เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 20 เมษายน 2024, 01:43:15
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  ศาสนา กิจกรรมทางวัด (ผู้ดูแล: ap.41, ลุงหนาน)
| | |-+  รู้ชีวิต.....กำหนดชีวิต
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: [1] พิมพ์
ผู้เขียน รู้ชีวิต.....กำหนดชีวิต  (อ่าน 1338 ครั้ง)
little girl
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,174



« เมื่อ: วันที่ 18 มีนาคม 2012, 16:51:58 »

รู้ชีวิตกำหนดชีวิต

  ขอนอบน้อมจอมมุนีศรีสัมพุทธ์
บริสุทธิ์ไกลกิเลสเหตุทุกข์เข็ญ
ตรัสรู้ชอบล้ำธรรมบำเพ็ญ
ผู้ทรงเป็นโลกนาถพระศาสดา
   อุบัติมาให้เวไนย์ "รู้ชีวิต"
ชี้ให้คิดลิขิตกรรมเลิศล้ำค่า
เรื่องสามชาติประกาศธรรมพระสัมมา
เป็นปัญหาน่าคิดเชิญติดตาม
   ชนชาวโลกโศกระกำช้ำดวงจิต
เพราะชีวิตผิดพลาดในชาติสาม
มุ่งกอบโกยโหยหาพยายาม
กินเกียรติกามในสามชาติอนาถใจ
   อันสามชาติคือสามช่วงบ่วงชีวิต
ตนลิขิตอดีตกรรมทำไฉน
ปัจจุบันนั้นหรือคือผลใบ
ต้องชดใช้ได้รับผลที่ตนทำ
   อนาคตจะงดงามหรือทรามชั่ว
อยู่ที่ตัวลิขิตทุกข์หรือสุขล้ำ
สร้างเหตุขาวพราวพร่างทางศีลธรรม
สุขเลิศล้ำกำชัยได้ไปครอง
   สร้างเหตุดำทำชั่วกลั้วทางผิด
ผลลิขิตชีวิตทรามตามสนอง
ปลูกเหตุไซร์ได้รับผลตามครรลอง
คือกรรมกฏกำหนดคนในโลกา
   รู้อันใดไม่สู้ "รู้ชีวิต"
กำกับจิตไม่ผิดพลาดในชาติสาม
รักษาศีลกุศลธรรมบำเพ็ญทาน
แปรชาติสามงดงามตามลิขิตเอย
...............................อนาคาริก

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 18 มีนาคม 2012, 17:00:04 โดย little girl » IP : บันทึกการเข้า

little girl
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,174



« ตอบ #1 เมื่อ: วันที่ 18 มีนาคม 2012, 16:55:17 »

สาเหตุที่เกิดมาอายุสั้น

๑. : เข่นฆ่าชีวิตสัตว์น้อยใหญ่ไม่เว้น
๒. : เรียกให้ผู้อื่นฆ่าหรือสั่งให้ฆ่า
๓. : ชื่นชมกับฝีมือการล่า/ฆ่าสัตว์ที่ตนไปเห็นมา
๔. : มีความสุขใจเมื่อเห็นคนกำลังล่า/ฆ่าสัตว์
๕. : หวังว่าคนที่เราเกลียดชังจะตายวันตายพรุ่ง
๖. : เห็นศัตรูคู่อริตายไป เกิดความสุขใจ
๗. : ทำลายรังของสัตว์เดรัจฉาน
๘. : เรียกให้ผู้อื่นทำลายหรือสั่งให้ทำลายรังของสัตว์
๙. : จัดงานบุญงานบวชแต่เอาชีวิตสัตว์น้อยใหญ่มาสังเวย
๑๐. : เห็นการทารุณสัตว์เป็นเรื่องสนุก (ชนไก่ ชนวัวฯ)

     ด้วยเหตุแห่งกุศลกรรมทีได้สั่งสมไว้แต่ชาติปางก่อน เมื่อบุคคล มาเกิดในชาตินี้จึงมีอายุสั้น กล่าวคือมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ได้ไม่นาน ต้องมี อันถึงแก่กรรมตั้งแต่วัยเยาว์ วัยรุ่น หรือไม่พ้นวัยกลางคน อย่างไรก็ดี หากได้ชดเชยด้วยการทำความดีสร้างบุญกุศลบ้าง อาจต่อชะตาได้แค่ ช่วงหนึ่งเท่านั้น แต่ก็ไม่เสียเที่ยวได้เกิดมา ที่น่าเป็นห่วงสำหรับคนที่ยัง มัวตะบอยเสเพลเถลไถล ผลกรรมของการปาณาติบาตนั้นแรงมากยาก ผ่อนผัน ชีวิตต้องเผชิยเคราะห็ร้ายเป็นกิจวัตร พึงสำนึกอยู่เสมอว่า ความสุขสบายไม่ได้ช่วยให้อายุยืน จำต้องชดใช้ชีวิตคืนเมื่อถึง

สาเหตุที่เกิดมาอายุยืน

๑. : เว้นขาดจากการเข่นฆ่าทำร้ายชีวิตสัตว์น้อยใหญ่
๒. : ตักเตือนผู้อื่นให้ละเว้นการเข่นฆ่า
๓. : กล่าวชมเชยเมื่อเห็นผู้อื่นละเว้นการเข่นฆ่า
๔. : เกิดความสุขใจเมื่อเห็นผู้อื่นละเว้นการเข่นฆ่า
๕. : หาทางช่วยเหลือสัตว์ที่กำลังถูกฆ่า ถูกทรมาน
๖. : ปลอบขวัญให้กำลังใจแก่คนที่กำลังหวาดกลัว
๗. : คิดหาอุบายช่วยคนขวัญอ่อน
๘. : เห็นคนประสบเหตุเภทภัยก็บังเกิดความสงสาร
๙. : เห็นคนกลุ้มอกกลุ้มใจก็คิดหาวิธีช่วยเหลือ
๑๐. : บริจาคข้าวปลาอาหารแก่ผู้อดอยากหิวโหย

     ด้วยเหตุแห่งกุศลกรรมทีได้สั่งสมไว้แต่ชาติปางก่อน เมื่อบุคคล มาเกิดในชาตินี้จึงมีอายุยืน แต่อย่างไรก็ตามถึงแม้ไม่ได้เข่นฆ่าทำลาย ชีวิตสัตว์ แต่เอาสัตว์มาขังไว้ในกรงเลี้ยงดูอุดมสมบูรณ์ เช่นนี้อนาคต ชาติแม้ว่าได้อายุขัยที่ยืนยาวก็จริงอยู่ แต่ชะรอนชะตาชีวิตนั้นก็ถูกริดรอน ทอนบุญบางอย่างไปตามเหตุที่สร้างไว้ กล่าวคือเป็นคนที่มีอายุยืนแต่ขาด อิสรภาพต้องอยู่เฝ้าบ้านไปจนแก่ เพราะอำนาจแห่งกรรมจำกัดขอบเขต ไว้แล้ว การออกนอกบ้านแต่ละครั้งไม่วายมีเหตุให้ต้องรีบร้อนกลับบ้าน ด้วยความเป็นห่วง ชีวิตเช่นนี้ก็ไม่ต่างจากนกในกรงทองนั่นเอง


IP : บันทึกการเข้า

little girl
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,174



« ตอบ #2 เมื่อ: วันที่ 18 มีนาคม 2012, 16:57:45 »

สาเหตุที่เกิดมามีโรคมาก

๑. : ชอบทุบตีทรมานสัตว์อย่างโหดร้ายทารุณ
๒. : เรียกใช้ไหว้วานให้ผู้อื่นทำแทน
๓. : กล่าวชมเชยเมื่อเห็นผู้อื่นกระทำทารุณกับสัตว์
๔. : มีความสุขเมื่อเห็นคนกำลังจับสัตว์มาทรมาน
๕. : สร้างความหนักใจให้พ่อแม่เป็นทุกข์
๖. : ใส่ร้ายป้ายสีนักบวชผู้ทรงศีล
๗. : ดีใจเมื่อรู้ว่าศัตรูคู่อริล้มป่วยอาการหนัก
๘. : เห็นศัตรูคู่อริอาการดีขึ้นเกิดความไม่พอใจ
๙. : ใช้ยาปลอม จ่ายยาไม่ตรงโรค ไม่รักษาจรรยาแพทย์
๑๐. : กินตามใจปาก ไม่คำนึงถึงสภาพร่างกาย

       ด้วยเหตุแห่งกุศลกรรมที่ได้สั่งสมไว้แต่ชาติปางก่อน เมื่อบุคคล มาเกิดในชาตินี้จึงกลายเป็นคนขี้โรค กล่าวคือ มีโรคติดตัวมาตั้งแต่เกิด หรืออาจเป็นเมื่อโตขึ้น บาปกรรมที่ทำไว้คือโรคภัยที่เบียดเบียนความทุกข์ ทรมานเป็นผลมาจากแรงกรรม สามวันดีสี่วันไข้ไม่หยุดหย่อน โรคเรื้อรัง รักษากี่หมอผ่าตัดกี่ครั้งก็ยังไม่หาย วิทยาศาสตร์ตามไม่ทันเพราะโรคล้ำ หน้า เหตุจากจิตใจของมนุษย์ชั่วร้ายขึ้นทุกวัน ลองคิดดูสิว่าการแพทย์ เจริญแต่ทำไมผู้คนขยันเป็นโรคไม่หยุดหย่อน คนยุคใหม่ตายด้วยโรคมาก ที่สุด หากแก้ที่โรคไม่ได้ผลก็ลองหันมาแก้กรรมกันดูบ้าง


สาเหตุที่เกิดมาห่างไกลจากโรคภัย

๑. : เว้นขาดจากการทุบตีหรือทรมานสัตว์
๒. : ตักเตือนผู้อื่นไม่ให้จับสัตว์มาทุบตีหรือทรมาน
๓. : กล่าวชมเชยเมื่อผู้อื่นล้มเลิกการทารุณสัตว์
๔. : เกิดความสุขใจเมื่อเห็นสัตว์ปลอดภัยจากถูกทรมาน
๕. : ปรนนิบัติรับใช้พ่อแม่หรือผู้ป่วยด้วยความเต็มใจ
๖. : ช่วยเหลือผู้ประสบเคราะห์ภัยฯ
๗. : เห็นศัตรูคู่อริหายจากโรคภัยก็เกิดความเจริญใจ
๘. : บริจาคยารักษาโรค
๙. : เกิดความสงสารเมื่อเห็นผู้อื่นเป็นทุกข์ทรมาน
๑๐. : บริโภคอาหารโดยคำนึงถึงสภาพร่างกาย
       
        ด้วยเหตุแห่งกุศลกรรมที่ได้สั่งสมไว้แต่ชาติปางก่อน เมื่อบุคคล มาเกิดในชาตินี้จึงมีสุขภาพดี กล่าวคือตั้งแต่แรกเกิดจนถึงวัยชราความ ทุกข์ทรมานจากโรคภัยไข้เจ็บไม่มีย่างกรายมารบกวนแม้แต่น้อย เพราะ เหตุที่เคยได้ช่วยเหลือดูแลผู้อื่นไว้ในปางก่อน ชาตินี้จึงได้ร่างกายที่แข็ง แรงเป็นของขวัญ อีกทั้งเงินทองยังมีเหลือเอาไปทำบุญ เพราะการบุญ นั่นแล คือหลักประกันสุขภาพที่ได้ซื้อไว้ตั้งแต่ชาตินี้ ชาติหน้าไม่ต้องเสีย ทรัพย์เป็นเงินหมื่นเงินแสนเป็นค่ายารักษา อย่างนี้ก็มีความสุขไปตลอด ชีวิตดั่งคำพังเพยที่ว่า "ความไม่มีโรคคือลาภอันประเสริฐ" นั่นแล
IP : บันทึกการเข้า

little girl
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,174



« ตอบ #3 เมื่อ: วันที่ 18 มีนาคม 2012, 16:59:40 »

สาเหตุที่เกิดมาอัปลักษณ์

๑. : อารมณ์หงุดหงิด ขุ่นเคือง โมโหง่าย
๒. : ฝังใจอาฆาตพยาบาทเคียดแค้น
๓. : ฉีกหน้า ไม่ไว้หน้า ทำให้คนอื่นขายขี้หน้า
๔. : ไม่ให้เกียรติผู้หลักผู้ใหญ่ ผู้อาวุโส (หยามหน้า)
๕. : โกหกหลอกลวงต้มตุ๋น (ปั้นหน้า)
๖. : ใส่ร้ายป้ายสี (ทำผู้อื่นเสียหน้า)
๗. : ขัดขวางกีดกันไม่ให้คนทำดี
๘. : ทำลายสาธารณสมบัติ (หน้าตาของสังคม)
๙. : เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน (ตำแหน่งบังหน้า)
๑๐. : เห็นคนหน้าตาอัปลักษณ์ รังเกียจหัวเราเยาะ

      ด้วยเหตุแห่งอกุศลกรรมที่ได้สั่งสมไว้แต่ซาติปางก่อน เมื่อบุคคล มาเกิดในชาตินี้จึงเป็นคนอัปลักษณ์ กล่าวคือ รูปร่างหน้าตาผิดแผกไป จากคนทั่ว ๆ ไปคือ รูปชั่ว ตัวดำดึก หน้าตาเหยเก ตัวเตี้ย แขนขาสั้น ฯ เหล่านี้เกิดจากใจอัปลักษณ์ เป็นผลกรรมที่มาถึงกาลสุกงอมในชาตินี้ เตือนหญิงชายอย่างหลงไหลรูปลักษณ์แค่ภาพพจน์เพียงภายนอก หากไม่ รู้จักยับยั้งชั่งใจใฝ่ทางชั่วกลั้วทางผิด มีหวังชาติหน้าได้อภิสิทธิ์รูปชั่วตัว อัปลักษณ์ สวยทางตรงคือสั่งสมความดี สวยชาตินี้ไม่กี่ปีก็สร่าง อยาก สวยอนันตกาลพึงบ่มความงามไว้ในจิตใจ.


สาเหตุที่เกิดมาหน้าตาดี

๑. : อารมณ์เยือกเย็นสุขุม อดทนอดกลั้น
๒. : มีใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เห็นอกเห็นใจ
๓. : กล่าวชมเชยเมื่อเห็นคนทำความดี
๔. : ยกคุณงามความดีให้ผู้อื่น
๕. : สุภาพอ่อนโยนต่อผู้หลักผู้ใหญ่ ผู้อาวุโส
๖. : สมทบทุนหรือจัดหาวัสดุอุปกรณ์ในการตกแต่ง
๗. : ดูแลทำความสะอาดสถานที่ปฏิบัติธรรม
๘. : ตกแต่งประดับประดาสถานที่ปฏิบัติธรรม
๙. : ให้เกียรติคนอัปลักษณ์โดยไม่คิดรังเกียจ
๑๐. : เชื่อว่ารูปร่างหน้าตา คือวาสนามาจากชาติก่อน

      ด้วยเหตุแห่งอกุศลกรรมที่ได้สั่งสมไว้แต่ซาติปางก่อน เมื่อบุคคล มาเกิดในชาตินี้จึงมีรูปร่างหน้าตาดี กล่าวคือเป็นที่ต้องตาต้องใจของ ผู้คนที่พบเห็น ใครต่อใครก็ชื่นชมในความสวยความงาม กล่าวได้ว่า ไม่เป็นสองรองใคร เข้าตากรรมการทุกเหลี่ยมทุกมุม หากเกิดเป็นชาย ก็หล่อเหลาเอาการ เป็นสตรีก็สวยปานนางฟ้านางงามเป็นดาวดารา เป็น บุญตากับคนได้พบเห็น อย่างไรก็ดีหากสวยแล้วโอหังอีกทั้งยังถือดี สวย อย่างนี้ชื่อว่าสวยแค่กระพี้ประชาชีจะครหา หากสวยทั้งทียังคงไว้ซึ้ง ความดีคือ คุณสมบัติของกุลสตรีศรีเรือนนั่นเอง.
IP : บันทึกการเข้า

little girl
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,174



« ตอบ #4 เมื่อ: วันที่ 18 มีนาคม 2012, 17:03:08 »

สาเหตุที่เกิดมาผู้คนรังเกียจ

๑. : มีใจอิจฉาริษยา
๒. : รู้สึกไม่พอใจไม่ว่าใครได้ดี
๓. : เห็นความฉิบหายล่มจมแล้วสะใจ
๔. : เห็นเขามีชื่อเสียงโด่งดังแล้วด่าว่าสาดเสียเทเสีย
๕. : เห็นเขาชื่อเสียงย่อยยับแล้วเกิดความสนุกสุขใจ
๖. : ทำลายสาธารณะสมบัติส่วนรวม
๗. : เป็นคนเนรคุณ หรือทรยศต่อผู้มีพระคุณ
๘. : ทำลายความสามัคคีให้แตกแยก
๙. : ขัดแย้งไม่ให้ผู้อื่นลงรอยกัน
๑๐. : ทำตัวเป็นอุปสรรค เป็นคนเจ้าปัญหา (ก่อกวน)

      ด้วยเหตุแห่งอกุศลกรรมที่ได้สั่งสมไว้แต่ชาติปางก่อน เมื่อบุคคล มาเกิดในชาตินี้จึงเป็นที่รังเกียจของผู้คน กล่าวคือเป็นบุคคลที่สังคมไม่ ต้อนรับไม่ยินดีด้วย ถึงแม้เป็นผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งให้มาอยู่ในตำแหน่ง เป็นเจ้าใหญ่นายโต แต่สุดท้ายจะต้องถูกประท้วง ถูกขู่ ถูกทำร้ายจาก คนส่วนใหญ่คือประชาชนหรือลูกจ้างบริวาร สร้างความไม่พอใจจนถูก ขับไล่ไสส่ง บุคคลเมื่อมีบาปติดตัวมาเช่นนี้เข้าไปสู่สังคมใดก็จะนำความ ฉิบหายไปสู่สังคมนั้น กล่าวได้ว่าเป็นตัวเสนียด เป็นอัปมงคล พึงระวัง พฤติกรรมของบุคคลอันนำมาซึ่งความพินาศเช่นนี้แล.


สาเหตุที่เกิดมาผู้คนนิยมชมชอบ

๑. : ไม่มีใจอิจฉาริษยา
๒. : รู้สึกเบิกบานใจไม่ว่าใครได้ดี
๓. : เห็นความฉิบหายล่มจมก็แสงความเสียใจ
๔. : เห็นเขามีชื่อเสียงโด่งดังก็พลอยยินดีไปด้วย
๕. : เห็นเขาชื่อเสียงย่อยยับก็คิดหาทางช่วยเหลือ
๖. : บริจาคสิ่งปลูกสร้างเป็นสาธารณะสมบัติมากมาย
๗. : ประกาศคุณงามของผู้มีพระคุณให้ฟุ้งขจร
๘. : ส่งเสริมความสามัคคีให้เกิดขึ้น
๙. : สมานความขัดแย้งที่แตกร้าวให้ลงรอยกัน
๑๐. : คลี่คลายปัญหา เป็นที่ปรึกษาไขข้อข้องใจ

      ด้วยเหตุแห่งกุศลกรรมที่ได้สั่งสมไว้แต่ชาติปางก่อน เมื่อบุคคล มาเกิดในชาตินี้จึงเป็นที่ชื่นชอบของผู้คน กล่าวคือเป็นบุคคลที่มหาชนให้ ความเคารพยกย่องอย่างท่วมท้นล้นหลาม พูดได้ว่าเป็นคนของประชาชน เป็นบุคคลแถวหน้าระดับผู้นำประเทศ ผู้นำกองทัพ ผู้นำองค์กรต่าง ๆ อีกทั้งบุคคลซึ่งเป็นขวัญใจของมหาชนที่ให้การต้อนรับอย่างคับคั่งไม่ว่า แฟนเพลง แฟนหนัง แฟนละคร แฟนฟุตบอล เป็นต้น ที่เป็นเช่นนี้เนื่อง จากอำนาจแห่งกรรมดีที่สั่งสมไว้เป็นบารมีแผ่นไพศาลดั่งสนามแม่เหล็กซึ่ง ดึงดูดความนิยมและครองใจมหาชนไว้ตราบนานเท่านาน



ที่มา http://www.dmc.tv/

IP : บันทึกการเข้า

เมฆพัตร
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,027



« ตอบ #5 เมื่อ: วันที่ 18 มีนาคม 2012, 21:16:25 »

อ่านรอบแรก อืม...

รอบสอง...ใช่เลย

********************************

ศรัทธาที่ขาดปัญญา   =   งมงาย

ปัญญาที่ขาดศรัทธา   =   ขี้สงสัย
IP : บันทึกการเข้า
little girl
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,174



« ตอบ #6 เมื่อ: วันที่ 19 มีนาคม 2012, 04:45:03 »

อ่านรอบแรก อืม...

รอบสอง...ใช่เลย

********************************

ศรัทธาที่ขาดปัญญา   =   งมงาย

ปัญญาที่ขาดศรัทธา   =   ขี้สงสัย

.....ใครเอ่ย   ขี้สงสัย....  ยิงฟันยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า

Siranoi
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,101


เฒ่า! สดใส วัยซน..


« ตอบ #7 เมื่อ: วันที่ 19 มีนาคม 2012, 17:18:22 »

ข้อที่ว่าเกิดมาหน้าตาดีนั้น..ชอบมากเลยอ่ะ ใช่เลย ยิงฟันยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า

" ... ธงชาติและเพลงชาติไทย เป็นสัญลักษณ์ของความเป็นไทย
เราจงร่วมใจกันยืนตรงเคารพธงชาติ ด้วยความภาคภูมิใจในเอกราช
และความเสียสละ ของบรรพบุรุษไทย ... "
๘ นาฬิกา และ ๑๘ นาฬิกา Sitiya_por@hotmail.com
little girl
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,174



« ตอบ #8 เมื่อ: วันที่ 19 มีนาคม 2012, 19:00:40 »

ข้อที่ว่าเกิดมาหน้าตาดีนั้น..ชอบมากเลยอ่ะ ใช่เลย ยิงฟันยิ้ม

"ท่านศิราน้อย" ตรงอยู่ข้อเดียว  หรอค่ะ  ยิ้มกว้างๆ 
IP : บันทึกการเข้า

หน้า: [1] พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!