เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 25 เมษายน 2024, 11:51:03
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  เรื่องล้านนา ภาษากำเมือง
| | |-+  มาผ่อกว่างเผือกกั๋นครับ
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: 1 [2] พิมพ์
ผู้เขียน มาผ่อกว่างเผือกกั๋นครับ  (อ่าน 4906 ครั้ง)
Thip Design
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 244


« ตอบ #20 เมื่อ: วันที่ 22 ตุลาคม 2010, 16:50:24 »

ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม  มันก๋ำลังลอกคราบเป็นแด้   ตะวาเมื่อตอนครับ

น่ารักมากๆๆๆ
IP : บันทึกการเข้า

ThipDesign
Network & Web Design, CCTV
รับทำและออกแบบกล่องกระดาษ, กล่องบรรจุภัณฑ์, เว็บไซต์, ฉลากสินค้า, สติ๊กเกอร์ ติดต่อ 086-6718402
http://www.phayaocenter.com/forums/index.php?topic=34721.0
อะไร?ยังไง?
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 357


« ตอบ #21 เมื่อ: วันที่ 30 ตุลาคม 2010, 18:38:32 »

เอาข้อมูลกว่างมาล่งดีก่า อิอิ
เครดิต http://www.sri.cmu.ac.th/elanna/elanna47/public_html/pakinnaka/pakin8.html

กว่าง
 

กว่าง ตามพจนานุกรมล้านนา-ไทย ฉบับแม่ฟ้าหลวง หมายถึง "ชื่อเรียกด้วงปีกแข็งชนิด Xylotrupes gideon ในวงศ์ Dynastidse ตัวผู้มีเขายื่นไปข้างหน้าและโค้งเข้า ตอนปลายแยกเป็นสองแฉก ตัวเมียไม่มีเขา ชอบกินน้ำหวานจากอ้อยเป็นต้น"

กว่างเกิดจากไข่ของแม่กว่างที่ฟักตัวในดิน มีชื่อเรียกตามรูปร่าง ตามขนาด และเรียกตามแหล่งที่เกิด มีกว่างโซ้ง กว่างแซม กว่างกิ กว่างอี่มูด หรือ อี่ดุ้ม หรืออี่หลุ้ม กว่างซาง กว่างก่อ และ กว่างหน่อ ตัวกว่างจะเริ่มขุดออกจากดินตั้งแต่ประมาณปลายเดือนกรกฎาคม เมื่อออกจากดินแล้วกว่างจะเที่ยวบินหากินและผสมพันธุ์ อาหารของกว่างเป็นยอดพืชผัก ยอดหน่อไม้ กล้วยต่างๆ อาหารที่ชอบเป็นพิเศษคือน้ำหวานจากอ้อย

ช่วงปลายเดือนกรกฎาคม ถึงตุลาคม เป็นเวลาที่ชาวบ้านชาวเมืองในสมัยก่อนมีเวลาว่าง เพราะข้าวที่ปลูกไว้กำลังตั้งท้อง เมื่อว่างจากการงาน ผู้ที่เป็นชายจะสนุกกับการเล่นชนกว่างกันทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ตัวกว่างนั้นได้จากการหาตามสุมทุมพุ่มไม้ หรือป่าในเขตของหมู่บ้าน ตามวัดร้างที่มีต้นไม้เครือเขาเถาวัลย์ขึ้นปกคลุม โดยเฉพาะในเวลาเช้าจะหาได้ง่ายกว่าเพราะกว่างยังไม่เข้าไปหลบอยู่ใต้ใบไม้ เมื่อใช้ไม้แหย่กว่างจะทิ้งตัวลงดินหรือพื้นหญ้าและจะอำพรางตัวอยู่

อีกวิธีหนึ่งนั้นจะหาได้จากการตั้งกว่าง ใช้กว่างที่มีขนาดเล็ก เช่น กว่างกิ กว่างแซม หรือจะใช้กว่างตัวเมียที่เรียกว่า กว่างแม่อีดุ้ม ก็ได้ ผูกกว่างด้วยฝ้ายติดกับอ้อยที่ปอกครึ่งท่อน ใช้ไม้ขอเสียบส่วนบน หรือใช้กล้วยน้ำว้าใส่ในตะกร้าเล็กๆ ผูกกว่างขนาดเล็กไว้เป็นกว่างล่ออยู่ข้างใน ตอนหัวค่ำก็นำอ้อยหรือตะกร้าไปแขวนไว้กับกิ่งไม้ โดยหาทำเลที่เป็นชายป่าหรือบริเวณที่ใกล้กับเนินดิน โดยแขวนไม่ให้สูงหรือต่ำเกินไป เรียกว่าการตั้งกว่าง ตอนกลางคืนกว่างที่เป็นกว่างตั้ง จะบินเสียงดังดึงดูดให้กว่างที่บินเวลากลางคืนให้เข้ามาหา โดยมีอ้อยที่เป็นอาหารที่ชอบหลอกล่ออยู่ พอเวลาเช้ามืดคนตั้งจะไปดูว่ามีกว่างมาติดหรือไม่ เมื่อมีกว่างมาติด จะค่อยๆ เอาลงมา ถ้าเป็นกว่างโซ้ง จะนำไปเลี้ยงเพื่อไว้ชนต่อไป ถ้าเป็นกว่างแซมจะเก็บไว้เป็นกว่างตั้ง ถ้าเป็นกว่างตัวเมียที่เรียกว่ากว่างอี่ดุ้ม จะเก็บใส่กระป๋องและใส่อ้อยข้างใน เลี้ยงไว้เพื่อใช้ล่อให้กว่างตัวผู้ชนกัน
 
กว่างชนิดต่างๆ
 

กว่างซาง
ตัวขนาดใหญ่ สีของปีกออกไปทางสีครีมหรือสีหม่น มีเขา 5 เขา ข้างบนมี 4 เขาเรียงกันจากซ้ายไปขวา ข้างล่างมี 1 เขา ไม่นิยมนำมาชนกัน เพราะอืดอาดไม่แคล่วคล่องว่องไว

กว่างหน่อ
กว่างงวง กว่างมะพร้าว ก็ว่า ชอบกินหน่อไม้ ยอดอ่อนมะพร้าว ตัวขนาดเล็ก สีดำ มีเขา 2 เขา เขาบนยาวส่วนปลายโค้งเข้า เขาล่างสั้นนิดเดียว ไม่นิยมนำมาชนกัน

กว่างก่อ
กว่างชนิดนี้ชอบอาศัยอยู่ตามต้นก่อ ตามตัวมีขน แข็งแรงและอดทน ถือว่าเป็นกว่างป่าชนิดหนึ่ง ที่ไม่แพร่หลาย จึงไม่นิยมนำมาชนแข่งขันกัน

กว่างกิ หรือ กิทุย
กว่างกิมี 2 ขนาด คือ กว่างกิขี้หมู และ กว่างกิขี้ช้าง กว่างกิขี้หมูตัวเล็กกว่ากว่างกิขี้ช้าง กว่างกิมีเขาล่างยาวกว่าเขาบนมาก เขาบนจะงอกออกจากหัวขึ้นมานิดเดียว กว่างกิเวลาชนกันจะใช้เขาล่างงัดกัน

กว่างแซม
ลักษณะคล้ายกับกว่างโซ้ง แต่ตัวเล็กกว่า เขาจะสั้นกว่า พวกเด็กจะนำกว่างแซมมาชนกัน เมื่อเด็กได้กว่างโซ้ง มักจะนำไปให้ผู้ใหญ่เช่น พ่อ หรือพี่ชาย เลี้ยงไว้สำหรับชน

กว่างแม่อีดุ้ม
กว่างแม่อี่หลุ้ม กว่างแม่อี่มูด ก็ว่า เป็นกว่างตัวเมีย ไม่มีเขา ลักษณะปากจะเป็นฝาสำหรับใช้ขุดดิน กินจุกว่ากว่างตัวผู้ เมื่อผสมพันธุ์แล้วจะขุดรูฝังตัวเองอยู่ในดินเพื่อวางไข่ หลังจากนั้นก็จะตาย

กว่างโซ้ง
คือ กว่างที่นำมาชนกัน มีขนาดตัวใหญ่ เขายาวทั้งข้างล่างข้างบน กว่างโซ้งโดยทั่วไป มี 2 สี มีสีน้ำตาลออกแดงหรือสีน้ำครั่ง เรียกกันว่า "กว่างหาง" เพราะมีสีแดงคล้ายกับหาง (=ชาด) และอีกสีหนึ่ง สีออกดำเรียกกันว่า "กว่างรัก" เพราะมีสีดำคล้ายกับน้ำรัก

กว่างหนวดขาว
ลักษณะเหมือนกับกว่างโซ้ง ต่างกันตรงหนวดที่มีสีขาว เชื่อกันว่าเป็นพญากว่าง กว่างหนวดขาวจะชนจะสู้กับกว่างทุกขนาด กว่างหนวดดำจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ถึงแม้จะมีตัวใหญ่กว่าก็ตาม เป็นเพราะกลัวอำนาจของพญากว่าง บางครั้งกว่างกำลังชนกันพอรู้ว่าเป็นพญากว่าง กว่างธรรมดาจะถอยหนีไปเฉยๆ มีนักเล่นกว่างบางคนหัวใส เมื่อได้กว่างหนวดขาวมา ก็จะย้อมหนวดของกว่างให้เป็นสีดำเหมือนกับกว่างทั่วไป โดยใช้ยางไม้กับมินหม้อผสมกันแต้มหนวดขาวให้เป็นดำ เมื่อนำไปชน บางครั้งสีที่ย้อมหนวดหลุดออก อีกฝ่ายจับได้ว่าใช้กว่างหนวดขาวปลอมมาชน เกิดทะเลาะกันก็มี

กว่างดอยหล่อ
ดอยหล่อ เป็นชื่อกิ่งอำเภอหนึ่ง ก่อนถึงอำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ กว่างดอยหล่อมีชื่อเสียงในด้านความอดทนแข็งแกร่ง พูดกันว่าเป็นกว่างที่ผ่านความลำบากในการขุดหินขุดทรายขึ้นมา จึงมีความอดทนเป็นเลิศ หากใครได้กว่างดอยหล่อมาเลี้ยงไว้ชน ก็มั่นใจได้ว่าเป็นกว่างที่ดีและอดทน เมื่อถึงฤดูเล่นกว่างมาถึง นักเล่นกว่างจึงแสวงหากว่างดอยหล่อมาเลี้ยง บางคนถึงกับเดินทางไปที่ดอยหล่อเพื่อซื้อหากว่างชน 

ลักษณะกว่างชนที่ดีและไม่ดี
 

ลักษณะกว่างโซ้งที่ดีนั้น ต้องมีหน้ากว้าง กางเขาออกได้เต็มที่ เขาล่างจะยาวกว่าเขาบนเล็กน้อย ถ้าเขาล่างยาวกว่าเขาบนมากไปเป็น "กว่างเขาหวิด" หนีบไม่แรงไม่แน่น หัวสูงเป็นสง่า แต่ถ้าหัวตรงโคนเขาบนเป็นปมไม่เรียบตลอด เรียกว่า "กว่างง่อน ง็อก" ไม่ดี มีนิสัยเหลาะแหละ โลเล เดี๋ยวสู้เดี๋ยวไม่สู้ เจ็บนิดเจ็บหน่อยจะถอดใจ ไม่สู้เอาดื้อๆ

ถ้าเป็นกว่างหางที่ดี สีของปีกจะเป็นสีเดียวกันตลอด แต่ถ้าสีของปลายปีกออกสีแดงเป็นมันเลื่อม เรียกว่า "เหลื้อมปลายปีก" เป็นกว่างที่ไม่ดี ใจไม่สู้ ชนไม่เก่ง ท่าดีทีเหลว มักจะนำมาเปรียบเทียบกับคนที่เอาแต่แต่งตัว การงานไม่ดี ใจไม่ดี ไม่มีข้าวของเงินทอง ดีแต่ท่า เรียกว่า "คนเหลื้อมปลายปีก"

กว่างที่ดี ต้องเป็นกว่างที่ฉลาด สอนง่าย หลบหลีกกลับหลังกลับข้างได้ไว เมื่อใช้เขาหนีบคู่ต่อสู้จะหนีบแน่น ไม่ยอมให้หลุดง่ายๆ เมื่อคู่ต่อสู้ถอยเพื่อตั้งหลัก จะสอดเขาตามจนคู่ต่อสู้ตั้งหลักไม่ทัน เมื่อได้หนีบจุดสำคัญคือตรง "ก็อกมูยา" หรือโคนขาหน้า จะพยายามยกคู่ต่อสู้ให้ตีนหลุดจากไม้คอนและชูขึ้น แต่ถ้าตัวเองโดนหนีบจะพยายามให้หลุดจากเขาคู่ต่อสู้ หรือพยายามเปลี่ยนท่าให้เจ็บน้อยที่สุด เป็นกว่างที่อดทน ถึงเจ็บมากก็ไม่ถอดใจง่ายๆ 


วิธีเลี้ยงกว่างชน
 

เมื่อหากว่างโซ้งมาได้เป็นที่ถูกใจ ถูกลักษณะกว่างที่ดีแล้ว จะมีการเลี้ยง การฝึกอย่างถูกวิธี โดยหาอ้อยที่เนื้ออ่อนนุ่ม มีรสหวานมาให้กว่างกิน ขยันนำลงคอนไม้ เพื่อให้กว่างเคยชินกับคอน ฝึกการหลบเลี่ยงซ้าย-ขวา กลับหน้ากลับหลัง ฝึกการลงจากอ้อยสู่คอน จากคอนขึ้นสู่อ้อย การฝึกก็จะใช้ไม้สี่เหลี่ยมเล็กๆ ปลายแหลม เรียกกันว่า "ไม้ผั่นกว่าง" ตื่นนอนตอนเช้าจะนำกว่างมาออกกำลังคือให้บิน วิธีทำคือ ผูกกว่างติดกับอ้อย แต่ไม่ให้จับอ้อย ปล่อยให้ตัวแขวนโตงเตง กว่างจะบินวนไปวนมา เมื่อเห็นว่าพอแล้ว จะนำกว่างไป "ชายน้ำเหมย" คือนำกว่างพร้อมทั้งอ้อยไประตามใบข้าวที่เปียกชุ่มด้วยน้ำค้าง ทำอย่างนี้ทุกวัน กว่างจะแข็งแรง มีใจฮึกเหิม อยากจะต่อสู้ตลอดเวลา 


ไม้คอน
 

ไม้คอน คือไม้ท่อนกลม เป็นที่สำหรับให้กว่างชนกัน ทำด้วยแกนปอ หรือกิ่งไม้ฉำฉา ยาวประมาณ 80 - 100 ซม. เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 10 ซม. ตรงกลางเจาะรูสำหรับใส่กว่างตัวเมียไม่ให้หลุดออก ตรงกลางด้านล่างผ่าให้มีฝาปิด เมื่อนำกว่างตัวเมียใส่โดยให้หลังโผล่ออกด้านบน เพื่อที่กว่างชนได้กลิ่นแล้วจะเกิดการแย่งตัวเมีย และชนกันจนไม่คิดถึงความเจ็บปวด ด้านล่างใช้เศษผ้าอุดปิดด้วยฝาไม้อีกทีเพื่อกันไม่ให้กว่างตัวเมียหลุดออก คอนชนิดนี้มีไว้สำหรับฝึกซ้อมให้กว่างชำนาญในการชน ไม้คอนอีกรูปร่างหนึ่งทำด้วยแกนปอ หรือไม้ชนิดอื่นก็ได้ที่เนื้อไม้ไม่แข็งมาก เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 10 ซม. ยาวประมาณ 50 ซม. ส่วนหัวและท้ายทำเป็นเดือยโผล่ออกมา บางแห่งเดือยยาว 3 ซม. บางแห่ง 6 ซม. ตรงกลางด้านบนเจาะรูขนาด 2 ซม. ด้านล่างตัดเป็นปาก ยาวประมาณ 9 ซม. ตัดลึกเข้าไปประมาณครึ่งหนึ่งของไม้คอน ทำให้ถอดออกได้เป็นฝาปิด ส่วนที่เหลืออีกครึ่งเจาะเป็นโพรงเข้าไป ทำรูเล็กเพื่อเป็นช่องนำกว่างตัวเมียใส่ ให้หลังของกว่างตัวเมียโผล่ออกตรงรูคอนด้านบน ด้านล่างอุดด้วยเศษผ้าแล้วใช้ฝาปิดไว้ แบ่งระยะจากรูตรงกลางออกไปข้างละเท่าๆ กันกาเครื่องหมายกั้นไว้ ไม้คอนชนิดนี้ใช้ชนกันจริงๆ หรือมีประจำในบ่อนกว่าง
 


ไม้ผั่นกว่าง
 

ทำด้วยไม้จิงหรือไม้ไผ่ก็ได้ มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณครึ่งเซนติเมตร ยาวประมาณ 8 เซนติเมตร ลักษณะเป็นสี่เหลี่ยม เหลาปลายให้แหลม ส่วนโคนหลาให้เล็กพอที่นิ้วมือ 2 นิ้วจับได้ ใช้ผั่น (แหย่ หรือเขี่ย) หน้ากว่างให้วิ่งไปข้างหน้า และเพื่อเขี่ยข้างกว่างให้กลับหลัง เขี่ยแก้มกว่างให้หันซ้ายหันขวา ถ้ากว่างไม่สู้จะใช้ไม้ผั่นเจียดแก้มกว่างให้ร้อนจะสู้ต่อไป การผั่นใช้นิ้วหัวแม่มือกับนิ้วกลางหมุนไปมากับคอน จะเกิดเสียงดัง เมื่อกว่างได้ยินเสียง จะเกิดความฮึกเหิมและชนกัน 


การชนกว่าง
 

แต่ครั้งโบราณ หลังจากกินข้าวเย็นแล้ว ชาวบ้านจะนำกว่างไปชุมนุมกันตามทางแยกในหมู่บ้าน หรือศาลากลางหมู่บ้าน ใช้แสงสว่างจากการจุดตะเกียงน้ำมันก๊าซ แล้วจึงมีการเปรียบกว่าง คือการหาคู่ชนที่มีขนาดใกล้เคียงกัน เมื่อได้แล้วก็นำลงไม้คอนชนกัน มีการส่งเสียงเชียร์กันสนุก
 
ต่อมาในระยะหลังนิยมนำกว่างไปชนตามบ่อน ในบ่อนกว่างนั้นจะมีไม้คอนวางบนไม้ขาไขว่ โดยวางเดือยที่มีขนาดยาวประมาณ 6 ซม.ลงบนขาไขว่ทั้ง 2 ข้าง ขาไขว่สูงจากพื้นประมาณ 20 ซม. ระหว่างที่กว่างกำลังชนกัน ใช้มือจับปลายเดือยคอนหมุนไปซ้ายไปขวา ใช้ขาข้างละ 1 อันฝังดิน ส่วนขาข้างบนเจาะรูตรงกลางสำหรับสอดเดือยเข้าไป หมุนคอนไปซ้ายไปขวาได้ เจ้าของกว่างจะนำกว่างมาเปรียบกัน ให้มีขนาดรูปร่างความหนาความใหญ่ใกล้เคียงกัน เสร็จแล้วจะตกลงชนกัน มีการวางเดิมพันกันเล็กน้อย การชนจะปล่อยกว่างตรงกลางไม้คอน ซึ่งมีหลังของกว่างตัวเมียโผล่ออก กว่างจะเอาเขาสอดสลับเขากันเรียกว่า "คราม" กว่างตัวที่ฉลาดจะสอดเขาได้ดีกว่า จะหนีบและดันคู่ชนไปข้างหน้า ไปจนถึงขีดเครื่องหมายปลายคอน นับเป็น 1 คราม เจ้าของจะทำให้กว่างแยกกันก่อน แล้วนำมาชนกันใหม่ที่กลางคอน กว่างตัวใดที่เจ็บและมีความอดทนน้อยจะไม่ยอมสู้ โดยจะแสดงออกด้วยการถอยหลังไม่ยอมเข้าหากว่างคู่ชน จะถือว่าแพ้ แต่ถ้าครามกันจนครบ 12 หรือ 15 ครามแล้วแต่จะตกลงกัน ไม่มีกว่างตัวใดแพ้ จะยกเลิกถือว่าเสมอกันไป 


ปล่อยกว่าง
 

หลังจากกว่างเกิดออกจากดินมาประมาณ 3 เดือนแล้ว จะค่อยๆ หมดแรง อ่อนเพลีย จะไม่ดูดกินอ้อย ถ้านำไปชนกันก็ไม่ค่อยจะหนีบกัน เรียกว่าใกล้จะหมดอายุ ตามธรรมเนียมที่เคยทำกันมา เมื่อออกพรรษาแล้วจะนำกว่างตัวเมียมาให้ตัวผู้ผสมพันธุ์ มีกว่างตัวเมียอยู่กี่ตัวจะเอามาให้ตัวผู้ผสมพันธุ์ทุกตัว แล้วนำทั้งกว่างตัวผู้และตัวเมียไปใส่ไว้ในตะกร้าที่มีกล้วยอ้อย นำไปแขวนไว้ตามชายคาบ้านหรือใต้ต้นไม้ ตกกลางคืนกว่างทั้งหลายจะผสมพันธุ์กัน จากนั้นกว่างตัวเมียจะบินไปยังบริเวณที่เป็นเนินดิน แล้วขุดรูลงไปไข่ไว้ในดิน หลังจากวางไข่แล้วกว่างตัวเมียจะฝังตัวตายอยู่ ณ ที่นั้น ไข่จะฟักออกเป็นตัวหนอนและเป็นกว่างในปีต่อไป

ในปัจจุบัน มีการเล่นกว่างกันแบบผิดธรรมเนียม คือเมื่อเล่นการชนกว่างจนเบื่อแล้ว จะนำกว่างไปทอดไปจี่กินกัน จึงทำให้กว่างมีจำนวนน้อยลงทุกปี ในอนาคตกว่างอาจจะสูญพันธุ์ก็ได้ 
IP : บันทึกการเข้า
อะไร?ยังไง?
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 357


« ตอบ #22 เมื่อ: วันที่ 30 ตุลาคม 2010, 18:44:59 »

ต่อ อิอิ มากับฮูป ตกใจ
เครดิต http://www.oceansmile.com/N/Nan/Gwang.htm

กว่าง : นักสู้แห่งขุนเขาหรือศึกชิงนาง....?
   ชนกว่าง : เป็นการละเล่นพื้นบ้านของชาวล้านนาที่นิยมเล่นกันมาเป็นเวลานานแล้วจนกลายเป็นประเพณี แต่จะเริ่มเล่นกันมาตั้งแต่เมื่อใดนั้นไม่มีหลักฐานปรากฎ ปัจจุบันยังมีการเล่นกันอยู่แต่อาจจะไม่มากเท่ากับในอดีต
   การเล่นชนกว่างของชาวล้านนานิยมเล่นกันทั้งเด็กและผู้ใหญ่ เฉพาะในฤดูฝนคือประมาณเดือนสิงหาคมถึงตุลาคม พอออกพรรษาแล้วก็ค่อยๆเลิกราปล่อยกว่างกลับสู่ธรรมชาติ เพื่อสืบลูกสืบหลานเพื่อการเกิดใหม่ในปีหน้าตามวัฏจักรของมัน

   กว่าง : กว่างเป็นชื่อเรียกด้วงปีกแข็งชนิดหนึ่ง มี ๖ ขา กว่างบางชนิดมีเขา บางชนิดไม่มีเขา กว่างจะชอบกินน้ำหวานจากอ้อย กว่างบางชนิดไม่นิยมนำมาเลี้ยง บางชนิดนิยมเลี้ยงไว้ดูเล่น เช่น กว่างซาง กว่างงวง กว่างกิ กว่างกิอุ และกว่างอี้หลุ้ม
วงจรชีวิตของกว่าง

   กว่างมีวงจรชีวิตประมาณ 1 ปี คือช่วงต้นฤดูฝน ประมาณเดือนกรกฎาคม - สิงหาคม กว่างทั้งตัวผู้และตัวเมียจะขึ้นมาจากใต้ดิน เพื่อมาผสมพันธุ์และวางไข่ ซึ่งใช้วงจรชีวิตช่วงนี้ประมาณ 4 เดือน พอเข้าในฤดูหนาว กว่างตัวเมียหลังจากผสมพันธุ์ก็จะขุดดินแล้ววางไข่ ส่วนตัวเองก็จะตาย ไข่ก็ฟักเป็นตัวหนอน เป็นดักแด้อาศัยอยู่ใต้ผิวดินจนถึงต้นฤดูฝนก็จะขุดดินขึ้นมาผสมพันธุ์ดำรงค์ชีวิตสืบลูกหลานต่อไป
การจับกว่าง
   ตั้งแต่ปลายเดือนกรกฎาคม–ตุลาคม เป็นเวลาที่ชาวบ้านในสมัยก่อนมีเวลาว่าง เพราะข้าวที่ปลูกไว้กำลังตั้งท้อง เมื่อว่างจากการงาน ผู้ชายจะสนุกกับการเล่นชนกว่างกันทั้งเด็กและผู้ใหญ่ การหากว่างหาได้จากตามสุมทุมพุ่มไม้หรือป่าในเขตของหมู่บ้านที่มีต้นไม้เครือเถาขึ้นปกคลุม โดยเฉพาะในเวลาเช้าจะหาได้ง่ายกว่าเพราะกว่างยังไม่เข้าไปหลบอยู่ใต้

   อีกวิธีหนึ่งคือการตั้งกว่างหรือใช้กว่างล่อ โดยใช้กว่างที่มีขนาดเล็ก เช่น กว่างกิ กว่างแซม หรือจะใช้กว่างตัวเมียที่เรียกว่ากว่างแม่อีหลุ้มก็ได้ ผูกกว่างด้วยเชือกเส้นเล็กฟั่นจากฝ้ายโยงกับอ้อยที่ปอกครึ่งท่อน ใช้ไม้ขอเสียบส่วนบนหรือใช้กล้วยน้ำหว้าใส่ในตะกร้าเล็ก ๆ หรือในกะลา ผูกกว่างขนาดเล็กไว้เป็นกว่างล่ออยู่ข้างใน แล้วนำอ้อยหรือตะกร้าไปแขวนไว้กับกิ่งไม้ในตอนหัวค่ำ โดยหาทำเลที่เป็นชายป่าหรือในบริเวณที่ใกล้กับเนินดิน การแขวนไม่ให้สูงมาก ในตอนกลางคืน กว่างตัวล่อ จะบินมีเสียงดัง ดึงดูดให้กว่างที่บินเวลากลางคืนให้เข้ามาหาเพื่อติดกับโดยมีอ้อยที่เป็นอาหารที่ชอบหลอกล่ออยู่ ถ้าเป็นกว่างโซ้งก็นำไปเลี้ยงไว้เพื่อชนต่อไป ถ้าเป็นกว่างแซมก็เก็บไว้เป็นกว่างล่อ ถ้าเป็นกว่างตัวเมียที่เรียกว่ากว่างแม่อีหลุ้มก็เก็บใส่กระป๋องและใส่อ้อยข้างในเลี้ยงไว้เพื่อใช้ล่อให้กว่างตัวผู้ชนกัน
ชนิดของกว่าง

กว่างมีหลายชนิดเช่น

   กว่างก่อ กว่างชนิดนี้ชอบอาศัยอยู่ตามต้นไม้ก่อ ลักษณะเด่นชัดของกว่างชนิดนี้คือตามตัวมีขน มีความแข็งแรงและอดทนมากกว่ากว่างที่ใช้กันโดยทั่วไป ทำให้บางคนใช้กระดาษทรายมาขัดกว่างชนิดนี้แล้วนำไปชนกับกว่างชนซึ่งมักจะชนะทุกครั้ง โดยปกติแล้วกว่างก่อนี้ถือว่าเป็นกว่างป่าชนิดหนึ่งที่ไม่แพร่หลาย จึงไม่นิยมนำมาชนแข่งกัน

   กว่างกิ หมายถึงกว่างตัวผู้ที่มีเขาข้างบนสั้น(กิแปลว่าสั้น) เขาบนจะออกจากหัวออกมานิดเดียวกว่างกิจะต่อสู้หรือชนกันโดยใช้เขาล่างงัดกัน แต่ไม่สามารถใช้เขาหนีบคู่ต่อสู้ได้ จึงไม่นิยมนำมาใช้เป็นกว่างชน กว่างกิมี 2 ชนิดคือ กว่างกิขี้หมู และ กว่างกิทุ

กว่างกิ

   กว่างงวง : กว่างหน่อ กว่างงวงหรือกว่างหน่อคือด้วงงวงของภาคกลาง กว่างชนิดนี้ชอบกินหน่อไม้หรือยอดอ่อนมะพร้าวมีขนาดเล็ก สีดำ ตรงปากจะมีส่วนยื่นเป็นงวงและไม่มีเขากว่างชนิดนี้ไม่มีการนำมาเลี้ยงเพื่อชนกัน

   กว่างซาง : เป็นกว่างขนาดใหญ่ สีของปีกออกไปทางสีครีมหรือสีหม่นมีเขา 5 เขา ข้างบนมี 4 เขา เรียงกันจากซ้ายไปขวาข้างล่างมี 1 เขา ไม่นิยมนำมาชนกันเพราะอืดอาดไม่แคล่วคล่องว่องไว ชนไม่สนุก

กว่างซาง

   กว่างโซ้ง : กว่างโซ้ง ตัวผู้มีเขายาวและหนาทั้งข้างล่างข้างบน ลำตัวสีน้ำตาลแดงกว่า กว่างชนิดนี้มักจะส่งเสียง “ซี่ ๆ” ตลอดเวลา นิยมใช้ชนกัน

กว่างโซ้ง

   กว่างแซม : มีลักษณะคล้ายกับกว่างโซ้ง แต่ตัวเล็กกว่าเล็กน้อย เขาก็สั้นและเรียวเล็ก กว่างชนิดนี้เลี้ยงไว้เป็นคู่ซ้อมหรือให้เด็กๆเล่นกัน

   กว่างฮักหรือกว่างรัก : กว่างฮักนี้ตัวมีสีดำเหมือนสีของน้ำรัก รูปร่างและขนาดใกล้เคียงกับกว่างแซม กว่างชนิดนี้ไม่ค่อยใช้ชนกัน เพราะกล่าวกันว่าน้ำอดน้ำทนสู้ กว่างโซ้งไม่ได้ ดังที่ว่า “กว่างฮักน้ำใส ไว้ใจ๋บ่ได้”

   กว่างดอยหล่อ : ดอยหล่อเป็นชื่อหมู่บ้านหนึ่งตั้งอยู่ในเขตอำเภอดอยหล่อ จังหวัดเชียงใหม่ กว่างดอยหล่อมีชื่อเสียงในด้านความอดทนแข็งแกร่ง พูดกันว่าเป็นกว่างที่ผ่านความลำบากในการขุดหินขุดทรายขึ้นมา จึงมีความอดทนเป็นเลิศ เมื่อใครได้กว่างดอยหล่อมาเลี้ยงไว้ชน จึงมั่นใจได้ว่ามีกว่างที่ดีและอดทน เมื่อถึงฤดูเล่นกว่างมาถึง นักเล่นกว่างจึงแสวงหากว่างดอยหล่อมาเลี้ยง บางคนถึงกับเดินทางไปที่หมู่บ้านดอยหล่อเพื่อหากว่างชนดอยหล่อก็มี

   กว่างแม่อีหลุ้ม : คือกว่างตัวเมียซึ่งไม่มีเขา กว่างชนิดนี้บางแห่งเรียก กว่างแม่อู้ด,กว่างแม่มูดหรือ กว่างแม่อีดุ้ม กว่างตัวเมียนี้จะมีทั้งชนิดตัวเล็กและตัวใหญ่ มีทั้งสีน้ำตาลและสีดำ กินจุกว่ากว่างตัวผู้ ริมปากมีลักษณะเป็นฝาสำหรับขุด ซึ่งจะขุดอ้อยให้เห็นแอ่งเป็นขุยเห็นได้ชัด ปกติจะใช้กว่างแม่อีหลุ้มนี้เป็นตัวล่อให้กว่างตัวผู้ชนกัน กว่างตัวเมียนี้เมื่อผสมพันธุ์แล้วจะขุดรูลงดินเพื่อวางไข่แล้วจึงตาย

กว่างแม่อีหลุ้ม

   กว่างหนวดขาว : ลักษณะเหมือนกับกว่างโซ้ง แต่ต่างกันที่ตรงหนวดจะมีสีขาว เชื่อกันว่าเป็นพญากว่าง กว่างหนวดขาวนี้จะชนจะสู้กับกว่างทุกขนาด กว่างหนวดดำจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้เพราะเกรงกลัวอำนาจของพญา บางครั้งกำลังชนกันพอรู้ว่าเป็นพญากว่าง กว่างหนวดดำหรือกว่างธรรมดาก็จะถอดหนี คือไม่ยอมเข้าหนีบด้วย มีนักเล่นกว่างบางคนหัวใส เมื่อได้กว่งหนวดขาวมาก็พยายามยอมหนวดของกว่างให้เป็นสีดำเหมือนกับกว่างทั่วไป โดยใช้ยางไม้กับมินหม้อผสมกัน แต้มหนวดขาวให้เป็นดำเมื่อนำไปชนบางครั้งสีที่ย้อมหนวดหลุดออกอีกฝ่ายจับได้ว่าใช้กว่างหนวดขาวปลอมมาชน เกิดทะเลาะกันก็มี

   กว่างหาง : มีลักษณะคล้ายกับกว่างโซ่ง แต่ลำตัวมีสีน้ำตาลแดงหรือสีของน้ำครั่งกว่างชนิดนี้ใช้ชนได้เหมือนกันแต่โดยทั่วไปแล้วคนมักจะกล่ากันว่ากว่างหางจะไม่เก่งเท่ากว่างโซ้ง

การเลี้ยงกว่าง
   เมื่อได้กว่างโซ้งที่ถูกใจมาแล้ว นักนิยมกว่างจะเลี้ยงดูกว่างอย่างดีโดยหาอ้อยที่หวานจัดมาปอกเปลือกให้ ส่วนที่ตัวกว่างก็ใช้ด้ายสีแดงมาฟั่นยาวประมาณหนึ่งคืบมาผูกที่ปลายเขาด้านบนเพื่อกันกว่างบินหนี ที่โคนลำอ้อยมีตะขอกันไม่ให้จิ้งจกเลียตีนกว่าง เพราะถ้าจิ้งจกเลียตีนกว่างแล้ว กว่างจะเกาะคอนได้ไม่มั่นคง นอกจากนี้ก็จะต้องหมั่นฝึกซ้อม การฝึกนี้จะใช้ไม้สี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ปลายแหลมเรียกกันว่า “ไม้ผั่นกว่าง” เป็นอุปกรณ์ที่สำคัญ ตื่นนอนตอนเช้าก็จะนำกว่างไปออกกำลังคือให้บินโดยใช้เชือกผูกจากเขากว่าง กว่างก็จะบินวนไปวนมา เมื่อเห็นว่าออกกำลังพอสมควรแล้ว จะนำกว่างไป “ชายน้ำเหมย” คือนำกว่างไปราดใบข้าวที่เปียกน้ำค้างในตอนเช้า หรือบ้างก็เคี้ยวอ้อยแล้วพ่นน้ำหวานใส่กว่าง ทำอย่างนี้ทุกวันกว่างจะแข็งแรง
การชนกว่าง : อุกรณ์การชนกว่าง

   1.ไม้คอน คือ ท่อนไม้กลมที่เป็นสำหรับให้กว่างชนกันทำด้วยต้นปอหรือท่อนไม้ฉำฉา ยาวประมาณ 80–100 เซนติเมตร เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 10 เซนติเมตรตรงกลางเจาะรูสำหรับใส่กว่างตัวเมียจากด้านล่างให้โผล่เฉพาะส่วนหลังพอให้มี “กลิ่น” ส่วนด้านล่างใช้เศษผ้าอุดแล้วปิดด้วยฝาไม้ที่ทำเป็นสลักเลื่อนเข้าอีกทีเพื่อกันไม่ให้กว่างตัวเมียถอยตัวออก คอนชนิดนี้มีไว้สำหรับฝึกซ้อมให้กว่างชำนาญในการชน
   ไม้คอนอีกรูปร่างหนึ่งทำด้วยแกนปอ หรือไม้ชนิดอื่นก็ได้ที่เนื้อไม้ไม่แข็งมาก เส้นผ่าศูนย์กลบางประมาณ 10 เซนติเมตร ยาวประมาณ 50 เซนติเมตร ส่วนหัวและท้ายทำเป็นเดือย บางแห่งเดือยยาว 3 เซนติเมตร บางแห่ง 6 เซนติเมตร ตรงกลางด้านบนเจาะรูขนาด 2 เซนติเมตร ด้านล่างตัดเป็นปาก ยาวประมาณ 9 เซนติเมตร ตัดลึกเข้าไปประมาณครึ่งหนึ่งของไม้คอน มีสลักทำให้ถอดออกได้เป็นฝาปิด ส่วนที่เหลืออีกครึ่งเจาะเป็นโพรงเข้าไปหารูเล็กเพื่อเป็นช่องนำกว่างตัวเมียใส่ ให้หลังของกว่างตัวเมียโผล่ออกรูคอนด้านบน ด้านล่างอุดด้วยเศษผ้าแล้วใช้ฝาปิดไว้ แบ่งระยะจากรูตรงกลางออกไปข้างละเท่า ๆ กัน ทำรอยเครื่องหมายกั้นไว้ ไม้คอนจะใช้เป็นที่ฝึกกว่างหรือให้กว่างนี้ชนกัน


ไม้คอน

   2.ไม้ผั่น : ไม้ผั่นกว่าง : ไม้ผัด: ไม้แหล็ดหรือไม้ริ้ว ไม้ผัดนี้จะทำด้วยไม้จิงหรือไม้ไผ่ก็ได้มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณครึ่งเซนติเมตร ยาวประมาณ 8 เซนติเมตรลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมปลายบัวหรือปลายแหลม ส่วนโคนเหลาให้เล็กเป็นที่สำหรับจับถือตรงใกล้ที่จับนั้นจะบากลงและเหลาให้กลมแล้วเอาโลหะมาคล้องไว้อย่างหลวม ๆ เวลา “ผั่น” หรือปั่นให้ผั่นให้หมุนกับคอนนั้น จะมีเสียง“กลิ้ง ๆ”ตลอดเวลาไม้ผั่นนี้ใช้ผั่นหน้ากว่างให้วิ่งไปข้างหน้าเขี่ยข้างกว่างให้กลับหลังเขี่ยแก้มกว่างให้หันซ้ายหันขวา ถ้ากว่างไม่ยอมสู้ก็จะใช้เจียดแก้มกว่างให้ร้อนจะได้สู้ต่อไป ในขณะที่ต้องการให้กว่างคึกคะนองหรือเร่งเร้าให้กว่างต่อสู้กันนั้นก็จะใช้ไม้ผั่นนี้ การผั่นใช้นิ้วหัวแม่มือกับนิ้วกลางหมุนไปมากับคอนให้เกิดเสียงดัง
ลักษณะของกว่าที่จะนำมาชน

   ลักษณะกว่างโซ่งที่ดีนั้นต้องมีหน้ากว้าง กางเขาออกได้เต็มที่เขาล่างจะยาวกว่าเขาบนนิดหน่อยถ้าเขาล่างยาวกว่าเขาบนก็จะเรียกว่า “กว่างเขาหวิด” ถือว่าหนีบไม่แรงไม่แน่นกว่างชนที่ดีนั้นส่วนหัวต้องสูง ท้ายทอยลาดลงเป็นสง่า แต่ถ้าท้ายทอยตรงโคนเขาบนเป็นปมไม่เรียบ ถือว่าเป็นกว่างไม่ดี กว่างที่ดีต้องเป็นกว่างที่ฉลาดสอนง่าย
   ก่อนที่จะนำกว่างมาชนกันนั้น จะต้องนำกว่างมาเทียบขนาดและสัดส่วนที่เรียกว่า เปรียบคู่ กันเสียก่อน เมื่อตกลงจะให้กว่างของตนชนกันจริง ๆ แล้ว เจ้าของกว่างจะต้องขอกว่างของฝ่ายตรงกันข้ามมาตรวจดูเสียก่อนว่าไม่มีกลโกง
   ในการชนกว่างแต่ละครั้งมักจะมีการวางเดิมพันกันเพื่อความสนุกสนานมากยิ่งขึ้น กว่างที่ชนะก็ทำให้เจ้าของมีหน้ามีตา แต่ถ้ากว่างแพ้แล้วอยู่ที่เจ้าของว่าจะเลี้ยงต่อหรือปล่อยไปตามธรรมชาติ
ปล่อยกว่างคืนสู่ธรรมชาติ

   กว่างเมื่อได้เกิดออกจากดินมาเป็นเวลาประมาณ 3 เดือนแล้ว ก็ใกล้จะหมดอายุขัยแล้ว ตามธรรมเนียมที่เคยทำกันมา เมื่อออกพรรษาแล้วจะนำกว่างตัวเมียมาให้ตัวผู้ผสมพันธุ์ มีกว่างตัวเมียอยู่กี่ตัวก็จะเอามาให้ตัวผู้ผสมพันธุ์ทุกตัว แล้วนำทั้งกว่างตัวผู้และตัวเมียไปใส่ไว้ในตะกร้าที่มีกล้วยอ้อย นำไปแขวนไว้ตามชายคาบ้านหรือใต้ต้นไม้ ตกกลางคืนกว่างทั้งหลายก็จะผสมพันธุ์กันตามวิสัย แล้วกว่างตัวเมียจะบินไปสู่บริเวณที่เป็นเนินดินแล้วขุดลงไปไข่ไว้ในดิน หลังจากไข่แล้วกว่างตัวเมียก็จะฝังตัวตายอยู่ในที่นั้น ไข่ก็จะฟักออกเป็นตัวหนอนและเป็นกว่างในปีต่อไป
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 30 ตุลาคม 2010, 18:51:06 โดย Why Oh My » IP : บันทึกการเข้า
หน้า: 1 [2] พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!