ฉันเกิดมา ไม่ได้รวยเรื่องเล่าที่ยาว สุดสุด แต่อ่านแล้วฟีค ตอนจบแทบน้ำตาร่วง
ฟูจิ อะคาโน๊ะ นามปากกาของนักเขียนนักแปลหนังสือ “ขุมทรัพย์อสังหา” ในสมัยนั้นชายผู้นี้ไม่มีใครรู้จักสักเท่าไหร่ เขาค่อนข้างจะเก็บตัวเจียมตัว อาศัยอยู่ในหมู่บ้านเล็กใกล้ภูเขา อยู่นอกเมืองห่างไกลความเจริญ การเดินทางลำบากมากในสมัยนั้น เขาเล่าว่า
“ตอนที่ฉันเด็ก ฉันก็เหมือนเด็กทั่วๆไป ไร้ความคิดไร้เดียงสา ตามประสาคนที่การศึกษาไม่มาก อาศัยไกลความเจริญ การเดินทางเข้าเมืองในสมัยที่ฉันยังเด็ก ต้องอาศัยวัวเทียมเกรียน ในการเดินทาง ระยะแม้จะไม่ไกลจากเมืองสักเท่าไหร่ แต่ต้องใช้ระยะเวลานานค่อนวัน ใครเจ็บป่วยอย่าหวังว่าจะได้รักษาได้ทันควร ต้องนั่งเกรียน ข้ามคืน ทนไม่ไหวตายระหว่างทางกันไปจำนวนไม่น้อย”
“ฉันเกิดมา ไม่ได้ร่ำรวย ที่ดินก็ใช่จะมีเหมือนใครเขา ตอนฉันเด็กๆไม่รู้หรอกว่าที่ดินมันจะมีค่าอะไร ฉันก็สนุกกับการเล่นไปวันๆ ไปเรียนหนังสือ กลับมาบ้านช่วยงานบ้าน ไม่ได้เที่ยวสนุกสนานอะไรเหมือนคนอื่น”
“ชีวิตของฉัน จะว่าลำบากมาแต่เด็กๆก็ไม่ผิด แต่ก็ยังมีคนที่ลำบากกว่าฉันก็มี แต่ความโชคดีของแต่ละคนต่างกันไป ฉันมีโอกาสได้เรียนหนังสือในระดับที่สูงขึ้น การศึกษาไม่ได้ช่วยให้ฉันคิดอะไรแตกต่างจากใครเขาเท่าไหร่ มันก็เรียนทฤษฎีและทักษะตามที่ครูสอน ทุกคนเรียนเหมือนกัน ความรู้ที่ได้ก็เท่าๆกัน ไม่ต่างกัน สิ่งที่ฉันต่างจากคนอื่นและฉันชอบที่จะต่างจากคนอื่นคือ ฉันไม่ย่อมแพ้อะไรง่ายๆ”
“จริงๆฉันไม่ได้ภาคภูมิใจอะไรกับวุฒิการศึกษาที่ได้มาหรอก แต่มันก็ต้องมีเอาไว้เพื่อใช้เบิกทางเรียนในระดับที่สูงขึ้น จริงแท้ฉันชอบมากๆคือการที่ฉันได้เห็นสังคม ได้เห็นผู้คนที่หลากหลายมากมาย เพราะเขาเหล่านี้ คือ ครู ที่สุดยอดและดีเยี่ยมมาก สังคม คือ ครู ที่เยี่ยมยอดที่สุด มันเป็นประสบการณ์ที่โรงเรียนและครูไม่เคยบอก”
“ฉันจนมาแต่เกิด ฉันไม่ได้เกิดมารวย”
“หลังจากที่ฉันผ่านวันไร้เดียงสามาได้ ฉันได้มีโอกาสเรียนระดับที่สูงขึ้นถึงปริญญาตรี แต่นั้นมันก็ไม่ได้ทำให้ฉันร่ำรวยหรือมีฐานะดีขึ้น แต่อย่างใด ฉันสำเร็จการศึกษา ต้องเดินตระเวนหางานทำ เป็นปีกว่าจะได้งานทำ ไม่มีใครจ้าง เพราะสาขาที่ฉันเรียนมาเป็นสาขาที่ไม่มีงานรองรับ “
“ฉันไม่อยาก กลับ บ้าน” “เพราะเมื่อกลับบ้านสังคมรอบข้างจะถาม ฉันว่า เรียนจบสูงแล้ว แล้วไปทำงานที่ไหน เงินเดือนเท่าไหร่”
“ฉับเจ็บปวดมาก กับอนาคตของฉันตอนนั้น พ่อแม่ จะคอยให้กำลังใจ และบอกเสมอว่า ค่อยๆหาไปงานเดียวก็ได้ ฉันรู้ดีว่ามันไม่ง่าย มันไม่ง่ายจริงๆ”
“ฉันหางานทำนานมาก ทั้งโดนหลอกให้ไปสมัครงานและใช้เงินซื้องานทำ เขาบอกฉันว่าจะฝากงานให้ทำ เพียงฉันนำให้เขาหรือเงินใต้โต๊ะ สมัยนั้นเงินสามหมื่น ถือว่าเยอะมาก ด้วยความอยากทำงานและเห็นเป็นงานที่มั่นคง ทำงานในหน่วยงานรัฐ พ่อแม่ต่างก็หายืมเงินเพื่อนบ้านเอามาให้ ตอนฉันเราก็คิดว่ามันแลกกับอนาคตที่ดี เราจึงคุยกันและยินยอม”
“นั้นคือ ความเลวร้ายที่เป็นความทรงจำที่เจ็บปวดที่สุด ฉันไม่ได้ตามหวังไว้ เงินที่จ่ายมันหายไปไปกับความฝัน วันนั้นพ่อแม่ฉัน กลืนน้ำลายลงคอเหนียวหนืดติดลำคอ ลมหายใจดันทรวงอกกระจุกอยู่ตรงนั้น มันพูดอะไรไม่ออก ฉันมองหน้าพ่อแม่เข้าใจเลยว่า พ่อแม่ผิดหวังมาก คืนนั้นที่รู้เรื่อง นอนไม่หลับทั้งคืน มันคิดไปร้อยแปด”
“รุ่งขึ้นวันใหม่ ฉันบอกตนเอง ฉันจะนอนแพ้แบบนี้ไม่ได้”
“ฉันตัดสินใจเดินทางเข้าเมืองอีกครั้ง โดยในกระเป๋ามีเงิน 180 และข่าวสาร ถุงหนึ่งและไข่ไก่ในเล่า 3 ฟอง ฉันจำมันได้ดี เพราะเป็นไข่ไก่ของพ่อที่พ่อจะฟักให้เป็นลูกไก่ แต่มันถูกฉันหยิบมา ซะก่อน”
“บอกกับตนเองตอนนั้นว่า ไปตายเอาดาบหน้า แล้วเดินจากบ้านไป ด้วยหัวใจที่หมดกำลัง ไม่รู้ข้างหน้ามันจะเป็นอย่างไร”
“วันที่ฉันเข้ามาถึงเมือง ฉันได้เช่าห้องพักห้องเล็กๆรายเดือนๆละ 350 แต่ฉันไม่มีเงินค่าเช่าเลย เงินที่ติดตัวค่ารถก็หมดไปเกือบครึ่ง แล้วจะเหลืออะไรอีก โชคดีที่ป้าเจ้าของห้องเขาเข้าใจฉัน เพราะสมัยที่ฉันเรียนฉันก็อาศัยเขาอยู่ เขาเห็นฉันมาตลอดช่วงที่ฉันเรียนที่นั้น เขาจึงเมตตา และที่โชคดีมากก็คือ ที่ทำงานของลูกชายป้าต้องการคนทำงาน ลูกชายจึงฝากงานให้ฉันได้เข้าทำงาน ฉันทำงานที่นั้นประมาณ 2 ปี ฉันก็เก็บเงินได้มาหน่อยหนึ่ง ฉันได้ย้ายที่ทำงานไปต่างจังหวัด ซึ่งไกลออกไปมาก ฉันจึงตัดสินใจลาออก“
“หลังจากนั้น คำว่าตกงานมันก็มาเยือนอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่นาน ฉันได้ไปสมัครเป็นอาจารย์สอนสถาบันการศึกษาเอกชนแห่งหนึ่ง ฉันก็ได้ทำงานที่นั้นนานมาก 19 ปี“
“ฉันยังไม่ร่ำรวย ฉันทำงานมานานขนาดนี้ ฉันไม่มีเงินเก็บ ไม่มีเงินใช้จ่ายอย่างสบาย ฉันเริ่มมองคนอื่นอาชีพเดียวกัน เขาก็ไม่มีเหมือนกัน หลายคนต้องกู้ยืมกองทุนมากมาย เป็นหนี้ มากมาย”
“มันทำให้ฉันได้คิด โง่จัง คิดได้ตอนแก่ ฉันพยายามหางานเสริมทำเพื่อหวังจะได้เงินเข้ามาบ้างอย่างน้อยๆก็เป็นเงินออมเก็บไว้”
“ตั้งแต่วันนั้น ฉันหลังเลิกงานจะอยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์ หางานๆๆเสริม เยอะมากมีมากมาย”
“ฉันก็เข้าไปสมัคร สมัครเยอะมากใช้เงินลงทุนเยอะที่เดียว บ้างบริษัทก็หลอกล่วง เปิดแล้วก็ปิด ปิดแล้วก็เปิดใหม่ เปลี่ยนชื่อแล้วมาเปิดใหม่ เต็มไปหมด”
“มันทำให้ฉัน ท้อ ที่จะหารายได้เสริมทำ ฉันเห็นว่ามันหลอกล่วงมากกว่าความจริง มันขายฝันให้คนจน”
“ฉันปิดประตู ไม่ยอมรับงานออนไลน์ งานขายตรง งานmlm งานขายประกัน ฉันปฏิเสธ อย่างสิ้นเชิง”
“ฉัน ไม่ ทำ เข้า ใจ นะ ไม่ต้องมาชวน”
“หลายบริษัทเดินมาหาฉันและเชิญชวน และตื้อๆๆ จนรำคาญ บางรายต้องด่าไล่ ไปเลยก็มี”
“วันนี่ที่ฉันร่ำรวยขึ้นมา อยากจะเล่าให้ คุณฟัง” “กว่าฉันที่ฉันจะมายืนได้ในวันนี้ มันก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดกัน มันก็ต้องทำในสิ่งที่แตกต่าง ต่างจากคนอื่นและเดินตามทางคนอื่นที่สำเร็จ”
“ฉันไม่นึกว่าเด็กวัย 25 จะช่วยเปลี่ยนวิถีทางการเงินของฉัน ฉันเป็นคนทีไม่ย่อมรับความคิดของเด็กสมัยใหม่เท่าไหร่ แต่สิ่งที่เด็กน้อยคนนี้ได้ พูดคุยและชี้แนวทางการสร้างเงินอย่างสร้างสรรค์ มันทำให้ฉันมีวันนี้ วันที่ไม่ต้องอะไรมากแล้ว วันที่มาแนะและบอกแนวทางให้คนอื่นทำแบบที่ฉันได้รับคำแนะนำจาก เด็กคนนั้น”
“มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เด็กวัย 25 มาสอนคนแก่ 59 ให้สำเร็จ ทำงานแค่ปีเดียวแต่มีเงินใช้ตลอดไป”
“วันนี้ฉันมีความสุข กับงานและเงิน และพร้อมช่วยแนะนำช่วยเหลือคนอื่นต่อไป”
“ฉันอยากจะบอกว่า มันง่ายมากสำหรับ คุณ เชื่อสิ “
ทำงานหนัก ไม่ได้พักผ่อน หยุดทำขาดรายได้
เอาไหม ให้ทำงานแค่ปีเดียว แล้วไม่ต้องทำอีก
มีเงินเดือนใช้ไปตลอดชีวิต ...เอาไหม
เอาก็คลิก
http://elitessc.in/?url=kittipat789