|
Jeekuk
บุคคลทั่วไป
|
|
« ตอบ #1 เมื่อ: วันที่ 18 ตุลาคม 2011, 10:48:42 » |
|
บทความที่ทุกท่านจะได้อ่านต่อไปนี้ เป็นการศึกษาของ อ.ธเนศวร์ เจริญเมือง มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ............. ในหนังสือ "คนเมือง"
และบทความเหล่านี้เป็นประวัติศาสตร์อีกด้านหนึ่งที่ไม่ได้มีแต่ความสวยงามเท่านั้น แต่ยังแฝงความเจ็บปวด นี้แระเขาเรียกว่าประวัติศาสตร์ ** บทความนี้ไม่ได้สร้างการยุยง ส่งเสริมให้คนในชาติแตกแยกและเกลียดชังกันนะครับ มันเป็นเพียงประวัติศาสตร์ให้เราได้ศึกษาอีกมุมหนึ่งเท่านั้นเอง และผมเองจดจำเรื่องราวเล่านี้ไว้เสมอ ในฐานะคนล้านนา 1.กรมหมื่นพิชิตปรีชากรรับบัญชามาผลักดันให้เจ้าอินทวิชยานนท์ยอมรับการหมั้นระหว่างเจ้าดารารัศมี (ชนมายุ 11 ชันษา) ราชธิดาองค์สุดท้องกับพระมหากษัตริย์แห่งสยาม โดยยอมรับให้สยามจัดพิธีโสกันต์ระดับเจ้าฟ้าให้แก่เจ้าดารา ซึ่งล้านนาไม่เคยมีพิธีกรรมเช่นนี้ 2.พ.ศ.2440 เจ้าอินทวิชยานนท์ถึงแก่พิราลัย เจ้าดารารัศมีมิได้รับอนุญาตให้กลับไปร่วมงานปลงพระศพพระบิดา คาดกันว่าสยามเกรงล้านนาจะคิดกบฏหรือหันไปหาพม่า จึงต้องเก็บเจ้าดาราไว้ในฐานะตัวประกัน หลังจากเจ้าอินทวิชยานนท์ถึงแก่พิราลัย พระยาทรงสุรเดชก็มีคำสั่งตัดเงินรายปีของเจ้าเมืองเชียงใหม่จาก 8 หมื่น เหลือ 3 หมื่นรูปี และลดจำนวนเงินรายปีของเจ้านายคนอื่น ๆ พร้อมกับโยกย้ายและถอดถอนเจ้านาย และให้ข้าราชการสยามเข้ามาแทน และเพิ่มจำนวนเงินเดือนให้ 3.ต่อมาในปี พ.ศ. 2456 รัฐบาลสยามได้กำหนดนโยบายห้ามสอนภาษา “ตั๋วเมือง” ในโรงเรียนทุกแห่ง และกำหนดให้ครูและนักเรียนใช้ภาษาไทยสยามเท่านั้น และได้ห้ามคนจากสยามเรียกคนล้านนาว่าเป็นลาว เน้นการปลูกฝังเรื่องชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ทำให้การสอนภาษาล้านนามีเฉพาะในวัด ที่สำคัญคือ การที่คนท้องถิ่นไม่สามารถอ่านและเขียนภาษาของบรรพบุรุษได้ก็คือจุดเริ่มต้นของอวสานของศิลปวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของท้องถิ่น เช่น ความตายของภาษาเขียนนำไปสู่การชะงักงันของภาษาพูด ภาษาพูดที่จะพัฒนาต่อไปก็คือการรับเอาคำจากภาษาไทยเข้ามามากขึ้นตามลำดับ ฯ4.ในปี พ.ศ. 2542 อรุณรัตน์ วิเชียรเขียวได้วิเคราะห์ว่า การย้ายเสาอินทขิลน่าจะเกิดจากความเห็นว่าศูนย์กลางเมืองเชียงใหม่ถูกคนของอยุธยาทำไสยศาสตร์ด้วยการฝังไหกระดูกผี (รวมทั้งฝังไว้ประตูเมืองทุกแห่ง) เพื่อทำลายความศักดิ์สิทธิ์ของเมืองในสมัยพญาติโลกราช (พ.ศ.1984-2030) พญาติโลกราชจับได้จึงคิดวิธีแก้ไขสิ่งชั่วร้ายดังกล่าวด้วยการบรรจุพระบรมสารีริกธาตุลงในเจดีย์วัดเจดีย์หลวง ฯ 5.ครั้นถึงสมัยพญากาวิละ (พ.ศ.2325-2356) อรุณรัตน์จึงเสนอว่าเนื่องจากเมืองเชียงใหม่ได้ประสบชะตากรรมครั้งแล้วครั้งเล่า จนสิ้นราชวงศ์มังราย และตกเป็นเมืองขึ้นของพม่านานถึง 200 ปีเศษ พญากาวิละคงจะฟื้นความเชื่อของพญาติโลกราช จึงย้ายเสาอินทขิลมาไว้ในเจดีย์หลวงในปี พ.ศ. 2343 6.การสร้างคุกบนพื้นที่ที่เคยเป็นหอคำหรือพระราชวังของกษัตริย์ล้านนาเป็นการทำลายความศักดิ์สิทธิ์จุดหนึ่งของเมือง ข้อมูลที่ชัดเจนที่สุดคือ เรือนจำเชียงใหม่ และลำพูน ฯ กรณีเชียงราย ประชาชนขอสั่งรื้อเรือนจำ สถานที่เคยเป็นที่ดินศักดิ์สิทธิ์ใช้ในการฟ้อนผีเจ้านาย เจ้ามด เจ้าเม็ง และทำพิธีสำคัญของเมืองเชียงรายในอดีต 7.การล่มสลายของอำนาจเจ้านายท้องถิ่น ไม่เพียงแต่ส่งผลให้อาคารสำนักงานของรัฐบาลสยามเกิดขึ้นในเขตศูนย์อำนาจเก่า หากยังเปิดโอกาสให้เอกชนเข้ายึดครองที่ดินหลายส่วน โดยเฉพาะที่ดินติดถนนเพื่อสร้างเป็นร้านคา ส่งผลให้ที่ดินบริเวณพญามังรายถูกฟ้าผ่า ถึงแก่พิราลัยในปี พ.ศ. 1854 ซึ่งมีผู้สร้างศาลพญามังรายให้ผู้คนได้กราบไว้ ต้องกลายเป็นที่ดินของเอกชน ฯ ความศักดิ์สิทธิ์และพิธีกรรมดั้งเดิมของเมืองถูกทำลายหรือเปลี่ยนแปลง สถานที่สำคัญกลายเป็นที่จอดรถ ฯ และยังมีอีกหลาย ๆ เรื่องที่น่าศึกษาจากหนังสือคนเมือง ของ ธเนศวร์ ตั้งแต่เรื่องของครูบาศรีวิชัยถูกจับกุม การขอคืนอำนาจให้เจ้านายท้องถิ่นในสัญลักษณ์ต่าง ๆ เช่น การสร้างโรงเรียนในนามเจ้านคร และการยอมรับการปรับตัวของคนเมืองในระบอบของสยาม
ที่นำมาเล่าให้ฟังนี้ มิใช่เพื่อสร้างความแตกแยกหรือสร้างความขุ่นเคืองใจ แต่เพียงอยากบอกเล่าอีกหน้าของประวัติศาสตร์ที่มิใช่ความงดงามเพียงอย่างเดียว
ตั๋วแดงคือ"ทำให้คนเชียงใหม่มีภาษาพูดไม่เหมือนคนจังหวัดอื่น ๆ และปัจจุบัน หละปูน ก็ถูกกลืนไปด้วยแล้ว"
|
|
|
|
wasuwith
บุคคลทั่วไป
|
|
« ตอบ #2 เมื่อ: วันที่ 28 ตุลาคม 2011, 14:03:39 » |
|
อยากอ่านอีกอะ
|
|
|
|
MammonRN
บุคคลทั่วไป
|
|
« ตอบ #3 เมื่อ: วันที่ 28 ตุลาคม 2011, 14:16:23 » |
|
บทความที่ทุกท่านจะได้อ่านต่อไปนี้ เป็นการศึกษาของ อ.ธเนศวร์ เจริญเมือง มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ............. ในหนังสือ "คนเมือง"
และบทความเหล่านี้เป็นประวัติศาสตร์อีกด้านหนึ่งที่ไม่ได้มีแต่ความสวยงามเท่านั้น แต่ยังแฝงความเจ็บปวด นี้แระเขาเรียกว่าประวัติศาสตร์ ** บทความนี้ไม่ได้สร้างการยุยง ส่งเสริมให้คนในชาติแตกแยกและเกลียดชังกันนะครับ มันเป็นเพียงประวัติศาสตร์ให้เราได้ศึกษาอีกมุมหนึ่งเท่านั้นเอง และผมเองจดจำเรื่องราวเล่านี้ไว้เสมอ ในฐานะคนล้านนา 1.กรมหมื่นพิชิตปรีชากรรับบัญชามาผลักดันให้เจ้าอินทวิชยานนท์ยอมรับการหมั้นระหว่างเจ้าดารารัศมี (ชนมายุ 11 ชันษา) ราชธิดาองค์สุดท้องกับพระมหากษัตริย์แห่งสยาม โดยยอมรับให้สยามจัดพิธีโสกันต์ระดับเจ้าฟ้าให้แก่เจ้าดารา ซึ่งล้านนาไม่เคยมีพิธีกรรมเช่นนี้ 2.พ.ศ.2440 เจ้าอินทวิชยานนท์ถึงแก่พิราลัย เจ้าดารารัศมีมิได้รับอนุญาตให้กลับไปร่วมงานปลงพระศพพระบิดา คาดกันว่าสยามเกรงล้านนาจะคิดกบฏหรือหันไปหาพม่า จึงต้องเก็บเจ้าดาราไว้ในฐานะตัวประกัน หลังจากเจ้าอินทวิชยานนท์ถึงแก่พิราลัย พระยาทรงสุรเดชก็มีคำสั่งตัดเงินรายปีของเจ้าเมืองเชียงใหม่จาก 8 หมื่น เหลือ 3 หมื่นรูปี และลดจำนวนเงินรายปีของเจ้านายคนอื่น ๆ พร้อมกับโยกย้ายและถอดถอนเจ้านาย และให้ข้าราชการสยามเข้ามาแทน และเพิ่มจำนวนเงินเดือนให้ 3.ต่อมาในปี พ.ศ. 2456 รัฐบาลสยามได้กำหนดนโยบายห้ามสอนภาษา “ตั๋วเมือง” ในโรงเรียนทุกแห่ง และกำหนดให้ครูและนักเรียนใช้ภาษาไทยสยามเท่านั้น และได้ห้ามคนจากสยามเรียกคนล้านนาว่าเป็นลาว เน้นการปลูกฝังเรื่องชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ทำให้การสอนภาษาล้านนามีเฉพาะในวัด ที่สำคัญคือ การที่คนท้องถิ่นไม่สามารถอ่านและเขียนภาษาของบรรพบุรุษได้ก็คือจุดเริ่มต้นของอวสานของศิลปวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของท้องถิ่น เช่น ความตายของภาษาเขียนนำไปสู่การชะงักงันของภาษาพูด ภาษาพูดที่จะพัฒนาต่อไปก็คือการรับเอาคำจากภาษาไทยเข้ามามากขึ้นตามลำดับ ฯ4.ในปี พ.ศ. 2542 อรุณรัตน์ วิเชียรเขียวได้วิเคราะห์ว่า การย้ายเสาอินทขิลน่าจะเกิดจากความเห็นว่าศูนย์กลางเมืองเชียงใหม่ถูกคนของอยุธยาทำไสยศาสตร์ด้วยการฝังไหกระดูกผี (รวมทั้งฝังไว้ประตูเมืองทุกแห่ง) เพื่อทำลายความศักดิ์สิทธิ์ของเมืองในสมัยพญาติโลกราช (พ.ศ.1984-2030) พญาติโลกราชจับได้จึงคิดวิธีแก้ไขสิ่งชั่วร้ายดังกล่าวด้วยการบรรจุพระบรมสารีริกธาตุลงในเจดีย์วัดเจดีย์หลวง ฯ 5.ครั้นถึงสมัยพญากาวิละ (พ.ศ.2325-2356) อรุณรัตน์จึงเสนอว่าเนื่องจากเมืองเชียงใหม่ได้ประสบชะตากรรมครั้งแล้วครั้งเล่า จนสิ้นราชวงศ์มังราย และตกเป็นเมืองขึ้นของพม่านานถึง 200 ปีเศษ พญากาวิละคงจะฟื้นความเชื่อของพญาติโลกราช จึงย้ายเสาอินทขิลมาไว้ในเจดีย์หลวงในปี พ.ศ. 2343 6.การสร้างคุกบนพื้นที่ที่เคยเป็นหอคำหรือพระราชวังของกษัตริย์ล้านนาเป็นการทำลายความศักดิ์สิทธิ์จุดหนึ่งของเมือง ข้อมูลที่ชัดเจนที่สุดคือ เรือนจำเชียงใหม่ และลำพูน ฯ กรณีเชียงราย ประชาชนขอสั่งรื้อเรือนจำ สถานที่เคยเป็นที่ดินศักดิ์สิทธิ์ใช้ในการฟ้อนผีเจ้านาย เจ้ามด เจ้าเม็ง และทำพิธีสำคัญของเมืองเชียงรายในอดีต 7.การล่มสลายของอำนาจเจ้านายท้องถิ่น ไม่เพียงแต่ส่งผลให้อาคารสำนักงานของรัฐบาลสยามเกิดขึ้นในเขตศูนย์อำนาจเก่า หากยังเปิดโอกาสให้เอกชนเข้ายึดครองที่ดินหลายส่วน โดยเฉพาะที่ดินติดถนนเพื่อสร้างเป็นร้านคา ส่งผลให้ที่ดินบริเวณพญามังรายถูกฟ้าผ่า ถึงแก่พิราลัยในปี พ.ศ. 1854 ซึ่งมีผู้สร้างศาลพญามังรายให้ผู้คนได้กราบไว้ ต้องกลายเป็นที่ดินของเอกชน ฯ ความศักดิ์สิทธิ์และพิธีกรรมดั้งเดิมของเมืองถูกทำลายหรือเปลี่ยนแปลง สถานที่สำคัญกลายเป็นที่จอดรถ ฯ และยังมีอีกหลาย ๆ เรื่องที่น่าศึกษาจากหนังสือคนเมือง ของ ธเนศวร์ ตั้งแต่เรื่องของครูบาศรีวิชัยถูกจับกุม การขอคืนอำนาจให้เจ้านายท้องถิ่นในสัญลักษณ์ต่าง ๆ เช่น การสร้างโรงเรียนในนามเจ้านคร และการยอมรับการปรับตัวของคนเมืองในระบอบของสยาม
ที่นำมาเล่าให้ฟังนี้ มิใช่เพื่อสร้างความแตกแยกหรือสร้างความขุ่นเคืองใจ แต่เพียงอยากบอกเล่าอีกหน้าของประวัติศาสตร์ที่มิใช่ความงดงามเพียงอย่างเดียว
ตั๋วแดงคือ"ทำให้คนเชียงใหม่มีภาษาพูดไม่เหมือนคนจังหวัดอื่น ๆ และปัจจุบัน หละปูน ก็ถูกกลืนไปด้วยแล้ว" งั้นเชียงรายกะเชียงใหม่ถ้าเขียนก็เขียนไม่เหมือนกันเหรอครับ
|
|
|
|
wasuwith
บุคคลทั่วไป
|
|
« ตอบ #4 เมื่อ: วันที่ 28 ตุลาคม 2011, 16:27:00 » |
|
น่าจะช่วยกันสืบสานประเพณี,สร้างเวียงแก้ว,ภาษาเขียน,ภาษาพูดช่วยกันสืบสาน
|
|
|
|
|
ALPHA1
เตรียมอนุบาล
ออฟไลน์
กระทู้: 55
|
|
« ตอบ #6 เมื่อ: วันที่ 02 พฤศจิกายน 2011, 00:31:36 » |
|
บทความที่ทุกท่านจะได้อ่านต่อไปนี้ เป็นการศึกษาของ อ.ธเนศวร์ เจริญเมือง มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ............. ในหนังสือ "คนเมือง"
และบทความเหล่านี้เป็นประวัติศาสตร์อีกด้านหนึ่งที่ไม่ได้มีแต่ความสวยงามเท่านั้น แต่ยังแฝงความเจ็บปวด นี้แระเขาเรียกว่าประวัติศาสตร์ ** บทความนี้ไม่ได้สร้างการยุยง ส่งเสริมให้คนในชาติแตกแยกและเกลียดชังกันนะครับ มันเป็นเพียงประวัติศาสตร์ให้เราได้ศึกษาอีกมุมหนึ่งเท่านั้นเอง และผมเองจดจำเรื่องราวเล่านี้ไว้เสมอ ในฐานะคนล้านนา 1.กรมหมื่นพิชิตปรีชากรรับบัญชามาผลักดันให้เจ้าอินทวิชยานนท์ยอมรับการหมั้นระหว่างเจ้าดารารัศมี (ชนมายุ 11 ชันษา) ราชธิดาองค์สุดท้องกับพระมหากษัตริย์แห่งสยาม โดยยอมรับให้สยามจัดพิธีโสกันต์ระดับเจ้าฟ้าให้แก่เจ้าดารา ซึ่งล้านนาไม่เคยมีพิธีกรรมเช่นนี้ 2.พ.ศ.2440 เจ้าอินทวิชยานนท์ถึงแก่พิราลัย เจ้าดารารัศมีมิได้รับอนุญาตให้กลับไปร่วมงานปลงพระศพพระบิดา คาดกันว่าสยามเกรงล้านนาจะคิดกบฏหรือหันไปหาพม่า จึงต้องเก็บเจ้าดาราไว้ในฐานะตัวประกัน หลังจากเจ้าอินทวิชยานนท์ถึงแก่พิราลัย พระยาทรงสุรเดชก็มีคำสั่งตัดเงินรายปีของเจ้าเมืองเชียงใหม่จาก 8 หมื่น เหลือ 3 หมื่นรูปี และลดจำนวนเงินรายปีของเจ้านายคนอื่น ๆ พร้อมกับโยกย้ายและถอดถอนเจ้านาย และให้ข้าราชการสยามเข้ามาแทน และเพิ่มจำนวนเงินเดือนให้ 3.ต่อมาในปี พ.ศ. 2456 รัฐบาลสยามได้กำหนดนโยบายห้ามสอนภาษา “ตั๋วเมือง” ในโรงเรียนทุกแห่ง และกำหนดให้ครูและนักเรียนใช้ภาษาไทยสยามเท่านั้น และได้ห้ามคนจากสยามเรียกคนล้านนาว่าเป็นลาว เน้นการปลูกฝังเรื่องชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ทำให้การสอนภาษาล้านนามีเฉพาะในวัด ที่สำคัญคือ การที่คนท้องถิ่นไม่สามารถอ่านและเขียนภาษาของบรรพบุรุษได้ก็คือจุดเริ่มต้นของอวสานของศิลปวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของท้องถิ่น เช่น ความตายของภาษาเขียนนำไปสู่การชะงักงันของภาษาพูด ภาษาพูดที่จะพัฒนาต่อไปก็คือการรับเอาคำจากภาษาไทยเข้ามามากขึ้นตามลำดับ ฯ4.ในปี พ.ศ. 2542 อรุณรัตน์ วิเชียรเขียวได้วิเคราะห์ว่า การย้ายเสาอินทขิลน่าจะเกิดจากความเห็นว่าศูนย์กลางเมืองเชียงใหม่ถูกคนของอยุธยาทำไสยศาสตร์ด้วยการฝังไหกระดูกผี (รวมทั้งฝังไว้ประตูเมืองทุกแห่ง) เพื่อทำลายความศักดิ์สิทธิ์ของเมืองในสมัยพญาติโลกราช (พ.ศ.1984-2030) พญาติโลกราชจับได้จึงคิดวิธีแก้ไขสิ่งชั่วร้ายดังกล่าวด้วยการบรรจุพระบรมสารีริกธาตุลงในเจดีย์วัดเจดีย์หลวง ฯ 5.ครั้นถึงสมัยพญากาวิละ (พ.ศ.2325-2356) อรุณรัตน์จึงเสนอว่าเนื่องจากเมืองเชียงใหม่ได้ประสบชะตากรรมครั้งแล้วครั้งเล่า จนสิ้นราชวงศ์มังราย และตกเป็นเมืองขึ้นของพม่านานถึง 200 ปีเศษ พญากาวิละคงจะฟื้นความเชื่อของพญาติโลกราช จึงย้ายเสาอินทขิลมาไว้ในเจดีย์หลวงในปี พ.ศ. 2343 6.การสร้างคุกบนพื้นที่ที่เคยเป็นหอคำหรือพระราชวังของกษัตริย์ล้านนาเป็นการทำลายความศักดิ์สิทธิ์จุดหนึ่งของเมือง ข้อมูลที่ชัดเจนที่สุดคือ เรือนจำเชียงใหม่ และลำพูน ฯ กรณีเชียงราย ประชาชนขอสั่งรื้อเรือนจำ สถานที่เคยเป็นที่ดินศักดิ์สิทธิ์ใช้ในการฟ้อนผีเจ้านาย เจ้ามด เจ้าเม็ง และทำพิธีสำคัญของเมืองเชียงรายในอดีต 7.การล่มสลายของอำนาจเจ้านายท้องถิ่น ไม่เพียงแต่ส่งผลให้อาคารสำนักงานของรัฐบาลสยามเกิดขึ้นในเขตศูนย์อำนาจเก่า หากยังเปิดโอกาสให้เอกชนเข้ายึดครองที่ดินหลายส่วน โดยเฉพาะที่ดินติดถนนเพื่อสร้างเป็นร้านคา ส่งผลให้ที่ดินบริเวณพญามังรายถูกฟ้าผ่า ถึงแก่พิราลัยในปี พ.ศ. 1854 ซึ่งมีผู้สร้างศาลพญามังรายให้ผู้คนได้กราบไว้ ต้องกลายเป็นที่ดินของเอกชน ฯ ความศักดิ์สิทธิ์และพิธีกรรมดั้งเดิมของเมืองถูกทำลายหรือเปลี่ยนแปลง สถานที่สำคัญกลายเป็นที่จอดรถ ฯ และยังมีอีกหลาย ๆ เรื่องที่น่าศึกษาจากหนังสือคนเมือง ของ ธเนศวร์ ตั้งแต่เรื่องของครูบาศรีวิชัยถูกจับกุม การขอคืนอำนาจให้เจ้านายท้องถิ่นในสัญลักษณ์ต่าง ๆ เช่น การสร้างโรงเรียนในนามเจ้านคร และการยอมรับการปรับตัวของคนเมืองในระบอบของสยาม
ที่นำมาเล่าให้ฟังนี้ มิใช่เพื่อสร้างความแตกแยกหรือสร้างความขุ่นเคืองใจ แต่เพียงอยากบอกเล่าอีกหน้าของประวัติศาสตร์ที่มิใช่ความงดงามเพียงอย่างเดียว
ตั๋วแดงคือ"ทำให้คนเชียงใหม่มีภาษาพูดไม่เหมือนคนจังหวัดอื่น ๆ และปัจจุบัน หละปูน ก็ถูกกลืนไปด้วยแล้ว" "ตี้ว่ายะหื้อคนเจียงใหม่มีำกำอู้บะเหมือนคนจังหวัดอื่นๆจ้วยอธิบายน่อยจะได้ก่อครับว่าบะเหมือนจะได?แล้วก่อนหน้าตี้เจียงใหม่ยังบะได้ถูกลืนเป๋นของสยาม คนเจียงใหม่อู้เหมือนคนเมืองในจังหวัดอื่นๆอี้ กำอู้,กำจ๋าของแต่ละตี้จะหื้อเหมือนกั๋นกู้กำ มันเป๋นไปบะได้ครับแต่จะไดก่อจ้างเต๊อะครับ ขึ้นจื้อว่าคนเมืองเหมือนกั๋นแม้ว่ากำอู้,กำจ๋าจะแตกต่างกั๋นไปพ่อง ผมว่าอู้กั๋นฮู้เรื่องครับ"
|
"คุณภาพคู่คุณธรรม"
|
|
|
เวียงเก่า
ชั้นประถม
ออฟไลน์
กระทู้: 280
|
|
« ตอบ #7 เมื่อ: วันที่ 02 พฤศจิกายน 2011, 10:48:57 » |
|
บทความที่ทุกท่านจะได้อ่านต่อไปนี้ เป็นการศึกษาของ อ.ธเนศวร์ เจริญเมือง มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ............. ในหนังสือ "คนเมือง"
และบทความเหล่านี้เป็นประวัติศาสตร์อีกด้านหนึ่งที่ไม่ได้มีแต่ความสวยงามเท่านั้น แต่ยังแฝงความเจ็บปวด นี้แระเขาเรียกว่าประวัติศาสตร์ ** บทความนี้ไม่ได้สร้างการยุยง ส่งเสริมให้คนในชาติแตกแยกและเกลียดชังกันนะครับ มันเป็นเพียงประวัติศาสตร์ให้เราได้ศึกษาอีกมุมหนึ่งเท่านั้นเอง และผมเองจดจำเรื่องราวเล่านี้ไว้เสมอ ในฐานะคนล้านนา 1.กรมหมื่นพิชิตปรีชากรรับบัญชามาผลักดันให้เจ้าอินทวิชยานนท์ยอมรับการหมั้นระหว่างเจ้าดารารัศมี (ชนมายุ 11 ชันษา) ราชธิดาองค์สุดท้องกับพระมหากษัตริย์แห่งสยาม โดยยอมรับให้สยามจัดพิธีโสกันต์ระดับเจ้าฟ้าให้แก่เจ้าดารา ซึ่งล้านนาไม่เคยมีพิธีกรรมเช่นนี้ 2.พ.ศ.2440 เจ้าอินทวิชยานนท์ถึงแก่พิราลัย เจ้าดารารัศมีมิได้รับอนุญาตให้กลับไปร่วมงานปลงพระศพพระบิดา คาดกันว่าสยามเกรงล้านนาจะคิดกบฏหรือหันไปหาพม่า จึงต้องเก็บเจ้าดาราไว้ในฐานะตัวประกัน หลังจากเจ้าอินทวิชยานนท์ถึงแก่พิราลัย พระยาทรงสุรเดชก็มีคำสั่งตัดเงินรายปีของเจ้าเมืองเชียงใหม่จาก 8 หมื่น เหลือ 3 หมื่นรูปี และลดจำนวนเงินรายปีของเจ้านายคนอื่น ๆ พร้อมกับโยกย้ายและถอดถอนเจ้านาย และให้ข้าราชการสยามเข้ามาแทน และเพิ่มจำนวนเงินเดือนให้ 3.ต่อมาในปี พ.ศ. 2456 รัฐบาลสยามได้กำหนดนโยบายห้ามสอนภาษา “ตั๋วเมือง” ในโรงเรียนทุกแห่ง และกำหนดให้ครูและนักเรียนใช้ภาษาไทยสยามเท่านั้น และได้ห้ามคนจากสยามเรียกคนล้านนาว่าเป็นลาว เน้นการปลูกฝังเรื่องชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ทำให้การสอนภาษาล้านนามีเฉพาะในวัด ที่สำคัญคือ การที่คนท้องถิ่นไม่สามารถอ่านและเขียนภาษาของบรรพบุรุษได้ก็คือจุดเริ่มต้นของอวสานของศิลปวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของท้องถิ่น เช่น ความตายของภาษาเขียนนำไปสู่การชะงักงันของภาษาพูด ภาษาพูดที่จะพัฒนาต่อไปก็คือการรับเอาคำจากภาษาไทยเข้ามามากขึ้นตามลำดับ ฯ4.ในปี พ.ศ. 2542 อรุณรัตน์ วิเชียรเขียวได้วิเคราะห์ว่า การย้ายเสาอินทขิลน่าจะเกิดจากความเห็นว่าศูนย์กลางเมืองเชียงใหม่ถูกคนของอยุธยาทำไสยศาสตร์ด้วยการฝังไหกระดูกผี (รวมทั้งฝังไว้ประตูเมืองทุกแห่ง) เพื่อทำลายความศักดิ์สิทธิ์ของเมืองในสมัยพญาติโลกราช (พ.ศ.1984-2030) พญาติโลกราชจับได้จึงคิดวิธีแก้ไขสิ่งชั่วร้ายดังกล่าวด้วยการบรรจุพระบรมสารีริกธาตุลงในเจดีย์วัดเจดีย์หลวง ฯ 5.ครั้นถึงสมัยพญากาวิละ (พ.ศ.2325-2356) อรุณรัตน์จึงเสนอว่าเนื่องจากเมืองเชียงใหม่ได้ประสบชะตากรรมครั้งแล้วครั้งเล่า จนสิ้นราชวงศ์มังราย และตกเป็นเมืองขึ้นของพม่านานถึง 200 ปีเศษ พญากาวิละคงจะฟื้นความเชื่อของพญาติโลกราช จึงย้ายเสาอินทขิลมาไว้ในเจดีย์หลวงในปี พ.ศ. 2343 6.การสร้างคุกบนพื้นที่ที่เคยเป็นหอคำหรือพระราชวังของกษัตริย์ล้านนาเป็นการทำลายความศักดิ์สิทธิ์จุดหนึ่งของเมือง ข้อมูลที่ชัดเจนที่สุดคือ เรือนจำเชียงใหม่ และลำพูน ฯ กรณีเชียงราย ประชาชนขอสั่งรื้อเรือนจำ สถานที่เคยเป็นที่ดินศักดิ์สิทธิ์ใช้ในการฟ้อนผีเจ้านาย เจ้ามด เจ้าเม็ง และทำพิธีสำคัญของเมืองเชียงรายในอดีต 7.การล่มสลายของอำนาจเจ้านายท้องถิ่น ไม่เพียงแต่ส่งผลให้อาคารสำนักงานของรัฐบาลสยามเกิดขึ้นในเขตศูนย์อำนาจเก่า หากยังเปิดโอกาสให้เอกชนเข้ายึดครองที่ดินหลายส่วน โดยเฉพาะที่ดินติดถนนเพื่อสร้างเป็นร้านคา ส่งผลให้ที่ดินบริเวณพญามังรายถูกฟ้าผ่า ถึงแก่พิราลัยในปี พ.ศ. 1854 ซึ่งมีผู้สร้างศาลพญามังรายให้ผู้คนได้กราบไว้ ต้องกลายเป็นที่ดินของเอกชน ฯ ความศักดิ์สิทธิ์และพิธีกรรมดั้งเดิมของเมืองถูกทำลายหรือเปลี่ยนแปลง สถานที่สำคัญกลายเป็นที่จอดรถ ฯ และยังมีอีกหลาย ๆ เรื่องที่น่าศึกษาจากหนังสือคนเมือง ของ ธเนศวร์ ตั้งแต่เรื่องของครูบาศรีวิชัยถูกจับกุม การขอคืนอำนาจให้เจ้านายท้องถิ่นในสัญลักษณ์ต่าง ๆ เช่น การสร้างโรงเรียนในนามเจ้านคร และการยอมรับการปรับตัวของคนเมืองในระบอบของสยาม
ที่นำมาเล่าให้ฟังนี้ มิใช่เพื่อสร้างความแตกแยกหรือสร้างความขุ่นเคืองใจ แต่เพียงอยากบอกเล่าอีกหน้าของประวัติศาสตร์ที่มิใช่ความงดงามเพียงอย่างเดียว
ตั๋วแดงคือ"ทำให้คนเชียงใหม่มีภาษาพูดไม่เหมือนคนจังหวัดอื่น ๆ และปัจจุบัน หละปูน ก็ถูกกลืนไปด้วยแล้ว" "ตี้ว่ายะหื้อคนเจียงใหม่มีำกำอู้บะเหมือนคนจังหวัดอื่นๆจ้วยอธิบายน่อยจะได้ก่อครับว่าบะเหมือนจะได?แล้วก่อนหน้าตี้เจียงใหม่ยังบะได้ถูกลืนเป๋นของสยาม คนเจียงใหม่อู้เหมือนคนเมืองในจังหวัดอื่นๆอี้ กำอู้,กำจ๋าของแต่ละตี้จะหื้อเหมือนกั๋นกู้กำ มันเป๋นไปบะได้ครับแต่จะไดก่อจ้างเต๊อะครับ ขึ้นจื้อว่าคนเมืองเหมือนกั๋นแม้ว่ากำอู้,กำจ๋าจะแตกต่างกั๋นไปพ่อง ผมว่าอู้กั๋นฮู้เรื่องครับ" เปิ่นท่าจะอู้ไทยสำเนียงเมืองครับ
|
ผลมันไม่ออกมาตามที่คาดหวัง จะมานั่งเสียใจไปทำไม เมื่อได้พยายามทำเหตุให้ดีที่สุดแล้ว
|
|
|
Jeekuk
บุคคลทั่วไป
|
|
« ตอบ #8 เมื่อ: วันที่ 02 พฤศจิกายน 2011, 14:58:54 » |
|
ถ้า มีคนเชียงใหม่ มาอู้กำเมือง เฮาก็จะฮู้ว่า นี่เชียงใหม่ แม้แต่เชียงของก็ยังมีสำเนียงบะเหมือนคนเชียงรายที่อื่นเลย
คนจังหวัดอื่นทั่วไป กิ๋นหน้ำ(พยายามออกเสียงเมือง ๆ) คนเชียงใหม่ กิ๋นน้ำ
แต่ถ้าจะเอากำเมืองแต้ ๆ ต้อง ฟังคนเสาไห้ สระบุรี เถิน(ลำปาง) ทุ่งเสลี่ยม(สุโขทัย) แม่ส็อด(ตาก) ที่เป็นสีแดง ถ้าเป็นเชียงใหม่เปิ้นจะว่า กำเมืองแต๊ ๆ ให้สังเกตุวรรณยุกต์ แต่ถ้าคุณอ่อนภาษาไทย ก็ช่วยไม่ได้ละเน่อ
|
|
|
|
ALPHA1
เตรียมอนุบาล
ออฟไลน์
กระทู้: 55
|
|
« ตอบ #9 เมื่อ: วันที่ 02 พฤศจิกายน 2011, 17:02:26 » |
|
ถ้า มีคนเชียงใหม่ มาอู้กำเมือง เฮาก็จะฮู้ว่า นี่เชียงใหม่ แม้แต่เชียงของก็ยังมีสำเนียงบะเหมือนคนเชียงรายที่อื่นเลย คนจังหวัดอื่นทั่วไป กิ๋นหน้ำ(พยายามออกเสียงเมือง ๆ)คนเชียงใหม่ กิ๋นน้ำ แต่ถ้าจะเอากำเมืองแต้ ๆ ต้อง ฟังคนเสาไห้ สระบุรี เถิน(ลำปาง) ทุ่งเสลี่ยม(สุโขทัย) แม่ส็อด(ตาก)ที่เป็นสีแดง ถ้าเป็นเชียงใหม่เปิ้นจะว่า กำเมืองแต๊ ๆ ให้สังเกตุวรรณยุกต์ แต่ถ้าคุณอ่อนภาษาไทย ก็ช่วยไม่ได้ละเน่อ
"หลงตางไปแล้วก้า คุณบอกเองว่า ตั๋วแดงคือทำให้คนเชียงใหม่มีภาษาพูดไม่เหมือนคนจังหวัดอื่นๆและปัจจุบันหละปูนก็ถูกกลืนไปด้วยแล้ว ผมก่อเลยขอถามว่ากำอู้กำจ๋าคนเจียงใหม่บะเหมือนคนจังหวัดอื่นจะได? มันผิดแผกแตกต่างอยู่แล้วกาว่ามาเปลี่ยนต๋อนสมัยถูกลืน กำอู้คนเจียงใหม่บะเหมือนคนตี้อื่นต๋อนใด?ก่อนถูกลืนกาว่าหลังจากถูกลืนแล้ว คุณเข้าใจ๋กำว่าความแตกต่างของถิ่นที่อยู่,ชาติพันธุ์ของคนก่อ ตี้คุณว่ากำเมืองแต๊ๆต้องฟังคนเสาไห้ สระบุรี(ถูกกวาดต้อนไปจากเจียงฮายสมัยพระเจ้าตากก่อเลยอู้สำเนียงตี้บะฮู้มาก่อนก่อจะเข้าใจ๋ว่าเป๋นคนเจียงฮาย),เถิน(ลำปาง),ทุ่งเสลี่ยม(สุโขทัย)ผมว่าเจิญคุณเข้าใจ๋ผิดไปคนเดียวเต๊อะ เพราะกำอู้กำจ๋าของคนเมืองบะว่าตี้ไหน?ก่อเป๋นของแต๊ตึงนั้น มีตวยกาว่ากำเมืองตี้หั้นแั้ต๊,ตี้หั้นบะแต๊"
|
"คุณภาพคู่คุณธรรม"
|
|
|
|
>:l!ne-po!nt:<
~: ดาบราชบุตร :~
แฟนพันธ์แท้
ออฟไลน์
กระทู้: 10,257
~>: แขกดอย :<~
|
|
« ตอบ #11 เมื่อ: วันที่ 04 พฤศจิกายน 2011, 10:42:44 » |
|
เข้ามาอัก เส้นสมองครับ
|
!!!!! กว่า ๑,๑๐๐ กม.จากยอดดอยสู่ทะเล...ตะวันออก !!!!! www.facebook.com/1100kilometer||||| ธรรมชาติสร้างอากาศบริสุทธิ์ ส่วนมนุษย์นั้นสร้างอาวุธเพื่อทำลาย |||||
|
|
|
|
|
rabbitNUENG
เตรียมอนุบาล
ออฟไลน์
กระทู้: 65
ของมันอยู่ตี้ไหน ก่อหื้อมันอยู้ตี้หั้น
|
|
« ตอบ #14 เมื่อ: วันที่ 05 พฤศจิกายน 2011, 00:00:54 » |
|
กำเด๋วรออ่านและรวบรวมข้อมูล แล้วจะเอามาเล่าหื้อฟังน้อคัฟ บางเรื่องก่อเปิดเผยบ่าได้ เพราะมันสั่นคลอนสถาบันเบื้องสูงของสยามกับล้านนา อันนี้ก่อบ่าพิมพ์ลงในนี้เน้อคัฟ
ขำใจ๋กำว่า "สถาบันเบื้องสูงของสยามกับล้านนา" น่อครับในสมัยก่อนเปิ้นจะว่า เจ้าลาว(ล้านนา) กะ เจ้าเมืองสยาม ตะก่อนเปิ้นบ่าค่อยเข้าใจกัน ผิดกันหมั่นอยุ่ครับทั้งเรื่องการเมือง วัฒนธรรม จารีต ธรรมเนียม มันเลยมีเล่าตี้บ่าค่อยดีเต่าใด กล่าวว่าจะเล่าไปมีจะกระทบกับสถาบันกษัตริย์ของเฮาบ่าเด๋วนี้ มันเป๋นเรื่องบ่าดี บ่าสมควรอู้ออกมา เขียนออกมา เข้าใจก่อคัฟ
|
เจ้นดิน เจ้นฟ้า เมืองเจียงแสน ฮ่มฟ้าเมืองเจียงฮาย
|
|
|
ALPHA1
เตรียมอนุบาล
ออฟไลน์
กระทู้: 55
|
|
« ตอบ #15 เมื่อ: วันที่ 05 พฤศจิกายน 2011, 00:03:52 » |
|
กำเด๋วรออ่านและรวบรวมข้อมูล แล้วจะเอามาเล่าหื้อฟังน้อคัฟ บางเรื่องก่อเปิดเผยบ่าได้ เพราะมันสั่นคลอนสถาบันเบื้องสูงของสยามกับล้านนา อันนี้ก่อบ่าพิมพ์ลงในนี้เน้อคัฟ
"ผมขอรออ่านตวยคนเน่อครับ"
|
"คุณภาพคู่คุณธรรม"
|
|
|
|
sper16
บุคคลทั่วไป
|
|
« ตอบ #17 เมื่อ: วันที่ 07 พฤศจิกายน 2011, 10:29:30 » |
|
อ่านแล้วรักประเทศไทย
|
|
|
|
|
|