อ่านแล้วต้องวิเคราะห์ต่อนะคะ...ไม่ใช่แค่ใช้ตัว translate ...
อ่านอย่างเดียวใครก็อ่านได้ แต่คิดต่อยอดด้วยว่ากรณีแบบนี้ ช่วยชาวนาหายใจได้ระยะสั้น
ระยะยาวเรามีผลกระทบแน่...ข้าวคุณภาพของเราเดี๋ยวนี้สูสีกับเวียดนาม อินเดีย แต่ราคาเราสูงกว่า
เราโดนแย่งส่วนแบ่งทางการตลาดไปจนเสียแชมป์...น่าคิด น่ากังวล น่าติดตาม
ใช่สักแต่อ่านแล้วผ่านไป
ผมว่าในระยะยาวดีนะคือ (จะอธิบายอีกรอบก็เอา)
ชาวนาพอมีกำไรกำลังซื้อสูงขึ้น ทั้งอุตสาหกรรมผลิตส่วนอื่น รถยนต์ น้ำปลา ตู้เย็น มียอดขายเพิ่มขึ้น ธุรกิจมวลรวมดีขึ้น เพราะเกษตรกรคือกำลังซื้อสำคัญ
แล้วเมื่อคนกลางมีบทบาทน้อยลง กำไรก็มีเหลือให้ชาวนา เข้ารัฐ ผมว่าเป็นอะไรที่ยอดมาก ที่ผ่านมา ไม่เคยได้ยินหรือ ว่าพ่อค้าคนกลางแสบแค่ใหน
คุณไม่เคยกินข้าวอินเดียกะเวียดนามหรอก มันคนละแบบ (คิดในใจ เคยไปเมืองนอกใหมเนี่ย...) ยิ่งข้าวออสเตเลีย อะเมริกา ไม่ต้องพูดถึง ไม่อร่อยหรอก เวียดนามข้าวเขาหักมากกว่าเรา อินเดียก็ข้าว บาสมาติ ไม่อร่อยเท่าเรา เราก้าวข้ามพ่อค้าคนกลาง domestic ก่อน เดี๋ยวก็จะก้าวข้าม Singapore middle man ไปได้ เพราะตลอดมา พวกเขาทำกำไรกับชาวนาไทย ทั้งๆ ข้าวสักต้นเขายังปลูกไม่เป็น ช่วงแรกๆ เขาจะหันไปหาของถูก แต่อย่าลืมนึกถึง demand ของ jasmine rice อีกหน่อยก็มาซื้อตรงกะรัฐบาลไทย ได้เงินเข้ารัฐอีก
ผมหวังว่า ที่เขียนมาจะพอเข้าใจ เพราะไม่อยากเขียนยาวมาก
ในส่วนของน้ำมัน ผมถามว่า รัฐบาลเขาคุม ปตท. ได้ใหม... หุหุ
อะ ตาคุณวิเคราะห์บ้าง
อ.สมพร อิศวิลานนท์ นักวิชาการอาวุโส สถาบันคลังสมองของชาติ ให้สัมภาษณ์พิเศษ"กรุงเทพธุรกิจ"วิพากษ์นโยบายจำนำข้าวหลังติดตามผลกระทบที่เกิดขึ้น โดยเตือนว่านโยบายดังกล่าวกำลังจะสร้าง "ความหายนะ" โดยแลกกับผลประโยชน์ทางการเมืองระยะสั้น
เขากล่าวว่า นโยบายรับจำนำข้าวกำลังจะสร้างความหายนะให้แก่โครงสร้างภาคเกษตรของไทย และสร้างภาระให้แก่งบประมาณจำนวนมหาศาลเนื่องจากรัฐต้องนำเงินไปใช้ในการจำนำ “นโยบายรับจำนำ หากราคาจำนำใกล้เคียงกับราคาตลาด จะช่วยเกษตรกรได้ แต่หากราคาจำนำสูงกว่าราคาตลาดมาก จะทำให้รัฐกลายเป็นผู้ซื้อรายเดียวในตลาด ซึ่งขณะนี้ใช้เงินไปแล้วกว่าแสนล้านบาท ซึ่งไม่รวมถึงค่าโกดัง ค่าเสื่อม ขณะที่เราใช้เงินรับจำนำเกวียนละ 15,000 บาท แต่เราส่งออกเกวียนละ 750 บาท ดังนั้นเราไม่เห็นภาพการขยายตัวของการส่งออก”
เขากล่าวว่า รัฐบาลอ้างว่าจะเก็บสต็อกเอาไว้ระบายออกในช่วงที่ราคาสูง โดยหวังว่าเมื่อรัฐบาลซื้อข้าวเก็บในสต็อกมากๆ แล้ว ข้าวในตลาดจะหายไปและจะทำให้ราคาสูง แต่ความเป็นจริงที่เกิดขึ้นคือราคาข้าวในตลาดโลกไม่ปรับขึ้นตามที่คาดไว้ แต่ปรับขึ้นระดับหนึ่ง หากรัฐบาลจะระบายก็จะขาดทุน
“ราคาข้าวที่เพิ่มขึ้นขณะนี้ ผู้ที่ได้ประโยชน์มากที่สุดคือประเทศผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ อย่างเวียดนาม ขณะที่ไทยยังเก็บสต็อกไว้ เพราะราคาจำนำสูงเกิน ระบายออกไม่ได้ นโยบายจำนำของไทยจึงเป็นการอุดหนุนราคาผู้ส่งออกข้าวรายอื่น ขณะที่ประเทศอื่นได้ประโยชน์จากราคาข้าวที่เพิ่มขึ้น”
เขากล่าวว่า ปีนี้ การส่งออกข้าว 5% เราสูญเสียตลาดไปแล้ว ที่ไทยยังส่งออกได้ขณะนี้คือข้าวนึ่ง ซึ่งเรากำลังเจอกับคู่แข่งใหม่คืออินเดีย
อัดคนในรัฐบาลไม่เข้าตลาดโลก
เขากล่าวว่า รัฐบาลหวังว่าราคาข้าวจะสูงกว่าราคาจำนำ แต่ความเป็นจริงไม่เป็นเช่นนั้น ซึ่งคนในรัฐบาลเข้าใจตลาดข้าวของโลกน้อยเกินไป เพราะความเป็นจริงแล้วผลผลิตข้าวในตลาดโลกออกทุก 3 เดือน เนื่องจากข้าวมีช่วงเก็บเกี่ยวสั้น เมื่อราคาข้าวเริ่มปรับขึ้น หลายๆ ประเทศก็เริ่มผลิตขึ้นมาส่งออก ทำให้เวลานี้มีผู้เล่นรายใหม่เข้ามาในตลาด
อย่างกรณีล่าสุด บราซิล กำลังเร่งขยายพื้นที่ผลิต แม้แต่ในเอเชียเองก็กำลังเร่งผลิตเช่นฟิลิปปินส์และอินโดนีเซีย ดังนั้นความหวังว่าราคาจะเพิ่มขึ้นโดยคิดว่าผลผลิตไม่เพียงพอนั้น "ไม่เป็นความจริง" การค้าข้าวของโลกปี 2554 มีประมาณ 35 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 3 ล้านตันจากปี 2553 ขณะที่การผลิตมีจำนวน 453 ล้านตันข้าวสาร และการบริโภค 448 ตันข้าวสาร หากประเทศผู้ผลิตรายใหญ่เพิ่มกำลังการผลิต ข้าวในตลาดก็จะราคาตกลง
“กรณีเดียวที่จะทำให้ข้าวราคาสูงกว่าราคาจำนำของรัฐบาลคือเกิดภัยแล้งรุนแรงทั่วโลกเท่านั้น”
หากราคาไม่ปรับขึ้นมากกว่าราคาจำนำ สิ่งที่จะเกิดขึ้นก็คือ รัฐบาลจำเป็นต้องระบายสต็อกออกในราคาที่ต่ำเพราะไม่สามารถเก็บสต็อกได้ ซึ่งถึงเวลานั้นจะขาดทุนมหาศาลจากนโยบายนี้
บิดเบือนโครงสร้างภาคเกษตร
นอกจากนี้ เขาบอกว่าเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางการเกษตรของไทย ซึ่งเป็นผลกระทบที่เกิดขึ้นระยะยาวและมองไม่เห็นระยะสั้น นั่นคือ นโยบายจำนำราคาสูง จำให้เกิดการบิดเบือนโครงสร้างการปลูกพืชในประเทศ เพราะเกษตรกรจะหันไปปลูกข้าวเนื่องจากได้ราคาดีกว่า
“นอกจากจะทำให้สต็อกข้าวยิ่งเพิ่มขึ้นแล้ว การหันไปปลูกข้าวเพิ่มขึ้น ก็เท่ากับว่าดึงปัจจัยการผลิตที่ใช้ปลูกพืชอื่นไปปลูกข้าว”
เขากล่าวว่า การบิดเบือนโครงสร้างเกษตรจากนโยบายรัฐบาลนี้เอง ทำให้พืชผลอื่นเริ่มหายไปจากท้องตลาดหรือให้ผลผลิตออกมาน้อย ขณะนี้คนไทยเริ่มซื้อผักผลไม้อื่นๆ ราคาแพงขึ้น และมีแนวโน้มที่แพงขึ้นเรื่อยๆ “ในระยะสั้น เป็นความสำเร็จของรัฐบาล แต่ระยะยาว จะกระทบราคาอาหารจะแพงขึ้น”
บีบรายเล็กออกจากระบบ
เขากล่าวว่า จากการลงพื้นที่หลายแห่งในพื้นที่ภาคกลาง พบว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงการใช้พื้นที่ของเกษตรกร และที่จะส่งผลกระทบมากยิ่งขึ้นก็คือ นโยบายรับจำนำเอื้อประโยชน์กับเกษตรกรรายใหญ่เท่านั้น และต่อไปจะเห็นว่าเกษตรกรที่เหลืออยู่เป็นเกษตรกรรายใหญ่หรือเป็นนักลงทุนที่เข้าไปลงทุนจากนโยบายรับจำนำ เพราะได้ผลตอบแทนสูง เนื่องจากต้นทุนอยู่ที่ 4,500 บาทต่อเกวียน ขณะที่ขายได้ 15,000 บาท ทั้งนี้ เกษตรกรรายเล็กเข้าถึงนโยบายจำนำไม่ได้ เนื่องจากต้องเสียค่าใช้จ่ายสูงในการขนส่ง ดังนั้น จึงเห็นว่ามีคนเดินใบประทวน หรือคนกลางรับซื้อจากเกษตรรายย่อยเพื่อมาส่งโรงสีที่เข้าโครงการจำนำ
“ขณะนี้เราเห็นว่าเกษตรกรรายย่อยถูกไล่ที่มากขึ้นเรื่อยๆ ต้องขายที่ดินให้รายใหญ่เข้ามาทำนาหรือขอเช่าที่ดิน เมื่อมีรายใหญ่มากขึ้นเรื่อยๆ ก็จะทำให้ค่าเช่านาสูงขึ้น ตอนนี้เราเห็นชัดแถวสุพรรณบุรี มี 'คนเดินนา' เป็นอาชีพรับจ้างการดูแลทำนาขนาดใหญ่”
กลไกตลาดพังพินาศ
เขายังกล่าวถึงกลไกตลาดข้าวในประเทศที่ใช้เวลาพัฒนามานานจะพังลง โดยเฉพาะธุรกิจโรงสีและตลาดกลางทางเกษตรที่เคยมีบทบาทสำคัญในการค้าข้าวของไทย ตลาดกลางค้าข้าวขนาดใหญ่ในพื้นที่ปลูกข้าวภาคกลางได้สูญหายไปพร้อมๆ กับการเกิดขึ้นของนโยบายอุดหนุนราคาของรัฐบาลตั้งแต่สมัย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เนื่องจากชาวนานำข้าวไปขายให้รัฐบาลจนไม่จำเป็นต้องพึ่งพาตลาดกลาง
“ตลาดกลางหลายแห่งหมดสภาพไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นตลาดข้าวกำนันทรง ที่นครสวรรค์ หรือกรณีตลาดสหกรณ์ศรีประจันต์ ที่เคยเป็นตลาดข้าวที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ขณะนี้กลายสภาพไปเป็นตลาดนัดขายของ”
นอกจากการสูญหายของตลาดกลางทางการเกษตรแล้ว ธุรกิจโรงสีก็จะสูญหายไปด้วย ยกเว้นโรงสีขนาดใหญ่ที่เข้าร่วมนโยบายจำนำของรัฐบาลเท่านั้น “หากกลไกตลาดไม่ดี ผลประโยชน์ก็จะตกอยู่กับคนบางกลุ่ม หากดูไม่ดี การทุจริตคอร์รัปชันก็จะตามมา ใครจะรับผิดชอบ”
เตือนบัตรเครดิต-พักหนี้สร้างปัญหา
เขายังกล่าวถึงนโยบายบัตรเครดิตเกษตรกรและนโยบายพักชำระหนี้ว่า เป็นตัวอย่างของความล้มเหลวนโยบายด้านเกษตรไทย นโยบายบัตรเครดิตมีส่วนดีทำให้ซื้อง่ายขายคล่อง แต่ปัญหาก็คือทำให้เกษตรกรพึ่งพาพันธุ์ข้าวและปุ๋ยเคมีมากขึ้น ซึ่งเสี่ยงอย่างมากเรื่องมาตรฐานของพันธุ์ข้าวและคุณภาพปุ๋ยเคมีที่เข้าร่วมโครงการ ขณะนี้เกษตรกรไทยมีปัญหามากเรื่องคุณภาพพันธุ์ข้าว หากเป็นสมัยก่อน เกษตรกรจะเลือกสายพันธุ์เอง คัดสายพันธุ์จากแปลงเพาะปลูก แต่เมื่อมีนโยบายจำนำ เกษตรกรก็ไม่สนใจพัฒนาคุณภาพ มุ่งแต่ปลูกเพื่อขายในราคาจำนำและใช้ปุ๋ยเคมีมากยิ่งขึ้นเพื่อเร่งผลผลิต “นโยบายบัตรเครดิตและพักหนี้ ทำให้เกษตรกรเข้าสู่ระบบจำนำมากยิ่งขึ้น จะส่งผลกระทบทั้งระบบ”
เชื่อรัฐไม่มีปัญญาขายข้าว
ผลกระทบสุดท้ายต่อระบบค้าข้าวของไทยคือผู้ส่งออก ซึ่งซื้อข้าวแข่งกับภาครัฐไม่ได้ เนื่องจากราคาจำนำสูงกว่าตลาดโลก ดังนั้นจะเห็นว่าแนวโน้มการส่งออกของไทยจะลดลง เนื่องจากรัฐบาลใช้องค์การคลังสินค้า (อคส.) เข้ามามีบทบาทแทน เขาเห็นว่า อคส.ไม่มีศักยภาพจำหน่ายข้าวในตลาดโลก และความสามารถมีไม่มากพอ อีกทั้งการระบายข้าวจากสต็อกรัฐจะล่าช้ามาก ซึ่งอาจส่งผลต่อการระบายข้าวจากสต็อกรัฐที่นับวันเพิ่มขึ้นตามฤดูเพาะปลูก เขาย้ำอีกว่า หากนโยบายนี้ล้มเหลว ประเทศไทยจะกลายเป็นประเทศยากจนยิ่งขึ้น เพราะรัฐจะนำเงินไปจำนำแต่ละปีจำนวนมหาศาล หากประเมินจากปีนี้กว่าแสนล้านบาท และหากใช้นโยบายนี้ 4 ปี ก็จะเป็นเงินกว่า 4 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นเงินมหาศาล “หากผลผลิตข้าวโลกสูงเพิ่มขึ้น เราจะเจ็บหนัก”
Tags : จำนำข้าว • สมพร อิศวิลานนท์