เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 26 เมษายน 2024, 05:10:57
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  การเกษตร,ฟาร์มสัตว์,ปศุสัตว์ (ผู้ดูแล: bm farm)
| | |-+  คนเล่นของ(แปลก) ต้นมารูล่า ไม้ต่างแดนตระกูลเบอรี่-เมืองไทยมีขายครับ-ไม่ได้ขายของ
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: [1] 2 3 พิมพ์
ผู้เขียน คนเล่นของ(แปลก) ต้นมารูล่า ไม้ต่างแดนตระกูลเบอรี่-เมืองไทยมีขายครับ-ไม่ได้ขายของ  (อ่าน 39860 ครั้ง)
jesdath
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 836



« เมื่อ: วันที่ 05 มิถุนายน 2012, 20:32:58 »

 ต้นมารูล่า -บาวบาบ-ไม้ต่างแดนตระกูลเบอรี่--ไม้ผลกินได้ มะเขือเทศ เมล่อน
-พริกพิโรธ--ที่เว็ปเกษตรพอเพียงครับ --ห้องขายสินค้า (หากไม่ได้เป็นสมาชิกจะไม่เห็นรูปครับ)  http://www.kasetporpeang.com

--มะเขือเทศอิตาเลี่ยน เป็นไม้ยืนต้นครับ ออกลูกทีเป็นหมื่นลูกครับ

---ล่างสุด เหล้ามารูล่าครับ





* Marula-Photos.jpg (25.56 KB, 640x640 - ดู 16532 ครั้ง.)

* Marula.jpg (128.68 KB, 837x556 - ดู 15088 ครั้ง.)

* frucam-09370340.jpg (50.22 KB, 500x280 - ดู 14758 ครั้ง.)

* amarula.jpg (23.4 KB, 640x640 - ดู 14728 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 05 มิถุนายน 2012, 21:24:05 โดย jesdath » IP : บันทึกการเข้า

รณรงค์ขอให้คนไทยมีสิทธิ์ อ่านเขียนภาษาอังกฤษแบบแท้ๆ
--รับบูรณะโน๊ตบุคและคอมที่เก่ามากๆ- ราคากันเองครับ
--รณรงค์ให้คนไทยใช้ลีนุกซ์ จะได้ไม่นอนผวากลัวลิขสิทธิ้จ้ะ
jesdath
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 836



« ตอบ #1 เมื่อ: วันที่ 05 มิถุนายน 2012, 20:41:02 »

------มะเขือเทศอิตาเลี่ยน---พันธุ์นี้แตกต่างออกไป โดยเป็นไม้ยืนต้น


* 1122344.jpg (143.47 KB, 600x411 - ดู 21870 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 09 มิถุนายน 2012, 22:06:05 โดย jesdath » IP : บันทึกการเข้า

รณรงค์ขอให้คนไทยมีสิทธิ์ อ่านเขียนภาษาอังกฤษแบบแท้ๆ
--รับบูรณะโน๊ตบุคและคอมที่เก่ามากๆ- ราคากันเองครับ
--รณรงค์ให้คนไทยใช้ลีนุกซ์ จะได้ไม่นอนผวากลัวลิขสิทธิ้จ้ะ
jesdath
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 836



« ตอบ #2 เมื่อ: วันที่ 05 มิถุนายน 2012, 20:51:47 »

มะเขือยยาวอิสราเอล ปลูกในไทย
--ต่อไปเป็นรูปของ หม่อนเมืองจีนทั้งหมดครับ --Chinese Malberry  ลูกสีดำ คือ หม่อนดำ


* chinesemulberry_1.jpg (6.6 KB, 150x113 - ดู 14540 ครั้ง.)

* chinese-mulberry-4271.jpg (60.28 KB, 520x328 - ดู 14773 ครั้ง.)

* 1306717200479.jpg (40.07 KB, 409x364 - ดู 16891 ครั้ง.)

* img_0062.jpg (138.25 KB, 500x375 - ดู 16013 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 05 มิถุนายน 2012, 21:16:48 โดย jesdath » IP : บันทึกการเข้า

รณรงค์ขอให้คนไทยมีสิทธิ์ อ่านเขียนภาษาอังกฤษแบบแท้ๆ
--รับบูรณะโน๊ตบุคและคอมที่เก่ามากๆ- ราคากันเองครับ
--รณรงค์ให้คนไทยใช้ลีนุกซ์ จะได้ไม่นอนผวากลัวลิขสิทธิ้จ้ะ
jesdath
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 836



« ตอบ #3 เมื่อ: วันที่ 05 มิถุนายน 2012, 21:04:49 »

ตอนนี้มีชาวต่างชาติมาลงทุนเยอะครับ ทั้งในเชียงรายด้วย   อีกหน่อยก็คงต้องเติมน้ำมันผสมแอลกอฮอลจากโรงงานของชาวจีน จากประเทศจีน ใช้ผลผลิตจากบ้านเรา ขายเอากำไรใส่กระเป๋าเค้า ก้ไม่รู้ว่าเปิดเสรีอาเชียน ใครจะได้เปรียบกว่า
----มีบางคนหาอินทผาลัมให้พ่อกิน เพื่อลดเบาหวาน --ถึงจะมีน้ำตาลสูงแต่ลดเบาหวานได้ และเมล็ดก็นำมาปลูกได้--เพราะเขาไม่ได้เชื่อมเพียงแต่ตากแดดให้แห้ง-- เดิมทีเราใช้เป็นไม้ประดับสวน(ทำให้ติดลูกไม่เป็น)-
-- ที่อาหรับ 20 ปีจึงติดผลได้ บางคนเอาเม็ดไปเพาะ 2ปีก็ออกลูกครับ แต่มีต้นตัวผู้ตัวเมียที่แก่ไม่พร้อมกัน ต้องเก็บเกสรไว้ แล้วนำไปผสมกัน จึงติดลูกได้ เชื่อไหมครับ 2ปี เท่านั้นเอง และมีคนที่เชียงใหม่ ก็ปลูกหลายร้อยไร่ 4ปีเท่าสนั้นมั้งครับติดลูกได้ ตอนนี้ทางอาหรับซื้อพันธุ์กลับไปปลูกเป็นหมื่นๆไร่
--คนต่างชาติบอกว่า มันเท่ตรงที่เราตั้งชื่อพันธุ์เองได้ เพราะเพาะเมล็ดตั้งต้นตัวผู้และตัวเมีย ไม่รู้ว่ามาจากประเทศไหน  ของคนนั้นเขาตั้งชื่อว่าแดงโกเมนครับ

----มีผู้หญิงไทยคนนึงนำหลายๆพันธุ์จากอาหรับมาปลูก ขายต้นละ80 บาทเองครับ

--เนื่องด้วยดูรูปไม่ได้--ฝากรูปยาก รบกวนไปตามลิ้งค์นี้ครับ

http://board.palungjit.com/f2/มนุษย์ต่างดาวติดต่อเราหรือยัง-ควรบอกว่า-เมื่อไหร่จะไป-335715-18.html
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 05 มิถุนายน 2012, 21:26:49 โดย jesdath » IP : บันทึกการเข้า

รณรงค์ขอให้คนไทยมีสิทธิ์ อ่านเขียนภาษาอังกฤษแบบแท้ๆ
--รับบูรณะโน๊ตบุคและคอมที่เก่ามากๆ- ราคากันเองครับ
--รณรงค์ให้คนไทยใช้ลีนุกซ์ จะได้ไม่นอนผวากลัวลิขสิทธิ้จ้ะ
jesdath
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 836



« ตอบ #4 เมื่อ: วันที่ 05 มิถุนายน 2012, 21:05:48 »

-----------------------------ไม้ดอกก็มีครับ---ปลูกในเมืองไทย----
ลิ้งค์ไปไม่ถึง รบกวน ก๊อปปี้แล้ว เพสท์ไปเว็ปว่างครับ

---เอามาให้ดูครับ--อินทผาลัมแดงโกเมน---หม่อนจีน (ไม่เด่นทางการค้า เพราะเป็นผลไม้ที่ช้ำง่าย แต่แปรรูปเป็นแยม เป็นไวน์น่าจะดี)--ไม้ดอก ไฮยาซินธ์ และโครคัส
---จบแค่นี้แหละครับ--กำลังหาต้นไม้แปลกๆมาเล่นอยู่---ใครสงสัย หรือหาต้นอะไรอยู่เดี๋ยวช่วยหาให้ครับ--ได้-ไม่ได้ไม่รับประกันครับ


* dsc01532sz.jpg (150.48 KB, 640x480 - ดู 18177 ครั้ง.)

* DSCN1076.JPG (50.34 KB, 768x576 - ดู 16660 ครั้ง.)

* zzzgt.jpg (110.92 KB, 601x640 - ดู 14897 ครั้ง.)

* dscf4945.jpg (92.53 KB, 640x480 - ดู 14612 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 05 มิถุนายน 2012, 21:14:32 โดย jesdath » IP : บันทึกการเข้า

รณรงค์ขอให้คนไทยมีสิทธิ์ อ่านเขียนภาษาอังกฤษแบบแท้ๆ
--รับบูรณะโน๊ตบุคและคอมที่เก่ามากๆ- ราคากันเองครับ
--รณรงค์ให้คนไทยใช้ลีนุกซ์ จะได้ไม่นอนผวากลัวลิขสิทธิ้จ้ะ
jesdath
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 836



« ตอบ #5 เมื่อ: วันที่ 05 มิถุนายน 2012, 21:21:59 »

--หน่วยหม่อนกลมๆนั้น จริงต้องเรียกว่า  ลูกหม่อนแตงแมนดาริน--Mandarin Melonberry

http://www.papayatreenursery.com/gallery/main.php?g2_itemId=544

มาให้ดู ให้อยากแล้วจากไป---จริงๆแล้วเม็ดมันมีขายนะครับ เพียงแต่มาแล้วจองหมดหายวับ ไปกับตา--ต้องไปแย่งซื้อให้ทันครับ ราคาประมาณ 4 เม็ด100
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 05 มิถุนายน 2012, 21:27:49 โดย jesdath » IP : บันทึกการเข้า

รณรงค์ขอให้คนไทยมีสิทธิ์ อ่านเขียนภาษาอังกฤษแบบแท้ๆ
--รับบูรณะโน๊ตบุคและคอมที่เก่ามากๆ- ราคากันเองครับ
--รณรงค์ให้คนไทยใช้ลีนุกซ์ จะได้ไม่นอนผวากลัวลิขสิทธิ้จ้ะ
สบายแมน
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,485



« ตอบ #6 เมื่อ: วันที่ 05 มิถุนายน 2012, 21:27:20 »

ก่อว่าชื่อมันคุ้นๆ ต้นมารูล่า ยิงฟันยิ้ม

www.chiangraifocus.com/forums/index.php?topic=225573.0
IP : บันทึกการเข้า
jesdath
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 836



« ตอบ #7 เมื่อ: วันที่ 05 มิถุนายน 2012, 21:29:53 »

ลิงที่อัฟริกามันฉลาด เคี้ยวๆลูกมารูล่า แล้วโยนเข้าโพรงไม้ น้ำลายมีเอนไซม์ช่วยย่อย ช่วยหมัก แล้วมันก็เอามากิน   เมาเป๋เซไปเซมายังกะคน 555  เอาอย่างคนในทางที่ไม่ดี

-----พริก  นูเม็กซ์ บิ๊ก จิ๋ม บันทึกไว้ว่าใหญ่ที่สุดในโลก





* numexCA4JPI4A.jpg (7.46 KB, 194x259 - ดู 14001 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 05 มิถุนายน 2012, 21:43:03 โดย jesdath » IP : บันทึกการเข้า

รณรงค์ขอให้คนไทยมีสิทธิ์ อ่านเขียนภาษาอังกฤษแบบแท้ๆ
--รับบูรณะโน๊ตบุคและคอมที่เก่ามากๆ- ราคากันเองครับ
--รณรงค์ให้คนไทยใช้ลีนุกซ์ จะได้ไม่นอนผวากลัวลิขสิทธิ้จ้ะ
jesdath
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 836



« ตอบ #8 เมื่อ: วันที่ 05 มิถุนายน 2012, 21:52:24 »

พริกปีศาจ พริกสังหาร พริกพิโรธ ปัจจุบันตกอันดับเผ็ดสุดในโลก แต่ก็เผ็ดกว่าพริกขี้หนู40 เท่า
--ชื่อ บัท โจโลเคีย หรือ โจโคเคีย  ไม่มีภาพที่แสดงความเผ็ดได้ แต่คนทำอาหาร ใช้ครึ่ง ทิ้งไปครึ่งนึง กลัวมันเผ็ด คนกินบอกว่าร้อนจากท้องวิ่งขึ้นหัวเลย คนเนปาลบอกว่ามันคือพิษพญานาค--ออกดอก-ผลดกเหมือนพริกทั่วไป นักวิชาการกำลังส่งเสริมให้ปลูกในบ้านเรา


* Naga_Viper1-404x256.jpg (23.56 KB, 404x256 - ดู 14571 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า

รณรงค์ขอให้คนไทยมีสิทธิ์ อ่านเขียนภาษาอังกฤษแบบแท้ๆ
--รับบูรณะโน๊ตบุคและคอมที่เก่ามากๆ- ราคากันเองครับ
--รณรงค์ให้คนไทยใช้ลีนุกซ์ จะได้ไม่นอนผวากลัวลิขสิทธิ้จ้ะ
Auan IE15
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 460



« ตอบ #9 เมื่อ: วันที่ 07 มิถุนายน 2012, 09:12:03 »

ลิงที่อัฟริกามันฉลาด เคี้ยวๆลูกมารูล่า แล้วโยนเข้าโพรงไม้ น้ำลายมีเอนไซม์ช่วยย่อย ช่วยหมัก แล้วมันก็เอามากิน   เมาเป๋เซไปเซมายังกะคน 555  เอาอย่างคนในทางที่ไม่ดี

-----พริก  นูเม็กซ์ บิ๊ก จิ๋ม บันทึกไว้ว่าใหญ่ที่สุดในโลก






ถ้าได้พริกพันธุ์นี้ ช่วยบอกผมด้วยน่ะครับ กำลังอยากได้อยู่พอดี จะเอามาทำพริกยัดไส้ขายครับ
IP : บันทึกการเข้า

พรุ่งนี้ก็เช้าแล้ว
tonkla
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,334


ธรรม=ธรรมชาติ ธรรมดา ธรรมนูญ


« ตอบ #10 เมื่อ: วันที่ 07 มิถุนายน 2012, 09:42:46 »

ต้นไม้เหล่านี้มีขายที่ไหนครับ จะลองไปหามาปลูกเล่นหน่อย
IP : บันทึกการเข้า

"เดินทีละก้าว กินข้าวทีละคำ ทำทีละอย่าง"(ไว้เตือนตนเอง)
Max_15346
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #11 เมื่อ: วันที่ 08 มิถุนายน 2012, 09:03:41 »

ต้นไม้เหล่านี้มีขายที่ไหนครับ จะลองไปหามาปลูกเล่นหน่อย
+1
IP : บันทึกการเข้า
jesdath
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 836



« ตอบ #12 เมื่อ: วันที่ 09 มิถุนายน 2012, 22:17:02 »

เว็ปเกษตรพอเพียง--ห้องซื้อขายครับ-
http://www.kasetporpeang.com/forums/index.php?board=18.0

-ส่วนใหญ่จะเป็นเมล็ดมาให้ใช้ความสามารถเพาะปลูกเอง
-ช่วงนี้ที่เขาฮิตกันก็ไผ่ชนิดออกหน่อทั้งปี--และมะนาวชนิดต่างๆครับ กระแสมาแรง-
--มีทุกอย่างทั้งผัก ไม้ผล ไม้ประดับสวน เมเป้ลต้นสีแดง ใบสีแดง--  มีหลายๆเจ้าครับลองเลือกดู --มีของเล่นแปลกๆ เช่นข้าวโพดฝักเดียวมีหลายสี หรือผักต้นเดียวมีหลายสี --บางเจ้่าก็ขายไม่แพง ซองละ20 บาท
--ผมเองก็กำลังค้นหาความสุขของชีวิตแบบนี้เหมือนกัน ยิ่งเราปลูกเอง เพาะเอง ได้ความชื่นใจ ภูมิใจมากๆครับ
--หรืออยากให้เมืองไทย โดยเฉพาะเชียงรายเป็นครัวโลก ก็ดีครับ เราและลูกหลานจะได้เป็นเขยนานาชาติ

---ที่บ้านดำ คุณ ถวัลย์ ดัชนี มีตะขบบ้าน หรือ มะเกว๋น อยู่ต้นนึง เป็นอาหารว่างของเด็กเลี้ยงควาย คนทั่วไปไม่สนใจ  มีชาวอิสราเอลกล่มนึงมาเที่ยวเยี่ยมชม พอเห็นบะเกว๋นร่วงเต็มโคนต้น เขาก็ถามว่า ลูกอะไร กินได้ไหม  เจ้าของบ้านบอกว่ากินได้  เขาก็ลองกินดู  ปรากฏว่าเขาร้องไห้กันใหญ่เลยครับ   เจ้าของบ้านถามว่าเป็นอะไร  เขาตอบว่า
"ช่างน่าอิจฉาคนไทยที่ อยู่ในดินแดนที่พระเจ้าอวยพร อุดมสมบูรณ์ตลอดปี แม้ต้นไม้ที่ไม่มีใครสนใจ ยังมีลูกที่แสนอร่อย  พวกเขาอยู่ในทะเลทราย ความเป็นอยู่ยากลำบากมาก"
---แสดงให้เห็นถึงความโชคดีของคนไทย ที่มีชัยภูมิความได้เปรียบ ฝรั่ง ญี่ปุ่น พยายามมาสำรวจสมุนไพร บางทีก็หาเหมาซื้ิอคัมภีร์ใบลาน โขมยสูตรยาเอาดื้อๆ ล่าสุด สกัดใบกระท่อม กับกัญชาออกมาเป็นยาได้แล้ว ในขณะที่ห้ามพวกเราปลูก   ต้นกัญชง เราห้ามปลูก เพราะแยกแยะกับกัญชาไม่ได้ ยุโรปปลูกมานานแล้ว ศัตรูพืชไม่ค่อยมี

---ลิมบอกไปว่า คนที่ปลูกอินทผาลัมนั้น ไม่มีความรู้เลยครับ ตอนนั้นเขาขายกันต้นละ 3500 และมีต้นตัวผู้-ตัวเมียอีกด้วย แค่แกอยากให้พ่อได้กิน เพื่อลดน้ำตาลในเลือด-ผลไม้มหัศจรรย์ของทางอาหรับครับ--

--แกก็ไปซื้อที่ๆ จ.ลพบุรี ห่างบ้าน200 กม. ขับรถไปทุกอาทิตย์  พยายามเพาะเมล็ดจากที่ซื้อลูกมากิน และผสมเกสรเอง คนแขกก็บอกแกว่า ตั้งชื่อเองได้เลย เพราะเมล็ดตัวผู้กับตัวเมียมาจากคนละแหล่ง

--ปรากฏว่า 2 ปีก็ออกดอกและติดลูกครับ ยากหน่อยตรงที่ดอกคัวผู้กับตัวเมียแก่ไใม่พร้อมกัน จึงต้องเก็บเกสรไว้ในถุงแล้วผสมเอง

--ที่ อ.ไชยปราการ เชียงใหม่ก็มีคนสร้างพันธุ์แบบนี้ครับ 4-5 ปีก็ติดลูกครับ อาหรับยังว์้อกลับไปปลูกเป็นหมื่นไร่
--ตามปกติที่อาหรับ แถบนั้น จะให้ลูกตอนอายุ 20 ปี แต่นี่เมืองไทย ฝนตกทุกปีครับ ไม่แล้งแบบนั้น

--มะพร้าวทะเล หายากและแพงมาก(ผลของมันเหมือน--ช่วงสะโพกของสตรี) จะติดลูกตอนอายุ 40ปีขึ้นไป เมืองไทยเอามาปลูก 4 ปีก็ออกลูกครับ ที่สวนนงนุชครับ
--เชียงรายฝนตกชุก เพราะมีภูเขาเยอะ น่าจะได้เปรียบกว่าทุกจังหวัดครับ มีหลายท่านมาอยู่
แล้วประสบความสำเร็จทางการเกษตร ยินดีด้วยครับ ผมเพิ่งกลับจาก กทม.มาได้ 10ปีเศษ ตามหัวความฝัน แต่ไม่ถาวรครับ --ได้ภรรยามา1 คนเอง(อบากได้หลายคน--แต่คนนี้มาแรง)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 09 มิถุนายน 2012, 22:38:16 โดย jesdath » IP : บันทึกการเข้า

รณรงค์ขอให้คนไทยมีสิทธิ์ อ่านเขียนภาษาอังกฤษแบบแท้ๆ
--รับบูรณะโน๊ตบุคและคอมที่เก่ามากๆ- ราคากันเองครับ
--รณรงค์ให้คนไทยใช้ลีนุกซ์ จะได้ไม่นอนผวากลัวลิขสิทธิ้จ้ะ
jesdath
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 836



« ตอบ #13 เมื่อ: วันที่ 09 มิถุนายน 2012, 23:32:14 »

แทรกนิดนึง-ในช่วง5ปีมานี้ ไทยสั่งผลไม้ตระกูล
เบอรี่่ เข้าประเทศปีละหลายร้อยล้านบาท--ตามกระแสสุขภาพที่มาแรง
---แตกรมหม่อนไหม เกิดอาการคันๆ เพราะได้ข้อมูลใหม่ว่า ผลหม่อนของไทยเรา มีกรดโฟลิค สูงกว่าผลบลูเบอรี่1-2 เท่า และมีสารกลุ่มโพลี่ฟีน่อล ซึ่งต้านอนุมูลอิสระได้ดี ทำให้เซลเม็ดเลือดแดงเจริญเติบโตเต็มที่ เซลประสาท-ไขสันหลัง และเซลสมองเจริญดีเป็นปกติ หลอดเลือดแข็งแรง กระแสเลือดไหลเวียนดี--รวมถึงลดอาการแพ้ต่างๆ และยังช่วยยืดอายุเม็ดเลือดขาวอีกด้วย-
-------------------------------------
----ตะขบเวียดนาม "ตะขบยักษ์ไร้หนาม" เป็นต้นเดียวกับต้น ตะขบป่าไร้หนาม หรือไม่ ขอยืนยันว่า เป็นต้นเดียวกัน
ซึ่งตะขบป่าที่พบตามป่าธรรมชาติในบ้านเรามี 2 สายพันธุ์คือ ตะขบป่าไร้หนาม หรือ "ตะขบยักษ์ไร้หนาม" กับ ตะขบป่าลำตะคอง

ตะขบยักษ์ไร้หนาม---ตะขบเวียดนาม
ตะขบ --Manila Cherry Tree มะเกว๋นควาย กือคุ ครบ ครบดง Flacourtia Muntingia calabura Ta Khop ตะขบยักษ์ไร้หนาม ตะขบยักษ์ไร้หนาม จำหน่ายตะขบยักษ์ไร้หนาม ตะขบ ปราจีนบุรี
----------------------------------
"ตะขบยักษ์ไร้หนาม" อร่อย--ใกล้สูญพันธุ์
ตะขบยักษ์ไร้หนาม
ผู้อ่านไทยรัฐ จำนวนมากสงสัยว่า "ตะขบยักษ์ไร้หนาม" เป็นต้นเดียวกับต้น
ตะขบป่าไร้หนาม หรือไม่ ขอยืนยันว่า เป็นต้นเดียวกัน
ซึ่งตะขบป่าที่พบตามป่าธรรมชาติในบ้านเรามี 2 สายพันธุ์คือ ตะขบป่าไร้หนาม หรือ
"ตะขบยักษ์ไร้หนาม" กับ ตะขบป่าลำต้นมีหนาม ทั้ง 2 ชนิด จะมีผลโตเหมือนกัน มีรสหวานหอม
คนเดินป่าสมัยโบราณนิยมเก็บเอาผลไปวางขายในตลาดตัวเมืองได้รับความนิยมรับประทานอย่างแพร่หลาย
ผมเองสมัยเป็นเด็กบ้านนอก พบเห็นตามป่าจนชินตา เวลาติดผลดกทั้งต้น กิ่งจะโค้งงอ
สีของผลมีทั้งสีเขียว และสีม่วงคล้ำสวยงามน่าชมยิ่ง ซึ่งตะขบทั้ง 2 ชนิด
เคยแนะนำในคอลัมน์ไปแล้ว แต่เมื่อมีผู้อ่านสงสัย ประกอบกับพบว่า "ตะขบยักษ์ไร้หนาม"
หรือ ตะขบป่าไร้หนาม ใกล้จะสูญพันธุ์ พบตามป่าธรรมชาติน้อยมากแล้ว
และทราบว่ามีผู้ตอนกิ่งออกวางขาย แต่ไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร
จึงรีบไขข้อสงสัยให้แฟนคอลัมน์ได้รู้ พร้อมกับรณรงค์ให้ช่วยกันปลูกก่อนที่จะสูญพันธุ์ไม่ได้ พบเห็นอีกทันที
ตะขบยักษ์ไร้หนาม หรือ ตะขบป่าไร้หนาม มีชื่อวิทยาศาสตร์คือ FLACOURTIA INDICA
(BURMF) MERR PLACHNELLA SIAMENSIS อยู่ในวงศ์ FLACOURTIACEAE เป็นไม้ยืนต้นผลัดใบ
สูง 2-10 เมตร กิ่งก้านมีข้อ ซึ่งชนิดที่แนะนำในคอลัมน์วันนี้เป็นชนิดไม่มีหนาม
พบตามป่าธรรมชาติน้อยมาก น้อยกว่าชนิดที่ต้นมีหนาม
เวลาติดผลคนเดินป่าเก็บผลไปขายประจำ จนทำให้ชนิดที่มีหนาม หนามทู่ไม่แหลมคมอีก
ใบเป็นใบเดี่ยว ออกสลับ รูปไข่กลับดอก ออกเป็นช่อกระจะที่ซอกใบและปลายกิ่ง มีดอกย่อยไม่มากนัก
เป็นดอกแยกเพศอยู่คนละต้น ไม่มีกลีบดอก มีเกสรสีเหลืองปนขาวจำนวนมาก "ผล" ของ
"ตะขบยักษ์ไร้หนาม" หรือ ตะขบป่าไร้หนาม เป็นรูปทรงกลม ผลโตเต็มที่เกือบเท่าผลมะนาว
หรือลูกปิงปอง ผลดิบสีเขียว สุกเป็นสีแดงคล้ำ หรือ สีม่วงดำ เนื้อรสหวานหอม มีเมล็ด 5-8 เมล็ด
คนโบราณก่อนกินเอาผลสุกไปคลึงให้ผลพอน่วมจะเพิ่มรสชาติให้หวานหอมอร่อยยิ่งขึ้น
ติดผลทั้งปี ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ด และตอนกิ่ง มีชื่อเรียกอีกคือ ตาลเสี้ยน,
มะเกว๋นนก, มะเกว๋นป่า ใครต้องการกิ่งตอนไปปลูก ติดต่อ "คุณปราโมทย์"
โทร.08-9069-5556 หรือไปดูต้นและผลจริงได้ที่งาน "บ้านและสวนแฟร์" เมืองทองธานี
ระหว่างวันที่ 27 ต.ค.-1 พ.ย.นี้ ราคาสอบถามกันเอง ส่วนสรรพคุณทางยา ที่เด่นๆ ราก 1
กำมือ ต้มน้ำพอท่วมดื่ม 3-5 ครั้ง แก้ไตพิการ ทั้งต้น หรือราก ต้มน้ำอาบ
แก้โรคผิวหนังที่เกิดจากประดงดีมากครับ.
"นายเกษตร"

ไทยรัฐออนไลน์
โดย นายเกษตร
28 ตุลาคม 2552, 05:00 น.


อย่าเพิ่งเบื่อน๊ะครับ คืออยากจะหาข้อมูลไว้ แล้วจะเก็บอะไร จะไม่เก็บอะไรไว้ จะได้มีข้อมูลตัดสินใจ

อันนี้เจอมาจากตลาดสดแถวบ้าน เขาบอกว่าตะขบซื้อต้นพันธุ์มาจากทางใต้ ไม่มีหนาม ผมก็ไม่รูว่าพันธุ์อะไร ไม่แน่ใจว่าเป็นตะขบยักษ์ไร้หนามหรือเปล่า เนื้อเยอะกว่าตะขบป่าแต่หวานน้อยกว่า จะเก็บเม็ดหรือเพาะเม็ดยังไง รบกวนท่านที่ทราบด้วยครับ

เทียบกะเหรียญบาท

 ออฟไลน์

กระทู้: 1230




    Re: กระทู้ขี้สงสัยครับ เพราะว่าเจอมาแต่ไม่ทราบว่าเขาเรียกกันเป็นกลางๆว่าชื่ออะไร
« ตอบ #16 เมื่อ: มกราคม 14, 2011, 12:19:55 PM »

 อ้างถึง
 
IP : บันทึกการเข้า

รณรงค์ขอให้คนไทยมีสิทธิ์ อ่านเขียนภาษาอังกฤษแบบแท้ๆ
--รับบูรณะโน๊ตบุคและคอมที่เก่ามากๆ- ราคากันเองครับ
--รณรงค์ให้คนไทยใช้ลีนุกซ์ จะได้ไม่นอนผวากลัวลิขสิทธิ้จ้ะ
jesdath
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 836



« ตอบ #14 เมื่อ: วันที่ 09 มิถุนายน 2012, 23:34:00 »

ตะขบเวียดนาม "ตะขบยักษ์ไร้หนาม" เป็นต้นเดียวกับต้น ตะขบป่าไร้หนาม หรือไม่ ขอยืนยันว่า เป็นต้นเดียวกัน ซึ่งตะขบป่าที่พบตามป่าธรรมชาติในบ้านเรามี 2 สายพันธุ์คือ ตะขบป่าไร้หนาม หรือ "ตะขบยักษ์ไร้หนาม" กับ ตะขบป่าลำตะคอง

---น่าจะเหมือนมะเกว๋นบ้านเรานะครับ--โตเร็ว ทนทาน ตายยาก
--แต่ราคาขายตอนนี้กิ่งละ 300บาทครับ
 -------------------------------------------------------------------
"ตะขบยักษ์ไร้หนาม" อร่อยใกล้สูญพันธุ์

ตะขบยักษ์ไร้หนาม
ผู้อ่านไทยรัฐ จำนวนมากสงสัยว่า "ตะขบยักษ์ไร้หนาม" เป็นต้นเดียวกับต้น
ตะขบป่าไร้หนาม หรือไม่ ขอยืนยันว่า เป็นต้นเดียวกัน
ซึ่งตะขบป่าที่พบตามป่าธรรมชาติในบ้านเรามี 2 สายพันธุ์คือ ตะขบป่าไร้หนาม หรือ
"ตะขบยักษ์ไร้หนาม" กับ ตะขบป่าลำต้นมีหนาม ทั้ง 2 ชนิด จะมีผลโตเหมือนกัน    มีรสหวานหอม
คนเดินป่าสมัยโบราณนิยมเก็บเอาผลไปวางขายในตลาดตัวเมืองได้รับความนิยมรับประทานอย่างแพร่หลายo
ผมเองสมัยเป็นเด็กบ้านนอก พบเห็นตามป่าจนชินตา เวลาติดผลดกทั้งต้น กิ่งจะโค้งงอ
สีของผลมีทั้งสีเขียว และสีม่วงคล้ำสวยงามน่าชมยิ่ง ซึ่งตะขบทั้ง 2 ชนิด
เคยแนะนำในคอลัมน์ไปแล้ว แต่เมื่อมีผู้อ่านสงสัย ประกอบกับพบว่า "ตะขบยักษ์ไร้หนาม"
หรือ ตะขบป่าไร้หนาม ใกล้จะสูญพันธุ์ พบตามป่าธรรมชาติน้อยมากแล้ว
และทราบว่ามีผู้ตอนกิ่งออกวางขาย แต่ไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร
จึงรีบไขข้อสงสัยให้แฟนคอลัมน์ได้รู้
พร้อมกับรณรงค์ให้ช่วยกันปลูกก่อนที่จะสูญพันธุ์ไม่ได้ พบเห็นอีกทันที

ตะขบยักษ์ไร้หนาม หรือ ตะขบป่าไร้หนาม มีชื่อวิทยาศาสตร์คือ FLACOURTIA INDICA
(BURMF) MERR PLACHNELLA SIAMENSIS อยู่ในวงศ์ FLACOURTIACEAE เป็นไม้ยืนต้นผลัดใบ
สูง 2-10 เมตร กิ่งก้านมีข้อ ซึ่งชนิดที่แนะนำในคอลัมน์วันนี้เป็นชนิดไม่มีหนาม
พบตามป่าธรรมชาติน้อยมาก น้อยกว่าชนิดที่ต้นมีหนาม
เวลาติดผลคนเดินป่าเก็บผลไปขายประจำ จนทำให้ชนิดที่มีหนาม หนามทู่ไม่แหลมคมอีก
ใบเป็นใบเดี่ยว ออกสลับ รูปไข่กลับ

ดอก ออกเป็นช่อกระจะที่ซอกใบและปลายกิ่ง มีดอกย่อยไม่มากนัก
เป็นดอกแยกเพศอยู่คนละต้น ไม่มีกลีบดอก มีเกสรสีเหลืองปนขาวจำนวนมาก "ผล" ของ
"ตะขบยักษ์ไร้หนาม" หรือ ตะขบป่าไร้หนาม เป็นรูปทรงกลม ผลโตเต็มที่เกือบเท่าผลมะนาว
หรือลูกปิงปอง ผลดิบสีเขียว สุกเป็นสีแดงคล้ำ หรือ สีม่วงดำ เนื้อรสหวานหอม มีเมล็ด
5-8 เมล็ด
คนโบราณก่อนกินเอาผลสุกไปคลึงให้ผลพอน่วมจะเพิ่มรสชาติให้หวานหอมอร่อยยิ่งขึ้น
ติดผลทั้งปี ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ด และตอนกิ่ง มีชื่อเรียกอีกคือ ตาลเสี้ยน,
มะเกว๋นนก, มะเกว๋นป่า ใครต้องการกิ่งตอนไปปลูก ติดต่อ "คุณปราโมทย์"
โทร.08-9069-5556 หรือไปดูต้นและผลจริงได้ที่งาน "บ้านและสวนแฟร์" เมืองทองธานี
ระหว่างวันที่ 27 ต.ค.-1 พ.ย.นี้ ราคาสอบถามกันเอง ส่วนสรรพคุณทางยา ที่เด่นๆ ราก 1
กำมือ ต้มน้ำพอท่วมดื่ม 3-5 ครั้ง แก้ไตพิการ ทั้งต้น หรือราก ต้มน้ำอาบ
แก้โรคผิวหนังที่เกิดจากประดงดีมากครับ.

"นายเกษตร"
ไทยรัฐออนไลน์
  โดย นายเกษตร
  28 ตุลาคม 2552, 05:00 น.

 


* somd1.jpg (147.22 KB, 819x614 - ดู 90100 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า

รณรงค์ขอให้คนไทยมีสิทธิ์ อ่านเขียนภาษาอังกฤษแบบแท้ๆ
--รับบูรณะโน๊ตบุคและคอมที่เก่ามากๆ- ราคากันเองครับ
--รณรงค์ให้คนไทยใช้ลีนุกซ์ จะได้ไม่นอนผวากลัวลิขสิทธิ้จ้ะ
jesdath
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 836



« ตอบ #15 เมื่อ: วันที่ 09 มิถุนายน 2012, 23:44:18 »

มะเกว๋น มีสารแทนนิน ซึ่งให้ความฝาดมาก น่าจะทำไวน์ได้ดี
--ส่วนตัวผม ชอบมะเกี๋ยงครับ ทั้งน้ำมะเกี๋ยง หรือมะเกี๋ยงดอง  ก็กินแล้วชื่นใจดีครับ
ทำเป็นไวน์ก็น่าจะดีเพราะสีสวย
--ผลไม้พื้นบ้านเราก็ดีนะครับ---แต่ผมสงสัยว่าของจีน น่าจะดัดแปลงพันธุกรรมมา เช่นกระเทียมของเขาหัวใหญ่มาก ข่าวว่า ข้าว ข้าวสาลีเขาก็ทำหมดแล้วครับ มีแต่ของไทย ที่ลองมะละกอจีเอ็มโอ กำลังปลูก พ่อคุณเอ็นจีโอช่วยตัดซะเหี้ยน เตียนทั้งสวนเลย ถ้าที่จีน คุณไปทำอย่างนี้ รับรองติดคุกไม่ได้ออกเลยครับ
NGO-องค์กรเอกชนที่ไม่ใช่ของรัฐ
-------------------------------------------------------
NGOs คือใคร ?
องค์กรพัฒนาเอกชน หรือ อพช. มีบทบาทในการพัฒนาสังคมไทยมากว่า ๓ ทศวรรษ คนทั่วไปรู้จักในนาม "เอ็นจีโอ" (NGOs)

ภาพลักษณ์ของ NGOs ในความเข้าใจของคนในสังคม มีทั้งเชิงบวกและเชิงลบ ตามข้อมูล ที่ได้รับและประสบการณ์ที่ได้สัมผัส บ้างว่าเป็นพวกที่มีอุดมการณ์ มีความตั้งใจสูงในการทำงาน เพื่อสังคม แต่มีคนไม่น้อยมองว่าเป็นพวกม็อบรับจ้าง พวกขัดขวางความเจริญ พวกรับเงินต่าง ประเทศมาทำลายชาติ และอื่นๆ อีกมากมาย

...แล้ว NGOs คืออะไรกันแน่?...

NGOs มาจากคำย่อว่า Non Govermental Oganizations แปลตรงตัว คือ องค์กรที่ไม่ใช่องค์กรของรัฐ ในต่างประเทศมักเรียกว่า "องค์ที่ทำงานโดยไม่แสวงหากำไร" หรือ "องค์กรอาสาสมัครเอกชน"

สำหรับประเทศไทย มักเรียกว่า "องค์กรการกุศล" หรือ "องค์กรสาธารณประโยชน์" และในระยะหลังก็เรียกว่า "องค์กรพัฒนาเอกชน"

องค์กรพัฒนาเอกชน ( NGOs) คือ องค์กรที่ไม่ใช่ภาคราชการ และไม่ใช่ภาคธุรกิจที่แสวง หากำไร ก่อตั้งและดำเนินการโดยกลุ่มบุคคล ที่มีความมุ่งมั่นในอันที่จะเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไข ปัญหาสังคม โดยเฉพาะปัญหาด้านคุณภาพชีวิตของกลุ่มบุคคลผู้ด้อยโอกาสและประชาชนผู้ทุกข์ยาก อันเกิดจากผลกระทบของการพัฒนา
---------------------------------------------------------

GMO- พืชดัดแปลงพันธุกรรม
  GMOย่อมาจากGeneticallyModifiedOrganismหมายถึงจุลินทรีย์พืชและสัตว์ที่มีการเปลี่ยนแปลงสารพันธุกรรม
โดยใช้เทคนิคทางพันธุวิศวกรรมคือมีการตัดต่อและปลูกถ่ายยีนจากสิ่งมีชีวิตหนึ่งไปสู่สิ่งมีชีวิตอีกชนิดหนึ่งหรือชนิดเดียวกันและยีนที่ถูกถ่าย
ทอดไปนั้นสามารถทำงานสร้างโปรตีนได้เช่นเดิม ดังนั้นการถ่ายยีนจึงทำให้สิ่งมีชีวิตที่ได้รับยีนนั้นเข้าไปสามารถแสดงลักษณะใหม่ที่ไม่เคยมี
มาก่อนได้ พืชที่ได้รับการถ่ายยีนเข้าไป เรียกว่า พืชตัดต่อยีน (Transgenic plant) และสัตว์ที่ได้รับการถ่ายยีนเข้าไปเรียกว่า สัตว์ตัดต่อยีน
(Transgenic animal) ซึ่งเทคโนโลยีในปัจจุบันประสบความสำเร็จอย่างมากในพืช (Transgenic plant) แต่ยังสามารถทำได้อย่าง
จำกัดใน สัตว์ (Transgenic animal)
IP : บันทึกการเข้า

รณรงค์ขอให้คนไทยมีสิทธิ์ อ่านเขียนภาษาอังกฤษแบบแท้ๆ
--รับบูรณะโน๊ตบุคและคอมที่เก่ามากๆ- ราคากันเองครับ
--รณรงค์ให้คนไทยใช้ลีนุกซ์ จะได้ไม่นอนผวากลัวลิขสิทธิ้จ้ะ
Number9
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7,759



« ตอบ #16 เมื่อ: วันที่ 10 มิถุนายน 2012, 09:27:49 »


ขอบคุณข้อมูลดีดี ที่ทุกท่านนำมาแบ่งปันให้ชาวเขียงรายโฟกัสเจ้า

IP : บันทึกการเข้า
jesdath
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 836



« ตอบ #17 เมื่อ: วันที่ 10 มิถุนายน 2012, 16:30:32 »

--มีพริกผลใหญ่ที่บางท่านอยากได้--- พอดีเจอก็เอามาให้ดูครับ ไม่ได้มีเอี่ยวกับผู้ขายครับ
http://www.kasetporpeang.com/forums/index.php?PHPSESSID=mkntq1v05hbbj27bh6j5oujkg3&topic=46602.0

-ข้วโพดกลมๆ เหมือนสตอเบอรี่---โหระพาสีม่วง น่าสนใจครับ--โสมเกาหลี หรือโสมคน ใช้เวลานานกว่าจะลงหัว ต้องเกิดตามป่าเขาที่ดินไม่ดี (หรือว่าใช้ดินดี ก็จะให้หัวเร็ว บางคนก็ว่าอย่างนั้นครับ น่าลองปลูก) โสมเกาหลีหรือโสมคน--บางประเทศหวงห้ามนำเมล็ดออกมา โทษหนักเลยนะครับ
กระทู้มิสเตอร์บีน พืชแปลกๆทั้งนั้น มีรูป มีชื่อวิทยาศาสตร์ จะให้หาก็ยังได้ครับ
http://www.kasetporpeang.com/forums/index.php?PHPSESSID=mkntq1v05hbbj27bh6j5oujkg3&topic=39616.0

มะเขือเทศอิตาเลี่ยน(ไม้ยืนต้น) ปลูกประดับรีสอร์ตไว้ ได้ออกทีวีแน่เลยครับท่าน
http://www.kasetporpeang.com/forums/index.php?PHPSESSID=mkntq1v05hbbj27bh6j5oujkg3&topic=61676.0

--บางคนก็ทำเรื่องผัก พวกเครื่องปรุงรสของฝรั่ง อย่างเช่น พาร์สลี่ ,เสจ,โรสแมรี่ และไธม์ ตามที่ในเพลง สคาโบโร แฟร์แหละครับ--ตลาดต้องการเรื่อยๆ เพราะโรงแรมระดับห้าดาวต้องใช้ผักพวกนี้ทำอาหารให้ลูกค้า อย่างคนอิตาลี่และฝรั่งเศส พวกนี้จะหัวอนุรักษ์เรื่องสูตรและรสชาติอาหารครับ

--หรือจะมานั่งเพาะไม้ประดับ ไม้สวนครัวสีแปลกๆ ใส่กระถางขายตามตลาดนัดก็เก๋ไม่เบาครับ--เมเปิ้ลแดงครับ
http://www.kasetporpeang.com/forums/index.php?PHPSESSID=mkntq1v05hbbj27bh6j5oujkg3&topic=26652.0

-ดอกไม้สวยๆ อย่างกุหลาบพันปี หรือที่ชื่อจริงเรีย อาซาเลีย(มีหลายสี เป็นสุดยอดแรงบันดาลใจของกวีทั้งญี่ปุ่นและจีน) จขกท.ก็ห้ามใจที่จะไม่ซื้อได้สักครั้ง --(ท่านจงเปลี่ยนดิน เปลี่ยนกระถาง เพราะมีดินมานิดเดียว ใส่กาบมะพร้าวมาเยอะ คนขายอ้างว่ามันชอบแบบนี้ ที่ไหนได้ แป๊บเดียวตาย ท่านต้องควักตังซื้อใหม่--ทีเทศบาลปลูกลงดินหน้าตึก ไม่เห็นมันจะตาย ปีสองปีก็ยังอยู่)

--ท่านที่ปลูกตระกูล ส้ม และมะนาว พวกนี้ชอบน้ำ และปุ๋ยแบบไม่อั้นเต็มอัตรา--หากเราไม่สนใจ ก็ให้ผลผลิคแบบเสียไม่ได้ --ไม่เหมือนต้นไผ่ครับ เทวดาเลี้ยง ไผ่ปักกิ่งลำละ300 บาท ไผ่สีดำทั้งกอก็มี--ผมก้ยังไม่เห็นหน้าตามันนะครับ

--เมล็ดที่เค้าขายๆกันตามท้องตลาด จะให้ผลผลิตดีตามที่เขาวางยาไว้ หลังจากนั้นผลผลิตจะลด ถ้าเราเอาเมล็ดลูกมาทำพันธุ์ หรืออาจจะลีบไปเลย   ดังนั้นคนกลุ่มหนึ่งจากทั่วโลก จึงรวบรวมผักพื้นบ้านมาช่วยกันเก็บและทดลองปลูก  
--อย่าลืมว่า ความมั่นคงของเมล็ดพันธุ์(พันธุกรรม) คือความมั่นคงทางอาหาร  ในเมื่อไทยอยากเป็นครัวโลก ก็ต้องมีการรวมกลุ่มเก็บเมล็ดพันธุ์ทุกอย่าง เช่นข้าวเอาไว้ การปลูกข้าว2-3 ชนิดในที่เดียว อาจช่วยผลผลิตในยามแล้ง หรือน้ำท่วมได้
---เช่นคุณ โจน จันได สร้างบ้านดิน และเก็บสะสมเมล็ดพันธุ์ มีทั้งฝรั่ง ญึ่ปุ่น อิสราเอลมาขอเรียนรู้ทุกวัน ทั้งๆที่ต้องเสียค่าเรียนเป็นเงินไม่น้อย แต่ก็ยอม--เด็กหนุ่มสาวหลายๆคนมาตั้งหลักที่บ้านและสะสมเมล็ดพันธุในเมื่อพืชดัดแปลงพันธุกรรมมีตลาดที่สดใส เขาก็ทำตามกระแสทันที  จนประเทศจีนก้าวสู่สังคมอุตสาหกรรมและมั่งคั่งชึ้นในเวลาแค่30 ปี ในขณะที่ยุโรปใช้เวลาสองร้อยปี
--ในเมื่อกระแสสุขภาพมาแรง พืชบำรุงสุขภาพ ต้านมะเร็งอย่างผักพลูคาวตอง และอื่นๆ พืชไร้สารพิษ น่าจะเป็นตลาดที่ดี และโตวันโตคืน ทำมูลค่าใด้มากกว่าพืชตามกระแสหลัก
--อย่างเช่นคนตามบ้านนอกมักพูดกันว่า "ปลูกอะไรก็ได้ แต่ห้ามตามที่ราชการสนับสนุนให้ปลูก"
อย่างเช่น ข้าวโพดอาหารวสัตว์ มันสำะหลังและอ้อย สามอย่างนี้คือศัตรูตัวฉกาจของดิน ลองปลูกครั้งเดียว ดินในสวนของท่านจะจืดไปอีกหลายปี สารตกค้างจากปุ๋ยเคมี จะทำให้จุลินทรีย์ในดินตาย
กล่าจะฟื้นตัวได้ก้อีกสามปี    สวนลำใตใกล้ผมพ่นยา แมลงตายกันข้ามปี จะหากว่างสักตัว-ทั้งหมู้บ้านต้องวิ่งมาที่สวนผมนี่แหละ--(ดงป่าเหมี้ยง-ห้วยสัก)  โห ยาฆ่าแมลงมันร้ายกาจขนาดนี้หรือนี่ ชาวบ้านบอกว่ามันเหม็นมากๆ พ่นครั้งเดียวเหม็นไปสองปี
--ในการทำปุ๋ยให้เป็นเม็ด ส่วนใหญ่เขาก็จะใช้ดินขาว ไม่ใช่ปูนขาวนะครับ ซึ่งนานๆไปมันจะตกค้างมากทำให้ดินแข็ง ไม่ร่วนซุย--คือผมคิดเอาเองนะครับ--ชาวสวนส่วนใหญ่ใช้ปูนขาวบำรุงดิน--ทาง บ.ปุ๋ยไม่ใช้ เพราะทำให้ค่าพีเอชปุ๋ยเปลี่ยนไป

--มีคนบนดอยอย่คนนึง เขามีความคิดต่างออกไป มักจะเถียงกับ จนท.เกษตรอยู่เสมอ จนเขาว่าแก "หัวหมอ" แกจึงหนีไปอยู่ไต้หวัน และแกก็หา แอบเอาเมล็ดชาออกนอกประเทศมาจนได้ แกก็นำมาปลูกบนดอยแม่สลอง พอได้ผลผลิต แกก็ไปหาพวกเซียนชิมชาที่ไต้หวัน ซึ่งพอได้ลิ้มรสชานี้เท่านั้นแหละ พวกก็โทรหาพรรคพวกมากันเต็มบ้าน บอกว่า "มาเร็วๆเลย ไม่เคยชิมชาอะไรอร่อยเท่านี้มาก่อน"
---บุญคุณของคนๆนี้ยังไม่พอ ด้วยความคิดต่างออกไป แกก็ปลูกต้นชา-สวนชาใหญ่โตแถว อ.แม่ลาว  เพราะคิดว่า "เชียงรายน่าจะอยู่สูงจากระดับน้ำทะเล 600กว่าเมตรในทุกๆที่"  ซึ่งปรากฏว่า ความคิดนี้ได้ผลครับ ต้นชาในสวนของแกก็เติบโตดี ไม่แตกต่างกับบนดอย
---ไร่..รอด เคยนำองุ่นมาปลูกที่เชียงราย แต่ไม่รอดสมชื่อไร่ จึงนำมะเฟืองมาติดตาแทน ถอดใจยอมแพ้--แต่เพื่อนผมกำลังทำค้าง ปลูกตามสูตรของโครงการหลวง
---- อืม คนในบอร์ดนี้ก็ปลูกได้นี่ แสดงว่าเชียงรายก็ปลูกได้ แต่เสียตรงที่ฝนชุกมากไป และเชื้อราก็ชอบซะด้วย--เดิมทีองุ่น เราคิดว่าเป็นไม้เมืองหนาวของฝรั่ง แต่ต้นเค้ามันอยู่แถวตุรกี ชอบร้อนชื้นครับ งงมั้ยครับ--ดังนั้นจงอย่าเชื่อตำราหรืออะไรทั้งนั้น ทดลองเลยครับ   อย่างเช่นตำราสอนให้ตัดแต่งกิ่งตามหลักวิชา แต่มีคนนึงเขาทำกลับกัน ตัดกิ่งใหญ่ออก เหลือไว้แต่กิ่งต่ำๆ ก็ได้ผลผลิตดี เก็บง่าย (เงาะ ครับ)   บางคนตัดลิ้นจี่ เกือบเหลือแต่ตอ
แต่ได้ผผลิตสูงกว่าเดิมเยอะ แกบอกว่า "ถ้าเฮาฮักมัน มันบ่ฮักเฮา"     บางคนปลูกต้นไม้ผล ในสวนที่มีทั้งหิน และดินดาน แกก็เจาะพอเป็นหลุม  รดน้ำน้อยๆ วันเว้นวัน แถมม้วนกระดาษคอยตีๆมัน  ปรากฏว่าต้นพืชแข็งแรงมาก  บางคนเพาะเมล็ดมะม่วงในน้ำ ต้นไหนทนไม่ได้ก็ตาย และตอนเอามาปลูก มะม่วงของแกจะมีรากอากาศเยอะทนน้ำท่วมขังได้ ไม่ตายแถมยังให้ผลผลิตสูง

--มีคนนึงมองดูต้นมะพร้าวริมทะเล ดินไม่มี มีแต่ทราย  แถมยังมีน้ำทะเลที่เค็มเหมือนเกลือ แต่ไม่ยักกะตาย--แกจึงเอาไหฝังทีโคนต้นมะพร้าว -ใส่เกลือลงในไห ปรากฏว่าต้นมะพร้าวชอบ ใบเชียวเป็นมันเลยครับ

---บางคนทำงานโรงงาน เงินเดือนสองหมื่นห้า ต้องกลับไปดูสวนพ่อที่ปราจีน แกนั่งคิดว่าจะทำไงให้ได้รายด้ายไม่น้อยไปกว่าเดิม แกเจาะลำล้นกล้วยน้ำว้า เอาหัวเชื้อชาไข่มุกใส่เข้าไป พอกล้วยออกลูกมา ก็มีรส โกโก้ สตอเบอรี่ อะไรแบบนี้ ขายดีจนผลิตไม่ทัน หวีละ 70 บาทครับ ประมาณนั้น
----บางคนเอาส่าเหล้า แป้งข้าวหมาก ฝังไว้ที่รากกล้วย แล้วกล้วยจะหวานหรืออกมาเป็นเหล้าหรือเปล่า ผมก็ไม่เคยลองครับ--เคยแต่ปลูกกล้วยน้ำว้าจากเนื้อเยื่อ (ของท่านพระเทพ) กล้วยเครือแรกที่ออกมา ใหญ่กว่าปกติสองเท่าครับ (หลังๆถ้าอยากให้มันโตต้องแยกหน่อออกมาครับ)

---คิดให้แตกต่าง--อย่างมีศิลป์--สุดท้ายนี้ขอให้ทุกท่านโชคดีมีความสุขกับต้นไม้ครับ--ถ้ามีข้อมูลใหม่ๆ ก็มาพบกันตามสไคล์ "โม้เพื่อชาติ"ครับ
--- ถ้าไม่เขียนออกมา ใครจะไปรู้ว่าในใจ--ในสมองเรามีอะไรบ้างครับ--เรียกว่าสื่อสารกันดีกว่าไม่มีการสื่่อ-"คนสามขา มีปัญญา หาไว้ทัก ที่ไหนหลักแหลมคำ จงจำเอา"



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 10 มิถุนายน 2012, 16:39:44 โดย jesdath » IP : บันทึกการเข้า

รณรงค์ขอให้คนไทยมีสิทธิ์ อ่านเขียนภาษาอังกฤษแบบแท้ๆ
--รับบูรณะโน๊ตบุคและคอมที่เก่ามากๆ- ราคากันเองครับ
--รณรงค์ให้คนไทยใช้ลีนุกซ์ จะได้ไม่นอนผวากลัวลิขสิทธิ้จ้ะ
jesdath
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 836



« ตอบ #18 เมื่อ: วันที่ 10 มิถุนายน 2012, 16:41:07 »

--มีอีกสองเรื่องที่จะบอกให้ทราบครับ มีชาวบ้านกลุ่มหนึ่ง แกะเปลือกเมล็ดข้าวออก แล้วปลูกทีละเมล็ดครับ เรียกว่าเกษตรปราณีต ผลผลิตเท่าเดิมครับ
-ซึ่งเราเคยปลูข้าแบบเพราะและดำนา กอนึงมีประมาณ5 ต้น ไม่มีประโยชน์ครับ เปลือง ค่าเมล็ดพันธุ์และเสียเวลา  เนื่องจากนักวิชาการวิจัยมาแล้วว่า ปลูกข้าว 1เมล็ดบนดินชื้นๆ ข้าวจะแตกกอมา35-40ต้น เกี่ยวได้พอดี และพอต้นโตก็ไม่ต้องย้ายกล้า เพียงค่อยเพิ่ปริมาณน้ำก็พอครับ  (วารเทคโนชาวบ้าน 15 พค.55)
--และสูตร์ฮอร์โมนไข่--เดิมทีใช้บำรุงต้นพืชให้สมบูรร์ ต่อมาชาวบ้านทดลองให้วัวควายกิน ก็หายจากโรค แข็งแรง สุนัขยังชอบกิน--ต่อมาคนหัวใสทดลองกินเอง ทำให้แข็งแรง หายจากโรคต่างๆ ดีกว่าน้ำหมักป้าเช็ง
---โดยเฉพาะผู้เป็นภูมิคุ้มกันบกพร่อง-(เอดส์) ทานแล้วจะแข็งแรง ทำงานได้ อีกหลายสิบปีก็ไม่ตายครับ--(ความจริงมีคนใช้ได้ผลเยอะครับน้ำหมักสมุนไพรนี่ เป็นสูตรของแพทย์แผนโบราณแถบอินเดีย เนปาล บังเอิญว่า มันขัดหูขัดตากับแพทย์กระแสหลักเค้า ใบย่านางคั้นเอาน้ำ กินทุกวัน มะเร็งยังหายเลยครับ แต่ทางรัฐบาลยังไว้ใจการรักษาแบบคีโมที่ใช้เงินหัวละไม่ต่ำกว่าหนึ่งล้านบาท แถมยังรักษาไม่ยอมหาย คนไข้ตายก่อน เพราะคีโมเป็นสารพิษร้ายแรงต่อสุขภาพ)

ลองเอาสูตรนี้ไปใช้นะครับ....น้ำหมักเปลือกไข่เสริมแร่ธาตุ
วัตถุดิบและส่วนผสม
- เปลือกไข่บดละเอียด จำนวน 1 กิโลกรัม
- น้ำซาวข้าว จำนวน 10 ลิตร
วิธีการ
- เทน้ำซาวข้าวลงก่อนใส่ในไหปากกว้าง
- จากนั้นค่อยโรยเปลือกไข่บดลงไป แล้วปล่อยเปลือกไข่ค่อยๆจมลงไปเองโดยไม่ต้องคน
- ปิดปากไหด้วยกระดาษหมักทิ้งไว้ 8 -10 วัน จากนั้นกรองเอาแต่น้ำมาใช้
ประโยชน์ของน้ำหมักจากเปลือกไข่
-ใช้กับสัตว์ ผสมน้ำในอัตรา น้ำหมัก 20 cc.+น้ำ 10 ลิตร ให้สัตว์ดื่มแทนน้ำ เพื่อบำรุงกระดูก เพราะมีแคลเซียมมาก

ใช้ได้ผล !!!..อย่าลืมบอกต่อนะครับ.....+++!
----------------------------------สูตรที่2 อันนี้ครบสูตรครับ---
บุรี~    
 Posted : 2009-09-16 08:20:43   IP : (117.47.194.216)    
   
ขอแนะนำสูตรฮอร์โมนไข่ไก่ให้นะคะ ให้ใช้ไข่ไก่สดทั้งเปลือก 5 กก. + กากน้ำตาล 5 กก. + ยาคูลท์ 1 ขวด( 80 ซีซี) + แป้งข้าวหมาก 1 ลูก นำทั้งหมดบดผสมรวมกัน หมักในภาชนะปิดฝาคนทุกวันเช้า-เย็นครบ 14 วันนำมาใช้ได้ สูตรนี้รับรองได้ผล ลองทำดูนะคะ



ดอกอะซาเลียหลากสี--Azalia






อินทนนท์    
 Posted : 2009-09-16 11:27:44   IP : (125.25.196.106)    
   
ใช้ไข่ที่เสียจากโรงฟัก หรือเรียกว่าน้ำหมักสูตรไข่ข้าว ซึ่งน้ำหมักนี้จะมีแคลเซียมสูงทำให้ไผ่หรือพืชผักเจริญเติบโตได้ดี วิธีทำคือ นำไข่ข้าวหรือไข่เสียจากโรงฟัก จำนวน 50 กิโลกรัม ใส่ในถังหมักขนาด 200 ลิตร (ใส่ทั้งเปลือก) นำน้ำหมักหัวเชื้อจุลินทรีย์ที่ขยายแล้ว ใส่ลงในถังให้เต็ม ใช้ผ้ายางพลาสติกปิดตามด้วยกระสอบปุ๋ยปิดทับอีกที่ ใช้ยางรถเก่ารัดให้แน่น หมักไว้ 3 เดือน
วิธีการนำไปใช้คือ อัตราส่วน น้ำหมัก 500 cc ต่อน้ำ 200 ลิตร รดตรงโคนต้นไผ่ หรือหากเป็นต้นไม้หรือต้นไผ่ที่แข็งแรง ก็สามารถใช้ น้ำหมัก 1,000 cc ต่อน้ำ 200 ลิตร ให้ 15 – 20 วันครั้ง ปุ๋ยสูตรนี้จะทำให้อัตราการให้หน่อมากพอสมควร ไม่ต้องใช้ปุ๋ยเคมีเลย
Posted : 2009-10-17 23:36:17   IP : (118.173.37.0)    
   
วัสดุที่ใช้
ไข่ไก่ทั้งฟอง 5 กิโลกรัม
กากน้ำตาล 5 กิโลกรัม
ลูกแป้งข้าวหมาก 1 ลูก
ยาคูลท์ หรือนมเปรี้ยว 1 ขาด
วิธีทำ นำไข่ไก่ทั้งฟองปั่นให้ละเอียด แล้วนำไปใส่ภาชนะผสมกากน้ำตาล คลุกเคล้าให้เข้ากัน แล้วบดลูกแป้งข้าวหมากให้ละเอียด เติมยาคูลท์ หรือ นมเปรี้ยว ผสมให้เข้ากัน เสร็จแล้วนำไปบรรจุในถังพลาสติกซึ่งมีฝาปิดมิดชิด ตั้งทิ้งไว้ในที่ร่มมีอากาศถ่ายเทได้สะดวก ประมาณ 7 วัน
วิธีการใช้ นำน้ำสกัดชีวภาพที่ได้ ประมาณ 5 -– 10 ซีซี ผสมน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นทุก ๆ5 –- 7 วัน ควรฉีดพ่นในขณะที่แดดอ่อนหรือในช่วงเช้า การฉีดพ่น เพื่อให้พืชผลออกดอกนั้น ควรบำรุงให้ต้นพืชมีความสมบูรณ์ก่อนแล้วฉีดพ่น 2 - 3 ครั้ง และให้หยุดฉีดพ่นในขณะที่พืชผลนั้นกำลังออกดอก
ข้อควรระวัง น้ำสกัดชีวภาพ จากการใช้ไข่ไก่เร่งให้พืชออกดอกนั้น เป็นฮอร์โมนซึ่งมีความเข้มข้นสูง การใช้ควรระมัดระวังอย่าผสมให้มากกว่าอัตราที่กำหนดไว้ เพราะอาจจะทำให้พืชผลเกิดความเสียหายได้

Posted : 2009-10-28 18:12:54   IP : (112.142.12.216)    
   
สูตรอาหารเสริมเร่งการเจริญเติบโต
วัตถุดิบ
1.นมสด 1 กิโลกรัม
2.ไข่ไก่ 1 กิโลกรัม
3.น้ำมะพร้าวอ่อน 1 กิโลกรัม
4.กากน้ำตาล 1 กิโลกรัม
5.จุลินทรีย์ 100 ซีซี
วิธีการทำ
นำไข่ไก่ทั้งเปลือกผสมกับน้ำมะพร้าวอ่อน นมสด กากน้ำตาลและจุลินทรีย์ หมักทิ้งไว้ 7 วัน ก็สามารถเริ่มนำมาใช้ได้
อัตราการนำไปใช้
-นำไปใช้กับพืชผักสวนครัว ให้ใช้น้ำหมัก 10 ซีซี ต่อ น้ำ 20 ลิตร ใช้ฉีดพ่น อาทิตย์ละ 1 ครั้ง
-นำไปใช้กับนาข้าว ให้ใช้น้ำหมัก 10 ซีซี ต่อ น้ำ 20 ลิตร นำไปฉีดพ่นข้าวช่วงระยะตั้งท้องจนถึงโผล่รวง โดยฉีดสัปดาห์ละ 1 ครั้ง
     
----จะเห็นว่าของดีๆทั้งนั้น  น้ำมะพร้าวก็มีเอนไซม์เร่งการเจริญเติบโต ไข่ไก่ ก็คือสุดยอดอาหารที่ให้กับตัวอ่อน  นมวัวก็เช่นกัน--เชื้อยีสต์ หรือสาร พด. ก้เป็นแบคทีเรียฝ่ายดี
ที่จะผลิตสารต่างๆที่เป็นประโยน์--ยังไงก็พิจารณาเรื่องความสะอาด หากใช้กิน ในสัตว์ หรือคนนะครับ--วัวควายยังติดใจ ถึงเวลาเข้าคอกเองมายืนรอเลยน่ะครับ
--บอกสูตรให้แล้ว หวังว่า ทั้งสามอย่างที่บ้านท่านผู้อ่านคงจะเจริญ ขาวอวบน่าดูนะครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 10 มิถุนายน 2012, 17:50:02 โดย jesdath » IP : บันทึกการเข้า

รณรงค์ขอให้คนไทยมีสิทธิ์ อ่านเขียนภาษาอังกฤษแบบแท้ๆ
--รับบูรณะโน๊ตบุคและคอมที่เก่ามากๆ- ราคากันเองครับ
--รณรงค์ให้คนไทยใช้ลีนุกซ์ จะได้ไม่นอนผวากลัวลิขสิทธิ้จ้ะ
tonkla
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,334


ธรรม=ธรรมชาติ ธรรมดา ธรรมนูญ


« ตอบ #19 เมื่อ: วันที่ 10 มิถุนายน 2012, 17:47:53 »

สมาชิกท่าใด พอรู้แหล่งขายไม้เหล่านี้ในเชียงรายไหมครับ ผมจะไปซื้อ
IP : บันทึกการเข้า

"เดินทีละก้าว กินข้าวทีละคำ ทำทีละอย่าง"(ไว้เตือนตนเอง)
หน้า: [1] 2 3 พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!