สํานักข่าวเอเอฟพี รายงานสกู๊ปพิเศษในเมืองไทย ว่า พระที่วัดครึ่งใต้วิทยา อ.เชียงของ จ.เชียงราย เปิดหลักสูตรอบรมความเป็นชายแก่สามเณรที่มีอายุระหว่าง 11-18 ปี หลังจาก ว.วชิรเมธี พระนักเทศน์ชื่อดัง ริเริ่มโครงการดังกล่าวตั้งแต่ปี 2551 ด้วยเล็งเห็นว่าสมณเพศที่เบี่ยงเบนเป็นกะเทยมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น จนบั่นทอนความมั่นคงของพุทธศาสนาในประเทศไทย
เอเอฟพี รายงานว่า เนื่องจากวัฒนธรรมเกย์และกะเทย เป็นสิ่งที่เปิดเผยและยอมรับกันอย่างแพร่หลายในประเทศไทย จนมีจำนวนประชากรแปลงเพศมากที่สุดในโลก
รายงานระบุว่า วินัยสงฆ์ของวัดครึ่งใต้วิทยา เคร่งครัดเป็นพิเศษ นักเรียนไม่สามารถใช้น้ำหอมหรือเครื่องสำอางได้ และยังไม่อนุญาตให้ร้องเพลง เล่นดนตรี หรือวิ่งไปมาในวัดอีกด้วย
พระพิษณุ พระอาจารย์หัวหน้าโครงการ อธิบายว่า เราไม่สามารถเปลี่ยนนิสัยของพวกเณรได้ทั้งหมด แต่เราพยายามควบคุมพฤติกรรม และแสดงให้พวกเขาเข้าใจว่าเกิดมาเป็นชายก็ต้องทำตัวเป็นผู้ชาย ไม่ทำท่าเหมือนเป็นหญิง
ขณะที่โปรแกรมดังกล่าวมีเกณฑ์ประสบความสำเร็จค่อนข้างจำกัด เณรกะเทยเพียง 3 ใน 6 คนเท่านั้นที่จบการศึกษาจากโรงเรียน โดยปรับเปลี่ยนนิสัยยอมรับความเป็นชายของตัวเองได้ แต่ส่วนที่เหลืออีก 3 คน กลับเดินหน้าผ่าตัดแปลงเพศเมื่อถึงวัยในอนาคต
สามเณรภพ (นามสมมติ) วัย 15 ปี สามเณรหนุ่มสวย ที่แอบผัดแป้งแต่งหน้าภายในเขตวัด ละเมิดวินัยสงฆ์ เป็นคนหนึ่งที่ถูกส่งตัวเข้ามาอบรม กล่าวว่า ที่นี่มีข้อบังคับของการเป็นสามเณร ใช้แป้งไม่ได้ ใช้เครื่องสำอางหรือน้ำหอมก็ไม่ได้ และห้ามเดินไปมาด้วยท่าทางแบบ ผู้หญิง
สามเณรภพ กล่าวว่า ต้องพยายามอย่างหนักเพื่อต่อสู้กับเพศของ ตัวเองตอนที่อยู่วัด แต่ก่อนเมื่อตอนอยู่บ้านในกรุงเทพฯ จะแต่งตัวเหมือนสาวๆ แต่งหน้าและกินยาเพิ่มฮอร์โมนเพศหญิงจนกว่าจะเริ่มมีหน้าอก แต่เมื่อเข้ามาอบรมแล้ว ก็หยุดกินไป ทาแค่แป้งบางๆ บนใบหน้า และคงทำตามความหวังของครอบครัวที่อยากเห็นเป็นผู้ชายมากกว่านี้ไม่ได้ แต่จะทำให้ครอบครัวภูมิใจให้ได้แม้จะไม่ได้เป็นผู้ชายก็ตาม โดยตอนนี้ล้มเลิกความคิดที่จะเป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน และตั้งความฝันว่าจะได้ทำงานในธนาคาร หลังการผ่าตัดแปลงเพศเมื่อจบการศึกษา แต่เบื้องต้นนี้สิ่งแรกที่อยากจะทำเมื่อลาสิกขา คือตะโกนดังๆ ว่า "ฉันกลับไปเป็นตัวเองได้เหมือนเดิมแล้ว"
พระพิษณุ กล่าวว่า เณรบางคน บางครั้งเราให้เงินไปซื้อขนม กลับเก็บสะสมไว้ไปซื้อมาสคาร่าแทน ทั้งนี้ หน้าที่ของสามเณรทั่วไป เริ่มต้นด้วยการตื่นนอนตั้งแต่เช้ามืด เพื่อออกไปบิณฑบาตและศึกษาพระธรรม แต่ทุกวันศุกร์จะมีการอบรมเณรกะเทยเป็นโปรแกรมพิเศษ
พระพิษณุ กล่าวในการอบรมว่า "คุณไม่สามารถเป็นอะไรได้นอก จากเพศที่แท้จริงของคุณเอง นั่นก็คือผู้ชาย และในฐานะที่เป็นสามเณรด้วยแล้ว คุณเป็นได้เพียงผู้ชายเท่านั้น"
นายอำนาจ บัวศิริ รอง ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กล่าวว่า "ผมมองว่าผลสำเร็จในการฝึกอบรมให้สามเณรกะเทย สามารถปรับเปลี่ยนนิสัยยอมรับความเป็นชายของตัวเองได้ ไม่จำเป็นต้องสำเร็จ 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะในเรื่องจิตใจหรือความต้องการของเขา เราห้ามไม่ได้
"แต่ที่สำคัญ คือ การได้ฝึกอบรม ทำให้เขาได้ทดสอบความอดทน อดกลั้น ข่มอารมณ์ความรู้สึกของตัวเอง เมื่อผ่านพ้นไปแล้ว พวกเขาจะเลือกเส้นทางไปในทิศทางใด ตัวเขาเองควรเป็นผู้กำหนด ถ้าเขาสามารถปรับมาเป็นชายได้ก็เป็นเรื่องที่ดี แต่ถ้าไม่ปรับ ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะเป็นคนผิด ตรงนี้เราควรให้อิสระทางความคิดกับพวกเขาเช่นกัน ผลสำเร็จที่ได้แม้เพียงร้อยละ 50 หรือ 60 ก็เป็นเรื่องที่น่ายินดีแล้ว อีกทั้ง วัดที่มีพระภิกษุ-สามเณรลูกวัด ที่มีพฤติกรรมเช่นนี้ ก็ควรจัดการอบรมขึ้นมาด้วย โดยใช้กรณีศึกษาของวัดครึ่งใต้วิทยา อ.เชียงของ จ.เชียงราย เป็นแนวทางทดลอง"
น.พ.อภิชัย มงคล อธิบดีกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า พฤติกรรมเบี่ยงเบนในเพศชาย แบ่งเป็นสองประเภทหลัก คือ แบบเบี่ยงเบน 100 เปอร์เซ็นต์ และแบบที่ 2 เป็นในลักษณะก้ำกึ่ง
ในกรณีคนที่มีความเบี่ยงเบนแบบ 100 เปอร์เซ็นต์ คงไม่มีทางรักษาหรือปรับปรุงพฤติกรรมได้แต่อย่างใด คงต้องปล่อยให้พวกเขาดำเนินชีวิตไปตามรูปแบบที่เขาอยากจะเป็น แต่สำหรับเพศชายที่มีความเบี่ยงเบนในลักษณะก้ำกึ่ง คือ ยังมีความสับสน ยังไม่แน่ใจถึงเพศสภาพของตนเองนั้น การได้เข้าฝึกอบรมความเป็นชาย ตามที่วัดครึ่งใต้วิทยา ได้จัดฝึกให้แก่สามเณรนั้น น่าจะสามารถช่วยปรับปรุงพฤติกรรมคนกลุ่มนี้ได้เป็นอย่างดีในระดับหนึ่ง แต่ทั้งหมดคงต้องขึ้นอยู่กับตัวของผู้ฝึกเป็นสำคัญเท่านั้น
หน้า 29
http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROaWRXUXdNVEkwTURjMU5BPT0=§ionid=TURNd053PT0=&day=TWpBeE1TMHdOeTB5TkE9PQ==
หน้าหลักเว็บไซต์
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."
ผู้เขียน
