เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 16 เมษายน 2024, 11:31:01
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  เรื่องล้านนา ภาษากำเมือง
| | |-+  เป็งปุ๊ด ความเป็นมาของการตักบาตรเที่ยงคืน
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: 1 [2] พิมพ์
ผู้เขียน เป็งปุ๊ด ความเป็นมาของการตักบาตรเที่ยงคืน  (อ่าน 4364 ครั้ง)
สบายแมน
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,485



« ตอบ #20 เมื่อ: วันที่ 11 พฤศจิกายน 2012, 20:06:50 »

แอ๊........ พิมพ์มาจ๊าดยาวได้สองบาทต๊ะอั้นหน่ะ ยิงฟันยิ้ม
อันนี้ท่านกรเปิ้นอู้ดี สายใต้เหมือนกั๋น ปีนี้จะเซ๊าะใส่บาตรพระอุปคุตซักกำเม๊าะ ยิงฟันยิ้ม
ปีนี้ตั๊ดลอยกระทงผมว่าใส่บาตรไปหลบพลุไป ยิงฟันยิ้ม

สันป่าตองตุ๊เปิ้นเตียวบิณฑบาตรต๋อนเที่ยงคืนเลยเน๊าะครับ คนก่อนักคึกคักม่วนดี ยิงฟันยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า
สบายแมน
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,485



« ตอบ #21 เมื่อ: วันที่ 11 พฤศจิกายน 2012, 20:12:52 »

ขอโทษนะครับผมถามด้วยความสงสัยว่าทำไม พระอุปคุตถึงต้องแหงนหน้าด้วยครับ
(ไม่ได้ลบหลู่นะครับถามด้วยความสงสัยจริงๆ ด้วยความเคารพ)

ตี้ผมได้ยินมาก่อคือว่า เมื่อขณะสงฆ์ได้ไปนิมนต์พระอุปคุตมาเพื่อที่จะขอให้ท่านคุ้มครองจาก
ผู้ที่จะมาขัดขวางพิธีมงคลใหญ่งานหนึ่ง ท่านได้ขึ้นมาแล้วคอยคุ้มครองจนพิธีสำเร็จลุล่วงไปได้
ด้วยดีครับ ด้วยเหตุนี้ตามคติความเชื่อเวลาจะมีพิธีมงคลไดๆก็จะทำพิธีอันเชิญพระอุปคุตมาเพื่อ
คุ้มครองให้พิธีสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีครับ และที่นิยมปั้นให้ท่านแหงนหน้าก็เพราะเป็นคติเหมือน
ว่าท่านทำอากับกิริยาคอยระวังภัยที่จะมาทำลายพิธีมงคลครับ
IP : บันทึกการเข้า
maekok_14
คือคนของพระราชา คือข้าของแผ่นดิน
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,253



« ตอบ #22 เมื่อ: วันที่ 11 พฤศจิกายน 2012, 21:22:54 »

ขอโทษนะครับผมถามด้วยความสงสัยว่าทำไม พระอุปคุตถึงต้องแหงนหน้าด้วยครับ
(ไม่ได้ลบหลู่นะครับถามด้วยความสงสัยจริงๆ ด้วยความเคารพ)

ตี้ผมได้ยินมาก่อคือว่า เมื่อขณะสงฆ์ได้ไปนิมนต์พระอุปคุตมาเพื่อที่จะขอให้ท่านคุ้มครองจาก
ผู้ที่จะมาขัดขวางพิธีมงคลใหญ่งานหนึ่ง ท่านได้ขึ้นมาแล้วคอยคุ้มครองจนพิธีสำเร็จลุล่วงไปได้
ด้วยดีครับ ด้วยเหตุนี้ตามคติความเชื่อเวลาจะมีพิธีมงคลไดๆก็จะทำพิธีอันเชิญพระอุปคุตมาเพื่อ
คุ้มครองให้พิธีสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีครับ และที่นิยมปั้นให้ท่านแหงนหน้าก็เพราะเป็นคติเหมือน
ว่าท่านทำอากับกิริยาคอยระวังภัยที่จะมาทำลายพิธีมงคลครับ

บ่อแม่นๆ แสดงปาฏิหารหยุดพระอาทิตย์ตอนฉันข้าว เปิ้นฮ้องว่า จกบาตร
IP : บันทึกการเข้า
สบายแมน
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,485



« ตอบ #23 เมื่อ: วันที่ 13 พฤศจิกายน 2012, 10:57:33 »

บ่อแม่นๆ แสดงปาฏิหารหยุดพระอาทิตย์ตอนฉันข้าว เปิ้นฮ้องว่า จกบาตร

ม่ะเจื่อ ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม เปิ้นว่าเป๋นหยังอี้หน่ะ

มีคนถามว่า "ที่วัดท่าขนุน มีพระอยู่กลางสระน้ำ ที่แหงนหน้ามองฟ้า ตรงนั้นหมายความว่าอย่างไรครับ"
หลวงพ่อบอกว่า "นั่นเป็นรูปพระอุปคุต"

แล้วท่านก็เล่าเรื่องให้ฟังว่า "สมัยพระเจ้าอโศกมหาราช ท่านจะจัดงานฉลองพระเจดีย์ซึ่งบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ เป็นเวลา ๗ ปี ๗ เดือน กับ ๗ วัน ท่านรู้ดีว่างานบุญใหญ่ขนาดนี้พญามารต้องขวางแน่ ๆ จึงไปสอบถามพระโมคคัลลีบุตรติสสะเถระว่า จะจัดการอย่างไรไม่ให้พญามารมาขวางได้ พระโมคคัลลีบุตรติสสะเถระบอกว่า พระอุปคุตเป็นคู่ปรับของพญามาร ต้องส่งทูตไปเชิญท่านซึ่งนั่งเข้านิโรธสมาบัติอยู่ในสะดือทะเลนั้นมา

พระเจ้าอโศกมหาราชท่านก็เลยตั้งให้พระโมคคัลลีบุตรติสสะเถระเป็นประธาน ส่งตัวแทนไปเชิญพระอุปคุต เมื่อตัวแทนพาท่านมาถึง เจอหลวงตาแก่ผอมกระหร่องเลย พระเจ้าอโศกฯก็ไม่มั่นใจ อยากจะทดสอบ

พอตอนเช้าพระอุปคุตออกบิณฑบาต พระเจ้าอโศกฯก็ปล่อยช้างไล่ ในอรรถกถาท่านบอกไว้ว่า พระอุปคุตหันมาเผชิญหน้า ช้างก็เลยกลายเป็นดั่งรูปปั้นศิลา กระดิกตัวไม่ได้ พระเจ้าอโศกฯเห็นดังนั้นก็ยอมรับว่าพระอุปคุตมีความสามารถ ก็กราบขอขมา พระอุปคุตก็เลยคลายฤทธิ์ทำให้ช้างเดินกลับโรงช้างได้เอง

พระเจ้าอโศกฯบอกว่าอยากเห็นการแสดงฤทธิ์ชัด ๆ พระอุปคุตบอกว่า จะบันดาลให้เกิดแผ่นดินไหว พระเจ้าอโศกฯก็บอกว่าแผ่นดินไหวก็ไหวอยู่บ่อยแล้ว จะเชื่อได้อย่างไรว่าเป็นฝีมือของพระอุปคุต อาจจะเกิดไหวในขณะนั้นพอดีก็ได้ พระอุปคุตบอกว่า ถ้าเช่นนั้นให้พระองค์เอาขันน้ำล้างพระพักตร์มา แล้วตักน้ำใส่ ท่านจะทำให้แผ่นดินไหวโดยน้ำสะเทือนในขันแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น ปกติถ้าแผ่นดินไหวธรรมดาต้องสะเทือนทั้งขัน

พระเจ้าอโศกฯก็ตกลง ตักน้ำมา ปรากฏว่าพระอุปคุตแสดงฤทธิ์เกิดเหตุแผ่นดินไหว ไหวชนิดที่ว่าอย่างอื่นสั่นหมด แต่น้ำสะเทือนแค่ครึ่งขัน ท่านจึงได้ยอมรับว่าเป็นฤทธิ์ของพระอุปคุตจริง ๆ ก็เลยกราบอาราธนาท่านให้เป็นผู้ป้องกันไม่ให้พญามารมาทำลายพิธี พระอุปคุตก็เลยต้องฉันไป แหงนมองไปว่าพญามารมาหรือยัง

คนเขามักจะนิยมสร้างรูปท่านในลักษณะนี้ ที่สร้างรูปในลักษณะนี้เกิดจากความนัยสองอย่างด้วยกัน อย่างแรกก็คือ พระอุปคุตนิยมเข้านิโรธสมาบัติก็เลยกลายเป็นพระมหาลาภโดยปริยาย การบูชาท่านก็จะมีลาภผลมากไปด้วย อีกนัยหนึ่งเป็นความเชื่อในระยะหลัง เพราะดูจากรูปแล้วเป็นลักษณะท่านล้วงบาตร กำลังฉันอยู่ ก็คิดว่าถ้าบูชา อย่างไรเราก็ไม่อดแน่ มีกินแน่นอน

แต่ว่าทางภาคเหนือยังคงความเชื่อเรื่องพระอุปคุตนี้อยู่ เหมือนทางพม่า ถ้าเป็นวันขึ้น ๑๕ ค่ำเดือนไหนก็ตาม ที่ตรงกับวันพุธ เขาเชื่อว่าพระอุปคุตจะออกบิณฑบาต ทางเหนือเรียก เป็งปุ๊ด (วันเพ็ญที่ตรงกับวันพุธ) เขาจะมานิมนต์พระไปรับบาตรตั้งแต่เที่ยงคืน

อาตมาโดนปลุกงัวเงียไปรับบาตรมาแล้ว ก็มานั่งคิดวิเคราะห์ว่าทำไมเป็นประเพณีตักบาตรเที่ยงคืน ท้ายสุดก็สรุปได้ด้วยปัญญาของตัวเอง ผิดถูกช่างมัน ว่าพระอุปคุตท่านออกบิณฑบาตในวันพุธขึ้น ๑๕ ค่ำพอดี เนื่องจากมีคนได้ใส่บาตรท่านตอนออกนิโรธสมาบัติแล้วรวยในวันนั้น ทำให้คนเชื่อกันว่าวันขึ้น ๑๕ ค่ำ ที่ตรงกับวันพุธ พระอุปคุตจะออกบิณฑบาต ประการต่อมาคนใส่บาตรใส่แต่เช้าเลย คนที่อยากได้บุญก็ตื่นให้เช้ากว่านั้นหน่อย พออีกคนเห็นคนนั้นตื่นเร็วก็เลยตื่นตั้งแต่ตีห้า อีกคนเห็นคนนั้นตื่นตีห้า ก็เลยตื่นตีสี่ครึ่ง ไล่ไปเรื่อย จนอาตมาต้องโดนปลุกให้ตื่นตอนเที่ยงคืน

ประเพณีตักบาตรเที่ยงคืนหรือตักบาตรอุปคุตทางด้านเหนือยังมีอยู่เป็นปกติ ส่วนทางด้านพม่าหลังฤดูกาลเก็บเกี่ยวแล้ว เขาจะจัดแพตกแต่งอย่างสวยงามแล้วอาราธนาพระอุปคุตใส่ลงแพ ทำบุญฉลองแล้วก็ปล่อยให้ลอยตามน้ำไป ไปถึงที่หมู่บ้านไหนก็จะอาราธนาขึ้นที่หมู่บ้านนั้น แล้วก็จัดงานฉลอง นิมนต์พระไปเลี้ยงที่บ้าน ใครอยากเป็นเจ้าภาพก็นิมนต์พระอุปคุตเข้าบ้าน เวลาฉลอง บ้านนี้อาจสวดมนต์เย็นแล้วฉันเช้า พอขยับไปอีกบ้านก็อาจนิมนต์ฉันเพล ขยับไปเรื่อย ๆ บางบ้านอยู่ถึง ๒ เดือนก็มีเพราะว่าหมู่บ้านนั้นใหญ่และมีชาวบ้านเยอะ เขาอยากทำบุญกันทั้งบ้าน ใคร ๆ ก็อยากรวย ถ้าทำบุญครบแล้ว ก็นิมนต์ท่านลงแพปล่อยท่านลอยน้ำไป บ้านอื่นก็เตรียมตัวนิมนต์ต่อ ทางพม่าเขาทำแบบนี้ ใหม่ ๆ แพต้นทางนั้นดูงดงามอลังการ แต่งเสียอย่างดีเลย ไปถึงท้าย ๆ กะรุ่งกะริ่งดูไม่ได้ เพราะมันหลายเดือนเต็มที
IP : บันทึกการเข้า
หน้า: 1 [2] พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!