เชียงรายหืดจับ ดวลโทษชนะกำแพงเพชร 4-2
เชียงราย ยูไนเต็ด ต้องลุ้นเหนื่อยจนถึงช่วงดวลจุดโทษ หลังจากที่เสมอกับกำแพงเพชร เอฟซี ในเวลา 120 นาที 0-0 ก่อนจะเอาชนะ ไปได้ 4-2 ผ่านเข้าสู่รอบ 32 ทีมสุดท้ายต่อไป
ศึกฟุตบอลโตโยต้า ลีก คัพ รอบ 64 ทีมสุดท้าย ที่มีสโมสรจากไทยพรีเมียร์ลีก ลงโม่แข้งเป็นรอบแรก “กว่างโซ้งมหาภัย” เชียงราย ยูไนเต็ด ทีมอันดับที่ 13 ของไทยพรีเมียร์ลีก ต้องออกไปเยือน “นักรบชากังราว” กำแพงเพชร เอฟซี ทีมอันดับที่ 8 ของ ลีกดิวิชั่น 2 โซนภาคเหนือ ที่สนามชากังราว (ริมปิง) จังหวัดกำแพงเพชร
เกมนี้ทั้ง 2 ทีมต่างจัดชุดใหญ่ลงสนามอย่างพร้อมเพรียงเพื่อหวังคว้าชัยชนะเพื่อกรุยทางเข้าสู่รอบต่อไปให้ได้ โดยเริ่มเกมในนาทีที่ 5 เชียงราย ได้โอกาสลุ้นประตูก่อน จากจังหวะที่โชคลาภ นิลแสงวางบอลยาวข้ามฝากให้นันทวัฒน์ แทนโสภา ได้หลุดเดี่ยวเข้าไปกระดกบอลข้ามตัวผู้รักษาประตู แต่ วุธ สิงขรอาจ นายทวารทีมเจ้าบ้านยังปัดโดนปลายมือ ทำให้บอลไปชนเสาออกหลังไป
นาทีที่ 22 เชียงราย ได้ลุ้นอีกครั้ง เมื่อกฤษฎี ประกอบของ ได้หลุดไปถึงเส้นหลังก่อนเปิดเข้ามาหน้าประตู และเป็นอันโตนิโอ เคลาดิโอ ที่ได้โถมเข้ามาโขกเต็มศีรษะ แต่ยังไปติดเซฟของวุธ สิงขรอาจ อีกครั้ง
จากสภาพสนามที่ไม่ค่อยเป็นใจ ทำให้นักเตะเชียงราย ยูไนเต็ด ขยับเดินเกมได้ไม่ถนัดนัก จบครึ่งแรก ทั้ง 2 ทีมยังเสมอกันอยู่ 0-0
ครึ่งหลัง รูปเกมยังคงเหมือนเดิมโดยเจ้าบ้านตั้งรับอย่างเหนียวแน่นและสามารถปิดเกมรุกของเชียงรายได้หมด ทำให้เชียงราย เจาะเข้าไปทำประตูได้อย่างยากลำบาก
ท้ายเกมนาทีที่ 83 กำแพงเพชรได้โอกาสลุ้นประตูบ้าง เมื่อได้ฟรีคิกหน้ากรอบเขตโทษ แต่กิลแบร์ตี้ เนเวส ปั่นแฉลบกำแพงออกหลังไป ถัดมา 5 นาที เชียงราย ได้ลุ้นจากฟรีคิกบ้าง คราวนี้เป็นฉัตรชัย นาควิจิตร ที่ยิงทะลุกำแพงมาได้ แต่วุธ สิงขรอาจ ยังพุ่งปัดไว้ได้อีกครั้ง
นาทีที่ 89 เกมรับเชียงราย เกือบพัง เมื่อจักรชัย กอบสาริกรณ์ ได้หลุดเข้าไปสุดเส้นหลังก่อนปาดมาหน้าประตู แต่ไม่มีผู้เล่นกำแพงเพชรเข้าชาร์จได้ เชียงราย จึงรอดการเสียประตูไปหวุดหวิด หมด 90 นาทียังเสมอกัน 0-0 ต้องต่อเวลาพิเศษอีก 30 นาที
นาทีที่ 92 ฉัตรชัย เปิดเข้ามากลางได้วสันต์ นาทะสัน จับบอลในกรอบเขตโทษ ก่อนพลิกตัวตวัดยิง แต่บอลเหินข้ามคานออกไป ถัดมาอีก 4 นาที กำแพงเพชรเกือบได้ประตูขึ้นนำ เมื่อกำแพงเพชรทำชิ่งกลางสนามก่อนจ่ายทะลุช่องให้ นัฐวุฒิ แก้วงาม หลุดเดี่ยวเข้าไปจิ้มสวนตัวอาทิตย์ ธนูศร แต่บอลเฉี่ยวเสาออกหลังไปนิดเดียว
นาทีที่ 118 อาทิตย์ ธนูศร เปิดบอลจากหน้าประตูไม่ดี ผู้เล่นกำแพงเพชรตัดบอลได้ก่อนจะลากสุดเส้นหลังแล้วตวัดย้อนกลับมาและจังหวะสุดท้าย ภานุวัฒน์ กุลบุตร ได้ซัดเน้นๆเต็มข้อ แต่บอลโด่งข้ามคานไปอย่างน่าเสียดาย อาทิตย์ ต้องรีบยกมือขอโทษขอโพยเพื่อนร่วมทีม
นาทีที่ 120 นันทวัฒน์ แทนโสภา ได้ซัดฟรีคิกระยะ 30 หลา แต่ยังไม่ผ่านมือวุธ สิงขรอาจ ผู้ตัดสินเป่านกหวีดหมดเวลาการแข่งขัน ทั้งคู่เสมอกัน 0-0 ต้องตัดสินหาผู้ชนะด้วยการดวลลูกโทษที่จุดโทษ
การในช่วงของการดวลจุดโทษ เชียงราย ได้ยิงก่อนและเป็นอานนท์ นานอก ที่วิ่งเข้ามาซัดไม่เหลือ ส่วนกิลแบร์ตี้ เนเวส ของกำแพงเพชรก็ไม่พลาดเช่นกัน เสมอกันที่ 1-1
คนที่ 2 อันโตนิโอ เคลาดิโอ วิ่งเข้ามาแปเรียดเสียบเสา แต่ธีรวัฒน์ หลำเมฆ ยิงไปชนเสาด้านซ้ายมือของตัวเอง ทำให้เชียงราย ยูไนเต็ด ออกนำ 2-1
คนที่ 3 กฤษฎี ประกอบของ ยังไม่พลาดซัดเข้าไปตุงตาข่าย แต่สมพงษ์ ดีรัมย์ ของกำแพงเพชร ซัดไปชนคาน ทำให้เชียงรายได้เปรียบมากขึ้น นำห่างไปเป็น 3-1
คนที่ 4 วสันต์ นาทะสัน วิ่งเข้ามาซัดเต็มข้อไปทางด้านขวามือของตัวเองแต่บอลไปชนเสาออกหลังไป ขณะที่จตุรงค์ สุรำไพ ยิงไปติดเซฟของอาทิตย์ ธนูสร แต่ผู้ตัดสินให้ยิงใหม่ เนื่องจากอาทิตย์ ขยับออกมาจากเส้นก่อนที่ผู้ยิงจะสัมผัสบอล และคราวนี้ จตุรงค์ ยิงไม่พลาด ให้กำแพงเพชร ไล่ตามมาเป็น 2-3
คนที่ 5 ยูเลี่ยน ซูซ่า ดา ซิลวา วิ่งเข้ามายิงด้วยความมั่นใจเข้าไปตุงตาข่าย ทำให้เชียงราย ยูไนเต็ด เอาชนะไปได้อย่างเด็ดขาด 4-2 โดยที่คนสุดท้ายของกำแพงเพชรไม่ต้องยิง
จบเกมเชียงราย ยูไนเต็ด บุกมาเอาชนะกำแพงเพชร เอฟซี ในการดวลจุดโทษ 4-2 ทะลุเข้าสู่รอบ 32 ทีมสุดท้ายต่อไป
รายชื่อผู้เล่น 11 ตัวจริง ของทั้ง 2 ทีม
กำแพงเพชร เอฟซี : วุธ สิงขรอาจ (GK) – ภานุวัฒน์ กุลบุตร, สมพงษ์ ดีรัมย์, ธีรวัฒน์ หลำเมฆ, โชคชัย บุญทา – ภาณุพงษ์ รำไพเราะ (C), อัศวัน โพธิ์ทัย, ใกล้ชิด มโนมัย, นัฐวุฒิ สุดใจ, ทวีพล ลาภเดโช – กิลแบร์ตี้ ซิลวา เนเวส
เชียงราย ยูไนเต็ด : อาทิตย์ ธนูศร (GK) – สุรชาติ สิงห์โหง่น, อานนท์ นานาอก, อันโตนิโอ เคลาดิโอ, กฤษฎี ประกอบของ – ยูเลี่ยน ซูซ่า ดา ซิลวา, ธีรศักดิ์ โพธิ์อ้น (C), ภาณุงพงศ์ อารัมภ์วิโรจน์ – นันทวัฒน์ แทนโสภา, โชคลาภ นิลแสง, เลอันโดร อัสซัมป์เซา