เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 28 มีนาคม 2024, 17:24:06
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  นักลงทุน การเงิน การธนาคาร
| | |-+  การตลาด>>แก้วิกฤติน้ำมันแบบสิงคโปร์แอร์ไลน์
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: [1] พิมพ์
ผู้เขียน การตลาด>>แก้วิกฤติน้ำมันแบบสิงคโปร์แอร์ไลน์  (อ่าน 1493 ครั้ง)
oldfriend
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 51


« เมื่อ: วันที่ 24 กรกฎาคม 2011, 14:59:09 »

แนวความคิดในการแก้วิกฤติปัญหาน้ำมันที่ส่งผลให้ต้นทุนทางการบินสูงขึ้นของสิงคโปร์แอร์ไลน์ ได้จุดประกายความคิดหลายอย่างว่าการแก้ปัญหาในยามวิกฤตินั้นต้องตั้งมั่นอยู่ในสติที่ดีเพื่อให้มองเห็นถึงทางออกของปัญหา บางครั้งการแก้ไขปัญหาโดยตั้งมั่นอยู่บนความคิดของการตัดต้นทุน ตัดบริการ ตัดการดำเนินงานออกไปนั้น ยังไม่ใช่การแก้ไขที่ถูกต้องและยั่งยืนเสมอไป



เคสของสิงคโปร์แอร์ไลน์ในการแก้วิกฤติของเส้นทางการบินข้ามทวีปไปยังสหรัฐอเมริกากลับเป็นตัวอย่างที่ดี ที่ใช้กลยุทธ์เดินหน้าสู้เป็นตัวแก้ไขวิกฤติได้อย่างดี เพราะมองเห็นถึงความต้องการของกลุ่มเป้าหมายที่ยังมีความต้องการ และที่สำคัญยังมีกำลังซื้ออยู่ ทำให้สามารถพลิกวิกฤติกลับมาเป็นผลกำไรได้



สายการบินหลายแห่งหลังพบวิกฤติการณ์ดังกล่าวได้ทำการยกเลิกเส้นทางเที่ยวบินแบบไม่แวะพัก  (nonstop flight transpacific) ที่ทำกำไรน้อยออกไป

แต่สิงคโปร์แอร์ไลน์ที่เห็นสัญญาณน้ำมันขึ้นราคาต่อเนื่องมาตลอด กลับมองเห็นโอกาสจากกลุ่มนักธุรกิจ ดังนั้นในช่วงปี 2551 ที่ผ่านมา จึงวางแผนล่วงหน้า ยอมลงทุนหลายร้อยล้านเหรียญสหรัฐปรับปรุงเครื่องแอร์บัส A340-500 ทำเก้าอี้เป็นชั้นธุรกิจ (business class) ทั้งลำ 100 ที่นั่ง ลอตแรก 5 ลำ จากเดิมที่แต่ละลำมี 215 ที่นั่ง จึงทำให้ได้รับความนิยมทันที ทำให้สามารถจำหน่ายตั๋วได้ดีกว่าเดิม



แม้ว่าราคาจำหน่ายตั๋วโดยสาร ไป-กลับ สิงคโปร์-นิวยอร์ก 240,000 บาท ไม่รวมค่าธรรมเนียมน้ำมันและค่าประกันการเดินทางนั้น สูงกว่าชั้นประหยัดมากกว่า 6 เท่า แต่ทว่าได้รับกระแสตอบรับจากกลุ่มตลาดนักธุรกิจดีมาก



นับได้ว่าสิงคโปร์ แอร์ไลน์ส เป็นสายการบินแรกของโลกที่ลงทุนทำเที่ยวชั้นธุรกิจทั้งลำ พร้อมทั้งการันตีว่าเก้าอี้ที่นำมาติดตั้งในแอร์บัส A340-500 นั้นเป็นเก้าอี้ชั้นธุรกิจที่มีรางวัลการันตี ขนาด 76 ซ.ม. กว้างกว่าเดิม 50% สามารถปรับเอนทำ เตียงนอนราบ เพียบพร้อมด้วยนวัตกรรมเอ็นเตอร์เทนเมนต์โปรแกรม KrisWorld ให้เลือกกว่า 1,000 รายการ มีบริการอาหารสไตล์ภัตตาคารตั้งโต๊ะ ผู้โดยสารสามารถเมนูได้ตามความต้องการตลอด 24 ชั่วโมง การติดตั้งเก้าอี้ภายในเครื่องบินแต่ละลำจะมีแถวละ 4 ที่นั่ง ติดริมหน้าต่างข้างละ 1 ตัว ตรงกลางอีก 2 ตัว



จึงเห็นว่า "ยุทธวิธี" แก้วิกฤตต้นทุนน้ำมันของ "สิงคโปร์ แอร์ไลน์ส" คือเลือกทำโปรดักต์ให้โดนใจลูกค้าเพื่อสร้างรายได้เพิ่ม

ขอบคุณข้อมูลจาก
Marketinfo.co.th


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 10 กันยายน 2011, 09:18:13 โดย oldfriend » IP : บันทึกการเข้า
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,112


« ตอบ #1 เมื่อ: วันที่ 31 สิงหาคม 2011, 21:00:02 »

ทูตมะกันโปรยยาหอมเชียงรายเมืองน่าลงทุน


ทูตสหรัฐฯโปรยยาหอมชาวเชียงราย ชี้มะกันสนใจลงทุนด้านสินค้าการเกษตร ชี้เป็นจังหวัดที่เป็นประตูสู่ประเทศจีน เชื่อมโยงไปสู่ประเทศสมาชิกอาเชียนนางคริสตี้ เคนนี่ย์ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ได้เดินทางลงพื้นที่ไร่แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย เพื่อพบปะกับหัวหน้าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการค้าและนักธุรกิจชาวสหรัฐอเมริกันที่ลงทุนใน จ.เชียงราย เพื่อเป็นการเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีงามที่มีต่อกันมายาวนานระหว่างไทยกับสหรัฐอเมริกา โดยมีนายพินิจ หาญพานิช รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย หอการค้าจังหวัด ประธานอตสาหกรรมและผุ้เกี่ยวข้องกว่า 50 คนให้การต้อนรับ นางคริสตี้ กล่าวว่า ตนเองรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เดินทางมายัง จ.เชียงราย โดยการร่วมมือและการพบปะหน่วยงานต่างๆ ของจังหวัดถือเป็นสิ่งสำคัญในการขับเคลื่อนและผลักดันเศรษฐกิจของสหรัฐและไทย ทั้งเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีงามระหว่างทั้ง 2 ประเทศ โดยสหรัฐอเมริกามองเห็นว่า จ.เชียงราย เป็นจังหวัดหนึ่งที่มีความมีความสำคัญในภูมิภาคนี้ คือ เป็นประตูสู่ประเทศจีน เชื่อมโยงไปสู่ประเทศสมาชิกอาเชียน และมีวัฒนธรรมและธรรมชาติที่หลากหลายที่ทำให้นักลงทุนสหรัฐให้ความสนใจที่จะเข้ามาลงทุนอย่างยิ่ง ทำให้ในเดือนหน้าทางทีมเศรษฐกิจและทูตพาณิชย์ของสหรัฐอเมริการจะเดินทางมาจัดงาน Connect USA. ในประเทศไทย ซึ่งงานนี้จะเป็นการส่งเสริมในเรื่องการค้าทั้ง 2 ประเทศ

หนังสือพิมพ์เชียงใหม่นิวส์
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,112


« ตอบ #2 เมื่อ: วันที่ 31 สิงหาคม 2011, 21:48:38 »

  เชียงราย - กาสิโนท่าขี้เหล็ก ประเทศพม่า เมืองต้นผึ้ง สปป.ลาว ตรงข้ามพรมแดนเชียงรายคึกคัก หลังบ่อนเมืองกรุงกำลังระส่ำ แถมมาเก๊าบินตรงเข้ากรุงเทพฯ ก่อนต่อเข้าเชียงรายวันละเที่ยวยาวถึงสิ้นเดือนตุลาคม 54
       
       รายงานข่าวจาก จ.เชียงราย แจ้งว่า ในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมาพบว่ามีการเปลี่ยนแปลงภายในกาสิโนต่างๆ ตามตะเข็บชายแดนไทย-พม่า ด้าน จ.เชียงราย หลังมีการสั่งปิดทำการตามกาสิโนต่างๆ ในพม่าอยู่นาน เป็นผลทำให้กาสิโนขนาดเล็กต่างๆ พากันปิดตาย ยกเว้นกาสิโนขนาดใหญ่ที่มีเส้นสายดี ซึ่งใช้วิธีปิดประตูด้านหน้าแต่รถสามารถเข้าไปจอดและเดินเข้าทางประตูด้านหลังเพื่อเล่นการพนันได้ตามปกติ
       
       ล่าสุดมีรายงานว่า ทางการพม่าได้ประกาศให้สามารถเปิดทำการได้ทั้งหมดแล้ว ทำให้โรงแรมหลายแห่งที่มีกาสิโนตั้งอยู่ภายในคึกคักขึ้นทันตาเห็น ไม่ว่าจะเป็นโรงแรมอัลลัวร์รีสอร์ท, โรงแรมเรจิน่าแอนด์กอล์ฟคลับ, โรงแรมโกลเด้นไทรแองเกิ้ล แอนด์พาราไดซ์รีสอร์ท ฯลฯ ซึ่งล้วนเป็นกิจการขนาดใหญ่ที่มีคนไทยเป็นผู้บริหารและเปิดกิจการมานาน รวมถึงกาสิโนรายเล็กๆ ต่างเปิดกิจการกันโดยถ้วนหน้า
       
       อย่างไรก็ตาม ทางการพม่ายังไม่อนุญาตให้กาสิโนของโรงแรมว้า 9 ชั้นตั้งอยู่บริเวณบ้านสันทราย จ.ท่าขี้เหล็ก เปิดให้บริการ เพราะอาจเป็นไปได้เรื่องการกระทำผิดเงื่อนไขบางอย่างทำให้กาสิโนแห่งนี้ยังไม่สามารถเปิดให้บริการได้เหมือนเดิมเหมือนรายอื่นๆ



       และด้วยมาตรการเข้มงวดกวดขันกาสิโนในประเทศไทย โดยเฉพาะที่ลักลอบเล่นภายในกรุงเทพฯ ยังทำให้นักพนันบางส่วนพากันเดินทางขึ้นเหนือไปเล่นการพนันที่กาสิโนตามตะเข็บชายแดนฝั่งพม่า รวมทั้งยังข้ามไปยังฝั่งเมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว ตรงกันข้ามบ้านสบรวก ม.1 ต.เวียง อ.เชียงแสน จ.เชียงราย บริเวณสามเหลี่ยมทองคำด้วยโดยบริเวณสามเหลี่ยมทองคำ เพื่อไปเล่นที่โครงการ Kings Romans of Laos Asian & Tourism Development Zone ซึ่งเอกชนจีนเช่าที่ดิน 99 ปีจากรัฐบาล สปป.ลาว ด้วย ขณะที่ฝั่งตรงกันข้ามกับโครงการนี้ก็เป็นที่ตั้งของโรงแรมโกลเด้นไทรแองเกิ้ล แอนด์พาราไดซ์รีสอร์ท
       
       ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีรายงานด้วยว่า โรงแรมเรจิน่าแอนด์กอล์ฟคลับ ที่มีบริการเกมรูมอยู่ภายในโรงแรมด้วยก็ได้เข้ามาเปิดสำนักงานบริการลูกค้าเพิ่มบริเวณสามแยกตลาดรวมโชค จังหวัดเชียงใหม่ คอยรับส่งเซียนพนันเดินทางต่อจากเชียงใหม่-เชียงราย ก่อนข้ามฝั่งเข้าพม่าที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย
       
       นอกจากนักเล่นพนันไทยแล้ว ตามกาสิโนต่างๆ ในฝั่งท่าขี้เหล็ก ประเทศพม่า-เมืองต้นผึ้ง สปป.ลาว ยังมีชาวมาเก๊าที่พากันเช่าเครื่องบินขนาดโบอิ้ง 737 บินตรงจากมาเก๊าไปลงที่ท่าอากาศยานดอนเมือง กรุงเทพฯ ก่อนเดินทางต่อไปยังท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย เป็นประจำทุกวันเวลา 10.50 น. และมีเที่ยวบินเดินทางกลับในเวลา 18.50 น.ของทุกวัน ไปจนถึงวันที่ 29 ต.ค.54 นี้ โดยผู้โดยสารส่วนใหญ่เป็นคนจีนทั้งหมด ซึ่งจะมีรถไปรับที่ท่าอากาศยานเพื่อเดินทางต่อไปยังโรงแรมตามตะเข็บชายแดนดังกล่าวทันที

http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9540000109853
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
oldfriend
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 51


« ตอบ #3 เมื่อ: วันที่ 10 กันยายน 2011, 08:52:13 »

“กระทิงแดง” ก้าวสู่ตลาดต่างประเทศตั้งแต่ปี 2526 โดยมุ่งตรงไปที่ตลาดในออสเตรียและภาคพื้นยุโรป ถึงวันนี้ กระทิงแดงหรือเรดบลู (ในต่างประเทศ) ก็ยังคงเข้มแข็ง ยิ่งใหญ่ในตลาดเครื่องดื่มระดับโลก จึงไม่แปลกที่ชื่อ “เฉลียว อยู่วิทยา” เจ้าของกระทิงแดง จะติดโผเศรษฐีที่รวยที่สุดในไทย ลำดับสอง ในปี 2554 จากการจัดอันดับของนิตยสารฟอร์บส จากยอดจำหน่ายกระทิงแดงที่สูงขึ้น จากปี 2547-2550 ถึงเกือบเท่าตัวเป็น 4,200 ล้านดอลลาร์ในปีที่ผ่านมา มีมูลค่าทรัพย์สินทั้งหมด 4,000 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 136,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 500 ล้านดอลลาร์



ท่ามกลางความสำเร็จอันยิ่งใหญ่นั้น หากย้อนกลับมายังฐานของกระทิงแดงอย่าง ไทย พบว่า ผู้นำตลาดเครื่องดื่มให้พลังงาน (Energy Drink) ไม่ใช่ กระทิงแดงหรือเรดบลู แม้จะมีความพยายามขับเคลื่อนการตลาดอย่างต่อเนื่องตลอดสิบปีที่ผ่านมา

เพราะโจทย์ที่กระทิงแดงต้องเผชิญได้เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ไม่ว่าจะเป็นคู่แข่งขันที่แข็งแรงขึ้น มีจำนวนรายใหม่มากขึ้น เงื่อนไขการทำตลาดก็เพิ่มขึ้น และขนาดตลาดค่อย ๆ หดตัวลงจากระดับหมื่นล้าน ล่าสุดเหลือประมาณหกพันล้าน ยิ่งไปกว่านั้นปัญหาของกระทิงแดง คือ การทำให้คนไทยมีทัศนคติใหม่ว่า “กระทิงแดงเป็นเครื่องดื่มเพื่อความสดชื่น ไม่ได้เอาไว้ให้คนใช้แรงงานดื่มเท่านั้น” เพราะนั่นคือ ตำแหน่งทางการตลาดที่เป็นความสำเร็จมาแล้วในการตีตลาดโลก และน่าจะช่วยกรุยทางให้กระทิงแดงขึ้นแท่นเบอร์หนึ่งได้อีกครั้ง



ทว่าตลอดสิบปีที่ผ่านมา กระทิงแดงต้องต่อสู่กับการลบภาพจำของผู้บริโภคที่ฝังใจว่ากระทิงแดงเป็นเครื่องดื่มของคนขับรถบรรทุก ผู้ใช้แรงงาน ซึ่งเป็นภาพติดตัวกระทิงแดงมากว่า 20 ปี และเป็นปัญหาที่กระทิงแดงยังขบไม่แตกจนถึงขณะนี้ ผลก็คือ กระทิงแดงยังชิงความเป็นผู้นำจากเอ็ม 150 ไม่ได้ตามเป้าหมาย

เพราะอะไร… ? หากลองย้อนกลับไปดูยุทธวิธีทางการตลาดของกระทิงแดง อาจจะเห็นจุดที่ยังเป็นปัญหาของกระทิงแดงก็ได้



เริ่มจากการตัดสินใจกลับมารุกตลาดในประเทศ เมื่อปี 2545 กระทิงแดงเปิดฉากด้วยการ Re-Positioning พร้อมกำหนดกลุ่มเป้าหมายไปที่ระดับบน พุ่งเป้าไปที่กลุ่มคนรุ่นใหม่ ทั้งวัยรุ่น วัยทำงาน ในเขตเมือง พร้อมกับนำกระบวนการสื่อสารทางการตลาดมิติใหม่เข้ามาเป็นกลไกในการเดินเกม

ขณะที่ระบบปฏิบัติการณ์ เริ่มต้นจากการนำคำว่า  “Red Bull” เข้ามาใช้ เพื่อปูทางสู่กลุ่มเป้าหมาย และยังเป็นการทำให้เป็นแบรนด์ใหม่ที่เรียกสั้นๆ ว่า “Red Bull Extra” พร้อมกับเลือกโฟกัสแนวทางที่จะทำให้กลุ่มเป้าหมายเชื่อว่า กระทิงแดงเป็นเครื่องดื่มที่มีบุคลิก เป็น Entertainment Drink ซึ่งสามารถจะอยู่กับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคได้ทั้งในยามกลางวัน กับกีฬากลางแจ้งที่ท้าทาย และยามค่ำคืนในสถานที่ของความบันเทิง 



และเพื่อให้โรดแมปที่วางไว้มี Impact เร็วและชัด Red Bull Extra เลือกใช้สื่อโฆษณา TVC ที่แปลกตาไปจากกระทิงแดงในอดีตอย่างสิ้นเชิง โดยนำโทนของไลฟ์สไตล์วัยรุ่นมาเดินเรื่อง ขนานไปกับการลงพื้นที่ ทั้งในสนาม X-Game ในสถานบันเทิง ที่ทำการจัดกิจกรรมประกวดสูตรค็อกเทล “Red Bull Extra Cocktail Contest” เหล่านี้เพื่อให้การแบ่งแยกระหว่างกระทิงแดง กับเรดบลู เอ็กซ์ตร้า ขาดจากันอย่างสิ้นเชิง แต่สิ่งหนึ่งที่เหมือน คือทั้งสองแบรนด์ยังคงใช้บรรจุภัณฑ์แบบขวดแก้วสีชา

ขอบคุณข้อมูลจาก
Marketinfo.co.th
IP : บันทึกการเข้า
หน้า: [1] พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!