เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 23 เมษายน 2024, 20:12:43
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  เรื่องล้านนา ภาษากำเมือง
| | |-+  >>>..วันนี้ในอดีต..เก็บเรื่องเก่ามาเล่าขาน อำลาจอ .. <<<
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: 1 2 3 [4] 5 6 พิมพ์
ผู้เขียน >>>..วันนี้ในอดีต..เก็บเรื่องเก่ามาเล่าขาน อำลาจอ .. <<<  (อ่าน 42483 ครั้ง)
Siranoi
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,101


เฒ่า! สดใส วัยซน..


« ตอบ #60 เมื่อ: วันที่ 08 สิงหาคม 2012, 05:34:12 »

วันนี้ตรงกับวันพุธที่ ๘ สิงหาคม ๒๕๕๕
ตรงกับ แรม ๖  ค่ำ  เดือน ๘/๘ (เดือนสิบ / สิบ เหนือ) ปีมะโรง
...............................
ติดตามต่อได้ที่.....
http://www.bothong.ac.th/S32102/chapter4_50.html

***วันนี้ในอดีต เมื่อพ.ศ. 2483 (ค.ศ. 1940) สงครามโลกครั้งที่สอง เยอรมันเริ่มยุทธการแห่งบริเตน โดยส่งฝูงบินไปทิ้งระเบิดเกาะอังกฤษ***
สงครามโลกครั้งที่สอง (อังกฤษ: World War II หรือ Second World War[note 1]; มักย่อว่า WWII หรือ WW2) เป็นความขัดแย้งทางทหารในระดับโลกตั้งแต่ ค.ศ. 1939 ถึง 1945 ซึ่งเกี่ยวข้องกับประเทศส่วนใหญ่ในโลก รวมทั้งรัฐมหาอำนาจทั้งหมด ประเทศผู้ร่วมสงครามรวมตัวกันเป็นพันธมิตรทางทหารสองฝ่ายคู่สงคราม คือ ฝ่ายสัมพันธมิตรและฝ่ายอักษะ ระหว่างสงคราม
มีการระดมทหารมากกว่า 100 ล้านนาย ด้วยลักษณะของ "สงครามเบ็ดเสร็จ" ประเทศผู้ร่วมสงครามหลักได้ทุ่มเทขีดความสามารถ
ทางเศรษฐกิจอุตสาหกรรมและวิทยาศาสตร์เพื่อความพยายามของสงครามทั้งหมด โดยไม่เลือกว่าทรัพยากรนั้นจะเป็นของพลเรือน
หรือทหาร ประมาณกันว่าสงครามมีมูลค่าราว 1 ล้านล้านดอลลาร์สหร


* song%202 (WinCE).png (109.5 KB, 251x320 - ดู 374 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 08 สิงหาคม 2012, 05:36:29 โดย Siranoi » IP : บันทึกการเข้า

" ... ธงชาติและเพลงชาติไทย เป็นสัญลักษณ์ของความเป็นไทย
เราจงร่วมใจกันยืนตรงเคารพธงชาติ ด้วยความภาคภูมิใจในเอกราช
และความเสียสละ ของบรรพบุรุษไทย ... "
๘ นาฬิกา และ ๑๘ นาฬิกา Sitiya_por@hotmail.com
Siranoi
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,101


เฒ่า! สดใส วัยซน..


« ตอบ #61 เมื่อ: วันที่ 10 สิงหาคม 2012, 08:59:32 »

วันนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ ๑๐ สิงหาคม ๒๕๕๕
ตรงกับ แรม ๘  ค่ำ  เดือน ๘/๘ (เดือนสิบ / สิบ เหนือ) ปีมะโรง
...............................
     เนื่องจากมีปัญหาในการนำเสนอ..
โปรดติดตามได้ในเครดิตนี้...
http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%B9%E0%B8%8D_%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%87%E0%B8%B4%E0%B8%99
***วันนี้ในอดีต เมื่อพ.ศ. 2518 (ค.ศ. 1975) การเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครครั้งแรก มีการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเป็นครั้งแรก ผลการเลือกตั้ง นายธรรมนูญ เทียนเงิน จากพรรคประชาธิปัตย์ ได้รับเลือกตั้งไป ***
นายธรรมนูญ เทียนเงิน เป็นชาวจังหวัดชลบุร


* _1_1_~1 (WinCE).GIF (16.6 KB, 259x320 - ดู 351 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า

" ... ธงชาติและเพลงชาติไทย เป็นสัญลักษณ์ของความเป็นไทย
เราจงร่วมใจกันยืนตรงเคารพธงชาติ ด้วยความภาคภูมิใจในเอกราช
และความเสียสละ ของบรรพบุรุษไทย ... "
๘ นาฬิกา และ ๑๘ นาฬิกา Sitiya_por@hotmail.com
Siranoi
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,101


เฒ่า! สดใส วัยซน..


« ตอบ #62 เมื่อ: วันที่ 12 สิงหาคม 2012, 13:33:42 »



....................
ทรงพระเจริญ...................
วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๕
ตรงกับ แรม ๑๐  ค่ำ  เดือน ๘/๘ (เดือนสิบ / สิบ เหนือ) ปีมะโรง
...............................
***วันนี้ในอดีต เมื่อพ.ศ. 2475 (ค.ศ. 1932) วันพระราชสมภพสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ***
โปรดติดตามในลิ้งค์นี้...
http://queen.kapook.com/history.php
IP : บันทึกการเข้า

" ... ธงชาติและเพลงชาติไทย เป็นสัญลักษณ์ของความเป็นไทย
เราจงร่วมใจกันยืนตรงเคารพธงชาติ ด้วยความภาคภูมิใจในเอกราช
และความเสียสละ ของบรรพบุรุษไทย ... "
๘ นาฬิกา และ ๑๘ นาฬิกา Sitiya_por@hotmail.com
Siranoi
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,101


เฒ่า! สดใส วัยซน..


« ตอบ #63 เมื่อ: วันที่ 13 สิงหาคม 2012, 05:46:56 »

วันนี้ตรงกับวันจันทร์ที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๕๕
ตรงกับ แรม ๑๑  ค่ำ  เดือน ๘/๘ (เดือนสิบ / สิบ เหนือ) ปีมะโรง
.....................
เครดิตที่...
http://guru.google.co.th/guru/thread?tid=2e3a564f1f249ef6

***วันนี้ในอดีต เมื่อพ.ศ. 2504 (ค.ศ. 1961) รัฐบาลคอมมิวนิสต์ของเยอรมนีตะวันออก เริ่มก่อสร้างกำแพงเบอร์ลิน***
ผลจากการย้ายออกของชาวเยอรมันตะวันออก ที่มีมากเกินการควบคุม รัฐบาลเยอรมันตะวันออกในขณะนั้น จึงได้สร้างกำแพงกั้นระหว่างประเทศเยอรมันตะวันออก และเยอรมันตะวันตก ว่ากันว่า แนวกำแพงที่กั้นระหว่างสองประเทศนี้ยาวเป็นอันดับสองรองจากกำแพงเมืองจีนทีเดียว

ในส่วนของกรุงเบอร์ลิน นครหลวงของประเทศทั้งสอง มีที่ตั้งอยู่ใจกลางประเทศเยอรมันตะวันออก ดังนั้น นครเบอร์ลินฝั่งตะวันตก จึงถูกปิดล้อมด้วยเยอรมันตะวันออกรอบด้าน ในระยะแรก การเดินทางเข้าออกระหว่างเบอร์ลินตะวันออก และเบอร์ลินตะวันตก เป็นไปโดยเสรี กระทั่งเมื่อมีการอพยพของชาวเยอรมันตะวันออกจำนวนมาก เป็นเหตุให้รัฐบาลเยอรมันตะวันออกเร่งสร้างกำแพงเพื่อปิดกั้นการย้ายถิ่นของชาวเยอรมัน ในวันที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2507 เป็นวันแรกที่มีการสร้างกำแพงเพื่อปิดล้อมกรุงเบอร์ลินตะวันตก และเป็นจุดเริ่มต้นของสงครามเย็นในยุคนั้น

กำแพงเบอร์ลิน ถูกใช้งานเป็นเวลา 28 ปี ในช่วงเวลานี้ มีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างและรูปแบบของกำแพงถึง 4 ครั้ง แต่ละครั้งจะเพิ่มความแข็งแรง และความสูงของกำแพงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อป้องกันการหลบหนีของชาวเยอรมันตะวันออก เนื่องจากกำแพงกันระหว่างเยอรมันตะวันออก และเยอรมันตะวันตก มีจุดเปราะบางที่สุดที่กรุงเบอร์ลินนี่เอง กำแพงเบอร์ลินทั้ง 4 รุ่นมีพัฒนาการดังนี้

กำแพงรุ่นที่ 1 เริ่มสร้างเมื่อวันที่ สิงหาคม พ.ศ. 2507 เป็นแนวรั้วลวดหนาม เป็นการสร้างชั่วคราวเพื่อป้องกันการอพยพของประชาชน เป็นกำแพงเบอร์ลินรุ่นที่มีอายุใช้งานสั้นที่สุด
กำแพงรุ่นที่ 2 เป็นกำแพงก่ออิฐถือปูน ถูกสร้างขึ้นแทนกำแพงรั้วลวดหนามทันทีที่กำแพงรั้วลวดหนามเสร็จสมบูรณ์ แต่กำแพงก่ออิฐถือปูนนี้ก็ไม่แข็งแรงพอที่ปิดกั้นความปรารถนาในการแสวงหาเสรีภาพของประชาชน มีความพยายามในการหลบหนีด้วยการทำลายกำแพงเกิดขึ้นหลายครั้ง
กำแพงรุ่นที่ 3 เป็นรั้วคอนกรีตสำเร็จรูป ถูกสร้างขึ้นเพื่อให้เกิดความแข็งแรง และความสูงเพิ่มขึ้น
กำแพงรุ่นที่ 4 ถูกสร้างในปี ค.ศ. 1975 เป็นแผ่นคอนกรีตสำเร็จรูปขนาดกว้าง 1.2 เมตร สูง 3.6 เมตร จำนวนกว่า 45,000 แผ่นถูกต่อเป็นแนวรอบกรุงเบอร์ลินตะวันตกเชื่อมต่อด้วยท่อคอนกรีตที่ด้านบนกำแพง กำแพงรุ่นนี้ถูกใช้งานจนกระทั่งถึงการล่มสลายในปี ค.ศ. 1989 และเป็นกำแพงเบอร์ลินรุ่นที่ถูกนำไปแสดงในพิพิธภัณฑ์ และสถานที่ต่าง ๆ ในปัจจุบัน ในการก่อสร้างกำแพงเบอร์ลินรุ่นที่ 4 ใช้งบประมาณสูงถึงกว่า 1,650 ล้านมาร์ก ณ ขณะนั้นทีเดียวสำหรับประชาชนเยอรมันทั้งตะวันตก และตะวันออก และประชาคมโลกในระบบประชาธิปไตย กำแพงเบอร์ลิน เปรียบเสมือนการปิดกั้นเสรีภาพของประชาชน ว่ากันว่า กำแพงเบอร์ลิน เป็นกำแพงแห่งเดียวในโลกที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อปิดกั้นประชาชนในประเทศของตนจากโลกภายนอก ในขณะที่กำแพงเมืองอื่น ๆ ทั่วโลกนั้นมีไว้เพื่อป้องกันไม่ให้ศัตรูเข้ามารุกรานเสรีภาพของชาวเมือง ในทางกลับกัน สหภาพโซเวียต ผู้อยู่เบื้องหลังการสร้างกำแพงเบอร์ลิน กลับมองว่า กำแพงเบอร์ลิน คือนวัตกรรมของชนชาติ


* gggkkh68jghcahg859agh (WinCE).jpg (6.98 KB, 240x125 - ดู 283 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า

" ... ธงชาติและเพลงชาติไทย เป็นสัญลักษณ์ของความเป็นไทย
เราจงร่วมใจกันยืนตรงเคารพธงชาติ ด้วยความภาคภูมิใจในเอกราช
และความเสียสละ ของบรรพบุรุษไทย ... "
๘ นาฬิกา และ ๑๘ นาฬิกา Sitiya_por@hotmail.com
Siranoi
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,101


เฒ่า! สดใส วัยซน..


« ตอบ #64 เมื่อ: วันที่ 15 สิงหาคม 2012, 08:41:04 »

วันนี้ตรงกับวันพุธที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๕๕
ตรงกับ แรม ๑๓  ค่ำ  เดือน ๘/๘ (เดือนสิบ / สิบ เหนือ) ปีมะโรง
.....................
***วันนี้ในอดีต เมื่อพ.ศ. 2442 (ค.ศ. 1899) มีการประกาศตัดถนนหลวงสายใหม่ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานนามว่า ราชดำเนิน ***
ถนนราชดำเนิน (อังกฤษ: Ratchadamnoen Road, Ratchadamnoen Avenue, Thanon Ratchadamnoen) เป็นถนนสายสำคัญสายหนึ่งในกรุงเทพมหานคร ประกอบด้วยถนน 3 สาย ได้แก่

ถนนราชดำเนินใน (Thanon Ratchadamnoen Nai) อยู่ในท้องที่แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร มีระยะทางตั้งแต่ถนนหน้าพระลาน เลียบสนามหลวงด้านทิศตะวันออก ขึ้นไปทางทิศเหนือจนถึงสะพานผ่านพิภพลีลา
ถนนราชดำเนินกลาง (Thanon Ratchadamnoen Klang) อยู่ในท้องที่แขวงตลาดยอดและแขวงวัดบวรนิเวศ เขตพระนคร มีระยะทางตั้งแต่สะพานผ่านพิภพลีลา ไปทางทิศตะวันออก ผ่านสี่แยกคอกวัว อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และป้อมมหากาฬ สิ้นสุดที่สะพานผ่านฟ้าลีลาศ
ถนนราชดำเนินนอก (Thanon Ratchadamnoen Nok) มีระยะทางตั้งแต่สะพานผ่านฟ้าลีลาศ ไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือในท้องที่แขวงบ้านพานถม เขตพระนคร ตัดกับถนนวิสุทธิกษัตริย์ (สี่แยก จ.ป.ร.) เข้าสู่ท้องที่แขวงบางขุนพรหม ตัดกับถนนกรุงเกษม (สี่แยกมัฆวานรังสรรค์) เข้าสู่ท้องที่แขวงดุสิต เขตดุสิต จากนั้นตัดกับถนนพิษณุโลก (สี่แยกสวนมิสกวัน) และมุ่งไปทางทิศเดิมจนถึงถนนศรีอยุธยา (สี่แยกหน้าลานพระบรมรูปทรงม้า)
ประวัติถนนราชดำเนินเป็นถนนที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นใน พ.ศ. 2442 เพื่อเป็นที่เสด็จพระราชดำเนินระหว่างพระบรมมหาราชวังกับพระราชวังดุสิต เพื่อความสง่างามของบ้านเมืองและเพื่อให้ประชาชนได้เดินเที่ยวพักผ่อน จึงมีพระราชประสงค์ให้สร้างถนนราชดำเนินให้กว้างที่สุด และให้สองฟากถนนเป็นที่ตั้งวังและสถานที่ราชการใหญ่ ๆ มิให้สร้างตึกแถวหรือร้านเล็ก ๆ ซึ่งจะทำให้กลายเป็นย่านการค้า โดยในชั้นแรกนั้นมีพระราชดำริว่า เมื่อสร้างถนนที่ตำบลบ้านพานถมจะต้องรื้อป้อมหักกำลังดัสกร น่าจะรักษาชื่อป้อมไว้ใช้เป็นชื่อถนน แต่จะเรียกว่าถนนหักกำลังดัสกร "ก็ดูแปลไม่ได้ความกันกับถนน แต่พักเอาไว้ตรองทีหนึ่ง ควรจะต้องตั้งชื่อให้ทันก่อนตัดถนน"

สาเหตุของการตัดถนนเนื่องจากมีพระราชดำริว่า ท้องที่ตำบลบ้านพานถมถึงท้องที่ตำบลป้อมหักกำลังดัสกรเป็นที่เรือกสวนเปลี่ยวอยู่ระหว่างถนนพฤฒิบาศ (ปัจจุบันคือถนนนครสวรรค์) กับถนนสามเสน ยังไม่เป็นที่สมบูรณ์ทันเสมอท้องที่ตำบลอื่น เพราะยังไม่มีถนนหลวงที่จะทำให้ประชาชนทำการค้าขายสะดวกขึ้น จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างถนนขึ้นโดยตัดตั้งแต่ปลายถนนพระสุเมรุ ข้ามคลองรอบกรุงที่ตำบลบ้านพานถม ตรงไปยังป้อมหักกำลังดัสกร ข้ามคลองผดุงกรุงเกษมบรรจบกับถนนเบญจมาศ (ปัจจุบันคือส่วนหนึ่งของถนนราชดำเนินนอก) พระราชทานนามว่า "ถนนราชดำเนิน" เช่นเดียวกับถนนควีนส์วอล์ก (Queen’s walk) ในกรีนปาร์ก (Green Park) ที่กรุงลอนดอน อังกฤษ และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระยาเทเวศรวงศ์วิวัฒน์ เสนาบดีกระทรวงโยธาธิการและอธิบดีกรมสุขาภิบาล เป็นพนักงานจัดสร้างถนนราชดำเนิน ต่อมาโปรดเกล้าฯ ให้ย้ายถนนราชดำเนินไปตัดทางในตำบลบ้านหล่อ เพื่อให้ถนนตรงได้แนวตลอดถนนเบญจมาศด้วย และโปรดเกล้าฯ ให้ตัดถนนเทวียุรยาตร (ปัจจุบันคือถนนประชาธิปไตย) ผ่านตำบลบ้านพานถมขึ้นแทน ถนนราชดำเนินนอกเริ่มตั้งแต่ถนนพฤฒิบาศ ผ่านตำบลบ้านหล่อไปออกตำบลป้อมหักกำลังดัสกร ข้ามคลองผดุงกรุงเกษมไปบรรจบกับถนนเบญจมาศ ถือเป็นถนนสายแรกที่ใช้วิธีการใช้ค่าที่ดินในการเวนคืนเพื่อตัดถนน

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดถนนราชดำเนินนอก สะพานมัฆวานรังสรรค์ และถนนเบญจมาศ เนื่องในอภิลักขิตสมัยเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 50 พรรษา ใน พ.ศ. 2444 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างถนนราชดำเนินกลาง ตั้งแต่สะพานเสี้ยว ตรงไปข้างคลองบางลำพูต่อกับถนนราชดำเนินนอก จึงโปรดเกล้าฯ ให้เรียกถนนราชดำเนินช่วงแรกว่าถนนราชดำเนินนอก ต่อมามีการก่อสร้างถนนราชดำเนินในมาจดถนนหน้าพระลาน โดยสร้างขยายแนวถนนจักรวรรดิวังหน้าเดิม เริ่มจากมุมถนนหน้าพระลานและถนนสนามไชย มาบรรจบกับย่านริมสนามหลวงด้านตะวันออก ไปบรรจบถนนราชดำเนินกลางที่สะพานผ่านพิภพลีลา แล้วเสร็จใน พ.ศ. 2446

ถนนราชดำเนินเป็นถนนที่สวยงามและเป็นศรีสง่าของบ้านเมือง ตั้งแต่แรกสร้างมาจนถึงปัจจุบัน และเป็นถนนสายประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประวัติศาสตร์การเมืองไทย เพราะเป็นเสมือนสัญลักษณ์ของประชาธิปไตย โดยจะถูกใช้เป็นสถานที่ชุมทางการเมืองในช่วงวิกฤตการณ์ของประเทศหลายต่อหลายครั้ง [1] [2]



* 800px-Monument_of_Democracy,_Bangkok.jpg (61.22 KB, 800x600 - ดู 442 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า

" ... ธงชาติและเพลงชาติไทย เป็นสัญลักษณ์ของความเป็นไทย
เราจงร่วมใจกันยืนตรงเคารพธงชาติ ด้วยความภาคภูมิใจในเอกราช
และความเสียสละ ของบรรพบุรุษไทย ... "
๘ นาฬิกา และ ๑๘ นาฬิกา Sitiya_por@hotmail.com
Siranoi
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,101


เฒ่า! สดใส วัยซน..


« ตอบ #65 เมื่อ: วันที่ 20 สิงหาคม 2012, 12:07:18 »

วันนี้ตรงกับวันจันทร์ที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๕๕
ตรงกับ ขึ้น ๓  ค่ำ  เดือน ๙ (เดือนสิบเอ็ดเหนือ) ปีมะโรง
.....................
***วันนี้ในอดีต เมื่อพ.ศ. 2447 (ค.ศ. 1904) - มีการประหารชีวิตนักโทษด้วยการตัดศีรษะเป็นครั้งสุดท้ายในประเทศไทย ***
การประหารชีวิต อดีต - ปัจจุบัน

      การลงโทษประหารชีวิต เป็นการลงโทษที่รุนแรงที่สุดที่พึงใช้ต่อผู้กระทำความผิด ถือได้ว่าเป็น การลง
โทษที่เก่าแก่ที่สุดซึ่งดำเนินมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน จุดมุ่งหมายของการประหารชีวิตคือ การกำจัดผู้กระทำ
ผิดให้พ้นไปจากสังคมด้วยวิธีการฆ่า ในสมัยโบราณการลงโทษประหาร เรียกว่า "กุดหัว" โดยใช้ดาบฟันคอ
นักโทษเด็ดขาด ดาบที่ใช้ในการประหารมีรูปร่างต่างๆ กัน ครูเพชฌฆาตเป็น ผู้จัดทำดาบขึ้น มีดาบปลาย
แหลม ดาบปลายตัด และดาบหัวปลาไหล การประหารชีวิตครั้งใดจะใช้ดาบชนิดใด ให้อยู่ในดุลพินิจของครู
เพชฌฆาต

      เพชฌฆาตผู้ทำหน้าที่ประหารชีวิตมี 3 คน คือ ดาบที่หนึ่ง และตัวสำรองอีก 2 คน เรียกว่า ดาบสอง และ
ดาบสาม ถ้าดาบหนึ่งฟันคอไม่ขาด ดาบสองจะต้องซ้ำ ถ้ายังไม่ขาดดาบสามก็ต้องเชือดให้ขาด
      พิธีการประหารชีวิตด้วยดาบ มีวัตถุเครื่องมือใช้และพิธีทางไสยศาตร์หลายอย่าง เช่นมีสายมงคลล้อม
รอบบริเวณประหาร กันผีตายโหงจะเฮี้ยน การตัดสายมงคลต้องใช้มีดโดยเฉพาะ จะใช้ของอื่นไม่ได้ เป็นต้น
      ในสมัยรัชกาลที่ 5 การประหารชีวิตนักโทษด้วยดาบมักทำพิธีกันที่วัด โดยคุมตัวผู้ต้องโทษประหาร
เดินทางโดยทางเรือออกจากคุกในลักษณะจองจำครบ 5 ประการ ดังจะสรุปขั้นตอนของการประหารชีวิตด้วย
ดาบ ในสมัยรัชกาลที่ 5 ดังนี้คือ

       1. เมื่อลูกขุน ณ ศาลาลูกขุน ณ ศาลหลวง วางโทษประหารชีวิต ก็จะนำความขึ้นกราบบังคมทูล
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ประหารชีวิต
            2. ก่อนจะนำตัวไปประหารชีวิต จะต้องถูกเฆี่ยน 3 ยกๆละ 30 ที รวม 90 ที
            3. จัดอาหารคาวหวานมื้อสุดท้ายให้นักโทษกินก่อนประหาร และนิมนต์พระมาเทศน์ให้ฟัง
            4. นักโทษประหารถูกจับนั่งมัดกับหลักไม้กางเขนแบบกาจับหลัก
            5. เพชฌฆาตเอาดินเหนียวอุดหู อุดปาก และแปะไว้ที่ต้นคอนักโทษ เพื่อกำหนดตรงที่จะฟันจาก
นั้นเพชฌฆาตดาบสองจะร่ายรำไปมา เพื่อรอจังหวะให้จิตนักโทษสงบ พร้อมกับเพชฌฆาตดาบหนึ่งลงดาบ
ฟันคอทันที
            6. เมื่อประหารแล้ว เจ้าหน้าที่จะตัดส้นเท้า เพื่อถอดตรวนออกแล้วสับร่างกายหรือแล่เนื้อให้ทาน
แก่แร้งกา
            7. เอาหัวเสียบประจาน

            ปัจจุบันการลงโทษประหารชีวิตผู้กระทำผิดได้เปลี่ยนจากการประหารชีวิตด้วยดาบมาเป็นการ
ประหารชีวิตด้วยปืน ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2477 เป็นต้นมา เรียกว่า การยิงเป้า วิธีการประหารชีวิตจะเริ่มขึ้นโดยเจ้า
หน้าที่อ่านคำสั่งศาลและฎีกาทูลเกล้าซึ่งพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานฯ คืนมาให้ผู้ต้องโทษฟังและลงชื่อรับ
ทราบ ต่อจากนั้นเจ้าหน้าที่จะดำเนินการตรวจสอบหลักฐานทางทะเบียนประวัติให้ถูกต้องและอนุญาตให้
ผู้ต้องโทษจัดการเกี่ยวกับทรัพย์สิน หรือกิจการจำเป็นอื่นใดเป็นลายลักษณ์อักษร แล้วจึงให้ผู้ต้องโทษฟัง
เทศน์จากพระภิกษุสงฆ์หรือนักพรตในนิกายศาสนาที่ผู้ต้องโทษเลื่อมใสแล้วให้รับประทานอาหารเป็นมื้อ
สุดท้าย จากนั้นนำผู้ต้องโทษเข้าสู่หลักประหารซึ่งเป็นลักษณะเป็นไม้กางเขนมีความสูงขนาดไหล่ โดยผู้ต้อง
โทษจะถูกมัดด้วยด้ายดิบ ให้ยืนหันหน้าเข้าหลักประหารซึ่งมีไม้นั่งคร่อม ป้องกันมิให้ผู้ต้องโทษยืนตัวงอ
หรือเข่าอ่อน ข้อมือทั้งสองผูกมัดติดกับหลักประหารในลักษณะประนมมือ กำดอกไม้ธูปเทียนไว้ เจ้าหน้าที่
นำฉากประหารซึ่งมีเป้าวงกลมติดอยู่กับฉาก ตั้งเล็งให้เป้าอยู่ตรงจุดกลางหัวใจของผู้ต้องโทษ ห่างจากด้าน
หลังผู้ต้องโทษประมาณ 1 ฟุต เพื่อกำบังมิให้เจ้าหน้าที่ผู้ลั่นไกปืนเห็นตัวผู้ต้องโทษ แท่นปืนประหารตั้งอยู่
ห่างจากฉากประหารประมาณ 4 เมตร เมื่อพร้อมแล้วเจ้าหน้าที่ให้สัญญาณ โดยโบกธงสีแดง ผู้ทำหน้าที่ลั่น
ไกปืน คณะกรรมการประหารชีวิตร่วมกันตรวจสอบจนแน่ใจว่านักโทษถึงแก่ความตายอย่างแท้จริง จากนั้น
เจ้าหน้าที่จะจัดพิมพ์ลายนิ้วนักโทษประหารเป็นครั้งสุดท้ายเพื่อยืนยันว่าไม่ประหารชีวิตผิดตัว

 



* k1.jpg (21.6 KB, 200x151 - ดู 345 ครั้ง.)

* k2.jpg (24.94 KB, 200x178 - ดู 306 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า

" ... ธงชาติและเพลงชาติไทย เป็นสัญลักษณ์ของความเป็นไทย
เราจงร่วมใจกันยืนตรงเคารพธงชาติ ด้วยความภาคภูมิใจในเอกราช
และความเสียสละ ของบรรพบุรุษไทย ... "
๘ นาฬิกา และ ๑๘ นาฬิกา Sitiya_por@hotmail.com
-_-@บ่าวเจียงฮาย@
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 483



« ตอบ #66 เมื่อ: วันที่ 20 สิงหาคม 2012, 14:18:33 »

ขอบคุณครับตี้เอาเรื่องดีๆ มาหื้ออ่าน บางเรื่องก็เกิดตัน บางเรื่องก็เกิดบ่ตัน บางเรื่องฮู้จากหนังสือประวัติศาสตร์ บางเรื่องกำลังฮู้ก่มีครับ
IP : บันทึกการเข้า

คนที่ทะเลาะกันด้วยเรื่องศาสนา
     ก็เหมือนกับชายสองคน
      ทะเลาะกันเรื่องผู้หญิง
   แต่ไม่มีใครรักเธอจริงสักคน
Siranoi
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,101


เฒ่า! สดใส วัยซน..


« ตอบ #67 เมื่อ: วันที่ 23 สิงหาคม 2012, 13:40:14 »

วันนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๕๕
ตรงกับ ขึ้น ๖  ค่ำ  เดือน ๙ (เดือนสิบเอ็ดเหนือ) ปีมะโรง
.....................

***วันนี้ในอดีต เมื่อพ.ศ. 2551 (ค.ศ. 2008) โอลิมปิกฤดูร้อน 2008ที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน สมจิตร จงจอหอ นักมวยทีมชาติไทย คว้าเหรียญทองกีฬาโอลิมปิก โดยชนะคู่ชกชาวคิวบา มนัส บุญจำนงค์ นักมวยทีมชาติไทย คว้าเหรียญเงินกีฬาโอลิมปิก*** เ ร้อยเอก ดร.สมจิตร จงจอหอ (สังกัดกองบัญชาการกองทัพไทย) เป็นนักกีฬามวยสากลสมัครเล่นชาวไทย เจ้าของเหรียญทองโอลิมปิก เหรียญทองเอเชียนเกมส์ 2 สมัย เหรียญทองซีเกมส์ 3 สมัย และได้รับเกียรติให้เป็นผู้เชิญธงชาติไทย นำคณะนักกีฬาทีมชาติไทย ในพิธีปิดโอลิมปิกฤดูร้อน 2008 ประวัติสมจิตร จงจอหอ มีชื่อเล่นว่า "น้อย" เกิดเมื่อวันที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2518 ที่ตำบลจอหอ อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา เป็นบุตรของ นายเช้า และนางฝ้าย จงจอหอ สมรสกับ นางศศิธร (นามสกุลเดิม: เนาว์ประเสริฐ) หลังจากนั้นย้ายภูมิลำเนาตามบิดา มารดาไปอยู่และเติบโตที่ อำเภอโนนสุวรรณ จังหวัดบุรีรัมย์ ปัจจุบันย้ายกลับมาอยู่ที่จังหวัดนครราชสีมา มีบุตรชาย 1 คน ชื่อ เด็กชายอภิภู จงจอหอ (ชื่อเล่น: กำปั้น)
สมจิตร จบการศึกษาจากสถาบันการพลศึกษา วิทยาเขตสุโขทัย ได้รับเหรียญทองจากการแข่งขันมวยรายการต่างๆ มากมาย อาทิ เวิลด์แชมเปียนชิพ, มวยทหารโลก, เอเชียน


* __1_~1.JPG (8.04 KB, 200x240 - ดู 474 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า

" ... ธงชาติและเพลงชาติไทย เป็นสัญลักษณ์ของความเป็นไทย
เราจงร่วมใจกันยืนตรงเคารพธงชาติ ด้วยความภาคภูมิใจในเอกราช
และความเสียสละ ของบรรพบุรุษไทย ... "
๘ นาฬิกา และ ๑๘ นาฬิกา Sitiya_por@hotmail.com
Siranoi
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,101


เฒ่า! สดใส วัยซน..


« ตอบ #68 เมื่อ: วันที่ 25 สิงหาคม 2012, 11:23:05 »

วันนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๕๕
ตรงกับ ขึ้น ๘  ค่ำ  เดือน ๙ (เดือนสิบเอ็ดเหนือ) ปีมะโรง
.....................
***วันนี้ในอดีต เมื่อพ.ศ. 2151 (ค.ศ. 1609) กาลิเลโอ กาลิเลอี (Galileo Galilei) นักวิทยาศาสตร์ นักคณิตศาสตร์ นักฟิสิกส์ และนักดาราศาสตร์ชาวอิตาลีชื่อก้องโลก ได้บุกเบิกการสำรวจท้องฟ้าด้วย กล้องโทรทรรศน์***
วันนี้เป็นวันสำคัญของวงการดาราศาสตร์อีกวันหนึ่ง เนื่องจากเมื่อ 400 ปีก่อน ในราวปี ค.ศ. 1609 กาลิเลโอ กาลิเลอี (Galileo Galilei) นักวิทยาศาสตร์ นักคณิตศาสตร์ นักฟิสิกส์ และนักดาราศาสตร์ชาวอิตาลีชื่อก้องโลก ได้บุกเบิกการสำรวจท้องฟ้าด้วย กล้องโทรทรรศน์ กำลังขยาย 30 เท่า เป็นกล้องดูดาวแบบหักเหแสงที่เขาประดิษฐ์เองอย่างง่ายๆ ส่องสำรวจจักรวาลเป็นครั้งแรก โดยเขาสำรวจดวงจันทร์, ดาวพฤหัส และค้นพบดาวบริวารทั้งสี่ของดาวพฤหัส และเสนอทฤษฎีที่ว่า โลกกลม ...นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของการเริ่มสำรวจจักรวาลโดยใช้กล้องโทรทรรศน์ และนำมาซึ่งการค้นพบสำคัญๆ อีกมากมาย

ทั้งนี้ กล้องโทรทรรศน์ ดังกล่าว ถูกเรียกเพื่อเป็นเกียรติแก่ กาลิเลโอ ว่า "กล้องดูดาวแบบกาลิเลโอ" (Galileo's Telescope) สำหรับกล้องโทรทรรศน์หักเหแสงของกาลิเลโอนั้น เลนส์วัตถุจะเป็นเลนส์นูน และเลนส์ตาจะเป็นจากเลนส์เว้า ข้อดีของการใช้ระบบเลนส์แบบนี้คือ ภาพที่ได้จะเป็นภาพหัวตั้งโดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์อื่นมาช่วย แต่ข้อเสียของการใช้เลนส์เว้าเป็นเลนส์ตาคือ ระบบกล้องจะมีมุมมองภาพที่แคบมาก


ค.ศ. 1610


มีการตีพิมพ์หนังสือ Sidereus Nuncius ของ Galileo Galilei ถือว่าเป็นตำราทางดาราศาสตร์เล่มแรกที่บันทึกการสังเกตการณ์ด้วยกล้องโทรทรรศน์ที่ทำด้วยตัวเอง



* Telescope.jpg (30.69 KB, 300x443 - ดู 298 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า

" ... ธงชาติและเพลงชาติไทย เป็นสัญลักษณ์ของความเป็นไทย
เราจงร่วมใจกันยืนตรงเคารพธงชาติ ด้วยความภาคภูมิใจในเอกราช
และความเสียสละ ของบรรพบุรุษไทย ... "
๘ นาฬิกา และ ๑๘ นาฬิกา Sitiya_por@hotmail.com
Siranoi
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,101


เฒ่า! สดใส วัยซน..


« ตอบ #69 เมื่อ: วันที่ 27 สิงหาคม 2012, 05:49:32 »

วันนี้ตรงกับวันจันทร์ที่ ๒๗ สิงหาคม ๒๕๕๕
ตรงกับ ขึ้น ๑๐  ค่ำ  เดือน ๙ (เดือนสิบเอ็ดเหนือ) ปีมะโรง
.....................
เดรดิตจาก...
http://www.kpi.ac.th/wiki/index.php/%E0%B9%84%E0%B8%AE%E0%B8%94%E0%B9%8C%E0%B8%9B%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%84
......................
***วันนี้ในอดีต เมื่อพ.ศ. 2498 (ค.ศ. 1955) รัฐบาลชุด จอมพล ป.พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี ได้อนุญาตให้คนไทยเปิดการพูดไฮปาร์ค ตามแบบอังกฤษได้เป็นครั้งแรก ที่ท้องสนามหลวง***
ไฮด์ปาร์ค นโยบายประชาธิปไตยสมัยจอมพล ป.พิบูลสงคราม
ในช่วงระยะเวลาระหว่างปี 2498 – 2500 เป็นช่วงเวลาที่สำคัญมากสำหรับการเมืองไทยสมัยใหม่ เนื่องจากเป็นระยะหัวเลี้ยวหัวต่อของรัฐบาลของจอมพล ป. พิบูลสงคราม เกิดความขัดแย้งแบ่งฝ่ายภายในรัฐบาล จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ และพลตำรวจเอกเผ่า ศรียานนท์ มีอำนาจบารมีทางการเมืองเพิ่มมากขึ้นและมีความตึงเครียดแข่งขันอำนาจระหว่างกันโดยมีจอมพล ป. พิบูลสงครามอยู่ระหว่างค่ายกำลังทั้ง 2 ค่าย นั่นคือ กลุ่มสี่เสาว์เทเวศร์ (สฤษดิ์) และกลุ่มซอยราชครู (เผ่า) จนทำให้นักวิชาการหลายคนเรียกการเมืองในยุคนี้ว่า “การเมืองสามเส้า” เพื่อถ่วงดุลอำนาจของ 2 ค่ายอำนาจ และเพื่อเพิ่มอำนาจต่อรองให้ตนเอง จอมพล ป. พิบูลสงครามจึงได้ปล่อยให้มี “บรรยากาศเปิด” ทางการเมือง โดยการเสนอให้มีการฟื้นฟูประชาธิปไตย

ในปี 2498 จอมพล ป. พิบูลสงครามได้เดินทางรอบโลกภายใต้การสนับสนุนของสหรัฐอเมริกา และไปอยู่ที่อเมริกาถึง 3 สัปดาห์ เมื่อกลับมาถึงเมืองไทยจอมพล ป. พิบูลสงครามก็เริ่มรณรงค์ “ประชาธิปไตย” ทันที โดยสัญญาว่าจะให้มีการเลือกตั้งทั่วไปในเดือนกุมภาพันธุ์ 2500 เริ่มใช้คำขวัญประชาธิปไตยของอเมริกาว่าเป็นการปกครอง “ของประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชน” ทหารไม่ควรยุ่งเกี่ยวกับการเมือง การค้า การรัฐประหารเป็นเรื่องล้าสมัยแล้ว จอมพล ป. พิบูลสงครามเปิดให้มี “เพรสคอนเฟอร์เรนซ์” พบปะกับนักหนังสือพิมพ์ ปรากฏตัวท่ามกลางมหาชน และในเดือนกันยายน 2498 ก็อนุญาตให้มีการจัดตั้งพรรคการเมืองได้อีกครั้ง หลังจากมีการห้ามมาเป็นเวลา 3 ปี และในกระบวนการสร้างบรรยากาศประชาธิปไตยของจอมพล ป. พิบูลสงครามดังกล่าว ก็ทำให้เกิดศัพท์การเมืองใหม่ขึ้นมาใช้สำหรับเรียกการปราศัยหาเสียง นั่นคือ “ไฮด์ปาร์ค” ซึ่งจอมพล ป. พิบูลสงครามอ้างว่า เพื่อให้เหมือนกับในประเทศอังกฤษที่เป็นแม่แบบของประชาธิปไต
IP : บันทึกการเข้า

" ... ธงชาติและเพลงชาติไทย เป็นสัญลักษณ์ของความเป็นไทย
เราจงร่วมใจกันยืนตรงเคารพธงชาติ ด้วยความภาคภูมิใจในเอกราช
และความเสียสละ ของบรรพบุรุษไทย ... "
๘ นาฬิกา และ ๑๘ นาฬิกา Sitiya_por@hotmail.com
Siranoi
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,101


เฒ่า! สดใส วัยซน..


« ตอบ #70 เมื่อ: วันที่ 29 สิงหาคม 2012, 09:35:55 »

วันนี้ตรงกับวันพุธที่ ๒๙ สิงหาคม ๒๕๕๕
ตรงกับ ขึ้น ๑๒  ค่ำ  เดือน ๙ (เดือนสิบเอ็ดเหนือ) ปีมะโรง
.....................
เครดิตจาก...

http://www.oknation.net/blog/print.php?id=235635

***วันนี้ในอดีต เมื่อพ.ศ. 2385 (ค.ศ. 1842) จีนพ่ายประเทศอังกฤษในสงครามฝิ่น นำมาสู่สนธิสัญญานานกิง ส่งมอบอธิปไตยเหนือเกาะฮ่องกงสู่อังกฤษ***
สงครามฝิ่น (จีนตัวเต็ม: 鴉片戰爭; จีนตัวย่อ: 鸦片战争; พินอิน: Yāpiàn Zhànzhēng ยาเพี่ยนจ้านเจิง; อังกฤษ: Opium Wars) ฝิ่นเป็นยาเสพย์ติดที่ชาวจีนติดกันอย่างงอมแงมและติดกันมานาน ในรัชกาลจักรพรรดิหย่งเจิ้น (雍正) เคยมีดำริที่จะทำการปราบปรามฝิ่นแต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ ชาวจีนส่วนใหญ่ยังติดฝิ่นเรื่อยมา จนถึงรัชสมัยของจักรพรรดิเต้ากวง (道光) ปีที่ 19 พระองค์มีเจตนารมณ์อย่างแรงกล้าที่จะทำการปราบฝิ่น ทรงแต่งตั้งหลินเจ๋อสวี เป็นผู้ตรวจราชการสองมณฑล ขึ้นเป็นผู้นำในการกวาดล้างฝิ่นจากแผ่นดินจีน

[แก้] เริ่มกระบวนการปราบปรามฝิ่นหลินเจ๋อสวีเริ่มงานด้วยการห้ามค้าฝิ่นในมณฑลกวางตุ้ง และจับพ่อค้าฝิ่นชาวจีนที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมดไปคุมตัวในเรือนจำ ใครที่มีหลักฐานว่าค้าฝิ่นจะต้องถูกประหาร และตัดศีรษะเสียบประจาน เพื่อข่มขู่ชาวจีนอื่น ๆ ให้เกรงกลัวจะได้ไม่กล้าค้าฝิ่นอีก นอกจากปราบปรามการค้าฝิ่นในหมู่ชาวจีน หลินเจ๋อสวี ยังได้พยายามฟื้นฟูสุขภาพชาวจีนที่ติดฝิ่น โดยจัดโครงการรณรงค์การอดฝิ่น มีชาวจีนหลายคนที่อดฝิ่นได้สำเร็จ ทางการก็จะประกาศเกียรติคุณ เพื่อให้คนอื่น ๆ เอาเป็นแบบอย่างอันดีที่จะพยายามเลิกฝิ่นให้ได้ จากนั้นหลินเจ๋อสวีก็สั่งห้ามเรือพ่อค้าต่างชาติที่บรรทุกฝิ่นเข้ามาในอาณาจักรจีน โดยห้ามเรือล่องเข้าแม่น้ำจูเจียงมาเป็นเด็ดขาด และประกาศให้พ่อค้าต่างชาติที่มีฝิ่นในครอบครอง ต้องนำฝิ่นมาส่งมอบให้ทางการจีน แต่พ่อค้าชาวต่างชาติไม่สนใจคำสั่งของหลินเจ๋อสวี ยังคงค้าฝิ่นต่อไป หลินเจ๋อสวีจึงสั่งปิดล้อมย่านการค้าของคนต่างชาติใน และบีบให้พ่อค้าต่างชาติส่งฝิ่นให้ทางการจีน หลังจากปิดล้อมอยู่สองวัน พวกพ่อค้าต่างชาติก็ยอมมอบฝิ่นออกมาในที่สุด ฝิ่นที่ยึดได้ครั้งนี้ หลินสั่งให้เอาฝิ่นทั้งหมดไปละลายกับกรดน้ำส้มกับเกลือและน้ำ เพื่อฆ่าฤทธิ์ของฝิ่น แล้วก็โยนทิ้งทะเลไปจนหมดสิ้น ผลจากการปราบปรามฝิ่นอย่างจริงจังของหลินเจ๋อสวี ทำให้ชาวต่างชาติโดยเฉพาะพ่อค้าอังกฤษที่มีผลประโยชน์จากการค้าฝิ่นมหาศาลไม่พอใจอย่างยิ่ง เพราะฝิ่นที่หลินเจ๋อสวีทำลายไปมีจำนวนมหาศาลถึง 20,000 ลัง คิดเป็นน้ำหนักสองล้านปอนด์ครึ่ง และเนื่องจากฝิ่นเป็นสินค้าที่มีค่าสูง จึงยังมีพ่อค้าต่างชาติทั้งชาวอังกฤษและโปรตุเกส ยังคงลอบค้าฝิ่น แต่เปลี่ยนฐานการค้าจากตัวแผ่นดินใหญ่ในมณฑลกวางตุ้ง ไปอยู่ที่มาเก๊า และเกาะฮ่องกง ซึ่งมีทำเลดีกว่าแทน

[แก้] สงครามปะทุการกระทบกระทั่งระหว่างจีนกับอังกฤษยังคงมีต่อมา เมื่อชาวจีนถูกกลาสีเรือชาวอังกฤษฆ่าตายที่เกาลูน หลินเจ๋อสวีให้ทางอังกฤษส่งตัวกลาสีที่ก่อเหตุมารับโทษตามกฎหมายจีน แต่กัปตันเอลเลียตของอังกฤษปฏิเสธอย่างสิ้นเชิง ผลจากการกระทบกระทั่งกันครั้งนี้ ทำให้หลินเจ๋อสวีขับไล่ชาวอังกฤษทั้งหมดออกจากมาเก๊า แต่พ่อค้าเหล่านี้ก็ไปตั้งหลักที่ฮ่องกงแทน กัปตันเอลเลียต ขอความช่วยเหลือไปทางรัฐบาลอังกฤษ รัฐบาลอังกฤษในยุคของสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียแห่งสหราชอาณาจักร ซึ่งเป็นยุคสมัยของการล่าอาณานิคม ถือเป็นเหตุในการทำสงครามกับจีน โดยเริ่มครั้งแรกในปี พ.ศ. 2382 (ค.ศ. 1839) โดยสั่งให้บริษัทอีสต์อินเดีย ซึ่งเป็นบริษัทการค้าของรัฐบาลอังกฤษ ส่งกองเรือไปช่วยที่ฮ่องกง เมื่อกองเรือรบกองแรกมาถึงซึ่งประกอบไปด้วยเรือปืนจำนวน 28 ลำ หลินเจ๋อสวีไม่เคยมีประสบการณ์กับการรบกับอาวุธที่ทันสมัยเช่นนี้ จึงถูกโจมตีจนกองเรือจีนพ่ายแพ้อย่างรวดเร็ว หนำซ้ำพวกขุนพลของจีนที่สู้แพ้อังกฤษ ยังไม่กล้ารายงานสถานการณ์ตามความเป็นจริง ทำให้หลินเจ๋อสวีเข้าใจผิดว่ากองเรือของจีนเอาชนะกองเรืออังกฤษได้ จึงถวายรายงานกับพระจักรพรรดิเต้ากวงว่า จีนได้รับชัยชนะ และยิ่งแสดงท่าทีแข็งกร้าวต่อพวกอังกฤษยิ่งขึ้น ในที่สุด ในปี พ.ศ. 2383 (ค.ศ. 1840) ฝ่ายกองเรือรบอังกฤษก็บุกเข้าปากแม่น้ำจูเจียง และยึดเมืองกวางซูเอาไว้ได้อย่างง่ายดาย พร้อมทั้งเคลื่อนกองเรือรุกเข้ามาในแผ่นดินจีนขึ้นเรื่อย ๆ นอกจากนี้ยังส่งกองเรือจำนวนหนึ่งไปยึดเมืองท่าริมทะเลเอาไว้ด้วย ความทราบถึงพระจักรพรรดิเต้ากวง จึงทรงตำหนิหลินเจ๋อสวีอย่างรุนแรง และปลดหลินเจ๋อสวีจากตำแหน่งทั้งหมด เนรเทศไปยังซินเจียง และส่งแม่ทัพฉีซานมาแทน ฉีซานไม่สามารถต้านทานแสนยานุภาพของอังกฤษได้

[แก้] ผลลัพธ์ในปี พ.ศ. 2385 (ค.ศ. 1842) กองทัพอังกฤษบุกเข้ายึดเมืองนานกิงได้ จนกระทั่งในที่สุดจำเป็นต้องเจรจาสงบศึกกับอังกฤษ ที่เมืองนานกิงนั่นเอง และยอมเซ็นสนธิสัญญาที่ชาวจีนถือว่าอัปยศที่สุด ที่เรียกว่าสนธิสัญญานานกิงในปีเดียวกันนั้น เนื้อหาในสนธิสัญญาฉบับนี้ อังกฤษบังคับให้จีนเปิดเมืองท่าตามชายทะเลเพื่อค้าขายกับอังกฤษ รวมทั้งขอสิทธิสภาพนอกอาณาเขตเหนือดินแดนจีน คนที่ถือสัญชาติอังกฤษ จะไม่ต้องขึ้นศาลจีน รวมทั้งสิทธิใด ๆ ที่อังกฤษได้ ต่างชาติอื่น ๆ ก็ต้องได้ด้วย แม้ว่าเนื้อหาของสนธิสัญญานี้ จีนต้องเสียเปรียบอังกฤษเป็นอย่างมาก แต่จีนก็จำต้องเซ็นสัญญาเพื่อยุติสงครามที่จีนเสียเปรียบอย่างเทียบไม่ติด ต่อมาจีนก็สูญเสียเอกราชบนเกาะเกาลูนไปอีก ในวันที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2403 (ค.ศ. 1860) ตามสนธิสัญญาปักกิ่ง ในรัชกาลสมเด็จพระจักรพรรดิเสียนเฟิง (咸丰) ปีที่ 10 และอีกครั้งหนึ่ง เมื่อวันที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2441 (ค.ศ. 1898) ตรงกับรัชกาลจักรพรรดิกวังซวี่ (光緒帝) ปีที่ 24 สูญเสียพื้นที่เขตดินแดนใหม่ (New Territories) ให้กับสหราชอาณาจักรในสัญญาเช่า 99 ปี นับแต่นั้น เซินเจิ้นและฮ่องกงก็ถูกแบ่งแยกการปกครองออกจากกัน และภายใน พ.ศ. 2443 (ค.ศ. 1900) คนจีนกว่า 13 ล้านคน ยังคงติดฝิ่นอยู่ เศรษฐกิจของจีนถูกทำลายลงอย่างย่อยยับจากการที่จีนต้องนำเข้าฝิ่นเป็นจำนวนมากมายมหาศาลและราชวงศ์ชิงก็ตกอยู่ในภาวะแห่งการล่มสลาย


* opiumwar.jpg (35.58 KB, 282x371 - ดู 319 ครั้ง.)

* 300px-Opiumwar.jpg (17.56 KB, 300x162 - ดู 282 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า

" ... ธงชาติและเพลงชาติไทย เป็นสัญลักษณ์ของความเป็นไทย
เราจงร่วมใจกันยืนตรงเคารพธงชาติ ด้วยความภาคภูมิใจในเอกราช
และความเสียสละ ของบรรพบุรุษไทย ... "
๘ นาฬิกา และ ๑๘ นาฬิกา Sitiya_por@hotmail.com
Siranoi
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,101


เฒ่า! สดใส วัยซน..


« ตอบ #71 เมื่อ: วันที่ 30 สิงหาคม 2012, 06:17:04 »

วันนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๓๐ สิงหาคม ๒๕๕๕
ตรงกับ ขึ้น ๑๓  ค่ำ  เดือน ๙ (เดือนสิบเอ็ดเหนือ) ปีมะโรง
.....................
เครดิตจาก...
http://www.rmutphysics.com/charud/naturemystery/sci3/space/Msun.html
ขออภัยมีปัญหาเรื่องระบบภาพ..
***วันนี้ในอดีต เมื่อพ.ศ. 2534 (ค.ศ. 1991) ดาวเทียมโยโกะ ดาวเทียมศึกษาดวงอาทิตย์ในความร่วมมือระหว่างญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา ถูกปล่อยขึ้นสู่อวกาศ***
เป้าหมายโครงการ
โยโกะ เป็นภาษาญี่ปุ่น แปลว่า ลำแสงอาทิตย์ มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า โซลาร์ - เอ ( Solar-A ) เป็นดาวเทียมสังเกตการณ์ดวงอาทิตย์ โคจรเป็นวงค่อนข้างกลมรอบโลก ตัวยานอวกาศสร้าง ในประเทศญี่ปุ่น ส่วนเครื่องมือสังเกตการณ์ภายในยานสร้างจากประเทศสหรัฐอเมริกา และ ประเทศอังกฤษ ส่งออกจากฐานจรวดคาโกชิมา ( Kagoshima ) ประเทศญี่ปุน

ยานอวกาศศึกษาการแผ่รังสีเอกซ์และรังสีแกมมาพลังสูงจากการระเบิดลุกจ้าบนดวงอาทิตย์
(Solar flares) ศึกษาสภาวะก่อนเกิดการระเบิดลุกจ้า และปรากฏการณ์บนโลกที่เกิดจากการ แผ่รังสีจากดวงอาทิตย์
การค้นพบใหม่จากยานโยโกะ
นักดาราศาสตร์สังเกตพบสัญญาณคล้าย อักษร S เกิดขึ้นทางซีกใต้ของดวงอาทิตย์ และ รูปกลับ กันคล้ายเลข 2 ทางซีกเหนือ เรียกว่า ซิกมอด ( Sigmoid ) เกิดขึ้นบนผิวดวงอาทิตย์ 2 - 3 วัน ก่อนการระเบิดแผ่พลังงานรุนแรงออกมา จึงคล้ายเป็นสัญญาณเตือนภัยจากดวงอาทิตย์ และเป็น ประโยชน์ต่อมนุษย์ในการเตรียมการป้องกันภัยพิบัติล่วงหน้า ก่อนที่พายุสุริยะจะเคลื่อนมาถึงโลก


IP : บันทึกการเข้า

" ... ธงชาติและเพลงชาติไทย เป็นสัญลักษณ์ของความเป็นไทย
เราจงร่วมใจกันยืนตรงเคารพธงชาติ ด้วยความภาคภูมิใจในเอกราช
และความเสียสละ ของบรรพบุรุษไทย ... "
๘ นาฬิกา และ ๑๘ นาฬิกา Sitiya_por@hotmail.com
Siranoi
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,101


เฒ่า! สดใส วัยซน..


« ตอบ #72 เมื่อ: วันที่ 31 สิงหาคม 2012, 07:43:33 »

วันนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๕
ตรงกับ ขึ้น ๑๔  ค่ำ  เดือน ๙ (เดือนสิบเอ็ดเหนือ) ปีมะโรง
.....................
เครดิตที่...
http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%B2_%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%8D%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B9%81%E0%B8%AB%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B8%A5%E0%B8%AA%E0%B9%8C
(ขออภัย..ข้อความไม่มา ภาพไม่มา ค่าอินเตอร์เน็ตมาตรงเวลาทุกเดือน)***วันนี้ในอดีต เมื่อพ.ศ. 2540 (ค.ศ. 1997) เจ้าหญิงไดอานา เจ้าหญิงแห่งเวลส์ ถึงแก่กรรมในอุบัติเหตุรถยนต์ ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส***
ไดอานา เจ้าหญิงแห่งเวลส์ (อังกฤษ: Diana, Princess of Wales) หรือพระนามเต็มคือ ไดอานา ฟราน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 31 สิงหาคม 2012, 07:46:50 โดย Siranoi » IP : บันทึกการเข้า

" ... ธงชาติและเพลงชาติไทย เป็นสัญลักษณ์ของความเป็นไทย
เราจงร่วมใจกันยืนตรงเคารพธงชาติ ด้วยความภาคภูมิใจในเอกราช
และความเสียสละ ของบรรพบุรุษไทย ... "
๘ นาฬิกา และ ๑๘ นาฬิกา Sitiya_por@hotmail.com
Siranoi
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,101


เฒ่า! สดใส วัยซน..


« ตอบ #73 เมื่อ: วันที่ 03 กันยายน 2012, 05:21:18 »

วันนี้ตรงกับวันจันทร์ที่ ๓ กันยายน ๒๕๕๕
ตรงกับ แรม ๒  ค่ำ  เดือน ๙ (เดือนสิบเอ็ดเหนือ) ปีมะโรง
.....................................
เครดิตจาก...
http://www.artsmen.net/content/show.php?Category=spaceboard&No=5843

***วันนี้ในอดีต เมื่อพ.ศ. 2519 (ค.ศ. 1976) ยานไวกิ้ง 2 ลงจอดบนดาวอังคารและถ่ายภาพสีของพื้นผิวดาวเคราะห์ดวงนี้ในระยะใกล้เป็นภาพแรก***
ปี 2006 เป็นปีสำคัญปีหนึ่งในวงการดารา ศาสตร์เพราะเป็นปีที่ครบรอบ 30 ปีของปฏิบัติการสำรวจดาวอังคารของยานไวกิ้งสองลำ(Viking spacecraft) คือยานไวกิ้ง 1 และยาน ไวกิ้ง 2 ขององค์การนาซา

ปฏิบัติการของยานไวกิ้งเป็นความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ในการสำรวจดาวเคราะห์ขององค์การนาซาเพราะเป็นยานอวกาศที่สามารถร่อนลงบนพื้นผิวดาวเคราะห์ในระบบสุริยะได้สำเร็จเป็นครั้งแรกหลังจากนาซาเคยประสบความสำเร็จในการนำยานลงบนดวงจันทร์มาก่อนหน้านี้

ทศวรรษที่ 1970 นักวิทยาศาสตร์ยังไม่รู้อะไรเกี่ยวกับดาวอังคารมากนัก ดังนั้นเป้าหมายการสำรวจของยานไวกิ้ง คือการสำรวจทุกซอกทุกมุม เป้าหมายแรก คือถ่ายภาพพื้นผิวดาวอังคารอย่างละเอียดทั้งดวง เป้าหมายที่สอง คือศึกษาโครงสร้างและองค์ประกอบของบรรยากาศและพื้นผิว และเป้าหมายที่สามคือค้นหาสิ่งมีชีวิตซึ่งนักวิทยาศาสตร์อยากรู้มากที่สุด


ยานภาคพื้นดิน ไวกิ้ง 2 บริเวณยูโทเปีย พลานิเทีย 
ยานไวกิ้งทั้งสองลำประกอบด้วยยานโคจร (Orbiter) และยานภาคพื้นดิน (Lander) ยานแฝดพี่ไวกิ้ง 1 ออกเดินทางเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม ปี ค.ศ.1975 และถึงดาวอังคารเมื่อวันที่ 19 มิถุนา ยน ค.ศ.1976 แต่ก็ต้องเจอกับอุปสรรคเมื่อพบว่าพื้นที่เป้าหมายบริเวณ ไครส์ พลานิเทีย (Chryse Planitia) หรือ ที่ราบทองคำ (22.48 องศาเหนือ, 49.97 องศาตะวันตก) ที่จะปล่อยยานภาคพื้นดินลงจอดไม่ปลอดภัยเพราะขรุขระเกินไป ยานโคจรจึงต้องใช้เวลาถ่ายภาพหาตำแหน่งที่เหมาะสมในบริเวณไครส์ พลานิเทีย นานถึงสามสัปดาห์ ในที่สุดวันที่ 20 กรกฎาคม ค.ศ.1976 ยานภาคพื้นดินก็ร่อนลงบนพื้นผิวดาวอังคารในบริเวณไครส์ พลานิเทีย อย่างปลอดภัย

IP : บันทึกการเข้า

" ... ธงชาติและเพลงชาติไทย เป็นสัญลักษณ์ของความเป็นไทย
เราจงร่วมใจกันยืนตรงเคารพธงชาติ ด้วยความภาคภูมิใจในเอกราช
และความเสียสละ ของบรรพบุรุษไทย ... "
๘ นาฬิกา และ ๑๘ นาฬิกา Sitiya_por@hotmail.com
Siranoi
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,101


เฒ่า! สดใส วัยซน..


« ตอบ #74 เมื่อ: วันที่ 04 กันยายน 2012, 05:54:51 »

วันนี้ตรงกับวันอังคารที่ ๔ กันยายน ๒๕๕๕
ตรงกับ แรม ๓  ค่ำ  เดือน ๙ (เดือนสิบเอ็ดเหนือ) ปีมะโรง
.........................
***วันนี้ในอดีต เมื่อพ.ศ. 2431 (ค.ศ. 1888) จอร์จ อีสต์แมน จดทะเบียนเครื่องหมายการค้า "โกดัก" ***
04 กันยายน พ.ศ. 2431  : จอร์จ อีสต์แมน จดทะเบียนเครื่องหมายการค้า โกดัก

     4 กันยายน พ.ศ. 2431 จอร์จ อีสต์แมน (George Eastman) นักประดิษฐ์ชาวอเมริกัน จดทะเบียนเครื่องหมายการค้า "โกดัก" (Kodak) และในปีเดียวกันนี้เขาได้ประดิษฐ์กล้องถ่ายรูปตัวแรก ก่อนหน้านั้นเมื่อปี 2427 เขาได้ประดิษฐ์ฟิล์มม้วน สิ่งประดิษฐ์ของเขาก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมากต่อวงการถ่ายภาพ จากที่เคยเป็นเพียงงานอดิเรกราคาแพงของคนชั้นสูง ได้กลายมาเป็นงานอดิเรกที่เป็นที่นิยมของคนทั่วไป ต่อมาปี 2435 เขาได้ก่อตั้งบริษัทอีสต์แมน โกดัก (Eastman Kodak Company) ขึ้นที่นิวยอร์ก เพื่อผลิตฟิล์มถ่ายภาพและอุปกรณ์ถ่ายภาพ ทุกวันนี้โกดักกำลังลดการผลิตฟิล์มลง หันไปพัฒนากล้องถ่ายภาพระบบดิจิทัลเช่นเดียวกับบริษัทฟิล์มยี่ห้ออื่น ๆ 
IP : บันทึกการเข้า

" ... ธงชาติและเพลงชาติไทย เป็นสัญลักษณ์ของความเป็นไทย
เราจงร่วมใจกันยืนตรงเคารพธงชาติ ด้วยความภาคภูมิใจในเอกราช
และความเสียสละ ของบรรพบุรุษไทย ... "
๘ นาฬิกา และ ๑๘ นาฬิกา Sitiya_por@hotmail.com
Siranoi
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,101


เฒ่า! สดใส วัยซน..


« ตอบ #75 เมื่อ: วันที่ 05 กันยายน 2012, 05:43:59 »

วันนี้ตรงกับวันพุธที่ ๕ กันยายน ๒๕๕๕
ตรงกับ แรม ๔  ค่ำ  เดือน ๙ (เดือนสิบเอ็ดเหนือ) ปีมะโรง
.........................
***วันนี้ในอดีต เมื่อพ.ศ. 2521 (ค.ศ. 1978) วันสถาปนามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช***
แนวคิดเกี่ยวกับมหาวิทยาลัยเปิด เป็นความพยายามที่รัฐบาลจะขยายโอกาส เพื่อการศึกษาระดับอุดมศึกษา แก่ประชาชนให้มากที่สุด แนวคิดนี้ได้เคยนำมาใช้แล้ว ในประเทศไทยโดยมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และการเมือง ซึ่งตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2476 ได้จัดการศึกษาระบบ "ตลาดวิชา" รับนักศึกษาโดยไม่มีการสอบคัดเลือก ไม่บังคับให้เข้าฟังบรรยาย แต่ยังคงใช้วิธีการจัดการศึกษา ในลักษณะเดียวกับมหาวิทยาลัยทั่วไป คือใช้ชั้นเรียนเป็นหลัก นักศึกษาอาจศึกษาได้ด้วยตนเอง หรืออาจเข้าฟังบรรยาย หรือไปพบอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยได้ ต่อมามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้ เปลี่ยนมาเป็นระบบจำกัดการรับนักศึกษาเช่นเดียวกับมหาวิทยาลัยอื่นๆ

ในปี พ.ศ. 2514 ได้มีการจัดตั้งมหาวิทยาลัยแบบตลาดวิชา ขึ้นอีกแห่งหนึ่ง คือ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ซึ่งเปิดหลักสูตรการศึกษามากกว่ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในระยะที่เปิดสอนในระบบตลาดวิชา และสามารถรับนักศึกษาได้เป็นจำนวนมาก แต่ยังคงจัดการศึกษาโดยอาศัยชั้นเรียนเป็นหลัก เช่นเดียวกันทำให้มากวิทยาลัย รามคำแหงประสบปัญหาต่าง ๆ เป็นอันมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านอาคารสถานที่เรียน ไม่สามารถขยายให้เพียงพอกับจำนวนนักศึกษาที่เพิ่มขึ้นทุก ๆ ปี
....................
ติดตามรายละเอียดต่อได้ที่...
http://www.stou.ac.th/aboutSTOU/background.htm

IP : บันทึกการเข้า

" ... ธงชาติและเพลงชาติไทย เป็นสัญลักษณ์ของความเป็นไทย
เราจงร่วมใจกันยืนตรงเคารพธงชาติ ด้วยความภาคภูมิใจในเอกราช
และความเสียสละ ของบรรพบุรุษไทย ... "
๘ นาฬิกา และ ๑๘ นาฬิกา Sitiya_por@hotmail.com
Siranoi
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,101


เฒ่า! สดใส วัยซน..


« ตอบ #76 เมื่อ: วันที่ 07 กันยายน 2012, 05:17:37 »

วันนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ ๗ กันยายน ๒๕๕๕
ตรงกับ แรม ๖  ค่ำ  เดือน ๙ (เดือนสิบเอ็ดเหนือ) ปีมะโรง
............................
***วันนี้ในอดีต เมื่อพ.ศ. 2352 (ค.ศ. 1809) พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชเสด็จสวรรคต ด้วยพระโรคชรา สิริพระชนมายุได้ 73 พรรษา ครองราชย์ได้นานถึง 27 ปี สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทร เสด็จทำพิธีปราบดาภิเษกเป็นพระมหากษัตริย์องค์ที่ 2 แห่งราชวงศ์จักรี พระนามเต็มว่า พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ขณะมีพระชนมายุได้ 42 พรรษา***
ประวัติศาสตร์สมัยรัชกาลที่ 1 ( พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ) ( พ.ศ. 2325 - 2352 )
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก มีพระนามเดิมว่า ทองด้วง เกิดเมื่อ แรม 5 ค่ำ เดือน 4 ปีมะโรง จุลศักราช 1098 ตรงกับวันพุธที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2279 ในสมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ เป็นบุตรคนที่ 4 ของหลวงพินิจอักษร ( ทองดี ) กับ นางดาวเรือง ( หยก ) มีพี่น้องดังนี้
คนที่ 1 เป็นหญิงชื่อ สา ต่อมาได้รับการสถาปนาเป็น พระเจ้าพี่นางเธอ กรมสมเด็จพระเทพสุดาวดี
คนที่ 2 เป็นชายชื่อ ขุนรามณรงค์ ถึงแก่กรรมก่อนเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2
คนที่ 3 เป็นหญิงชื่อ แก้ว ต่อมาได้รับการสถาปนาเป็นพระเจ้าพี่นางเธอ กรมสมเด็จพระศรีสุดารักษ์
คนที่ 4 เป็นชายชื่อ ทองด้วง ( รัชกาลที่ 1 )
คนที่ 5 เป็นชายชื่อ บุญมา ( กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท )
เมื่อเจริญวัยได้เข้ารับราชการเป็นมหาดเล็กในสมัยสมเด็จเจ้าฟ้าอุทุมพร กรมขุนพรพินิจ ( ขุนหลวงดอกมะเดื่อ )
พ.ศ. 2300 อายุ 21 ปีได้บวช ณ วัดมหาทลาย เมื่อลาสิกขาบทแล้วกลับเข้ารับราชการเป็นมหาดเล็กหลวง
พ.ศ. 2303 อายุ 24 ปี ได้สมรสกับนางสาวนาก ธิดาของคหบดีตำบลอัมพวา แขวงเมืองสมุทรสงคราม
พ.ศ. 2304 อายุ 25 ปีในสมัยสมเด็จพระที่นั่งสุริยาสอมรินทร์ ได้รับการแต่งตั้งเป็นหลวงยกบัตรเมืองราชบุรี
พ.ศ. 2311 ในสมัยพระเจ้าตากสิน ได้รับราชการมีฐานันดรศักดิ์เป็น พระราชวรินทร์ ( กรมพระตำรวจหลวง )
เมื่อเสร็จศึกในการปราบชุมนุมพิมาย ได้เลื่อนขึ้นเป็น พระยาอภัยรณฤทธิ์
พ.ศ. 2313 เมื่อครั้งปราบชุมนุมเจ้าพระฝาง มีความชอบได้เป็นพระยายมราช และทำหน้าที่สมุหนายกอีกด้วย
พ.ศ. 2314 ได้เลื่อนขึ้นเป็น เจ้าพระยาจักรี คุมทัพไปรบกับพม่าเสร็จศึกพม่าแล้ว ได้ยกทัพไปตีเขมรมาเป็นเมืองขึ้น พ.ศ. 2319 เป็นแม่ทัพไปตีเขมรป่าดง ( สุรินทร์ ขุขันธ์ สังขะ ) แคว้นลาวทางใต้ ได้เมืองจำปาศักดิ์ สีทันดร อัตตะปือ เสร็จศึกได้เลื่อนขึ้นเป็น สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก พิลึกมหมา ทุกนัคราระอาเดช นเรศรราช สุริยวงศ์ องค์อัครบาทมุลิกากร บวรรัตนปรินายก
พ.ศ. 2324 ยกทัพไปปราบจลาจลในเขมรแต่ไม่สำเร็จเพราะเกิดกบฏในกรุงธนบุรีต้องยกทัพกลับ
พ.ศ. 2325 อาณาประชาราษฏร์ กราบทูลเชิญขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์ เมื่อ 6 เมษายน 2325 อยู่ในราชสมบัติ 27 ปี เสด็จสวรรคต 7 กันยายน 2352 รวมพระชนมายุ 73 พรรษา ครองราชย์ นาน 28 ปี มีโอรสธิดารวม 42 พระองค์
IP : บันทึกการเข้า

" ... ธงชาติและเพลงชาติไทย เป็นสัญลักษณ์ของความเป็นไทย
เราจงร่วมใจกันยืนตรงเคารพธงชาติ ด้วยความภาคภูมิใจในเอกราช
และความเสียสละ ของบรรพบุรุษไทย ... "
๘ นาฬิกา และ ๑๘ นาฬิกา Sitiya_por@hotmail.com
Siranoi
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,101


เฒ่า! สดใส วัยซน..


« ตอบ #77 เมื่อ: วันที่ 08 กันยายน 2012, 09:27:28 »

วันนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ ๘ กันยายน ๒๕๕๕
ตรงกับ แรม ๗  ค่ำ  เดือน ๙ (เดือนสิบเอ็ดเหนือ) ปีมะโรง
............................
เครดิตที่...
http://teradat-teradat045.blogspot.com/
***วันนี้ในอดีต เมื่อพ.ศ. 2443 (ค.ศ. 1900) เฮอร์ริเคนแกลวิสตัน พัดขึ้นฝั่ง ณ แกวเวสตัน รัฐเทกซัส เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 8,000 คน***
พายุหมุนที่สร้างความเสียหายมาก
 เส้นทางของเฮอร์ริเคนแกลวิสตันเมื่อ พ.ศ. 2443
พายุหมุนเขตร้อนแกลวิสตัน หรือ "เฮอร์ริเคนแกลวิสตัน" นับเป็นพายุหมุนเขตร้อนหรือพายุเฮอร์ริเคนที่สร้างความเสียหายหนักมากพายุหนึ่งที่ได้รับการบันทึกไว้ พายุหมุนเขตร้อนแกลวิสตันขึ้นฝั่งในสหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2443 พายุนี้เกิดในมหาสมุทรแอตแลนติกและขึ้นฝั่งที่เมืองแกลวิสตัน รัฐเทกซัส มีความเร็วลม 215 กิโลเมตร/ชั่วโมง จัดอยู่ในพายุเฮอร์ริเคนประเภท 4 ตามมาตรวัดพายุซิมป์สัน ทำให้เมืองแกลวิสตันเสียหายอย่างหนักและมีผู้เสียชีวิตมากถึง 8,000 คน และหากนับการเสียชีวิตที่อื่นด้วยประมาณว่าอาจรวมได้ถึง 12,000 คน จัดเป็นพายุเฮอร์ริเคนแอตแลนติกที่สร้างความเสียหายร้ายแรงที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลกหลัง "มหาพายุเฮอร์ริเคนแห่งปี พ.ศ. 2323" และ "เฮอร์ริเคนมิทช์" เมื่อ พ.ศ. 2541 แต่นับเป็นพายุหมุนเขตร้อนที่สร้างความเสียหายและคร่าชีวิตผู้คนอันดับ 1 ของสหรัฐอเมริกา
IP : บันทึกการเข้า

" ... ธงชาติและเพลงชาติไทย เป็นสัญลักษณ์ของความเป็นไทย
เราจงร่วมใจกันยืนตรงเคารพธงชาติ ด้วยความภาคภูมิใจในเอกราช
และความเสียสละ ของบรรพบุรุษไทย ... "
๘ นาฬิกา และ ๑๘ นาฬิกา Sitiya_por@hotmail.com
Siranoi
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,101


เฒ่า! สดใส วัยซน..


« ตอบ #78 เมื่อ: วันที่ 11 กันยายน 2012, 12:07:45 »

วันนี้ตรงกับวันอังคารที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๕๕
ตรงกับ แรม ๑๐  ค่ำ  เดือน ๙ (เดือนสิบเอ็ดเหนือ) ปีมะโรง
............................
***วันนี้ในอดีต เมื่อพ.ศ. 2544 (ค.ศ. 2001) - วินาศกรรม 11 กันยายน พ.ศ. 2544: ผู้ก่อการร้ายจี้เครื่องบินโดยสาร 3 ลำ เพื่อโจมตีเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ อาคารแฝดในนครนิวยอร์ก และอาคารเพนทากอน ที่ตั้งกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ในวอชิงตัน ดี.ซี. เครื่องบินลำที่ 4 ตกในรัฐเพนซิลเวเนีย ***
เหตุวินาศกรรม 11 กันยายน พ.ศ. 2544 หรือ 9/11 เป็นชุดการโจมตีพลีชีพที่ประสานกันสี่ครั้งต่อสหรัฐอเมริกา ในนครนิวยอร์กและพื้นที่วอชิงตัน ดี.ซี. เมื่อวันที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2544 เช้าวันนั้น ผู้ก่อการร้าย 19 คนจากกลุ่มอิสลามหัวรุนแรงอัลกออิดะฮ์ จี้อากาศยานโดยสารส


* 220px-UA_Flight_175_hits_WTC_south_tower_9-11_edit.jpg (10.84 KB, 220x191 - ดู 212 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า

" ... ธงชาติและเพลงชาติไทย เป็นสัญลักษณ์ของความเป็นไทย
เราจงร่วมใจกันยืนตรงเคารพธงชาติ ด้วยความภาคภูมิใจในเอกราช
และความเสียสละ ของบรรพบุรุษไทย ... "
๘ นาฬิกา และ ๑๘ นาฬิกา Sitiya_por@hotmail.com
Siranoi
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,101


เฒ่า! สดใส วัยซน..


« ตอบ #79 เมื่อ: วันที่ 14 กันยายน 2012, 07:24:24 »

วันนี้ตรงกับวันอังคารที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๕๕
ตรงกับ แรม ๑๐  ค่ำ  เดือน ๙ (เดือนสิบเอ็ดเหนือ) ปีมะโรง
...........................................................................
สามารถติดตามรายละเอียดได้ที่...
http://guru.google.co.th/guru/thread?tid=1d3d9ff5996fc4bc
***วันนี้ในอดีต เมื่อพ.ศ. 2476 (ค.ศ. 1933) - วันสิ้นพระชนม์ของพลเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากร กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน พระราชโอรสองค์ที่ 35 ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้รับสมญานามว่า พระบิดาแห่งรถไฟไทย***
พลเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากร กรมพระกำแพงเพ็ชรอัครโยธิน หรือ พระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากร ทรงเป็นพระราชโอรสพระองค์ที่ 35 ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และเจ้าจอมมารดาวาด ประสูติเมื่อวันจันทร์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2424 ขณะทรงพระเยาว์เริ่มศึกษาที่โรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบ

พ.ศ. 2437 เสด็จไปทรงศึกษาต่อด้านโยธาธิการที่ โรงเรียนแฮร์โรว์ ประเทศอังกฤษ และทรงศึกษาต่อวิชาวิศวกรรมที่ ตรินีตี้คอลเลจ มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ และวิชาทหารช่างที่ แชทแฮม จากนั้นเสด็จศึกษาเพิ่มเติมในประเทศฝรั่งเศส ทรงศึกษาการทำทำนบและขุดคลอง ในประเทศเนเธอร์แลนด์ และเสด็จกลับมาทรงงานและศึกษาต่อที่ประเทศอังกฤษ จนได้เป็นสมาชิก M.I.C.E. (Member of the Institution of Civil Engineer) (เทียบเท่า วิศวกรรมสถาน)

ทรงเสด็จกลับประเทศไทยเมื่อ พ.ศ. 2447 ทรงรับราชการทหาร เหล่าทหารช่าง กรมยุทธนาธิการทหารบก ทรงดำรงตำแหน่งจเรทหารช่างพระองค์แรก เมื่อ พ.ศ. 2451 และทรงดำรงตำแหน่งนี้เป็นระยะเวลา 17 ปี ทรงนำความรู้ในวิชาการทหารแผนใหม่ตามแบบอย่างประเทศตะวันตกมาปรับปรุง กิจการทหารช่าง จนได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้วางรากฐานกิจการทหารช่างแผนใหม่ และกองทัพ
 


IP : บันทึกการเข้า

" ... ธงชาติและเพลงชาติไทย เป็นสัญลักษณ์ของความเป็นไทย
เราจงร่วมใจกันยืนตรงเคารพธงชาติ ด้วยความภาคภูมิใจในเอกราช
และความเสียสละ ของบรรพบุรุษไทย ... "
๘ นาฬิกา และ ๑๘ นาฬิกา Sitiya_por@hotmail.com
หน้า: 1 2 3 [4] 5 6 พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!