เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 28 มีนาคม 2024, 16:18:28
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  ศาสนา กิจกรรมทางวัด (ผู้ดูแล: ap.41, ลุงหนาน)
| | |-+  ฟังสวดมนต์ธรรมจักรฯ ครับ
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: [1] พิมพ์
ผู้เขียน ฟังสวดมนต์ธรรมจักรฯ ครับ  (อ่าน 4071 ครั้ง)
Unlimited แหล...
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,919



« เมื่อ: วันที่ 19 มิถุนายน 2012, 21:04:59 »

ตามลิงค์เลยครับ

http://www.youtube.com/watch?v=N3OPZlL29R0&feature=share
IP : บันทึกการเข้า

** We Are The Result Of What We Were And We Will Be The Result Of What We Are. ** (Lord Buddha)
@เชียงแสน
สมาชิกลงทะเบียน
ระดับ ป.ตรี
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,359


..ทุกลมหายใจคือการเปลี่ยนแปลง..


« ตอบ #1 เมื่อ: วันที่ 19 มิถุนายน 2012, 21:07:20 »

ชอบความหมายของบทสวดเท่าที่เคยเรียนมา ในบทสวดนี้

"ความไม่สบายกาย ความไม่สบายใจ ความคับแค้นใจ ก็เป็นทุกข์"

"ความเกิด ความแก่ ความเจ็บ ความตาย ก็เป็นทุกข์"



IP : บันทึกการเข้า
Unlimited แหล...
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,919



« ตอบ #2 เมื่อ: วันที่ 19 มิถุนายน 2012, 21:49:27 »

ชอบความหมายของบทสวดเท่าที่เคยเรียนมา ในบทสวดนี้

"ความไม่สบายกาย ความไม่สบายใจ ความคับแค้นใจ ก็เป็นทุกข์"

"ความเกิด ความแก่ ความเจ็บ ความตาย ก็เป็นทุกข์"





ครับท่าน....ฟังแขกสวดมนต์แล้วรู้สึกว่าเหมือนได้ฟังบทสวดอยู่ต่อหน้าพระพุทธเจ้าเลย  ดนตรีประกอบก็เพราะดีครับ ทำให้ใจสงบได้เยอะเลย  ยิ้มเท่ห์
IP : บันทึกการเข้า

** We Are The Result Of What We Were And We Will Be The Result Of What We Are. ** (Lord Buddha)
สบายแมน
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,485



« ตอบ #3 เมื่อ: วันที่ 20 มิถุนายน 2012, 04:38:32 »

นึกถึงกุศลแล้วทำให้มีกำลังใจขึ้นมาครับ
IP : บันทึกการเข้า
สบายแมน
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,485



« ตอบ #4 เมื่อ: วันที่ 20 มิถุนายน 2012, 04:47:24 »

ช่วยลงให้เลยครับ.

IP : บันทึกการเข้า
Unlimited แหล...
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,919



« ตอบ #5 เมื่อ: วันที่ 20 มิถุนายน 2012, 06:12:35 »

ช่วยลงให้เลยครับ.



ขอบคุณครับท่าน สบายแมน  ยิ้มเท่ห์
IP : บันทึกการเข้า

** We Are The Result Of What We Were And We Will Be The Result Of What We Are. ** (Lord Buddha)
Ck 401
"....เมื่อเห็นทุกสิ่งเป็นธรรมดา ก็ไม่มีอะไรมาทำให้ทุกข์ได้อีก...."
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,267


...งานหนักไม่เคยฆ่าคน...


« ตอบ #6 เมื่อ: วันที่ 20 มิถุนายน 2012, 21:20:33 »

ใช่บทสวดธัมมจักกัปปวัตนสูตรหรือเปล่าครับ(ผมสวดทุกวัน) เป็นพระสูตรที่พระพุทธเจ้าเทศนา ปัญจวัคคีย์หลังตรัสรู้
IP : บันทึกการเข้า

"....คณะเรา ไม่ยอมให้ด้อยถอยลง ต่ำเราต้องค้ำชูให้สูงจรุงศรี....."
....เมื่อเห็นทุกสิ่งเป็นธรรมดา  ก็ไม่มีอะไรมาทำให้ทุกข์ได้อีก...."
Unlimited แหล...
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,919



« ตอบ #7 เมื่อ: วันที่ 21 มิถุนายน 2012, 05:59:50 »

ใช่บทสวดธัมมจักกัปปวัตนสูตรหรือเปล่าครับ(ผมสวดทุกวัน) เป็นพระสูตรที่พระพุทธเจ้าเทศนา ปัญจวัคคีย์หลังตรัสรู้


ใช่ครับ บทสวดเดียวกัน แต่สำเนียงเป็นออริจินอลเลยครับ (คิดว่าสำเีนียงสมัยพระพุทธเจ้าก็คงจะไม่ห่างไกลจากนี้เท่าไหร่) ฟังแล้วใจสงบดีครับ ลองกางบทสวดเทียบดูครับ สำเนียงการออกเสียงค่อนข้างจะแตกต่างจากสำเนียงไทยพอสมควรครับ  ยิงฟันยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า

** We Are The Result Of What We Were And We Will Be The Result Of What We Are. ** (Lord Buddha)
james_cr2001
midafXD
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 275


« ตอบ #8 เมื่อ: วันที่ 21 มิถุนายน 2012, 13:26:00 »

เทศนากัณฑ์แรก ที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงแก่พระปัญจวัคคีย์มื่อพระผู้มีพระภาคตรัสธัมมจักกัปปวัตนสูตรนี้อยู่ ดวงตาเห็นธรรม ปราศจากธุลีปราศจากมลทิน ก็ได้เกิดขึ้นแก่ท่านพระโกณฑัญญะนับเป็นพระสงฆ์ สาวกองค์แรกในพระพุทธศาสนา วันนั้นเป็นวันเพ็ญกลาง เดือนอาสาฬหะหรือเดือน 8 เป็นวันที่พระรัตนตรัยครบบริบูรณ์ บังเกิดขึ้นในโลกเป็นครั้งแรก คือมี พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ครบบริบูรณ์

ธัมมจักกัปปวัตนสูตร มีเนื้อหาแสดงถึงการปฏิเสธส่วนที่สุดโต่งสองอย่าง และเสนอแนวทางดำเนินชีวิตโดยสายกลางอันเป็นแนวทางใหม่ให้มนุษย์ มีเนื้อหาแสดงถึงขั้นตอนและแนวทางในการปฏิบัติเพื่อบรรลุถึงอริยสัจ  

อริยสัจ หมายถึง ความจริงของพระอริยะ

ตรงไหนที่ท่านชี้ให้เห็นสุดโต่งทั้งสองอย่างที่ไ่ม่ใช่ทางสายกลาง
1.กามสุขัลลิกานุโยค คือ กินเหล้าเมายา เที่ยว ดูหนัง ฟังเพลง จีบสาว จีบหนุ่ม อยากได้ ipad iphone tablet notebook รุ่นใหม่ๆ หลงโลก อ้อนวอน ร้องขอ เอาสบายเข้าไว้ นอนทั้งวัน และอื่น ๆ ที่เรียกว่า หลงโลก

2.อัตตกิลมถานุโยค คือ ทำตัวเองให้ลำบาก บังคับตัวเอง หิวไม่ยอมกิน นั่งสมาธินาน ๆ
ทนต่อความเจ็บปวด เดินจรงกรมแบบผีดิบ ซอมบี้ บิดเบือนจากการเดินปกติของตัวเอง
นั่งนอนบนตะปู เห็นของสวยของงามข่มใจตัวเองทำเป็นไม่มอง เพ่งจดจ่ออยู่ในอารมย์ใดอารมย์หนึ่ง

 **----------------------------------------------------------------**
คนธรรมดาอย่างเรา ๆ ท่าน ๆ รวมถึงหัวโล้นห่มเหลือง ทำสิ่งสองสิ่งนี้เป็นปกติ ทุกๆ วัน ดำเนินชีวิตในแบบที่สุดโต่งทั้งสองอย่าง ไม่สุดโต่งไปทางใด ก็ทางหนึ่ง

**-----------------------------------------------------------------**
ดวงตาเห็นธรรม ท่านโกณฑัญญะ ท่านเห็นอะไรที่ว่าดวงตาเห็นธรรม
คำตอบก็คือ ท่านเห็นพระนิพพาน พระอริยะบุคคล ก็เห็นสิ่งเดียวที่ท่านเห็น

**-----------------------------------------------------------------**
กระบวนการเกิดขึ้นของอริยมรรค
ศิล สมาธิ ปัญญา จะผนึกรวมกำลังกัน ทำลายความเป็นตัวเป็นตนลงไป
(1) ความเห็นชอบ (2) ความดำริชอบ (3) วาจาชอบ (4) การงานชอบ (5) เลี้ยงชีวิตชอบ (6) ความเพียรชอบ (7) ความระลึกชอบ (เจ๋ง ความตั้งจิตมั่นชอบ
และองค์ประกอบทั้ง 8 อย่าง ไม่ได้เกิดขึ้นทีละข้อ เกิดขึ้นพร้อมกันในขณะนั้น
ไม่ได้มาทำทีละข้อ ๆ ทีละ ข้อ อย่างที่เราเข้าใจ

ศิล และสัมมาสมาธิ เป็นภาชนะรองรับ การเกิดขึ้นของ อริยมรรคในขณะนั้น

และจะเห็นสิ่งนี้  "อาโลโก อุทะปาทิ"  ที่ธรรมจักรได้กล่าวไว้ คือ แสงสว่างเห็นแสงสว่างจริงๆเป็นแสงสว่างที่ครอบโลกธาตุ

**-------------------------------------------------------**
พระพุทธเจ้า ท่านอธิบาย และขยายความ ถึงหลักการปฏิบัติ เพื่อเข้าถึงความบริสุทธิ์หลุดพ้นจริง ๆ ครับ ไม่ได้มีไว้ท่องเพื่ออิทธิทฤธิ์ ปาฏิหารย์อันใด
เป็นสองสิ่งที่นักปฏิบัติไม่ควรทำ เป็นหัวใจของการปฏิบัติ

 







« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 22 มิถุนายน 2012, 16:17:42 โดย james_cr2001 » IP : บันทึกการเข้า

poupoushop.com
~..Rose Apple..~
สมาชิกลงทะเบียน
มัธยม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 719


แม่ค้า-คนเชียงใหม่.


« ตอบ #9 เมื่อ: วันที่ 22 มิถุนายน 2012, 08:58:40 »


ขอบคุณที่นำมาแบ่งปันค่ะ ^^
IP : บันทึกการเข้า

ชุดผ้าปูที่นอนราคาถูก http://poupoushop.com
ร้านLine https://shop.line.me/@poupoushop
sabaidree
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 565


« ตอบ #10 เมื่อ: วันที่ 22 มิถุนายน 2012, 20:43:50 »

ฟังแล้วบางช่วงน้ำตาแทบจะไหลครับ
เพราะเหมือนกับว่าเรากำลังอยู่ในสมัยพุทธกาลและได้ฟังพระธรรมคำสอน(ที่เป็นภาษาที่พระศาสดาใช้จริงในขณะนั้น) ไม่แน่ใจว่าเป็นภาษามคธหรือเปล่านะครับ ยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า
Unlimited แหล...
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,919



« ตอบ #11 เมื่อ: วันที่ 23 มิถุนายน 2012, 11:18:36 »


ขอบคุณที่นำมาแบ่งปันค่ะ ^^

ด้วยความยินดีครับป้าพู  ยิ้มเท่ห์
IP : บันทึกการเข้า

** We Are The Result Of What We Were And We Will Be The Result Of What We Are. ** (Lord Buddha)
Unlimited แหล...
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,919



« ตอบ #12 เมื่อ: วันที่ 23 มิถุนายน 2012, 11:21:00 »

ฟังแล้วบางช่วงน้ำตาแทบจะไหลครับ
เพราะเหมือนกับว่าเรากำลังอยู่ในสมัยพุทธกาลและได้ฟังพระธรรมคำสอน(ที่เป็นภาษาที่พระศาสดาใช้จริงในขณะนั้น) ไม่แน่ใจว่าเป็นภาษามคธหรือเปล่านะครับ ยิ้ม

ครับน่าจะใช่ภาษามคธี  ยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า

** We Are The Result Of What We Were And We Will Be The Result Of What We Are. ** (Lord Buddha)
สบายแมน
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,485



« ตอบ #13 เมื่อ: วันที่ 23 มิถุนายน 2012, 16:33:52 »

เพิ่มคำอธิบายคำอ่านและคำแปลครับ ยิ้ม

ธัมมจักกัปปวัตนสูตร

คำแปล

[ทำ-มะ-จัก-กับ-ปะ-วัด-ตะ-นะ-สูด] น. พระสูตรอันว่าด้วยธรรมจักร หมายถึง พระธรรมเทศนากัณฑ์แรกของพระพุทธเจ้า ซึ่งทรงแสดงแก่พระปัญจวัคคีย์ ที่ป่าอิสิปตน-มฤคทายวัน ใกล้เมืองพาราณสี มีชื่อว่า ธัมมจัก-กัปปวัตนสูตร ข้อความในพระสูตรนี้มี ๓ ตอน คือ ตอนต้นพระพุทธองค์ตรัสถึงทางปฏิบัติผิด ๒ อย่าง ตอนกลางทรงแสดงอริยสัจ ๔ ที่พระองค์ได้ตรัสรู้ ตอนปลายพรรณนาผลของการแสดงธรรมครั้งแรกของพระพุทธองค์.




ธัมมจักรกัปปวัตนสูตร
บทสวดและคำแปล (แบบย่อ)

(ทุกข์)

อิทัง โข ปะนะ ภิกขะเว ทุกขัง อะริยะสัจจัง
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สภาวะเหล่านี้แลเป็นตัวทุกข์อย่างแท้จริง คือ

- ชาติปิ ทุกขา
ความเกิดก็เป็นทุกข์

- ชะราปิ ทุกขา
เมื่อความแก่เข้ามาถึง ก็เป็นทุกข์

- มะระณัมปิ ทุกขัง
เมื่อความตายเข้ามาถึง ก็เป็นทุกข์

- โสกะปริเทวะทุกขะโทมะนัสสุกปายาสาปิ ทุกขา
เมื่อความเศร้าโศก ความร่ำไรรำพัน ความเสียใจ
และความคับแค้นใจเกิดขึ้นมา ก็เป็นทุกข์

- อัปปิเยหิ สัมปะโยโค ทุกโข
เมื่อประสบพบกับสิ่งที่ไม่ชอบใจ ก็เป็นทุกข์

- ปิเยหิ วิปปะโยโค ทุกโข
เมื่อพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รักที่ชอบใจก็เป็นทุกข์

- ยัมปิจฉัง นะ ละภะติ ตัมปิ ทุกขัง
และแม้คิดปรารถนาอยากได้สิ่งใด แต่ไม่ได้สิ่งนั้นสมปรารถนา ก็เป็นทุกข์

- สังขิตเตนะ ปัญจุปาทานักขันธา ทุกขา ฯ
กล่าวโดยย่อแล้วก็คือ การหลงคิดว่าร่างกายเป็นของเราของเขานั่นแลเป็นตัวทำให้ใจเกิดทุกข์อย่างแท้จริง ฯ

(สมุทัย)

อิทัง โข ปะนะ ภิกขะเว ทุกขะสะมุทะโย อะริยะสัจจัง ยายัง ตัณหา
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ตัณหาคือความอยากไม่มีสิ้นสุดที่มีอยู่ในใจนี้แล เป็นต้นเหตุทำให้ใจเกิดทุกข์อย่างแท้จริง

โปโนพภะวิกา นันทิราคะสะหะคะตา ตัตระ ตัตราภินันทินี เสยยะถีทัง กามะตัณหา
คือ มีความอยากเวียนว่ายตายเกิดอยู่ร่ำไป และมีความกำหนัดยินดีในรูป เสียง กลิ่น รส สัมผัสที่น่าปรารถนา ก็เป็นเหตุให้ใจเกิดทุกข์

ภะวะตัณหา
สิ่งใดที่ยังไม่มี ก็คิดอยากจะให้มีขึ้นมา อย่างนี้ก็ทำให้ใจเกิดทุกข์

วิภะวะตัณหา
และเมื่อมีทุกอย่างสมปรารถนาแล้ว ก็อยากจะให้ทุกอย่างคงทนอยู่ตลอดไปเมื่อมันจะต้องสลายหายไป ก็ร้อนใจไม่อยากให้เป็นเช่นนั้นอย่างนี้ก็ยิ่งทำให้ใจเกิดทุกข์หนักขึ้นอีก ฯ

(นิโรธ)

อิทัง โข ปะนะ ภิกขะเว ทุกขะนิโรโธ อะริยะสัจจัง โย ตัสสาเยวะ
ตัณหายะ อะเสสะวิราคะนิโรโธ จาโค ปะฏินิสสัคโค มุตติ อะนาละโย ฯ
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย การดับตัณหาความอยากให้หมดไปจากใจด้วยการ ละวาง ปล่อย และไม่คิดยินดีพัวพันอยู่กับตัณหาความอยากนั้นอีกเด็ดขาดคือ การดับทุกข์ให้หมดไปจากใจได้อย่างแท้จริง ฯ

(มรรค)

อิทัง โข ปะนะ ภิกขะเว ทุกขะนิโรธะคามินี ปะฏิปะทา อะริยะสัจจัง
อะยะเมวะ อะริโย อัฏฐังคิโก มัคโค เสยยะถีทัง
สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปโป สัมมาวาจา สัมมากัมมันโต
สัมมาอาชีโว สัมมาวายาโม สัมมาสะติ สัมมาสะมาธิ ฯ
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ข้อปฏิบัติเพื่อนำกิเลสให้หมดไปจากใจนี้ มี ๘ อย่าง คือปัญญาเห็นชอบ ความดำริชอบ วาจาชอบ การงานชอบ การเลี้ยงชีวิตชอบความเพียรชอบ การระลึกชอบ และการตั้งจิตไว้ชอบคือ ข้อปฏิบัติเพื่อนำใจให้หมดจากกิเลสและดับความทุกข์


เครดิตจากเว็ป.....http://guru.sanook.com/search/knowledge_search.php?q=%B8%D1%C1%C1%A8%D1%A1%A1%D1%BB%BB%C7%D1%B5%B9%CA%D9%B5%C3&select=1

และ http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=12117
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 23 มิถุนายน 2012, 16:37:17 โดย สบายแมน » IP : บันทึกการเข้า
james_cr2001
midafXD
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 275


« ตอบ #14 เมื่อ: วันที่ 23 มิถุนายน 2012, 19:11:32 »

อิทะมะโวจะ ภะคะวา ฯ
( พระผู้มีพระภาคเจ้า ได้ตรัสธรรมปริยายนี้แล้ว )
 
อัตตะมะนา ปัญจะวัคคิยา ภิกขู ภะคะวะโต ภาสิตัง อะภินันทุง ฯ
( พระภิกษุปัจจวัคคีย์ก็มีใจยินดีเพลิดเพลินภาษิตของพระผู้มีพระภาคเจ้า )
 
อิมัสมิญจะ ปะนะ เวยยากะระณัสมิง ภัญญะมาเน
( ก็แล เมื่อไวยากรณ์นี้ อันพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสอยู่ )
 
อายัสมะโต โกณทัญญัสสะ วิระชัง วีตะมะลัง ธัมมะจักขุง อุทะปาทิ
( จักษุในธรรม อันปราศจากธุลี ปราศจากมลทิน ได้เกิดขึ้นแล้ว แก่พระผู้มีอายุโกณทัญญะ )
"ยังกิญจิ สะมุทะยะธัมมัง สัพพันตัง นิโรธะธัมมันติ ฯ"
( ว่า "สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดาแล้ว สิ่งนั้นทั้งปวง ก็ต้องดับสลายไปเป็นธรรมดา" )
 
ปะวัตติเต จะ ภะคะวะตา ธัมมะจักเก
( ก็เมื่อธรรมจักรอันพระผู้มีพระภาคเจ้า ให้เป็นไปแล้ว )

**-------------------------------------------------------------------**

อริยมรรค อริยผล เกิดขึ้นกับ ท่านโกณทัญญะ ท่านเห็นสิ่งบางสิ่งเกิดขึ้นแล้วก็ดับไป
สิ่งนั้นก็คือ จิตทวนกระแสธาตุรู้ เข้าไปเห็นพระนิพพาน จิตท่านหยุดปรุงแต่งไปชั่วขณะ
แล้วพระนิพพานก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าต่อตาท่าน ท่านจึงข้ามจากบุคคลธรรมดา
เป็นพระอริยะบุคคล ซึ่งตัวสังโยชน์เบื้องต้นที่ห่อหุ้มจิต ถูกทำลายลงไปคือ

1 สักกายทิฏฐิ มีความรู้สึกว่าร่างกายนี้เป็น เราเป็นของเรา เรามีในร่างกาย ร่างกายมีในเรา
2 วิจิกิจฉา สงสัยในคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระธรรม
   และพระอริยสงฆ์
3 สีลัพพตปรามาส ลูบคลำศีลไม่รักษาศีลจริงจัง

สังโยชน์ แปลว่า กิเลสที่เป็นเครื่องร้อยรัดจิตใจให้ตกอยู่ในวัฎฎะ แห่งการเวียนว่ายตายเกิด
ไม่รู้จักจบสิ้น
**-------------------------------------------------------------------**

อะยัญจะ ทะสะสะหัสสี โลกะธาตุ สังกัมปิ สัมปะกัมปิ สัมปะเวธิ ฯ
( ทั้งหมื่นโลกธาตุ ได้หวั่นไหวสะเทือนสะท้านลั่นไป )
 
อัปปะมาโณ จะ โอฬาโร โอภาโส โลเก ปาตุระโหสิ
( ทั้งแสงสว่างอันใหญ่ยิ่งไม่มีประมาณ ได้ปรากฏแล้วในโลก )
อะติกกัมเมวะ เทวานัง เทวานุภาวัง ฯ
( ล่วงเทวานุภาพของเทวดาทั้งหลายเสียหมด ฯ )
 
อะถะ โข ภะคะวา อุทานัง อุทาเนสิ
( ในลำดับนั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทรงเปล่งอุทานขึ้นว่า )
อัญญาสิ วะตะ โภ โกณทัญโญ อัญญาสิ วะตะ โภ โกณทัญโญติ
( โกณทัญญะผู้เจริญได้รู้แล้วหนอ โกณทัญญะได้รู้แล้วหนอ ผู้เจริญ )
 
อิติหิทัง อายัสมะโต โกณทัญญัสสะ "อัญญาโกณทัญโญ" เตววะ นามัง อะโหสีติ ฯ
( เพราะเหตุนั้น นามว่า "อัญญาโกณทัญญะ" นี้นั่นเทียว
ได้มีแล้วแก่พระโกณทัญญะผู้มีอายุ ด้วยประการฉะนี้ แล ฯ )

**-------------------------------------------------------**
พระพุทธเจ้าท่านเทศน์ธรรมจักร จบแล้วในรอบที่ 1
ท่านโกณทัญโญ บรรลุธรรม เป็น พระโสดาบัน
เทวดา พรหม แต่ละชั้นได้แซ่ซ้องสรรเสริญ
พระพุทธเจ้า ท่านก็เปล่งคำว่า "อัญญาสิ วะตะ โภ โกณทัญโญ อัญญาสิ วะตะ โภ
โกณทัญโญติ" ซึ่งแปลว่า โกณทัญญะผู้เจริญได้รู้แล้วหนอ
โกณทัญญะได้รู้แล้วหนอ ผู้เจริญ

**-------------------------------------------------------**
ทราบหรือไม่ครับ ว่า พระพุทธเจ้าท่าน เทศน์ธรรมจักร กี่รอบท่านโกณทัญญะ
ถึงบรรลุเป็นพระอรหันต์

IP : บันทึกการเข้า

Unlimited แหล...
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,919



« ตอบ #15 เมื่อ: วันที่ 25 มิถุนายน 2012, 22:14:10 »

ขอบคุณทุก ๆ ท่านที่เข้ามาแบ่งปันความรู้ครับ  ยิ้มเท่ห์
IP : บันทึกการเข้า

** We Are The Result Of What We Were And We Will Be The Result Of What We Are. ** (Lord Buddha)
Unlimited แหล...
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,919



« ตอบ #16 เมื่อ: วันที่ 19 กรกฎาคม 2012, 06:39:23 »


ขอบคุณที่นำมาแบ่งปันค่ะ ^^

ด้วยความยินดีครับป้าพู นี่ก็ใกล้เทศกาลสำคัญทางพุทธศาสนาแล้ว อย่าลืมฟังสวดธรรมจักรฯ นะครับ ฟังเยอะๆ แล้วอย่าลืมเอาบุญมาฝากผมด้วย อิ อิ ยิ้มเท่ห์ ยิ้มเท่ห์
IP : บันทึกการเข้า

** We Are The Result Of What We Were And We Will Be The Result Of What We Are. ** (Lord Buddha)
little girl
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,174



« ตอบ #17 เมื่อ: วันที่ 19 กรกฎาคม 2012, 11:34:35 »


 
รู้สึกดีมากมายเลย

ขอบคุณที่แบ่งปันกันค่ะ  ยิ้มกว้างๆ


IP : บันทึกการเข้า

หน้า: [1] พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!