เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 24 เมษายน 2024, 01:22:29
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  การเกษตร,ฟาร์มสัตว์,ปศุสัตว์ (ผู้ดูแล: bm farm)
| | |-+  เทคนิคต่างๆ สำหรับชาวสวน"ยางพารา"
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: [1] 2 พิมพ์
ผู้เขียน เทคนิคต่างๆ สำหรับชาวสวน"ยางพารา"  (อ่าน 14493 ครั้ง)
sabaidree
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 565


« เมื่อ: วันที่ 05 พฤษภาคม 2012, 08:11:48 »

อยากให้พวกเราร่วมแชร์เทคนิคต่างๆ(เช่น การคัดเลือกพันธุ์ การปลูก การดูแล ปุ๋ย การทำแผ่น เป็นต้น) เพราะจะเป็นประโยชน์มากๆ หากพวกเราได้นำไปใช้ และยังสามารถนำเทคนิควิธีเหล่านั้นไปปรับปรุงพัฒนาให้ดีขึ้นได้อีกด้วย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 24 กรกฎาคม 2012, 18:51:19 โดย sabaidree » IP : บันทึกการเข้า
กระเจียว
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 721



« ตอบ #1 เมื่อ: วันที่ 05 พฤษภาคม 2012, 08:40:17 »



   มือใหม่ รออยู่ครับ ยิ้มกว้างๆ ยิ้มกว้างๆ ยิ้มกว้างๆ ใครมีเทคนิคดีๆช่วยแบ่งปันหน่อยครับ ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า
sabaidree
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 565


« ตอบ #2 เมื่อ: วันที่ 05 พฤษภาคม 2012, 17:51:35 »

ของผมปีก่อนทำยางก้อนถ้วย กว่าจะมีกำไรก็ ฮืม เหมือนกันครับ
ที่ผมได้ลองทำก็ประมาณนี้ครับ
ลองทำยาง 3 แบบเพื่อเปรียบเทียบกันคือ
1.ทำยางแผ่น โดยนำน้ำยาง 3 ลิตร (ทำยางแผ่นตามวิธีปรกติ) ผึ่งในร่มประมาณ 5 วันขึ้นไป จะได้น้ำหนักยางแห้งประมาณ 0.85 กก/แผ่น(น้ำยาง3ลิตร)
2.ทำยางก้อนถ้วย โดยนำน้ำยาง 3 ลิตร เทใส่ถ้วยยางได้ประมาณ 10 ถ้วย หยอดน้ำกรด รอแห้ง เก็บผึ่งแบบกระจายๆ ประมาณ 4 แดด(จะแห้งพอดี) ได้น้ำหนักยางแห้ง 0.9-1 กก/น้ำยาง3ลิตร
3.ทำยางก้อนถ้วย โดยนำน้ำยาง 3 ลิตร เทใส่ถ้วยยางได้ประมาณ 10 ถ้วย ทำประมาณ 15 ชุด หยอดน้ำกรด รอแห้ง เก็บผึ่งโดยเทกองรวมกันทั้งหมด ประมาณ 6 แดด(จะแห้งพอดี) ได้น้ำหนักยางแห้งประมาณ 1.4 กก/น้ำยาง3ลิตร
เปรียบเทียบรายได้ จากผลการทดลองที่ได้ตามนี้ครับ
สมมุติราคายางแผ่นที่ 100 บาท/กก.
              ยางก้อนถ้วยที่ 55 บาท/กก.
แบบที่1 จะมีรายได้ 0.85x100=85 บาท/แผ่น(น้ำยาง3ลิตร)
แบบที่2 จะมีรายได้ 0.95x55=52.25 บาท/น้ำยาง3ลิตร
แบบที่3 จะมีรายได้ 1.4x55=77 บาท/น้ำยาง3ลิตร
 ก็ประมาณนี้ครับหากนำไปใช้ได้หรือมีจุดปกพร่องประการใด แนะนำได้เต็มที่เลยนะครับ ยิงฟันยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า
sabaidree
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 565


« ตอบ #3 เมื่อ: วันที่ 05 พฤษภาคม 2012, 18:01:09 »

แต่การทำยางก้อนถ้วย ถ้าแห้งพอดีแล้ว ควรรีบขายโดยเร็ว เพราะน้ำหนักจะหายเร็วมากๆ(วันละเกือบ 10%) ตกใจ
ตอนนี้กำลังลองใช้ปุ๋ย(เคมี)สูตรต่างๆเปรียบเทียบกันอยู่ ว่าสูตรไหนจะให้น้ำมาก ต้นสมบูรณ์หรือน้ำหนักดีกว่ากัน
สูตรที่ลองก็ประมาณนี้ครับ
- 30-5-18 (สูตรของ สกย. เค้าาาาาาาาาาาาา)
- 22-5-18 (สูตรของปุ๋ยดังยี่ห้อหนึ่ง)
- 19-9-19 (สูตรยอดนิยมของค่ายเรือใบ ยิงฟันยิ้ม)
- 20-5-25 (คิดเอง ยิ้มกว้างๆ)
เป็นต้น
หากได้ผลประการใด จะรีบอัพเดทนะครับบบบบบบบบบบบบ
IP : บันทึกการเข้า
sabaidree
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 565


« ตอบ #4 เมื่อ: วันที่ 05 พฤษภาคม 2012, 18:43:30 »

ขอแอบเอาเทคนิคของอาจารย์มาฝากครับ ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม

การวางแนวปลูก                                                                                                            - วางแนวปลูกห่างจากเขตแนวสวน 3-4 ม.                                                                            - ระยะปลูกที่ดีที่สุดคือ 3.5x7 ม. หรือ 3x8 ม.(จะได้ต้นยางประมาณ 65 ต้น/ไร่) เพราะต้นยางจะโตเร็ว แข็งแรงทนต่อโรค รากหากินเก่ง ใบได้รับแสงเต็มที่ ลำต้นอวบอ้วน เปลือกหนานิ่ม กรีดง่าย ให้น้ำยางมาก(ปริมาณน้ำยาง/ไร่ ไม่น้อยกว่าการปลูกถี่) หลังจากเปิดกรีดต้นยางจะโตต่อเนื่อง ขายเนื้อไม้ได้ราคาดี แต่หากปลูกถี่มากกว่านี้ยางจะโตช้า อ่อนแอต่อโรค แย่งกันสูง(เพราะต้องการแสง) ผอม เปลือกจะบาง กิ่งข้างล่างมักจะแห้งตาย แล้วกลายเป็นแหล่งสะสมเชื้อรา ไม่ทนต่อโรคจากเชื้อรา ให้น้ำยางน้อย หลังจากเปิดกรีดต้นยางจะโตช้า                                                                                                                                                                                                                  -พันธุ์ยางที่แนะนำคือ พันธุ์ 350,2025 (ให้น้ำยาง 450 กก./ไร่/ปี) และ พันธุ์ 3001(ให้น้ำยาง 500 กก./ไร่/ปี) เพราะโตเร็ว ทนโรคทนแล้ง และให้น้ำยางมาก ส่วนพันธุ์ที่ได้รับความนิยมลดลงคือ พันธุ์ 600 (ให้น้ำยาง 260 กก./ไร่/ปี) เพราะอ่อนแอต่อโรคจากเชื้อราต่างๆ และพันธุ์ 251(ให้น้ำยาง 450 กก./ไร่/ปี) เพราะไม่ทนแล้ง  ลำต้นไม่สวยขายไม้ราคาไม่ค่อยดี                                                            -ควรปลูกช่วงเดือน พค. เพราะจะได้ฝนทั้งฤดู                                                                        -ไถพลิกดินก่อน(ควรเป็นผาน 3 ใบ) เพื่อกำจัดวัชพืชและช่วยทำให้ดินโปร่ง                                  -ขุดหลุมขนาดประมาณ 40x40x40 ซม.(หากหลุมเล็กกว่านี้รากจะไม่ค่อยเดิน ทำให้โตช้ากว่า) โดยแยกดินชั้นบนและล่างออกจากกัน ทิ้งไว้ประมาณ 1-2 สัปดาห์                                                    -เลือกต้นที่สมบูรณ์ ใบเขียวแก่                                                                                          -ก่อนปลูก 7 วัน ให้ใส่ปุ๋ยสูตร 15-15-15 หรือ 20-10-12 ประมาณ 5-10 เม็ด/ต้นกล้า(เพราะหลังจากปลูกยางจะได้แทงยอดทันที) และเอาแสลมออก เพื่อปรับสภาพต้นยางให้ทนต่อแดด                      -ย่อยดินชั้นบนแล้วนำลงก้นหลุม ผสมกับปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยอินทรีย์ 1-2 กก. หินฟอสเฟต 2-3 ขีด(แบ่งไว้โรยปากหลุมบ้าง) ปุ๋ยสูตร 1 กำมือ                                                                                      -กรีดถุงออก อย่าให้ดินแตก(ยางอาจจะตาย) กลบดินให้พูน(กลบให้สูงกว่าระดับดินถุง) เพื่อไม่ให้น้ำขังและเท้าช้างจะได้ไม่ใหญ่มาก ปักไม้ชะมบให้เรียบร้อย                                                              -ปลูกให้ต้นยางหันไปในทิศตะวันออกหรือเหนือ เพื่อหนีแสง         
การใส่ปุ๋ยยาง                                                                                                                -ยางเล็ก หลังจากปลูก 20-30 วัน ให้ใส่ปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15, 20-10-12 หรือ 25-7-7 ประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ โดยหว่านให้รอบต้น(ควรหว่านช่วงหลังฝนตก ยางจะได้รับปุ๋ยเต็มที่) ห่างจากโคนเล็กน้อย แล้วใส่ปุ๋ยคอกหรืออินทรีย์กลบปุ๋ยเคมีอีกทีหนึ่ง(ป้องกันปุ๋ยเคมีระเหยตัว) และให้ใส่ปุ๋ยทุก 30-45 วัน (ช่วงที่ใบยางเริ่มแก่ หลังจากใส่ยอดใหม่จะได้พุ่ง อาจจะได้ 4-5 ฉัตร/ปี) จนหมดฤดูฝน ส่วนปีต่อๆไปให้เพิ่มปริมาณปุ๋ยขึ้นเรื่อยๆจนถึงปีที่ 7 จะใช้ปุ๋ยเคมีประมาณ 5 ขีด/ต้น/ปี                                      -ยางเล็กช่วงต้นฝนควรใช้ปุ๋ยสูตร 15-15-15  หากเป็นสูตรอื่นตามที่แนะนำ ยางจะโตเร็วกว่าแต่ลำต้นจะไม่แข็งแรง ทำให้ต้นโน้มเอียงได้                                                                                        -ยางกรีด ควรใส่ปุ๋ยเคมีช่วงฤดูฝน ปีละ 2 ครั้งขึ้นไป เช่น ต้นพค. กลาง กค. และปลาย กย. (ใส่ครั้งละน้อยๆ แต่ให้ใส่บ่อยๆ) ใช้ปุ๋ยสูตรที่ตัวหน้าและตัวหลังสูง ตัวกลางต่ำ เช่น 20-8-20, 30-5-18 เป็นต้น โดยการหว่านหรือฝังกลบ ประมาณ 1 กก./ต้น/ปี ส่วนปุ๋ยอินทรีย์ใส่ช่วงต้นฝน ประมาณ 1-3 กก./ต้น/ปี                                                                                                                                  -หากเป็นพื้นที่น้ำหลากควรใส่ปุ๋ยโดยการฝังกลบต้นละ 2-4 จุด โดยใส่ปุ๋ยอินทรีย์รองก้นหลุมก่อน เพื่อช่วยดูดซับปุ๋ยเคมีทำให้ไม่สูญเสียธาตุอาหารจากการระเหยของปุ๋ยเคมี                                          *ควรซื้อปุ๋ยเคมีช่วงเดือน กพ.-มีค. เพราะช่วงนี้ทั้งประเทศจะมีการเพาะปลูกกันน้อย ราคาจึงต่ำกว่าปรกติ     
การดูแลยาง                                                                                                                  -ควรตัดกิ่งแขนงที่อยู่ต่ำกว่าระดับ 1.5-2.0 ม.(โดยเฉพาะในพื้นที่แห้งแล้งต้องตัดที่ระดับ 1.5 ม.) เพื่อให้ได้ยางลำต้นใหญ่ เปลือกหนา ต้นไม่สูง กรีดได้เร็ว                                                              -ควรให้น้ำในช่วงแล้งกับยางทุกระยะ โดยเฉพาะช่วง 1-3 ปีแรก(หากขาดน้ำในช่วงนี้ยางจะโตช้าและตายมาก)  โดยรดทุก 15-30 วัน ยางปีแรกควรรดน้ำครั้งละ 5-10 ลิตร/ต้น และย้ายจุดให้น้ำให้ห่างจากต้นไปเรื่อยๆเพื่อกระตุ้นรากให้หาอาหารเก่ง ส่วนยางใหญ่ให้ปรับปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นตามสมควร(แล้งเกิน 3 เดือนต้องให้น้ำ) ควรผสมปุ๋ยน้ำทุกครั้งที่รดน้ำ
การกรีด                                                                                                                      -เปิดกรีดที่อายุประมาณ 7 ปีครึ่ง ที่ขนาดลำต้นไม่ต่ำกว่า 50 ซม.(ให้ได้จำนวน 60-70% ของพื้นที่) ที่ความสูง 150-160 ซม. (หากเปิดกรีดที่ขนาดลำต้นต่ำกว่า 50 ซม. เปลือกจะบาง หน้ากรีดจะเสียหายง่าย ได้น้ำยางน้อย  อายุกรีดจะสั้น)                                                                                    -กรีดให้ได้ปีละประมาณ 120 วัน หากไม่ได้กรีด(ฝนตก,หยุดกรีด)ให้กรีดชดเชยโดยการกรีดซ้ำ(2วันติดกัน) เดือนละ 2-3 ครั้ง หรือหากฝนตกตอนกลางคืนให้มากรีดชดเชยตอนเช้า แต่ไม่ให้เกินเวลา 9.00 น. หากเกินเวลานี้ น้ำยางจะลดลงมาก                                                                                 -กรีดช่วง 20.00-6.00 น. จะให้น้ำยางปรกติ, 6.00-9.00 น. ลดลง 3%, 9.00-12.00 น. ลดลง 20%, 12.00-15.00 น. ลดลง 30%, 15.00-18.00 น. ลดลง 23% และ 18.00-20.00 น. ลดลง 6% (น้ำยางจะไหลดีที่สุดช่วงตี 4)                                                                                                                                                               
                                                                                         
IP : บันทึกการเข้า
bm farm
หัวหมู่ทะลวงฟัน
ผู้ดูแลบอร์ด
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,575


canon eos


« ตอบ #5 เมื่อ: วันที่ 05 พฤษภาคม 2012, 23:48:26 »

 ยิ้มกว้างๆ...ขอบคุณข้อมูลเทคนิคดีๆครับ...
IP : บันทึกการเข้า

ยิ้มกว้างๆ .....อ่านกฏ,กติกาการใช้งานเวบบอร์ดด้วยครับ.....
sabaidree
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 565


« ตอบ #6 เมื่อ: วันที่ 06 พฤษภาคม 2012, 23:31:58 »

มีแหล่งข้อมูลดีๆมาฝากครับ ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม
http://www.kasetporpeang.com/forums/index.php?topic=51561.0
IP : บันทึกการเข้า
sabaidree
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 565


« ตอบ #7 เมื่อ: วันที่ 12 พฤษภาคม 2012, 15:06:59 »

ที่บ้านทำยางก้อนถ้วย ตอนตากจะมีกลิ่นเหม็นมากๆๆๆๆ พอจะมีวิธีแก้ไขไหมครับ
IP : บันทึกการเข้า
sabaidree
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 565


« ตอบ #8 เมื่อ: วันที่ 14 พฤษภาคม 2012, 12:20:55 »

มีข้อมูลการเปิดกรีดก่อนเวลาครับ
http://www.live-rubber.com/index.php/rubber-news-events/27-from-rubber-plantation/259-no-rubber-tapping-before-mature-project-starting-today
และการดูแลทั่วไปครับ
http://www.live-rubber.com/rubberforum/viewtopic.php?f=2&t=581
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 14 พฤษภาคม 2012, 12:27:39 โดย sabaidree » IP : บันทึกการเข้า
sabaidree
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 565


« ตอบ #9 เมื่อ: วันที่ 14 พฤษภาคม 2012, 13:17:10 »

เพิ่มเติมครับ
ปกติจะปิดกรีดประมาณ45วันถึง2เดือน ใบก็จะแก่พอแล้ว คราวนี้ก็ดูว่าตอนนั้นเป็นไง ถ้ามีฝนให้ซะ1-2ห่าเต็มๆได้น้ำได้เนื้อก็เริ่มเปิดกรีด2วันหลังจากได้ฝนได้เลย เข๊ดลับคือรอฝนครับจะไปกำหนดวันแน่นอนไม่ได้ อาทิตย์แรกกรีดกลางวันก็ได้ เค้าเรียกว่าเนาหน้ายาง ลองมีด ลับฝีมือ เพราะ4-5วันแรกน้ำยางออกน้อยนับเป็นหยดได้เลย ให้กรีดทุกวันได้ใน4-5มีดที่ว่านี้ ต่อไปก็เข้าระบบแล้วไปกรีดกลางคืน
2อาทิตย์แรกจะได้ขายเป็นขี้ยางก้อนเกือบเต็มถ้วยแหละเพิ่งขายเช้านี้เองแฮะๆ ปกติเค้าให้ขายขี้ก้อนรายได้แบ่งครึ่งกะเจ้าของสวนประมาณเดือนหนึง เพราะได้ยางน้อยนี่แหละ หลังจากนั้นก็จะทำแผ่นแบ่ง 6ต่อ4ถึง7ต่อ3ขึ้นกะที่มาที่ไปของแต่ล่ะสวน อิสานกะเหนือนี่ต้องหาจังหวะกรีดให้ดีเหมือนกัน อย่างปีที่แล้วฝนตกต้นปีแทบไม่ได้กรีดยางเลย ของคุณก่อนสงกรานต์ถ้ามีฝนให้ ดินได้น้ำพอ หลังสงกรานต์ก็เปิดกรีดได้แล้วครับ เพราะพคก็มีฝนให้แล้วต่อเนื่อง กลัวแต่ฝนจะมากหาวันกรีดไม่ได้เสียมากกว่า เปิดกรีดหลังสงกรานต์ ฝนไม่รุกมาก ช่วงแรกๆเราสามารถกรีดถี่กระตุ้นยางได้ดี ถ้าฝนมากกรีดบ้างหยุดบ้างต้นยางสะสมเอทีลีนไม่ค่อยพอน้ำยางจะไม่ค่อยออกไม่ค่อยได้กินนะครับ
pongdit
 
Posts: 1427
Joined: Thu May 06, 2010 7:31 pm
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 24 กรกฎาคม 2012, 18:52:39 โดย sabaidree » IP : บันทึกการเข้า
ปัญญาวุฒิ
เดินต่อไป
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 392



« ตอบ #10 เมื่อ: วันที่ 14 พฤษภาคม 2012, 14:25:27 »


ยอดมากครับ

มีการทดสอบให้ดูแบบนี้ สำหรับมือใหม่ ก็จะได้ตัดสินใจถูกมากขึ้นอีกหน่อย
IP : บันทึกการเข้า

บล็อกเศรษฐี blogger    แบบบ้านน่ารัก
sabaidree
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 565


« ตอบ #11 เมื่อ: วันที่ 02 มิถุนายน 2012, 19:24:18 »

มาตรฐานการเจริญเติบโตของต้นยางพารา โดยสถาบันวิจัยยาง ครับ
http://www.live-rubber.com/index.php/para-rubber-articles/40-para-rubber-statistic/103-para-rubber-growth-rate
IP : บันทึกการเข้า
sabaidree
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 565


« ตอบ #12 เมื่อ: วันที่ 02 มิถุนายน 2012, 19:36:27 »

การดูแลต้นยางให้แข็งแรง ทนต่อลม หักโค่นยาก

1.ระยะปลูก เอา3.2หรือ3คูณ7น่าจะดีกว่าจะได้เผื่อต้นที่ล้มยกไม่ฟื้นไง
2.ยึดทางสายกลาง คาดหวังว่ายาง6ปีครึ่งถึง7ปีครึ่งถึงจะเปิดกรีดจะได้ไม่ไปเร่งจนทำทำให้ยางพุ่มใหญ่หนักบนล้มง่ายไป
3.ระวังในการให้ปุ๋ยในปีที่3 4 และ5 ไม่จำเป็นต้องให้ถี่และต้นฤดูหลีกเลี่ยงใส่ปุ๋ยหรือให้ปุ๋ยที่ตัวไนโตรเจนน้อยหน่อย ส่วนปีที่1กะ2นี่บำรุงเต็มที่ไปเลยไม่ว่ากัน
4.ใส่ปุ๋ยเฉพาะต้นที่เล็กกว่าต้นที่โตดีๆไม่ต้องใส่ต้องใจดำหน่อยยางจะได้โตเสมอกันเริ่มจากกลางปีที่สองเพราะช่วง1.5-2ปีแรกควรบำรุงเต็มที่ทุกต้น หลังจากนั้นบอกไปเลยใส่แต่ต้นเล็กว่างั้น ต้นโตใส่ปีละครั้งก็พอ
5. ปลูกยางต้องใจเย็นๆ เร่งไปนอกจากจะเปลืองทุนแล้วไปเพิ่มความเสี่ยงเรื่องล้มดังกะต้นโตไม่สม่ำเสมอได้ ให้ท่องในใจเน้นให้โตสมำเสมอ ใส่ปุ๋ยแต่ต้นเล็ก ทำหญ้าให้ดีอย่าให้ยางชะงัก อย่าให้ยางติดแล้งตาย อย่าให้ไฟไหม้สวน ยางโตเมื่อไหร่ได้ขนาดก็เปิดกรีดเมื่อนั้น ส่วนไม้กันลมอะไรก็ไม่ได้ผลหรอกครับ มันน่าจะเป็นลมหวลเป็นย่อมๆสลับกะลมฝนนะกันยาก
6.ยางอายุ1-1.5ปีที่จะสร้างทรงพุ่มครั้งแรกควรใว้กิ่งหลักเพียงสามกิ่งคือกิ่งตั้งและกิ่งน้องอีกสองกิ่งที่อยู่ข้างแถวยางด้านละกิ่งก็พอ กิ่งที่อยู่ในแถวยางให้ตัดออก จะได้ต้นยางที่ลำต้นแข็งแรง เมื่อยางอายุ2-4ปี จะไม่โน้มลงเพราะน้ำหนักของกิ่ง,ใบและลูกยางมากเกินไป และต้นยางได้รับแสงแดดดีด้วย ลองทำดู

live-rubber.com
 
Posts: 1442
Joined: Thu May 06, 2010 7:31 pm
IP : บันทึกการเข้า
sabaidree
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 565


« ตอบ #13 เมื่อ: วันที่ 02 มิถุนายน 2012, 19:46:32 »

ข้อดี ข้อเสียของการทำขี้ยางถ้วย กับ ยางแผ่น

ขี้ยางถ้วย
 ข้อดี
1.ประหยัดเวลา กรีดแล้วหยดกรด รอเก็บขายเมื่อเต็มถ้วย
2.กรณีต้นยางเยอะ เช่น 10,000 ต้น เก็บไปทำยางแผ่นต่อวันไม่ไหว ก็อาจเลือกวิธีนี้ (กรีด หยดกรด นำไปขาย)
ข้อเสีย
1.ราคาถูกกว่ายางแผ่น
2.เสี่ยงต่อการถูกขโมยไปขาย (ถ้าป้องกันไม่ดี)
3.หยดกรดลงถ้วยทุกครั้งที่กรีด อาจทำให้กรดฟอมิก มีโอกาสหล่นลงดิน ทำให้ดินเสีย
4.การเก็บไว้ขายนานๆ อาจจะไม่ดี เพราะแห้งช้า กว่ายางแผ่น

ยางแผ่น
ข้อดี
1. ราคาดีกว่าขี้ยางถ้วย
2. เก็บน้ำยางทุกครั้งที่กรีด ลดการถูกขโมยน้ำยาง
3. ไม่สิ้นเปลืองกรดฟอมิก เพราะต้องนำน้ำยางมาแปรรูปเป็นยางแผ่น
4.เก็บไว้รอขายนานๆ ได้ เพราะเราตากแห้งแล้ว
ข้อเสีย
1.กรณีต้นยางเยอะ เช่น 10,000 ต้น อาจใช้แรงงานเยอะ ค่าใช้จ่ายสูงขึ้น
2.ขั้นตอนการกรีดยางจนถึงทำยางแผ่น ใช้เวลาทำมากขึ้น
3.ยางแผ่นที่แห้งแล้ว บางครั้งอาจถูกขโมยได้เช่นกัน (ถ้าป้องกันไม่ดี)

ก็ลองพิจารณาเอาแล้วกันนะครับว่าจะเลือกแปรรูป แบบใหน
live-rubber.com
IP : บันทึกการเข้า
corolado4
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,835


บ้านสวน ดอยพระบาท11 (ธารน้ำกรณ์2)


« ตอบ #14 เมื่อ: วันที่ 04 มิถุนายน 2012, 07:43:59 »

เอามารวมๆกันไว้ ดูบอร์ดเดียวคลิกได้หลายเรื่อง
http://www.chiangraifocus.com/forums/index.php?topic=230860.0
http://www.chiangraifocus.com/forums/index.php?topic=227291.0
http://www.chiangraifocus.com/forums/index.php?topic=238064.0
อันไหนดี ก็ก้อปปีไปวางไว้ในเวอร์ดส่วนตัวเอาเองนะครับ
IP : บันทึกการเข้า

Ameanning
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,200

ฟ้ามืดจึงเห็นดาวสวย


« ตอบ #15 เมื่อ: วันที่ 04 มิถุนายน 2012, 11:32:45 »

ความรู้ทั้งนั้นเลยครับ ผมมี DVD ที่ได้มาจากงานพืชสวนโลก ใครสนใจหลังไมค์มาได้ครับ
IP : บันทึกการเข้า

ลุงใจ
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 85


« ตอบ #16 เมื่อ: วันที่ 22 มิถุนายน 2012, 15:11:49 »

ช่วงนี้เปิดกรีดใหม่ ทำยางก้อนถ้วย ปอดีทำน้ำหมักกล้วยไว้ เลยลองเอามาใจ้แตนน้ำกรดฝ่อ
 ปาด................โท๊  คื๊อขนาด
ตั้งแต่ใจ้สารกลุ่มน้ำหมัก ปุ๋ยหมัก มา 2-3 ปี๋ ตั๋วนี้ เวิร์กสุดละ
ใจ้แตนสารเคมีได้ 100% เลย แถมยังบ่เป๋นอันตรายต่อดินแหม(ต๋อนถอกน้ำในก๊อกขว้าง)
ปอดีบ่ได้ถ่ายฮูปมาเตื่อ เดวก่อยเอามาลงแหมกำเน้ออออออ
ปล.
ส่วนผสม
-กล้วยน้ำหว้า 3 กิโลกรัม
-กากน้ำตาล 1 กิโลกรัม
-น้ำ 10 กิโลกรัม
-แป้งข้าวหมาก 5-8 ก้อน

วิธีทำ
นำกล้วยมาหั่นเป็นชิ้นโดยหั่นทั้งเปลือก หมักไว้ 21 วัน ประโยชน์ ใช้สำหรับเป็นน้ำยาฆ่ายางใช้แทนน้ำส้มฆ่ายางที่ใช้ในยางพาราให้น้ำยางแข็งตัว ใช้ในฤดูฝนทำให้น้ำยางแข็งตัวเร็วขึ้น

วิธีใช้
พอกรีดยางเสร็จให้หยอดลงไปในถ้วยใส่น้ำยางพอประมาณ ก็ทำให้น้ำยางมีสีเข้มขึ้นและแข็งตัวเร็ว และเมื่อน้ำหมักกล้วยตกลงที่พื้นดินก็จะทำให้เพิ่มจุลินทรีย์ในดินได้อีกด้วย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 22 มิถุนายน 2012, 16:19:50 โดย ลุงใจ » IP : บันทึกการเข้า
Anyanon
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 50


« ตอบ #17 เมื่อ: วันที่ 30 มิถุนายน 2012, 22:35:08 »

ค้นพบโดยบังเอิญเลยขอแชร์ครับ

ช่วงยางผลัดใบ แตกยอดใหม่โดนราแป้งกินทั้งสวนเลยครับพี่น้อง เลยลองหาวิธีแก้ทางเน็ต มีคนแนะนำว่าควรปล่อยให้ใบยางที่เป็นโรคร่วงหมด และให้ปุ๋ยทางใบ

ก็เลยลองดู แต่ต้นยางสูงมากให้ปุ๋ยทางใบไม่ถึง ผมก็เลยลองเอาไคโตซานผสมน้ำแล้วพ่นที่ลำต้น พ่นให้สูงที่สุดเท่าที่ทำได้ พร้อมทั้งปรับสูตรปุ๋ย มาให้ตัวหน้าสูงมาก (ผมใช้ 29-5-18 ของบริษัทเกษตรยักษ์ใหญ่) เพื่อเร่งใบใหม่ให้ออกเร็วๆ

ผลปรากฎว่า ราแป้งค่อยๆหายไป เหลือแต่ร่องรอยการเจาะทำลายเป็นรอยเหี่ยวเหลืองๆบนใบ ผมถามเพื่อนที่เรียนเกษตรศาสตร์ด้านโรคพืช เค้าบอกว่าไคโตซานมีฤทธิ์ในการยับยั้งเชื้อบางชนิดด้วย
ส่วนใบที่ออกมาใหม่ก็โตเร็ว ช่วงเพสลาด(ใบอ่อน) สั้น ทำให้ไม่ติดโรคซ้ำ ใบใหญ่กว่าใบที่ติดโรคเกือบสองเท่า สมบูรณ์ดีมากครับ

IP : บันทึกการเข้า
หล่อเล็ก
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 123


เกษตรมือใหม่ป้ายแดง


« ตอบ #18 เมื่อ: วันที่ 01 กรกฎาคม 2012, 04:29:27 »

พอดีไปเจอมา เลยเอามาฝาก
น้ำหมักทำยางแผ่นอีกสูตร
http://www.gotoknow.org/blogs/posts/385264
อีกสูตร
http://www.nstda.or.th/news/6457-20110802-coconut-acid-rubber


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 01 กรกฎาคม 2012, 05:50:56 โดย หล่อเล็ก » IP : บันทึกการเข้า
0440
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 490


ชีวิตมันสั้น เกินกว่าจะไล่ตาม "คนที่เขาไม่มองเรา"


« ตอบ #19 เมื่อ: วันที่ 03 กรกฎาคม 2012, 09:08:08 »

กระทู้นี้ประโยชน์ ผมให้อมยิ้ม  ยิ้มกว้างๆ ยิ้มกว้างๆ ยิ้มกว้างๆ
IP : บันทึกการเข้า

ID Line : n0804988255
หน้า: [1] 2 พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!