ข้อปฏิบัติ 5 ประการเพื่อสุขภาพจิตที่ดีที่ผ่านมา เฮลท์ตี้ทอล์คเน้นถึงสุขภาพกายกันไปพอสมควรแล้ว ในฉบับนี้จะมาแนะนำสมาชิกLAทุกท่านถึงสุขภาพใจกันบ้าง เพราะการจะมีสุขภาพที่ดี ต้องมีสุขภาพจิตที่ดีด้วยเช่นกัน คนที่มีสุขภาพจิตดีคือ คนที่มีลักษณะกิริยาสง่างาม ร่าเริง บ่งบอก ลักษณะภายในว่ามีความสุข มีความเชื่อมั่นในตนเอง น่าเข้าใกล้ น่าเคารพ หากเข้าใกล้ก็จะรู้สึก ถึงกระแสแห่งความ เบิกบาน ใจฉบับนี้จึงจะขอคัดย่อคำสอนจาก พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก แห่งวัดสุนันทวนาราม กาญจนบุรี ถึงข้อปฏิบัติในการ ที่จะ มีสุขภาพจิตที่ดี ดังนี้
1. เจริญอานาปานสติอย่างน้อย 20 นาทีปกติเราต้องชำระร่างกายด้วยการอาบน้ำวันละ 1-2ครั้ง ถ้าไม่ได้อาบน้ำรู้สึกไม่สบายตัว จิตใจก็เหมือนกัน วันหนี่งกระทบ อารมณ์ที่ไม่พอใจ หดหู่ กลัว เศร้าหมอง ไม่สบายใจ ดังนั้นต้องชำระใจด้วย อานาปานสติ เมตตาภาวนา วันละ1-3ครั้ง ครั้งละประมาณ 20 นาทีให้เป็นกิจวัตรประจำวันไม่ให้ขาด ตั้งใจกำหนดอานาปานสติ หายใจเข้าลึกๆ หายใจออกยาวๆ ให้มีสติและสัมปชัญญะกับลมหายใจ ปล่อยวางอดีต ไม่ต้องคิดถึงเรื่องเก่าๆที่ผ่านมา ไม่ต้องคิดถึงอนาคตที่ยังมาไม่ถึง แม้แต่ตัวเรา ปล่อยวางความรู้สึก ความนึกคิดต่างๆ จิตของเรามีพลัง คิดอย่างไรก็อย่างนั้น ตั้งใจอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น
2. มีสัมมาวาจาเมื่อเราสำรวจชีวิตของเราตั้งแต่วัยเด็กจนถึงทุกวันนี้จะเห็นว่า "คำพูด"ของเราหลายๆครั้งที่สร้างปัญหา ทำให้แตกแยก ทำลายมิตรภาพ บางครั้งแม้เจตนาดี แต่คำพูดที่ดีของเราให้ผลออกมาเป็นร้ายก็มี ไม่เจตนาแต่เผลอพูด ไปเพียงไม่กี่คำทำให้ เขาเจ็บใจ ก็มี คำพูดจึงมีอิทธิพลต่อชีวิตของเราอย่างมาก เพราะฉะนั้นเราควรสำรวมระวัง ในคำพูดของตัวเองให้เป็น สัมมาวาจา คือเว้นจากการพูดไม่จริง เว้นจากการพูดส่อเสียด พูดคำหยาบ พูดเพ้อเจ้อ พยายามพูดไม่ให้เกิดโทษ ไม่เบียดเบียน ตนเองและผู้อื่นในแต่ละวันให้ทบทวนดูการกระท ำและคำพูดของเราที่ผ่านมา หากผิดพลาดก็ควรแก้ไข พูดดี พูดไพเราะ เป็นปิยวาจา ตั้งใจพูดสัมมาวาจาทุกเช้า ตั้งใจคอยติดตามสำรวจคำพูดของตัวเอง
3. พยายามแก้ไขตนเองเมื่อเราสังเกตดูจิตใจ ความคิดของตนเองแล้วจะเห็นว่าจิตใจของเราคิดแต่เรื่องของคนอื่นเป็นส่วนใหญ่ ว่าเขาดี เขาไม่ดี น่ารัก น่าชัง ฯลฯ คิดเรื่องคนอื่นมากกว่า 90% คิดเรื่องของตนน้อยกว่า 10% อยากจะให้คนอื่นละความชั่วที่ไม่ถูกใจเรา อยากจะให้คนอื่นทำความดีเพื่อให้ถูกใจเรา แต่จิตของเรากลับปล่อยให้ขุ่นมัว เศร้าหมอง เครียด ฟุ้งซ่าน "โทษคนอื่นเห็นเป็นภูเขา โทษของเรา แลไม่เห็นเท่าเส้นผม"
สนใจดูตนเองให้มากขึ้น ดูคนอื่นเพื่อประโยชน์ในการพัฒนาตนเอง เห็นตนเองในคนอื่นและเห็นคนอื่นในตนเอง เพราะไม่มาก ก็น้อย เราก็เหมือนๆกับคนอื่นเป็นการเจริญสติสัมปชัญญะ ทำให้มีเมตตา กรุณา ติเตียน ดูถูกคนอื่นน้อยลง ตำหนิติเตียนตน ด้วยสติปัญญา แก้ไขพัฒนาตนมากขึ้น เมื่อพบว่ามีข้อที่คิดว่าน่าแก้ไขให้ตั้งใจทุกวัน พยายามแก้ไขอยู่อย่างนั้น
ที่มา
www.la-bicycle.com