รถไฮบริดหรือรถที่เราเรียกกันติดปากว่ารถประหยัดพลังงาน เป็นรถลูกครึ่งระหว่างรถที่ใช้น้ำมันอย่างเดียว กับรถไฟฟ้าเพียวๆ เนื่องจากรถที่ใช้น้ำมันก็เจอปัญหาน้ำมันแพง ปล่อยมลพิษเยอะ ส่วนรถที่ใช้ไฟฟ้าเพียวๆ เทคโนโลยีตอนนี้ก็วิ่งได้แค่ความเร็วต่ำ และต้องเติมไฟกันบ่อยๆ และใช้เวลาเติมเป็นชั่วโมง เพราะฉะนั้นทางเลือกที่ดีที่สุดคือเอาข้อดีของรถทั้งสองชนิดมายำรวมกันจึงกลายเป็น รถไฮบริดหรือ
รถประหยัดพลังงาน สรุป ก็คือรถไฮบริด เป็นรถที่มีทั้งเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมันและระบบมอเตอร์ไฟฟ้ามาขับเคลื่อนผสมผสานกัน และรูปแบบที่นิยมใช้กันในรถยนต์ไฮบริดปัจจุบัน ก็คือ แบบ Power-split หรือ ซีรีส์-พาราลเรล (Series-Parallel Hybrid) โดยในช่วงปกติที่ต้องใช้ความเร็วรอบสูงๆ ก็จะใช้ระบบเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมัน ส่วนในช่วงที่เราใช้ความเร็วรอบต่ำๆ อย่างวิ่งในเมือง ช่วงรถติดรถก็จะปรับให้ใช้ระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าโดยดึงเอาพลังงานออกมาจากแบตเตอรี่ทำงานแทน หรือในช่วงเร่งแซงก็จะใช้ทั้งสองตัวประสานพลังร่วมกัน และด้วยเหตุที่มีระบบไฟฟ้าเข้ามาช่วยนี่แหละ ทำให้รถไฮบริดมีการประหยัดน้ำมันมากกว่ารถยนต์ทั่วไป
รถไฮบริดหรือ
รถประหยัดพลังงานมีข้อดีที่สังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนคือ
1. มีความคล่องตัว เพราะเป็นรถยนต์ขนาดเล็ก ขับขี่ง่าย ใช้งานได้สะดวก แม้อยู่ในพื้นที่จำกัด มีขนาดเครื่องยนต์ไม่เกิน 1,300 CC สำหรับเครื่องยนต์เบนซิน และ 1,400 CC สำหรับเครื่องยนต์ดีเซล
2. สะอาด เพราะเป็นรถยนต์ที่ก่อให้เกิดมลพิษต่ำ โดยผ่านตามเกณฑ์มาตรฐานการผลิตของ UNECE ซึ่งมาตรฐานนี้ได้บังคับใช้ในสหภาพยุโรป และประเทศไทยได้นำมาบังคับใช้ ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2555 นอกจากนี้ ยังกำหนดให้ต้องมีปริมาณการระบายก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ (CO2) ซึ่งเป็นก๊าซเรือนกระจกไม่เกิน 120 กรัม/กิโลเมตร ด้วย
3. ประหยัดเชื้อเพลิง เพราะเป็นรถยนต์ ที่มีอัตราการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง เพียง 20 กิโลเมตร/ลิตร หรืออาจจะประหยัดได้มากกว่านั้น
4. ปลอดภัย รถยนต์ประหยัดพลังงาน เป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัยของ UNECE ที่สหภาพยุโรปบังคับใช้ในปัจจุบัน
ดังนั้น การที่คนส่วนใหญ่หันมาใช้รถไฮบริดหรือ
รถประหยัดพลังงานกันมากขึ้น นั่นเป็นเพราเรารู้จักการตระหนักถึงการประหยัดพลังงานและการรู้จักใช้อย่างรู้คุณค่า ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกคนในสังคมจำเป็นต้องช่วยกันอย่างเต็มที่ เพื่อให้พลังงานทั้งหลายมีเพียงพอที่จะใช้ต่อไปในอนาคต จนกว่าเราจะสามารถหาหรือพัฒนาพลังงานรูปแบบอื่นๆ มาทดแทนพลังงานที่เราใช้กันอยู่ในปัจจุบันนี้