20 เหตุผลที่ไอโฟนดีกว่าโนเกีย 5800
1.ขนาด
ไอโฟนนั้นมีขนาดใหญ่กว่า ทำให้เวลาใช้งาน คนพบเห็นได้ง่าย (จะได้รู้ว่าข้าใช้ของแพงนะเฟ้ย)
โนเกีย 5800 ถูกออกแบบมาให้ใช้งานด้วยมือเดียว
(ดังนั้น เวลาอยู่ในอุ้งมือ ก็ไม่รู้ว่าใช้โนเกีย .... ปลอมรึเปล่าก็ไม่รู้)
ขนาของไอโฟน : 115.5 X 62.1 X 12.3 mm
ขนาดของโนเกีย 5800 : 111 X 51.7 X 15.5 mm
2.น้ำหนัก
ไอโฟนนั้นหนักกว่าโนเกีย 5800 อยู่ 25 กรัม
(ดังนั้น..... เวลาพกพา, ใส่กระเป๋าก็มั่นใจ..ใครมาล้วงไปเมื่อไรก็รู้ว่าอยู่หรือหายไป)
ไอโฟน : 133 กรัม
โนเกีย 5800 : 109 กรัม
3.ขนาดของจอแสดงผล
ไอโฟนมีขนาด 3.5 นิ้ว
ขณะที่โนเกีย 5800 มีจอเล็กกว่าที่ 3.2 นิ้ว
(ดังนั้น 5800 จึงไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องสายตา)
ความละเอียด :
ไอโฟน : 480 x 320 Pixel
โนเกีย 5800 : 640 x 360 Pixel
4.ความจุของแหล่งเก็บข้อมูล
ไอโฟนนั้นมีความจุให้เลือก 2 ขนาดคือ 8 GB และ 16 GB ซึ่งทั้ง 2 ขนาดนั้นเป็นแบบภายในตายตัวไม่สามารถเพิ่มได้อีก
โนเกียมีทางเลือกที่ยืดหยุ่นกว่าโดยให้หน่วยความแบบ Micro SD Card ขนาด 8 GB มาด้วยซึ่งสามารถเพิ่มขนาดได้ถึง 16 GB
(ดังนั้น ผู้ซื้อไอโฟนไม่ต้องมานั่งปวดหัวกับการเลือกขนาดเมม ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่ได้แถมเมม ไม่ต้องกลัวเมมปลอม ไม่ต้องเลือกว่าจะเซฟไฟล์ในตัวเครื่องหรือในเมม...ไม่ต้องยุ่งยาก)
5.การรับข้อมูลจากผู้ใช้
ไอโฟน: ใช้นิ้วเท่านั้น
โนเกีย 5800: นิ้ว, stylus, plectrum, การจดจำลายมือ
(เห็นไหมว่า ... เวลาป้อนข้อมูลไม่ต้องมาเลือกเลยว่าจะใช้อะไร...ก็นิ้วเรานั่นแหละ...ไม่ต้องกังวลว่าสไตลัสจะหาย ไม่ต้องฝึกเขียนสะกดลายมือ ... เวลาแกะกล่องก็ไม่ต้องตรวจสอบว่า มีแถมปากกาไหม มีอุปกรณ์จิ้มมาครบรึเปล่า .... เพราะไม่มีมาให้อยู่แล้ว)
6.ความสามารถ
ไอโฟนไม่มีความสามารถด้านการตัดและวาง ( cut & paste ) ,การบันทึกไฟล์ที่แนบมากับอีเมล์,
ไม่สนับสนุนหูฟังจากผู้ผลิตรายอื่นรวมทั้งเสียงเรียกเข้า
(..... ถ้าอยากได้..ก็ไปซื้อโน้ตบุ๊กซะนะ เพราะชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า I นะ..ใช้ Phone)
ส่วนโนเกีย 5800 มีความสามารถด้านเอกสารหลายอย่าง
(เพียงแต่... ถ้าจะพิมพ์เวิร์ด แก้เอ็กเซล นำเสนอพาวเวอร์พ้อยส์...ทำที่ออฟฟิศสะดวกกว่าเยอะอ่ะ .. ถ้าอยากได้แบบสร้างงานง่าย พกพาสะดวก ไปซื้อโน้ตบุ๊กดีกว่าเห็นๆ)
7.สีของเครื่อง
ไอโฟน : สีดำสำหรับ 8 และ 16 GB, สีขาวสำหรับ 16 GB เท่านั้น
โนเกีย 5800: สีแดง, สีฟ้า และสีดำ
(ดังนั้น ใครซื้อไอโฟน ไม่ต้องเลือกเลย ไม่ขาวก็ดำ ... ไม่มีมือที่สาม เอ้ย ตัวเลือกที่สาม)
8.แบ็ตเตอรี่
โนเกีย 5800 สามารถเล่นเพลงต่อเนื่องกันได้ถึง 35 ชั่วโมงแต่ไอโฟนเล่นได้แค่ 24 ชั่วโมง
ขณะที่พลังงานของแบ็ตเตอรี่โดยรวมของไอโฟน (สแตนด์บาย / สนทนา) นั้นยังน้อยกว่าโนเกีย อยู่ประมาณ 30%
(ดังนั้น...เมื่อใช้งานไอโฟนหมดหนึ่งวันก็สามารถชาร์ตแบตได้เลย ไม่ต้องเจอปัญหาแบตหมดระหว่างวันเหมือน 5800)
และโนเกียเปลียนแบ็ตได้ง่ายๆในขณะที่ไอโฟนเปลี่ยนแบ็ตไม่ได้
(ดังนั้น เราก็จะไม่เจอกรณีแบตปลอม, คนขายแอบเปลี่ยนแบต เพราะไอโฟนติดแบตแท้มาแน่ๆ)
ไอโฟน : สนทนา 5 ชั่วโมง, สแตนบาย 300 ชั่วโมง, เปลี่ยนไม่ได้
โนเกีย 5800 : สนทนา 8.8 ชั่วโมง, สแตนบาย 406 ชั่วโมง ,เปลี่ยนได้
(อ้อ....นี่พิสูจน์ให้เห็นว่า คลื่นสมองของคนใช้ไอโฟนถูกทำลายน้อยกว่า 5800 เพราะใช้เวลาคุยน้อยกว่า)
9.กล้อง
ไอโฟน : 2 ล้านพิกเซล, ไม่มีแฟลช, ซูมไม่ได้,ไม่มีกล้องหน้า
โนเกีย 5800: 3.2 ล้านพิกเซล, มีแฟลช, ดิจิตัลซูม 3 เท่า ใช้เลนส์ Carl Zeiss. กล้องตัวที่ 2 ด้านหน้าใช้สำหรับการประชุมหรือสนทนาแบบเห็นหน้า
(เห็นรึยังว่า ไอโฟนใช้ง่าย ไม่เรื่องมาก ไม่ต้องเซ็ตค่า ไม่ต้องเปิด-ปิดแฟลช ไม่ต้องซูม....จะถ่ายก็ถ่าย)
10.การสนทนาแบบเห็นหน้า
ไอโฟน : ไม่มี
โนเกีย 5800 : มี
(คราวนี้ใครใช้ 5800 จะหลอกแฟนไม่ได้แล้วนะ ว่าอยู่คนเดียวหรืออยู่กับกิ๊ก...หรืออยู่ที่ไหน เพราะอีกฝ่ายเขาขอดูภาพสถานที่ของอีกฝ่ายได้ แต่ไอโฟนยังทำได้เนียนๆ จ้า)
11.การบันทึกวิดีโอ
ไอโฟน : ไม่มีออพชั่นสำหรับการบันทึกวิดีโอ
โนเกีย 5800: ความสามารถในการบันทึกวิดีโอถูกติดตั้งไว้แล้ว
(ดังนั้น... ใครมาหาว่าเราไปแอบถ่ายคลิปก็ไม่ได้นะ...เพราะเราใช้ไอโฟน 555)
12.บริการทางด้านเพลง
ไอโฟน : บริการแบบเสียค่าใช้จ่ายผ่าน iTune คุณต้องจ่ายเงินและดาวน์โหลดลงไอโฟน
โนเกีย 5800 : บริการที่ชื่อ "Comes with music" ที่ถูกแถมมากับพร้อมโนเกีย 5800 ที่คุณสามารถเพลงได้มากเท่าที่คุณต้องการ
เป็นเวลา 1 ปี ฟรี !!!
(ดังนั้น ใครใช้ไอโฟน..ก็คือ คนมีกะตังค์ เป็นผู้สนับสนุนงานเพลงมีลิขสิทธิ์อย่างเป็นทางการนะเออ และสนับสนุนตลอดไปไม่ใช่แค่ 1 ปีซะด้วย)
13.การโทรออกด้วยเสียง
ไอโฟน : ไม่มี
โนเกีย 5800: มี
(ดังนั้น เราจะไม่เจอคนใช้ไอโฟนมายืนแหกปากตะโกนใส่โทรศัพท์หลายรอบ และไม่ต้องหงุดหงิดกับการจำเสียงเจ้าของเครื่องได้มั่งไม่ได้มั่งด้วยล่ะ)
14.การบันทึกเสียง
ไอโฟน : ไม่มี
โนเกีย 5800: มี
(ดังนั้น คนที่คบกะเราหรือคุยโทรศัพท์กะคนใช้ไอโฟน ก็สบายใจได้..ว่า คนใช้ไอโฟนเป็นคนที่เชื่อถือได้ ไม่มีเล่ห์เหลี่ยม ไม่ซ่อนเร้น 555)
15) โปรแกรมท่องเว็บ
ไอโฟน: Webkit, Safari browser, ไม่สนับสนุนไฟล์ flash ..... (รวดเร็ว ไม่ต้องรอโหลด)
Nokia 5800: Webkit browser, สนับสนุน flash lite ..... (ร่ำไร ใช้ได้มั่งไม่ได้มั่ง... งอแงก็แฮ้งค์ซะงั้น)
16) วิทยุ FM
ไอโฟน : ไม่มี (เพราะฟังแต่พลงเพราะๆ ในเครื่อง)
โนเกีย 5800: มี
17) บลูทูธ
ไอโฟน : ใช้ได้เฉพาะชุดหูฟังเท่านั้น, ไม่สามารถถ่ายโอนไฟล์ได้ (ไม่ต้องเจอปัญหาไวรัส)
โนเกีย 5800 : ใช้ได้ทั้งชุดหูฟังและการถ่ายโอนไฟล์ (โอนไวรัส โอนไฟล์ละเมิดลิขสิทธิ์)
18) การใช้งานข้อความ
ไอโฟน: ไม่มีความสามารถ forward ข้อความ, ลบข้อความครั้งละหลายๆข้อความไม่ได้, ส่ง sms ครั้งเดียวหลายผู้รับไม่ได้ และส่ง mms ไม่ได้
โนเกีย 5800: สิ่งที่ไอโฟนทำไม่ได้นั้นโนเกียทำได้ทั้งหมด บวกกับที่ใช้ mms เวอร์ชั่น1.3 ขนาดข้อความนั้นเพิ่มเป็น 600kb
และปรับขนาดของภาพสำหรับ mms โดยอัตโนมัติ
(ดังนั้น คนใช้ไอโฟนจึงไม่ประสบปัญหา ต้องมาคำนวณขนาดภาพ ไม่ต้องเสียค่า gprs กรณี mms พวกโฆษณา)
19) ราคา
โนเกีย 5800 นั้น(หวังว่าจะและมีแนวโน้มว่าจะ)ไม่ถูกล็อค และไม่ต้องมีสัญญา และมีราคาขายประมาณ 13000 บาท
ส่วนไอโฟนนั้นต้องติดสัญญากับผู้ให้บริการทำให้เครื่องมีราคาแพงกว่า แถมเครื่องที่ปลดล็อคแล้วมีราคาเกือบ 3 หมื่นบาท
(...คนใช้ไอโฟนมั่นใจมากขึ้นว่า ได้แบ่งกลุ่มผู้ใช้ว่า ใครน่ะไฮโซตัวจริง)
20) ประสบการณ์
โนเกีย : มีประสบการณ์มายาวนาน, มีเรื่องราวเกี่ยวกับความสำเร็จนับไม่ถ้วน และมีสินค้าดีๆอยู่ในมือมากมาย โนเกียมีส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 1 ที่ 40 % นำคู่ต่อสู้
โดยไม่มีคำว่าสูสี
แอปเปิ้ล : โทรศัพท์รุ่นแรกที่ถูกผลิตโดยแอบเปิ้ลคือไอโฟน, ไม่มีประสบการณ์ในตลาดเครื่องมือสื่อสาร. เป็นหน้าใหม่ในตลาดด้วยอัตราส่วนแบ่งในตลาดที่ต่ำโดยขายไอโฟนได้หลายล้านเครื่อง
(ไอโฟนทำเครื่องเดียวก็รุ่งซะขนาดนี้...ใครคือผู้สำเร็จตัวจริงกันน้า...า)
สรุป
(ไม่ใช่พวกคอไอโฟนหรอกนะ .... แต่ได้อ่านแล้วหมั่นไส้ อะไรมันจะดีไปหมดขนาดน้าน....น)
ส่วนตัวใช้ของโนเกียอยู่ ไม่เคยใช้ของไอโฟน
เลยไม่รู้ว่าไอโฟนเป็นอย่างที่บอกจริงรึเปล่า =_=*
ปล.ก๊อบมาจาก http://www.dek-d.com/board/view.php?id=1214931