบ #692 เมื่อ: วันที่ 28 มกราคม 2013, 05:15:01 »

หุ้นมันไม่รวยเสมอไปหรอกครับ งั้นเขาก็รวยกันทังบ้านทั้งเมืองแล้ว(แต่ดีกว่าหวยและบอล)

ดูจากคำของ จขกท เงินเย็น น่าจะ ชวนเล่นหุ้นคงที่ หรือ พวกเงินหุ้นกองทุนเปิดกระมัง

เชียวชาญวิชาละอย่าไปริลองเล่น หุ้นปั่น หุ้นรายวันละกัน ขาใหญ่ขยับที ลูกจ๊อกพินาศ

ถามพวกเก๋าเกมส์มีแต่คนอยากมีความรุ้สึกในการเล่นหุ้นในทีแรกที่ก้าวมาเลยนะ คึคึ

สิ่งสำคัญสุด ขอให้ขยันทำงาน ไม่อายที่จะทำครับ

ยิ่งการพนัน และ การใช้ดวง เป็นไปได้เลี่ยงไปดีกว่านะครับ เงินหายไปแล้วจะรู้สึกเสียดาย

 ยิงฟันยิ้ม  ยิงฟันยิ้ม  ยิงฟันยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า
:i3abyzeed::
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 190


086-440-8577


« ตอบ #693 เมื่อ: วันที่ 02 กุมภาพันธ์ 2013, 17:43:37 »

เกษตรกร

ผู้ซื้อกล้าไม้ใหญ่มาปลูกจนโต  วิธีการของเขาก็คือ  เขาพอจะมองออกว่าต้นไม้ต้นไหนที่มันแข็งแรงและสามารถที่จะโตต่อไปได้อีกหลายๆปี  เมื่อเขาซื้อมาปลูกแล้วเขาก็จะมีความอดทนรอคอยให้มันเติบโตจนเป็นไม้ใหญ่ที่โตเต็มที่  ช่วงที่มันกำลังเล็กและเริ่มเติบโต  มันก็ให้ผลแก่เขามากินทุกปีตามความเติบโตที่มันทำได้  และเมื่อมันโตเต็มที่แล้ว  เขาอาจจะเก็บมันไว้กินผลไปเรื่อยๆหรือบางทีอาจจะขายต่อไปให้กับคนอื่นที่สนใจ  และตัวเขาเองก็จะดำเนินกระบวนการนั้นซ้ำต่อไป  อย่างไรเสีย  กำไรที่เขาทำได้จากการขายต้นไม้ที่โตแล้วไปให้กับคนอื่น  มันก็คุ้มค่าต่อความอดทนของเขาจริงๆ...

ขอบคุณมากครับสำหรับประสบการณ์ และบทความเรื่อง เกษตรกร ที่เล่าสู่กันฟัง
ผมชอบคำว่า "คนที่ซื้อกล้าไม้ใหญ่มาปลูกจนโต" มากครับ
คล้ายกับแนวคิดที่ผมที่คิดไว้ แต่บรรยายให้ใครฟังไม่ค่อยเป็น
เกี่ยวกับการซื้อ "ลูกวัวพันธ์ุดี" มาเก็บไว้ เมื่อเห็นว่าดีก็เลยซื้อ "อีกตัว" มาเพิ่ม
ก็ดูแลกันไป เรียนรู้กันไปตามประสาคนมีความรู้น้อย ( รู้ตัวอีกทีก็มีอยู่ 2-3 คู่แล้ว )
ระหว่างนั้นก็ได้ค่าปุ๋ย,ค่านม(จากอึและน้ำนม) เล็กๆน้อยๆพอเป็นกำลังใจ
จนเมื่อวัวนั้นเติบใหญ่และให้ผลผลิตเป็น "ลูกวัว" ก็ยิ่งดีใจมาก ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม
บางส่วนก็เก็บไว้ บางส่วนก็นำไปขาย เอาเงินไปทำอย่างอื่นแก้เลี่ยนวัวบ้างอะไรบ้าง
ตามประสาวัยรุ่นตอนปลายที่ขี้เบื่อคนหนึ่ง ยิงฟันยิ้ม ยิ้มกว้างๆ
IP : บันทึกการเข้า

วายุ
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 650



« ตอบ #694 เมื่อ: วันที่ 09 กุมภาพันธ์ 2013, 02:43:55 »

วันนี้ว่างนิดหน่อย  ก็เลยเข้ามาตอบกระทู้

อ่านจนตาลายล่ะครับ กำลังถึงหน้า 7 ต้องมีเงินอย่างน้อยเท่าไรหรือครับถึงจะเล่นหุ้นได้ แล้วจะต้องเอาเงินไปไว้ตรงไหนถึงจะร่วมเล่นได้ครับ สนใจอยู่ครับ ขอบคุณครับท่านผู้รู้

ผมก็ไม่รู้เหมือนกันนะครับว่าเขากำหนดขั้นต่ำไว้ที่เท่าไหร่  ลองเข้าไปถามที่โบรกดูก็แล้วกันนะครับ  สำหรับผม  เริ่มต้นตอนที่มีเงินอยู่  6  หมื่นครับ  เริ่มเล่นแรกๆก็เสียไปหมื่นนึง  เหลือแค่  5  หมื่น  แต่ก็ถูไถมาเรื่อยจนมีเงินเท่าทุกวันนี้ล่ะครับ  นี่ถ้าผมไม่ได้แบ่งเงินออกไปดาวน์บ้านครึ่งหนึ่ง  ทุกวันนี้เงินที่ผมทำได้จากการลงทุนก็ต้องเป็นอีกหนึ่งเท่าตัวจากที่ผมมีอยู่
IP : บันทึกการเข้า

ถึงจะจน       พี่ก็จน      อย่างมีเกียรติ
ถึงจะเครียด  พี่ก็เครียด   อย่างมีหวัง
ถึงจะบ้า       พี่ก็บ้า       อย่างมีพลัง
ถึงจะพัง       พี่ก็พัง       อย่างมีฟอร์ม
วายุ
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 650



« ตอบ #695 เมื่อ: วันที่ 09 กุมภาพันธ์ 2013, 02:46:23 »

สวัดดีท่านสมาชิกในห้องนี้ทุกคนครับ ผมชื่อติ๊กเป็นคนเชียงรายแถวสนามบินเก่าครับแต่ไปทำงานที่ระยอง 20ปีแล้วแรกเริ่มเลยป็นพนักงานบริษัท SCG เครือปูนสองปีแล้วก็ย้ายมาทำบริษัท ปตท.GC อะโรเมติกส์ ก็มีหุ้นของบริษัทอยู่บ้างก็รับแต่ปันผล แต่ไม่ได้ศึกษาเรื่องตลาดหุ้นเท่าไรฟังแต่เพื่อนๆคุยกันเรื่องหุ้นตอนนั้นผมเห็นว่ามีความเสี่ยงเพาะเพื่อนบ่นว่ามีแต่เสียบ้างติดดอยบ้างก็เลยถือหุ้นมาเรื่อยตอนนี้เริ่มสนใจครับเพราะกะลังจะลาออกไปอยู่กับครอบครัวที่เชียงรายประมาณเดือนมีนาคมที่จะถึงวันนี้ไล่อ่านกระทู้หน้าแรกจนหน้าสุดท้ายเลยก็อยากเป็นนักลงทุนบ้างเห็นมีกูรูหลายท่านเรยโดยเช่นท่าน วายุ อธิบายเห็นภาพชัดเจนดีมาก ส่วนผมก็พอมีความเข้าใจในวัฎจัก ธุรกิจพลังงาน,ปิโตรเคมี อยู่บ้าง ก็อยากมีส่วนร่วมวงสนทนาในห้องคนเชียงรายด้วยครับ ขอฝากตัวเป็นน้องใหม่ด้วยตอนนี้กะลังหาหนังสือแนวนี้อ่านอยู่ครับ. แต่กลับไปก็ยังไม่รู้จะเริ่มทำธุรกิจอะไรดีขอคำชี้แนะด้วยครับ.

ถ้าคุณลาออกแล้ว  คุณจะรู้จังหวะที่ควรจะเข้าลงทุนหุ้นวัฎจักรพวกนี้เหรอครับ?
IP : บันทึกการเข้า

ถึงจะจน       พี่ก็จน      อย่างมีเกียรติ
ถึงจะเครียด  พี่ก็เครียด   อย่างมีหวัง
ถึงจะบ้า       พี่ก็บ้า       อย่างมีพลัง
ถึงจะพัง       พี่ก็พัง       อย่างมีฟอร์ม
วายุ
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 650



« ตอบ #696 เมื่อ: วันที่ 09 กุมภาพันธ์ 2013, 02:49:49 »

ชอบพอร์ตที่มีหุ้นตัวเดียวครับ ผมหลงทางมานานในพอร์ตมี 22 ตัว ดูแลไม่ทั่วถึงครับเงินลงทุนเลยกระจายทำให้กำไรได้ 20%  เริ่มซื้อหุ้นใหม่ๆ หนังสือเล่นไหนนะมาบอกว่าไม่ควรใส่ไข่ในตระกร้าใบเดียว เลยซื้อทุกตัวที่เห็นว่าดีมีปันผล จะขายตอนนี้ก็เสียดายไม่รู้ขายตัวไหนออกดี  

จริงๆแล้วสาเหตุที่ผมมีหุ้นตัวเดียวก็เพราะว่า  ผมไม่เห็นตัวไหนที่เข้าตาและน่าลงทุนครับ  ถ้าผมเห็นว่ามีตัวไหนที่เหมาะแก่การลงทุน  และผมถือแล้วสบายใจ  ผมก็คงจะซื้อเข้ามาเพิ่มครับ

ส่วนเรื่องที่คุณจะขายหุ้นออก  ผมแนะนำว่า  ถ้าตัวไหนอนาคตไม่ค่อยมีแล้ว  ก็น่าจะตัดทิ้งนะครับ

ช่วงไม่นานมานี้  ผมก็ซื้อหุ้นเข้ามาเพิ่มครับ(TRUE)  แต่หลังจากถือไว้แล้ว  ผมไม่ค่อยแน่ใจในอนาคตของเขา  ผมก็เลยขายทำกำไรออกมาก่อนครับ

และส่วนสุดท้ายก็คือพอร์ตล่าสุดของผมครับ  ตอนนี้ผมเริ่มซื้อ  JAS  เข้ามา  เพราะผมรู้สึกว่าอยากเป็นเจ้าของมัน  และผมสบายใจที่ได้ถือมันครับ


* ซื้อทรู.JPG (212.34 KB, 1920x1080 - ดู 373 ครั้ง.)

* ขายทรู.JPG (203.65 KB, 1920x1080 - ดู 400 ครั้ง.)

* Port.JPG (94.03 KB, 1200x675 - ดู 389 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 09 กุมภาพันธ์ 2013, 03:06:42 โดย วายุ » IP : บันทึกการเข้า

ถึงจะจน       พี่ก็จน      อย่างมีเกียรติ
ถึงจะเครียด  พี่ก็เครียด   อย่างมีหวัง
ถึงจะบ้า       พี่ก็บ้า       อย่างมีพลัง
ถึงจะพัง       พี่ก็พัง       อย่างมีฟอร์ม
วายุ
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 650



« ตอบ #697 เมื่อ: วันที่ 09 กุมภาพันธ์ 2013, 02:53:30 »

ตอบคุณ  :i3abyzeed::
     ถ้าคุณชอบบทความที่ผมเอามาลง  ผมก็ขอขอบคุณครับ  แต่ช่วงนี้ผมยังไม่มีอะไรเอามาลงเพิ่มนะครับ  เพราะคอมผมมันเสีย  และผมก็ไม่ค่อยว่างด้วย
IP : บันทึกการเข้า

ถึงจะจน       พี่ก็จน      อย่างมีเกียรติ
ถึงจะเครียด  พี่ก็เครียด   อย่างมีหวัง
ถึงจะบ้า       พี่ก็บ้า       อย่างมีพลัง
ถึงจะพัง       พี่ก็พัง       อย่างมีฟอร์ม
วายุ
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 650



« ตอบ #698 เมื่อ: วันที่ 09 กุมภาพันธ์ 2013, 03:19:04 »

     พอพูดถึงเรื่องของหุ้น  JAS  แล้ว  ผมก็ถือโอกาสเอางบการเงินของเขามาลงเลยก็แล้วกัน  ใครจะว่าผมชี้นำก็แล้วแต่นะครับ  ใครไม่ชอบก็ขอให้ผ่านไป  ไม่ต้องดูก็ได้

     ผมได้ตีกรอบสีแดงไว้บนงบการเงินตรงส่วนกำไรสุทธิไว้น่ะครับ  จะเห็นว่ากำไรเพิ่มขึ้นทุกปี  เมื่อเห็นอย่างนี้แล้วมันก็เป็นอะไรที่เร้าใจมาก  จนอยากจะมีเก็บไว้ในพอร์ตสักหน่อย  ใครอยากได้ก็สอยเอานะครับ


* jas.JPG (261.83 KB, 1920x1080 - ดู 369 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า

ถึงจะจน       พี่ก็จน      อย่างมีเกียรติ
ถึงจะเครียด  พี่ก็เครียด   อย่างมีหวัง
ถึงจะบ้า       พี่ก็บ้า       อย่างมีพลัง
ถึงจะพัง       พี่ก็พัง       อย่างมีฟอร์ม
Mong6
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,363



« ตอบ #699 เมื่อ: วันที่ 09 กุมภาพันธ์ 2013, 03:28:12 »



แต่ Jas มันก็ขึ้นมาเยอะแล้วนา

ตรุษจีนปีที่แล้ว 2.00 - 2.10 บาทอยู่เลย

ตรุษจีนปีนี้ 6.15 บาท น่าจะ 200% แล้ว  และไม่รู้ว่า ปีนี้เขาจะแจกอั่งเปาหรือเปล่า ...

IP : บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 25 26 27 28 29 30 31 32 33 34 [35] 36 37 38 39 40 41 พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!