“ตาล” พืชมหัศจรรย์ สร้างอาชีพครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นอดีตหรือในปัจจุบัน หากจะเอ่ยถึง “เพชรบุรี” แล้ว ไม้ใหญ่อย่าง “ตาลโตนด” ก็มักจะปรากฏภาพให้เห็นเป็นสัญลักษณ์อยู่เสมอ นั่นเพราะวิถีชีวิตของคนที่นี่พันผูกอยู่กับต้นตาลมาโดยตลอด
ไม่เพียงแต่จะเป็นที่มาของการผลิตน้ำตาลรสเลิศที่กลายเป็นวัตถุดิบสำคัญในการทำขนมหวานเลื่องชื่อของจังหวัด ที่ทำเงินให้ประเทศได้ระดับที่สามารถใช้เงิน “ภาษีน้ำตาลโตนด” สร้าง “พระนครคีรี” เมื่อครั้งอดีตได้
ตาลในยุคสมัยนี้ยังถูกแตกแขนงสร้างสรรค์ แยกส่วนไปทำประโยชน์ได้หลายหลาก สร้างเงิน สร้างอาชีพให้กับคนเมืองเพชรได้ไม่น้อย
จึงไม่น่าแปลกเลยที่ต้นตาลของที่นี่ ไม่ได้เป็นเพียงแต่ต้นไม้ใหญ่ที่ยืนค้ำฟ้าอยู่ตามหัวไร่ปลายนาเท่านั้น หากยังเป็น “มรดกเศรษฐกิจ” ที่ส่งมอบจากรุ่นสู่รุ่น ผ่านทางต้นไม้ที่เรียกว่า “ตาลโตนด” นั่นเอง
สวนตาลแห่ง “บ้านถ้ำรงค์”
ภาพประทับใจในสมัยนั่งเกวียนเคียงพ่อเลียบคันดินเลาะแนวตาลโตนด ไม้ใหญ่ปลายนายืนตระหง่านบนคันดินให้เจ้าของเก็บเกี่ยวทำประโยชน์ ทั้งยังเป็นมรดกทำกินติดผืนดินส่งมอบผ่านจากรุ่นปู่ สู่รุ่นพ่อ เผื่อแผ่มารุ่นลูก-หลาน
เป็นความสุขในอดีตที่ถูกเก็บอยู่ในความทรงจำของ “คุณลุงถนอม ภู่เงิน” อดีตกำนันแห่งบ้านถ้ำรงค์ มาโดยตลอด
แต่เป็นความทรงจำที่ลุงถนอมเก็บไว้เฉยๆ แล้วหันไปใช้ชีวิตเป็นเกษตรกรพืชสารพัดอย่างที่เปลี่ยนแนวหนีคู่แข่งและหมุนตามกลไกความต้องการของตลาดไปเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นมะนาวเพชร ชมพู่เพชร มะพร้าวน้ำหอม ไปจนถึงไม้กฤษณา ทุกอย่างที่ดำเนินไปยังไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร
เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่คุณลุงเห็นว่า ตาลโตนดไม้ใหญ่สัญลักษณ์ของเมืองเพชรก็ค่อยๆ ลดน้อยลง เพราะไม่มีคนปลูก ด้วยเห็นว่า กว่าจะใช้ประโยชน์ได้ต้องใช้เวลานานมากกว่า 18-20 ปี เรียกได้ว่า ครึ่งหนึ่งของชีวิตเลยทีเดียว แถมคนรุ่นใหม่ก็ไม่สนใจอาชีพทำน้ำตาลจากต้นตาลอย่างรุ่นบรรพบุรุษแล้ว
ความเสียดายต้นตาล บวกเข้ากับความสุขในอดีต จุดประกายให้เกษตรกรเต็มขั้นคนนี้ เกิดความคิดที่อยากจะปลูก “สวนตาลโตนด” ขึ้นอย่างจริงจัง เพื่อเปลี่ยนทัศนคติของผู้คนที่กำลังละเลยพืชเก่าแก่ชนิดนี้
“ผมไม่อยากให้ตาลโตนดเมืองเพชรสูญหาย หรือเหลือเพียงตำนาน ผมอยากปลูก อยากอนุรักษ์ไว้ให้รุ่นลูกรุ่นหลานได้เรียนรู้ ให้ตาลโตนดอยู่คู่เมืองเพชรต่อไป”
คุณลุงฉีกวิถีการปลูกตาล และฉีกภาพลักษณ์ของต้นตาลโตนดไปเสียสิ้น
แบบที่ ถ้าใครนึกว่า ต้นตาลต้องผอม สูง โย่งเย่ง ปลูกกันทิ้งๆ ขว้างๆ ตามคันนาให้เทวดาเลี้ยงไปตามสภาพ ต้องบอกว่า ผิดถนัด เพราะต้นตาลทั้ง 450 ต้น ในพื้นที่ 10 ไร่ ของคุณลุงนั้น ถ้าเป็นคนก็ต้องบอกว่า “หล่อ ล่ำ บึ้ก” เลยทีเดียว
ตาลของคุณลุง สูง พอเหมาะ ลำต้นอวบหนาขนาด 2-3 คนโอบ ปลูกเป็นแถวเป็นแนวอย่างสวยงามรวมกับสวนผลไม้ ร่มครึ้มไปด้วยกิ่งก้านสาขา แถมยังให้ผลผลิตได้เร็วเพียง 10 ปีก็เลี้ยงครอบครัวได้อย่างยาวนานเป็น 100 ปีเลยทีเดียว
วิธีก็คือ ปลูกด้วยเมล็ด-รากจะมั่นคง เลี้ยงในสวน-ต้นจะอุดมสมบูรณ์ และศิลปะการตัดแต่งกาบและกิ่งในเวลาที่เหมาะสม- ช่วยทำให้ตาลมีลำต้นอวบหนา ไม่สูงมากทำให้เก็บผลผลิตได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ คุณลุงยังมีเทคนิคที่สอดแทรกอยู่ในทุกอณูของการเลี้ยง อาทิ
“จะปลูกตาล ให้วางเม็ดหงายเอาสะดือขึ้น เอียง 45 องศา มันจะมีผลตอนแทงต้น ตาลชอบแสงแดด อยู่ในร่มได้ แต่จะไม่ออกผล…ฯลฯ”
จากตาลต้นแรกในสวนลงดินเมื่อ 12 สิงหาคม 2534 จนถึงวันนี้ 20 ปีล่วงไป สวนตาลแห่งนี้ได้รับการกล่าวขานว่าเป็น “สวนตาลที่ใหญ่ที่สุดในโลก” และปราชญ์เดินดินอย่าง คุณลุงถนอมได้รับการยกย่องให้เป็น “ครูภูมิปัญญา”เกษตรกรรม “ด้านการปลูกตาล”
พืชเศรษฐกิจประจำจังหวัดกลับฟื้นคืนชีวิต และยังเป็นแรงกระตุ้นทำให้ชุมชนบ้านถ้ำรงค์ หันมาประกอบอาชีพทำตาล เป็นอาชีพกันจำนวนมาก จนทำให้ชุมชนแห่งนี้ถูกเรียกขานให้เป็น “หมู่บ้านตาลโตนด” เป็นศูนย์การเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องตาล เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรเพื่อชมวิถีแห่งตาล ชมกิจกรรม การเล่น เกี่ยวกับตาลหลากหลายรูปแบบ
หากปะเหมาะโชคดีไปถูกเวลา จะได้เห็นการขึ้นตาล กรีดน้ำตาล และการเคี่ยวตาลทำน้ำตาลปึกหรือน้ำตาลปี๊บกันสดๆ โดยฝีมือของ “คุณอำนาจ ภู่เงิน” ลูกชายผู้สานต่อเจตนารมณ์ของคุณลุง ที่ปัจจุบันได้รับการยกย่องให้เป็น “ครูภูมิปัญญา” เกษตรกรรม “ด้านการขึ้นตาลและเคี่ยวตาล” อีกด้วย
ดีไม่ดีได้กินของอร่อยหน้าเตาอย่าง “ตังเม” หัวน้ำตาลเหนียวหนึบจับขอบกระทะ หวานๆ อุ่นๆ หอมกรุ่น เมื่อน้ำตาลถูกเคี่ยวได้ที่ หรือ “กล้วยไข่ดิบต้ม จิ้มน้ำตาลเคี่ยว” ขอบอกว่า แปลก อร่อยถูกใจเป็นยิ่งนัก
ในอนาคตอันใกล้ สองพ่อลูก คุณลุงถนอมและคุณอำนาจมีโครงการจะพัฒนาพื้นที่ สร้างบ้านพักบนต้นตาล สร้างความตื่นตาตื่นใจให้คนได้สัมผัสวิถีชีวิตแห่งชาวตาลได้อย่างแท้จริง
เป็นการต่อลมหายใจให้ “ตาลโตนด” ยังคงเป็นพืชเศรษฐกิจ สัญลักษณ์แห่งเมืองเพชรบุรีสืบไป
ผู้สนใจสามารถแวะไปเยี่ยม “หมู่บ้านตาลโตนด” ได้ที่ ชุมชนถ้ำรงค์ อำเภอบ้านลาด จังหวัดเพชรบุรี ออกจากตัวเมืองไปจนถึงถนนเพชรเกษม ประมาณ 5 กิโลเมตร ทางเข้ามีศูนย์พักนักท่องเที่ยวอยู่บริเวณ ก.ม.178 หรือสอบถามได้ที่ อบต.ถ้ำรงค์ โทรศัพท์ (032) 491-467
ต่อยอดตาลสารพัดแบบ
ถ้าจะบอกว่า กล้วย มะพร้าว เป็นพืชวิเศษสารพัดประโยชน์แล้วล่ะก็
อย่าลืม…รวมไม้ใหญ่มากประโยชน์ชนิดนี้เข้าไปด้วย “ตาล” หรือ “ตาลโตนด”
เพราะทุกชิ้นส่วนของตาลนั้นสามารถนำมาสร้างสรรค์ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ตั้งแต่ดอก ผล จนถึงราก ไม่เว้นแม้แต่ เส้น ใย กาบ และใบ ที่ล้วนแต่มีคุณค่าและมากราคาทั้งสิ้น
เอาแบบเบาะๆ งวงตาล-น้ำตาล, ลูกตาล-ทำอาหาร ขนม เพาะพันธุ์, ใบแก่-สานปลาตะเพียน หมวก งอบ, ใบอ่อน-พัด สานตะกร้า กุ้ง ตั๊กแตน, ใบแก่สุด-มุงหลังคา, ก้าน ลำต้น-ทำเฟอร์นิเจอร์ รั้วบ้าน, ใย กาบ-สานหมวก แปรงถูพื้น ทอผ้า ไม้กวาดอ่อน, หมวก, กระโปรงตาล เปลือกหุ้มจาวตาล-เครื่องประดับบ้าน ถ่านไม้คุณภาพดี, น้ำตาลต้ม-น้ำส้มสายชู ส่วนผสมปูนปั้น ฯลฯ
ที่ว่าทั้งหมดนี้กว่าครึ่งเป็นงานที่ผู้หญิงคนนี้ “คุณสมจิต กองแก้ว” ยึดทำป็นอาชีพหลัก ทั้งรับซื้อ-ผลิต-ส่งผลิตภัณฑ์จากตาลสารพัดชนิด งานหนักที่ดูเหมือนเงินน้อย แต่หารู้ไม่ว่า สามารถทำเงินให้เธอได้เป็นกอบเป็นกำจนตั้งตัวได้
ทุกวัน ลูกตาลสุกไม่น้อยกว่า 100-300 กิโลกรัมจะถูกส่งมาถึงที่บ้านคุณสมจิต จากนั้นก็จะถูกนำมาแยกย่อยชิ้นส่วนต่างๆ เพื่อนำไปต่อยอดสร้างงานสร้างเงินต่อไป เธอเริ่มจาก…
แยก “หมวกตาล” หรือ ตัวครอบหัวตาลออกนำไปตากแห้ง ส่งขายเพื่อนำไปเป็นตัวประดับตกแต่งตะกร้า กระเช้า หรือกระเป๋าแสนหรู
“เนื้อตาล” ถูกนำไป “ยี” หรือที่เรียกว่า “ยีโตนด” ส่งขายไปทำขนมตาลที่ตลาดบ้านลาดทำเป็นแพ็กละ 1 กิโลกรัมบ้าง 10-20 กิโลกรัมบ้าง บ้างก็มีถึง 50 กิโลกรัมไปเลยก็มี ยีตาลตรงนี้เธอขายกิโลกรัมละ 20-40 บาท จากต้นทุนลูกละ 2 บาท ในเบื้องต้น
ส่วนเหลือจากการยีตาล “เปลือก” จะกลายเป็นอาหารหวานแสนโปรดของวัวที่เธอเลี้ยง “ใยตาล” ก็นำแยกส่วนส่งขายนำไปทำเป็นฉนวนกันความร้อนที่กิโลกรัมละ 50 บาท ซึ่งปัจจุบัน คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ นำใยดังกล่าวไปวิจัยและสร้างสรรค์ต่อยอดนำไปปั่นทำเป็นด้ายแล้วนำมาทอจนได้ผ้าสวยผืนนุ่ม มาตัดเย็บเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ
ส่วน “เม็ดตาล” ถ้าอวบทรงดี เธอก็เอาปลูกจาวตาล โดยนำไปแช่น้ำทิ้งไว้ 1-2 เดือน รอรากงอกเพื่อสร้างเนื้อจาวข้างในแล้วตัดรากทิ้ง ทิ้งไว้อีก 1 เดือนจึงจะนำไปเฉาะขายจาวตาล ราคาขายอยู่ที่กิโลละ 2 บาท หรือร้อยละ 25 บาท ซึ่งเธอต้องทำจาวตาลส่งแต่ละวันถึง 2,000 ลูก
“เม็ดลีบแบน” ส่วนหนึ่งจะนำมารวมกับกระดองตาล หรือ กะลาจาวตาลนำไปเผาเป็นถ่านคุณภาพดี ร้อนมาก ร้อนนาน ไร้ควัน หรือจะนำไปเป็นตัวดูดกลิ่นไม่พึงประสงค์ก็ได้ สนนราคานั้นอยู่ที่ถุงละ 500 บาท ส่วนถ้าเป็นถ่านเม็ดสวยครบลูกแล้วล่ะก็ ขายกันอยู่ที่เม็ดละ 5 บาทเลยทีเดียว
และเม็ดลีบแบนอีกส่วนก็จะส่งให้ “คุณลุงผุด นามมั่น” ศิลปินเกษตรกรทำนา ทำไร่ ทำน้ำตาลรุ่นเก่า นำไปตกแต่งดัดแปลงกลายเป็นตุ๊กตาแฮนด์เมดของที่ระลึกประจำถิ่นในรูปแบบต่างๆ
แรงบันดาลใจนี้เกิดจากตุ๊กตานกกระยางคู่ ทำจากเมล็ดพืชจากต่างประเทศที่มีคนนำเป็นแบบ ทำให้ลุงเกิดความคิดที่จะสร้างงานเช่นนี้ผ่านลูกตาลโตนดที่ถูกทิ้งขว้างต่อยอด สร้างสรรค์งานกลายเป็นสัตว์สารพัดชนิด
ลุงมั่นจะนำเม็ดตาลไปล้างด้วยน้ำยาล้างจานหรือผงซักฟอก ทั้งขัดทั้งถูนานนับชั่วโมงเพื่อฆ่าตัวมอด แล้วนำไปตากให้แห้ง ซึ่งกว่าจะแห้งนี้ต้องใช้เวลานานมาก โดยบางเม็ดตากเป็นปีจึงจะใช้ได้ จากนั้นก็นำไปขัด ไปเจาะ อุด กรอ ประกอบเข้ากับสีฝุ่น ดินสอพอง กาว ขี้เลื่อย ผงยิปซั่ม ตกแต่งตามแบบที่จินตนาการ
เต่า นก หนู ลิง ชะนี ช้าง ตุ๊กแก จิ้งเหลน จะเป็นแบบเดี่ยวแบบคู่ หรือยกครอบครัว หรือจะทำเป็นกระดิ่ง โมบายสารพัดอย่างคุณลุงก็ทำได้ ส่วนสนนราคานั้นอยู่ที่ตัวละ 30-80-200 บาท โดยประมาณ
ถามว่า คุณลุงไปเอาวิชาการทำตุ๊กตาเหล่านี้มาจากที่ไหน?
คุณลุงตอบสั้นๆ ว่า “การทำของเราเป็นครูสอนเรา หากผิดพลาดก็แก้ไข ถ้าอยู่เฉยๆ ก็ไม่รู้”
แม้จะไม่มีหน้าร้าน เพียงแต่วางขายอยู่ในบ้าน และมีไปออกร้านขายตามงานพระนครคีรี หรืองานวัฒนธรรมประจำปี ทำติดต่อกันมานานกว่า 10 ปี ไอเดียบวกฝีมือทำให้มีออร์เดอร์มากมาย ทำให้คุณลุงต้องเร่งมือผลิตกันข้ามวันข้ามคืนไม่มีหยุดพัก ทำให้ล้มป่วยจนไม่สามารถโหมงานหนักได้เช่นเดิม แม้จะมีออร์เดอร์ทางไกลสั่งมาจากเยอรมนีก็ตาม
ปัจจุบัน แม้เรี่ยวแรงการทำงานจะลดน้อยสวนกับอายุที่มากขึ้น ตุ๊กตาฝีมือคุณลุงผุดยังคงถูกใจผู้มาพบเห็นไม่น้อย และยังคงมีคนมาซื้อที่บ้าน มาสั่งทำอย่างต่อเนื่อง
คุณลุงบอกว่า “เขามาสั่งลุงทำเป็นต้นทาง แล้วเขาก็นำไปตกแต่งต่อยอดเอาไปขายต่อ”
นอกจากการทำตุ๊กตาจากเม็ดตาลแล้ว คุณป้าเพื่อนใจคุณลุงก็ยังนำใบตาลมาสานเป็น กระบุงตะกร้าใบน้อย เป็นพัด เป็นสัตว์ต่างๆ ทั้งนก ปลา ปู กุ้ง เต่า วันละ 4-5 ตัว วางขายเป็นเครื่องแก้เหงาที่ทำเงินได้
ถึงเวลานี้แม้คุณลุงจะอายุ 75 ปีแล้ว คุณลุงก็ยังยืนยันที่จะสร้างงานตุ๊กตาจากเม็ดตาลต่อไป โดยแอบตั้งใจไว้ลึกๆ ที่อยากจะถ่ายทอดวิชาเหล่านี้ให้เด็กรุ่นใหม่ได้เรียนรู้เป็นวิชาติดตัวต่อไป
ซึ่งอาจจะเป็นวิชาติดตัวที่สร้างเงินก็เป็นได้ ใครจะรู้!!
สนใจสามารถสอบถามเรื่องราวเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ตาลในรูปแบบต่างๆ ได้ที่ คุณสมจิต กองแก้ว โทรศัพท์ (089) 240-5876 หรือ อบต.ถ้ำรงค์ โทรศัพท์ (032) 491-467
อ้างอิงจาก เส้นทางเศรษฐี