เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 25 เมษายน 2024, 09:14:30
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  เรื่องล้านนา ภาษากำเมือง
| | |-+  คำว่า พระเจ้า ในล้านนามีความหมาย ๓ ประการ คือ
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: [1] พิมพ์
ผู้เขียน คำว่า พระเจ้า ในล้านนามีความหมาย ๓ ประการ คือ  (อ่าน 1736 ครั้ง)
เด็กอินเตอร์
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,302


« เมื่อ: วันที่ 08 เมษายน 2010, 08:11:28 »

คำว่า พระเจ้า ในล้านนามีความหมาย ๓ ประการ คือ

•  หมายถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

•  หมายถึงกษัตริย์

•  หมายถึงพระพุทธรูป

ทั้งนี้ พระเจ้า ที่มีหมายความว่าพระพุทธเจ้านั้น มิได้เป็นวิสามัญนามหรือชื่อเฉพาะ แต่หมายถึงผู้ใดก็ได้ที่ตรัสรู้แล้วและโดยพระธรรมนั้นถือว่าเป็นผู้สูงส่งเหนือมนุษย์และเทวดาทั้งปวง พระเจ้า หรือ พระพุทธเจ้า มี ๒จำพวก คือปัจเจกพุทธะ ซึ่งพระปัจเจกพุทธะนั้น คือท่านที่ตรัสรู้แล้วแต่มิได้สอนผู้ใด ส่วนจำพวกพระสัมมาสัมพุทธะนั้น คือผู้ที่ตรัสรู้แล้วก็ได้สอนธรรมวิเศษแก่คนทั่วไป พระปัจเจกพุทธะนั้นต้องบำเพ็ญบารมีถึงหมื่นมหากัปกับสี่แปด หรือสิบหกอสงไขย แล้วแต่กรณี และตามธรรมเนียมล้านนานั้นจะใช้พระเจ้ากับจำพวกสัพพัญญูพุทธะ และกลุ่มปัจเจกพุทธเจ้านั้นก็เรียกอย่างชัดเจนว่า พระปัจเจกพุทธเจ้า
โดยทั่วไปแล้วพระคัมภีร์ฝ่ายบาลีโดยพระไตรปิฎกหมวดทีฆนิกาย เป็นต้น ยกเว้น หมวดขุททกนิกายกล่าวถึงพระพุทธเจ้า โดยระบุพระนามเพียง ๗ พระองค์คือพระวิปัสสี พระสิขี พระเวสสภู พระกกุสันธะ พระโกนาคมนะ พระกัสสปะและพระโคตรมะ ส่วนพระไตรปิฎกหมวดขุททกนิกายระบุพระนามพระพุทธเจ้าที่ประทานการพยากรณ์สิทธัตถธัตถโพธิสัตว์จำนวน ๒๓ องค์ มีพระทีปังกร เป็นต้น จนถึงพระกัสสปะเป็นที่สุด รวมทั้งพระพุทธเจ้าโคดมด้วยเป็น ๒๔ องค์ นอกจากนั้นยังระบุพระพุทธเจ้าก่อนพระทีปังกรอีก ๓ องค์ คือ ตัณหังกร มธังกร และสรณังกร ในตอนท้ายยังกล่าวถึงพระอริยเมตไตรยไว้ ๑ คาถาเท่านั้น
 
คัมภีร์พุทธศาสนาในล้านนา นอกจากจะกล่าวถึงพระพุทธเจ้าจำนวนดังกล่าวแล้ว ยังกล่าวถึงพระพุทธเจ้าองค์อื่นๆอีกโดยเฉพาะเมื่อกล่าวถึงกล่าวถึงการบำเพ็ญบารมีของพระโพธิสัตว์โคดม ก่อนที่จะได้รับพยากรณ์จากพระทีปังกร พระอดีตพระพุทธเจ้า ทั้งหลายที่เกี่ยวกับพระโคตมพระพุทะเจ้า และเกี่ยวกับอนาคตพุทะ ตามที่คัมภีร์กล่าวถึงมีดังนี้

•  อดีตพุทธะที่เกี่ยวข้องกับพระโคตมพุทธเจ้า โดยเฉพาะเมื่อพระองค์ทรงมีพระทัยปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตเป็นพระพุทธเจ้า เป็นพระพุทธเจ้าที่ปรากฏพาหิรนิทาน คือ

•  พระโปราณทีปังกรพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าองค์นี้ทรงบำเพ็ญบารมีมาเป็นเวลาถึง ๑๖อสงไขยปลายแสนมหากัปทรงอุบัติในสารกัปป์ พระองค์ประสูติในขัตติยสกุล เมืองจัมปาวดี ทรงครองชีวิตฆราวาสเป็นเวลานานถึง ๑๐ , ๐๐๐ ปี เมื่อทอดพระเนตรเทวทูตทั้ง ๔ ทรงเกิดสังเวชจึงเสด็จออกผนวชและทรงใช้เวลาในการบำเพ็ญเพียรเพียง ๗ วัน ก็ตรัสรู้พระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ ในกาลนั้นพระทีปังกรพุทธเจ้ายังเสวยชาติเป็นโพธิสัตว์ ได้อุปสมบทในศาสนาของพระพุทธเจ้าองค์นั้นมีนามว่า ทีปังกรภิกษุ

ครั้งนั้นสิทธัตถโพธิสัตว์ได้เกิดเป็นราชธิดา นามว่าวิสุทธาเทวี ซึ่งทรงเป็นกนิษฐภคินีของพระโปราณทีปังกรพุทธเจ้า พระนางได้ทรงขวนขวายหาน้ำมันจากเมล็ดผักกาด แล้วถวายแด่ทีปังกรภิกษุเพื่อให้นำไปจุดบูชาพระพุทธ พร้อมกันนั้นนางก็ตั้งมโนปณิธานเพื่อขอเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตองค์หนึ่งด้วย เมื่อพระโปราณทีทีปังกรได้พยากรณ์ทีปังกรภิกษุก็ตรัสว่านางจักได้เป็นพระพุทธ แต่พระองค์ไม่ทรงอาจทำนายนางได้ ตรัสว่าทีปังกรภิกษุนั้นแหละเมื่อตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าจักเป็นผู้ทำนายพระนาง ซึ่งในชาตินั้นนางเสวยชาติเป็นพราหมณ์ชื่อสุเมธ

๑ .๒ พระพรมเทวพุทธเจ้า หลังจากนั้นผ่านไปหลายกัปป์ พระพุทธเจ้าเจ้าทรงพระนามว่า พรมเทวะ จักทรงอุบัติขึ้นมาในโลกกัปที่ทรงอุบัตินั้น คือสารกัปป์ พระอดีตพระพุทธเจ้าองค์นี้ในครั้งนั้น สิทธัตถธิโพธิสัตว์หลังจากที่นางวิสุทธเทวีได้ ถวายน้ำมันจากเมล็ดผักกาดบูชาพระโปราณทีปังกรแล้ว ก็เสวยสุขในสวรรค์ ตายแล้วเกิด เกิดแล้วตาย เป็นเวลาหลายแสนกัปชาติ จึงได้มาเกิดในขัตติยสกุลในกรัณฑนคร ทรงนามว่าอติเทวราช ครั้นพระบิดาสวรรคตแล้วก็ได้เสวยเมืองแทนในเวลาต่อมา ส่วนพระพรมเทวพุทธเจ้า หลังจากที่ทรงตรัสรู้แล้วก็ได้เสด็จไปยังที่ต่างๆเพื่อสั่งสอนมหาชน ตราบจนกระทั่งพระองค์เสด็จมาถึงกรัณฑนคร คราวนั้นพญาอติเทวราชได้ทอดพระเนตรแสงสว่างแห่งฉัพพรรณรังสี ของพระพุทธเจ้าที่ส่องประกายมาทางพระบัญชร พระองค์ไม่ทรงทราบว่าเป็นแสงอะไร จนถึงกับทรงปรารถจะเสด็จหนีไป แต่อาศัยมหาอมาตย์ชื่อศิริคุต ซึ่งก็ได้แก่พระอนาคตพุทธพระนามว่า อริเมตไตรย ผู้ทรงเป็นพระโพธิสัตว์พระชาติในครั้งนั้น มหาอมาตย์ คนนี้รู้จักว่าคือ พระพุทธเจ้า เพราะเคยพบเห็นพระพุทธเจ้ามาก่อนพญาหลายร้อยชาติ จึงได้กราบทูลความจริงให้ทรงทราบ ขณะเดียวกันก็โถนาคูณพระพุทธเจ้าโดยประกอบต่างๆ ทำให้พระองค์ทรงปิติโสมนัสมาก จนทรงลืมพระองค์พลัดตกออกทางช่องสีหบัญชร แต่ด้วยอานิสงส์แห่งพระศรัทธาของพระองค์ดอกปทุม มีขนาดเท่ากงจักรก็เกิดขึ้นมารับพระองค์ไว้ เสด็จเดินออกไปเฝ้าพระพุทธเจ้า ถวายการบูชาแด่พระองค์ด้วยดอกปทุม เป็นต้น พร้อมกับทรงตั้งปณิธานเพื่อพระพุทธเจ้าพระองค์ในอนาคต

๑ .๓ พระโปราณศากยมุนีพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าองค์นี้ทรงอุบัติในโลกในสารกัปป์ พระองค์ทรงประสูติในขัตติยสกุล ทรงครองเพศฆราวาสเป็นเวลานานถึง ๕ , ๐๐๐ ปี เมื่อทอดพระเนตรเทวทูตทั้ง ๔ ทรงเกิดสังเวชในพระทัยจึงเสด็จออกผนวช และทรงบำเพ็ญเพียรอยู่ ๑ เดือนก็ได้ตรัสรู้พระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ

คราวนั้นสิทธัตถโพธิสัตว์ หลังจากที่ได้ทรงตั้งมโนปณิธานเพื่อเป็นอนาคตพุทธองค์หนึ่งในสำนักพระพรหมเทวพุทธเจ้าแล้ว ก็ได้ทรงเวียนว่ายอยู่ในสังสารวัฏเป็นเวลาหลายแสนกัปพระองค์ก็ทรงได้ประสูติเป็นพระจักรพรรดิราชในเมืองธัญญวดี ทรงพระนามว่าสาครจักรพรรดิราช พระองค์เป็นพระเจ้าจักรพรรดิราช ผู้ทรงมีรัตนะ ๗ ประการ และทรงไว้ซึ่งทศพิธราชธรรมอยู่มาครั้งหนึ่ง จักรรัตนของพระองค์ก็เกิดหวั่นไหวในครั้งที่พระโปราณศากยมุนีทรงแสดงธัมมจักกัปปวัตนสูตร เมื่อทรงทราบเหตุนั้น องค์สาครจักรพรรดิราชประสงค์จะทราบสาเหตุจึงโปรดให้เรียกพราหมณาจารย์มาทำนาย พวกเขาพากันทำนายว่าสาเหตุที่เป็นดังนั้น เพราะพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงปฐมเทศนา ขณะเดียวกันพวกเขาซึ่งทราบสาเหตุก็พากันพร่ำพรรณนาพุทธคุณถวายพระองค์ด้วยนัยหลายประการ จนพระองค์ทรงมีพระปิติโสมนัสมาก ตรัสให้พวกเขาพร่ำพรรณนาแล้วพร่ำพรรณนาอีกถึง ๓ ครั้งจึงตรัสถามถึงที่ประทับของพระพุทธเจ้า พราหมณ์เหล่านั้นนุ่งห่มผ้าเฉวียงบ่าไปทางมิคจิรอุทยาน ถวายบังคมด้วยเบญจางคประดิษฐ์ไปทางทิศนั้น แล้วจึงกราบทูลว่าพระองค์ทรงประทับที่อุทยานดังกล่าวแล้ว เมื่อทรงทราบ พระองค์จึงทรงตระเตรียมเครื่องถวายสักการะพุทธองค์ ครั้นเสร็จแล้วจึงเสด็จออกไปเฝ้าพระพุทธเจ้าพร้อมเหล่าเสนาโยธาทั้งหลายทั้งปวง ณ ที่มิคจิรอุทยานเมื่อเสด็จถึงพระราชอุทยานแล้วได้ทอดพระเนตรพระสิริโฉม ที่ประกอบด้วยทวัตติงสาการ และอสีตยานุพนัญชนะ ประทับนั่งบนพุทธาอาสน์ โดยมีพระฉัพพรรณรังสีแผ่ซ่านทั่วไปพระองค์ทรงมีปิติมากนัก ถึงกับเผยพระโอษฐ์ปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าองค์หนึ่งในอนาคต หลังจากนั้นจึงทรงกระทำประทักษิณพุทธองค์ ๓ รอบแล้วเสด็จกลับไปยังปราสาท วันต่อมาโปรดให้ราชบุรุษไปขนเอาต้นจันทร์มาสร้างอารามเป็นที่ประทับของพุทธองค์

วันรุ่งขึ้นจึงเสด็จไปเฝ้าพระพุทธเจ้า พร้อมกับเหล่าเสนาอมาตย์ เมื่อเสด็จถึงแล้วก็ถวายนมัสการ ด้วยเบญจางคประดิษฐ์ยกมือขึ้นเหนือพระเศียรถวายนมัสการพุทธองค์ พร้อมกับเปล่งพระโอษฐ์ถวายปราสาทให้เป็นอารามพระพุทธองค์พร้อมกับเหล่าพระสงฆ์ และทูลถวายอาหารบิณฑบาต พร้อมกับทรงเปล่งวาจาปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้า มีพระนามว่าศากยมุนีในอนาคตกาล

พระโปราณศากยมุนีไม่ทรงประทานคำพยากรณ์แก่พระเจ้าสาครจักรพรรดิราช โดยตรง แต่ตรัสให้ทรงตระหนักว่าการเป็นพระพุทธเจ้านั้นเป็นสิ่งที่ทำได้ยากยิ่ง ขึ้นอยู่กับแรงวิริยะอุสาหะของแต่ละบุคคล พระองค์แสดงเปรียบเทียบด้วยอุปมาเป็นต้นว่า แม้การย่ำถ่านไฟแดงที่ลาดทั่วจักรวาลก็ไม่ยากเท่าการสะสมพุทธการกธรรม หรือบารมีเพื่อตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระตรัสแนวทางการบำเพ็ญตนเพื่อเป็นพระพุทธเจ้า โดยทรงเน้นให้พระองค์ยึดในทศบารมี และปัญจมหาบริจาค ๕ ประการ และต้องประพฤติโดยสืบต่อกันไม่ขาดสาย พระสาครจักรพรรดิราชดับพุทธดำรัสนั้นแล้วก็ทรงปิติมากนัก ถึงกับทรงสละราชสมบัติออกผนวชเป็นภิกษุในศาสนาของพระโปราณศากยมุนีพุทธเจ้า

๒ . อดีตพุทธเจ้าไม่เกี่ยวข้องกับพระโคตมพุทธเจ้าโดยตรง หากเกี่ยวข้องกับอนาคตพุทธ ซึ่งพระพุทธเจ้าไม่มีพระนามปรากฎในคัมภีร์ฝ่ายบาลี ไม่ว่าจะเป็นในพระไตรปิฎกโดยตรง หรือแม้แต่ในอัฏฐกถา จะปรากฎในคัมภีร์รุ่นหลังเช่น โสตัตถกี หรือทสโพธิสัตตุปปัตตินิทเทส อดีตพุทธเจ้าเหล่านี้มีดังนี้
๒ .๑ พระพุทธเจ้าสิริมัตตะ พระพุทธเจ้าองค์นี้ปรากฎในคัมภีร์อนาคตวงส์ สำนวนล้านนา และบาลีทสโพธิสัตตุปปัตตินิทเทส เรื่องเล่าเพียงว่า พระองค์ทรงอุบัติร่วมกับเมตเตยยโพธิสัตว์ เมื่อครั้งเสวยชาติเป็นพระเจ้าจักรพรรดิราชทรงพระนามว่าสังขะ ในหลายเเสนกัปป์ที่ล่วงมาแล้ว พระองค์ทรงประทับอยู่บุพพาราม ทรงรับศรีษะทานที่สังขจักรพรรดิราชผู้ซึ่งสดับพระธรรมเกี่ยวกับนิพพาน ตัดถวายบูชาเพื่อทรงปรารถนาเป้นอนาคตพุทธองค์หนึ่ง

๒ . ๒ พระพุทธเจ้าราม พระพุทธเจ้าพระองค์นี้ไม่ปรากฏรายละเอียด เกี่ยวกับพระองค์เลย ในคัมภีร์อนาคตวงส์ สำนวนล้านนากล่าวเพียงว่า พระอนาคตองค์ที่ ๒ คือพระอุตตรราม ทรงเคยได้คำพยากรณ์จากสำนักของพระองค์ เมื่อครั้งเสวยชาติเป็นนารทมาณพซึ่งเกิดศรัทธาในพระกัสสปะมาก และมีความปรารถนาอยากเป็นพระพุทธเจ้าเหมือนพระองค์จึงตรัสสินใจยอมเผาตัวเอง หรืออัตตทานบริจาค ถวายเป็นพุทธบูชาแด่พระกัสสปะพุทธเจ้า

๒ . ๓ พระพุทธเจ้าธัมมสามี อดีตพระพุทธเจ้าองค์นี้ปรากฎในอนาคตวงส์ สำนวนล้านนา เป็นองค์ที่ประทานคำพยากรณ์แด่พระอนาคตพุทธองค์ที่ ๔ คือ พระธัมมสามี ซึ่งอภิภูเทวราช หรือพระยามารในสมัยพระพุทธเจ้าโคตมะนั่นเอง

๒ .๔ พระพุทธเจ้านรสีหะ อดีตพุทธองค์นี้ปรากฎในอนาคตวงส์ สำนวนล้านนาเป็นองค์ที่ประทานคำพยากรณ์แก่พระอนาคตพุทธองค์ที่มีนามว่านรสีหะ เช่นกัน ซึ่งในสมัยโคตมะพุทธเจ้า อนาคตพุทธองค์นี้ก็คือโตเทยยพราหมณ์นั่นเอง

เท่าที่กล่าวมาแล้วทั้งหมดนี้สรุปได้ว่าคัมภีร์ที่ปรากฎอาณาจักรล้านนานั้น มีจำนวนพระอดีตพุทธมากถึง ๓๔ องค์ คัมภีร์บาลีโดยทั่วไปนอกจากที่จะกล่าวรวมว่า “ อดีต จ สม . พุทธา ” ( และพระพุทธเจ้าทั้งหลายที่ล่วงมาแล้ว ) คือยอมรับว่าอดีตพุทธะนั้นมีจำนวนมาก แต่ระบุพระนามไว้เพียง ๒๗ องค์ เท่านั้น มีพระตัณหังกร ตราบจนถึงพระกัสสปะ ตามที่กล่าวไว้ข้างต้น แต่ในคัมภีร์ล้านนาได้กล่าวพระนามอดีตพุทธะเพิ่มอีกถึง ๗ องค์

นอกจากระบุพระนามของอดีตพุทธะดังกล่าวแล้วคัมภีร์ที่ปรากฎในล้านนายังระบุ จำนวนอดีตพระพุทธเจ้าไว้อีกเป็นจำนวนหลายแสนองค์ โดยสัมพันธ์กับกัปป์และอสงไขย

พระเจ้าในอนาคตหรือที่จะมาตรัสรู้จในจักรรวาลนี้ต่อไปนั้นกล่าวไว้ในอนาคตวังสะของล้านนาว่าพระพุทธเจ้าดังกล่าว ได้รับลัทธิพยากรณ์หรือคำทำนายในสำนัก ของพระโคตมะพุทธเจ้าแล้วจำนวน ๑๐ พระองค์ และมีรายละเอียดไว้ด้วย คือ

๑ . พระศรีอริยเมตเตยพุทธเจ้าหรือพระศรีอาริย์ พระวรกายสูง ๘๐ ศอก มีพระชนมายุ ๘๐ , ๐๐๐ ปี

๒ . พระธัมมรามพุทธเจ้า พระวรกายสูง ๖๐ ศอก มีพระชนมายุ ๙๐ , ๐๐๐ ปี

๓ . พระธัมมราชพุทธเจ้า พระวรกายสูง ๘๐ ศอก มีพระชนมายุ ๕๐ , ๐๐๐ ปี

๔ . พระธัมสามีพุทธเจ้า พระวรกายสูง ๘๐ ศอก มีพระชนมายุ ๑๐๐ , ๐๐๐ ปี

๕ . พระนารทพุทธเจ้า พระวรกายสูง ๑๒๐ ศอก มีพระชนมายุ ๑๐ , ๐๐๐ ปี

๖ . พระรังสิมุนีพุทธเจ้า พระวรกายสูง ๒๐ ศอก มีพระชนมายุ ๕ , ๐๐๐ ปี

๗ . พระเทวาเทวพุทธเจ้า พระวรกายสูง ๒๐ ศอก มีพระชนมายุ ๘๐ , ๐๐๐ ปี

๘ . พระนรสีหพุทธเจ้า พระวรกายสูง ๒๐ ศอก มีพระชนมายุ ๘๐ , ๐๐๐ ปี

๙ . พระติสสพุทธเจ้า พระวรกายสูง ๒๐ ศอก มีพระชนมายุ ๘๐ , ๐๐๐ ปี

๑๐ . พระสุมังคลพุทธเจ้า พระวรกายสูง ๒๐ ศอก มีพระชนมายุ ๑๐๐ , ๐๐๐ ปี

พระ อนาคตพุทธะทั้ง ๑๐ องค์ ต่างก็ทรงมีโพธิพฤกษ์ในโลกทั้งในอดีต ปัจจุบัน และที่จักอุบัติในอนาคตคัมภีร์ล้านนาได้กล่าวถึงโพธิพฤกาที่เป็นที่นั่ง ประทับพิจารณาสภาวธรรมทั้งหลายก่อนตรัสรู้ไว้ด้วย

๑ . พระศรีอริยเมตเตยพุทธเจ้าหรือพระศรีอาริย์ ต้นนาวกาน ๒ . พระธัมมรามพุทธเจ้า ( ไม่ปรากฎ )

๓ . พระธัมมราชพุทธเจ้า ต้นบุนนาค หรือต้นนาวกาน ๔ . พระธัมสามีพุทธเจ้า ต้นรัง ( ไม้เพลา อ่าน “ ไม้เปา ”)

๕ . พระนารทพุทธเจ้า ตันจันทร์ ๖ . พระรังสิมุนีพุทธเจ้า ต้นปาเลียบ ( ต้นไรลิ้นหมา )

๗ . พระเทวาเทวพุทธเจ้า ต้นจัมปา ๘ . พระนรสีหพุทธเจ้า ต้นแคฝอย

๙ . พระติสสพุทธเจ้า ต้นรัง ( นิโครธ ) ๑๐ . พระสุมังคลพุทธเจ้า ต้นบุนนาค หรือต้นนาวกาน

ที่มา http://www.dvthai2.com/Buddha6_story.htm
IP : บันทึกการเข้า

คำเตือน : ระวังตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ โปรดตรวจสอบประวัติผู้ขายและสินค้า ก่อนโอนเงิน
ap.41
ตอบแทนคุณแผ่นดิน
ผู้ดูแลบอร์ด
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 19,008


ไม่มีเทพไม่มีโปร..มีแต่เราที่จะก้าวไปพร้อมกัน...


« ตอบ #1 เมื่อ: วันที่ 08 เมษายน 2010, 08:17:03 »

ขอบคุณครับเป็นประโยชน์มากเลยครับ
IP : บันทึกการเข้า

เชียงรายพันธุ์แท้
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,024



« ตอบ #2 เมื่อ: วันที่ 08 เมษายน 2010, 23:32:57 »

พระเจ้า
พระเจ้าเก้าตื้อ พระเจ้าตนหลวง
พระเจ้าติโลกราช

อืมๆ
IP : บันทึกการเข้า
หน้า: [1] พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!