เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 25 เมษายน 2024, 13:54:22
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  ศาสนา กิจกรรมทางวัด (ผู้ดูแล: ap.41, ลุงหนาน)
| | |-+  มิจฉาทิฏฐิ คืออะไร ลองอ่านดู และเชื่อหรือไม่
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: [1] พิมพ์
ผู้เขียน มิจฉาทิฏฐิ คืออะไร ลองอ่านดู และเชื่อหรือไม่  (อ่าน 36873 ครั้ง)
jirapraserd
magdafVE
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 693


« เมื่อ: วันที่ 07 สิงหาคม 2012, 10:53:17 »

มิจฉาทิฏฐิคืออะไร
รายละเอียด
มิจฉาทิฏฐิคือ ผู้ที่มีความเห็นผิดไปจากกฎธรรมชาติ คือผู้ที่ไม่เชื่อเรื่องสวรรค์มีจริง นรกมีจริง การกินเจแล้วได้บุญเป็นการโปรดสัตว์ (แต่คิดว่ากินเพื่อสุขภาพไม่ถือเป็นมิจฉาทิฏฐิ) ตายแล้วเป็นศุนย์ จะไม่กลับมาเกิดอีก บุญบาปไม่มี พ่อแม่ไม่มี เทวดาไม่มี โลกหน้าไม่มี พระอรหันต์ไม่มี พระพุทธเจ้าไม่มี คำสอนในพระไตรปิฏกไม่มี อย่างนี้เป็นต้น คนที่คิดในข้อความเหล่านี้ถือเป็นมิจฉาทิฏฐิทั้งสิ้น และเมื่อตนเองไม่เชื่อแล้วยังไม่พอ ยังนำเรื่องที่ตนเองคิดว่าเป็นอย่างนี้แล้ว ยังนำไปสอนคนอื่นให้หลงเชื่ออีก และก็มีผู้เชื่อตามที่บุคคลนั้นสอน บุคคลผู้สอนถือเป็นสุดยอดมิจฉาทิฏฐิอีก เมื่อเขาผู้นั้นได้ตายไปจากโลก จะไปเกิดในโลกัณฑ์ตนรก เป็นนรกที่อยู่ขอบจักรวาลเป็นนรกที่ไม่มีแสงสว่าง สิ้นแสงดาวทุกดวง จะได้เห็นแสง 1 ครั้งเมื่อบนโลกมนุษย์ได้อุบัติพระพทธเจ้า 1 องค์ เพียงชั่วฟ้าแลปเท่านั้น และผู้ที่เกิดในโลกันตนรกนี้จะมีผิวกายเป็นพังผืด เมื่อมองไม่เห็นกันในความมืด ถ้ามาแตะตัวโดนกันก็จะกินกันจนตาย แล้วก็กลับมาฟื้นใหม่ด้วยแรงกรรม เป็นอย่างนี้ 1 พุทธธันดร หรือ เปลี่ยนพระพุทธเจ้า 1 พระองค์ การที่คนเราเป็นมิจฉาทิฏฐินี้ เป็นเพราะบุญเขานั้นยังไม่เต็มจึงไม่มีโอกาสได้ฟังธรรมมะที่ถูกต้องได้ จึงต้องอฐิฐานอยู่เสมอให้ได้พบได้เจอได้ฟัง ธรรมมะของพระพุทธเจ้าเท่านั้น ทุกพบทุกชาติที่เกิดเป็นมนุษย์


*** องค์ประกอบของมิจฉาทิฏฐิ(ความเห็นผิดไปจากความเป็นจริง)(๑) ***

        มิจฉาทิฏฐิ คือความเห็นผิดไปจากความเป็นจริง เมื่อแยกบทแล้ว ได้ ๒ บท คือ

          มิจฉา     แปลว่า     วิปริต

          ทิฏฐิ      แปลว่า      ความเห็น

     เมื่อรวมกันแล้ว เป็นมิจฉาทิฏฐิ แปลว่าความเห็นที่วิปริต หมายถึง ความเห็นที่ผิดแผกไปจากความเป็นจริง     ดังวจนัตถะแสดงว่า

            มิจฺฉาปสฺสตีติ - มิจฺฉาทิฏฐิ

     แปลความว่า "ธรรมชาติใด ย่อมมีความเห็นที่วิปริตผิดไปจากความเป็นจริง ธรรมชาตินั้น ชื่อว่า มิจฺฉาทิฏฐิ"

    เรื่องมิจฉาทิฏฐินี้ พระพุทธองค์แสดงไว้อย่างกว้างขวาง มีสักกายทิฏฐิ ความเห็นผิดที่ยึดมั่นในขันธ์ ๕ ว่า เป็นเรา.

    สำหรับมิจฉาทิฏฐิในมโนทุจริตนี้ มุ่งหมายเอา"นิยตมิจฉาทิฏฐิ" ๓ ประการ อันเป็นมิจฉาทิฏฐิอย่างหยาบ ที่ให้สำเร็จเป็นอกุศลกรรมบทได้ ส่วนมิจฉาทิฏฐิอย่างอื่นนั้น เป็นเพียงทิฏฐิสามัญเท่านั้น

            นิยตมิจฉาทิฏฐิ ๓ ประการ คือ

    ๑. นัตถิกทิฏฐฺ  มีความเห็นว่า ทำอะไรก็ตาม ผลที่พึงได้รับนั้น ย่อมไม่มีความเห็นผิดชนิดนี้ จัดเป็นอุจเฉททิฏฐิด้วย คือ เห็นว่า สัตว์ทั้งหลายตายแล้วก็สูญไป ไม่มีการเกิดอีก ในสามัญผลสูตร แสดงความเห็นผิด ชนิดที่เป็น นัตถิกทิฏฐินี้ว่า ได้มาจากความเห็นผิด ๑๐ อย่าง คือ

     ๑. เห็นว่า   การให้ทานไม่ได้รับผลแต่อย่างใด

     ๒. เห็นว่า   การบูชาต่างๆ ไม่ได้รับผล

     ๓. เห็นว่า   การต้อนรับเชื้อเชิญไม่ได้รับผล

     ๔. เห็นว่า   การทำดี ทำชั่วไม่ได้รับผลแต่อย่างใด

     ๕. เห็นว่า   ผู้มาเกิดในภพนี้ไม่มี

     ๖. เห็นว่า    ผู้ไปเกิดในภพหน้าไม่มี

     ๗. เห็นว่า   คุณมารดาไม่มี

     ๘. เห็นว่า   คุณบิดาไม่มี

     ๙. เห้นว่า   สัตว์ที่ผุดเกิดเติบโตในทันที คือ สัตว์นรก เปรต เทวดา พรหม ไม่มี

    ๑๐. เห็นว่า  สมณะพราหมณ์ ที่รู้แจ้งโลกนี้ และโลกหน้าด้วยตนเอง และสามารถแนะนำชี้แจงสมณะพราหมณ์ ที่ถึงพร้อมความสามัคคี ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ นั้นไม่มี

     ผู้มีนัตถิกะทิฏฐินี้ มีความเห็น"ปฏิเสธผล" ซึ่งเท่ากับปฏิเสธอำนาจกุศล อกุศลเจตนาที่เป็นเหตุให้เกิดผลต่างๆด้วย

    ๒. อเหตุกทิฏฐิ คือผู้ที่มีความเห็นว่า สัตว์ทั้งหลายที่กำลังได้รับความลำบาก หรือความสบายก็ตาม ไม่ได้อาศัยเหตุใดๆ ให้เกิดขึ้นเลย เป็นไปเองทั้งนั้น ในสามัญผลสูตรแสดงว่า    ชนกเหตุ คือเหตุให้เกิด และอุปถัมภกเหตุ คือ เหตุช่วยอุปถัมภ์ ให้สัตว์ทั้งหลายมีความเศร้าหมอง ลำบากกาย ลำบากใจนั้นไม่มี สัตว์ทั้งหลายที่กำลังเศร้าหมองและลำบากอยู่นั้น ก็ไม่มีชนกเหตุ และอุปถัมภกเหตุแต่อย่างใด เหตุที่ทำให้สัตว์ทั้งหลายมีความบริสุทธิ์ หลุดพ้นจากความลำบากกาย ลำบากใจนั้นไม่มี และสัตว์ทั้งหลายที่มีความบริสุทธิ์ พ้นจากความลำบากกายใจได้นั้น ไม่เกี่ยวกับชนกเหตุ และอุปถัมภกเหตุแต่อย่างใด

     ผู้มีอเหตุกทิฏฐินี้ มีความเห็น"ปฏิเสธเหตุ"ไม่เชื่อว่ากรรมดี หรือกรรมชั่วที่สัตว์ทั้งหลายได้กระทำกันอยู่ทุกวันนี้ จะเป็นเหตุให้เกิดผลได้ ผู้ที่ปฏืเสธเหตุ เท่ากับเป็นการปฏิเสธเหตุ และผล ดังสามัญผลสูตร อรรถกถาว่า "ผู้ที่เห็นว่า ความสุขทุกข์ ของสัตว์ทั้งหลายนั้น ไม่เกี่ยวเนื่องมาจากเหตุ ก็เท่ากับว่า เป็นการปฏิเสธเหตุ และผล ไปพร้อมกันด้วย"

     ๓. อกิริยทิฏฐิ มีความเห็นว่า การกระทำต่างๆของสัตว์ทั้งหลายนั้น ไม่สำเร็จเป็นบาป บุญแต่ประการใด ในสามัญผลสูตรแสดงว่า

    ผู้ที่มีความเห็นผิดชนิดอกิริยทิฏฐิ เห็นว่า การทำดี ทำชั่วของสัตว์ทั้งหลาย จะทำเองก็ตาม ใช้ให้ผู้อื่นทำก็ตาม ไม่ได้ชื่อว่าเป็นบุญ บาป หรือฆ่สัตว์ด้วยตนเอง หรือใช้ให้ผู้อื่นทำก็ตาม ลักทรัพย์ด้วยตนเอง หรือใช้ให้ผู้อื่นลักทรัพย์ก็ตาม ไม่ได้ชื่อว่าเป็นบุญ บาป

     ความเห็นผิดชนิดอกิริยทิฏฐินี้  เป็นความเห็นที่ปฏิเสธกรรม อันเป็นตัวเหตุ ฉะนั้นจึงเท่ากับว่า ปฏิเสธผลของกรรมด้วย ดังในสามัญผลสูตร อรรถกถาแสดงว่า

     "เมื่อปฏิเสธการการทำบาป บุญที่เป็นตัวเหตุแล้ว ก็เท่ากับปฏิเสธผลของการทำบาป บุญนั้นด้วย"

     นิยตมิจฉาทิฏฐินี้ เป็นความเห็นผิดชนิดที่สามารถส่งผล ให้เกิดใน"นิรยภูมิ"อย่างแน่นอน แม้พระพุทธองค์ก็โปรดไม่สำเร็จ      (นิรยภูมิ - สัตว์นรก)

  (คัดจากหนังสือ พระอภิธรรมมัตถสังคหะ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 16 กันยายน 2012, 20:21:26 โดย jirapraserd » IP : บันทึกการเข้า

jirapraserd
magdafVE
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 693


« ตอบ #1 เมื่อ: วันที่ 07 สิงหาคม 2012, 17:24:26 »

xxx
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 16 กันยายน 2012, 20:22:40 โดย jirapraserd » IP : บันทึกการเข้า

samurai_ฅนเมือง
VIP
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,120



« ตอบ #2 เมื่อ: วันที่ 09 สิงหาคม 2012, 07:54:37 »

ก็มีสาระอยู่คับ สำหรับผู้แสวงหา
แต่วาจา คำพูดของ จขกท ค่อนข้างเสียดสีไปหน่อย
อ่านจบแล้วก็เป็นเพียงแนวที่จะนำไปปฏิบัตืเท่านั้นแหละคับ ไม่ได้ยึดเป็นหลักการที่จะนำไปปฏิบัติ
เพราะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสสอนชาวกาลามะถึงเรื่อง กาลามสูตร ไว้ว่า
อย่าเพิ่งเชื่อเพราะอ้างคัมภีร์หรือตำรา และก็ อย่าเพิ่งเชื่อเพราะผู้พูดผู้สอนเป็นครูบาอาจารย์ของตน
(สุดท้าย ก็ต้องขอขอบคุณ จขกท นะคับ ที่หาสิ่งดีๆ มาให้อ่าน มาให้ศึกษา)...พะนะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 16 กันยายน 2012, 19:55:47 โดย samurai_ฅนเมือง » IP : บันทึกการเข้า

หลายคนเรียนไม่จบแต่พบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ เพราะเป็นคนใฝ่เรียนรู้ด้วยตนเอง ปัญญาไม่ได้อยู่ในมหาวิทยาลัยแต่อยู่ในจิตใจที่ใฝ่รู้
jirapraserd
magdafVE
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 693


« ตอบ #3 เมื่อ: วันที่ 10 สิงหาคม 2012, 14:03:18 »

เข้าใจคำว่า "พระวินัย" หรือปล่าวครับ
IP : บันทึกการเข้า

samurai_ฅนเมือง
VIP
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,120



« ตอบ #4 เมื่อ: วันที่ 10 สิงหาคม 2012, 17:53:29 »

เข้าใจหรือไม่เข้าใจไม่รู้คับ แต่ที่แน่ๆ ได้อ่าน แล้วก็ได้ศึกษามา
พระวินัยปิฎกถือเป็นส่วนหนึ่งของพระไตรปิฎก ประมวลกฎข้อบังคับ เกี่ยวกับความประพฤติของเหล่าพระสงฆ์ ทั้งภิกษุและภิกษุณี
พระไตรปิฎกเล่มที่ 1 วินัยปิฎกที่ 1 มหาวิภังค์ ภาค 1
พระไตรปิฎกเล่มที่ 2 วินัยปิฎกที่ 2 มหาวิภังค์ ภาค 2
พระไตรปิฎกเล่มที่ 3 วินัยปิฎกที่ 3 ภิกขุนีวิภังค์
พระไตรปิฎกเล่มที่ 4 วินัยปิฎกที่ 4 มหาวรรค ภาค 1
พระไตรปิฎกเล่มที่ 5 วินัยปิฎกที่ 5 มหาวรรค ภาค 2
พระไตรปิฎกเล่มที่ 6 วินัยปิฎกที่ 6 จุลวรรค ภาค 1
พระไตรปิฎกเล่มที่ 7 วินัยปิฎกที่ 7 จุลวรรค ภาค 2
พระไตรปิฎกเล่มที่ 8 วินัยปิฎกที่ 8 ปริวาร
เดิมนั้น พระวินัยปิฎกแบ่งได้เป็น 3 หมวดใหญ่ ๆ ได้แก่
ภาค 1 สุตตวิภังค์
ภาค 2 ขันธกะ
ภาค 3 ปริวาร
ในภายหลังมีการแบ่งเป็น 5 ส่วน.....พะนะ
(ลืมบอกไป ว่าผมจบจากมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ คณะพุทธศาสตร์ เอกพระพุทธศาสนา เกียรตินิยม )  
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 16 กันยายน 2012, 21:47:12 โดย samurai_ฅนเมือง » IP : บันทึกการเข้า

หลายคนเรียนไม่จบแต่พบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ เพราะเป็นคนใฝ่เรียนรู้ด้วยตนเอง ปัญญาไม่ได้อยู่ในมหาวิทยาลัยแต่อยู่ในจิตใจที่ใฝ่รู้
samurai_ฅนเมือง
VIP
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,120



« ตอบ #5 เมื่อ: วันที่ 14 กันยายน 2012, 18:44:30 »

 ฮืม ลังเล ลังเล ฮืม
IP : บันทึกการเข้า

หลายคนเรียนไม่จบแต่พบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ เพราะเป็นคนใฝ่เรียนรู้ด้วยตนเอง ปัญญาไม่ได้อยู่ในมหาวิทยาลัยแต่อยู่ในจิตใจที่ใฝ่รู้
nantong
ปั๋น กั๋นฮู้ แล้วก่อยเอาไปกึ๊ดอ่าน กั๋น แหมกำ อาจมีผิดถูก ฯ
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,579



« ตอบ #6 เมื่อ: วันที่ 15 กันยายน 2012, 23:56:55 »




ผมกำลัง จะบอกว่า  การศึกษา พระศาสนา ควร  นำมาเกื้อหนุน ต่อการประพฤติ ปฎิบัติ เพื่อให้ได้ ผลแห่ง การปฎิบัติ คือ
 
          ปฎิเวธ


ครูบา อาจารย์ ว่า ทางโลก ไม่มีจบ    ทางธรรม มีจบ(นิพพาน)

 

ความรู้ ทาง พุทธศาสตร์ ดี ประเสริฐ   แต่  ต้องทำให้  เกิด  ผลสูงสุด   โดย การ นำไป  สู่  การ  กระทำ นำไป สู่  การหลุด โพ้น

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 13 ธันวาคม 2014, 20:13:31 โดย nantong » IP : บันทึกการเข้า

หนานขี้อู้หำยาน : นายจิราวัฒน์  โสรัจพงศ์เกษม / หนานธง   อีเมล : k e n g k a b h e n g @ g m a i l . c o m    มือถือ  081 777  51 76
samurai_ฅนเมือง
VIP
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,120



« ตอบ #7 เมื่อ: วันที่ 16 กันยายน 2012, 06:47:51 »

เป็นประโยคบอกเล่าใช่ไหมลุงหนาน สาธุเจ้าตนนี้จะได้ไม่ต้องต่อ  ยิ้ม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 16 กันยายน 2012, 06:54:31 โดย samurai_ฅนเมือง » IP : บันทึกการเข้า

หลายคนเรียนไม่จบแต่พบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ เพราะเป็นคนใฝ่เรียนรู้ด้วยตนเอง ปัญญาไม่ได้อยู่ในมหาวิทยาลัยแต่อยู่ในจิตใจที่ใฝ่รู้
jirapraserd
magdafVE
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 693


« ตอบ #8 เมื่อ: วันที่ 16 กันยายน 2012, 19:09:55 »

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม
IP : บันทึกการเข้า

samurai_ฅนเมือง
VIP
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,120



« ตอบ #9 เมื่อ: วันที่ 16 กันยายน 2012, 19:55:23 »

ใช่แล้วคับ สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม
สิ่งที่เราให้คนอื่น แท้จริงแล้วคือของที่เราฝากให้แก่ตนเองในวันข้างหน้า เช่น วันนี้เราด่าเขา วันข้างหน้าเราจะถูกเขาด่า วันนี้เราโกงเขา
วันข้างหน้าเราจะถูกเขาโกง วันนี้เราเนรคุณเขา วันข้างหน้าเราจะถูกเขาเนรคุณเช่นเดียวกับ การทำบาตรแตก ถ้วยแตก ชามแตก แก้วแตก
ยังดีกว่าทำให้คนแตกกันเนื่องเพราะวัตถุที่แตกแล้วสามารถประสานให้ดีดังเดิม ได้อย่างง่ายดาย แต่ถ้าคนแตกสามัคคีกันเป็นฝักฝ่ายแล้ว
บางทีทั้งชีวิตก็ไม่สามารถสนิทสนมกันได้อีก เพราะฉะนั้นเราควรทำความดีและปฏิบัติตามกรรมที่เราได้มาจากโลกก่อนมาใช้ในโลกแห่งการสมมตินี้ ให้ดีที่สุดคับ...พะนะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 16 กันยายน 2012, 20:03:52 โดย samurai_ฅนเมือง » IP : บันทึกการเข้า

หลายคนเรียนไม่จบแต่พบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ เพราะเป็นคนใฝ่เรียนรู้ด้วยตนเอง ปัญญาไม่ได้อยู่ในมหาวิทยาลัยแต่อยู่ในจิตใจที่ใฝ่รู้
full moon
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #10 เมื่อ: วันที่ 18 กันยายน 2012, 07:03:12 »

ผมไม่ค่อยรู้อะไร ?  ครับ
แต่สงสัยว่า 
ความคิดเห็นที่กำลังโพสท์ อยู่นี่เป็นสังขารขันธ์ใช่ไหม ?ครับ
ถ้าไปยึดติดอยู่กับความคิดเห็นอยู่อย่างนี้  เป็นมิจฉาทิฏฐิหรือเปล่าครับ ?
เห็นพระพูดบ่อย ๆ ว่า  อุปทานขันธ์ห้าเป็นทุกข์
IP : บันทึกการเข้า
nantong
ปั๋น กั๋นฮู้ แล้วก่อยเอาไปกึ๊ดอ่าน กั๋น แหมกำ อาจมีผิดถูก ฯ
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,579



« ตอบ #11 เมื่อ: วันที่ 18 กันยายน 2012, 17:39:16 »

มีคุณสมบัติ ที่ดี ๆ อย่างการเป็น  พระมหา 9 ประโยค  จบดอกเตอร์ เกียรตินิยม อันดับ 1 เป็น นักเทศน์  นักสวดเก่ง ๆ แถม เป็น พระปาติโมกข์ด้วยใน คน ๆ เดียวกันนี้

หากได้นำ  ความรู้ทางศาสนา นำไป  ทำ  ได้  จริง ๆ อย่าง  ที่ เรียน        พูด ได้  อย่าง ที่  ทำ           ทำ ได้  อย่าง  ที่  พูด         ย่อมประเสริฐ   สมควร ยกย่อง อย่างยิ่ง  น่าอนุโมทนายินดีด้วย         


ขอจง  อย่าเป็น  แบบ ผมหนานธง คือ คนที่เป็น  คนดี  แต่  ปาก

ลอง  อ่าน  กู  ดี  แต่  ปาก  นำเสนอโดย ท่านเมฆพัตร ห้องศาสนา นี่แหละ



สาธุ ครับ

หนานธง
  
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 13 ธันวาคม 2014, 20:19:08 โดย nantong » IP : บันทึกการเข้า

หนานขี้อู้หำยาน : นายจิราวัฒน์  โสรัจพงศ์เกษม / หนานธง   อีเมล : k e n g k a b h e n g @ g m a i l . c o m    มือถือ  081 777  51 76
nantong
ปั๋น กั๋นฮู้ แล้วก่อยเอาไปกึ๊ดอ่าน กั๋น แหมกำ อาจมีผิดถูก ฯ
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,579



« ตอบ #12 เมื่อ: วันที่ 13 ธันวาคม 2014, 20:27:21 »

ไหว้สา พระรัตนสาม ปัจเจกพุทธา มาตาปิตุปุพพการี ครุปิอาจาริโย สายบุญในจักรวาลฮอดอนันตจักรวาล

มิจฉาทิฏฐิ  ส่งผล เมื่อใด มีทางไปแน่นอน แค่ 2 ใน 4 อย่าง ของ อกุศลกัมมวิปาก  พระพุทธเจ้า ทรงบอก ว่า

ไปลงนรกนิรยังภูมิ ผุดเป็น สัตวนรก ได้กายทิพย์     หรือ 

ไปเกิดเป็น สัตวเดรัจฉาน ได้กายหยาบ ภูมิที่ซ้อนกับแดนมนุษย์โลกนี้นี่แหละ 

สาธุ



IP : บันทึกการเข้า

หนานขี้อู้หำยาน : นายจิราวัฒน์  โสรัจพงศ์เกษม / หนานธง   อีเมล : k e n g k a b h e n g @ g m a i l . c o m    มือถือ  081 777  51 76
naylex
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,993



« ตอบ #13 เมื่อ: วันที่ 13 ธันวาคม 2014, 21:40:59 »

เมื่อเห็นผิด คิดผิด
ความประพฤติก็ต้องผิด
เมื่อประพฤติผิดก็ดุจเดรัจฉาน
เมื่อความผิดนำสู่ปลายแห่งทุกข์ เมื่อตกทุกข์คือหนทางสู่นรก...

ขอบคุณท่าน จขกท. กระทู้ดีๆที่ควรศึกษาครับ

 ยิ้มกว้างๆ ยิ้มกว้างๆ ยิ้มกว้างๆ ยิ้มกว้างๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 14 ธันวาคม 2014, 08:48:03 โดย naylex » IP : บันทึกการเข้า

ปรารถนาสารพัดในปฐพี เอาไมตรีแลกได้ดั่งใจจง
nantong
ปั๋น กั๋นฮู้ แล้วก่อยเอาไปกึ๊ดอ่าน กั๋น แหมกำ อาจมีผิดถูก ฯ
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,579



« ตอบ #14 เมื่อ: วันที่ 14 ธันวาคม 2014, 21:24:45 »

ไหว้สา พระแก้วทั้งสาม ปัจเจกพุทธา มาตาปิตุปุพพการี ครุปิอาจาริโย สายบุญในจักรวาลฮอดอนันตจักรวาล

พระพุทธเจ้า ตรัสประมาณ ว่า มิจฉาทิฏฐิ มีทางไป 2 ทาง ได้แก่ สัตวเดรัจฉาน กับ สัตวนิรยัง อย่างแน่นอน   

ส่วนเปรตผู้หิวอาหาร จิตโลภมาก  กับ  อสุรกายผู้กระหายน้ำ จิตหวาดกลัว   เป็น ภพที่อกุศลเบาบางกว่ามิจฉาทิฏฐิ

ผู้นำหัวข้อนี้มาลง  ผมคาดเดา ว่า เขามีกุศลเจตนา ทำบุญกุศลด้วยธัมมทานที่ละเอียด  หาอ่านไม่ค่อยเจอ ตนพบเจอมาเลยเอามามาแบ่งปันกันให้ได้ความรู้ คือ ธัมมะ

ผู้เข้ามาหัวข้อนี้ เอาตามาอ่าน สมองมาคิด แค่ 2 สิ่งนี้ อันเป็นส่วนอวัยวะร่างกาย คือ รูปขันธ์ สรีระร่างกาย ผม ว่า มันยังไม่เพียงพอ      ต้องเอาจิต เอาใจ  มโนกัมม์ มารับธัมมะ ความรู้ ที่สื่อโดยอักษรสมัย อักขระพยัญชนะ สิ่งสมมุติ โลกจ๋าว่า

กัมม์ คือ การทำ ด้วยกาย  วาจา  ใจ อย่างหนึ่ง จนถึง สามอย่าง  มาจาก จิตใจ ที่เป็น ประธาน คือ หัวหน้า

จิตใจ คือ หัวหน้า  เป็น หัวหน้าดี ๆ มี    หัวหน้าเลว ๆ มี        หนานธง ก็มี จิตใจ คือ หัวหน้าทั้งดี ทั้งเลว เป็นอยู่คือIsAmAre คู่กับรูปกายนี้นี่ แหละ

สิ่งที่ดี ๆ เขาว่ามา บางที สังขารขันธ์ เรามันดันปรุงแต่งไม่ดี  จากของดี เลยกลายเป็น ของร้าย ไปจ้อย

อย่าง 7 ธันวา 57  ฝรั่งย้ายไปนั่งอยู่ข้างพระ บนรถไฟ  พระถามคำไทย  ฝรั่งตอบอังกฤษ ว่า ไอแอมไฟน์ I am  fine.     พระได้ยิน คิดว่า สังขาร คือ ความคิดปรุงแต่ง ว่า  โดนฝรั่งด่า ว่า ไอ้ฟาย คือ ไอ้ควาย

ฝรั่ง เลยโดน 3 ที มือตบ  จาก  พะนะ........................

หนานดูมาจาก ช่อง 3 สรยุทธ เรื่องเล่าเสาร์อาทิตย์ 14 ธันวา 57  ครับท่าน

สาธุ



IP : บันทึกการเข้า

หนานขี้อู้หำยาน : นายจิราวัฒน์  โสรัจพงศ์เกษม / หนานธง   อีเมล : k e n g k a b h e n g @ g m a i l . c o m    มือถือ  081 777  51 76
amilia
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 347



« ตอบ #15 เมื่อ: วันที่ 19 ธันวาคม 2014, 21:39:15 »

ใช่แล้วคับ สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม
สิ่งที่เราให้คนอื่น แท้จริงแล้วคือของที่เราฝากให้แก่ตนเองในวันข้างหน้า เช่น วันนี้เราด่าเขา วันข้างหน้าเราจะถูกเขาด่า วันนี้เราโกงเขา
วันข้างหน้าเราจะถูกเขาโกง วันนี้เราเนรคุณเขา วันข้างหน้าเราจะถูกเขาเนรคุณเช่นเดียวกับ การทำบาตรแตก ถ้วยแตก ชามแตก แก้วแตก
ยังดีกว่าทำให้คนแตกกันเนื่องเพราะวัตถุที่แตกแล้วสามารถประสานให้ดีดังเดิม ได้อย่างง่ายดาย แต่ถ้าคนแตกสามัคคีกันเป็นฝักฝ่ายแล้ว
บางทีทั้งชีวิตก็ไม่สามารถสนิทสนมกันได้อีก เพราะฉะนั้นเราควรทำความดีและปฏิบัติตามกรรมที่เราได้มาจากโลกก่อนมาใช้ในโลกแห่งการสมมตินี้ ให้ดีที่สุดคับ...พะนะ
ขอยืมนะครับ ชอบมากครับในท่อนท้าย
IP : บันทึกการเข้า
nantong
ปั๋น กั๋นฮู้ แล้วก่อยเอาไปกึ๊ดอ่าน กั๋น แหมกำ อาจมีผิดถูก ฯ
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,579



« ตอบ #16 เมื่อ: วันที่ 24 ธันวาคม 2014, 17:54:02 »

ไหว้สา  พระแก้วทั้งสาม ปัจเจกพุทธา มาตาปิตุปุพพการี ครุปิอาจาริโย สายบุญในจักรวาลฮอดอนันตจักรวาล

พระพุทธธัมมวินัย ความรู้ที่ดีงาม สะอาด บริสุทธิ์ ผุดผ่อง ของ  พระพุทธศาสดา  ที่มี ผู้ยกมาแบ่งปันกัน  แล้วมี ผู้รับ เอามาต่อ มีจิตใจแตกต่างกันไป  การทำความเข้าใจ  การตีความหมาย ก็ต่างกันไป   ทั้งๆ ที่ ธัมมะ นั้นก็อันเดียวกัน

พระพุทธเจ้า พระอริยเจ้า ผู้รู้ ครูอาจารย์ ผู้จดจำ ธัมมะความรู้ คำสอน ของ พระพุทธเจ้า  ท่านเปรียบธัมมะ เหมือนกับ เป็น  ของสะอาด  บริสุทธิ์  แต่  มีผู้เอาภาชนะ  ที่มีความ สะอาด สกปรก  ต่างกันไปรองรับ  สิ่งของ ที่ว่าสะอาดนั้น  ย่อม  มีสภาพผันแปรไป อันเป็น ผลสืบเนื่องมาแต่  ภาชนะ ที่นำไปรองรับ  ฯ

สาธุ  ครับ







« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 24 ธันวาคม 2014, 17:56:54 โดย nantong » IP : บันทึกการเข้า

หนานขี้อู้หำยาน : นายจิราวัฒน์  โสรัจพงศ์เกษม / หนานธง   อีเมล : k e n g k a b h e n g @ g m a i l . c o m    มือถือ  081 777  51 76
Kontae_ki
อนาคต..เราสร้างเองได้
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 399


ลูกชาวนา 100%


« ตอบ #17 เมื่อ: วันที่ 20 มกราคม 2015, 12:49:29 »


ธรรมะ เป็นของจริง ที่ไม่แข็งกระด้าง

จะปฏิบัติ อย่างไร ก็ขึ้นกับ จริต ของคน

คนชอบแบบไหน ไปแบบนั้น
IP : บันทึกการเข้า

หน้า: [1] พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!