ถ้าสนใจ ติดต่อสอบถามราคาได้ค่ะ
สุดยอดยางพารายุคปี 2011
RRIM 3001
เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด ของศูนย์วิจัยยาง มาเลเชีย (MRB)
ความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีวิศวกรรมพันธุศาสตร์ในการโคลนนิ่งพันธุ์พืชแบบสั่งได้ ซึ่งสามารถถอดรหัสพันธุกรรมที่ดี ที่ต้องการมาใส่ไว้ในต้นเดียวกัน ประหยัดเวลาได้มากกว่าเทคนิคการผสมข้ามแบบเก่า ที่ต้องใช้เวลามากในการคัดสรรต้นที่ดีที่สุดให้ได้ ต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 30 - 40 ปี และไม่สามารถคาดหวังสิ่งที่เราต้องการได้มากนัก แต่ด้วยเทคโนโลยีทำให้ย่นเวลาเริ่มกรีดยางเร็วขึ้น (อายุครบ 4 ปี) ได้ตามสิ่งที่มุ่งหวังเข้าสู่เป้าหมายอย่างตรงจุดที่สุด กับยางพาราพันธุ์ อาร์ อาร์ ไอ เอ็ม 3001 (kati 1, clone 1 malaysia)
RRIM 3001 เป็นยางใหม่เปิดตัวเมื่อ 13 สิงหาคม 2009 โดยรองนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย Tan Sri Muhyiddin Yassin ระหว่างพิธีเปิดของมาเลเซีย International Commodity และการประชุม Showcase 2009 (MIC COS 2009)
CLONE 1 MALAYSIA
A new rubber clone was launched on 13 August 2009 by the Deputy Prime Minister of Malaysia, Tan Sri Muhyiddin Yassin, during the opening ceremony of the Malaysian International Commodity and Conference Showcase 2009 (MICCOS 2009)
Named Clone 1Malaysia, the RRIM 3001 clone developed by the Malaysian Rubber Board has the following characteristics:
1. rapid growth rate and tappable in 4 years after planting thus reducing the immaturity period
2. the potential latex production is up to 3000kg per hectare per year
3. posses a wide girth and straight bole with 2.0 cubic metre of wood volume per tree after 15 years of planting.
4. Disease resistance
Clone 1Malaysia is therefore high in the production of latex and timber enabling rubber growers to increase their income. It is suitable for planting on a commercial basis including for the rubber forest plantation programmes.
พัฒนาโดยคณะกรรมการยางมาเลเซีย ซึ่งมีลักษณะดังต่อไปนี้
1. กรีดได้ใน 4 ปีหลังปลูก ช่วยลดระยะเวลา ให้สั้นลงได้มากกว่าครึ่งของยางพันธุ์เก่าๆ เป็นยางลูกผสมของยางซีรีย์ 2000 ที่มีลักษณะโตเร็ว ให้น้ำยางดี การเติบโตทางลำต้นที่ดีกว่า เร็วกว่า ทำให้ถึงขนาดเปิดกรีดได้ในเวลาที่สั้นลง ถ้ามีการดูแลดี บำรุงรักษาดี ดินดี ภายในเวลา 3.5 ปี ก็สามารถเปิดกรีดได้แล้ว ระบบรากลึก หาอาหารเก่ง ทนทานต่อสภาพน้ำท่วมขัง และทนทานต่อความแห้งแล้งได้ดีระดับปานกลาง
2. ให้ผลผลิตน้ำยางที่มีศักยภาพไม่ต่ำกว่า 500 กก./ไร่/ปี คุณภาพน้ำยางดี เหมาะสำหรับอุตสาหกรรมยางทุกชนิด ปริมาณน้ำยางเพิ่มขี้นตามขนาดต้นที่โตอย่างต่อเนื่อง อาจถึง 600 กก./ไร่/ปี ในปีเปิดกรีด (4 ปีเต็ม) และยังจะเพิ่มขึ้นได้อีก
3. เส้นรอบวงกว้างและลำต้นตรง ให้เนื้อไม้ 2.0 ลูกบาศก์เมตรต่อต้น หลังจาก 15 ปีการเพาะปลูก ให้เนื้อไม้ที่มีคุณภาพ เหมาะสำหรับอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ เป็นที่ต้องการมากของตลาดไม้ยางพารา
4. ความต้านทานโรค ต้านทานโรคใบร่วงจากเชื้อไฟทอปเทอร่า และโรคยอดหงิกจากเชื้ออออิเดี้ยม ได้ดีในระดับปานกลาง แต่ในระยะต้นกล้าควรดูแลเป็นพิเศษ
PB 350
PB 350 มาเลเซีย สายพันธุ์นี้ถูกพัฒนามาจากสายพันธุ์ 600 เดิม ซึ่งโครงสร้างต้นทั้งหมดจะอยู่ในรูปแบบของไม้ซุงลักษณะใบจะคล้ายๆ กับ RRIM 600 แต่ลำต้นจะมีขนาดใหญ่กว่าเมื่ออายุ 4 ปี
เราสามารถสังเกตถึงความแตกต่างโดยสิ้นเชิง ข้อดีของยางพาราสายพันธุ์ PB 350 นี้คือ
1. PB 350 แก้ปมด้อยของสายพันธุ์ RRIM 600 ทั้งหมด เช่น ทนต่อการติดเชื้อราที่มาจากทางดินและทางอากาศได้ดีมาก หลายเท่าตัว เช่น เชื้อราไฟทอปเธอร่า เป็นต้น
2. PB 350 สายพันธุ์นี้ถูกพัฒนาเพื่อให้สามารถอยู่ได้ในสภาพพื้นที่ที่แล้งหรือขาดน้ำได้ดีในระดับหนึ่ง ซึ่งสายพันธุ์นี้จะมีอัตราอยู่รอดดีกว่าสายพันธุ์ RRIM 600 ถึง 3 เท่า เนื่องจากโครงสร้างลำต้นทั้งหมดจะอยู่ในลักษณะของไม้ซุง ซึ่งภาษาท้องถิ่นมาเลเซียเรียกว่า Klon Balak หรือ โคลนนิ่งไม้ซุงนั่นเอง
3. PB 350 มีระบบรากแก้วที่ยาวกว่า สายพันธุ์ RRIM 600 ถึง 3 เท่า ทำให้การหล่อเลี้ยงธาตุอาหาร ของท่ออาหารและน้ำ Sylem และ Ploem มีเส้นผ่าศูนย์กลางขนาดใหญ่ และระบบรากสามารถเดินหาอาหารได้ลึกและไกลกว่าสายพันธุ์ RRIM 600
4. PB 350 หน้ายางนิ่ม ไม่หนาและไม่บางจนเกินไป ข้อดี ไม่ทำให้เกิดภาวะหน้ายางตาย หรือหน้ายางแตก
5. ในสภาวะ ดิน ฟ้า อากาศ ที่เหมาะสม PB 350 นี้ สามารถเปิดหน้ายางได้เพียงแค่ปีที่ 5 เท่านั้น จะเร็วกว่าสายพันธุ์ RRIM 600 ถึง 2 ปี ทำให้เกษตรกรประหยัดเวลามากยิ่งขึ้น
6. PB 350 โตไว โตเร็ว ลักษณะโดยกายภาพแล้ว จะให้ขนาดความใหญ่ลำต้น ปีละ 2 นิ้ว หรือ 4 ปี 8 นิ้ว หรือ 50 เซนติเมตรรอบวงนั่นเอง
7. ช่วงอายุการให้ผลผลิตสามารถให้ผลผลิตได้ถึงปีที่ 40 จากการวิจัยสายพันธุ์ PB 350 จะชะลอให้หรือคงที่ Stable เมื่ออายุต้นอยู่ปีที่ 35 เป็นต้นไป
8. การให้ผลผลิต จากข้อมูลขององค์กรพัฒนาสายพันธุ์ยางพาราแห่งมาเลเซีย หรือ (Lembaga Getah Malaysia, LGM) สามารถให้ผลผลิตถึง 450 กิโลกรัม/ไร่/ปี (6 เดือน)
9. การพัฒนาความเข้มข้น (intensity) ของน้ำยาง PB 350 อยู่ที่ 38-40% คำนวณจากเปอร์เซ็นน้ำยางแห้ง ถือว่าอยู่ในเกณฑ์สูงสุด
10. PB 350 สามารถปลูกได้ในที่เนินเขาความชันไม่เกิน 30 องศา และพื้นที่ราบลุ่ม
ความเห็นส่วนตัวนะครับ
ผมเคยคุยกับนักวิชาการของศูนย์วิจัยยาง เรื่องยางพันธุ์ใหม่ของมาเลเซีย ว่าในสภาพพื้นที่ปลูก คือประเทศมาเลเซีย มีปริมาณน้ำฝนตกมากกว่า3000 มิลลิเมตรต่อปี สภาพดังกล่าวจึงเอื้ออำนวยให้ยางซีรี่ย์2000ของมาเลย์ปลูกแล้วกรีดได้ไว การปรับปรุงพันธุ์ยางต้องใช้เวลา กว่า 20 ปีขึ้นไปจึงจะได้พันธุ์ใหม่ออกมา แล้วปลูกทดสอบในสภาพพื้นที่เป้าหมายจริงเช่นพันธุ์ใหม่ของไทยคือ RRIT 408(เฉลิมพระเกียรติ984) ได้ปรับปรุงโดยศูนย์วิจัยยางฉะเชิงเทรา ซึ่งมีสภาพพื้นที่แห้งแล้งที่สุด เหมาะกับสภาพพื้นที่ ภาคอิสานละเหนือของไทย