|
|
|
|
|
|
|
|
samurai_ฅนเมือง
VIP
ระดับ ป.ตรี
ออฟไลน์
กระทู้: 1,120
|
|
« ตอบ #28 เมื่อ: วันที่ 18 กันยายน 2012, 21:36:49 » |
|
ขอฝากผู้ดูแลบอร์ด ลบกระทู้นี้ด้วย ถ้าเกิดว่า จขกท ได้อ่านแล้วเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องที่ถามแล้ว ขอฝากให้ผู้ดูแลบอร์ดลบกระทู้นี้ด้วยนะคับ เพราะเนื่อหา สาระเริ่มไปกันใหญ่แล้ว มีการยกตัวบุคคลมาพูด (คือพระ) และได้ยกตัวอย่างว่า ไม่ใช่ ตุ๊หลั่น ขี้โม้( หมายถึง นักเทศน์ ตัวยง) คือ ท่าน ว.วชิรเมธี พระนักปราชญ์ชาวเชียงราย คำว่าขี้โม้ ฟังดูมันไม่ค่อยเพราะหูเท่าไหร่ (ในความหมายนี้แสดงให้เห็นว่า ท่าน ว.วชิรเมธี เป็นคนขี้โม้)
...มันอยู่ที่การตีความครับ บางอย่าง บางเรื่องถ้าตีความ (คิดมากจนเกินไป) มันก็แปลได้หลายประเด็น อ่านดูแล้วไม่มีอะไรเสียหาย ถ้าสังเกตบทความต่าง ๆ บางท่านนำมาบอกกล่าวเป็นการประดับความรู้เป็นอย่างดี.. ท่านมาอ่านเร็วเกินไปหรือป่าวคับ ข้อความถูกแก้ไขหมดแล้ว (มันคงจะไม่เหลือที่เสียหายให้ท่านได้อ่านแล้วล่ะ) ยกตัวอย่างข้อความข้างบนที่ว่า ความเห็นส่วนตัวครับ ครูบา บ่าเดี่ยวบ้านเฮามีนักเกินบ่าฮู้จะศรัทธาไผดี ผมว่านักเข้าจะเป็นครูบาตกไม้โท หรือครูบา อุ๊กแก๊ส เหียละก้าครับ (ครูบา+ไม้โท) มันไม่ตรงกับหัวข้อ คำว่า "ครูบา" ได้มาอย่างไร ตามที่ท่านตั้งไว้เลย มันเป็นความเห็นแบบทางลบอย่างเห็นได้ชัด หรือความเห็นอาจจะขำๆ ลำพังผมไม่มีปัญหาหรอก แต่คนเข้ามาอ่านข้างหลังสิ เขาจะคิดขำๆ เหมือนกับเราหรือป่าว (แล้วฝากถึงข้อความด้านบนนะคับที่ว่า เป็นครูบาเจ้าสมัยนี้อาจจะหายาก เพราะเป้นพระครูง่ายกว่า คำว่าพระครูไม่ใช่ให้ใครได้ง่ายๆอย่างที่ท่านคิดนะ เจ้าอาวาสบางวัดก็ยังไม่ได้เลย เพราะจะเป็นพระครูได้ ต้องพรรษา10 ขึ้น แล้วมีวัยวุฒิคุณวุฒิและคุณสมบัติต่างๆ เพียบพร้อม ที่สำคัญต้องไปผ่านการพิจารณาของมหาเณรสมาคมอีกทีว่าจะได้หรือไม่)
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 18 กันยายน 2012, 22:20:07 โดย samurai_ฅนเมือง »
|
IP :
บันทึกการเข้า
|
หลายคนเรียนไม่จบแต่พบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ เพราะเป็นคนใฝ่เรียนรู้ด้วยตนเอง ปัญญาไม่ได้อยู่ในมหาวิทยาลัยแต่อยู่ในจิตใจที่ใฝ่รู้
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|