|
conscious
บุคคลทั่วไป
|
|
« ตอบ #1 เมื่อ: วันที่ 02 สิงหาคม 2011, 12:32:31 » |
|
- ความเห็นส่วนตัวนะครับ ถ้าพิมพ์รูปภาพ ผมชอบ Epson ครับ ภาพออกมายอดเยี่ยมจนเกือบจะเหมือนภาพถ่ายจริงๆ เลย (ถ้าใช้ Glossy Paper) แต่ราคาเครื่อง+ราคาหมึก ก็ใช่ย่อย
ถ้าพิมพ์งานเยอะๆ และรู้สึกว่าจะประหยัด ผมชอบ Canon ครับ หมึกถูก พิมพ์งานได้เยอะ คุ้มค่าจริงๆ
ส่วนยี่ห้อไหนดีที่สุด ไม่รู้ว่าจะตอบยังไงครับ รอความเห็นท่านต่อไปดีกว่า อิอิ
|
|
|
|
|
conscious
บุคคลทั่วไป
|
|
« ตอบ #3 เมื่อ: วันที่ 02 สิงหาคม 2011, 12:35:50 » |
|
ถูก ประหยัด คมชัด ฟอนท์เล็กๆไม่มีแตก ติดแทงค์แล้วสีก็ยังชัดอยู่ brother เลยค่ะ
- พวกเครื่องปริ๊นท์ตระกูล All in one ถ้า Function หนึ่ง Function ใดเสีย มันจะโยงไปกันหมดมั้ยครับเนี่ย?
|
|
|
|
|
conscious
บุคคลทั่วไป
|
|
« ตอบ #5 เมื่อ: วันที่ 02 สิงหาคม 2011, 15:06:07 » |
|
- ความเห็นส่วนตัวนะครับ ถ้าพิมพ์รูปภาพ ผมชอบ Epson ครับ ภาพออกมายอดเยี่ยมจนเกือบจะเหมือนภาพถ่ายจริงๆ เลย (ถ้าใช้ Glossy Paper) แต่ราคาเครื่อง+ราคาหมึก ก็ใช่ย่อย
ผมก็ชอบ Epson ครับ เพราะหัวพิมพ์กับตลับหมึกมันแยกกัน เดี๋ยวนี้หมึกถูกลงมากแล้วสำหรับ Epson เหลือ 200 กว่า/สี แต่ถ้าติดอิ้งแท้งไม่แนะนำทุกยี้ห้อครับ เพราะเจ้าของเครื่องทำโปรแกรมกันไว้แล้ว เช่น Canon ถ้าไฟส้มเขียวกระพิบพร้อมกันจบข่าวทันที ถ้าปริ้นงานพวกเอกสารแนะนำ เลเซอร์ Samsung ถ้าปริ้นภาพ แนะนำ Epson เหมาะสมที่สุดครับ... - ผู้เชี่ยวชาญด้านงานภาพตัวจริงมาแระ อิอิ ได้ข่าวว่าบางวันสิงอยู่ในห้อง Lab ทั้งวัน จริงหรือไม่ครับคุณเต
|
|
|
|
เบียร์นุ่ม><”
Be used to Discouragement. But is never recede.
ระดับ ป.ตรี
ออฟไลน์
กระทู้: 1,943
|
|
« ตอบ #6 เมื่อ: วันที่ 02 สิงหาคม 2011, 19:28:05 » |
|
- ความเห็นส่วนตัวนะครับ ถ้าพิมพ์รูปภาพ ผมชอบ Epson ครับ ภาพออกมายอดเยี่ยมจนเกือบจะเหมือนภาพถ่ายจริงๆ เลย (ถ้าใช้ Glossy Paper) แต่ราคาเครื่อง+ราคาหมึก ก็ใช่ย่อย
ผมก็ชอบ Epson ครับ เพราะหัวพิมพ์กับตลับหมึกมันแยกกัน เดี๋ยวนี้หมึกถูกลงมากแล้วสำหรับ Epson เหลือ 200 กว่า/สี แต่ถ้าติดอิ้งแท้งไม่แนะนำทุกยี้ห้อครับ เพราะเจ้าของเครื่องทำโปรแกรมกันไว้แล้ว เช่น Canon ถ้าไฟส้มเขียวกระพิบพร้อมกันจบข่าวทันที ถ้าปริ้นงานพวกเอกสารแนะนำ เลเซอร์ Samsung ถ้าปริ้นภาพ แนะนำ Epson เหมาะสมที่สุดครับ... - ผู้เชี่ยวชาญด้านงานภาพตัวจริงมาแระ อิอิ ได้ข่าวว่าบางวันสิงอยู่ในห้อง Lab ทั้งวัน จริงหรือไม่ครับคุณเต epson ครับปริ้นภาพสวย
|
บธ.บ ท่องเที่ยว Line : beernoomm
|
|
|
|
|
|
|
|
|
น้าวัยทองฯ
แฟนพันธ์แท้
ออฟไลน์
กระทู้: 10,912
|
|
« ตอบ #13 เมื่อ: วันที่ 03 สิงหาคม 2011, 19:06:32 » |
|
Epson เป็นยี่ห้อดังยี่ห้อแรกที่ติดแท้งค์มาจากโรงงาน พร้อมการรับประกันอย่างสมบูรณ์ ประหยัดมาก พร้อมกับคุณภาพงานพิมพ์ 100% ถูกใจ คุ้มค่า Epson ติดแท้งค์จากโรงงาน เครื่องพิมพ์เอปสัน เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ของบริษัท Seiko Epson Corporation จากประเทศญี่ปุ่น http://global.epson.com มีประวัติอันยาวนาน ก่อตั้งใน ปี ค.ศ.1942 เป็นบริษัทที่ผลิตอุปกรณืหลายอย่างอาทิเช่น คอมพิวเตอร์, เครื่องพิมพ์, สแกนเนอร์, โปรเจ็คเตอร์, เลนส์, นาฬิกา, หุ่นยนต์, เครื่องมืออัตโนมัติสำหรับโรงงานผลิต, โรงงานผลิตสารกึ่งตัวนำ, จอภาพ, เครื่องเก็บเงิน, เป็นต้น อันคำว่า Epson นั้นมีคำแปลก็คือ E คือ Electronic และ P ก็คือ Printer คำว่า SON ก็แปลว่า ลูกชาย รวมความแล้วก็คือ “ลูกชายของเครื่องพิมพ์อิเล็คทรอนิกส์” เครื่องพิมพ์ EPSON เครื่องแรก็คือ รุ่น EP-101 ซึ่งผลิตออกมาในปี ค.ศ.1968 การพัฒนาเครื่องพิมพ์ของเอปสันก็มีต่อเนื่องมาจนถึงปี ค.ศ.1978 ก็ได้ผลิตเครื่องพิมพ์แบบเข็มกระแทก Dot Matrix ขนาด 80 คอลัมน์ รุ่นแรกคือรุ่น TX-80 ถัดมาก็ผลิตรุ่น MX-80 ในเดือนตุลาคม 1980 ขายดีมากในประเทศสหรัฐอเมริกา โดยที่เครื่องพิมพ์แบบ Dot Matrix นี้ Epson ขายดีเป็นอันดับหนึ่งมาตลอด ด้วยการพัฒนาแบบเปลี่ยนรุ่นใหม่เรื่อยๆตลอดมาจนกระทั่งทุกวันนี้จะเห็นเครื่องพิมพ์ Dot Matrix แบบ 24 เข็ม รุ่นที่ดังที่สุดก็เห็นจะมีรุ่น LQ-800, LQ-1000, LQ-1170 มีทั้งแคร่สั้นแคร่ยาวใช้งานกันสำหรับสำนักงาน หรือ หน่วยราชการที่ต้องใช้กระดาษต่อเนื่องพิมพ์ก็ยังเห็นมีใช้อยู่ด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อยมาก เพราะนอกจากความสิ้นเปลืองของกระดาษแล้วก็จะมีเพียงผ้าหมึกพิมพ์ซึ่งราคาไม่แพง หากจะคิดต่อแผ่นแล้ว คิดอย่างไรก็ราคาถูก แต่พิมพ์ได้เพียงสีดำสีเดียวเท่านั้น รุ่นปัจจุบันก็คือ LQ-300, 590, 2090, 2190 เป็นต้น ด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนไปเครื่องพิมพ์รุ่นใหม่ที่ใช้หมึกอิ้งค์เจ็ทก็เข้ามาแทนที่ด้วยคุณสมบัติในการพิมพ์ได้หลายสี พิมพ์ได้แม้แต่ลายเส้นที่เล็กมาก บางมาก ไปจนกระทั่งพิมพ์ภาพใหญ่แค่ไหนก็ได้ แต่ต้องเลือกให้ถูกรุ่น เอปสัน เองก็เป็นผู้คิดค้นประดิษฐ์หัวพิมพ์แบบ Piezo Electric รายแรก เป็นลิขสิทธิ์ของเอปสันเอง ชื่อรุ่น ชนิดของเครื่องพิมพ์ Epson รุ่น Stylus ในปี ค.ศ.1993 และในปีถัดมาก็ได้ออกเครื่องพิมพ์ อิ้งค์เจ็ทที่ความละเอียด 720x720dpi ความละเอียดของภาพนั้นก็มากขึ้นเรื่อยๆเดี๋ยวนี้ละเอียดมาถึง 5790dpi แล้ว และในยุคต้นนั่นแหละที่ เอปสัน เริ่มแนะนำหมึก DURABrite ink ซึ่งเป็นหมึกคุณภาพดีของเอปสันที่ให้สีที่เหมือนจริงที่สุดในตลาดรายหนึ่งด้วย ก็เป็นที่ยอมรับของผู้ใช้ทั่วไปว่า หากต้องการพิมพ์รูปถ่าย หรือ ภาพถ่ายใดๆก็ตาม หากใช้เครื่องพิมพ์ เอปสัน ใช้หมึกเอปสัน และ ใช้กระดาษของเอปสันแล้ว รูปถ่ายนั้นจะชัด ชัดมาก สีไม่เพี้ยน ภาพจะมีความคงทนนับเป็น 100-150 ปีไปโน่นเลย ปัญหาที่เกิดขึ้นกับผู้ใช้เครื่องพิมพ์แบบอิ้งค์เจ็ทนั้นไม่มีอะไรมากไปกว่า ค่าใช้จ่ายของหมึกพิมพ์ที่จะต้องเปลี่ยนเมื่อหมึกในตลับหมดไป ก็ต้องไปซื้อตลับใหม่มาเปลี่ยน ปัญหาที่เกิดก็คือราคาตลับหมึกนั้นไม่ค่อยสมดุลกับรายรับของผู้ใช้ จะพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือราคาหมึกนั้นถูกตั้งราคามาจากบริษัทแม่ในประเทศญี่ปุ่น อาจจะตั้งราคาขายส่ง Export ไปเมืองนอก ก็คือมายังบ้านเรา หรือ ไปยังประเทศต่างๆทั่วโลกก็จะใช้ว่าตลับหนึ่งกี่ดอลล่าร์ ทีนี้เมื่อส่งไปขายที่อเมริกา ดูเหมือนว่าเมื่อคิดเป็นเงินดอลล่าร์ก็จะไม่กี่เหรียญ แต่พอมาถึงบ้านเราคูณด้วย 35 บาท ก็จะอุทานว่า โอ้โฮ ทำไมราคาตลับหมึกแค่นี้เองทำไมราคจึงแพงหูฉี่ปานนั้น เรื่องนี้เป็นปัญหาโลกแตก บริษัทที่อยู่เมืองไทยก็พยามจัดโปรโมชั่น ลดแลก แจก แถม ไปจนกระทั่งออกรุ่นตลับหมึกรุ่นพิเศษมาจำหน่ายราคา ตลับละ 320 บาท เพื่อแบ่งเบา บรรเทาปัญหา ราคาหมึกแพง ก็ยังไม่ช่วยอะไรมากนัก เพราะเมื่อราคาหมึกถูกย่อมจะมีจำนวนปริมาณน้ำหมึกในตลับน้อยเป็นธรรมดา ผู้ใช้ทั่วไปก็จะต้องหาทางออก บ้างก็จะถูกชักชวนให้เติมหมึก ตรงนี้คือจุดอ่อน เพราะหมึกทุกยี่ห้อคุณสมบัติของหมึกไม่เหมือนกัน คนที่รู้เรื่องนี้ดีมีไม่มาก คนที่รู้น้อยชอบลองของมีมากกว่าก็จะเจอปัญหา หัวพิมพ์อุดตัน เครื่องก็รวน พอยกไปที่บริษัทก็จะถูกปฏิเสธการให้บริการ เพราะมีระบุในบัตรรับประกันว่าเติมหมึกจะขาดอายุการรับประกันทันที ทั้งนี้ก็จะรวมไปถึงเครื่องพิมพ์ที่นำไปติดแท้งค์ก็จะเจอปัญหาเดียวกัน แล้วก็จบอย่างเดียวกันก็คือการหมดประกัน ถ้าซ่อมจะต้องเสียเงินค่าซ่อมแพงมาก ถ้าตัดสินใจไม่ซ่อมเครื่องพิมพ์เครื่องนี้ก็มีทางเดียวก็คือโยนทิ้ง ซึ่งก็น่าเสียดายมากหากต้องเจอเหตุการณ์แบบนี้ เอปสันเองตระหนักถึงปัญหานี้มานานหลายปีในที่สุดก็ออกเครื่องพิมพ์อิ้งค์เจ็ทออกมา 2 รุ่น ติดแท้งค์มาจากโรงงานให้เรียบร้อยเลย ระบบอิ้งค์แท้งค์นี้มีชื่อเรียกว่า CISS(Continuous Ink Supply System) ก็นับเอปสันเป็นโรงงานผลิตเครื่องพิมพ์ชั้นนำรายแรกของโลกที่ตัดสินใจติดแท้งค์สนองความต้องการของผู้บริโภค และ เอปสันรุ่นแรก ที่ติดแท้งค์ก็คือรุ่น L100 เป็นเครื่องพิมพ์อย่างเดียว ส่วนรุ่น L200 ก็จะเป็นเครื่องพิมพ์เอนกประสงค์แบบ All-in-One ทั้งพิมพ์(Print) ทั้งสะแกน (Scan) และ ถ่ายเอกสาร(Copy) ในเครื่องเดียวกัน ทั้ง 2 รุ่นนี้สิ่งที่เหมือนกันก็คือ ความละเอียดสูงสุดที่ 5760x1440dpi, ปริมาณหยดหมึกขนาด 4pl, ความเร็วในการพิมพ์สีดำประมาณ 27 หน้าต่อนาที(ร่าง), แบบสีประมาณ 15 หน้าต่อนาที(ร่าง)ภาพถ่าย 4x6นิ้วประมาณ 66 วินาทีต่อภาพ, ต่อเชื่อมกับคอมพิวเตอร์ผ่าน USB Port, มี Buffer ขนาด 32KB, ใช้ได้กับ Windows, หมึก 4 ตลับ ดำ-น้ำเงิน-แดง-เหลือง ส่วนที่ต่างกันนั้นก็คือ 1 ขนาดเครื่องใหญ่-เล็กต่างกันเล็กน้อย รุ่น L100 กว้าง 487 มม.ลึก 228 มม.และ สูง 135 มม. น้ำหนัก 2.8 กก. ส่วนรุ่น L200 กว้าง 508 มม.ลึก 304 มม.และ สูง 151 มม. น้ำหนัก 4.3 กก. ตัวเครื่องทั้ง 2 รุ่นจะมีสีดำเพียงสีเดียวเท่านั้น ตัวแท้งค์บรรจุหมึกก็จะติดอยู่ด้านซ้ายของตัวเครื่องพิมพ์ ข้อดี ข้อดีมากๆของเครื่องพิมพ์ เอปสันที่ติดแท้งค์มาจากโรงงานนี้ก็คือ ระบบไหลเวียนของหมึกผ่านการคำนวณอย่างแม่นยำจึงปลอดภัยในการใช้งาน ปัญหาเรื่องหมึกอุดตันก็จะไม่มีเพราะใช้หมึกแท้สัมพันธ์กับระบบหัวพิมพ์ piezoelectric ของเอปสัน และด้วยหมึกแท้จำนวน 4 ขวดตามสีๆละ 1 ขวดแล้ว ยังมีหมึกสีดำสำรองมาให้อีก 2 ขวด เอปสันยังให้ความสบายใจแก่ผู้ใช้ว่าหมึกแท้ของเอปสันนั้นจะต้องมีรหัส 13 หลัก เมื่อจะเติมหมึกทุกครั้งเมื่อหมึกหมดก็จะต้องกรอกหมายเลขรหัสที่ว่านี้เข้าไปแล้วเครื่องจึงจะเริมทำงานต่อไป เมื่อเครื่องมีปัญหาปรึกษาทางโทรศัพท์ไปที่ศูนย์ หรือ จะส่งเข้าที่ศูนย์ก็จะได้รับความสะดวกจากเอปสัน แค่หมึกที่แถมมากับเครื่องก็พิมพ์ได้เป็นหมื่นๆแผ่นแล้ว นอกจากประหยัดแล้วก็ยังได้คุณภาพงานพิมพ์ออกมาสวยงามแบบไม่มีที่ติ คุ้มค่าเงินแน่นอน ก็เป็นทางเลือกหนึ่งของผู้ใช้เครื่องพิมพ์ที่มีปัญหาในอดีตเกี่ยวกับหมึกเติมไม่มีคุณภาพ เครื่องหมดประกัน ปัญหานี้ไม่มีอีกถ้าใช้รุ่น L100 และ L200 ของ Epson ทั้งรูปภาพเครื่องทั้ง 2 รุ่นนี้พร้อมรายละเอียดเพิ่มเติมดูได้ที่ www.epson.co.th จาก มิสเตอร์ วินโดว์
|
|
|
|
|
|
|
conscious
บุคคลทั่วไป
|
|
« ตอบ #17 เมื่อ: วันที่ 04 สิงหาคม 2011, 09:28:55 » |
|
ตอนนี้ผมยังใช้ Epson lq 300+ อยู่เลย
ปริ้นที่แสบแก้วหูไปหมด อิอิ
- ไอ้ย่ะ คิดถึงเสียงของมันแล้วเสียวฟันชะมัดเลย ฮิ ฮิ
|
|
|
|
|
|