อวิทยาศาสตร์ Zingiber cassumunar Roxb.
วงศ์ Zingiberaceae
ชื่ออื่น
ปูลอย, ปูเลย (ภาคเหนือ), ว่านไฟ (ภาคกลาง); มิ้นสะล่าง (เงี้ยว-แม่ฮ่องสอน)
ลักษณะของพืช
ไพลเป็นไม้ลงหัว มีเหง้าใหญ่ เนื้อสีเหลือง กลิ่นหอมใบเรียวยาว ปลายแหลมดอกออกรวมกันเป็นช่ออยู่บนก้านช่อที่แทงจากเหง้า
ส่วนที่ใช้เป็นยา เหง้าแก่จัด ช่วงเวลาที่เก็บเป็นยา เก็บเหง้าแก่จัด หลังจากต้นไพลลงหัวแล้ว
สรรพคุณและวิธีใช้
สรรพคุณแก้ฟกช้ำ บวม เคล็ดยอก ขับลม ท้องเดิน และช่วยขับระดู ประจำเดือน สตรีนิยม ใช้เป็นยา หลังคลอดบุตร เหง้าไพลใช้เป็นยารักษาอาการเคล็ดขัดยอก ฟกช้ำ โดยใช้เหง้าประมาณ 1 เหง้า ตำแล้วเอาน้ำมาทาถูนวดบริเวณที่มีอาการ หรือตำให้ละเอียดผสมเกลือเล็กน้อยคลุกเคล้าแล้วนำมาห่อเป็นลูกประคบอังไอน้ำให้ความร้อน ประคบบริเวณปวดเมื่อยและฟกช้ำ เช้าเย็นจนกว่าจะหาย หรือทำเป็นน้ำมันไพลไว้ใช้ก็ได้ โดยเอาไพล หนัก 2 กิโลกรัม ทอดกับน้ำมันพืชร้อน ๆ 1 กิโลกรัม ทอดจนเหลืองแล้วเอาไพลออก ใส่กานพลูผงประมาณ 4 ช้อนชาทอดต่อด้วยไฟอ่อน ประมาณ 10 นาทีกรองแล้วรอจนน้ำมันอุ่น ๆ ใส่การบูรลงประมาณ 4 ช้อนชา ใส่ภาชนะปิดฝามิดชิด รอจนเย็นจึงเขย่าการบูรให้ละลาย น้ำมันไพลนี้ใช้ทาถูนวด 2 ครั้ง เช้า - เย็น หรือเวลาปวด (สูตรนี้เป็นของนายวิบูลย์ เข็มเฉลิม อ. สนามชัยเขต จ. ฉะเชิงเทรา)
ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ เหง้าไพลมีน้ำมันหอมระเหย (Essential oil) 80% มีสารที่ให้สีชื่อ Curcumin ฯลฯ จากการทดลองพบว่ามีฤทธิ์ลดการอักเสบ และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้มีการค้นคว้าสารสำคัญ มีสรรพคุณแก้หอบหืดและมีการวิจัยทางคลินิก โดยใช้ไพลรักษาโรคหืดในวัยเด็ก และจากรายงานด้านความเป็นพิษพบว่าไพลเป็นสมุนไพรที่ไม่มีพิษเฉียบพลัน
ขณะนี้สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้พัฒนาครีมที่ได้จากน้ำมันไพล ใช้ชื่อว่า "ครีมไพลจีซาล" รักษาอาการปวดเมื่อย ฟกช้ำ เบื้องต้นที่นำมาใช้กับผู้ป่วยที่มีอากรฟกบวม เคล็ดขัดยอก ปวดเมื่อ ปรากฏว่าได้ผลดี กำลังพัฒนาเป็นอุตสาหกรรม เพื่อการพึ่งตนเองภายในประเทศต่อไป
กระทิง
1. ชื่อพันธุ์ไม้ กระทิง
2. ชื่อสามัญ (ไทย) กากะทิง (ภาคกลาง) ทิง (กระบี่) เนาวกาน (น่าน) สารภีทะเล
(ประจวบคีรีขันธ์) สารภีแนน (ภาคเหนือ)
กระทิงเป็นพันธุ์ไม้ที่พบขึ้นประปรายอยู่เป็นแห่ง ๆ ตามป่าที่อยู่ใกล้ชายทะเลตอนที่น้ำทะเลขึ้นไม่ถึงและป่าที่ชื้นทั่วไป ที่สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 50-100 เมตร
การใช้ประโยชน์
กระทิง เป็นไม้พื้นเมืองที่มีคุณค่าทางเศรษฐกิจชนิดหนึ่งของประเทศ มีการนำมาใช้ประโยชน์หลายอย่างดังนี้
1. ไม้ ใช้ทำเรือ กระดูกงูเรือ ตู้ ก่อสร้างบ้านเรือน เครื่องมือเกษตรกรรม เช่น แอก ฯลฯ
2. ประโยชน์ทางด้านสมุนไพร
ใบสด : ขยำแช่น้ำเอาน้ำล้างตา แก้ตาฝ้า ตามัว ตาแดง
ดอก : ปรุงเป็นยาหอมบำรุงหัวใจ
เมล็ด : น้ำมันที่ได้จากเมล็ดใช้ทาถูนวด แก้ปวดข้อ เคล็ดบวม
3. ประโยชน์อื่น ๆ น้ำมันที่ได้จากเมล็ดใช้จุดตะเกียง และใส่เครื่องสำอางค์ รวมทั้งนิยมปลูกเป็นไม้ประดับที่สวยงาม
ชื่อภาษาไทย กานพลู
ชื่ออื่นๆ จันจี่ (ภาคเหนือ)
สรรพคุณ :
เปลือกต้น - แก้ปวดท้อง แก้ลม คุมธาตุ
ใบ - แก้ปวดมวน
ดอกตูม - รับประทานขับลม ใช้แต่งกลิ่น
ดอกกานพลูแห้ง ที่ยังไม่ได้สกัดเอาน้ำมันออก และมีกลิ่นหอมจัด มีน้ำมันหอมระเหยมาก รสเผ็ด ช่วยขับลม แก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ปวดท้อง และแน่นจุกเสียด แก้อุจจาระพิการ แก้โรคเหน็บชา แก้หืด แก้ไอ แก้น้ำเหลืองเสีย แก้เลือดเสีย ขับน้ำคาวปลา แก้ลม แก้ธาตุพิการ บำรุงธาตุ ขับเสมหะ แก้เสมหะเหนียว ขับผายลม ขับลมในลำไส้ แก้ท้องเสียในเด็ก แก้ปากเหม็น แก้เลือดออกตามไรฟัน แก้รำมะนาด กับกลิ่นเหล้า แก้ปวดฟัน
ผล - ใช้เป็นเครื่องเทศ เป็นตัวช่วยให้มีกลิ่นหอม
น้ำมันหอมระเหยกานพลู - ใช้เป็นยาชาเฉพาะแห่ง แก้ปวดฟัน ฆ่าเชื้อทางทันตกรรม เป็นยาระงับการชักกระตุก ทำให้ผิวหนังชา
ประโยชน์และสรรพคุณทางยา
มักนำใบสะระแหน่มาบดแล้วทาลงบนผิวหนังจะทำให้ผิวหนังชุ่มชื่นอีกทั้งยังช่วยไล่ยุง นอกจากนี้ยังใช้ทำยาผสมลงไปในชาสมุนไพรหรือคั้นน้ำมาผสมลงในเครื่องดื่ม สะระแหน่ยังสามารถนำไปทำเป็นยาปฏิชีวนะและยังใช้เป็นตัวขับไล่อนุมูลอิสระออกจากร่างกาย อีกทั้งยังใช้เป็นยาเย็นและใช้เป็นยาคลายความเครียด และมีงานวิจัยอย่างน้อยชิ้นหนึ่งระบุว่ามันช่วยคลายความกดดันของกล้ามเนื้ออันมาจากความเหนื่อยล้าและความเครียด สะระแหน่ยังใช้ไปทำน้ำมันหอมระเหยเพื่อใช้ในการทำสุคนธบำบัด อีกทั้งยังใช้เป็นยารักษาโรคเกี่ยวกับต่อมไทรอยด์
ขอบคุณครับ เกล็ดความรู้เล็กน้อยๆครับสมุนไพรจากโครงการหลวงทั้งหมดนะครับ
เชียงรายติดต่อที่ เอ 083-1542161(ลูกผู้ผลิต) มาทดลองทาได้ครับ ที่ประตูเชียงใหม่ ศูนย์ ปภ.เขต15 เชียงราย (ไม่ดีตามมาว่าได้ครับไม่หนีไปใหนครับ)หรือจะให้นำยาไปให้ลองทาก็บอกมานะครับแต่อย่าใกลนะครับแถวอำเภอเมืองพอได้ครับ อยากให้ท่านหายจิงๆไม่ได้คิดเพิ่มใดๆนะครับท่านหายผมก็ได้บุญครับ ตามแนวพ่อ