อาหารเสริม
แอลคาร์นิทีน (Carnitine)
แอลคาร์นิทีน เป็นกรดอะมิโนจำเป็น (Essential Amino Acids) ที่ร่างกายสร้างขึ้นจาก
• วิตามิน 3 ชนิด คือ วิตามินบี6, วิตามินบี3, และวิตามินซี
• กรดอะมิโน 2 ตัว คือ ไลซีน (Lysine) และเมทไธโอนีน (Methionine)
• แร่ธาตุ 1 ตัว คือ ธาตุเหล็ก (Iron) ข้อมูลจาก pantip
แอลคาร์นิทิน เป็นกรดอะมิโนชนิดหนึ่งที่ผลิตได้ที่ตับ แต่หากร่างกายขาดกรดอะมิโน, วิตามิน และแร่ธาตุ ดังกล่าว แม้ตัวใดตัวหนึ่ง ก็จะทำให้ร่างกายขาดกรดอะมิโนคาร์นิทีน ไปด้วย ซึ่งร่างกายจำเป็นจะต้องได้รับคาร์นิทีน ทดแทนจากภายนอก เนื่องจาก คาร์นิทีน เป็นกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกาย มีคุณสมบัติช่วยเปลี่ยนไขมันที่สะสมอยู่ในส่วนต่างๆ ของร่างกายให้กลายเป็นพลังงาน ดังนั้น กรดอะมิโนคาร์นิทีน จึงมีฤทธิ์เป็นตัวเผาผลาญไขมัน (Fat Burner) โดยจะไปลดระดับของคอเลสเตอรอล (Cholesterol) และไตรกลีเซอไรด์ (Triglyceride) ซึ่งเป็น ไขมันอันตราย ที่จะไปอุดตันทางเดินของเลือดในเส้นเลือด โดยเฉพาะเส้นเลือดในสมอง และเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจ อันเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตจากเส้นเลือดในสมองแตก และเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจอุดตัน
คาร์นีทีน มีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนไขมันที่ร่างกายเก็บสะสมไว้ให้เป็นพลังงาน โดยจะช่วยลำเลียงโมเลกุลไขมัน เข้าไปใช้ในเซลล์ต่างๆ และเกิดการเผาผลาญในส่วนประกอบของเซลล์ที่เรียกว่า ไมโตคอนเดรีย(Mitochondria) จึงเกิดการสร้างพลังงานให้กับเซลล์ ซึ่งในจุดนี้เองที่จะทำให้เกิดการนำไขมันไปเปลี่ยนเป็นพลังงาน ดังนั้น หากร่างกายขาดกรดอะมิโนชนิดนี้ อาจส่งผลต่อปัญหาสุขภาพ อันเนื่องมาจาก ไขมันสะสมในร่างกายจนเป็นโรคอ้วน และการสะสมของไขมัน ตามหลอดเลือด ซึ่งอาจ จะส่งผลต่อความยืดหยุ่นของหลอดเลือด และนำมาซึ่ง ปัญหาไขมันในเลือดสูงและมีความดันโลหิตสูงตามมาได้ นอกจากนี้ ยังอาจจะมี อาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ แขนขาอ่อนเพลีย และเหนื่อยง่าย
แอลคาร์นิทิน 1000 mg มีหน้าที่ลดการสะสมของไขมัน ช่วยเพิ่มการเผาผลาญพลังงาน เสริมสร้างกล้ามเนื้อให้กระชับขึ้น ช่วยให้ความสามารถในการออกกำลังกายเพิ่มขึ้น หน้าที่หลักของ คาร์นิทิน คือให้พลังงานแก่เซลล์หัวใจและกล้ามเนื้อลาย ลดอาการเจ็บหน้าอกจากโรคหัวใจขาดเลือด ช่วยควบคุมภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ มีประโยชน์มากสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน โรคตับ ลดโรคหลอดเลือดเลี้ยงหัวใจล้มเหลว โรคไต และลดความดันโลหิต ไม่มีจำหน่ายในเซเว่น
มีงานวิจัยมากมายที่ยืนยันถึงประโยชน์ของการใช้แอล-คาร์นิทีน (L- Carnitine: กรดอะมิโนคาร์นิทีน ที่ได้จากสารสกัดธรรมชาติ) ในวงการแพทย์ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ในผู้ป่วย ที่มีปัญหากล้ามเนื้ออ่อนแรงมาก จนไม่สามารถตั้งศีรษะให้ตรงได้ ซึ่งหลังจากมีการใช้ L-carnitine ขนาด 2 กรัม/วัน อาการดัง กล่าวก็หายไป หรือการใช้ในนักกีฬา ก็มีการยืนยันว่าสามารถเพิ่มแรงสำหรับการออกกำลังกายหนักๆ เช่น วิ่งมาราธอน รวมทั้งมีการใช้ L-Carnitine เพื่อช่วยให้ การทำงานของกล้ามเนื้อหัวใจดีขึ้น
ประโยชน์ของกรดอะมิโนคาร์นิทีน
• เร่งนำไขมันเข้าสู่ไมโตคอนเดรีย เพื่อใช้เป็นพลังงาน, ลดไตรกลีเซอไรด์ คือ ไขมันในกระแสเลือด ป้องกัน เบาหวานและ โรคหัวใจ เพิ่มไขมันดี (HDL) ลดไขมันร้าย(LDL) กำจัดไขมันส่วนเกิน ลดการสะสมไขมันในหลอดเลือด
• กระตุ้นการสร้างมวลกล้ามเนื้อ
• ช่วยให้แก่ช้าลง โดย กรดอะมิโนคาร์นิทีน จะเป็นแหล่งพลังงานให้กับเซลล์ต่างๆ ป้องกันการเสื่อมสภาพของเซลล์
• ช่วยเพิ่มความสามารถในการออกกำลังกายเพิ่มขึ้น โดยป้องกันการบาดเจ็บ ของกล้ามเนื้อจากสาเหตุ ออกซิเจนไปเลี้ยงสมองไม่พอ
• เพิ่มการนำกูลโคสไปเลี้ยงเซลล์สมอง ทำให้ร่างกายรู้สึกสดชื่น กระปรี่กระเปร่า มีความตื่นตัว
• ช่วยลดอัตราเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน และสภาวะหัวใจล้มเหลว
นอกจากนี้ พบว่าเมื่อรับประทานยาแก้ปวดพาราเซมอล เข้าไปในร่างกายร่างกายจะเปลี่ยนยาพาราเซตามอลเป็นสารพิษชื่อ เอ็น-อะซิทิล-พารา-เบนโซควิโนนอิมไมน์ (N-acetyl-benzoqiunone-imine) ซึ่งจะไปจับหมู่ไธออล (SH) ของโปรตีนในตับและเนื้อเยี่อตับ ทำให้โปรตีนถูกทำลาย กรดอะมิโนคาร์นิทีน และกลูต้าไธโอน จะมีหมู่ (SH) จึงเข้าไปช่วยซ่อมแซมโปรตีนในตับและเนื้อเยื่อตับที่ถูกทำลายให้ไม่ตาย จึงลดพิษ และแพทย์จะใช้สารดังกล่าวนี้ในการแก้พิษให้ผู้ที่รับประทานยาพาราเซตามอล
การขาดกรดอะมิโน คาร์นิทีน ร่างกายควรได้รับ อะมิโนคาร์นิทีน 500 ไมโครโมลต่อวัน หากคนปกติรับประทานอาหารครบถ้วนก็ จะไม่ขาดกรดอะมิโนคาร์นิทีน และไม่จำเป็นต้องรับประทาน แอล-คาร์นิทีน เสริม แต่พบว่าคนที่เป็นโรคทางพันธุกรรมบางชนิดร่างกายไม่สามารถสร้างกรด อะมิโนคาร์นิทีนได้ หรือคนที่มีน้ำตาลในเลือดต่ำต้องการพลังงานสูงก็จะขาดกรดอะมิโนคาร์นิทีน
ในน้ำนมแม่และน้ำนมวัว ก็มีกรดอะมิโนคาร์นิทีน แต่การผลิตนมสำหรับเด็ก จะผ่านความร้อนสูง ทำให้คาร์นิทีนสลายไป ดังนั้น น้ำนมแม่จะมีคาร์นิทีนสูงกว่า นมวัว 4 เท่า เด็กที่ดื่มนมแม่จะได้รับกรดอะมิโนคาร์นิทีนเพียงพอ แต่เด็กที่ดื่มวัว แทนนมแม่ก็จะขาด กรดอะมิโนคาร์นิทีน
ในวัยที่สามารถรับประทานอาหารได้หลากหลายชนิดมักจะไม่ขาดกรด อะมิโนคาร์นิทีน โดยเฉพาะผู้ที่ได้รับกรดอะมิโนไลซีนเพียงพอ ตับ ไต และสมอง จะสร้างกรดอะมิโนคาร์นิทีนขึ้นมา โดยอาศัย วิตามินบี3 วิตามินบี6 วิตามินซี และ ธาตุเหล็ก ช่วยในการสังเคราะห์ แต่กว่า 80% ร่างกายจะได้รับคาร์นิทีนจากอาหาร โดยเฉพาะเนื้อสัตว์ ดังนั้น ผู้ที่ไม่รับประทานเนื้อสัตว์ พบว่าร่างกายมักจะขาดกรดอะมิโนไลซีน ซึ่งเป็นสารตั้งต้นในการสังเคราะห็คาร์นิทีน ของร่างกาย
พบว่าผู้ที่มีอายุมากขึ้น การผลิตคาร์นิทีนก็จะลดลงตามวัย นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้คนที่อายุมากขึ้นก็จะมีความอ้วนมากขึ้น โดยเฉพาะบริเวณรอบเอวและสะโพก เพราะกรดอะมิโนคาร์นิทีน เป็นสารอาหารที่ช่วยเร่งการเผาผลาญไขมัน โดย 99% ของคาร์นิทีน จะเก็บไว้ในกล้ามเนื้อ เพราะกล้ามเนื้อต้องการพลังงานในการเคลื่อนไหว ส่วนที่สร้างพลังงานในเซลล์กล้ามเนื้อที่เรียกว่า ไมโตคอนเดรีย กรดอะมิโนคาร์นิทีน จะจับไขมันที่เป็นสายยาวเข้าไปที่ผนังด้านในของไมโตคอนเดรีย เพื่อสลายเป็นพลังงานให้กล้ามเนื้อ จึงทำให้กล้ามเนื้อมีพลังงาน เมื่อขาดกรดอะมิโนคาร์นิทีน จึงอ้วนง่าย
คนที่รับประทานยากันชัก จะสูญเสียคาร์นิทีนมาก ดังนั้นจึงจำเป็นต้องรับประทานคาร์นิทีน ในรูปของ แอล-คาร์นิทีนเสริม
ไต ผลิตกรดอะมิโนคาร์นิทีน แต่หากไตเสื่อมจะขาดคาร์นิทีน จึงควรได้รับ คาร์นิทีนเสริม
แหล่งที่พบกรดอะมิโนคาร์นิทีน ในธรรมชาติ พบมาก ในผลิตภัณฑ์จากนม เนื้อสัตว์ เนื้อแดง ตับไก่ โยเกิร์ต ปลาแซลมอน มันฝรั่งดิบ ผลอะโวคาโด ธัญพืช ผักใบเขียว และผลิตภัณฑ์ที่ทำจากถั่วหมัก
ปกติ 450 บาท
พิเศษ 280 บาท(หมดเขตสิ้นเดือนนี้เท่านั้น)
สนใจสอบถามรายละเอียดและสั่งซื้อได้ที่
คุณนัท : 0968409844
ไลน์ ไอดี : tonut_555
อาหารเสริม แอลคาร์นิทีน
(รับตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ)
หน้าหลักเว็บไซต์
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."
ผู้เขียน
