ยี่เป็ง ป๋าเพณีแห่งความเลื่อมใสศรัทธา
ยี่เป็ง เป็นคำที่คุ้นหูสำหรับผู้อ่านมาบ้างแล้วไม่มากก็น้อย ค่ำว่า “ยี่” หมายถึง ๒ ส่วนคำว่า “เป็ง”
หมายถึงเพ็ญ หรือคืนเดือนเพ็ญ ยี่เป็งภาษาเหนือหมายถึงวันเพ็ญเดือนยี่ ซึ่งเป็นเดือนตามจันทรคติของชาวล้านนา
ซึ่งตรงกับวันเพ็ญ เดือน ๑๒ ของไทย และส่วนใหญ่มีความเข้าใจกันแล้วว่าประเพณียี่เป็งนั้น
คือ ประเพณีในเทศกาลลอยกระทงนั่นเอง บรรยากาศทั่วไปที่คุ้นหูคุ้นตากันมากในประเพณียี่เป็ง
เราจะเห็นชาวบ้านล้านนาจะมีการประดับประดาวัดวาอารามบ้านเรือนด้วยประทีปโคมไฟ โคมระย้า
โคมยี่เป็งแบบต่าง ๆ เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา ยามค่ำคืนจะมีการจุดโคมลอยปล่อยขึ้นสู่ท้องฟ้า
เพื่อบูชาพระเกตุแก้วจุฬามณีที่อยู่บนสรวงสรรค์ชั้นดาวดึงส์ มีการทำซุ้มประตูป่าด้วยต้นกล้วย
ต้นอ้อยและ ก้านมะพร้าว ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมาเป็นภาพโดยรวมของประเพณียี่เป็งที่ทุกคนรู้จัก
ยี่เป็ง ที่ผู้เขียนจะนำมากล่าวถึงนี้ เป็นประเพณียี่เป็งในอีกมุมหนึ่งที่ผู้คนส่วนมาก
ยังไม่ทราบถึงความสำคัญและประเพณี ที่ชาวล้านนายึดถือและมีความเลื่อมใสศรัทธาต่อพระพุทธศาสนา
ซึ่งประเพณียี่เป็งของชาวล้านนานอกจากจะมีกิจกรรมต่างๆ ข้างต้นแล้ว
ในวันดังกล่าวนี้เองที่ชาวล้านนาจะถือโอกาสออกไปทำบุญตานขันข้าว หรือสำรับอาหารไปถึงบรรพชน
อุทิศส่วนกุศลให้กับญาติพี่น้องที่ล่วงลับไปแล้ว โดยอาหารหลักที่นิยมนำไปทำบุญกันที่วัดจะเป็น ห่อนึ่ง
แกงฮังเล ในวันดังกล่าวจะมีกิจกรรมพิเศษคือการตั้งธรรมหลวง หรือฟังเทศน์มหาชาติ
ซึ่งจะเริ่มขึ้นตั้งแต่เช้ามือราวตี ๔ หรือ ตี ๕ เรื่อยไปกระทั่งถึงกลางคืน ประเด็นที่น่าสนใจ
เกี่ยวกับการตั้งธรรมหลวงนี้ ชาวล้านนาจะแสดงออกถึงการเลื่อมใสศรัทธาต่อพระพุทธศาสนาอย่างสูงสุด
และถือว่าเป็นการสร้างทานบารมีและอานิสงส์แก่ตนเอง
ที่ธรรมมาสจะประดับประดาไปด้วยดอกกระดาษสีต่างๆ อย่างสวยงาม มีการประดับโคมไฟ
เครื่องหอมซึ่งทำมาจากดอกไม้ตากแห้ง และสานด้วยไม้ขัดแตะเล็กๆ ประกบไว้ ๒ ด้าน
ซึ่งดอกไม้แห้งนี้จะส่งกลิ่นหอมอยู่ตลอดเวลาที่พระสงฆ์เทศนา ซึ่งเมื่อพระสงฆ์เริ่มเทศมหาชาติตั้งแต่กัณฑ์แรก
ซึ่งแต่ละกัณฑ์ก็จะให้อานิสงส์กับผู้ที่เกิดในปีนักษัตรแต่ละปีแตกต่างกันไป
ผู้ที่เกิดในปีนักษัตรที่พระกำลังเทศน์อยู่นั้น ก็จะเผาเทียนที่ทำด้วยใยฝ้ายพันกับไม้ไผ่เล็กๆ
ลักษณะคล้ายธูป ชุบด้วยน้ำมันมะพร้าวบริเวณลานวัดเพื่อถวายเป็นพุทธบูชา
และชาวล้านนายังเชื่อว่าจะช่วยสร้างเสริมบารมีและความเป็นมงคลกับชีวิต
ซึ่งจำนวนเทียนที่เผานี้มีจำนวนต่างกันออกไปตามแต่กำลังอานิสงค์ของเทศกัณฑ์นั้นๆ
ผู้เขียนมีโอกาสได้ไปฟังเทศน์ในวันยี่เป็งหลายครั้ง ซึ่งได้เห็นวิถีชีวิตที่ชาวล้านนายึดถือ
และถ่ายทอดกันมาเป็นประเพณีที่หาดูได้ยาก และเชื่อว่าปัจจุบันคงจะมีให้เห็นน้อยมาก
เนื่องจากผู้คนห่างวัดมากขึ้น เทศน์มหาชาติแต่ละกัณฑ์ที่พระสงฆ์แสดงนั้นจะบอกเล่าเรื่องราวชาติภพต่างๆ
ของพระพุทธเจ้าก่อนที่จะเกิดมาเป็นพระพุทธเจ้าในชาติสุดท้าย สิ่งที่ผู้เขียนจะนำมาอธิบายที่ว่า
ความเลื่อมใสของชาวล้านนา ซึ่งในการบูชากัณฑ์เทศแต่ละกัณฑ์นั้นมีพิธีที่แตกต่างกันออกไป
เช่นการเผาเทียนที่ทำด้วยฝ้ายที่อธิบายไปแล้ว บางกัณฑ์ผู้เขียนจะเห็นผู้เฒ่าผู้แก่
ออกไปเผาเส้นด้ายที่ทำมาจากฝ้าย ชุบด้วยน้ำมันมะพร้าวเรียกพิธีนี้ว่า“การเผาสีสาย”
บางกัณฑ์ที่แสดงเรื่องราวเกี่ยวกับการให้ทานหรือกัณฑ์ที่สาธยายเกี่ยวกับ กัญหาชาลี นั้น ผู้เฒ่าผู้แก่ก็จะตักน้ำใส่ลงในอ่าง
หรือภาชนะใหญ่ๆ ลอยด้วยดอกบัวไปตั้งไว้หน้าธรรมมาสเพื่อเป็นการบูชากัณฑ์เทศ
ซึ่งสื่อความหมายถึงกันหาและชาลีหลบลงไปอยู่ในสระดอกบัว ขณะที่ชูชกมาขอจากพระเวสสันดร
หรือกระทั่งกัณฑ์ที่แสดงถึงอานิสงส์ผางประทีป ก็จะมีการจุดประทีปเพื่อเป็นการบูชา
โดยผางประทีปนั้นจะใช้น้ำมันมะพร้าวหรือน้ำมันงาเป็นเชื้อเพลิง ซึ่งก่อนวันยี่เป็งแต่ละบ้าน
จะนำมะพร้าวมาคั้นเป็นกะทิ และนำไปเคี่ยวจนได้เป็นน้ำมันมะพร้าวเตรียมไว้ก่อน
ซึ่งผู้เขียนเองได้มีประสบการณ์ในการทำน้ำมันมะพร้าวเพื่อจุดผางประทีปมาแล้ว
มีอยู่กัณฑ์หนึ่งที่กล่าวถึงฝนห่าแก้ว ชาวล้านนาก็จะนำข้าวตอก ข้าวสารโปรยกันให้ทั่วบริเวณวิหาร
เสมือนว่าฝนห่าแก้วกำลังโปรยลงมา ซึ่งสิ่งเหล่านี้นับวันจะมีผู้สืบทอดน้อยลงไปทุกขณะ
บางแห่งก็จะมีการปล่อยโคมลอย เรียกว่า “ว่าวฮม” หรือ “ว่าวควัน” ในช่วงเวลากลางวัน
ส่วนพลบค่ำหรือช่วงกลางคืนจะมีการปล่อยโคมลอยขึ้นไปในท้องฟ้า โดยเชื่อกันว่าเปลวไฟในโคม
เป็นสัญลักษณ์ของความรู้และแสงสว่างที่ได้รับจากโคมจะส่งผลให้ดำเนินชีวิตไปในทางที่ถูกต้อง
และเพื่อถวายเป็นพุทธบูชาด้วยนั่นเอง
ปัจจุบันประเพณียี่เป็งของชาวล้านนาที่เห็นปัจจุบัน เป็นการผสมผสานวัฒนธรรมที่รับเอามาจากถิ่นอื่น
เข้ามาผสมกันจนแทบแยกไม่ออกโดยเฉพาะประเพณีลอยกระทง ที่รับเอามาจากอาณาจักรสุโขทัย
ซึ่งมีดินแดนติดต่อกับอาณาจักรล้านนาในอดีต ดังนั้นเมื่อกล่าวถึงประเพณียี่เป็งแล้ว
ทุกคนจะนึกถึงงานประเพณีลอยกระทง การประกวดรถกระทงซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งการท่องเที่ยวไป
แล้วในหลายจังหวัดของภาคเหนือ และประเพณีการเผาเทียนเล่นไฟของจังหวัดสุโขทัย
ซึ่งแทบจะเป็นสัญลักษณ์ของประเพณียี่เป็งไปแล้ว จะมีใครสักกี่คนที่จะเข้าใจและรู้ลึกซึ้งถึงงานบุญยี่เป็ง
ที่ผู้เฒ่าผู้แก่ และชาวล้านนาสืบทอดกันจนมากระทั่งปัจจุบัน