ประวัติตามนี้หรือเปล่าครับ
พระรอดวัดพระสิงห์ เป็นพระเนื้อดินสร้างขึ้นเมื่อ ปี พ.ศ 2496 ที่วัดพระสิงห์จังหวัดเชียงใหม่ เป็นพระรอดเนื้อดิน ที่มีการนำพระรอดมหาวันเก่าที่ชำรุด พระเปิม พระคง และพระเนื้อดินลำพูน มาบดผสมกับดินขวยปู ที่ขุดได้มาจากดินทางด้านทิศเหนือ ของวัดพระคงฤาษี จังหวัดลำพูน และยังมีเนื้อผงของพระสมเด็จพระวัดระฆัง ก้อนผงปลุกเสก หลวงปู่ศุขวัดมะขามเฒ่า พระรอดวัดพระสิงห์ ได้มีการสร้างโดยเจตนารมณ์ที่ดี เพื่อนำเงินไปสร้างพุทธสถาน โดยมีพลตำรวจเอก เผ่าศรียานนท์ อธิบดีกรมตำรวจในสมัยนั้น เป็นประธานในพิธี พระรอดวัดพระสิงห์ได้มีการนำไปกดแม่พิมพ์ที่จังหวัดลำพูน และส่งกลับมายังวัดพระสิงห์ เพื่อนำมาปลุกเสกต่อ โดยปลุกเสกเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2546 เป็นเวลา 3 วัน 3 คืน
พระรอดวัดพระสิงห์มีทั้งหมด 11 พิมพ์ด้วยกัน แบ่งได้เป็น สีขององค์พระก็มีหลายสี ที่พบกันมากก็ได้แก่ เนื้อเขียว เนื้อแดง เนื้อพิกุล ที่พบน้อยคือ สีเทา สีขาว และสีดำ ที่ว่ามี 11 พิมพ์ 11 สี นั้นอาจเข้าใจคลาดเคลื่อนกันสักเล็กน้อย ที่ว่ามี 11 พิมพ์นั้นถูกต้อง แต่สีของพระรอดวัดพระสิงห์ รวมถึงพระรอดอื่นๆนั้นต้องทำความเข้าใจกันตามหลักวิชาการสัดนิดว่า พระรอดที่กล่าวนี้ทำมาจากเนื้อดิน ซึ่งการจะทำให้เนื้อพระแกร่งนั้น ต้องนำไปผ่านความร้อนโดยการอบ หรือการเผา เหมือนกับอิฐหรือเซรามิก ซึ่งแน่นอนต้องมีการนำพระจำนวนมากเข้าเตาเผา เพราะมากมายถึง 84,000 องค์ ดังนั้นความร้อนจากการเผาจึงไม่สามารถสัมผัสกับองค์พระได้ครบทุกองค์ องค์ที่ใกล้กับไฟหรือสัมผัสกับความร้อนมากที่สุด จะมีสีดำ และสีเขียว และหดเล็ก เพราะสูญเสียความชุ่มชื้นหรือน้ำที่อยู่ในตัวดิน บางองค์เกิดหมัดไฟ เป็นเม็ดเล็กๆ แตกกระจายตามองค์พระบริเวณต่างๆคล้ายอีสุกอีใส ซึ่งเกิดจากการทำปฎิกิริยาของธาตุบางอย่างในดินกับความร้อน ส่วนองค์ที่อยู่ตรงกลางๆซึ่งไม่ผ่านหรือผ่านไฟหรือความร้อนน้อย ก็จะมีสีดินธรรมชาติ และขนาดโตกว่าองค์สีดำ และสีเขียว เพราะไม่เกิดการหดตัวมากนัก โดยไล่ไปตามสีน้ำตาล สีแดง สีเทา สีเหลือง สีพิกุล สีขาว แต่ก็ไม่เสมอไป ขึ้นอยู่กับว่าเป็นพิมพ์ใด ดังนั้นสีของพระจึงไม่อาจกำหนดได้ตอนกดพิมพ์พระ แต่จะมาคัดแยกสีกันตอนกรรมวิธีสร้างพระเสร็จสมบูรณ์แล้ว โดยมีการแยกตามโทนสี จากเข้มไปอ่อน จึงอาจมีโทนสีมากกว่า หรือน้อยกว่า 11 สีก็ได้ และราคาในขณะนั้นก็ไม่ได้แยกตามสี แต่ให้เช่าบูชาในราคาเดียวกัน
พระรอดวัดพระสิงห์ที่สมบูรณ์จริงๆ มีไม่ถึง 84,000 องค์ เช่นเดียวกับพระรอดมหาวัน บางองค์จึงอาจแตกหัก ชำรุด สภาพใช้การไม่ได้ บางส่วนหลังจากทำพิธีพุทธาพิเศกที่วัดพระสิงห์แล้ว ยังถูกนำไปเข้าพิธีปลุกเสกที่วัดสุทัศน์อันเลื่องชื่ออีกด้วย โดยทำพิธีปลุกเสกโดยเจ้าอาวาสวัดสุทัศน์ และคณะสงฆ์ ปีละ 2 วาระทุกปีเรื่อยมา จนกระทั่งเจ้าอาวาสวัดสุทัศน์มรณภาพ ถ้าจำไม่ผิดประมาณปี 2507 จึงหยุดพิธีปลุกเสก จึงเป็นที่มาของการเรียกชื่อว่าพระรอดวัดสุทัศน์ โดยเอกลักษณ์คือมีการปั้มด้วยหมึกสีม่วงใต้ฐานพระทุกองค์ ทำให้พระรอดวัดสุทัศน์ไม่ค่อยพบในสนามพระมากนัก และมีราคาเช่าหาสูง นอกจากนั้นยังมีอีกบางส่วนที่เกจิอาจารย์ชื่อดังสมัยนั้น อาทิ หลวงพ่อเงิน นำกลับไปปลุกเสกเดี่ยวให้กับศิษยานุศิษย์ด้วย พระรอดวัดพระสิงห์นอกจากมีเจตนาสร้างมาเพื่อหารายได้สร้างพุทธสถานเชียงใหม่ ( ปัจจุบันอยู่ใกล้จวนผู้ว่า และบ้านพักอธิบดีผู้พิพากษาภาค 5 ) แล้วยังมีเจตนาสร้างมาเพื่อใช้แทนพระรอดมหาวันลำพูน ตั้งแต่สมัยนั้นแล้ว จึงมีผู้คนกล่าวกันว่า หากหาพระรอดมหาวันไม่ได้ ก็หาพระรอดวัดพระสิงห์แทน ราคาหลักพัน ถึงหลักหมื่น ( ตามพิมพ์และตามสภาพ ) แต่พุทธคุณหลักล้าน จึงเป็นเหตุให้เซียนพระจากกรุงเทพและในเชียงใหม่ มากว้าน ซื้อ นำออกนอกประเทศไปเยอะ เข้ารังใหญ่ไม่ออกมาอีกเลยก็มี ทำให้ไม่ค่อยมีพระให้เห็นในสนามมาก จึงมีขบวนการพระยอดฝีมือออกมากันหลายสำนึก โดยเฉพาะพิมพ์หูขีด( ตัวผมเองยังโดนมาแล้ว ) ซึ่งเป็นที่ถกเถียงกันยังไม่สิ้นสุดถึงวันนี้ว่ามีพิมพ์นี้สร้างขึ้นในยุคนั้น เป็น 1 ใน 11 พิมพ์หรือไม่ บ้างก็ว่ากันว่า เป็นพระนอกพิมพ์บ้าง พิมพ์กรรมการบ้าง พิมพ์ธรรมดาแต่บล็อกแตกบ้าง ( รอดขีดยาวด้านซ้ายมือองค์พระขึ้นไปถึงเศียรพระเหมือนเส้นรอยฟ้าผ่าที่เรียกหูขีดนั่นหละครับ) เป็นพระรอดที่อื่นแต่นำมาเข้าพิธีบ้าง ( เพราะช่วงนั้นมีข่าวกันว่ากดพิมพ์ไม่ทัน จึงมีการกว้านซื้อพระรอดอื่นนำมาปลุกเสกให้ครบจำนวน 84,000 องค์) หรือเป็นพระคะแนนบ้าง (คือใช้พิมพ์หูขีดเป็นองค์พระนับ 1 แทนต่อ 100 องค์ธรรมดา จึงมีพิมพ์หูขีดเพียง 840 องค์ ) และอีกมากมายยังไม่สิ้นสุด ทำให้บางสนามถึงกับตัดรายการ พิมพ์นิยม (หูขีด)นี้ออกไปเลยทีเดียว เหลือไว้แต่พิมพ์ธรรมดาเท่านั้น
พระรอดอีกพิมพ์หนึ่งที่สร้างต่อมา คือพระรอดวัดไชยพระเกียรติ หรือมักเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าพระรอด เสาร์ 5 สร้างในปีถัดมาคือปี 2497 ที่วัดไชยพระเกียรติ จังหวัดเชียงใหม่ จุดสังเกตุการแยกระหว่างพระรอดวัดพระสิงห์และพระรอดชัยพระเกียรติ คือพระรอดชัยพระเกียรติใต้ฐานองค์พระจะมีการจาร หรือรอยประทับ เลข 5 ไทย ที่เรียกพระรอดเสาร์ 5 ส่วนพระรอดวัดพระสิงห์จะมีฐานเรียบไม่มีรอยจารหรืออักขระใดๆทั้งสิ้น แต่บางแหล่งข้อมูลก็ว่ามีการจารเหมือนกัน ปัจจุบันพระรอดวัดพระสิงห์มีราคาเช่าหาสูงกว่ามาก เนื่องจากพิธีปลุกเสกใหญ่กว่า โดยพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อในยุคนั้น อีกทั้งความสวยงามและเนื้อองค์พระที่ละเอียดกว่า การมีประสบการณ์ จึงทำให้พระรอดวัดพระสิงห์ได้รับความนิยมอย่างสูงตั้งแต่ในอดีตมาจนถึงปัจจุบัน