ป 3 2 ปีผ่านไป ไวเหมือนขี้จุ๊! ลุงทรวงขายหมูไปแล้ว 3 รุ่น ส่วนไก่นั้นนับรุ่นไม่ถ้วน แกมีรายได้เป็นกอบเป็นกำ ไหนจะค่าข้าวเปลือกที่ชาวบ้านนำมารวมกันและมอบให้เป็นกรรมสิทธิ์ของแกแต่เพียงผู้เดียว เกือบ 2 เกวียน ในแต่ละปี ตำแหน่งพ่อเลี้ยงอยู่แค่เอื้อม ขออีกสัก 10 ปี หน่อยเถอะน่า..ฮื่มส์! น่าดู แกเกิดอาการกระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ในใจ
" ตุ๊ลุง ปู่จาข้าวเย็นจิ่มเน้อ "
นั่นคือเสียงที่พระเณรในวัดจะได้ยินเป็นประจำ แม้จะล่วงเลยมาแล้วหลายปี พร้อมกับเสียงสำทับจากตุ๊ลุงเจ้าเก่า เหมือนเคย หากเป็นสมัยนี้ ผู้อ่านคงคิดไปว่าน่าจะเป็นการท่องสคริปเอา หรือต่างฝ่ายต่างบันทึกเทปไว้เป็นแน่แท้..ว่าไหม?
" เอ้อ สตางค์ก่าปู่จากะเอาจ่อมตู้บริจาคในศาลาหั้นนะ "
"
!! "
ยิ่งหลายปีเข้า เสียงเหรียญกระทบพื้นตู้บริจาคก็ไม่ค่อยมีเสียงให้ได้ยิน ให้พอรื่นหูชื่นอกชื่นใจเช่นแต่ก่อน
" ผมว่า..น่าจะเป๋นใบสิบบาทหนาเณร ว่าก่อ.. "
สามเณรน้อยผู้สังเกตุการณ์ ทำหน้าที่เป็นกองสอดแหนม! ให้ข้อคิดเห็น เพราะอุ๊ยทรวงแกเริ่มมีฐานะที่ดีขึ้น พอลืมตาอ้าปากได้มาเป็นลำดับ
" ผมว่า อุ๊ยเปิ้ลน่าจะเอากระดาษปันเหรียญไว้ เวลาจ่อมจะได้บ่เกิดเสียงดัง "
เสียงวิพากวิจารณ์ในกลุ่มสามเณรด้วยกัน ส่วนตุ๊ลุงท่านเลิกให้ความไส่ใจไปนานแล้ว โดยให้ข้อคิดเห็นแต่เพียงว่า
" ทุกอย่างมีกรรมอยู่ในตัวของมันเอง "