เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 29 มีนาคม 2024, 07:49:19
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  ศาสนา กิจกรรมทางวัด (ผู้ดูแล: ap.41, ลุงหนาน)
| | |-+  เปรียบเหมือนจอมปลวก**
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: [1] พิมพ์
ผู้เขียน เปรียบเหมือนจอมปลวก**  (อ่าน 1682 ครั้ง)
เมฆพัตร
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,027



« เมื่อ: วันที่ 06 เมษายน 2012, 19:29:04 »

เปรียบเหมือนจอมปลวก*
   คราวหนี่งพระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ วัดเชตะวัน เมืองสาวัตถี เวลานั้นพระกุมาร

กัสสปะ(สาวกอรหันต์องค์หนึ่งของพระพุทธเจ้า) พักอยู่ที่ป่าอันธวัน เทวดาองค์หนี่งมาถาม

ท่านเกี่ยวกับปัญหา ๑๕ ข้อ เป็นปริศนาธรรม บอกด้วยว่าปริศนาธรรมนี้ใครๆจะแก้ไม่ได้

นอกจากพระตถาคต สาวกของพระตถาคตหรือผู้ได้ยินได้ฟังมาจากสำนักนั้น
   
           ปริศนาธรรมมีดังนี้ มีจอมปลวกอยู่จอมหนึ่ง กลางคืนพ่นควัน กลางวันเป็นเปลวไฟ

พราหมณ์คนหนึ่งกล่าวกับสุเมธผู้เป็นศิษย์ว่า จงเอาศัสตราขุดลงไปที่จอมปลวก สุเมธทำ

ตามจึงขุดลงไปเจอลิ่มสลัก พราหมณ์บอกว่าให้ยกขึ้นวางไว้ ขุดต่อไปอีกพบอึ่งอ่าง ทาง

สองแพร่ง หม้อกรองน้ำด่าง เต่า เขียงหั่นเนื้อ ชิ้นเนื้อและนาค โดยลำดับ อาจารย์พราหมณ์

บอกให้ยกขึ้นวางไว้ แต่พอมาถึงนาคโดยลำดับ อาจารย์บอกให้นอบน้อมต่อนาค
   

            พระกุมารกัสสปะนำปัญหานี้ไปทูลถามพระศาสดาในวันรุ่งขึ้น (เทวดามาถามเวลา

กลางคืน) พระศาสดาตรัสแก้ปริศนาธรรมดังนี้
IP : บันทึกการเข้า
เมฆพัตร
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,027



« ตอบ #1 เมื่อ: วันที่ 06 เมษายน 2012, 19:32:23 »

 พระศาสดาตรัสแก้ปริศนาธรรมดังนี้
   
           ๑.จอมปลวก หมายถึง ร่างกายของคนเรานี้ซึ้งประกอบขึ้นด้วยธาตุ ๔ คือ ดิน น้ำ

ไฟ ลม มีความทรุดโทรมเป็นธรรมดา
   
           ๒.กลางคืนเป็นควัน หมายถึง บุคคลต้องตรึกตรองนึกคิดเรื่องการงานที่จะต้องทำ

ในวันรุ่งขึ้น อาการครุ่นคิดนั้นเอง เปรียบเหมือนควัน
   
           ๓.กลางวันเป็นเปลว หมายถึง ต้องทำงานในเวลากลางวันด้วยกายบ้าง ด้วยวาจา

บ้าง ด้วยความเหน็ดเหนื่อย
   
           ๔.พราหมณ์ หมายถึง พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
   
           ๕.สุเมธ (ผู้เป็นศิษย์) หมายถึง ภิกษุผู้ยังต้องศึกษาและปฏิบัติเพื่อพ้นทุกข์ (เสขภิกษุ)
   
           ๖.ศัสตรา คือ ปัญญาอันประเสริฐ อริยปัญญา
   
           ๗.การขุด คือ วิริยารัมภะ หมายถึง การทำความเพียรเสมอต้นเสมอปลาย ทำความ

เพียรติดต่อ
   
           ๘.ลิ่มสลัก คือ อวิชชา
   
           ๙.อึ่งอ่าง คือ ความคับแค้นเพราะความโกรธ
   

           ๑๐. ทางสองแพร่ง คือ วิจิกิจฉา ความลังเลสงสัยมิอาจตกลงใจได้
   

           ๑๑.หม้อกรองน้ำด่าง คือ นิวรณ์ ๕ มีกามฉันท์ ความพอใจในกาม เป็นต้น
IP : บันทึกการเข้า
เมฆพัตร
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,027



« ตอบ #2 เมื่อ: วันที่ 06 เมษายน 2012, 19:34:17 »

            ๑๒. เต่า หมายถึง อุปาทานขันธ์ ๕ คือ อุปทาน (ความยึดมั่น) ในรูป เวทนา

สัญญา สังขาร วิญญาณ ว่าเป็นเราเป็นตัวตนของเรา
   
            ๑๓.เขียงหั่นเนื้อ หมายถึง กามคุณ ๕
   
            ๑๔.ชิ้นเนื้อ คือ นันทิราคะ ความกำหนัดเพราะความเพลิดเพลิน หรือ ความเพลิด

เพลินและกำหนัด
   
            ๑๕.นาค หมายถึง พระอรหันตขีณาสพ (ขีณาสพ = สิ้นกิเลสแล้ว)
   
พระกุมารกัสสปะฟังพระพุทธพยากรณ์แล้วมีใจชื่นชมยินดี


* 012.jpg (61.8 KB, 400x320 - ดู 225 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
เมฆพัตร
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,027



« ตอบ #3 เมื่อ: วันที่ 06 เมษายน 2012, 19:37:19 »

เรื่องนี้มีคติดีมาก อธิบายโดยย่อ ดังนี้
   
           ร่างกายนี้เป็นดุจจอมปลวก มีรูมาก เป็นที่ไหลออกของตัวปลวก คือ สิ่งสกปรก

ต่างๆ เช่น ขี้ตาออกจากตา ขี้หูออกจากหู เป็นต้น ต้องคอยเช็ดล้าง ขัดถูอยู่เสมอจึงพอดู

ได้ ทุกขุมขนเป็นรูเหงื่อ เมื่อเหงื่อออกก็มีกลิ่นสาบ ร่างกายต้อง

อาศัยข้าว น้ำ เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย ยารักษาโรค สิ่งเหล่านี้ได้มาด้วยการทำงาน มนุษย์

จึงต้องทุกข์ยากด้วยความลำบากในการทำงานเป็นอันมาก เพื่อมาสนองความต้องการของ

จอมปลวกคือกายนี้ บางคนทำได้พอกินพอใช้

บางคนทำได้ไม่พอกินไม่พอใช้ในครอบครัว จึงต้องคิดหนักในเวลากลางคืนว่าพรุ่งนี้จะหา

กินอย่างไรจึงจะพอใช้พอค่าเช่าเครื่องมือในการทำมาหากิน     คนที่พอพอใช้แล้วถูก

นันทิราคะ คือความเพลินและความกำหนัดเร้าให้แสวงหายิ่งๆ ขึ้นไปไม่รู้จักพอ จึง

ต้องคิดหนักและทำงานหนักเหมือนกัน
IP : บันทึกการเข้า
เมฆพัตร
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,027



« ตอบ #4 เมื่อ: วันที่ 06 เมษายน 2012, 19:40:59 »

              พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จอุบัติขึ้น ทรงรู้เห็นธรรมทั้งปวง ทรงมอบศัสตร

คืออริยปัญญาให้แก่พุทธสาวกใช้ความเพียรเพื่อขุดเจาะแสวงหาสิ่งที่ดี ในการแสวงหานั้น

คงต้องเจอสิ่งที่ไม่ดีบ้าง เมื่อเจอสิ่งไม่ดีท่านก็สอนให้ยกขึ้นพิจารณาแล้วละทิ้งเสียเมื่อเจอ

สิ่งดีก็เอาไว้เคารพบูชา กิเลสเป็นสิ่งไม่ดีควรละ คุณธรรมเป็นสิ่งดีควรพอกพูนพิทักษ์รักษา

พระอรหันต์เป็นผู้ประเสริฐ ท่านละความชั่วได้หมดสิ้นแล้ว เป็นตัวอย่างที่ดีแก่มุ่งดี จึงควร

เคารพบูชาท่าน…


*************
**วัมมิกสูตร เล่ม ๑๒ ข้อ ๒๘๙-๒๙๑
จากหนังสือ : พระไตรปิฎกฉบับที่ทำให้ง่ายแล้ว
เรียบเรียง    : วศิน อินทสระ
IP : บันทึกการเข้า
ปัญญาวุฒิ
เดินต่อไป
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 392



« ตอบ #5 เมื่อ: วันที่ 08 เมษายน 2012, 14:05:43 »


“ภิกษุทั้งหลาย บัดนี้ เราขอเตือนท่านทั้งหลาย สังขารทั้งหลายมีความเสื่อม ความสิ้นไปเป็นธรรมดา ท่านทั้งหลาย จงบำเพ็ญไตรสิกขา คือศีล สมาธิ ปัญญา ให้บริบูรณ์ด้วยความไม่ประมาทเถิด”

ป้จฉิมโอวาท
IP : บันทึกการเข้า

บล็อกเศรษฐี blogger    แบบบ้านน่ารัก
nantong
ปั๋น กั๋นฮู้ แล้วก่อยเอาไปกึ๊ดอ่าน กั๋น แหมกำ อาจมีผิดถูก ฯ
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,579



« ตอบ #6 เมื่อ: วันที่ 21 มิถุนายน 2013, 17:26:40 »

   กราบเรียน  ญาติธรรม  ที่เคารพ
หนานขอ กราบเรียนญาติธรรม ได้ร่วมศึกษาเสวนาธรรม รื้อฟื้น หัวข้อนี้ครับ  อาจารย์เมฆพัตร เป็นผู้รู้ ที่ มีวิริยะ  อุตสาหะ เอาธรรมะดี มาแพร่ธรรม ให้เราได้จดจำ
ตาอ่าน สมองจำ น่าจะ เป็น กายกรรม มาทำดี  
สัญญาขันธ์จดจำธรรมะ  สังขารเอาธรรมะไปปรุงแต่งจิตใจให้สูงขึ้น  น่าจะ เป็น มโนกรรม
หาก  เราอ่านออกเสียง  จดจำแล้ว นำไปพูดสอนสั่ง หรือ สอนตัวเก่าได้ทำ เสียงที่เปล่งออกมา เป็น  วจีกรรมดี  ด้วยกุศลกรรม จากปากพูดธรรมะ

ทำครบได้บุญ กุศล แบบง่าย ๆ  เป็น ขั้นเป็นตอน  เหมือนขึ้นบันใด เป็นขั้น ๆใครมีภูมิรู้  ภูมิธรรมเก่าสั่งสม มาดี เหมือนมีกล่าวใน  มงคลสูตร 38 ประการ  ที่ สั่งสมบุญ แต่ปางก่อนไว้ดี   ถึงดีมาก ๆ  แตกต่างกันไป พอได้มาเติมเพิ่มแต่งใหม่ ก็งาม ก็ดี ตามเหตุ ปัจจัย
     ฯ ล ฯ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 21 มิถุนายน 2013, 17:28:56 โดย nantong » IP : บันทึกการเข้า

หนานขี้อู้หำยาน : นายจิราวัฒน์  โสรัจพงศ์เกษม / หนานธง   อีเมล : k e n g k a b h e n g @ g m a i l . c o m    มือถือ  081 777  51 76
หน้า: [1] พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!