เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 29 มีนาคม 2024, 13:06:44
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  ศาสนา กิจกรรมทางวัด (ผู้ดูแล: ap.41, ลุงหนาน)
| | |-+  ผู้มีวาจาดูหมิ่นเหยียดหยาม สำคัญต่อผู้ปฏิบัติและไม่ปฏิบัติเอามาให้อ่านและพิจารณา
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: [1] พิมพ์
ผู้เขียน ผู้มีวาจาดูหมิ่นเหยียดหยาม สำคัญต่อผู้ปฏิบัติและไม่ปฏิบัติเอามาให้อ่านและพิจารณา  (อ่าน 2973 ครั้ง)
james_cr2001
midafXD
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 275


« เมื่อ: วันที่ 13 กรกฎาคม 2012, 11:45:54 »

คำถามในกระทู้นี้ก็คือ ถามว่า

คนที่ปรามาส
หรือใส่ร้ายพระอริยะบุคคล
(โสดาบัน, สกิทาคามี, อนาคามี และอรหันต์)

จึงได้รับผลอย่างไร ฮืม??
และเพราะเหตุใด ฮืม??
ขอบคุณ

**-----------------------------------**
ตถาคตเคยเป็นพราหมณ์  ชื่อโชติปาละ ได้เคยกล่าวกับ
พระพุทธเจ้านามว่ากัสสปว่า  การตรัสรู้เป็นของที่ไม่ได้มาโดยง่าย  ต้องได้มาโดยยาก
ท่านจะได้มาจากใต้ต้นโพธิ์ที่ไหนกัน   ด้วยผลกรรมนั้น   ตถาคตต้องบำเพ็ญทุกขกิริยา
อย่างทรามถึง 6 ปี    ต่อจากนั้นจึงได้ตรัสรู้ใต้ต้นโพธิ์  ตถาคตมิได้ตรัสรู้โดยง่ายใต้ต้นโพธิ์ได้แสวงหาโดยทางผิดถึง 6 ปี
เพราะผลกรรมเก่าที่ทำไว้กับ   พระพุทธเจ้ากัสสปนั้นแล
**-----------------------------------**

ประเด็นที่ 1
เรื่อง ผลของการปรามาส
หรือใส่ร้ายพระอริยะบุคคล
………………………………………………………………………..

แค่ปรามาสคนธรรมดาก็บาปอยู่แล้ว
ปรามาสอะไรก็ตามย่อมมีแต่โทษส่วนเดียว
การตำหนิติเตียนผู้อื่นด้วยโทสะล้วนเป็นอกุศลกรรม
การตำหนิติเตียนพระอริยบุคคล
ไม่ว่าเราจะรู้หรือไม่ก็ตาม
เรียกว่า "อริยุปวาท"

อริยุปวาท
มีโทษดังที่ปรากฏในอรรถกถาพระวินัยว่า
เป็น "มัคคาวรณ์ = ปิดกั้นมรรคผล นิพพาน"
และเป็น "สัคคาวรณ์ = ขวางกั้นไม่ให้ไปเกิดในสรรค์เทวโลก
(ไม่ว่าจะทำบุญกุศลมากมายเพียงใดก็ตาม)

พระอรรถกถาจารย์จึงกล่าวว่า
อริยุปวาท เป็นกรรมที่กระทำอันตราย
และมีโทษเสมอด้วยอนันตริยกรรม

ภิกษุกล่าวโทษพระอริยะ
พึงถึงความพินาศ ๑๐  อย่าง
คือ
ภิกษุนั้นไม่บรรลุธรรมที่ยังไม่บรรลุ  ๑
เสื่อมจากธรรมที่บรรลุแล้ว  ๑  
สัทธรรมของภิกษุนั้นย่อมไม่ผ่องแผ้ว  ๑  
เป็นผู้เข้าใจว่าตนได้บรรลุในสัทธรรมทั้งหลาย  ๑  
เป็นผู้ไม่ยินดีประพฤติพรหมจรรย์ ๑
ต้องอาบัติเศร้าหมองอย่างใดอย่างหนึ่ง   ๑  
ย่อมถูกโรคอย่างหนัก   ๑  
ถึงความเป็นบ้า  มีจิตฟุ้งซ่าน  ๑  
เป็นผู้หลงใหลกระทำกาละ  ๑  
เมื่อตายไปย่อมเข้าถึงอบาย  ทุคติ  วินิบาต  นรก  



ประเด็นที่ 2
เรื่อง ทำไม / สาเหตุ


การปรามาส
เกิดจากการกระทำตามอำนาจกิเลส
ในใจของเจ้าของ
คือตัวอติมานะตัวหนึ่ง  

………………………………………………

อติมานะ
ความหมาย
น. ความเย่อหยิ่ง, ความจองหอง. (ป.).
(พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน)

อติมานะ
คำแปล2
1.(มค. อติมาน) น. ความหยิ่ง, ความจองหอง, การถือตัวว่ายิ่งกว่าใครๆ, การดูหมิ่นคนอื่น.
2.คือดูหมิ่นผู้อื่น เห็นว่าเขาเลวกว่าตนไปเสียทุกแง่ทุกมุม ต้องแก้ด้วยรู้จักประมาณตน (เกี่ยวกับเรื่อง อุปกิเลส)
(พจนานุกรม ไทย-ไทย)

อุปกิเลส (อ่านว่า อุปะกิเหลด)
แปลว่า ธรรมชาติที่เข้าไปทำให้ใจเศร้าหมอง,
เครื่องทำให้ใจเศร้าหมอง
หมายถึง สิ่งที่ทำให้ใจเศร้าหมองขุ่นมัวไม่แจ่มใส
ทำให้ใจหม่นไหม้ ทำให้ใจเสื่อมทราม
กล่าวโดยรวมก็คือ
สิ่งที่ทำให้ใจสกปรก ไม่สะอาดบริสุทธิ์นั่นเอง
อุปกิเลส ท่านแสดงไว้ 16 ประการคือ
ความเพ่งเล็งอยากได้ไม่เลือกที่
ความพยาบาท
ความโกรธ
ความผูกเจ็บใจ
ความลบหลู่บุญคุณ
ความตีเสมอ
ความริษยา
ความตระหนี่
ความเจ้าเล่ห์
ความโอ้อวด
ความหัวดื้อถือรั้น
ความแข่งดี
ความถือตัว
ความดูหมิ่น
ความมัวเมา
ความประมาทเลินเล่อ
อุปกิเลส ทั้ง 16 ประการนี้
แม้ประการใดประการหนึ่งเมื่อเกิดขึ้นในใจแล้ว
ก็จะทำให้ใจสกปรกไม่ผ่องใสทันที
และจะส่งผลให้เจ้าของใจหมดความสุขกายสบายใจ
เกิดความเร่าร้อน หรือเกิดความฮึกเหิมทะนงตัว
เต้นไปตามจังหวะที่อุปกิเลสนั้นๆ บงการให้เป็นไป

………………………………………………………………

อุปกิเลสเครื่องเศร้าหมองของจิต
ธรรมเครื่องเศร้าหมองของจิต สิบหกอย่าง ได้แก่
อภิชฌาวิสมโลภะ (ละโมบไม่สม่ำเสมอ คือความเพ่งเล็ง)
พยาบาท (ปองร้ายเขา)
โกธะ (โกรธ)
อุปนาหะ (ผูกโกรธไว้)
มักขะ (ลบหลู่คุณท่าน)
ปลาสะ (ยกตนเทียบเท่า)
อิสสา (ริษยา)
มัจฉริยะ (ตระหนี่)
มายา (มารยา)
สาเฐยยะ (โอ้อวด)
ถัมถะ (หัวดื้อ)
สารัมภะ (แข่งดี)
มานะ (ถือตัว)
อติมานะ (ดูหมิ่นท่าน)
มทะ (มัวเมา)
ปมาทะ (เลินเล่อ)

…………………………………………………….

มิจฉาทิฏฐิ 10
1.นตฺถิ  ทินฺนํ        เห็นว่าทานที่ให้ไม่มีผล
2.นตฺถิ  ยิฏฺฐํ        เห็นว่าการบูชาไม่มีผล
3.นตฺถิ  หุตํ        เห็นว่าการสักการะไม่มีผล
4.นตฺถิ  สุกทุกฺกฏานํ  กมฺมานํ  ผลํ  วิปาโก        เห็นว่าไม่มีผล     แห่งกรรมดี-กรรมชั่ว
5.นตฺถิ  อยํ  โลโก        เห็นว่าไม่มีโลกนี้
6.นตฺถิ  ปรโลโก        เห็นว่าไม่มีโลกอื่นหรือชาติหน้า
7.นตฺถิ  มาตา        เห็นว่าพระคุณของแม่ไม่มี
8.นตฺถิ  ปิตา        เห็นว่าพระคุณของพ่อไม่มี
9.นตฺถิ  สตฺตา  โอปปาติกา        เห็นว่าไม่มีสัตว์ที่จะผุดเกิด  เชื่อว่าตายแล้วสูญ        
10.นตฺถิ  โลโก  สมณพฺราหฺมณา  สมฺมาปฎิปนฺนา  
 เห็นว่าไม่มีสมณพราหมณ์ผู้ปฏิบัติจนบรรลุมรรผลเป็นพระอริยะ
สรุปสาเหตุ
ก็คือ เกิดจากกิเลสที่ชื่อว่าอติมานะ
และมิจฉาทิฎฐิ
ของคน ๆ นั้น
นั่นเอง
**---------------------------------------------**

ประเด็นที่ 1 เรื่อง
อะไรคือผลของการปรามาส
หรือใส่ร้ายพระอริยะบุคคล ฮืม??

การตำหนิติเตียนพระอริยบุคคล
ไม่ว่าเราจะรู้หรือไม่ก็ตาม
เรียกว่า "อริยุปวาท"

อริยุปวาท มีโทษ เป็น
"มัคคาวรณ์ = ปิดกั้นมรรคผล นิพพาน
และเป็น
"สัคคาวรณ์ = ขวางกั้นไม่ให้ไปเกิด
ในสรรค์เทวโลก

ประเด็นที่ 2 เรื่อง
ทำไม / สาเหตุ ฮืม??
สรุปสาเหตุ
ก็คือ เกิดจากกิเลสที่ชื่อว่าอติมานะ
และมิจฉาทิฎฐิ
ของคน ๆ นั้น นั่นเอง

ประเด็นที่ 3 เรื่อง
ทำไมคนที่ปรามาสหรือให้ร้าย
พระอริยะสงฆ์หรืออริยบุคคล
จะได้รับผลร้ายที่รวดเร็ว และรุนแรง ฮืม??

คำตอบก็คือ
คนที่ปรามาสนั้นเปรียบเหมือนกับ
เป็นคนขับรถกำลังหลงทาง
ในขณะที่ฝนตกหนักในยามค่ำคืนเดือนมืด
บนถนนที่เป็นหลุมเป็นบ่อ
ถ้าล้อรถไปตกหลุมเล็ก ๆ ก็ไม่เป็นอะไรนัก
แต่การปรามาสพระอริยะนั้น
ก็เหมือนกับล้อรถไปตกหลุมใหญ่ ๆ ลึกมาก ๆ
ยิ่งถ้าปรามาสพระพุทธเจ้าละก็
เหมือนกับรถทั้งคันร่อนลงหน้าผาไปเลย
ฉะนี้แล
(หมายเหตุ คำเฉลยประเด็นที่ 3 นี้
ไม่มีที่อ้างอิงในพระไตรปิฎก
เพราะเป็นการเปรียบเทียบเชิงประยุกต์
เพื่อให้คนอ่านเข้าใจง่ายเท่านั้น)

**----------------------------------------------**

ใครจะเป็นหรือไม่เป็นพระอริยะสงฆ์ หรือ อริยะบุคคล ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเรา
ถ้าเราไม่พูดดูถูกดูแคลนหรือดูหมิ่นเหยียดหยาม ก็ถือ ว่าเสมอตัว

แต่ถ้าเราไ้ด้กระทำไปแล้ว มีแต่เสียกับเสีย เราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าใครเป็นหรือไม่เป็น
คนที่อยู่ใกล้ตัวเรา หรือคนในบ้านเราอาจจะเป็นอริยะบุคคลก็ได้

แต่ถ้าเราได้ทำลงไปแล้ว และท่านผู้นั้นยังอยู่ หรือตามหาเจอ ก็ขอขมาต่อท่านได้
แต่ถ้าท่านไม่อยู่ หรือหาไม่เจอแล้ว อะไรจะเกิดขึ้นครับ

อนันตริยกรรม คือ กรรมหนัก,กรรมที่เป็นบาปหนักที่สุด

**-----------------------------------------------**
อริยูปะวาท แปลว่า ผู้มีวาจาดูหมิ่นเหยียดหยาม จัดเป็น อนัตริยกรรม

**------------------------------------------------**

กรรมที่ส่งผลอันดับแรกตอนตาย ก็คือ อนันตริยกรรม


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 13 กรกฎาคม 2012, 12:32:31 โดย james_cr2001 » IP : บันทึกการเข้า

teerapat555
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 121



« ตอบ #1 เมื่อ: วันที่ 13 กรกฎาคม 2012, 13:04:38 »

 ยิ้ม เมื่อท่านอยู่ในผ้าเหลืองไม่ควรกล่าวให้ร้ายแม้ท่านจะปฎิบัติหรือไม่ปฎิบัติก็ตาม...บาปทั้งนั้น
IP : บันทึกการเข้า
teetee2011
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 664


« ตอบ #2 เมื่อ: วันที่ 28 กรกฎาคม 2012, 16:06:57 »

นักปฏิบัติท่านไม่ได้สนใจเรื่องนี้อยู่แล้ว  เพราะท่านไม่มีคำว่า ฉัน (ตัวกู)  และคำว่าอยาก  อยู่แล้ว ต่อให้ให้ใครจะใช้เครื่องไมโครโฟนกี่ร้อยวัตต์ก็ตามย่อมไม่สทกสท้านกับสิ่งเหล่านี้ที่เข้ามากระทบ  นอกจากพระะอรหันต์ (กลับ) เท่านั้น
IP : บันทึกการเข้า
nantong
ปั๋น กั๋นฮู้ แล้วก่อยเอาไปกึ๊ดอ่าน กั๋น แหมกำ อาจมีผิดถูก ฯ
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,579



« ตอบ #3 เมื่อ: วันที่ 17 พฤศจิกายน 2012, 20:26:10 »




สาธุ ครับ       ผ ม ข อ อ นุ โม ท น า บุ ญ          ใน  ธรรมทาน  นี้[/size]
IP : บันทึกการเข้า

หนานขี้อู้หำยาน : นายจิราวัฒน์  โสรัจพงศ์เกษม / หนานธง   อีเมล : k e n g k a b h e n g @ g m a i l . c o m    มือถือ  081 777  51 76
หน้า: [1] พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!