กฎหมาย พัฒนามาจากจารีตนะคะ
การห้ามผู้หญิงขึ้นพระธาตุ ไม่ใช่เรื่องงมงายค่ะ ไม่ใช่แค่เรื่องว่าผู้หญิงที่มีประจำเดือนห้ามเข้า
แต่เป็นเรื่อง ความเหมาะสม กาลเทศะ การให้ความสำคัญกับสิ่งที่นับถือ สิ่งที่เป็นตัวแทนของพระพุทธศาสนา
ถ้าอ้างถึงการจำกัดสิทธิ ก็มีมาตั้งแต่สมัยพุทธกาลแล้วหล่ะค่ะ เพราะมีแค่ผู้ชายเท่านั้นที่บวชเป็นพระได้ มีแค่ผู้ชายเท่านั้นที่สามารถเข้าใกล้พระพุทธเจ้าได้มากที่สุด มีแค่ผู้ชายเท่านั้นที่แตะเนื้อต้องตัวพระสงฆ์ได้
ผู้หญิงไม่สามารถทำได้ แม้แต่ส่งของกับมือพระสงฆ์ ผู้หญิงก็ทำไม่ได้เป็นจารีตที่ปฎิบัติกันมานานแล้วนะคะ
ถ้าให้ผู้หญิงขึ้นพระธาตุได้ก็เท่ากับว่าไม่ให้ความเคารพนับถือพระนะคะ งั้นต่อไปก็ต้องอ้างความเท่าเทียมให้ผู้หญิงแตะต้องตัวพระสงฆ์ได้อีกสิคะ แล้วก็จะไม่มีความเคารพ ไม่มีที่ยึดเหนี่ยวจิตใจแล้วสิ
แค่ความคิดเห็นค่ะ......... ดิฉันเป็นผู้หญิง ไม่คิดว่าการห้ามขึ้นพระธาตุเป็นเรื่องของสิทธินะคะ แต่เป็นเรื่องความเหมาะสมค่ะ ก้าวขึ้นบนพระธาตุก็เท่ากับปีนขึ้นพระพุทธรูปนะคะ
พระวินัย ว่าด้วยข้อห้ามการบวช*
ทรงห้ามบวชคน ๓๒ จำพวก
[๑๓๕] ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุทั้งหลายบรรพชาคนมือด้วน.....................
ภิกษุทั้งหลายจึงกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า พระผู้มีพระภาคเจ้ารับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า
๑.) ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่พึงบรรพชา คนมือด้วน. .
๒.) ไม่พึงบรรพชา คนเท้าด้วน...
๓.) ไม่พึงบรรพชา คนทั้งมือทั้งเท้าด้วน...
๔.) ไม่พึงบรรพชา คนหูขาด...
๕.) ไม่พึงบรรพชา คนจมูกแหว่ง...
๖.) ไม่พึงบรรพชา คนทั้งหูขาดทั้งจมูกแหว่ง...
๗.) ไม่พึงบรรพชา คนนิ้วขาดและเท้าขาด...
๘.) ไม่พึงบรรพชา คนง่ามมือง่ามเท้าขาด...
๙.) ไม่พึงบรรพชา คนเอ็นขาด...
๑๐.) ไม่พึงบรรพชา คนมือเป็นแผ่น...
๑๑.) ไม่พึงบรรพชา คนค่อม. .
๑๒.) ไม่พึงบรรพชา คนเตี้ย...
๑๓.) ไม่พึงบรรพชา คนคอพอก...
๑๔.) ไม่พึงบรรพชา คนถูกสักหมายโทษ...
๑๕.) ไม่พึงบรรพชา คนมีรอยเฆี่ยนด้วยหวาย...
๑๖.) ไม่พึงบรรพชา คนถูกออกหมายสั่งจับ...
๑๗.)ไม่พึงบรรพชา คนเท้าปุก (เท้าผิดปกติตั้งแต่กำเนิด มีลักษณะผิดรูป ข้อเท้าจิกลงล่าง บิดเข้าใน และฝ่าเท้าหงายขึ้น ทำให้มีรูปร่างเหมือนไม้กอล์ฟ)...
๑๘.) ไม่พึงบรรพชา คนมีโรคเรื้อรัง...
๑๙.) ไม่พึงบรรพชา คนมีรูปร่างไม่สมประกอบ...
๒๐.) ไม่พึงบรรพชา คนตาบอดข้างเดียว...
๒๑.) ไม่พึงบรรพชา คนง่อย...
๒๒.) ไม่พึงบรรพชา คนกระจอก (ท่าทางผิดปกติ เช่น เดินเขยก ฯลฯ)...
๒๓.) ไม่พึงบรรพชา คนเป็นโรคอัมพาต...
๒๔.) ไม่พึงบรรพชา คนมีอิริยาบถขาด (เปลี้ย เคลื่อนไหวเองไม่ได้)...
๒๕.) ไม่พึงบรรพชา คนชราทุพพลภาพ...
๒๖.) ไม่พึงบรรพชา คนตาบอดสองข้าง...
๒๗.) ไม่พึงบรรพชา คนใบ้...
๒๘.) ไม่พึงบรรพชา คนหูหนวก...
๒๙.) ไม่พึงบรรพชา คนทั้งบอดและใบ้...
๓๐.) ไม่พึงบรรพชา คนทั้งบอดและหนวก...
๓๑.) ไม่พึงบรรพชา คนทั้งใบ้และหนวก...
๓๒.) ไม่พึงบรรพชา คนทั้งบอด ใบ้ และหนวก
รูปใดบรรพชาให้ ต้องอาบัติทุกกฏ.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย กุลบุตรผู้ถูกโรค ๕ ชนิด คือ โรคเรื้อน โรคฝี โรคกลาก โรคมองคร่อ(ไอเรื้อรัง) โรคลมบ้าหมู กระทบเข้าแล้ว ภิกษุไม่พึงให้บวช รูปใดให้บวช ต้องอาบัติทุกกฏ
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ข้าราชการ(ที่ไม่ลาบวช) ภิกษุไม่พึงให้บวช รูปใดให้บวช ต้องอาบัติทุกกฏ
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย โจรผู้หนีเรือนจำ ภิกษุไม่พึงให้บวช รูปใดให้บวช ต้องอาบัติทุกกฏ
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย โจรผู้ถูกออกหมายสั่งจับ ภิกษุไม่พึงให้บวช รูปใดให้บวช ต้องอาบัติทุกกฏ
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุรุษผู้ถูกลงอาญาเฆี่ยนด้วยหวาย ภิกษุไม่พึงบวช รูปใดให้บวช ต้องอาบัติทุกกฏ
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุรุษผู้ถูกลงอาญาสักหมายโทษ ภิกษุไม่พึงให้บวช รูปใดให้บวช ต้องอาบัติทุกกฏ
ประเภทที่บวชแล้วต้องให้สึก
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อนุปสัมบัน คือ บัณเฑาะก์ (กะเทย) ภิกษุไม่พึงให้อุปสมบท ที่อุปสมบทแล้วต้องให้สึกเสีย.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อนุปสัมบันคือ อุภโตพยัญชนก (คนมี ๒ เพศ) ภิกษุไม่พึงให้อุปสมบท ที่อุปสมบทแล้ว ต้องให้สึกเสีย.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลายอนุปสัมบัน คือ คนลักเพศ(คนปลอมบวช) ภิกษุไม่พึงให้อุปสมบท ที่อุปสมบทแล้วต้องให้สึกเสีย.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อนุปสัมบัน คือ ผู้ไปเข้ารีตเดียรถีย์ (ลัทธิที่เป็นมิจฉาทิฐิ) ภิกษุไม่พึงให้อุปสมบท ที่อุปสมบทแล้วต้องให้สึกเสีย.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลายอนุปสัมบันคือ คนฆ่ามารดา ภิกษุไม่พึงให้อุปสมบท ที่อุปสมบทแล้ว ต้องให้สึกเสีย.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อนุปสัมบันคือ คนฆ่าบิดา ภิกษุไม่พึงให้อุปสมบท ที่อุปสมบทแล้ว ต้องให้สึกเสีย.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อนุปสัมบันคือ คนผู้ทำสังฆเภท ภิกษุไม่พึงให้อุปสมบท ที่อุปสมบทแล้ว ต้องให้สึกเสีย.
(ที่มา : พระวินัยปิฎก มหาวรรค เล่ม 6 หน้า 338)
รบกวนช่วยตรวจสอบนิดนะครับ ผู้หญิงสามารถ บวชได้นะครับ เราเรียกผู้หญิงที่บวชว่าภิกษุณีครับผม เวปเชียงรายโฟกัส เด็กๆๆเข้ามาอ่านกันเยอะ ไม่อยากให้ได้ข้อมูลผิดๆๆ น่ะครับ