kyoneng
เตรียมอนุบาล
ออฟไลน์
กระทู้: 31
|
|
« เมื่อ: วันที่ 15 มิถุนายน 2012, 11:28:40 » |
|
สวัสดีจร้า^^
รับแปลงานวิจัยภาษาอังกฤษ (journal) โดยเฉพาะงานวิจัยทางการแพทย์และสุขภาพ โดยอจ. พี่แพรและทีมงานทางการแพทย์ รับทำงานสัมนา พร้อมทั้ง power point present และ หากต้องการเป็นไฟล์word ก็สามารถทำได้ค่ะ (ขอเวลาทำอย่างน้อย 3-5 วัน/ 5 หน้าละกันเนาะ^0^)ถ้าด่วนจริงๆพี่ขอดูงานก่อนจร้า พอดีพี่มีงานประจำที่ม. แม่ฟ้าหลวง แต่ว่าใจรักอยากช่วยน้องๆจร้า คิดราคาค่าแปลเอกสาร A4 - ถูกที่สุดหน้าละ200 -250 นะจ้ะไม่รวมหน้าที่เป็น reference (คิดราคานี้เนื่องจากตัวหนังสือใน jurnal ตัวเล็กมากๆค่ะน้องๆ) ถ้าเป็นงาน powerpoint present ไม่ว่าจะเป็นรายงายcase study หรือพรีเซ้นท์ต่างๆทำได้หมดค่ะ -คิดเป็นเหมาจ่ายงานละ 1500 bath/ 30 slide พร้อมสคริป
"รับประกันคุณภาพว่าต้องได้คะแนนเต็มคะ ถูกต้อง และสวยงาม"
สามารถเป็นที่ปรึกษาให้กับวิทยานิพนธ์ วิจัย โปรเจคป.ตรี ป.โท ป.เอก r2r ขอผลงานทางวิชาการต่างๆได้ค่ะ เริ่มต้นที่ 3000 บาท
รับตรวจงานวิทยานิพนธ์ แก้ไขตัวอักษร แก้เล่ม เร่มที่ 1500 บาทราคาคุยกันได้ ผลงานรับประกันคุณภาพจ้า ให้คำแนะนำฟรีจร้า สนใจติดต่อ 085-8613209 พี่ชมพูแพรค่ะ ไลน์ไอดี keerakarn จ้า ส่งเอกสารต่างๆมาที่ kee_kyopt@hotmail.com นะคะ
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 10 พฤศจิกายน 2014, 12:39:10 โดย kyoneng »
|
IP :
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
|
|
kyoneng
เตรียมอนุบาล
ออฟไลน์
กระทู้: 31
|
|
« ตอบ #4 เมื่อ: วันที่ 18 มิถุนายน 2012, 16:00:35 » |
|
เรื่องราคาตกลงกันได้จร้า น้องๆๆๆที่น่ารัก พี่แพรอยู่ที่มอ แม่ฟ้าหลวงนะคะ^^ จิงๆแล้ว แปลงานต่างๆก็แปลได้นะคะ เช่น แปลเอกสารกำกับยา แต่ที่ถนัดก็สายสุขภาพคร่า สนใจปรึกษาวิทยานิพนธ์ โปรเจคก็ถามได้ในนี้ละกัน อันนี้ฟรีคร่า^^
|
|
|
|
|
kyoneng
เตรียมอนุบาล
ออฟไลน์
กระทู้: 31
|
|
« ตอบ #6 เมื่อ: วันที่ 21 มิถุนายน 2012, 10:53:19 » |
|
ลืมไปว่าพี่แพร ไม่ได้ใส่ emailไว้ น้องสามารถส่งงานมาให้พี่ที่ kee_kyopt@hotmail.comนะจ้ะ ขอบคุณคร่า
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 29 พฤษภาคม 2014, 20:04:23 โดย kyoneng »
|
IP :
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
|
|
kyoneng
เตรียมอนุบาล
ออฟไลน์
กระทู้: 31
|
|
« ตอบ #10 เมื่อ: วันที่ 07 สิงหาคม 2012, 22:02:44 » |
|
งานวิจัยเรื่อง: การทบทวนเกณฑ์การรับเข้าเรียนที่โรงเรียนพยาบาล วัตถุประสงค์: การศึกษาครั้งนี้เพื่อเป็นการบ่งบอกตัวบ่งชี้ที่ดีที่สุด สำหรับผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาของนักเรียนเกรดเฉลี่ยระดับปริญญาตรี (UGPA) ในปีแรกของนักศึกษาโปรแกรมพยาบาลระดับปริญญาตรี บทนำ: เกณฑ์การรับสมัครเข้าศึกษาต่อในหลักสูตรการศึกษาน่าเป็นกังวลอย่างมากที่สุดในไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา (Bissett, 1995; Niemann and Maruyama, 2005; Shulruf et al., 2009) ปัญหาที่พบได้บ่อย คือจะทำอย่างไรจึงจะสามารถรับนักเรียนที่เหมาะสมที่สุดสำหรับหลักสูตรการศึกษาในขณะที่ยังเป็นธรรมโดย ในแง่ของนโยบายเปิดรับเข้าศึกษาผู้สมัครทุกคนที่ตอบสนองความต้องการของมหาวิทยาลัยปกติขึ้นอยู่กับเกรดเฉลี่ยปีแรกของพวกเขา (Pitts et al, 1999;. Spirit และ Jones, 1999) เป็นผลให้จำนวนของนักเรียนเพิ่มขึ้นอย่างมาก อย่างไรก็ตามนโยบายนี้นักเรียนจำนวนมากที่เข้าเรียนในแรกของหลักสูตรมีอัตราความล้มเหลวสูงหรือไม่ลงทะเบียนเรียนในสองปี การเรียนพยาบาลต้องใช้ความสามารถในการเรียนรู้เป็นอย่างมากเนื่องจากเป็นงานที่เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ จากงานวิจัยในอดีต พบว่า GPA จากตอนมัธยมสามารถที่จะเป็นตัววัดศักยภาพการเรียนในระดับปริญญาตรีในสาขาที่เกี่ยวกับสุขภาพได้ (Ali and Naylor, 2010). NCEA เป็นเอกลักษณ์ในการที่จะให้ข้อมูลผลการศึกษา (NZQA, 2006; Strachan, 2001) เมื่อนักเรียนผ่านการประเมินที่เกี่ยวข้องกับ NCEA นั่นเป็นมาตรฐานบ่งชี้ว่าพวกเขาได้ผ่านเกณฑ์ของความรู้และความสามารถในหัวข้อนั้น (Shulruf et al., 2008) โมเดลการรับสมัครแบบคู่ (DAM) มีรับการพัฒนาโดย Shulruf et al, (2008) แบบจำลองนี้พิจารณาเกณฑ์การเข้ามหาวิทยาลัยทั้งรูปแบบการให้สินเชื่อที่ใช้ในปัจจุบันและรูปแบบทางเลือก
|
|
|
|
|
kyoneng
เตรียมอนุบาล
ออฟไลน์
กระทู้: 31
|
|
« ตอบ #12 เมื่อ: วันที่ 07 สิงหาคม 2012, 22:10:13 » |
|
Tiltle Effect of passive smoking using maternal and neonatal salivary cotinine measurement ชื่อเรื่อง การวัดโคตินินในน้ำลายของทารกและแม่ที่ได้รับผลกระทบทางอ้อมจากการสูบบุหรี่ Authors: Sachiyo, Kubo; Kumiko, Adachi; Keiko, Nagasaka; Kaori, Komagata; Sonomi, Okubo Nursing Research: March/April 2012 - Volume 61 - Issue 2 - p 140–144 doi: 10.1097/NNR.0b013e3182456690 Brief Report วัตถุประสงค์: จุดมุ่งหมายของการศึกษาครั้งนี้มีดังนี้ เพื่อ 1. กำหนดความสัมพันธ์ระหว่างการสูบบุหรี่ภรรยาอยู่ในระหว่างตั้งครรภ์และระดับของ cotinine ในน้ำลายของทารกแรกเกิดและมารดาทันทีหลังคลอด 2. ประเมินการศักยภาพของการวัด cotinine ในน้ำลายทันทีหลังคลอดเพื่อตรวจสอบการได้รับผลกระทบจากควันบุหรี่ของทารกแรกเกิด บทนำ: การได้รับควันบุหรี่ที่ปะปนในสิ่งแวดล้อมเป็นปัจจัยเสี่ยงอย่างมากต่อการคลอดก่อนกำหนด การเจริญเติบโตของเด็กที่ผิดปกติ และยังทำให้เด็กทารกเกิดการตายตั้งแต่แรกคลอดจากโรคและความเจ็บป่วยทางทางเดินหายใจ ( Anderka et al. 2010, Rushton 2004) ในประเทศญี่ปุ่นมีอัตราของหญิงตั้งครรภ์ที่ได้รับผลกระทบจากการสูบบุหรี่เป็น 52.7% และผู้สูบบุหรี่มักจะเป็นสามีของพวกเธอเหล่านั้น (80.8%) ทารกในครรภ์ที่ได้รับควันบุหรี่ในสิ่งแวดล้อม ได้รับการวัดโดยใช้ระดับ cotinine ในเส้นผมของมารดาและปัสสาวะหรือเลือดจากสายสะดือของทารกแรกเกิดหลังคลอดทันที (Kanamori, Takahashi & Fujita 2007, Fujii, Higashi, Matsuda & Nakano 2001) อย่างไรก็ตามการสำรวจโดยใช้น้ำลายจากทารกแรกเกิดทันทีหลังคลอดไม่ได้เป็นวิธีที่แพร่หลายมากนัก จากการศึกษาของ Seong et al. 2001 ที่วัดระดับ cotinine และ nicotine ในเส้นผมของเด็กทารกแรกคลอดในกลุ่มที่อาศัยในบ้านกับบิดาที่สูบบุหรี่เปรียบเทียบกับบิดาที่ไม่ได้สูบบุหรี่หรือบิดาที่ไม่ได้อาศัยในบ้านเดียวกัน พบว่าค่าของระดับ cotinine และ nicotine ในเส้นผมของเด็กทารกแรกคลอดในกลุ่มที่อาศัยในบ้านกับบิดาที่สูบบุหรี่มาค่ามากกว่าเด็กทารกแรกคลอดที่อาศัยกับบิดาที่ไม่ได้สูบบุหรี่ หรือบิดาที่ไม่ได้อาศัยในบ้านเดียวกัน ซึ่งการวัดระดับ cotinine ในเส้นผมมักจะบ่งบอกการสะสมของ cotinine ในระยะเวลาที่ยาวนาน (DHHS, 2006) การวัดการได้รับผลกระทบจากการสูบบุหรี่ในผู้ที่ไม่ได้สูบบุหรี่เองส่วนมากจะใช้ระดับของ nicotine ในร่างการซึ่งจะถูกเปลี่ยนเป็น cotinine และสะสมในร่างกาย สาร cotinine ในร่างกายจะมีค่าครึ่งชีวิตในร่างกายประมาณ 16 -18 ชั่วโมง (U.S. Department of health and human services (DHHS), 2006) ระดับของ cotinine มักจะมีค่าในร่างกายไม่นานแต่ถูกพบได้อย่างรวดเร็ว และตรวจพบได้แม้กระทั่งมีปริมาณเพียงเล็กน้อย (Union Against Cancer, 2008) โดยส่วนมากจะสามารถตรวจระดับของ cotinine ได้ในซีรั่ม ปัสสาวะ น้ำลาย เส้นผมและน้ำนม (DHHS, 2006) การตรวจระดับของ cotinine ในเลือดเป็นวิธีที่แพร่หลาย แต่การเก็บเลือดและปัสสาวะจากเด็กแรกคลอดเป็นสิ่งที่ยากมากหากจะนำมาใช้ในการวิจัย ในทางกลับกันการการตรวจระดับของ cotinine ในน้ำลายก็ยังไม่ใช่วิธีที่แพร่หลาย แต่จากการศึกษาพบว่าระดับของ cotinine ในน้ำลายจะเป็นตัวที่สามารถทำให้ผู้วิจัยทราบข้อมูลของระดับ cotinine ในเลือดได้ (Curvall, Elwin, Kazemi-Vala, Warholm & Enzell, 1990) วิธีการ: การเก็บตัวอย่างจากผู้เข้าร่วมงานวิจัย ในช่วงเดือนเมษายน 2009 ถึงกันยายน 2010 โดยจำนวนผู้เข้าร่วมงานวิจัยจำนวน 34 คู่ของมารดาและทารกแรกเกิดที่ไม่ได้สูบบุหรี่ พวกเขาจะได้รับการตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลทั่วไปในกรุงโตเกียว เพื่อตรวจตัวอย่างน้ำลาย ซึ่งจะถูกเก็บมาจากมารดาก่อนหรือหลังจากทานอาหารประมาณ 30 นาที และทารกแรกเกิดของพวกเขาภายใน 24 ชั่วโมงเพื่อทำการส่งตรวจต่อ กลุ่มตัวอย่างทั้งหมดถูกมาวิเคราะห์โดยใช้เอนไซม์ที่ถูกเชื่อมโยงกับการทดสอบแบบอิมมูโน ส่วนข้อมูลเกี่ยวกับอายุของมารดา น้ำหนักตัวแรกคลอดทารก และพฤติกรรมการสูบบุหรี่สถานที่สูบบุหรี่ จำนวนการสูบบุหรี่ต่อวันของพ่อได้รับโดยการสัมภาษณ์และการตอบแบบสอบถาม สถิติที่ใช้ในการวิจัย: 1) Kruskal-Wallis test ใช้สำหรับเปรียบเทียบแต่ละตัวแปร (อายุมารดา, น้ำหนักแรกคลอดของเด็ก, พฤติกรรมการสูบบุหรี่ของบิดา, สถานที่สูบบุหรี่ของบิดา, จำนวนของสูบบุหรี่ที่สูบในแต่ละวันของบิดา) และระดับ cotinine ในน้ำลาย 2) Steel’s multiple-comparison test ใช้วัดความแต่ต่างอย่างมีนัยสำคัญของค่าระดับ cotinine ในน้ำลายแต่ละกลุ่ม 3) Spearman’s rank correlation coefficient ใช้วัดความสัมพันธุ์ของการสูบบุหรี่ของสมาชิกในครอบครัวที่บ้านกับระดับ cotinine ในน้ำลายมารดาและทารก ค่าความแตกต่างระหว่างกลุ่มอย่างมีนัยสำคัญวัดที่ p ≥ 0.05 ผลการศึกษา: ระดับ cotinine ในน้ำลายของทารกแรกเกิดน้อยที่สุดคือ 0.06 ng/ml มากที่สุดคือ 167.1 ng/ml และมารดาน้อยที่สุดคือ 0.6 ng/ml มากที่สุดคือ 177.5 ng/ml 3 คู่ของมารดาและทารกอาศัยอยู่กับพ่อที่สูบบุหรี่ในบ้าน ร่วมกับสมาชิกในครอบครัวที่สูบบุหรี่ 22 คู่ของมารดาและทารกอาศัยอยู่กับพ่อที่สูบบุหรี่ในบ้าน ร่วมกับสมาชิกในครอบครัวที่ไม่สูบบุหรี่ 9 คู่ของมารดาและทารกอาศัยอยู่กับพ่อที่ไม่สูบบุหรี่ในบ้าน ร่วมกับสมาชิกในครอบครัวที่ไม่สูบบุหรี่ ระดับ cotinine ในน้ำลายของทารกแรกเกิดและมารดาที่อาศัยอยู่กับสามีซึ่งสูบบุหรี่ภายในบ้านเดียวกันที่จะมีค่าระดับ cotinine ในน้ำลายสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเทียบกับผู้ที่อยู่ในทารกแรกเกิดและมารดาที่อาศัยอยู่กับสามีซึ่งไม่สูบบุหรี่หรือไม่ได้อาศัยภายในบ้านเดียวกัน (ค่ากลางระดับ cotinine ในน้ำลายของทารกแรกเกิดที่อาศัยอยู่กับสามีซึ่งสูบบุหรี่ภายในบ้านเดียวกันเท่ากับ 17.9 ng/ml, ค่ากลางระดับ cotinine ในน้ำลายของทารกแรกเกิดที่อาศัยอยู่กับสามีซึ่งไม่สูบบุหรี่เท่ากับ 0 ng/ml, ค่ากลางระดับ cotinine ในน้ำลายของทารกแรกเกิดที่ไม่ได้อาศัยภายในบ้านเดียวกันเท่ากับ 0 ng/ml, ค่ากลางระดับ cotinine ในน้ำลายของมารดาที่อาศัยอยู่กับสามีซึ่งสูบบุหรี่ภายในบ้านเดียวกันเท่ากับ 5.8 ng/ml, ค่ากลางระดับ cotinine ในน้ำลายของมารดาที่อาศัยอยู่กับสามีซึ่งไม่สูบบุหรี่เท่ากับ 0 ng/ml, ค่ากลางระดับ cotinine ในน้ำลายของมารดาที่ไม่ได้อาศัยภายในบ้านเดียวกันเท่ากับ 0 ng/ml )นอกจากนี้เราพบความสัมพันธ์เป็นไปในทิศทางบวกอย่างชัดเจนมากระหว่างระดับ cotinine ในทารกแรกเกิดและมารดา สรุปและอภิปรายผล: แม่และทารกได้รับผลกระทบโดยตรงจากการสูบบุหรี่ในบ้านของผู้เป็นพ่อ บ่งชี้ว่าการสูบบุหรี่ในบ้านของผู้เป็นพ่อจะส่งผลกระทบต่อแม่และทารก และจากผลการทดลองได้แสดงให้เห็นว่าการวัดระดับ cotinine ในน้ำลายเป็นวิธีการที่เหมาะสมในการประเมินความเสี่ยงของทารกแรกเกิดจากผลกระทบของควันบุหรี่ในทารกและหญิงตั้งครรภ์ ข้อจำกัดในงานวิจัยนี้คือการสำรวจจะได้มาจากเพียงแค่ข้อมูลในครอบครัวแต่การรับควันบุหรี่จากบุคคลอื่นในครอบครัวและจากที่ร้านอาหารหรือสถานที่อื่นๆไม่ได้ถูกนำมาวิเคราะห์ด้วย
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|