ในช่วงเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวแบ็คแพ็คจึงเริ่มหาสถานที่เงียบสงบและเป็นธรรมชาติแห่งใหม่ จนกระทั่งไปพบ "เมืองงอย" นักท่องเที่ยวชาวตะวันตกจึงเริ่มย้ายไปปลีกวิเวกที่นั่น
แม้จะมีรีสอร์ต เกสต์เฮ้าส์หลายแห่งผุดขึ้นรองรับ แต่โดยรวมแล้วเมืองงอยยังมีสภาพดั้งเดิม คงความเงียบสงบคู่กับวิถีดั้งเดิมเอาไว้ได้อย่างดี
นั่นเป็นเพราะประชาชนเตรียมตัวรับความเปลี่ยนแปลงไว้ล่วงหน้าแล้วโดยอาศัยปรากฏการณ์ "ฝรั่งบุกเมืองวังเวียง" เป็นบทเรียน พวกเขาสามารถปรับตัวรับนักท่องเที่ยวได้อย่างกลมกลืนและเหมาะสม ไม่เปลี่ยนตัวเองและสภาพชุมชนจนขัดวิถีชีวิตพื้นถิ่นและวัฒนธรรมประเพณีดั้งเดิม
จะเห็นได้จากการจัดกิจกรรมต่างๆ รองรับนักท่องเที่ยวหลากหลายประเภทให้กลมกลืนกับสภาพแวดล้อม เช่น ท่องป่า เดินเขา และพักโฮมสเตย์เพื่อสัมผัสวิถีชีวิตชาวพื้นเมือง
พวกชอบแนวผจญภัยสามารถปีนเขา สำรวจถ้ำ (ผาน้อย-ผากลาง-ถ้ำพระแก้ว) พายเรือคายัค เหมาเรือล่องน้ำอู ดูวิถีชาวประมงตลอด 2 ฟากฝั่ง แวะเยือนหมู่บ้านรายทาง และหาซื้อสินค้าพื้นเมืองฝีมือดีเป็นของฝาก
เมืองงอยตั้งอยู่ท่ามกลางขุนเขาน้อยใหญ่ ช่วงหน้าฝนจนถึงฤดูหนาวจึงมีเมฆหมอกปกคลุมทาบทับอยู่ตลอดทั้งวัน คล้ายๆ กับมีปราการยักษ์และม่านมนต์ปกป้องเมืองเล็กๆ แต่น่ารักเอาไว้ในอ้อมกอดของธรรมชาติ เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวสไตล์ที่ชอบปลีกวิเวกและพักผ่อนแบบสันโดษ
เมืองนี้ไม่ใช่เมืองใหม่ แต่มีประวัติศาสตร์ย้อนหลังไปราว 600 ปี เป็นชุมชนเล็กๆ ภายใต้การปกครองของอาณาจักรล้านช้างโบราณมาตั้งแต่สมัยพระเจ้าฟ้างุ้ม (พ.ศ.1859-1936) ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์ล้านช้าง (ตรงกับสมัยพระเจ้าอู่ทอง)
มีการเล่าขานต่อกันมาว่า ชื่อเมืองแผลงจากชื่อ "ท้าวกาดวอย" เจ้าเมืองยุคต้นๆ ตอนแรกชาวบ้านเรียก "เมืองท้าวกาดวอย"ต่อมาเหลือเพียง "เมืองวอย" ก่อนจะเพี้ยนเป็น "งอย" ในที่สุด (งอย แปลว่า "ใกล้จะตก")
เมืองงอยถือเป็นเมืองยุทธศาสตร์ทางทหารมาแต่ครั้งโบราณกาลเรื่อยมาจนถึงสมัยสงครามอินโดจีนและสงครามระหว่างรัฐบาลฝ่ายขวากับพรรคประชาชนปฏิวัติลาวฝ่ายซ้าย ในสมัยรัชกาลที่ 5 กองทัพไทยยังเคยยกพลมาตั้งทัพอยู่ที่นี่หลายวันระหว่างไปช่วยทางการลาวปราบกบฏฮ่อ
เนื่องจากมีแม่น้ำอูสายใหญ่ไหลผ่านหน้าเมือง ซึ่งเป็นแม่น้ำที่เชื่อมระหว่างเมืองพงสาลี เมืองขัว ทางตอนเหนือกับเมืองหลวงพระบาง ซึ่งเป็นเมืองศูนย์กลางอำนาจรัฐ เมืองงอยจึงเป็นทั้งเส้นทางคมนาคมที่สำคัญและเป็นเส้นทางลำเลียงพลและยุทธปัจจัยที่สะดวกที่สุดเมื่อเทียบกับทางบก
แต่ละฝ่ายจึงพยายามยึดเมืองงอยเป็นฐานที่มั่นให้ได้ หากยึดไม่ได้ก็มักทำลายทิ้ง เช่น ช่วงสงครามกลางเมืองลาว ระหว่างปีพ.ศ. 2496-2518 ช่วงนั้นสหรัฐอเมริกาใช้เครื่องบินทิ้งระเบิดลงไปที่ตัวเมืองเพื่อทำลายฐานที่มั่นของฝ่ายซ้าย ชาวบ้านจึงต้องอพยพมาหลบในถ้ำผากลาง ใช้ชีวิตอยู่ในถ้ำหลายปีกว่าสงครามจะสงบ
เมืองงอยอยู่ห่างจากเมืองหลวงพระบางไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือราว 135 กิโลเมตร ก่อนหน้านี้ใครจะเดินทางไปเมืองงอยมีวิธีเดียวคือนั่งเรือเพราะไม่มีถนนเข้าถึง โดยต้องนั่งรถจากหลวงพระบางไปเมืองหนองเขียวใช้เวลา 3 ชั่วโมง จากนั้นลงเรือล่องขึ้นเหนือมาตามลำน้ำอูราว 1 ชั่วโมง แต่ตอนนี้สามารถนั่งรถบัสไปได้แล้ว เพราะเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา การก่อสร้างถนนเข้าไปถึงเมืองงอยจากหลวงพระบางเพิ่งแล้วเสร็จ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 ชั่วโมง
ในตัวเมืองงอยมีประชากรประมาณ 700 คน ราว 180 หลังคาเรือน ส่วนใหญ่เป็นลาวลุ่ม ส่วนชุมชนในชนบทไกลออกไปโดยรอบเป็นพวกลาวสูง และในกลุ่มนี้ยังแตกออกไปอีกหลายชาติพันธุ์
รายได้หลักของชาวเมืองมาจากผลผลิตการเกษตรเป็นอันดับหนึ่ง ต่อด้วยประมง และหัตถกรรม แต่หลังจากนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยเฉพาะชาวตะวันตกแวะเวียนมาพักมากขึ้นและเป็นเวลานาน ส่งผลให้รายได้ด้านท่องเที่ยวพุ่งเป็นอันดับสอง บางปีแซงเป็นแชมป์ ช่วงฤดูหนาวบางปี มีนักท่องเที่ยวหลายหมื่นคนแห่กันไปทีเดียว
คนเมืองงอยน่ารัก มีน้ำจิตน้ำใจ ดูแลรักษาสภาพบ้านเรือนเป็นระเบียบเรียบร้อยน่าชม แถมอยู่ใกล้เมืองไทยนิดเดียว แวะมาเที่ยวแล้วจะต้องมนต์
อันที่จริง หนองเขียว กับ เมืองงอย เป็นคนละสถานที่กันแต่ก็มีความสัมพันธ์กันเสมือนเมืองคู่แฝด เมืองอยเป็นเมืองเก่าแก่ริมน้ำอูตอนกลาง ขึ้นอยู่กับหลวงพระบางต่อมาเมื่อมีการตัดถนนจากหลวงพระบางเลียบลำน้ำอูมาถึงทางการได้สร้างสะพานข้ามแม่น้ำบริเวณหนองเขียว เพื่อจะมุ่งเหนือต่อไปยังแขวงซำเหนือ บริเวณที่ตั้งของสะพานจึงกลายเป็นชุมชนใหม่ มีชาวบ้านจากเมืองงอยย้ายถิ่นไปตั้งบ้านเรือนบริเวณหนองเขียวและเมื่อการท่องเที่ยวมาถึงหนองเขียวจึงกลายเป็นบ้านใหญ่ที่คึกคักหลากสีสันกว่าเมืองงอยในที่สุด
การเชื่อมโยงระหว่างหนองเขียวกับเมืองงอยก็ยังมีต่อเนื่องสม่ำเสมอมีเรือโดยสารประจำทางค่าเรือ 25,000 กีบหรือประมาณ 100 บาท/คน วันละ 3 เที่ยว และยังมีเรือให้เหมาลำตลอดวันด้วยเวลาการเดินทางสั้นๆ ชมวิวทิวทัศน์สองข้างทางแบบเพลิดเพลินจำเริญใจไม่ถึงชั่วโมงก็ถึง ระหว่างทางอาจจะพบนักท่องเที่ยวสวมบิกินี่-ชุดว่ายน้ำตามหาดรายทางหรือพายเรือแคนู เพราะหนองเขียวกำลังพัฒนาเป็นศูนย์ของการท่องเที่ยวแบบผจญภัย ปีนผา แคนู คยัค ฯลฯ ไปแล้วในตลาดมีกิจการทัวร์ที่เปิดให้บริการการท่องเที่ยวกลางแจ้งลักษณะดังกล่าวหลายราย
ทั้งหนองเขียว และ เมืองงอย ต่างก็มีที่พักแรมสะอาด ราคาไม่แพงมากระดับ 250-500 บาท ต่างก็มีดีคนละแบบ หนองเขียวอยู่ท่ามกลางภูเขาหินชะโงกง้ำให้บรรยากาศเหมือนกับเมืองกาญจนบุรีหรือแถวๆ กระบี่ พังงา ส่วนเมืองงอยเป็นบ้านชาวลาวลุ่มดั้งเดิมที่บริสุทธิ์น่ารักหลังอิงกับภูเขาสูงสามารถเดินเท้าท่องเที่ยวชมชนบทหรือถ้ำได้ เวลาเช้าๆ ทั้งหนองเขียว-เมืองงอยต่างก็มีหมอกหนาเคลียยอดเขา แต่หากจะเทียบกัน หนองเขียวเป็นชุมชนใหญ่และเจริญกว่าเพราะเป็นชุมทางรถยนต์ขณะที่เมืองงอยไม่มีทางรถต้องใช้เรือในการเข้าถึง แม้กระทั่งการสัญจรภายในตัวเมืองกับแหล่งท่องเที่ยวใกล้เคียงยังต้องใช้รถไถนาพ่วงกระบะเป็นพาหนะหลัก
หากย้อนไปประมาณ 5 ปีก่อนเมืองงอยยังไม่มีเรือนพักแรม ส่วนหนองเขียวยังเป็นชุมชนเล็กๆ มีเรือนพักแค่ 2-3 แห่งและไม่สะอาดนัก ชั่วเวลาแค่ไม่กี่ปีผ่านไปหนองเขียวมีถนนลาดยางไม่เป็นดินแดงปนหินเหมือนก่อน มีเรือนพักใหม่ๆผุดขึ้นลานตา มีบริการพื้นฐานทุกอย่างไม่ว่าเอทีเอ็ม(บัตรเครดิตรูดเงิน) ไปรษณีย์ รถเรือโดยสารประจำทาง ไม่เฉพาะแค่ไปหลวงพระบางหรือเวียงจันทน์เท่านั้นเอเยนต์ทัวร์ที่นี่สามารถให้บริการครอบคลุมการเดินทางต่อทั้งไปประเทศไทย ไปลาวเหนือแขวงอุดมไซ-บ่อแก้วหรือหัวพัน การเติบโตรวดเร็วของสวรรค์บนดินแห่งใหม่ที่ไม่แพ้วังเวียงแบบปากต่อปาก ทำให้เราสามารถพบเห็นนักท่องเที่ยวจากยุโรปอเมริกาฝรั่งเดินกันขวักไขว่มากกว่านักท่องเที่ยวบ้านใกล้อย่างคนไทยหลายขุม
หากวังเวียงคือแหล่งท่องเที่ยวกลางป่ามีเขามีน้ำที่ดิบ-บริสุทธิ์เหมาะกับการไปพักแบบชิล-ชิล หนองเขียว เมืองงอย มีสิ่งดังกล่าวแบบที่วังเวียงมีไม่แตกต่างกัน และจุดดังกล่าวนี้เองที่หนองเขียว เมืองงอย เติบโตพรวดขึ้นมาอย่างผิดตาในชั่วเวลาเพียง 3 ปีเท่านั้น และเชื่อแน่ว่าที่นี่จะกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของลาวภาคเหนืออย่างแน่นอน.
ข้อมูลเดินทางรถ-เรือประจำทาง
-รถมินิบัสจากหลวงพระบาง (เส้นทาง 1c เชื่อมกับถนนหมายเลข 13 ที่ปากมอง) 80,000 กีบ
-เรือโดยสาร (น้ำอู-ปากอู-น้ำโขง) ระยะเวลาประมาณ 8 ช.ม. ราคา 110,000 กีบ
บรรยายภาพ
แผนที่ท่องเที่ยว หลวงพระบาง หนองเขียว เมืองงอย ที่มา
http://www.green-gathering.com/wp-content/uploads/2009/03/lpq_bg.jpg