เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย

ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย => นักลงทุน การเงิน การธนาคาร => ข้อความที่เริ่มโดย: Cupid ที่ วันที่ 21 พฤษภาคม 2011, 20:59:50



หัวข้อ: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 21 พฤษภาคม 2011, 20:59:50
   ขออนุญาตตั้งกระทู้เพื่อเล่าสู่กัน และขอเรียนย้ำว่า เรื่องการลงทุนที่ผมจะนำเสนอเล่าสู่กัน เกี่ยวกับ
การลงทุนในหลักทรัพย์นี้ น่าจะเหมาะกับผู้ที่ต้องการลงทุนในระยะยาว และเป็นประสบการณ์ตรง
ของผมเอง ไม่ใช่วิชาการ โดยตัวของผมเองมีประสบการณ์ในการซื้อขายหลักทรัพย์ (หุ้น) มาจนถึง
วันนี้เป็นเวลา 7 ปีเศษ ขณะนี้มีรายได้จากการลงทุนในหลักทรัพย์ "พออยู่ได้"
   ประสบการณ์ที่ผมจะนำเสนอเล่าสู่กันนี้ ท่านใดสงสัยว่า ทำไมต้องทำอย่างนั้น อย่างนี้
หรือบางประเด็นอาจไม่ชัดเจนพอ ถามได้ครับ ผมจะตอบตามประสบการณ์ และที่ได้เรียนรู้
หรือรับรู้ จากนักลงทุน หรือผู้เข้าไปซื้อขายหลักทรัพย์ในห้องค้า ที่ผมคลุกคลีอยู่ 7 ปีเศษ
นี่แหละครับ (ขออนุญาตเรียนย้ำนะครับ ตามประสบการณ์ ไม่ใช่วิชาการ)

วันนี้ขออนุญาตนำเสนอในประเด็น "การทยอยซื้อหุ้น"
ทำไมต้องทยอยซื้อหุ้น ผมจะนำเรียนในโอกาสต่อไป

   การลงทุนซื้อหลักทรัพย์สำหรับนักลงทุนระยะยาว (ไม่ใช่หุ้นระยะยาวเพราะหุ้นทุกตัว
สามารถลงทุนได้ทั้งระยะสั้น กลาง ยาว) ควรซื้อแบบทยอยซื้อครับ
ไม่ควรซื้อครั้งเดียวทั้งจำนวนเงินที่ตั้งใจจะนำไปลงทุน ขออนุญาตนำเสนอเป็นข้อๆ
เพื่อสะดวกในการอ่านทำความเข้าใจ และอ้างอิง นะครับ
  
   ข้อ 1. ถ้าท่านตั้งใจจะนำเงินจำนวนหนึ่ง (สมมติว่า 100,000 บาท) ไปลงทุนซื้อหุ้นบริษัท ก.
ซึงท่านได้ศึกษามาแล้ว เชื่อว่า เป็นบริษัทที่มีผลประกอบการดี อนาคตเติบโตดี ผู้บริหาร เจ้าของ
กิจการ น่าเชื่อถือ จ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ

   ข้อ 2. เมื่อหุ้นอยู่ในระดับราคาที่ท่านเห็นว่าไม่แพง พอสมน้ำสมเนื้อ คุ้มกับประโยชน์ที่จะได้รับ
จากการลงทุน อย่านำเงิน 100,000 บาท ทั้งจำนวน ไปซื้อลงทุนครั้งเดียว ท่านควรแบ่งเงินออก
เป็น 3-5 ส่วน แล้วทยอยซื้อทีละส่วนครับ

   ข้อ 3. สมมติว่าท่านแบ่งเงิน 100,000 บาท ออกเป็น 4 ส่วนๆละ 25,000 บาท ให้นำส่วนแรก
ไปซื้อหุ้นดังกล่าวตามราคาตามความเห็นของท่านในข้อ 2.เลยครับ

   ข้อ 4. ติดตามราคาว่าหุ้นขึ้น หรือลง ไปจากราคาที่ท่านซื้อไว้ในข้อ 3. อย่างไร

   ข้อ 5. ถ้าราคาหุ้นขึ้นไปจากราคาที่ท่านซื้อไว้ ไม่มีทีท่าว่าจะลง ท่านอย่าไปเสียดายว่าซื้อน้อยไป
และไม่ควรเข้าไปซื้อเพิ่ม ให้ท่านใช้ดุลพินิจว่า จะขายทำกำไรเมื่อใด (เช่น 10% หรือ 20 % ของ
ราคาที่ซื้อมา)

   ข้อ 6. ถ้าราคาหุ้นตกลงมาจากราคาที่ท่านซื้อพอสมควร ไม่ต้องตกใจ (เหตุผลเบื้องต้นตามข้อ 1.)
ให้ท่านใช้ดุลพินิจ นำเงินส่วนที่ 2 ไปซื้อเพิ่มครับ (หุ้นตกลงมาเท่าใด เมื่อใดจึงจะเข้าไปซื้อเพิ่ม
ก็เป็นดุลพินิจอีกนั่นแหละครับ ไม่ตายตัว เพราะมีปัจจัยที่ทำให้หุ้นตกมากเหลือเกิน มีปัจจัยอะไร
บ้างเอาไว้ทีหลังครับ) แต่ควรมีวินัย หรือความตั้งใจว่า จะทยอยซื้อลงทุนครับ และเมื่อใดจะนำเงิน
ส่วนที่ 3 และ 4 เข้าไปซื้อหุ้นให้เต็มจำนวนเงินที่ตั้งใจจะลงทุนนั้น ก็เป็นดุลพินิจเหมือนกัน แต่
ถ้าท่านซื้อครั้งที่ 2 หรือ 3 แล้ว หุ้นกลับขึ้นไปอีก ให้ไปดูข้อ 5.
    
   วันนี้เริ่มต้น ขออนุญาตเอาแค่นี้ก่อนนะครับ


  


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Temujin ที่ วันที่ 21 พฤษภาคม 2011, 21:41:48
หลักเหรียญ ๒ ด้าน...แม้นก่อ..  ;D งั้นแนะนำหุ้นตัวนี้ครับ..TDEX... ;D ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 21 พฤษภาคม 2011, 22:10:32

ครับผม ขอบคุณครับ  ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: หลานอุ้ยเกี๋ยง ที่ วันที่ 22 พฤษภาคม 2011, 01:22:32
เล่นบะเปนครับ


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 22 พฤษภาคม 2011, 08:06:18
เล่นบะเปนครับ

แวะเข้ามาสูบข้อมูล


จากผู้ที่ไม่รู้เรื่องหุ้นเลย แต่อยากจะเริ่มศึกษาครับ  :D

   ขอบคุณทั้งสองท่านที่แวะมาทักทายครับ ผมจะทยอยเรียบเรียงประสบการณ์นำมาลง
ให้อ่านเป็นข้อมูลเรื่อยๆครับ และขอเรียนว่าไม่ได้เรียบเรียงไว้ก่อนล่วงหน้า
   เมื่อได้เรียบเรียงในหัวข้อหรือเรื่องใดพอได้ความแล้ว จะนำเสนอลงเว็บทันทีครับ
 ขอบคุณอีกครั้งครับ
   


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: watinta ที่ วันที่ 22 พฤษภาคม 2011, 08:27:45
เล่นหุ้นมาตั้งแต่ 27 มีนาคม 2546 เกือบ 10 ปีแล้วป่านนี้ยังลุ่มๆดอนๆอยู่เลย ไม่รวยสักทีครับ  8) ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Temujin ที่ วันที่ 22 พฤษภาคม 2011, 08:35:06
แนะนำหลายๆ ท่านไปแวะกระทู้ผมบ้าง เพื่อเปลี่ยนทัศนคติ และดูมันนี่แชนแนล เพื่อปรับกลยุทธ์ครับ... ;D ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 22 พฤษภาคม 2011, 14:50:35
เล่นหุ้นมาตั้งแต่ 27 มีนาคม 2546 เกือบ 10 ปีแล้วป่านนี้ยังลุ่มๆดอนๆอยู่เลย ไม่รวยสักทีครับ  8) ;D

ท่านเข้าตลาดหุ้นก่อนผม 1 ปี ขออนุญาตเรียนว่า ไม่รวยสักที ก็ช่างหัวมัน เถอะครับ
มีรายได้ให้พออยู่พอกินนั่นแหละครับ จะรู้สึกว่ารวยแล้ว


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: ©®* ที่ วันที่ 22 พฤษภาคม 2011, 15:12:28
กลับบ้านคราวหน้า จะแวะไปคุยด้วยที่ สนง.อัยการ นะครับคุณลุง

อยากรวยบ้าง ;D ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 22 พฤษภาคม 2011, 15:37:27
ทำไมต้องทยอยลงทุน (ทยอยซื้อหุ้น)

   ขอเรียนว่า หุ้น หรือหลักทรัพย์ ในตลาดหลักทรัพย์ มีการซื้อขายกันทุกวันที่ธนาคารเปิด
ทำการ เช้าเวลา 10.00-12.30 บ่ายเวลา 14.30-16.30 ราคาหุ้นมีการเปลี่ยนแปลง ขึ้นลง
ทุกวัน ตามเหตุปัจจัยที่เกิดขึ้นในแต่ละช่วงเวลา (วัน สัปดาห์ เดือน) เหตุปัจจัยดังกล่าว
มีมากมาย ผมจะกล่าวถึงในโอกาสต่อไป

   สำหรับผู้ลงทุนรายย่อยมือใหม่ (หรือมือเก่าก็ตาม) เมื่อเห็นว่าราคาหุ้นที่ต้องการจะซื้อลงทุน
มีราคาที่เหมาะสมเมื่อใด (จะเห็นโดยการศึกษาข้อมูลด้วยตนเอง ดูจากราคาหุ้นในอดีต
หรือที่เปลี่ยนแปลงเคลื่อนไหวอยู่ทุกๆวัน จากนักวิเคราะห์ จากกูรู้ เอ๊ย กูรู ก็ตาม) ก็จะเข้าไป
ซื้อลงทุน

   ราคาหุ้นที่นักลงทุนเห็นว่าไม่แพง เหมาะสมในการซื้อลงทุนดังกล่าว และเข้าซื้อไว้นั้น จะมี
การเคลื่อนไหวขึ้นลงทุกวัน แต่สิ่งที่เกืดขึ้นเป็นประจำส่วนมากก็คือ เมื่อได้ซื้อหุ้นตัวใดแล้ว
หุ้นตัวนั้นจะออกอาการ แกว่งลง ครับ และเมื่อหุ้นมีราคาแกว่งลงไปเรื่อยๆจากราคาที่ซื้อไว้
นักลงทุนก็จะมีอาการรู้สึกวิตกกังวล (มากบ้าง น้อยบ้าง แตกต่างกันไปตามประสบการณ์ของ
แต่ละท่าน) และยิ่งถ้านักลงทุนเอาเงินไปซื้อหุ้นครั้งเดียวทั้งจำนวนที่ตั้งใจจะลงทุน ก็จะยิ่ง
อึดอัด วิตกกังวล เป็นทวีคูณ เพราะกลัวหุ้นตกลงไปอีก ทำให้เงินลงทุนแสดงค่าติดลบทาง
บัญชีเพิ่มขึ้น หรือเห็นว่าราคาหุ้นถูกลง อยากได้เพิ่ม เพราะมั่นใจในปัจจัยพื้นฐานของกิจการ
แต่ไม่มีเงินซื้อเพิ่ม

   นี่แหละครับ ประสบการณ์ของผม ซื้อหุ้นที่เห็นว่าราคาถูกแล้ว มันก็ถูกอีก (หุ้นตกลงไปอีก)
เป็นอย่างนี้หลายต่อหลายครั้งมาก (ปัจจุบันก็ยังเป็นอยู่) ถูกแล้ว ถูกอีก ซ้ำซาก ท่านที่เคย
ลงทุนในหลักทรัพย์ (หรือเล่นหุ้น)มาบ้าง คงพอจะเข้าใจได้
 
   ผมจึงคิดหาแนวทางของตัวเองในเรื่องของการลงทุนว่า ให้แบ่งเงินที่ตั้งใจจะใช้ลงทุนซื้อ
หุ้นไว้หลายๆส่วน แล้วทยอยซื้อทีละส่วนไงครับ


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 22 พฤษภาคม 2011, 15:42:33
กลับบ้านคราวหน้า จะแวะไปคุยด้วยที่ สนง.อัยการ นะครับคุณลุง

อยากรวยบ้าง ;D ;D

ยินดีครับ แต่ไปคุยที่บ้านสะดวกกว่า แล้วโทรมาเน้อ  ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Temujin ที่ วันที่ 22 พฤษภาคม 2011, 17:50:02
กลับบ้านคราวหน้า จะแวะไปคุยด้วยที่ สนง.อัยการ นะครับคุณลุง

อยากรวยบ้าง ;D ;D

ยินดีครับ แต่ไปคุยที่บ้านสะดวกกว่า แล้วโทรมาเน้อ  ;D
แค่เจียดเงินไม่กี่เดือนเข้าพอร์ต ก็สบายแล้วอย่างนี้...ท่านอัยการ... ;D ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: conscious ที่ วันที่ 22 พฤษภาคม 2011, 17:57:10

แวะเข้ามาสูบความรู้อีกรอบ อิอิ

ขอบคุณสำหรับบทความดีดีครับ  :D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 22 พฤษภาคม 2011, 18:51:06
กลับบ้านคราวหน้า จะแวะไปคุยด้วยที่ สนง.อัยการ นะครับคุณลุง

อยากรวยบ้าง ;D ;D

ยินดีครับ แต่ไปคุยที่บ้านสะดวกกว่า แล้วโทรมาเน้อ  ;D
แค่เจียดเงินไม่กี่เดือนเข้าพอร์ต ก็สบายแล้วอย่างนี้...ท่านอัยการ... ;D ;D

จุ๊ จุ๊ ! อย่าเอ็ดไป... ;D


แวะเข้ามาสูบความรู้อีกรอบ อิอิ

ขอบคุณสำหรับบทความดีดีครับ  :D

ยินดีครับ และขอบคุณที่มาเยือนบ่อยๆ :D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: watinta ที่ วันที่ 22 พฤษภาคม 2011, 20:49:40
เล่นหุ้นมาตั้งแต่ 27 มีนาคม 2546 เกือบ 10 ปีแล้วป่านนี้ยังลุ่มๆดอนๆอยู่เลย ไม่รวยสักทีครับ  8) ;D

ท่านเข้าตลาดหุ้นก่อนผม 1 ปี ขออนุญาตเรียนว่า ไม่รวยสักที ก็ช่างหัวมัน เถอะครับ
มีรายได้ให้พออยู่พอกินนั่นแหละครับ จะรู้สึกว่ารวยแล้ว
ตอนแรกเป็นนักลงทุนที่ดีอยู่ผลตอบแทนเป็นที่น่าพอใจ 8) แต่ตอนหลังอดใจไม่ใหว(นั่งเฝ้าหน้ากระดาน)เลยกลายเป็นนักเก็ง(ขาดทุน)กำไร ก็เลยลุ่มๆดอนๆได้บ้างเสียบ้าง ;D ตอนนั้นถ้าจำไม่ผิดซื้อหุ้นตัวแรกในชีวิตคือ แผ่นดินทองพร็อพเพอร์ตี้ (gold)  ซื้อไม่ถึง 20 นาทีก็ขาย ได้กำไร 250 กว่าบาท ดีใจแทบตาย ถือว่าขายเอาฤกษ์เอาชัยครับ ;D 


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Temujin ที่ วันที่ 23 พฤษภาคม 2011, 09:46:28
เล่นหุ้นมาตั้งแต่ 27 มีนาคม 2546 เกือบ 10 ปีแล้วป่านนี้ยังลุ่มๆดอนๆอยู่เลย ไม่รวยสักทีครับ  8) ;D

ท่านเข้าตลาดหุ้นก่อนผม 1 ปี ขออนุญาตเรียนว่า ไม่รวยสักที ก็ช่างหัวมัน เถอะครับ
มีรายได้ให้พออยู่พอกินนั่นแหละครับ จะรู้สึกว่ารวยแล้ว
ตอนแรกเป็นนักลงทุนที่ดีอยู่ผลตอบแทนเป็นที่น่าพอใจ 8) แต่ตอนหลังอดใจไม่ใหว(นั่งเฝ้าหน้ากระดาน)เลยกลายเป็นนักเก็ง(ขาดทุน)กำไร ก็เลยลุ่มๆดอนๆได้บ้างเสียบ้าง ;D ตอนนั้นถ้าจำไม่ผิดซื้อหุ้นตัวแรกในชีวิตคือ แผ่นดินทองพร็อพเพอร์ตี้ (gold)  ซื้อไม่ถึง 20 นาทีก็ขาย ได้กำไร 250 กว่าบาท ดีใจแทบตาย ถือว่าขายเอาฤกษ์เอาชัยครับ ;D 
ว่าก็ว่าเหอะครับ ไอ้เรื่องหุ้นผมไม่เคยเสียทีให้มัน เหมือนมันออก ๑๑ สูง ต่ำ เลย... ;D ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: vee48 ที่ วันที่ 23 พฤษภาคม 2011, 09:56:32
มาสนับสนุนกระทู้ดีๆค่ะ ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 23 พฤษภาคม 2011, 09:57:51



เล่นหุ้นมาตั้งแต่ 27 มีนาคม 2546 เกือบ 10 ปีแล้วป่านนี้ยังลุ่มๆดอนๆอยู่เลย ไม่รวยสักทีครับ  8) ;D

ท่านเข้าตลาดหุ้นก่อนผม 1 ปี ขออนุญาตเรียนว่า ไม่รวยสักที ก็ช่างหัวมัน เถอะครับ
มีรายได้ให้พออยู่พอกินนั่นแหละครับ จะรู้สึกว่ารวยแล้ว
ตอนแรกเป็นนักลงทุนที่ดีอยู่ผลตอบแทนเป็นที่น่าพอใจ 8) แต่ตอนหลังอดใจไม่ใหว(นั่งเฝ้าหน้ากระดาน)เลยกลายเป็นนักเก็ง(ขาดทุน)กำไร ก็เลยลุ่มๆดอนๆได้บ้างเสียบ้าง ;D ตอนนั้นถ้าจำไม่ผิดซื้อหุ้นตัวแรกในชีวิตคือ แผ่นดินทองพร็อพเพอร์ตี้ (gold)  ซื้อไม่ถึง 20 นาทีก็ขาย ได้กำไร 250 กว่าบาท ดีใจแทบตาย ถือว่าขายเอาฤกษ์เอาชัยครับ ;D 
ว่าก็ว่าเหอะครับ ไอ้เรื่องหุ้นผมไม่เคยเสียทีให้มัน เหมือนมันออก ๑๑ สูง ต่ำ เลย... ;D ;D
สงสัยไม่ถูกกับ ๑๑   ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 23 พฤษภาคม 2011, 10:00:34
มาสนับสนุนกระทู้ดีๆค่ะ ;D

ขอบคุณครับ ที่มาเป็นกำลังใจ  :)

จะทยอยเรียบเรียงประสบการณ์เข้ามา ตามความสามารถที่มีอยู่ ขอบคุณอีกครั้งครับ



หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 23 พฤษภาคม 2011, 12:54:32
การทยอยขายหุ้น

   การลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ ก็คือการซื้อขายหุ้นนั่นแหละครับ ผมได้นำหัวข้อ
การทยอยซื้อหุ้น มาเป็นลำดับแรกในการเริ่มต้นกระทู้นี้ และวันนี้ขอนำเรื่อง การทยอยขายหุ้น
มาเรียบเรียงเสนอนะครับ (ขอย้ำว่าเป็นแนวทางที่เกิดจากประสบการณ์ ไม่ใช่วิชาการ)
และการนำเสนอในเรื่องการทยอยขายหุ้นนี้ ก็เพื่อให้รับกับเรื่อง การทยอยซื้อห้น เพื่อให้เกิด
ความสมดุลขึ้นเสียก่อนที่จะเรียบเรียงในเรื่องอื่นๆต่อไป และขอเรียนว่าเป้นเพียงแนวทาง
กว้างๆ เพื่อให้ท่านที่สนใจลงทุนในหลักทรัพย์เอาไว้เป็นข้อมูล หรือนำไปประยุกต์ใช้กับ
การลงทุนของท่านเพื่อให้เหมาะกับตัวท่านเท่านั้น ส่วนในรายละเอียดยังคงมีประเด็นอีกมากมาย
ซึ่งผมจะได้เรียบเรียงนำเสนอต่อๆไป เท่าที่เวลาและความสามารถที่มีอยู่นะครับ

   เข้าเรื่องการทยอยขายนะครับ เมื่อหุ้นกำลังขึ้น (หรือเป็นขาขึ้นอย่างที่เรียกๆกัน)
ท่านมีหุ้นอยู่ในพอร์ต (หรือในมือก็ได้) ภาษาอังกฤษใช้ว่า in hand ตรงๆเลยครับ
ซึ่งหุ้นที่ท่านมีอยู่มีหลายราคา ตามที่ท่านได้ทยอยซื้อไว้นั่นแหละครับ

   เมื่อท่านเห็นว่าราคาหุ้นในตลาดได้ขึ้นไปสูงกว่าราคาหุ้นในมือ ต้องการขายเพื่อทำกำไร
แม้ว่าราคาหุ้นในตลาดจะสูงกว่าราคาหุ้นในมือที่มีราคาสูงสุด ก็ขอเรียนว่าอย่าเพิ่งขาย
ออกไปทั้งหมดของจำนวนที่มีอยู่นะครับ (เราได้ทยอยซื้อมาในราคาที่แตกต่างกันหลายครั้ง)
ขอลำดับขั้นตอนดังนี้ครับ

   ข้อ 1. ท่านควรทยอยขายออกไปตามส่วนที่ทยอยซื้อมานั่นแหละครับ

   ข้อ 2. เมื่อขายส่วนแรกออกไปแล้ว ให้ติดตามดูว่าหุ้นมีการเปลี่ยนแปลงราคา ขึ้น หรือลง ไปอีกเท่าใด อย่างไร

   ข้อ 3. ถ้าหุ้นตกลงมาจากราคาที่ขายไปตามข้อ 1. ก็อย่าไปเสียดายว่า รู้งี้ขายไปให้หมด
ดีกว่า (อย่าลืมว่าการลงทุนของท่านเป็นการลงทุนระยะยาว และเรากำลังลงทุนอยู่กับกิจการนี้
เราไม่ได้กำลังเล่นการพนัน) ให้ท่านใช้ดุลพินิจ (อีกแล้ว) ซื้อกลับคืนตามจำนวนที่ขายไป
ท่านจะได้ส่วนต่างของราคาหุ้นที่ขายไปกับราคาที่ซื้อกลับคืน ใส่กระเป๋าไว้ 
แต่หุ้นดีๆของท่านยังคงอยู่ครบตามจำนวนที่มีอยู่ก่อนที่จะขายออกไปตามข้อ 1.
(การใช้ดุลพินิจซื้อกลับคืนควรได้ส่วนต่างอย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 4% - 5% นะครับ)

   ข้อ 4. ถ้าหุ้นขึ้นไปอีกจากราคาที่ขายออกไปตามข้อ 1. ให้ใช้ดุลพินิจทยอยขายออกไป
ทีละส่วน หรือทั้งหมด แล้วแต่ดุลพินิจของแต่ละท่าน
(หุ้นจะขึ้นไปอีกเท่าใดถึงจะขายอีก ก็ต้องใช้ดุลพินิจตามประสบการณ์ของแต่ละท่านนะครับ)

   ข้อ 5. ถ้าทยอยขายออกไปยังไม่หมดมือ แต่หุ้นกลับตกลงมาอีก ให้ไปดูข้อ 3. ไม่ต้อง
เสียดายว่าน่าจะขายออกไปเสียทั้งหมด จะได้ได้กำไรเยอะๆ

   ผมขอเรียนว่า ทยอยซื้อ ทยอยขาย ทยอยรับเงินจากส่วนต่างอย่างนี้ ดีสำหรับการลงทุน
ระยะยาว เพราะทุก 6 เดือน ทุก 1 ปี หุ้นดีๆมีปันผล ได้เครดิตภาษี เป็นรายได้ของท่าน จาก
การลงทุนในกิจการดีๆที่ท่านมั่นใจ (เรื่องเครดิตภาษี ผมจะนำมาเรียบเรียงนำเสนอในโอกาสต่อๆไปครับ)
   
   ขอเรียนปิดท้ายสำหรับเบรกนี้ว่า แม้มีประสบการณ์เพียงใด ก็ต้องมีเฮงด้วยครับ ถึงจะได้มีกำไรเยอะๆ แต่ก็ยังยืนยันว่า...
   ประสบการณ์คือครูที่ดีที่สุด หรือ Experience is the best teacher. ขอบคุณที่ติดตามอ่านจนจบเบรกครับ  ;)


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Temujin ที่ วันที่ 23 พฤษภาคม 2011, 13:40:20
มีท่านผู้รู้ออกตัวมาแนะนำเทคนิคดีๆ แบบนี้ สำหรับท่านใดที่มีทัศนคติที่ดีต่อการลงทุนในหุ้นแล้วอย่าลืมนำไปปฏิบัติกระทั่งเกิดความชำนาญล่ะ ไม่เก่งแต่ชำนาญ ไม่เชียวชาญแต่เคยมือ บางครั้งมีเงินอย่างเดียวไม่พอ มันมีจังหวะและรอบมันอยู่นะครับเรื่องแบบนี้.. ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: conscious ที่ วันที่ 23 พฤษภาคม 2011, 13:53:50
มีท่านผู้รู้ออกตัวมาแนะนำเทคนิคดีๆ แบบนี้ สำหรับท่านใดที่มีทัศนคติที่ดีต่อการลงทุนในหุ้นแล้วอย่าลืมนำไปปฏิบัติกระทั่งเกิดความชำนาญล่ะ ไม่เก่งแต่ชำนาญ ไม่เชียวชาญแต่เคยมือ บางครั้งมีเงินอย่างเดียวไม่พอ มันมีจังหวะและรอบมันอยู่นะครับเรื่องแบบนี้.. ;D


- มีจังหวะและรอบ เหมือนรำวงย้อนยุคมั้ย อิอิ

ขอบคุณครับ แวะเข้ามาสูบอีกรอบ ได้ความรู้ ดีจริงๆ  :D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 23 พฤษภาคม 2011, 14:20:19
มีท่านผู้รู้ออกตัวมาแนะนำเทคนิคดีๆ แบบนี้ สำหรับท่านใดที่มีทัศนคติที่ดีต่อการลงทุนในหุ้นแล้วอย่าลืมนำไปปฏิบัติกระทั่งเกิดความชำนาญล่ะ ไม่เก่งแต่ชำนาญ ไม่เชียวชาญแต่เคยมือ บางครั้งมีเงินอย่างเดียวไม่พอ มันมีจังหวะและรอบมันอยู่นะครับเรื่องแบบนี้.. ;D
ถะ ถะ ถะ ถูกต้องนะคร้าบ....  ;D
     ไม่เก่งแต่ชำนาญ ไม่เชี่ยวชาญแต่เคยมือ
แต่เรื่องนี้หาความชำนาญยากจริง..จริง  :)

ขอบคุณท่านเตฯนักนักครับที่กรุณามาสร้างสีสันให้  ;)


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Temujin ที่ วันที่ 23 พฤษภาคม 2011, 14:24:43
อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลย ผมยังอ่อนหัดกว่าท่านมากครับ ทั้งระยะเวลาและมูลค่าพอร์ต.. ;D ;D แค่จำๆ เขามา... ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 23 พฤษภาคม 2011, 14:26:24
มีท่านผู้รู้ออกตัวมาแนะนำเทคนิคดีๆ แบบนี้ สำหรับท่านใดที่มีทัศนคติที่ดีต่อการลงทุนในหุ้นแล้วอย่าลืมนำไปปฏิบัติกระทั่งเกิดความชำนาญล่ะ ไม่เก่งแต่ชำนาญ ไม่เชียวชาญแต่เคยมือ บางครั้งมีเงินอย่างเดียวไม่พอ มันมีจังหวะและรอบมันอยู่นะครับเรื่องแบบนี้.. ;D


- มีจังหวะและรอบ เหมือนรำวงย้อนยุคมั้ย อิอิ

ขอบคุณครับ แวะเข้ามาสูบอีกรอบ ได้ความรู้ ดีจริงๆ  :D


ขอบคุณที่เข้ามาบ่อยๆ จำได้ไหมท่านติดค้างอะไรผมไว้ กระทู้ไหน ผมจำไม่ได้ แต่จำสิ่งติดค้างได้... ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: conscious ที่ วันที่ 23 พฤษภาคม 2011, 14:42:12
มีท่านผู้รู้ออกตัวมาแนะนำเทคนิคดีๆ แบบนี้ สำหรับท่านใดที่มีทัศนคติที่ดีต่อการลงทุนในหุ้นแล้วอย่าลืมนำไปปฏิบัติกระทั่งเกิดความชำนาญล่ะ ไม่เก่งแต่ชำนาญ ไม่เชียวชาญแต่เคยมือ บางครั้งมีเงินอย่างเดียวไม่พอ มันมีจังหวะและรอบมันอยู่นะครับเรื่องแบบนี้.. ;D


- มีจังหวะและรอบ เหมือนรำวงย้อนยุคมั้ย อิอิ

ขอบคุณครับ แวะเข้ามาสูบอีกรอบ ได้ความรู้ ดีจริงๆ  :D


ขอบคุณที่เข้ามาบ่อยๆ จำได้ไหมท่านติดค้างอะไรผมไว้ กระทู้ไหน ผมจำไม่ได้ แต่จำสิ่งติดค้างได้... ;D

- Oh my god คืนไหนที่ท้องฟ้าปรอดโปร่ง ขอท่านจงมองขึ้นไปท้องฟ้า ท่านจะเห็นเส้นทางสีขาว

ณ เส้นทางสายนั้น อีกไม่นาน 2 เราจะเดินไปบรรจบกัน  ;D ;D ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 23 พฤษภาคม 2011, 14:51:03

บนทางช้างเผือก...!!! ? ผมไม่ใช่โกโบรินะ... ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 23 พฤษภาคม 2011, 15:40:04

วันนี้หุ้นลงเยอะ ผมได้มา 1 order แล้ว เมื่อกี้นี้เอง ตั้งรอไว้ตั้งแต่เช้า (ทยอยซื้อทีละน้อยครับ)


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 23 พฤษภาคม 2011, 16:22:27
ทำไมถึงต้องทยอยขาย

   ทำนองเดียวกันกับต้องทยอยซื้อนั่นแหละครับ ผมเคยขายหุ้นทั้งจำนวนที่มีอยู่ เพราะได้กำไรเยอะ
แล้ว (กำไร 50% เยอะไหมครับ) แต่หุ้นก็ขึ้นไปอีก สูงแล้ว สูงอีก นั่นแหละครับ ผมเลยมาหาแนวทาง
การขายหุ้นว่ามันก็ควรเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับการซื้อเช่นกัน คือต้องเป็นการทยอยขาย ขั้นตอน
ตามที่ผมได้เรียบเรียงไว้ข้างต้น (ตอบ#20) นั่นแหละครับ
   
   ซึ่งการที่ขายหุ้นออกไปแล้ว และหุ้นขึ้นต่อนั้น ก็เป็นประสบการณ์ของนักลงทุนรายย่อย ที่ต้องพบเจอทุกคนครับ
ไม่มีข้อยกเว้น เหมือนกับซื้อแล้ว หุ้นก็ลงต่อ นั่นแหละ


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: เจ็บจุงเบย ที่ วันที่ 23 พฤษภาคม 2011, 16:29:15
มาสนับสนุนกระทู้ดีๆค่ะ ;D
มาสนับสนุนกระทู้ดีๆค่ะ ;D
+10000


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: ....คนหน้าแหลม.... ที่ วันที่ 23 พฤษภาคม 2011, 16:37:55
set 1053.97   -18.97 มาถึงจุดสำคัญ  ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: vee48 ที่ วันที่ 23 พฤษภาคม 2011, 16:43:32
set 1053.97   -18.97 มาถึงจุดสำคัญ  ;D

โอยยย หน้าจะมืดดด


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 23 พฤษภาคม 2011, 16:47:00
มาสนับสนุนกระทู้ดีๆค่ะ ;D
มาสนับสนุนกระทู้ดีๆค่ะ ;D
+10000

ขอบคุณที่มาให้กำลังใจครับ


set 1053.97   -18.97 มาถึงจุดสำคัญ  ;D

โอยยย หน้าจะมืดดด


ไม่ต้องกลัวครับ มาเอายาหอมไป ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: ....คนหน้าแหลม.... ที่ วันที่ 23 พฤษภาคม 2011, 16:47:13
set 1053.97   -18.97 มาถึงจุดสำคัญ  ;D

โอยยย หน้าจะมืดดด

ช่วงนี้แหละจะผันผวนหนัก เพราะอาจจะหลุด 1050 แล้วหลุดเลย หรือดันขึ้นไปใหม่ สลับไปมา dtac advanc mlink ยังแข็ง


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: lumpotorn19 ที่ วันที่ 23 พฤษภาคม 2011, 18:16:36
หวัดดีเจ้า แวะมาอ่านกระทู้ (อยากเป็นนักลงทุน เล่นหุ้นมั่ง)


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: vee48 ที่ วันที่ 23 พฤษภาคม 2011, 19:47:05
ถึงตอนนี้ก็ต้อง SAP ค่ะ Sit At Peak...บนดอยมันช่างหนาวเหลือเกิน ::)


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 23 พฤษภาคม 2011, 20:00:29
หวัดดีเจ้า แวะมาอ่านกระทู้ (อยากเป็นนักลงทุน เล่นหุ้นมั่ง)

สวัสดีครับ สนใจอยากเป็นนักลงทุน เข้ามาอ่าน ถาม ได้ครับ  ;)


ถึงตอนนี้ก็ต้อง SAP ค่ะ Sit At Peak...บนดอยมันช่างหนาวเหลือเกิน ::)

เชื่อครับ ยอดดอยมันหนาวจริงๆ โปรดผิงไฟ และห่มผ้าหนาๆ  ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Temujin ที่ วันที่ 24 พฤษภาคม 2011, 14:16:46
เศรษฐศาสตร์ ว่าด้วยเรื่อง เศรษฐกิจจุลภาค-มหภาค รัฐศาสตร์ ว่าด้วยการเมืองการปกครอง บริหารประเทศ รักษาผลประโยชน์ของชาติ (แต่นักการเมืองไทยเอาไปรักษาผลประโยชน์ใครก็ไม่รู้) นิติศาสตร์ คือเครื่องมือทำให้ผลประโยชน์ว่าด้วยเศรษฐกิจเท่าเทียมกันและให้ประชาชนอยู่ร่วมกันอย่างปกดิสุข..ไอไม่ได้เล่นหุ้น ในพอร์ตตัวเอง...ๆ...ๆ.... ;D ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: วายุ ที่ วันที่ 24 พฤษภาคม 2011, 16:00:34
     ที่ท่านคิวปิดแนะนำเอาไว้เรื่องทยอยซื้อและขายนั้น  ผมก็ใช้วิธีนี้อยู่  เพียงแต่ว่า  นี่เป็นกลยุทธ์ในการซื้อขายเท่านั้น  สิ่งที่เราควรคำนึงถึงอันดับแรกเลยก็คือ  การดูที่พื้นฐานของบริษัทครับ  เมื่อดูจนรู้ว่าดีแล้ว  ค่อยมาทำตามกลยุทธ์ที่ได้แนะนำไว้


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Temujin ที่ วันที่ 24 พฤษภาคม 2011, 16:30:30
น่าน..เข้าสไตล์ ดร.นิเวศน์แล้ว (VI) ผมก็ดูพื้นฐานครับ ซื้อเครื่องบำบัดน้ำเสียเมื่อไหร่ รู้เลยขยายกำลังผลิต ผู้บริหารกองทุนไปดูแค่ไม่กี่วัน ผมไปอยู่หลายสัปดาห์ หรือเป็นดือน... ;D ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 24 พฤษภาคม 2011, 20:13:46
     ที่ท่านคิวปิดแนะนำเอาไว้เรื่องทยอยซื้อและขายนั้น  ผมก็ใช้วิธีนี้อยู่  เพียงแต่ว่า  นี่เป็นกลยุทธ์ในการซื้อขายเท่านั้น  สิ่งที่เราควรคำนึงถึงอันดับแรกเลยก็คือ  การดูที่พื้นฐานของบริษัทครับ  เมื่อดูจนรู้ว่าดีแล้ว  ค่อยมาทำตามกลยุทธ์ที่ได้แนะนำไว้

     แน่นอนครับ ก่อนที่เราจะลงทุนกับบริษัทใด ควรดูพื้นฐานของบริษัทฯนั้นๆก่อนว่า มีความมั่นคงแค่ไหน ประเภทของกิจการ ว่าบริษัทฯที่เราตั้งใจจะลงทุนด้วยนั้นดำเนินกิจการใด เป็นกิจการที่มีอนาคตดีอย่างไร มีบริษัทฯอื่นที่ดำเนินกิจการอย่างเดียวกันหรือไม่ เจ้าของและ
ผู้บริหารเป็นใคร มีเครดิต (ความน่าเชื่อถือ) มากน้อยแค่ไหน ใครเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัทฯ ผลประกอบการแต่ละไตรมาส แต่ละปี เป็นอย่างใด มีนโยบายให้ผลประโยชน์ตอบแทน (ปันผล)แก่ผู้ถือหุ้นอย่างไร ทำตามนโยบายดังกล่าวได้มากน้อยแค่ไหนในช่วงที่ผ่านๆมา

     แล้วผมจะทยอยเรียบเรียงข้อคิดและเหตุผลมานำเสนอต่อไป ขอบคุณท่านวายุ ที่แวะมาทักทายนะครับ   
     


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: AIT ที่ วันที่ 24 พฤษภาคม 2011, 21:16:14
เข้ามาอ่านประดับความรู้ครับ ขอบคุณทุกท่านครับ


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: katiandpaul ที่ วันที่ 24 พฤษภาคม 2011, 21:54:02
ผมสนใจการลงทุนระยะยาวเหมือนกันครับ ตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงเริ่มต้นทำการเปิดบัญชีครับ

ขอบคุณมากครับสำหรับข้อมูลที่นำมาเล่าสู่กันฟัง

เป็นอีกหนึ่งกระทู้ที่ดีมากครับในพื้นที่แห่งนี้


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: ©®* ที่ วันที่ 24 พฤษภาคม 2011, 22:00:58
สนับสนุนกระทู้ดีๆ มีสาระครับ ;)


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Temujin ที่ วันที่ 24 พฤษภาคม 2011, 22:46:39
    ที่ท่านคิวปิดแนะนำเอาไว้เรื่องทยอยซื้อและขายนั้น  ผมก็ใช้วิธีนี้อยู่  เพียงแต่ว่า  นี่เป็นกลยุทธ์ในการซื้อขายเท่านั้น  สิ่งที่เราควรคำนึงถึงอันดับแรกเลยก็คือ  การดูที่พื้นฐานของบริษัทครับ  เมื่อดูจนรู้ว่าดีแล้ว  ค่อยมาทำตามกลยุทธ์ที่ได้แนะนำไว้

     แน่นอนครับ ก่อนที่เราจะลงทุนกับบริษัทใด ควรดูพื้นฐานของบริษัทฯนั้นๆก่อนว่า มีความมั่นคงแค่ไหน ประเภทของกิจการ ว่าบริษัทฯที่เราตั้งใจจะลงทุนด้วยนั้นดำเนินกิจการใด เป็นกิจการที่มีอนาคตดีอย่างไร มีบริษัทฯอื่นที่ดำเนินกิจการอย่างเดียวกันหรือไม่ เจ้าของและ
ผู้บริหารเป็นใคร มีเครดิต (ความน่าเชื่อถือ) มากน้อยแค่ไหน ใครเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัทฯ ผลประกอบการแต่ละไตรมาส แต่ละปี เป็นอย่างใด มีนโยบายให้ผลประโยชน์ตอบแทน (ปันผล)แก่ผู้ถือหุ้นอย่างไร ทำตามนโยบายดังกล่าวได้มากน้อยแค่ไหนในช่วงที่ผ่านๆมา

     แล้วผมจะทยอยเรียบเรียงข้อคิดและเหตุผลมานำเสนอต่อไป ขอบคุณท่านวายุ ที่แวะมาทักทายนะครับ    
    
ต้องดู P/E และ ROE ด้วยแม่นก่อ...ท่าน... ;D เกมส์นี้มันบ่แม่น ๕ ๖ สูง ต่ำ เด้อทุกๆท่าน.. ;D ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 25 พฤษภาคม 2011, 06:49:28
P = ราคาตลาดของหุ้น (price)
E = กำไรสุทธิต่อหุ้น (earning)
 
P/E  คืออัตราส่วนระหว่างราคาตลาดกับกำไรสุทธิต่อหุ้น เรียกกันว่า PE RATIO (พีอีเรโช)
 
เป็นเชิงวิชาการ การหาค่า พีอีเรโช ก็เพื่อนำมาดูว่าราคาหุ้นถูก หรือแพงอย่างไร
มีประโยชน์ในการเปรียบเทียบราคาหุ้นของบริษัทฯที่ดำเนินกิจการ หรืออยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกัน 
เป็นองค์ประกอบอันหนึ่งในการเลือกบริษัทฯที่เราจะซื้อหุ้นลงทุน

ส่วน ROE นั้น ผมจำรายละเอียดและประโยชน์ของมันไม่ได้แม่น รบกวนท่านเตฯ หรือท่านผู้รู้
กรุณาชี้แนะด้วยครับ เนื่องจากตัวผมไม่ค่อยสันทัดในเชิงวิชาการครับ ขอบคุณครับ





หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 25 พฤษภาคม 2011, 08:24:39
ผมสนใจการลงทุนระยะยาวเหมือนกันครับ ตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงเริ่มต้นทำการเปิดบัญชีครับ

ขอบคุณมากครับสำหรับข้อมูลที่นำมาเล่าสู่กันฟัง

เป็นอีกหนึ่งกระทู้ที่ดีมากครับในพื้นที่แห่งนี้
สนับสนุนกระทู้ดีๆ มีสาระครับ ;)

ขอบคุณครับ เป็นกำลังใจในการเรียบเรียงฯอย่างดีเลยครับ


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: vee48 ที่ วันที่ 25 พฤษภาคม 2011, 08:55:10
เท่าที่ทราบนะคะ แต่ขอออกตัวไว้ก่อนว่าไม่ได้รู้อะไรมากนะคะ

ค่า P/E  ในระดับที่ถือว่าไม่แพงและพอรับได้จะอยู่ที่ประมาณ 10 เท่า มากน้อยกว่านี้นิดหน่อยถือว่าเป็นหุ้นที่ค่อนข้างถูกอยู่ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องดูปัจจัยอื่นๆของบริษัทด้วยนะคะ

ส่วนค่า ROE หากอยู่ในระดับ 12-15% จะถือว่าดีโดยเฉลี่ยนะคะ ยิ่งสูงก็ยิ่งดีค่ะ

หากมีผู้รู้มาช่วยอธิบายเป็นวิทยาทานเพิ่มเติมจะขอบคุณมากค่ะ ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Baby Old ที่ วันที่ 25 พฤษภาคม 2011, 09:41:23
เปิ้นไปซื้อ-ขายกั๋นตี่ไหน ขายอย่างใดครับ ผมบ่อมีความฮู้เรื่องนี้แต้ๆ จ่วยแนะนำกำเต๊อะ ???ขอบคุณครับ.


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Temujin ที่ วันที่ 25 พฤษภาคม 2011, 09:49:54
เปิ้นไปซื้อ-ขายกั๋นตี่ไหน ขายอย่างใดครับ ผมบ่อมีความฮู้เรื่องนี้แต้ๆ จ่วยแนะนำกำเต๊อะ ???ขอบคุณครับ.
ปั่นกระทู้นี้ยังไง ก็ซื้อขายกันที่นั่นและครับ...หาข้อมูลเพิ่มเติม  http://www.settrade.com/login.jsp?txtBrokerId=IPO


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 25 พฤษภาคม 2011, 09:54:21


เท่าที่ทราบนะคะ แต่ขอออกตัวไว้ก่อนว่าไม่ได้รู้อะไรมากนะคะ

ค่า P/E  ในระดับที่ถือว่าไม่แพงและพอรับได้จะอยู่ที่ประมาณ 10 เท่า มากน้อยกว่านี้นิดหน่อยถือว่าเป็นหุ้นที่ค่อนข้างถูกอยู่ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องดูปัจจัยอื่นๆของบริษัทด้วยนะคะ

ส่วนค่า ROE หากอยู่ในระดับ 12-15% จะถือว่าดีโดยเฉลี่ยนะคะ ยิ่งสูงก็ยิ่งดีค่ะ

หากมีผู้รู้มาช่วยอธิบายเป็นวิทยาทานเพิ่มเติมจะขอบคุณมากค่ะ ;D
ขอบคุณที่ร่วมให้ข้อมูลครับ ค่า P/E เป็นปัจจัยหนึ่งในการใช้ดุลพินิจตัดสินใจลงทุน ROE ก็เช่นเดียวกัน


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 25 พฤษภาคม 2011, 10:48:15

พื้นฐาน ปัจจัยพื้นฐาน

   พื้นฐานของบริษัทฯ ในความคิดของผม คือความมั่นคงในระยะยาวของบริษัทฯที่ประกอบกิจการ
ว่าจะมีความมั่นคง ยั่งยืน มากน้อยแค่ไหน ถ้ามั่นคงมาก ยั่งยืนนาน เงินของเราที่จะนำไปลงทุนด้วย
จะได้มั่นคง ยั่งยืน ผลิดอก ออกผล ไว้เป็นรายได้ไปนานๆ และขอเรียนว่า หลักทรัพย์ หรือหุ้นนั้น
เป็นทรัพย์สินอย่างหนึ่ง บริษัทฯมั่นคง ยั่งยืนนาน หุ้นเราก็ยังอยู่ ถ้าเราตายไป บริษัทฯยังอยู่ หุ้นของเรา
ที่ยังไม่ได้ขายออกไปก่อนตาย ก็จะเป็นทรัพย์สินซึ่งจะกลายเป็นมรดกตกแก่ทายาทของเรา
เช่นเดียวกับทรัพย์สินอื่นๆของเรานั่นแหละครับ

   ขอเรียนเบื้องตันไว้ก่อนว่า ความมั่นคง (พื้นฐาน) ของบริษัทฯอาจไม่คงที่ อาจมีการเปลี่ยนแปลงไป
ตามกาลเวลา(ที่เรียกกันว่า "ความไม่เที่ยง" นั่นแหละครับ) ตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นจริงๆ หรือที่เกิด
จากการกระทำของมนุษย์ (สร้างข่าว เพื่อทุบ หรือปั่นราคาหุ้น) ขอให้นักลงทุนระยะยาวรับฟัง
หาข้อมูล และพิจารณาให้รอบคอบก่อนตัดสินใจใดๆนะครับ

   มาว่ากันถึงความมั่นคงของบริษัทฯกันครับ ว่ามีปัจจัยที่ทำให้บริษัทฯใดมีความมั่นคงเพียงใด ที่เรียก
กันว่า "ปัจจัยพื้นฐาน" นั่นแหละครับ มีปัจจัยอะไรบ้าง

   ข้อ 1. ประเภทของกิจการ เช่น ธนาคาร สื่อสาร พลังงาน คมนาคม ผลิตไฟฟ้า อสังหาริมทรัพย์
บันเทิง และ ฯลฯ

   ข้อ 2. ทุนจดทะเบียน.

   ข้อ 3. เจ้าของบริษัทฯ  ผู้บริหารบริษัทฯ

   ข้อ 4. ผู้ถือหุ้นรายใหญ่

   ข้อ 5. นโยบายการบริหารจัดการ แผนงานการลงทุน ขยายกิจการ กำลังการผลิต การทำตามนโยบาย

   ข้อ 6. ผลประกอบการรายไตรมาส รายปี

   ข้อ 7. นโยบายให้ผลประโยชน์ตอบแทน (ปันผล) แก่ผู้ถือหุ้น การทำตามนโยบาย

   ตอนนี้นึกได้เท่านี้ ท่านใดมีนอกเหนือจากนี้ เพิ่มเติมได้นะครับ และจะทยอยเรียบเรียงรายละเอียด
ในโอกาสต่อๆไปครับ ขอจบเบรกนี้ไว้เพียงเท่านี้ก่อนนะครับ


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 25 พฤษภาคม 2011, 10:56:33
เปิ้นไปซื้อ-ขายกั๋นตี่ไหน ขายอย่างใดครับ ผมบ่อมีความฮู้เรื่องนี้แต้ๆ จ่วยแนะนำกำเต๊อะ ???ขอบคุณครับ.
ปั่นกระทู้นี้ยังไง ก็ซื้อขายกันที่นั่นและครับ...หาข้อมูลเพิ่มเติม  http://www.settrade.com/login.jsp?txtBrokerId=IPO

ขอบคุณท่านเตฯ ที่กรุณาช่วยตอบให้

แต่ผมปั่น (เขียน) กระทู้อยู่ที่บ้าน ไม่ใช่ที่โบรกเกอร์

ไปซื้อขายหุ้นที่บ้านผมไม่ได้ดอกครับ ที่ท่านได้กรุณาชี้แนะนั้น ถูกต้องแล้วครับ

ขอบคุณอีกครั้งครับ ;)


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Temujin ที่ วันที่ 25 พฤษภาคม 2011, 11:39:50
ทุกโบรกฯมีบัญชี Internet หรือจะเป็นเว็บฯ ที่แนะนำไปก็สามารถซื้อ-ขายได้ทุกโบรกฯ มือถือ แท็บเล็ท iPod touch iPhone iPad ก็ซื้อขายได้ ขอแต่เชื่อม Internet ได้ แต่ก่อนจอดรถข้างทาง ผมก็สามารถเทรดได้ เพราะใช้ Cat CDMA มันง่ายมากในการเทรด พอๆ กับแซทฯลฯ เลยแหละ สักหน่อยถ้า กาแฟดอยช้างเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ก็จะมี ชาวเขาเทรดด้วยแล้ว มี 3G มีแผงโซ่ล่า มีคอมพ์... ;D ;D อ่อลืมไป เทรดผ่าน Internet ค่าธรรมเนียมต่ำสุด คือ ๐.๑๕ ครับ...


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 25 พฤษภาคม 2011, 12:15:32
ถูกของท่านครับ แต่ผมเข้าใจว่า ท่าน Baby Old คงจะหมายความว่าในเบื้องต้น ต้องไปติดต่อ
เปิดบัญชี ซื้อขาย ที่ใด มีวิธีการอย่างไร ท่านแนะนำให้ไปติดต่อโบรคเกอร์ โดยให้ไปดูข้อมูล
ที่เว็บ settrade นั้น ต้องแล้ว ขออภัย ผมตามท่านไม่ทัน  :D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Baby Old ที่ วันที่ 25 พฤษภาคม 2011, 13:30:08
ขอบคุณมากที่ชี้แนะ เดี๋ยวได้กำไรสักล้านสองล้านจะขอเลี้ยงข้าวสักมื้อนะครับ ท่านcupid...ทุกวันนี้ซื้อขายแต่ที่ดิน เดี๋ยวจะลองหาช่องทางด้านนี้ดูบ้าง ขอบคุณจาดหลายเด้อ. :o


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 25 พฤษภาคม 2011, 14:46:33

    ยินดีครับ และขอขอบคุณท่าน Baby Old ล่วงหน้า สำหรับอาหาร 1 มื้อ  ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 25 พฤษภาคม 2011, 15:47:17
อุทธาหรณ์ การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานของบริษัทฯ เฉพาะประเภทของกิจการ เจ้าของ และผู้บริหาร
    

   กำลังสมองแล่น ขออนุญาตยกอุทธาหรณ์ ในเรื่องการตัดสินใจเลือกบริษัทฯที่จะซื้อหุ้นลงทุน
เพื่อให้งายต่อการจำ ผมขอตั้งสมมติฐาน โดยขออนุญาตพาดพิงถึงกิจการของท่านวายุนะครับ
คงไม่ว่าอะไรนะครับ
    
    โดยผมขอสมมติว่า กิจการขายข้าวมันไก่ของท่านวายุ เป็นบริษัทมหาชน ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
เราต้องการซื้อหุ้นบริษัทขายข้าวมันไก่ของท่านวายุนี้เพื่อลงทุน เราก็ต้องศึกษาและวิเคราะห์
ปัจจัยพื้นฐานของบริษัทฯนี้ว่าเป็นอย่างไร ลองดูแค่ 2 ปัจจัยก่อนนะครับ

   ข้อ 1. ประเภทของกิจการคือ ขายข้าวมันไก่ การขายข้าวมันไก่นี้เป็นกิจการที่น่าจะมั่นคง สามารถ
ดำเนินไปได้อีกนานเท่าใด หรือตลอดไป พรุ่งนี้ สัปดาห์หน้า เดือนหน้า ปีหน้า ปีต่อๆไป คนจะยังกิน
ข้าวมันไก่อยู่หรือไม่ มีคนกินเพิ่มทุกวัน ทุกอาทิตย์ ทุกเดือน ทุกปีหรือไม่ (ลองถามท่านวายุดู อิอิ  ;))
ประเด็นนี้ผมเชื่อว่าทุกท่านคงตอบได้ว่า ข้าวมันไก่น่ะ ยังไงยังไงก็ขายได้ และมีคนกินเพิ่มแน่นอน
เพราะพลเมืองเพิ่มทุกวัน

    ข้อ 2. เจ้าของกิจการ ผู้บริหาร เป็นอย่างไร นิสัยใจคอ การบริการ ความน่าเชื่อถือส่วนตัวเป็นที่ยอม
รับของคนส่วนใหญ่ไหม ในเรื่องความซื่อสัตย์ มีคุณธรรม อัธยาศัยไมตรี ความขยันตั้งใจค้าขายไม่
ปิดร้านบ่อยๆ ทำให้ลูกค้าผิดหวัง ไปซื้อแล้วเจอร้านปิดบ่อยๆไหม
             ถ้ายุติว่า นิสัยดี บริการเยี่ยม เครดิต (ความน่าเชื่อถือ)ดี ซื่อสัตย์ มีคุณธรรม อัธยาศัยดี ขยัน
ไม่หยุดบ่อย (หยุดเฉพาะวันเสาร์ครับ เรื่องจริง  ;))

     ลองเอาแค่ 2 ข้อนี้ ถ้าเป็นท่าน ท่านจะลงทุนซื้อหุ้นของบริษัทฯขายข้าวมันไก่ของท่านวายุหรือไม่

อย่าลืมนะครับ ข้อ1.นั้น เกี่ยวกับประเภทของกิจการ ข้อ 2. เป็นเรื่องของตัวบุคคล
อ้อลืมไป ข้อปลีกย่อยที่สำคัญคือ รสชาติ แข่งขันกับกิจการขายข้าวมันไก่อื่นได้ไหม  ;D

ปล. ร้านนี้เปิดขายอยู่ที่หน้าบริษัทเมืองไทยประกันชีวิต ใกล้ซอย 18 มิถุนา ขายเฉพาะตอนเย็น หยุดทุกวันเสาร์ (อันนี้เรื่องจริง ไม่ได้สมมตินะครับ  ;))


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: ....คนหน้าแหลม.... ที่ วันที่ 25 พฤษภาคม 2011, 16:58:45
ครับ ก็ว่ากันไป จะลงทุนสั้นยาวแล้วแต่ถนัด  ;D
วันนี้ set 1055.54   -8.70
ดันขึ้นทุบลงแถวนี้ ยังไม่ยอมหลุด  ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 25 พฤษภาคม 2011, 17:43:09
ขอบคุณท่าน ซาลาเปา มากๆครับ ที่มาทักทายบ่อยๆ  ;)

ดันขึ้น ทุบลง มันเป็นวิธีการหาเงินของรายใหญ่เขา

พวกที่ชอบ 100 เมตร ต้องเก็งให้ดี  ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 25 พฤษภาคม 2011, 19:17:54
   รบกวนขออนุญาตเรียนถามนะครับว่า กระทู้นี้จัดเข้าอยู่ในธุรกิจบริการต่างๆด้วยเหตุผลใดเอ่ย แบบว่า งงครับ

   เพราะผมไม่ได้เสนอรับจ้าง หรือให้ใครมารับจ้างทำอะไรให้ผม ไม่มีการรับบริการ ขาย
บริการใดๆ เพียงแค่เอาประสบการณ์มาเล่าสู่กันฟังเท่านั้น

   ไม่มีการรับค่าแรงจากใคร หรือจ่ายค่าแรงใดๆให้ใครทั้งสิ้น

    ไม่มีการลงทุนทำกิจการใดๆเพื่อหวังผลกำไร และเสี่ยงต่อการขาดทุน ตามนิยามของ
คำว่า "ธุรกิจ" เลย

    รบกวนผู้ดูแลให้ความกระจ่างด้วยครับ

    ขอบคุณล่วงหน้าครับ

  


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: bm farm ที่ วันที่ 25 พฤษภาคม 2011, 20:15:52
  รบกวนขออนุญาตเรียนถามนะครับว่า กระทู้นี้จัดเข้าอยู่ในธุรกิจบริการต่างๆด้วยเหตุผลใดเอ่ย แบบว่า งงครับ

   เพราะผมไม่ได้เสนอรับจ้าง หรือให้ใครมารับจ้างทำอะไรให้ผม ไม่มีการรับบริการ ขาย
บริการใดๆ เพียงแค่เอาประสบการณ์มาเล่าสู่กันฟังเท่านั้น

   ไม่มีการรับค่าแรงจากใคร หรือจ่ายค่าแรงใดๆให้ใครทั้งสิ้น

    ไม่มีการลงทุนทำกิจการใดๆเพื่อหวังผลกำไร และเสี่ยงต่อการขาดทุน ตามนิยามของ
คำว่า "ธุรกิจ" เลย

    รบกวนผู้ดูแลให้ความกระจ่างด้วยครับ

    ขอบคุณล่วงหน้าครับ

  


 :)..ชี้แจงทางPMแล้วนะครับ...


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: ♡♡<Fairy>♡♡ ที่ วันที่ 25 พฤษภาคม 2011, 20:41:43
ขออนุญาตนะคะ..อย่างเช่น กระทู้นี้
http://www.chiangraifocus.com/forums/index.php?topic=33231.0

ก็มีเนื้อหาใกล้เคียงกันนะคะ..สงสัยด้วยค่ะ... :D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 26 พฤษภาคม 2011, 15:16:01
   รบกวนขออนุญาตเรียนถามนะครับว่า กระทู้นี้จัดเข้าอยู่ในธุรกิจบริการต่างๆด้วยเหตุผลใดเอ่ย แบบว่า งงครับ

   เพราะผมไม่ได้เสนอรับจ้าง หรือให้ใครมารับจ้างทำอะไรให้ผม ไม่มีการรับบริการ ขาย
บริการใดๆ เพียงแค่เอาประสบการณ์มาเล่าสู่กันฟังเท่านั้น

   ไม่มีการรับค่าแรงจากใคร หรือจ่ายค่าแรงใดๆให้ใครทั้งสิ้น

    ไม่มีการลงทุนทำกิจการใดๆเพื่อหวังผลกำไร และเสี่ยงต่อการขาดทุน ตามนิยามของ
คำว่า "ธุรกิจ" เลย

    รบกวนผู้ดูแลให้ความกระจ่างด้วยครับ

    ขอบคุณล่วงหน้าครับ

   


 :)..ชี้แจงทางPMแล้วนะครับ...

ขอบคุณท่านครับ ที่กรุณาดำเนินการ และขอบคุณท่านผู้ดูแลฯทุกท่าน ที่เข้าใจเจตนารมณ์ของกระทู้นี้ว่าไม่เป็นกระทู้ที่เกี่ยวขัองในเชิงธุรกิจใดๆ  :)


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: ....คนหน้าแหลม.... ที่ วันที่ 26 พฤษภาคม 2011, 15:21:41
กลับมาแล้ว  ;D
นาทีนี้ +13.61
advanc ของไผบ่ฮู้ +1.50
สงสัยต้องขอให้มีบอร์ด การเงินการลงทุน  ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Temujin ที่ วันที่ 26 พฤษภาคม 2011, 15:39:21
กลับมาแล้ว  ;D
นาทีนี้ +13.61
advanc ของไผบ่ฮู้ +1.50
สงสัยต้องขอให้มีบอร์ด การเงินการลงทุน  ;D
ผมเคยขอพี่เขาแล้ว แต่พี่เขาว่าเดียวพิจารณา ดีใจที่กลับมาแล้วครับ...วันนี้ผมปล่อย SGP TKS ไปแล้วหลังจากเก็บมานานพอควร... ;D ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: ....คนหน้าแหลม.... ที่ วันที่ 26 พฤษภาคม 2011, 16:02:48
กลับมาแล้ว  ;D
นาทีนี้ +13.61
advanc ของไผบ่ฮู้ +1.50
สงสัยต้องขอให้มีบอร์ด การเงินการลงทุน  ;D
ผมเคยขอพี่เขาแล้ว แต่พี่เขาว่าเดียวพิจารณา ดีใจที่กลับมาแล้วครับ...วันนี้ผมปล่อย SGP TKS ไปแล้วหลังจากเก็บมานานพอควร... ;D ;D
SGP บ่สามารถยืนเหนือ 20 บาท กำไรแล้วปล่อยไปเถอะ TKS แนวโน้มยังได้ลุ้น เสียดาย  ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Temujin ที่ วันที่ 26 พฤษภาคม 2011, 16:07:23
เดียวค่อยเก็บท่านซาลาเปา เอาค่าข้าวก่อน... ;D ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: vee48 ที่ วันที่ 26 พฤษภาคม 2011, 18:58:32
กลับมาแล้ว  ;D
นาทีนี้ +13.61
advanc ของไผบ่ฮู้ +1.50
สงสัยต้องขอให้มีบอร์ด การเงินการลงทุน  ;D

 ;D ;D ;D ตัวที่เขียวก็เขียวไป...ตัวที่แดงก็แดงกันต่อไปค่ะ ติดดอย TVO ไว้...หนาวมากมาย อยากปล่อยก็ไม่มีใครซื้อ TT_TT พรุ่งนี้ก็ลุ้นกันต่อไป ไม่ขอมากค่ะ Advanc แค่ 100 ก็พอละ หุหุหุ ::)


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Yim sri ที่ วันที่ 26 พฤษภาคม 2011, 20:12:20
ไม่ได้เล่น ได้แค่ดู  แค่ผ่านสายตา
แต่ดีใจกับท่านcupid  ; welcome  ;D ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 26 พฤษภาคม 2011, 20:18:23

ไม่ได้เล่น ได้แค่ดู  แค่ผ่านสายตา
แต่ดีใจกับท่านcupid  ; welcome  ;D ;D

ขอบคุณเยอะเยอะครับ... ;)


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: ♡♡<Fairy>♡♡ ที่ วันที่ 26 พฤษภาคม 2011, 20:24:19
 :D...เวลคัม...ด้วยคนค่า... :D ;)

แหะ..แหะ...เล่นไม่เป็นเหมือนกัน..แต่จะขอแวะมาดูเป็นระยะ ระยะ...เพื่อเก็บข้อมูลไว้ก่อน
...ไว้หาทุนได้...ค่อยว่ากันใหม่ค่ะ... ;)


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Temujin ที่ วันที่ 26 พฤษภาคม 2011, 20:30:44
:D...เวลคัม...ด้วยคนค่า... :D ;)

แหะ..แหะ...เล่นไม่เป็นเหมือนกัน..แต่จะขอแวะมาดูเป็นระยะ ระยะ...เพื่อเก็บข้อมูลไว้ก่อน
...ไว้หาทุนได้...ค่อยว่ากันใหม่ค่ะ... ;)
ทยอยๆ ก็ได้ครับ แรกๆ ผมเดือนละ 1.2 K เอง แต่แต่ก่อนไม่มีค่าธรรมเนียมขั้นต่ำ 50 บาท คิดตามจริง แต่ยังไงก็คุ้มนะซื้อทองยังมีค่ากำเหน็จ ค่าบล็อกเลย แนะทยอยซื้อเหมือนท่านคิวปิดแนะนำก็ได้ ผมยังแนะนำ TDEX อีกตามเคย... ;D ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: montonsiri ที่ วันที่ 26 พฤษภาคม 2011, 20:51:25
เทรดทางเน็ตลืมรหัสพินโค๊ดทำไงดี


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Temujin ที่ วันที่ 26 พฤษภาคม 2011, 20:52:46
เทรดทางเน็ตลืมรหัสพินโค๊ดทำไงดี
ติดต่อโบรคฯ ที่ท่านเปิดไว้เลยครับ... ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: ♡♡<Fairy>♡♡ ที่ วันที่ 26 พฤษภาคม 2011, 21:10:47
:D...เวลคัม...ด้วยคนค่า... :D ;)

แหะ..แหะ...เล่นไม่เป็นเหมือนกัน..แต่จะขอแวะมาดูเป็นระยะ ระยะ...เพื่อเก็บข้อมูลไว้ก่อน
...ไว้หาทุนได้...ค่อยว่ากันใหม่ค่ะ... ;)
ทยอยๆ ก็ได้ครับ แรกๆ ผมเดือนละ 1.2 K เอง แต่แต่ก่อนไม่มีค่าธรรมเนียมขั้นต่ำ 50 บาท คิดตามจริง แต่ยังไงก็คุ้มนะซื้อทองยังมีค่ากำเหน็จ ค่าบล็อกเลย แนะทยอยซื้อเหมือนท่านคิวปิดแนะนำก็ได้ ผมยังแนะนำ TDEX อีกตามเคย... ;D ;D

 :D...ขอบคุณมากๆ ค่ะ สำหรับคำแนะนำ... ;)


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: ....คนหน้าแหลม.... ที่ วันที่ 26 พฤษภาคม 2011, 21:19:33
กลับมาแล้ว  ;D
นาทีนี้ +13.61
advanc ของไผบ่ฮู้ +1.50
สงสัยต้องขอให้มีบอร์ด การเงินการลงทุน  ;D

 ;D ;D ;D ตัวที่เขียวก็เขียวไป...ตัวที่แดงก็แดงกันต่อไปค่ะ ติดดอย TVO ไว้...หนาวมากมาย อยากปล่อยก็ไม่มีใครซื้อ TT_TT พรุ่งนี้ก็ลุ้นกันต่อไป ไม่ขอมากค่ะ Advanc แค่ 100 ก็พอละ หุหุหุ ::)
TVO ต้องทำใจ เพราะขึ้นแรงก่อนหน้านั้นสองปีติดต่อกัน พอปีนี้ก็บ่ไหว แรงขายมา  ตัวที่มาแรงคือ ดีแทค ขึ้นจากต้นปี 42 บาท มาที่ 58.50 วันนี้  ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 26 พฤษภาคม 2011, 21:27:10
กลับมาแล้ว  ;D
นาทีนี้ +13.61
advanc ของไผบ่ฮู้ +1.50
สงสัยต้องขอให้มีบอร์ด การเงินการลงทุน  ;D

 ;D ;D ;D ตัวที่เขียวก็เขียวไป...ตัวที่แดงก็แดงกันต่อไปค่ะ ติดดอย TVO ไว้...หนาวมากมาย อยากปล่อยก็ไม่มีใครซื้อ TT_TT พรุ่งนี้ก็ลุ้นกันต่อไป ไม่ขอมากค่ะ Advanc แค่ 100 ก็พอละ หุหุหุ ::)
TVO ต้องทำใจ เพราะขึ้นแรงก่อนหน้านั้นสองปีติดต่อกัน พอปีนี้ก็บ่ไหว แรงขายมา  ตัวที่มาแรงคือ ดีแทค ขึ้นจากต้นปี 42 บาท มาที่ 58.50 วันนี้  ;D

อืมม์ ของผมขายหมดไปแล้ว ทั้ง tvo และ dtac คงต้องรออีกนาน.. ;)


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: vee48 ที่ วันที่ 26 พฤษภาคม 2011, 22:24:59
FYI. KBS พรุ่งนี้วันแรกค่ะ เคาะขายที่ 9.1 เริ่มต้นก็ซู่ซ่าซะแล้วว...คุณพี่ๆคิดว่าไงคะ ;D ยังไม่ได้ดูข้อมูลบริษัท ใครรู้ว่าดีไม่ดี รบกวนแถลงหน่อยนะคะ :-*


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Temujin ที่ วันที่ 27 พฤษภาคม 2011, 10:02:04
FYI. KBS พรุ่งนี้วันแรกค่ะ เคาะขายที่ 9.1 เริ่มต้นก็ซู่ซ่าซะแล้วว...คุณพี่ๆคิดว่าไงคะ ;D ยังไม่ได้ดูข้อมูลบริษัท ใครรู้ว่าดีไม่ดี รบกวนแถลงหน่อยนะคะ :-*
โอ้ว...ราคาพุ่งเหนือ IPO แล้วคุณพี่ KBS แล้วกาแฟดอยช้างของชาวเชียงรายล่ะ..จะเข้าเทรดวันไหน..? งันตอนนี้ชงน้ำตะใคร้ ใบเตย น้ำกระเจียบไปพลางๆก่อนแล้วกัน  ;D ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 27 พฤษภาคม 2011, 11:50:30
 
   ความตัองการ

   ท่านคงจะแปลกใจว่าผมนำเรื่อง ความต้องการ มาเขียนทำไม มันเกี่ยวกับการลงทุนอย่างไร ก็ต้อง
ขออนุญาตเรียนนะครับว่า กิจการลงทุนทุกประเภทนั้น เกิดจากความต้องการของมนุษย์ทั้งนั้นแหละ
ครับ กิจการใดที่เป็นที่ต้องการของมนุษย์มากๆ ย่อมสามารถดำรงอยู่ได้อย่างยั่งยืน ยาวนาน ไม่สิ้นสุด
กิจการนั้นนั่นแหละครับ เป็นกิจการที่น่าลงทุนอย่างแน่นอน  ผมจึงขออนุญาตนำเรื่อง ความต้องการ
ตามความคิดเห็นของผม เรียบเรียงนำเสนอ เพื่อที่ท่านที่สนใจจะลงทุนในหลักทรัพย์ ได้เกิดแนวคิด
แนวทางในการที่จะเลือกประเภทของกิจการที่ท่านคิดจะลงทุนต่อไปไงครับ

   สำหรับความต้องการในความคิดเห็นของผมนั้น มีลักษณะใหญ่ๆ 2 ลักษณะ คือ
     1. ความต้องการที่เกิดจากความจำเป็น ขาดไม่ได้ ผมขอเรียกว่า ความต้องการแท้
     2. ความต้องการที่เกิดจากความอยาก ผมขอเรียกว่า ความต้องการเทียม
   
   ขออนุญาตขยายความ ดังนี้

   ข้อ 1. ความต้องการแท้ คือความต้องการสิ่งจำเป็นในการดำรงชีพในชีวิตประจำวัน
เบื้องต้นก็คือความต้องการอาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย ยารักษาโรค
(ที่เรียกกันว่า ปัจจัยสี่ นั่นไงครับ) กิจการใดที่ให้บริการ หรือค้าขาย เกี่ยวกับปัจจัยสี่ดังกล่าวนี้ ผมเห็น
ว่าเป็นกิจการที่มั่นคง ยั่งยืน ยาวนาน สามารถดำรงอยู่ได้ ไม่สิ้นสุด
           1.1 อาหาร หมายรวมถึงกิจการที่เกียวเนื่องทั้งหลายด้วย เช่น กิจการค้าปลีก-ส่ง อุตสาหกรรม
อาหารต่างๆ อุตสาหกรรมอาหารสัตว์ ฯลฯ
           1.2 เครื่องนุ่งห่ม หมายรวมถึงกิจการที่เกี่ยวเนื่องด้วย เช่น โรงงานทอผ้า เสื้อผ้าสำเร็จรูป
รองเท้า กิจการค้าปลีก-ส่ง ฯลฯ
           1.3 ที่อยู่อาศัย หมายรวมถึงกิจการที่เกี่ยวเนื่องด้วย เช่น กิจการค้าขายอสังหาริมทรัพย์
วัสดุก่อสร้าง ไฟฟ้า (ไม่มีไฟฟ้าใช้ในบ้าน ปัจจุบันลำบากครับ) ฯลฯ
           1.4 ยารักษาโรค แน่นอนครับย่อมรวมถึงกิจการที่เกียวเนื่องด้วย เช่น โรงพยาบาล โรงงาน
ผลิตยา ร้านขายยา
   และแน่นอนว่า ความต้องการแท้ดังกล่าวนั้น เป็นความจำเป็น ถ้าขาดไป ต้องเดือดร้อนเสียหาย

   ข้อ 2. ความต้องการเทียม คือความต้องการที่ไม่ใช่สิ่งจำเป็นในการดำรงชีวิตประจำวัน ถ้าขาดไป
ก็ไม่เดือดร้อนเสียหาย เช่น ความต้องการไปท่องเที่ยว ดูหนัง ฟังเพลง ดื่มสุรา ฯลฯ กิจการประเภทนี้
ก็เช่น สถานบันเทิงต่างๆ กิจการสร้างภาพยนต์ ละคร ฯลฯ
            ความต้องการเทียมนี้ อาจเกิดจากความอยากเฉพาะตัว พวกมากลากไป หรือเป็นไปตามกระ
แสที่เกิดขึ้นเป็นช่วงๆ จากการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ ตามเทคนิควิธีการของเจ้าของกิจการ
            กิจการประเภทที่เป็นความต้องการเทียมนั้น ก็อาจรุ่งเรืองได้เป็นระยะๆ หรือเป็นช่วงๆ ตาม
แรงโฆษณา ประชาสัมพันธ์  ตามกระแส ความอยาก ถ้ากระแสลด ความอยากลด งดโฆษณาประชา
สัมพันธ์ กิจการนั้นก็จะรุ่งเรืองและดำรงอยู่ต่อไปไม่ได้
   
   ถ้าท่านเป็นนักลงทุนระยะยาว ท่านจะเลือกลงทุนกับกิจการที่เป็นความต้องการแท้ หรือความต้องการเทียม
       


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: วายุ ที่ วันที่ 27 พฤษภาคม 2011, 15:23:02
     น่าจะมีห้องแชทแบบเรียลไทม์เหมือนโบรก CGS บ้างนะ  ให้ท่านเปาดูแลและเอาข้อมูลมาลง  หรือท่านเปาว่าไง?  หางานให้ทำซะหน่อย ;D  แฟนๆหุ้นอยากได้แบบจัดหนักฮาร์ดคอร์บ้าง


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 27 พฤษภาคม 2011, 15:41:32
 
ดัชนี หั่งเส็ง ฮ่องกง วันนี้ปิดที่ 23,118.07 บวก 217.08 จุด (15.01 น.)

หุ้นยุโรป
 
dax (เยอรมัน) กำลังเทรด อยู่ที่ 7,191.90 จุด บวก 77.81 (15.33 น.)
cac (ฝรั่งเศส)  กำลังเทรด อยู่ที่ 3,977.17  จุด บวก 59.95 (15.36 น.)
 
หุ้นไทยบวกเล็กน้อย


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: ....คนหน้าแหลม.... ที่ วันที่ 27 พฤษภาคม 2011, 16:44:53
     น่าจะมีห้องแชทแบบเรียลไทม์เหมือนโบรก CGS บ้างนะ  ให้ท่านเปาดูแลและเอาข้อมูลมาลง  หรือท่านเปาว่าไง?  หางานให้ทำซะหน่อย ;D  แฟนๆหุ้นอยากได้แบบจัดหนักฮาร์ดคอร์บ้าง
ท่านเปาท่านนี้เหรอ  ;D
คงต้องทำเองแล้วล่ะครับแบบนั้น ชื่อเวบ chiangrai stock focus.com ดีม่ะ  ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Temujin ที่ วันที่ 27 พฤษภาคม 2011, 17:17:50
กลับมาแล้ว  ;D
นาทีนี้ +13.61
advanc ของไผบ่ฮู้ +1.50
สงสัยต้องขอให้มีบอร์ด การเงินการลงทุน  ;D
ผมเคยขอพี่เขาแล้ว แต่พี่เขาว่าเดียวพิจารณา ดีใจที่กลับมาแล้วครับ...วันนี้ผมปล่อย SGP TKS ไปแล้วหลังจากเก็บมานานพอควร... ;D ;D
SGP บ่สามารถยืนเหนือ 20 บาท กำไรแล้วปล่อยไปเถอะ TKS แนวโน้มยังได้ลุ้น เสียดาย  ;D
TKS ดีนะที่ปล่อยแค่ครึ่ง วันนี้บวกอีก 2.36 %  เสียดายดีกว่าเสียใจ ;D ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: LoveYou2 ที่ วันที่ 27 พฤษภาคม 2011, 23:44:51
กำลังศึกษาเหมือนกันครับ  แต่ช่วงนี้งานเยอะมากเหนื่อยๆ >:( >:(

มาเจอกระทู้แบบนี้ให้กำลังมากครับ ลองซื้อ ลองใช้งานผ่าน click2win

ไม่มีที่ปรึกษา ไม่รู้ถามใคร ศึกษากับเพื่อน ที่ทำงาน2คน

จะเข้ามาศึกษาที่นี่ทุกวันครับ
 


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 28 พฤษภาคม 2011, 08:17:47
ความต้องการอื่นที่เป็นความจำเป็น...

   ในโลกปัจจุบัน มนุษย์มีความต้องการอื่นที่จำเป็นในการใช้ชีวิตประจำวัน นอกเหนือจากปัจจัยสี่
ที่เป็นความต้องการพื้นฐานอีกด้วย จึงต้องมีกิจการที่เข้ามารองรับความต้องการดังกล่าว
แต่ถ้าพิจารณาให้ลึกซึ้ง ถ่องแท้ ความต้องการอื่นที่จำเป็นในชีวิตประจำวันนั้น มันก็ผูกโยง เกี่ยวเนื่องกับ ปัจจัยสี่
อยู่ดีแหละครับ
   
   ความต้องการอื่นดังกล่าวข้างต้น ก็อย่างเช่น ความต้องการเงินทุน คมนาคม สื่อสาร พลังงานและฯลฯ
ซึ่งผมเห็นว่า และขอจัดให้มันเป็น ความต้องการแท้ ดังนั้นจึงต้องมีกิจการที่ให้บริการในเรื่องความต้องการดังกล่าว
มารองรับความต้องการ นอกเหนือจากกิจการที่รองรับความต้องการพื้นฐาน (ปัจจัยสี่) ที่ได้นำเสนอไปแล้ว

   กิจการที่เข้ามารองรับเพื่อให้บริการ สนองความต้องการดังกล่าวก็เช่น ธนาคาร ขนส่งคน ขนส่งสินค้า
โทรศัพท์เคลื่อนที่ อินเตอร์เนท น้ำมัน แก๊ส ไฟฟ้า ฯลฯ

   ซึ่งกิจการดังกล่าว มีบริษัทฯที่ให้บริการ ที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ หลายบริษัทฯ ให้เลือกลงทุนครับ





หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Temujin ที่ วันที่ 28 พฤษภาคม 2011, 08:33:05
ทั้งหมดทั้งมวลก็ว่าด้วยสังคมศาสตร์ อย่าลืมว่ามนุษย์เป็นสัตว์สังคม และเหมือนกันทั้งโลก มีความต้องการคล้ายๆ กัน ถ้าตัวเองมีฐานะทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้นมาก็จะหาอะไรที่เกินความจำเป็น หรือที่เป็นความต้องการหรืออยาก Need ดร.นิเวศน์ กล่าวไว้ว่า คนเหมือนกันทั้งโลก..หาอ่านบทความของท่านได้ที่นี่ครับ..http://www.thaivi.com/


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: montonsiri ที่ วันที่ 28 พฤษภาคม 2011, 09:04:36
ขอบคุณที่ให้คำแนะนำครับ ::)


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: OneManShow ที่ วันที่ 28 พฤษภาคม 2011, 11:19:09
เข้ามาห้องนี้ได้ความรู้มากเลย เพิ่งรู้นะนี่ว่าเล่นหุ้นต้องรอบคอบต้องศึกษาให้ดีก่อนตัดสินใจ เข้ามาอ่านประดับสมองเผื่อวันหน้าสนใจลองเล่นหุ้นกะเค้ามั่ง
            ขอบคุณคับสำหรับข้อมูลดีจะเข้ามาอ่านบ่อยๆ


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: LoveYou2 ที่ วันที่ 28 พฤษภาคม 2011, 22:06:55
แวะมาศึกษาครับ  วันนี้บทเรียนน้อยจัง

อิอิ


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: ....คนหน้าแหลม.... ที่ วันที่ 28 พฤษภาคม 2011, 22:10:16
แวะมาศึกษาครับ  วันนี้บทเรียนน้อยจัง

อิอิ
บทเรียนน้อยๆค่อยๆไปครับ นักลงทุนหลายท่านที่รู้จัก ตกม้าตายเยอะ เพราะรีบอ่านบทเรียน แล้วกลายเป็นร้อนวิชา ลุย ความเสียหายยับเยิน อิอิ


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Temujin ที่ วันที่ 29 พฤษภาคม 2011, 09:04:20
ทำไมต้องลงทุนในหุ้น...?     หุ้นคือหลักทรัพย์ที่อิงกับสินทรัพย์ที่ บ.ต่างๆได้ตราใว้ และมีหน่วยงานของรัฐความคุม ตรวจสอบและรับรอง (กลต.) หุ้นจึงถือเป็นสิ่งหนึ่งที่สามารถแลกเปลี่ยนซื้อขายกันได้....ผลตอบแทนจากหุ้น เราจะได้รับผลตอบแทนจากหุ้น คือ ส่วนต่างของราคากับปันผล ในเมื่อกิจการดีมันก็จะสะท้อนออกมาในสองอย่างนี้ และถ้าเราอยากจะมีที่อยู่แถวสีลม (ย่านธุรกิจ) เรามีเงินเพียงน้อยนิดคงไม่สามารถซื้อได้แน่ๆ แต่เราสามารถซื้อ-ขายหลักทรัพย์ที่เรียกว่าหุ้นของ บ. ต่างที่ลงทุนในอสังหาฯ ในแถวนั้นได้ ในจำนวนเงินที่สมเหตุสมผล...ถ้าถือมากกระทั่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่สามารถเซ็งกิจการได้ แต่ต้องแจ้ง กลต. เดียวมีปัญญหาเหมือนบาง บ.ในปัจจุบัน คุณซาลาเปา กับ ลุงคิวปิด เซ็งไปกี่ บ.แล้ว มีคนนั่งบอร์ดฯ รึยัง..?.... ;D ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 29 พฤษภาคม 2011, 10:21:24
ทำไมต้องลงทุนในหุ้น...?     หุ้นคือหลักทรัพย์ที่อิงกับสินทรัพย์ที่ บ.ต่างๆได้ตราใว้ และมีหน่วยงานของรัฐความคุม ตรวจสอบและรับรอง (กลต.) หุ้นจึงถือเป็นสิ่งหนึ่งที่สามารถแลกเปลี่ยนซื้อขายกันได้....ผลตอบแทนจากหุ้น เราจะได้รับผลตอบแทนจากหุ้น คือ ส่วนต่างของราคากับปันผล ในเมื่อกิจการดีมันก็จะสะท้อนออกมาในสองอย่างนี้ และถ้าเราอยากจะมีที่อยู่แถวสีลม (ย่านธุรกิจ) เรามีเงินเพียงน้อยนิดคงไม่สามารถซื้อได้แน่ๆ แต่เราสามารถซื้อ-ขายหลักทรัพย์ที่เรียกว่าหุ้นของ บ. ต่างที่ลงทุนในอสังหาฯ ในแถวนั้นได้ ในจำนวนเงินที่สมเหตุสมผล...ถ้าถือมากกระทั่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่สามารถเซ็งกิจการได้ แต่ต้องแจ้ง กลต. เดียวมีปัญญหาเหมือนบาง บ.ในปัจจุบัน คุณซาลาเปา กับ ลุงคิวปิด เซ็งไปกี่ บ.แล้ว มีคนนั่งบอร์ดฯ รึยัง..?.... ;D ;D

   ขออนุญาตเรียนด้วยความเคารพนะครับ  ;D ประโยคที่ว่า ผู้ถือหุ้นรายใหญ่สามารถเซ็งกิจการได้ ของท่านนั้น คำว่า เซ็ง
คงจะไม่ใช่ความหมายตามเจตนารมณ์ของท่านนะครับ ผมว่าน่าจะใช้ว่า เซ้ง นะครับ ไม่ใช่เซ็ง เดี๋ยวอาจมีการเข้าใจผิดเป็นอย่างอื่น
   
   ขออนุญาตเพิ่มเติมนะครับ ความหมายก็คือ ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ สามารถเข้าไปเทคโอเวอร์ ดูแลครอบงำ บริหารจัดการบริษัทฯได้
ถ้าถือหุ้นมากเพียงพอที่จะเป็นเสียงส่วนใหญ่ในบริษัทฯ

   และขออนุญาตเรียนว่า ผม เซ็ง ไปหลายบริษัทฯแล้วเหมือนกัน แต่ไม่มีกำลังพอที่จะ เซ้ง บริษัทฯใดดอก  :D แต่สำหรับท่าน ซาลาเปา
ให้ท่านมาตอบเองว่า เซ้ง หรือ เซ็ง  กับบริษัทฯใดไปบ้างแล้ว  ;D

   สำหรับผู้ที่จะมานั่งบอร์ดนี้ ท่านคงหมายถึงผู้ที่จะเป็นผู้ดูแลฯ ใช่ไหมครับ ขณะนี้ผมเห็นแต่ท่านซาลาเปาเป็น ผู้แลดูบอร์ด อยู่คนเดียว
โดยท่านคง แลดูบอร์ด ไปทั่วทุกบอร์ด  ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Temujin ที่ วันที่ 29 พฤษภาคม 2011, 10:40:50
ขออภัยอย่างแรงครับ พิมพ์ผิด ในความหมายที่จะสื่อออกไปคือ เซ้ง ไม่ใช่ เซ็ง ครับ... ;D ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 29 พฤษภาคม 2011, 20:56:54
แนะนำกลุ่มอิทธิพล

   ว่ากันมาตั้งแต่การซื้อ การขาย ความต้องการฯ ปัจจัยที่มีผลต่อความมั่นคงของกิจการ มาพอสมควร
แล้ว ยังไม่ได้มีการแนะนำหุ้นกันเลย เบรกนี้ผมจะมาแนะนำหุ้น และหุ้นที่ผมจะแนะนำคือหุ้น กลุ่มอิทธิพล ครับ

   ขอความกรุณาอ่านต่อ อย่าเพิ่งเข้าใจอะไรผิดไปนะครับ เพราะคำว่า กลุ่มอิทฺธิพล ในความหมาย
ของผมคือ กลุ่มหุ้นที่มีอิทธิพลหรือมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงดัชนีของตลาดหลักทรัพย์ของประเทศไทย
หาใช่กลุ่มอิทธิพลในความหมายที่ไม่ดีในสังคมทั่วไปนะครับ

    หุ้นที่มีผลต่อดัชนีก็คือ หุ้นกลุ่มที่มีทุนจดทะเบียนสูงๆ เวลาหุ้นกลุ่มนี้เคลื่อนไหวไปในทิศทางใด
ก็จะส่งผลให้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ เปลี่ยนแปลง ขึ้น ลง ไปตามทิศทางการเคลื่อนไหวขึ้น ลง ของหุ้นกลุ่ม
ดังกล่าว และหุ้นที่ผมจัดอยู่ในกลุ่มอิทธิพล ที่มีผลต่อดัชนีตลาดฯ (ต่อไปผมจะเรียกตลาดหลักทรัพย์
สั้นๆว่า "ตลาดฯ" นะครับ) นั้นถือได้ว่าเป็นหุ้น บลูชิพ ทั้งนั้นนะครับ (คำว่าหุ้นบลูชิพ คือหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานมั่นคง
ทุนจดทะเบียนสูง ผลประกอบการดีสม่ำเสมอ การจ่ายเงินปันผลก็สม่ำเสมอ เหมาะแก่การซื้อลงทุนครับ)

    ซึ่งหุ้นกลุ่มนี้ได้แก่ หุ้นกลุ่มพลังงาน  กลุ่มธนาคาร  กลุ่มสื่อสาร  กลุ่มวัสดุก่อสร้าง  กลุ่มปิโตรเคมี
(ในความเห็นและประสบการณ์ส่วนตัวนะครับ) แต่ก็ไม่ใช่หุ้นทุกตัวในกลุ่มดังกล่าวนะครับที่เป็นหุ้นอิทธิพล
บางตัว ในความเห็นของผมก็เป็นหุ้นเน่าครับ (ขออนุญาตใช้สรรพนามของหุ้นว่า "ตัว" ซึ่งใช้กันอยู่ทั่วไปในวงการนักลงทุนครับ)

ขออนุญาตปิดเบรกครับ


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 29 พฤษภาคม 2011, 22:31:45

ขออนุญาตเพิ่มเติมหน่อยครับ

   หุ้นกลุ่มอิทธิพลที่มีผลต่อดัชนีตลาดฯนี้ เป็นที่นิยมของนักลงทุนต่างชาติ กองทุน นักลงทุน
ในประเทศ ทั้งนักลงทุนสถาบัน นักลงทุนรายใหญ่ รายย่อย และเป็นหุ้นที่มีสภาพคล่องสูง
ซื้อง่าย ขายคล่อง (แต่จะซื้อขายให้ได้กำไร ก็ต้องศึกษาก่อนครับ)  ;)


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: LoveYou2 ที่ วันที่ 30 พฤษภาคม 2011, 00:44:29
แวะมาทุกวัน ยามดึกก่อนนอนครับ   ;D ;D ;D
ขอบคุณกระทู้ดีๆครับ
ขอบคุณเจ้าของกระทู้และผู้ให้ความรู้


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: ....คนหน้าแหลม.... ที่ วันที่ 30 พฤษภาคม 2011, 01:47:40
ทำไมต้องลงทุนในหุ้น...?     หุ้นคือหลักทรัพย์ที่อิงกับสินทรัพย์ที่ บ.ต่างๆได้ตราใว้ และมีหน่วยงานของรัฐความคุม ตรวจสอบและรับรอง (กลต.) หุ้นจึงถือเป็นสิ่งหนึ่งที่สามารถแลกเปลี่ยนซื้อขายกันได้....ผลตอบแทนจากหุ้น เราจะได้รับผลตอบแทนจากหุ้น คือ ส่วนต่างของราคากับปันผล ในเมื่อกิจการดีมันก็จะสะท้อนออกมาในสองอย่างนี้ และถ้าเราอยากจะมีที่อยู่แถวสีลม (ย่านธุรกิจ) เรามีเงินเพียงน้อยนิดคงไม่สามารถซื้อได้แน่ๆ แต่เราสามารถซื้อ-ขายหลักทรัพย์ที่เรียกว่าหุ้นของ บ. ต่างที่ลงทุนในอสังหาฯ ในแถวนั้นได้ ในจำนวนเงินที่สมเหตุสมผล...ถ้าถือมากกระทั่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่สามารถเซ็งกิจการได้ แต่ต้องแจ้ง กลต. เดียวมีปัญญหาเหมือนบาง บ.ในปัจจุบัน คุณซาลาเปา กับ ลุงคิวปิด เซ็งไปกี่ บ.แล้ว มีคนนั่งบอร์ดฯ รึยัง..?.... ;D ;D

   ขออนุญาตเรียนด้วยความเคารพนะครับ  ;D ประโยคที่ว่า ผู้ถือหุ้นรายใหญ่สามารถเซ็งกิจการได้ ของท่านนั้น คำว่า เซ็ง
คงจะไม่ใช่ความหมายตามเจตนารมณ์ของท่านนะครับ ผมว่าน่าจะใช้ว่า เซ้ง นะครับ ไม่ใช่เซ็ง เดี๋ยวอาจมีการเข้าใจผิดเป็นอย่างอื่น
   
   ขออนุญาตเพิ่มเติมนะครับ ความหมายก็คือ ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ สามารถเข้าไปเทคโอเวอร์ ดูแลครอบงำ บริหารจัดการบริษัทฯได้
ถ้าถือหุ้นมากเพียงพอที่จะเป็นเสียงส่วนใหญ่ในบริษัทฯ

   และขออนุญาตเรียนว่า ผม เซ็ง ไปหลายบริษัทฯแล้วเหมือนกัน แต่ไม่มีกำลังพอที่จะ เซ้ง บริษัทฯใดดอก  :D แต่สำหรับท่าน ซาลาเปา
ให้ท่านมาตอบเองว่า เซ้ง หรือ เซ็ง  กับบริษัทฯใดไปบ้างแล้ว  ;D

   สำหรับผู้ที่จะมานั่งบอร์ดนี้ ท่านคงหมายถึงผู้ที่จะเป็นผู้ดูแลฯ ใช่ไหมครับ ขณะนี้ผมเห็นแต่ท่านซาลาเปาเป็น ผู้แลดูบอร์ด อยู่คนเดียว
โดยท่านคง แลดูบอร์ด ไปทั่วทุกบอร์ด  ;D

เซ็งมากๆก็เซ้งไปครับ ม่ายรู้จะเก็บไว้ทำไม  ;D
สำหรับผมแล้วขอเป็น ผู้แลดูบอร์ด ไปมั่ว เอ๊ยย ไปทั่ว ดีกว่าครับ  ;D
มาซะดึกเลย


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 30 พฤษภาคม 2011, 10:10:50
แนะนำหุ้นที่ไม่อยู่ในกลุ่มอิทธิพล

    ผมได้เรียนแนะนำหุ้นกลุ่มอิทธิพลที่ส่งผลให้ดัชนีตลาดฯขึ้น ลง ตามภาวะขึ้น ลง ของกลุ่มอิทธิพล
ไปแล้ว เบรกนี้ขอต่อด้วยการแนะนำหุ้นที่ไม่อยู่ในกลุ่มอิทธิพล เพื่อให้ต่อเนื่องกันนะครับ

    หุ้นที่ไม่อยู่ในกลุ่มอิทธิพล จะเป็นหุ้นขนาดกลาง ขนาดเล็ก ตามทุนจดทะเบียน ที่มีปัจจัยพื้นฐาน
มั่นคง มีอยู่ในตลาดฯอีกมากครับ แต่บางตัว หรือหลายๆตัวไม่ค่อยมีสภาพคล่อง (ไม่ค่อยมีคำเสนอซื้อ
เสนอขายมาก เหมือนกลุ่มอิทธิพล) และไม่ค่อยเป็นที่นิยมของนักลงทุนรายย่อยที่ชอบลงทุนระยะสั้น

    แต่หุ้นหลายๆตัวดังกล่าว เป็นหุ้นมีคุณภาพ ปัจจัยพื้นฐานมั่นคง เหมาะแก่การลงทุนระยะยาว คือ
หุ้นกลุ่มอาหารฯ  อุตสาหกรรมอาหาร  โรงพยาบาล  ประกันภัยฯ  อีเลคโทรนิคส์  คมนาคมขนส่ง
บรรจุภัณฑ์  (เอาเท่าที่นึกได้ขณะนี้ก่อนนะครับ)

    ส่วนหุ้นที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มอิทธิพล  แต่มีสภาพคล่องสูง  เป็นที่นิยมของนักลงทุนรายย่อยระยะสั้น
หุ้นกลุ่มนี้ก็ได้แก่ กลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์  กลุ่มเงินทุนหลักทรัพย์ (เท่าที่นึกได้ขณะนี้เช่นกัน) ซึ่ง
ก็มีทั้งหุ้นคุณภาพดี ปัจจัยพื้นฐานมั่นคง และไม่ดี ไม่มั่นคง ปะปนกันไปอยู่  ถ้ารักจะลงทุนในหุ้นกลุ่มนี้
ต้องติดตาม และตามติดอย่าให้คลาดสายตา (อย่าละจากหน้าจอซื้อขาย) ทีเดียวนะครับ 
และส่วนใหญ่นักลงทุนรายย่อยระยะสั้นทั้งหลาย จะไม่เอาหุ้นกลับบ้านครับ

    ขออนุญาตปิดเบรกก่อนครับ ตลาดเปิดแล้ว  ขอไปดูจอซื้อขายก่อน  ;)


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 30 พฤษภาคม 2011, 14:11:29
ประเภทของกิจการ กับเจ้าของ/ผู้บริหาร

   หุ้นบางตัว เป็นกิจการประเภทที่รองรับความต้องการแท้ (ความต้องการพื้นฐาน หรือสิ่งจำเป็นในการ
ดำรงชีวิตประจำวัน) ถ้ามองแค่ประเภทของกิจการแล้ว น่าซื้อหุ้นลงทุนด้วย แต่ถ้ามองลึกเข้าไปถึง
เจ้าของ/ผู้บริหารกิจการแล้ว ไม่น่าเชื่อถือ หุ้นตัวนี้ก็ไม่น่าลงทุน

   ประเภทของกิจการดี  แต่เจ้าของ/ผู้บริหารไม่มีคุณธรรม ไม่สุจริต กิจการก็เจ๊งได้ครับ นักลงทุนระยะ
ยาว เมื่อเลือกกิจการที่จะซื้อหุ้นลงทุนได้แล้ว ควรหาข้อมูลรายละเอียดของเจ้าของ/ผู้บริหารด้วยครับ จะได้ไม่ต้องช้ำใจภายหลัง

   ตัวอย่างมีให้เห็น กิจการดีๆ แต่บัญชีงบดุลมีปัญหา เจ้าของ/ผู้บริหารถูกฟ้องคดี ศาลวินิจฉัยว่า เจตนาทำ
ตกแต่งบัญชีงบดุลเป็นเท็จ เท่านี้บริษัทฯก็เจ๊ง หุ้นเน่าสนิท ผู้ถือหุ้นสอื้น

   นักลงทุนต้องเปิดหูเปิดตา รับฟังข้อมูล มองให้กว้างก่อนตัดสินใจลงทุน โดยเฉพาะนักลงทุนระยะยาว


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 30 พฤษภาคม 2011, 19:18:26
ปัจจัยที่เป็นเหตุให้ราคาหุ้นขึ้น หรือลง

   ก่อนที่จะกล่าวถึงปัจจัยตามที่ได้ตั้งหัวข้อไว้ ผมขออนุญาตเรียนว่า ท่านนักลงทุนควรลงทุนใน
กิจการที่ท่านทีความเข้าใจมัน เพราะถ้าท่านไม่เข้าใจในกิจการที่ท่านจะลงทุน ความไม่เข้าใจของ
ท่านนั้น คือปัจจัยเสี่ยงของตัวท่านเอง

   มาว่ากันเรื่องปัจจัยที่เป็นเหตุให้ราคาหุ้นขึ้น ลง นั้นมีปัจจัยอยู่มากมายที่มองเห็น และรับรู้ได้ แต่
ผมขอเรียนไว้ว่า เมื่อใดที่มีปัจจัยที่มองเห็นเข้ามา เป็นเหตุให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้นนั้น
จะมีปัจจัยตัวหนึ่งเข้ามาสนับสนุนปัจจัยที่มองเห็นดังกล่าว ทุกครั้ง ไม่ว่าปัจจัยที่มองเห็นจะเป็นปัจจัย
บวก หรือลบ ซึ่งผมขอเรียกปัจจัยตัวที่มาสนับสนุนนั้นว่า ปัจจัยที่มองไม่เห็น และขอเรียนว่าปัจจัยที่
มองไม่เห็นนี้ คือปัจจัยสำคัญในการทำให้ราคาหุ้นขึ้น หรือลง อย่างมีนัยสำคัญ หรือขึ้น ลง ผิดปกติ
เกินความคาดหมาย หรือเกินกว่าปัจจัยพื้นฐานได้ ซึ่งมีผลกับนักลงทุนทั้งในเชิงบวก และเชิงลบ
สุดแล้วแต่ว่า นักลงทุนท่านใดจะใช้มัน ตามประสบการณ์ของแต่ละท่านครับ

   สำหรับปัจจัยที่มองเห็น ผมขอเรียนว่ามีดังนี้ครับ (อาจจะมีมากกว่าที่ผมจะกล่าวต่อไปนี้ ถ้ามีอะไร
ที่นอกเหนือจากนี้ หรือผมตกหล่นอะไรไป ก็รบกวนท่านผู้รู้ชี้แนะด้วย ผมอาจจดจำไม่ได้ทั้งหมด)
คือ ปัจจัยทางด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง ภัยธรรมชาติ (ทั้งใน และนอกประเทศ) ข่าวดี ข่าวร้าย
ต่างๆ เช่น ข่าวผลประกอบการบริษัทฯ ข่าวการจ่ายปันผล ข่าวการเพิ่ม-ลดทุน ข่าวการควบรวมกิจการ
ข่าวการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารของบริษัทฯ  ดัชนีหุ้นต่างประเทศ ข่าวการก่อการร้าย และฯลฯ ซึ่งสุดแต่
ข้อเท็จจริงที่จะเกิดขึ้น ในแต่ละห้วงเวลา โดยผมจะทยอยเรียบเรียงปัจจัยต่างๆที่มองเห็นและรับรู้ได้
มาขยายความแบบย่อๆต่อไป และขอเบรกนี้ไว้เท่านี้ก่อนครับ


  


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: LoveYou2 ที่ วันที่ 30 พฤษภาคม 2011, 20:21:25
แวะมาศึกษาตอนหัวค่ำครับ ;D ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 31 พฤษภาคม 2011, 14:56:00

วาง ปูนกลาง (sccc) ไว้เมื่อเช้าที่ 230 บาท (หน่อยเดียว) ไปห้องกลอนกลับมา ถูกฮุบไปแล้ว..!! :D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: ....คนหน้าแหลม.... ที่ วันที่ 31 พฤษภาคม 2011, 16:47:27
น้ำตาล KBS ช่างหวานนีกระไร พรวดนิวไฮ 10.50  อยากร้องไห้  :'(


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: LoveYou2 ที่ วันที่ 31 พฤษภาคม 2011, 19:38:29
 :-\ :-\ :-\ อยากรู้ว่าเริ่มต้นต้องใช้ทุนเท่าไหร่ถึง ลงทุนได้ครับ


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 31 พฤษภาคม 2011, 20:32:51
:-\ :-\ :-\ อยากรู้ว่าเริ่มต้นต้องใช้ทุนเท่าไหร่ถึง ลงทุนได้ครับ

   เป็นคำถามที่ดีครับ ส่วนตัวผม เห็นว่านักลงทุนรายย่อยระยะยาว (ตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป )น่าจะ
มีเงินเย็นประมาณสัก 80,000 บาท (บวก-ลบ) ต่อการลงทุนในหุ้น 1 ตัว แต่ไม่ใช่
นำเงินทั้งจำนวนดังกล่าวเข้าซื้อหุ้นลงทุนครั้งเดียวทั้งจำนวนนะครับ  ให้ลองใช้วิธีทยอยซื้อ
ทยอยขาย ตามที่ผมได้เรียบเรียงไว้เป็นแนวทางแล้ว เมื่อมีประสบการณ์เพิ่มขึ้นแล้วอาจ
ประยุกต์ไปตามสถานการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในแต่ละห้วงเวลา (ใช้เวลาพอสมควรครับ)

  ขอย้ำนะครับต้องเป็นเงินเย็นเท่านั้น สำหรับนักลงทุนระยะยาว
   



หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: วายุ ที่ วันที่ 01 มิถุนายน 2011, 15:59:45
เสริมหน่อยครับ...ผมลงทุนครั้งแรกมี 50000 เอง  จริงๆแล้วมันอยู่ที่แต่ละบุคคลครับว่ามีทุนเท่าไหร่  น้อยๆก็ได้ครับ  ค่อยๆเก็บประสบการณ์ไปเรื่อยๆ  จริงๆแล้วการที่เราเริ่มน้อยๆก่อนจะดีกว่าครับ  เพราะถ้าคุณไม่เป็น  การที่ทุ่มเงินเข้าไปเป็นจำนวนมากนั้นน่ากลัว  แต่ถ้าคุณเป็นแล้ว  คุณจะเล่นเป็นจำนวนเงินมากเท่าไหร่ก็ได้ตามที่คุณต้องการครับ


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: LoveYou2 ที่ วันที่ 01 มิถุนายน 2011, 19:34:47
ขอบคุณสำหรับคำตอบครับ
แล้วถ้ามีเงินเย็นแค่2-3หมื่นล่ะครับพอได้รึเปล่าครับ


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 01 มิถุนายน 2011, 19:52:06
   ให้เย็นจริงๆนะครับ ได้อยู่ แต่การซื้อหุ้นเพื่อลงทุนระยะยาว อย่างที่ผมได้กล่าวไว้ในตอนต้นๆ เรา
เข้าซื้อหุ้นได้ ซึ่งคิดว่าได้ราคาต่ำแล้ว มันก็จะมีราคาที่ต่ำกว่าอีก ซ้ำซาก ผมจึงใด้แนะนำให้ทยอยซื้อ
ถ้าใช้เงิน 30,000 ลงทุนเริ่มต้น ลองแบ่งเงินเป็น 3 ส่วน แล้วทำตามที่ผมแนะนำไว้ดังกล่าวดูครับ


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: ....คนหน้าแหลม.... ที่ วันที่ 02 มิถุนายน 2011, 16:15:49
ขอแสดงความเสียดายกับตัวเองที่บ่มีหุ้นน้ำตาล kbs  :'(
11.30 น้ำลายไหล


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: vee48 ที่ วันที่ 02 มิถุนายน 2011, 16:55:19
ขอแสดงความเสียดายกับตัวเองที่บ่มีหุ้นน้ำตาล kbs  :'(
11.30 น้ำลายไหล

ฮืออออออออออออออออออออออออออ เสียใจด้วย ไม่มีเหมือนกัน :'( :'( จงลงๆๆๆๆๆๆๆ


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 03 มิถุนายน 2011, 10:23:45
หุ้นพื้นฐานดี

   ผมได้เรียบเรียงเรื่องพื้นฐาน ปัจจัยพื้นฐานมาพอเป็นสังเขปแล้ว เบรกนี้มาว่ากันถึงเรื่อง หุ้นพื้นฐานกันบ้าง

   ช่วงก่อนที่ผมจะเข้าลงทุนในตลาด ผมได้ศึกษา ติดตามข่าวเกี่ยวกับหุ้น การลงทุนในตลาดฯ การ
ชักชวนให้คนเข้าลงทุนฯและได้เห็นคำถามผ่านตาบ่อยๆว่าจะเอาเงินไปลงทุนอะไรดี ซึ่งก็มีคำตอบ
ต่างๆ แต่ที่สะกิดใจผมคำตอบหนึงก็คือ เอาเงินไปลงทุนซื้อหุ้นพื้นฐาน ผมก็ยังข้องใจว่าหุ้นพื้นฐานนั้น คือหุ้นอะไร

   เมื่อได้เข้าลงทุนในตลาดฯ ก็ยังไม่ค่อยเข้าใจอยู่ดี เพราะบางท่านบอกว่า หุ้นตัวนี้สิ เป็นหุ้นพื้นฐาน
ตัวนั้นไม่ใช่ ผมก็คาใจอยู่นานพอสมควร ว่าทำไมเขาจึงว่ากันอย่างนั้น

   ผมได้ค่อยๆเรียนรู้ ทำความเข้าใจ หาประสพการณ์ นำมาวิเคราะห์ และให้คำตอบกับตัวเองว่า หุ้น
ทุกตัวในตลาดฯ เป็นหุ้นมีพื้นฐานทั้งสิ้น เพราะในเมื่อบริษัทฯใดได้จดทะเบียนเข้าตลาดฯ เพื่อนำหุ้น
เข้าซื้อขายในตลาดได้ ก็น่าจะเป็นบริษัทฯที่มีพื้นฐาน มีคุณสมบัติเพียงพอ

   ที่ผมกล้าพูดเช่นนี้ เพราะผมเห็นว่า กิจการทุกกิจการที่ตลาดฯรับจดทะเบียน อนุญาตให้นำหุ้นของ
กิจการเข้าซื้อขายในตลาดได้ ต้องมีพื้นฐาน มีคุณสมบัติต้องด้วยเงื่อนไขและหลักเกณฑ์ของตลาดฯ
มิฉนั้น ตลาดฯคงไม่อนุญาตฯ แต่พื้นฐานจะเป็นอย่างไร ดี ไม่ดี มันเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งผมจึงขอสรุปว่า
ถ้าท่านคิดจะลงทุนในหุ้น ก็ขอให้ลงทุนในหุ้นพื้นฐานดี นะครับ ไม่ใช่หุ้นพื้นฐาน เฉยๆ

   ทีนี้มาว่ากันถึงหุ้นพื้นฐานดี กันดีกว่า หุ้นพื้นฐานดี ในความคิดของผม ต้องเป็นหุ้นที่ดำเนินกิจการ
เพื่อรองรับความต้องการปัจจัยสี่ของมนุษย์ รองรับความต้องการที่จำเป็นในการใช้ชีวิตประจำวันของ
มนุษย์ยุคปัจจุบัน ซึ่งผมเรียกว่าความต้องการแท้ ซึ่งมีทั้งหุ้นที่อยู่ในกลุ่มอิทธิพลและที่อยู่นอกกลุ่มอิทธิพล
ของดัชนีตลาดฯ ซึ่งผมได้กล่าวมาพอเป็นสังเขปแล้ว เช่นกัน

   ซึ่งที่ได้กล่าวมาแล้วนี้ เป็นเรื่องของ หุ้นพื้นฐานดีตามประเภทของกิจการเท่านั้นนะครับ ไม่เกี่ยวกับ
พื้นฐานของ เจ้าของ/ผู้บริหาร และถ้ากิจการอยู่ในประเภท พื้นฐานดี แต่ถ้า เจ้าของ/ผู้บริหาร พื้นฐาน
ไม่ดี ขาดความน่าเชื่อถือ นักลงทุนก็ต้องระมัดระวังกันครับ



หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: nisa26 ที่ วันที่ 03 มิถุนายน 2011, 16:46:20
ขอเข้ามาศึกษาด้วยค่ะ ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆ ค่ะ


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: ....คนหน้าแหลม.... ที่ วันที่ 03 มิถุนายน 2011, 16:54:12
วันนี้น้ำตาลก็ยังหวาน แต่เปลี่ยนตัวเป็น ksl   ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 03 มิถุนายน 2011, 17:18:10
วันนี้น้ำตาลก็ยังหวาน แต่เปลี่ยนตัวเป็น ksl   ;D


ยังไงๆ ก็เป็นน้ำตาล พวกเดียวกัน  ;D ขอบคุณท่านเปา เข้ามาเสนอข่าวทุกวัน  ;)



หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: น้าวัยทองฯ ที่ วันที่ 03 มิถุนายน 2011, 19:28:51
เท่าที่ผมอ่านจากหน้าหนึ่งมาถึงหน้านี้

ในความเข้าใจผมว่า การซื้อ-ขายหุ้น

ก็เหมือนการซื้อ-ขาย ทองคำ ไว้เก็งกำไร ใช่ไหมครับ

แต่หุ้นในตลาดที่ว่านี้ ไม่ใช่มีแค่ทองอย่างเดียว

แต่มีกิจการหลายๆอย่างที่สามารถซื้อ-ขายได้ ใช่ไหมครับ

เพราผมได้ศึกษาการลงทุนซื้อ-ขายทองไว้บ้างนิดหน่อย

ก็ว่าจะลองดู แต่มาเจอกระทู้นี้ ทำให้ผมฉุดคิดว่า

การซื้อ-ขายหุ้น น่าจะมีหลากหลายและให้กำไรดีกว่าทอง

แบบนี้หรือเปล่าครับ หรือผมเข้าใจผิด

ยังไงช่วยแนะนำด้วยครับ

ขอบคุณครับ


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: น้าวัยทองฯ ที่ วันที่ 03 มิถุนายน 2011, 19:33:57
และอยากสอบถามว่า การลงทุนในตลาดหุ้น

เงินลงทุนขั้นต่ำ แบบประมาณว่าต่ำมาก

อยู่ที่จำนวนเท่าใด ถึงสามารถซื้อ-ขาย

หุ้นในตลาดเพื่อเก็งกำไรได้

เพราะทุนส่วนตัวน้อย แต่มีความสนใจ

ปล.ท่านวายุขายข้าวมันไก่แถวซอย 18 มิถุนา

ด้านไหนครับ ด้านฝั่ง บิ๊กซี หรือด้านฝั่ง สนามบินเก่า

จะได้มีโอกาสพบปะพูดคุยด้วย ขอคำแนะนำครับ

ขอบคุณครับ


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: vee48 ที่ วันที่ 03 มิถุนายน 2011, 19:50:01
เปิดบัญชีขั้นต่ำ 5000 นะคะ...คุณข้างบน ให้แน่ใจว่าเป็นเงินเย็นนะคะ  ;D  ถ้าอุ่นๆ ก็แนะนำให้ศึกษาไปก่อนค่ะ


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: nisa26 ที่ วันที่ 03 มิถุนายน 2011, 21:24:29
เปิดบัญชีขั้นต่ำ 5000 นะคะ...คุณข้างบน ให้แน่ใจว่าเป็นเงินเย็นนะคะ  ;D  ถ้าอุ่นๆ ก็แนะนำให้ศึกษาไปก่อนค่ะ

ขั้นต่ำ 5พัน โบรกเกอร์ ที่ไหนรับเปิดบ้างค่ะ


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: vee48 ที่ วันที่ 03 มิถุนายน 2011, 21:47:57
เปิดบัญชีขั้นต่ำ 5000 นะคะ...คุณข้างบน ให้แน่ใจว่าเป็นเงินเย็นนะคะ  ;D  ถ้าอุ่นๆ ก็แนะนำให้ศึกษาไปก่อนค่ะ

ขั้นต่ำ 5พัน โบรกเกอร์ ที่ไหนรับเปิดบ้างค่ะ

ถ้าหากสนใจจะเริ่มต้นที่ 5000 ทางคุณอาจจะซื้อได้เฉพาะหุ้นตัวเล็กๆก่อนนะคะ ซึ่งอาจจะไม่คุ้มกับค่าคอมที่ต้องจ่ายในการซื้อขายแต่ละครั้ง หรือโบร๊คที่มีการคิดค่าคอมขั้นต่ำ ยังไงลองศึกษารายละเอียดเบื้องต้นดู หนังสือดีๆเกี่ยวกับหุ้นมีเยอะค่ะ ลองหามาอ่านดู หรือไม่ก็เข้าดูตามเว็บต่างๆก็ได้ค่ะ...ไม่แน่ใจว่าคุณ cupid เคยอธิบายไว้รึเปล่านะคะ ลองไล่อ่านดู


http://www.settrade.com/C00_BeginnerRedirect.jsp?txtPage=beginnerZone/th/beginner-create-account.html
http://www.settrade.com/C00_BeginnerRedirect.jsp?txtPage=beginnerZone/th/beginner-broker-list.html

หวังว่าจะช่วยได้บ้างไม่มากก็น้อยนะคะ ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: ....คนหน้าแหลม.... ที่ วันที่ 03 มิถุนายน 2011, 22:13:03
เท่าที่ผมอ่านจากหน้าหนึ่งมาถึงหน้านี้

ในความเข้าใจผมว่า การซื้อ-ขายหุ้น

ก็เหมือนการซื้อ-ขาย ทองคำ ไว้เก็งกำไร ใช่ไหมครับ

แต่หุ้นในตลาดที่ว่านี้ ไม่ใช่มีแค่ทองอย่างเดียว

แต่มีกิจการหลายๆอย่างที่สามารถซื้อ-ขายได้ ใช่ไหมครับ

เพราผมได้ศึกษาการลงทุนซื้อ-ขายทองไว้บ้างนิดหน่อย

ก็ว่าจะลองดู แต่มาเจอกระทู้นี้ ทำให้ผมฉุดคิดว่า

การซื้อ-ขายหุ้น น่าจะมีหลากหลายและให้กำไรดีกว่าทอง

แบบนี้หรือเปล่าครับ หรือผมเข้าใจผิด

ยังไงช่วยแนะนำด้วยครับ

ขอบคุณครับ
สั้นๆครับ การซื้อหุ้นคือไปเป็นหุ้นส่วนในบริษัทที่เราสนใจในราคาใดราคาหนึ่งในตลาดขณะนั้น จะซื้อกี่หุ้นก็แล้วแต่วิตามิน M และความต้องการของเรา เวลาผ่านไปถ้าราคาหุ้นที่ซื้อมีคนต้องการมาก ราคาซื้อขายก็จะสูงขึ้น เราก็จะมีกำไรส่วนต่างตรงนี้ หากไม่ต้องการถือหุ้นบริษัทนี้แล้ว เราก็สามารถขายต่อเพื่อเอาเงินสดซึ่งรวมกำไรแล้วออกมา  พอเข้าใจมั๊ยครับ อิอิ พิมพ์เหนื่อย ไม่งั้นจะละเอียดกว่านี้
เออ ลืมเลย คือถ้าหุ้นบริษัทนั้นไม่เป็นที่ต้องการของคนทั่วไป ไม่ว่าจะเพราะเหตุใดก็ตาม เช่นขาดทุน มีปัญหาด้านการเงิน ฯลฯ หุ้นบริษัทนั้นก็จะตกต่ำลง เพราะมีแต่คนแย่งขาย ถ้าเรามีทุนที่ซื้อสูงกว่าเราก็จะขาดทุน ตรงข้ามกะข้อความข้างบนน่ะ เหนื่อยอีกล่ะ 55+


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: vee48 ที่ วันที่ 03 มิถุนายน 2011, 22:15:29
เท่าที่ผมอ่านจากหน้าหนึ่งมาถึงหน้านี้

ในความเข้าใจผมว่า การซื้อ-ขายหุ้น

ก็เหมือนการซื้อ-ขาย ทองคำ ไว้เก็งกำไร ใช่ไหมครับ

แต่หุ้นในตลาดที่ว่านี้ ไม่ใช่มีแค่ทองอย่างเดียว

แต่มีกิจการหลายๆอย่างที่สามารถซื้อ-ขายได้ ใช่ไหมครับ

เพราผมได้ศึกษาการลงทุนซื้อ-ขายทองไว้บ้างนิดหน่อย

ก็ว่าจะลองดู แต่มาเจอกระทู้นี้ ทำให้ผมฉุดคิดว่า

การซื้อ-ขายหุ้น น่าจะมีหลากหลายและให้กำไรดีกว่าทอง

แบบนี้หรือเปล่าครับ หรือผมเข้าใจผิด

ยังไงช่วยแนะนำด้วยครับ

ขอบคุณครับ
สั้นๆครับ การซื้อหุ้นคือไปเป็นหุ้นส่วนในบริษัทที่เราสนใจในราคาใดราคาหนึ่งในตลาดขณะนั้น จะซื้อกี่หุ้นก็แล้วแต่วิตามิน M และความต้องการของเรา เวลาผ่านไปถ้าราคาหุ้นที่ซื้อมีคนต้องการมาก ราคาซื้อขายก็จะสูงขึ้น เราก็จะมีกำไรส่วนต่างตรงนี้ หากไม่ต้องการถือหุ้นบริษัทนี้แล้ว เราก็สามารถขายต่อเพื่อเอาเงินสดซึ่งรวมกำไรแล้วออกมา  พอเข้าใจมั๊ยครับ อิอิ พิมพ์เหนื่อย ไม่งั้นจะละเอียดกว่านี้


แนะนำให้แจกเบอร์ไปเลยค่ะ อิอิ ;D พิมพ์เยอะๆมันเหนื่อยจริงๆค่ะ  ::)


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: ....คนหน้าแหลม.... ที่ วันที่ 03 มิถุนายน 2011, 22:15:45
และอยากสอบถามว่า การลงทุนในตลาดหุ้น

เงินลงทุนขั้นต่ำ แบบประมาณว่าต่ำมาก

อยู่ที่จำนวนเท่าใด ถึงสามารถซื้อ-ขาย

หุ้นในตลาดเพื่อเก็งกำไรได้

เพราะทุนส่วนตัวน้อย แต่มีความสนใจ

ปล.ท่านวายุขายข้าวมันไก่แถวซอย 18 มิถุนา

ด้านไหนครับ ด้านฝั่ง บิ๊กซี หรือด้านฝั่ง สนามบินเก่า

จะได้มีโอกาสพบปะพูดคุยด้วย ขอคำแนะนำครับ

ขอบคุณครับ
แนะนำให้ไปที่โบรคเลยครับ มาร์เก็ตติ้งจะอธิบายทุกอย่างที่ต้องการได้เลย และยังได้สัมผัสห้องค้าอีกด้วย แบบว่าอุ่นเครื่องไปพลางๆ  ;D
ร้านของท่านวายุ อยู่ฝั่งสนามบินเก่าครับ
แนะนำไปกินข้าวมันไก่แล้วถือโอกาสนั่งคุยกะท่านวายุเลยครับ ชัวร์  ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: vee48 ที่ วันที่ 03 มิถุนายน 2011, 22:19:18
ไหงไปปัดให้ท่านวายุเค้าล่ะพี่  :o :o


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: ....คนหน้าแหลม.... ที่ วันที่ 03 มิถุนายน 2011, 22:20:48
ไหงไปปัดให้ท่านวายุเค้าล่ะพี่  :o :o
555+ ก้เพราะเค้าเป็นเจ้าของกระทู้ ไง


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: น้าวัยทองฯ ที่ วันที่ 03 มิถุนายน 2011, 22:31:04
ผมไปมาแล้วครับ แต่ไม่แน่ใจว่าใช่ร้านนี้เปล่า

ร้านข้าวมันไก่น้องใบเฟิร์น

อยู่ข้างๆ บ.ไทยประกันชีวิต ป้ายสีชมพูเชียว

พอดีเห็นแต่พี่ผู้หญิงเลยไม่กล้าเข้าไปหา

ไว้รอท่านวายุมา ค่อยขอรายละเอียดอีกทีครับ

ขอบคุณครับ


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: น้าวัยทองฯ ที่ วันที่ 03 มิถุนายน 2011, 22:31:31
ค่อยๆก้าว อย่างมั่นคง


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: vee48 ที่ วันที่ 03 มิถุนายน 2011, 22:32:10
ไหงไปปัดให้ท่านวายุเค้าล่ะพี่  :o :o
555+ ก้เพราะเค้าเป็นเจ้าของกระทู้ ไง

อันนี้ของท่าน cupid เค้านะพี่ 555+ ผิดกระทู้แระ ;D ;D ;D ปัดให้ท่าน cupid ไปละกัน อิอิ

พี่น่าจะเปิดกระทู้ใบ้หวย(หุ้น) จะเป็นแฟนพันธุ์แท้เองเลย :o


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: น้าวัยทองฯ ที่ วันที่ 03 มิถุนายน 2011, 22:33:57
ไหงไปปัดให้ท่านวายุเค้าล่ะพี่  :o :o
555+ ก้เพราะเค้าเป็นเจ้าของกระทู้ ไง

อันนี้ของท่าน cupid เค้านะพี่ 555+ ผิดกระทู้แระ ;D ;D ;D ปัดให้ท่าน cupid ไปละกัน อิอิ

พี่น่าจะเปิดกระทู้ใบ้หวย(หุ้น) จะเป็นแฟนพันธุ์แท้เองเลย :o

สงสัยพี่เขาจะเหนื่อย อิอิ


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: vee48 ที่ วันที่ 03 มิถุนายน 2011, 22:38:59
555+ พี่เค้าพิมพ์เยอะ เลยเหนื่อยง่าย ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: ....คนหน้าแหลม.... ที่ วันที่ 03 มิถุนายน 2011, 22:43:20
ไหงไปปัดให้ท่านวายุเค้าล่ะพี่  :o :o
555+ ก้เพราะเค้าเป็นเจ้าของกระทู้ ไง

อันนี้ของท่าน cupid เค้านะพี่ 555+ ผิดกระทู้แระ ;D ;D ;D ปัดให้ท่าน cupid ไปละกัน อิอิ

พี่น่าจะเปิดกระทู้ใบ้หวย(หุ้น) จะเป็นแฟนพันธุ์แท้เองเลย :o
อ้าวว ผมเบลอ สงสัยเหนื่อยเพราะพิมพ์ 5555+


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 03 มิถุนายน 2011, 22:50:30

ดีจังครับ ท่านเปามาช่วยเหนื่อยกับการพิมพ์ วันนี้ผมเลยเหนื่อยน้อยหน่อย... :D

ได้ขอบคุณท่านเปาทุกวันเลย... ;)


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: น้าวัยทองฯ ที่ วันที่ 03 มิถุนายน 2011, 22:52:26
ท่าน cupid ช่วยอธิบายเสริม

คำถามของผมหน่อยได้ไหมครับ

ขอบคุณครับ ถ้ายังไม่เหนื่อย


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 03 มิถุนายน 2011, 23:02:22
ท่าน cupid ช่วยอธิบายเสริม

คำถามของผมหน่อยได้ไหมครับ

ขอบคุณครับ ถ้ายังไม่เหนื่อย

คำตอบของท่านเปา กระทัดรัด ได้ใจความดีมากครับ เดี๋ยวผมจะดูว่าจะเสริมอย่างไร ตรง
ไหน แต่ต้องขอเป็นพรุ่งนี้ครับ วันนี้เจอหลายเรื่องมาก เหนื่อยหลาย ขอบคุณครับ  ;)


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: น้าวัยทองฯ ที่ วันที่ 03 มิถุนายน 2011, 23:04:15
ท่าน cupid ช่วยอธิบายเสริม

คำถามของผมหน่อยได้ไหมครับ

ขอบคุณครับ ถ้ายังไม่เหนื่อย

คำตอบของท่านเปา กระทัดรัด ได้ใจความดีมากครับ เดี๋ยวผมจะดูว่าจะเสริมอย่างไร ตรง
ไหน แต่ต้องขอเป็นพรุ่งนี้ครับ วันนี้เจอหลายเรื่องมาก เหนื่อยหลาย ขอบคุณครับ  ;)

ขอบคุณครับ


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 04 มิถุนายน 2011, 11:05:54
เท่าที่ผมอ่านจากหน้าหนึ่งมาถึงหน้านี้

ในความเข้าใจผมว่า การซื้อ-ขายหุ้น

ก็เหมือนการซื้อ-ขาย ทองคำ ไว้เก็งกำไร ใช่ไหมครับ

แต่หุ้นในตลาดที่ว่านี้ ไม่ใช่มีแค่ทองอย่างเดียว

แต่มีกิจการหลายๆอย่างที่สามารถซื้อ-ขายได้ ใช่ไหมครับ

เพราผมได้ศึกษาการลงทุนซื้อ-ขายทองไว้บ้างนิดหน่อย

ก็ว่าจะลองดู แต่มาเจอกระทู้นี้ ทำให้ผมฉุดคิดว่า

การซื้อ-ขายหุ้น น่าจะมีหลากหลายและให้กำไรดีกว่าทอง

แบบนี้หรือเปล่าครับ หรือผมเข้าใจผิด

ยังไงช่วยแนะนำด้วยครับ

ขอบคุณครับ
สั้นๆครับ การซื้อหุ้นคือไปเป็นหุ้นส่วนในบริษัทที่เราสนใจในราคาใดราคาหนึ่งในตลาดขณะนั้น จะซื้อกี่หุ้นก็แล้วแต่วิตามิน M และความต้องการของเรา เวลาผ่านไปถ้าราคาหุ้นที่ซื้อมีคนต้องการมาก ราคาซื้อขายก็จะสูงขึ้น เราก็จะมีกำไรส่วนต่างตรงนี้ หากไม่ต้องการถือหุ้นบริษัทนี้แล้ว เราก็สามารถขายต่อเพื่อเอาเงินสดซึ่งรวมกำไรแล้วออกมา  พอเข้าใจมั๊ยครับ อิอิ พิมพ์เหนื่อย ไม่งั้นจะละเอียดกว่านี้
เออ ลืมเลย คือถ้าหุ้นบริษัทนั้นไม่เป็นที่ต้องการของคนทั่วไป ไม่ว่าจะเพราะเหตุใดก็ตาม เช่นขาดทุน มีปัญหาด้านการเงิน ฯลฯ หุ้นบริษัทนั้นก็จะตกต่ำลง เพราะมีแต่คนแย่งขาย ถ้าเรามีทุนที่ซื้อสูงกว่าเราก็จะขาดทุน ตรงข้ามกะข้อความข้างบนน่ะ เหนื่อยอีกล่ะ 55+
ท่าน cupid ช่วยอธิบายเสริม

คำถามของผมหน่อยได้ไหมครับ

ขอบคุณครับ ถ้ายังไม่เหนื่อย

คำตอบของท่านเปา กระทัดรัด ได้ใจความดีมากครับ เดี๋ยวผมจะดูว่าจะเสริมอย่างไร ตรง
ไหน แต่ต้องขอเป็นพรุ่งนี้ครับ วันนี้เจอหลายเรื่องมาก เหนื่อยหลาย ขอบคุณครับ  ;)

ขอบคุณครับ

ขออนุญาตเสริมที่ท่านเปาได้วิสัชนาไว้ ที่ผมขอผัดไว้เมื่อวานนี้ครับ

   ที่ท่านเปาได้วิสัชนาไว้ว่า นลท.จะได้กำไรจากส่วนต่างของราคาหุ้นที่ซื้อไว้ กับราคาที่ขายออกไป
นั่นคือวัตถุประสงค์ในการลงทุนซื้อหุ้น (แต่ก็เสี่ยงต่อการขาดทุน ตามที่ท่านเปาได้วิสัชนาไว้นั่นแหละครับ)

   แต่ นลท.ระยะยาว (เกิน 1 ปี) ถ้าลงทุนในหุ้นพื้นฐานดี จะมีผลตอบแทนเป็นเงินปันผล หุ้นปันผล
ใบสำคัญแสดงสิทธิฯ แล้วแต่ผลประกอบการของบริษัทฯ นโยบายในการบริหาร ขยายกิจการ และ
เมื่อรับเงินปันผลแล้ว ผลประโยชน์ที่จะได้เพิ่มตามมาคือ เครดิตภาษี ครับ

   หุ้นจะกำไรดีกว่าทองหรือไม่ ให้ท่านลงทุนในหุ้น และทอง แล้วเปรียบเทียบเอาเองเถิดครับ แต่
มีกิจการให้ลงทุน และวิธีการซื้อขาย ไหวพริบ นั้น ลงทุนในหุ้นได้รับความหลากหลายแน่นอนครับ ;)
   


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: ....คนหน้าแหลม.... ที่ วันที่ 04 มิถุนายน 2011, 16:44:16
TVO แนวโน้มน่ากลัวที่สุด  ;D
ถ้ามันป้วนเปี้ยนบริเวณ 30 กว่าๆ จะดูอุ่นใจกว่า


ตัวที่ลุ้นว่าจะมีการทำนิวไฮหรือไม่เมื่อสิ้นเดือนนี้ ก็มีหลายตัว เช่น

LHK ปิด 3.50  high 3.52
BLAND ปิด 0.76 high 0.85
TK ปิด 9.65 high 10.00
YUASA ปิด 5.25 high 5.75
CEI ปิด 3.96 high 4.16
AMC ปิด 2.36 high 2.48
  



หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: vee48 ที่ วันที่ 04 มิถุนายน 2011, 17:14:49
TVO แนวโน้มน่ากลัวที่สุด  ;D
ถ้ามันป้วนเปี้ยนบริเวณ 30 กว่าๆ จะดูอุ่นใจกว่า

สลัดบ๊อบใส่ไปเรียบร้อยแล้วค่ะ ปวดหัวกะตัวนี้จริงๆ ถอยหลังเข้าคลองเรื่อยๆ :-\


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: ....คนหน้าแหลม.... ที่ วันที่ 04 มิถุนายน 2011, 17:25:54
TVO แนวโน้มน่ากลัวที่สุด  ;D
ถ้ามันป้วนเปี้ยนบริเวณ 30 กว่าๆ จะดูอุ่นใจกว่า

สลัดบ๊อบใส่ไปเรียบร้อยแล้วค่ะ ปวดหัวกะตัวนี้จริงๆ ถอยหลังเข้าคลองเรื่อยๆ :-\
ซื้อเดือนไหน ถ้าต้นปี ก็เจ็บแน่
set ถึงแม้ยังไม่หลุด 1050 อย่างจริงๆจังๆ แต่เบิ่งกราฟแล้วก็มีเสียว  ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: vee48 ที่ วันที่ 04 มิถุนายน 2011, 17:31:15
TVO แนวโน้มน่ากลัวที่สุด  ;D
ถ้ามันป้วนเปี้ยนบริเวณ 30 กว่าๆ จะดูอุ่นใจกว่า

สลัดบ๊อบใส่ไปเรียบร้อยแล้วค่ะ ปวดหัวกะตัวนี้จริงๆ ถอยหลังเข้าคลองเรื่อยๆ :-\
ซื้อเดือนไหน ถ้าต้นปี ก็เจ็บแน่
ซื้อไว้ตอน 28 ค่ะ รอเป็นเดือนๆ ไม่ไปไหนเลย ตกตลอด เสียเวลามาก เอามาซื้อตัวอื่นดีกว่า แต่จ้องอยู่ ไว้จะกลับไปแก้แค้น 5555


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: ....คนหน้าแหลม.... ที่ วันที่ 05 มิถุนายน 2011, 09:44:21
TVO แนวโน้มน่ากลัวที่สุด  ;D
ถ้ามันป้วนเปี้ยนบริเวณ 30 กว่าๆ จะดูอุ่นใจกว่า

สลัดบ๊อบใส่ไปเรียบร้อยแล้วค่ะ ปวดหัวกะตัวนี้จริงๆ ถอยหลังเข้าคลองเรื่อยๆ :-\
ซื้อเดือนไหน ถ้าต้นปี ก็เจ็บแน่
ซื้อไว้ตอน 28 ค่ะ รอเป็นเดือนๆ ไม่ไปไหนเลย ตกตลอด เสียเวลามาก เอามาซื้อตัวอื่นดีกว่า แต่จ้องอยู่ ไว้จะกลับไปแก้แค้น 5555
ถ้ายังแอบรักแอบชอบมันอยู่ จะคอยดูๆให้นะ ช่วยๆกัน  ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: vee48 ที่ วันที่ 05 มิถุนายน 2011, 09:46:06
 ;D ;D ขอบคุณค๊าาา


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: วายุ ที่ วันที่ 05 มิถุนายน 2011, 15:03:40
ตอบคุณ ♥วัยทอง~คะนองรัก♥
     ใช่ร้านนั้นแหละครับ  ถ้าจะมานั่งคุยกับผมก็ได้นะ  แต่บางทีจังหวะลูกค้าเยอะก็คุยไม่ค่อยถนัดนัก  เอาเป็นว่าว่างวันไหนค่อยนัดกันดีกว่า  หรือว่าเราไปหาท่านคิวที่บ้านกันไหม  ผมก็อยากไปหาท่านคิวเหมือนกัน  ท่านบอกว่าบ้านมีบ่อปลา  อยากกินลาบปลาเสียแร๊ว...วววว


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 05 มิถุนายน 2011, 19:00:17
ตอบคุณ ♥วัยทอง~คะนองรัก♥
     ใช่ร้านนั้นแหละครับ  ถ้าจะมานั่งคุยกับผมก็ได้นะ  แต่บางทีจังหวะลูกค้าเยอะก็คุยไม่ค่อยถนัดนัก  เอาเป็นว่าว่างวันไหนค่อยนัดกันดีกว่า  หรือว่าเราไปหาท่านคิวที่บ้านกันไหม  ผมก็อยากไปหาท่านคิวเหมือนกัน  ท่านบอกว่าบ้านมีบ่อปลา  อยากกินลาบปลาเสียแร๊ว...วววว

     มีปลาหางนกยูง กับปลาคาร์ฟ ท่านจะเอาชนิดไหนมาลาบ แจ้งล่วงหน้าด้วยครับ... :D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 05 มิถุนายน 2011, 19:37:10
TVO แนวโน้มน่ากลัวที่สุด  ;D
ถ้ามันป้วนเปี้ยนบริเวณ 30 กว่าๆ จะดูอุ่นใจกว่า

สลัดบ๊อบใส่ไปเรียบร้อยแล้วค่ะ ปวดหัวกะตัวนี้จริงๆ ถอยหลังเข้าคลองเรื่อยๆ :-\
ซื้อเดือนไหน ถ้าต้นปี ก็เจ็บแน่
ซื้อไว้ตอน 28 ค่ะ รอเป็นเดือนๆ ไม่ไปไหนเลย ตกตลอด เสียเวลามาก เอามาซื้อตัวอื่นดีกว่า แต่จ้องอยู่ ไว้จะกลับไปแก้แค้น 5555
ถ้ายังแอบรักแอบชอบมันอยู่ จะคอยดูๆให้นะ ช่วยๆกัน  ;D

  tvo ก็เป็นหุ้นในดวงใจผมอีกตัวหนึ่ง ติดตามศึกษามาตั้งแต่ก่อนเข้าตลาดฯ เมื่อเข้าตลาดฯแล้ว ได้ซื้อ
ถือลงทุนมาค่อนข้างยาว ได้ทั้งหุ้นปันผล ใบสำคัญแสดงสิทธิ (วอร์แรนท์) แต่ปัจจุบัน ไม่มีในโกดัง
(ซื้อๆขายๆมาหลายรอบมาก ขายไปครั้งสุดท้ายที่ประมาณ 24 บาท แล้วเขาก็ไม่กลับมาเลย รออยู่เหมือนกัน แต่คงอีกนาน กว่าจะได้เข้าอีก)


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: น้าวัยทองฯ ที่ วันที่ 05 มิถุนายน 2011, 21:22:03
ตอบคุณ ♥วัยทอง~คะนองรัก♥
     ใช่ร้านนั้นแหละครับ  ถ้าจะมานั่งคุยกับผมก็ได้นะ  แต่บางทีจังหวะลูกค้าเยอะก็คุยไม่ค่อยถนัดนัก  เอาเป็นว่าว่างวันไหนค่อยนัดกันดีกว่า  หรือว่าเราไปหาท่านคิวที่บ้านกันไหม  ผมก็อยากไปหาท่านคิวเหมือนกัน  ท่านบอกว่าบ้านมีบ่อปลา  อยากกินลาบปลาเสียแร๊ว...วววว

     มีปลาหางนกยูง กับปลาคาร์ฟ ท่านจะเอาชนิดไหนมาลาบ แจ้งล่วงหน้าด้วยครับ... :D

ไปครับ ว่างวันไหนลองเกริ่นกันหน่อยครับ



หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 06 มิถุนายน 2011, 11:56:02

ไม่ต้องรีบ

   การลงทุนในหลักทรัพย์ นลท.ระยะยาว เมื่อได้ศึกษาติดตามข้อมูลของกิจการที่เราสนใจจะลงทุนด้วย
ทั้งข้อมูลของบริษัทฯในอดีต ปัจจุบัน นโยบายการดำเนินกิจการในอนาคต (การลงทุนในหลักทรัพย์
คือการซื้ออนาคตของกิจการฯ) เมื่อมีข้อมูลของกิจการฯเพียงพอ จนมั่นใจในระดับหนึ่งว่า เราจะลงทุน
ซื้อหุ้นของกิจการใด ก็ไปดูข้อมูลทางวิชาการ ประกอบกับราคาหุ้นว่าเป็นอย่างไร ความเคลื่อนไหวของ
ราคาในรอบสัปดาห์ รอบเดือน รอบหลายๆเดือนที่ผ่านมา เพื่อประกอบการตัดสินใจว่าเราควรจะซื้อหุ้น
ในราคาเท่าใด แต่ไม่ต้องรีบ ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่ได้หุ้น (ถึงแม้ว่าแนวทางของเราคือการทยอยซื้อ ก็
ไม่ต้องรีบครับ)  หรือถ้าเริ่มทยอยซื้อไปบ้างแล้ว หุ้นตกลงไปอีก ก็ไม่ต้องรีบเข้าไปซื้อเพิ่ม ให้ดูความ
เคลื่อนไหวของตลาดฯโดยรวมประกอบด้วยครับ  เพราะอาจได้ โอกาสในวิกฤต

   โอกาสในวิกฤต คืออะไร

   วิกฤตในตลาดหลักทรัพย์ คือการที่ดัชนีตลาดฯตกอย่างรุนแรง มีแรงเทขายออกมาจากหุ้นเกือบทุกตัว
(จะโดยเหตุผลใดก็ตาม) ทำให้เกิด Panic Sell (การขายของ นลท.รายย่อยตามแรงเทขายของ นลท.
รายใหญ่ นลท.สถาบัน นลท.ต่างประเทศ) ซึ่งอาจมีปัจจัยที่มองไม่เห็นเข้ามาสร้างกระแสด้วย โดยการ
เทขายหุ้นล๊อตใหญ่ๆ เพื่อให้ นลท.รายย่อยตระหนก จนต้องขายตามๆกันออกมา ที่เรียกกันว่า ทุบเอาของ นั่นแหละครับ

   นลท.รายย่อยที่มีประสบการณ์ ผ่านร้อน ผ่านหนาว ในตลาดหลักทรัพย์มาพอสมควร จนสามารถ
ดำรงอยู่ในตลาดฯได้ เขาจะพลิกวิกฤตินี้ให้เป็นโอกาส (ที่ผมเรียกว่า โอกาสในวิกฤต นั่นแหละ ) ทยอยรับของ (หุ้นที่เลือกไว้ หรือที่มีอยู่แล้วในโกดัง)

   นลท.รายย่อยระยะยาวมือใหม่ ผมจึงเรียนว่า ให้ทยอยซื้อ และ/หรือจะซื้อเพิ่ม ก็อาจจะได้ โอกาสในวิกฤต ไงครับ

   เพราะถ้าเราลงทุนซื้อหุ้นจนเต็มพอร์ตแล้ว เมื่อวิกฤตมา เราก็หมดโอกาส เพราะ บ่จี๊เสียแล้ว... ;)


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 06 มิถุนายน 2011, 15:32:29

ตลาดวันนี้น่าจะพอเป็นโอกาส ทยอยเก็บตัวที่เล็งไว้ แต่ไอ้ที่เล็งไว้ มันก็ไม่ค่อยลงมา... :D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: ....คนหน้าแหลม.... ที่ วันที่ 06 มิถุนายน 2011, 15:57:03

ตลาดวันนี้น่าจะพอเป็นโอกาส ทยอยเก็บตัวที่เล็งไว้ แต่ไอ้ที่เล็งไว้ มันก็ไม่ค่อยลงมา... :D
take it easy....wait and see  
;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 08 มิถุนายน 2011, 13:59:18
   ช่วงนี้ ดัชนีตลาดลงค่อนข้างแรง ปัจจัยที่มองไม่เห็นคอยซ้ำเติม มี Panic Sell (การขาย
ด้วยความตระหนก) และก็คงอาจมีที่ถูกบังคับขายด้วย (ผู้ที่ถูกบังคับขาย คือผู้ที่กู้ยืมเงิน
ของโบรคเกอร์เข้าซื้อหุ้น พอหุ้นตก หาหลักทรัพย์วางประกันเพิ่มตามสัญญาฯไม่ได้ จึง
ถูกบังคับขาย เท่ากับเป็นการซ้ำเติมตลาดฯ)

   นลท รายย่อยเงินเย็นหลายท่าน คงได้โอกาส ในวิกฤตินี้บ้าง
   สำหรับผม ก็เหมือนเดิมครับ เดินตามแนวทาง (ทยอยรับ) เพราะไม่รู้ว่ามันจะยุติตรงไหน


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: LoveYou2 ที่ วันที่ 08 มิถุนายน 2011, 21:29:34
เข้ามาศึกษาครับ  หายไปหลายวันเลย
งายยุ้งยุ่ง อิอิ  หวังจะได้เป็นนักลงทุนกะเค้ามั่ง


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 09 มิถุนายน 2011, 10:38:13
ตั้งรับ หรือวางขาย ให้ติดจอ
     
การเก็งกำไร หรือการลงทุนระยะสั้นนั้น แน่นอนว่า นลท ต้องเฝ้าติดจอซื้อ ขาย อยู่แล้ว เพื่อที่จะเข้าซื้อ หรือขายออก ตามจังหวะราคาหุ้นในระหว่างวัน มีกำไร ขาดทุน ทุกวัน คละเคล้ากันไป
     
     ท่านอาจแปลกใจว่า กระทู้นี้ ว่าด้วยการลงทุนระยะยาว แล้วทำไมผมเปิดเบรกนี้ว่า ตั้งรับ หรือวางขายให้ติดจอ ผมขอเรียนว่า การจะซื้อหุ้นให้ได้ราคาต่ำ หรือจะขายให้ได้ราคาสูง ไม่ว่าจะเป็นการเก็งกำไร การลงทุนระยะสั้น ระยะกลาง หรือระยะยาวก็ตาม ในความเห็นของผมแล้ว นลท ควรติดจอทุกครั้ง เพราะการซื้อขายในแต่ละวันจะแตกต่างกันไป ตามปริมาณการซื้อขาย (volume ) ตามเหตุปัจจัยที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน และระหว่างวัน ที่แตกต่างกันไปเป็นช่วงๆ และที่สำคัญก็คือ ปัจจัยที่มองไม่เห็น ที่จะเข้ามากำหนดทิศทางของตลาดฯ และของหุ้นแต่ละตัว

    นลท รายย่อยระยะยาว ที่มีประสบการณ์สูงๆ จะสามารถซื้อหุ้นได้ในราคาต่ำ ขายได้ในราคาสูง แต่ไม่ได้หมายความว่า ซื้อได้ในราคาต่ำสุด และขายได้ในราคาสูงสุดนะครับ แต่หมายถึงโอกาสในการซื้อ แล้วขายได้ส่วนต่างในระดับที่คุ้มกับค่าใช้จ่าย และมีกำไรที่เหมาะสมกับการลงทุนต่างหาก

    การติดจอ ทำให้ นลท มองเห็นปริมาณการซื้อขาย สามารถใช้ประสบการณ์ คาดคะเนว่า ถ้าจะซื้อ ควรซื้อในราคาเท่าใด แล้วจึงตั้งซื้อ หรือถ้าจะขาย ควรขายในราคาเท่าใด แล้วจึงวางขาย และขอเรียนว่า เฉพาะในวันนั้นๆเท่านั้นซึ่งถ้าเป็นวันรุ่งขึ้น หรือวันถัดๆไป ก็ต้องมาพิจารณา คาดคะเนกันใหม่ หมายความว่าถ้าซื้อหรือขายไม่ได้ในวันใด วันถัดไปอาจจะซื้อหรือขายได้ในราคาต่ำ หรือสูงกว่าในวันที่ตั้งซื้อหรือวางขาย ที่ซื้อหรือขายไม่ได้นั้น ซึ่งอาจเป็นผลดี หรือผลไม่ดี ก็ได้ (อันนี้อาจมี เฮง หรือ ซวย เข้ามาประกอบครับ  ;))


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: ....คนหน้าแหลม.... ที่ วันที่ 09 มิถุนายน 2011, 12:40:53
AGE  เปิดเผยว่าบริษัทมีแผนปรับเพิ่มเป้าหมายกำไรสุทธิ และรายได้ในปีนี้ หลังมองว่าในครึ่งปีหลังความต้องการถ่านหินยังโตต่อเนื่อง รวมถึงบริษัทสามารถที่จะหาถ่านหินมารองรับความต้องการของผู้ประกอบการได้ จึงเชื่อว่าผลประกอบการทั้งปีมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นขณะที่กำไร และรายได้ในไตรมาส 2/54 คาดว่าจะออกมาใกล้เคียงกับไตรมาสแรกที่ผ่านมา ส่วนเรื่องการร่วมทุนในเหมืองถ่านหินแห่งแรกที่อินโดนีเซีย คาดว่าจะสรุปได้ในปีนี้ นอกจากนี้มีความเป็นไปได้ว่า บริษัทอาจต้องเพิ่มทุนจดทะเบียน หากบริษัทจะซื้อเหมืองถ่านหินแห่งที่สองเพิ่มในปีหน้าราคาหุ้น AGE ซื้อขายรอบเช้า ณ เวลา 12.13 น. ลบ 0.20 บาท หรือ 0.90% มาที่ 22 บาท ระหว่างวันปรับตัวขึ้นไปแตะระดับสูงสุดที่ 22.40 บาท และลงมาแตะระดับต่ำสุดที่ 21.90 บาท   ที่มา ข่าวหุ้นออนไลน์


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: vee48 ที่ วันที่ 09 มิถุนายน 2011, 14:14:53
AGE  เปิดเผยว่าบริษัทมีแผนปรับเพิ่มเป้าหมายกำไรสุทธิ และรายได้ในปีนี้ หลังมองว่าในครึ่งปีหลังความต้องการถ่านหินยังโตต่อเนื่อง รวมถึงบริษัทสามารถที่จะหาถ่านหินมารองรับความต้องการของผู้ประกอบการได้ จึงเชื่อว่าผลประกอบการทั้งปีมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นขณะที่กำไร และรายได้ในไตรมาส 2/54 คาดว่าจะออกมาใกล้เคียงกับไตรมาสแรกที่ผ่านมา ส่วนเรื่องการร่วมทุนในเหมืองถ่านหินแห่งแรกที่อินโดนีเซีย คาดว่าจะสรุปได้ในปีนี้ นอกจากนี้มีความเป็นไปได้ว่า บริษัทอาจต้องเพิ่มทุนจดทะเบียน หากบริษัทจะซื้อเหมืองถ่านหินแห่งที่สองเพิ่มในปีหน้าราคาหุ้น AGE ซื้อขายรอบเช้า ณ เวลา 12.13 น. ลบ 0.20 บาท หรือ 0.90% มาที่ 22 บาท ระหว่างวันปรับตัวขึ้นไปแตะระดับสูงสุดที่ 22.40 บาท และลงมาแตะระดับต่ำสุดที่ 21.90 บาท   ที่มา ข่าวหุ้นออนไลน์

 :o มีข่าวดีเค้าให้ขายรึเปล่าคะพี่ 555 แต่กะจะถือยาวอยู่แล้ว โดนคุณป๊านั่งว่าทุ๊กวัน บอกให้ขายๆตอน 25 เราได้แต่นั่งทำไม่รู้ไม่ชี้ ตอนนี้ยิ่งโดนด่ากระจายยยย 5555 พี่เค้าเล่นลงเอาๆ ดีว่าไม่รุนแรงเหมือนน้าแอ๊ด ;D ;D ขอบคุณที่เอาข่าวมาฝากนะคะ


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 09 มิถุนายน 2011, 14:41:21

   การติดจอซื้อขาย ไม่ได้หมายความว่าเพื่อดูทิศทางตลาดฯ หรือราคาหุ้นในประเทศเท่านั้น แต่ต้อง
ดูข่าวความเคลื่อนไหวของตลาดฯ และบริษัทฯจดทะเบียน ประกอบด้วย อย่างที่ท่านเปาได้นำมาฝากบ่อยๆ

   และให้ติดตามดูดัชนีหุ้นต่างประเทศด้วย เช่น นิคเคอิ ของญี่ปุ่น  หั่งเส็ง ของฮ่องกง  ดาวโจนส์ของอเมริกา
รวมทั้งตลาดหุ้นยุโรปด้วย เพราะตลาดหุ้นสำคัญๆทั่วโลกส่วนใหญ่อิงกันอยู่ (คือขึ้นด้วยกัน ลงด้วยกัน)
ตามเหตุปัจจัยที่มีผลกระทบในสังคมโลก คือ เศรษฐกิจ สังคม การเมือง การก่อการร้าย ภัยธรรมชาติฯลฯ



หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: ....คนหน้าแหลม.... ที่ วันที่ 09 มิถุนายน 2011, 16:45:49
AGE  เปิดเผยว่าบริษัทมีแผนปรับเพิ่มเป้าหมายกำไรสุทธิ และรายได้ในปีนี้ หลังมองว่าในครึ่งปีหลังความต้องการถ่านหินยังโตต่อเนื่อง รวมถึงบริษัทสามารถที่จะหาถ่านหินมารองรับความต้องการของผู้ประกอบการได้ จึงเชื่อว่าผลประกอบการทั้งปีมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นขณะที่กำไร และรายได้ในไตรมาส 2/54 คาดว่าจะออกมาใกล้เคียงกับไตรมาสแรกที่ผ่านมา ส่วนเรื่องการร่วมทุนในเหมืองถ่านหินแห่งแรกที่อินโดนีเซีย คาดว่าจะสรุปได้ในปีนี้ นอกจากนี้มีความเป็นไปได้ว่า บริษัทอาจต้องเพิ่มทุนจดทะเบียน หากบริษัทจะซื้อเหมืองถ่านหินแห่งที่สองเพิ่มในปีหน้าราคาหุ้น AGE ซื้อขายรอบเช้า ณ เวลา 12.13 น. ลบ 0.20 บาท หรือ 0.90% มาที่ 22 บาท ระหว่างวันปรับตัวขึ้นไปแตะระดับสูงสุดที่ 22.40 บาท และลงมาแตะระดับต่ำสุดที่ 21.90 บาท   ที่มา ข่าวหุ้นออนไลน์

 :o มีข่าวดีเค้าให้ขายรึเปล่าคะพี่ 555 แต่กะจะถือยาวอยู่แล้ว โดนคุณป๊านั่งว่าทุ๊กวัน บอกให้ขายๆตอน 25 เราได้แต่นั่งทำไม่รู้ไม่ชี้ ตอนนี้ยิ่งโดนด่ากระจายยยย 5555 พี่เค้าเล่นลงเอาๆ ดีว่าไม่รุนแรงเหมือนน้าแอ๊ด ;D ;D ขอบคุณที่เอาข่าวมาฝากนะคะ
อนาคตสงสัยเศรษฐีนีถ่านหิน  ;D บอกคุณป๊าด้วยว่าขายไงก็บ่ได้ดอก เพราะไฮแค่ 24.90


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: ....คนหน้าแหลม.... ที่ วันที่ 09 มิถุนายน 2011, 16:53:19
TVO แนวโน้มน่ากลัวที่สุด  ;D
ถ้ามันป้วนเปี้ยนบริเวณ 30 กว่าๆ จะดูอุ่นใจกว่า


ตัวที่ลุ้นว่าจะมีการทำนิวไฮหรือไม่เมื่อสิ้นเดือนนี้ ก็มีหลายตัว เช่น

LHK ปิด 3.50  high 3.52
BLAND ปิด 0.76 high 0.85
TK ปิด 9.65 high 10.00
YUASA ปิด 5.25 high 5.75
CEI ปิด 3.96 high 4.16
AMC ปิด 2.36 high 2.48
  


วันนี้เป็นวันของ CEI จ้า นิวไฮ 4.56 ปิด 4.36  โห  ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: vee48 ที่ วันที่ 09 มิถุนายน 2011, 17:41:18
น้องหินเค้าเคยไปที่ 25.25 มะใช่กา แต่แว๊บๆ....ยังไงก็ท่องไว้...ไม่ขาย!!! พรุ่งนี้วันศุกร์ลุ้นต่อ แดงอีกต้องหากระสุนเพิ่ม ตอนนี้กระสุนหมด >:(


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 09 มิถุนายน 2011, 19:31:30
น้องหินเค้าเคยไปที่ 25.25 มะใช่กา แต่แว๊บๆ....ยังไงก็ท่องไว้...ไม่ขาย!!! พรุ่งนี้วันศุกร์ลุ้นต่อ แดงอีกต้องหากระสุนเพิ่ม ตอนนี้กระสุนหมด >:(

นักลงทุน ต้องเป็นแก้วที่พร่องน้ำอยู่เสมอ ...  

เรื่องกระสุนหมด ช่วงที่ผมเข้าตลาดใหม่ๆก็จะกระสุนหมดเป็นประจำในช่วงของถูก หากระสุนมาเพิ่มเท่าใด
ก็ไม่ค่อยจะพอ เกือบถอดใจไปก็หลายครั้ง  แต่ก็อดทนเอา มีน้ำลงก็มีน้ำขึ้น มีมืดก็มีสว่าง มีกลางวันก็มีกลางคืน
ประสบการณ์เท่านั้นจะช่วยเราได้ เป็นกำลังใจให้นักลงทุนรายย่อย ที่ตอนนี้กระสุนหมดครับ... ;)


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: ....คนหน้าแหลม.... ที่ วันที่ 10 มิถุนายน 2011, 10:13:43
ฝาก นลท.รายใหญ่ อีกแล้ว  ;D
AGE ขยับเป้า 2554 รายได้พุ่ง 100 % จากตั้งไว้ 50 % เปรยมีลุ้นขยับเป้าต่อช่วง Q4 นี้ ยันพร้อมปิดดีลร่วมลงทุนเหมืองอินโดนีเซียแห่งแรกสิ้นปี นวค.ส่องต้าน 23.00...ทันหุ้น


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: vee48 ที่ วันที่ 10 มิถุนายน 2011, 10:47:12
ฝาก นลท.รายใหญ่ อีกแล้ว  ;D
AGE ขยับเป้า 2554 รายได้พุ่ง 100 % จากตั้งไว้ 50 % เปรยมีลุ้นขยับเป้าต่อช่วง Q4 นี้ ยันพร้อมปิดดีลร่วมลงทุนเหมืองอินโดนีเซียแห่งแรกสิ้นปี นวค.ส่องต้าน 23.00...ทันหุ้น

 :o พี่เค้าเหนื่อยเลยพักนานค่ะ >:(


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: ....คนหน้าแหลม.... ที่ วันที่ 10 มิถุนายน 2011, 15:23:58
CEI พุ่ง 12.39% ผู้บริหารคาดหันเล่นหุ้นเล็ก รับถ่านหิน-โรงไฟฟ้าไม่คืบ
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 10 มิถุนายน 2554 11:12:27 น.

หุ้น CEI พุ่ง 12.39% อยู่ที่ 4.90 บาท เพิ่มขึ้น 0.54 บาท เมื่อเวลา 11.00 น.โดยเปิดตลาดที่ 4.46 บาท สูงสุด 4.90 บาท ต่ำสุด 4.38 บาท มูลค่าการซื้อขาย 293 ล้านบาท

แหล่งข่าวจาก บมจ.คอมพาสส์ อีสต์ อินดัสตรี้(ประเทศไทย)(CEI)เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า ราคาหุ้น CEI ที่ปรับขึ้นมาในวันนี้ ถือเป็นเรื่องปกติ โดยเฉพาะเมื่อราคาหุ้นใหญ่ปรับลงตามภาพรวม นักลงทุนก็มักจะหันมาเล่นหุ้นเล็กแทน

ส่วนความคืบหน้าการศึกษาธุรกิจใหม่ โดยเฉพาะถ่านหินนั้น ขณะนี้ได้ยกเลิกโครงการไปก่อน เนื่องจากวิเคราะห์แล้วไม่คุ้มค่าการลงทุน และพันธมิตรไม่ค่อยลงตัว ส่วนแผนการลงทุนโรงไฟฟ้ายังไม่มีผลสรุปเช่นกัน ขณะนี้ไม่ชัดเจนว่าโครงการต่อเนื่องด้านไหนที่จะเป็นรูปเป็นร่างบ้าง

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันบริษัทก็ยังทำธุรกิจหลัก คือ การประกอบพัดลมอยู่ โดยสั่งชิ้นส่วนมาประกอบ รายได้ถือว่าอยู่ในระดับทรงๆ เพราะยอดขายไม่ได้เติบโตเหมือนปีก่อน ในตัวธุรกิจก็ยังพอมีกำไรแต่ไม่มาก โดยตอนนี้บริษัทมีรายได้หลักจากธุรกิจพัดลมและรายได้จากค่าเช่า ขณะที่มีแผนจะขายเครื่องจักรอีกจำนวนมากที่ไม่ได้ใช้แล้ว

สำหรับผลประกอบการงวดไตรมาส 3/54 (ก.พ.-เม.ย.54) เชื่อว่ายังเป็นบวก แต่ถ้าเทียบกับไตรมาส 2/54 (สิ้น 31 ม.ค.54) คงสู้ไม่ได้เพราะมีกำไรสุทธิ 93 ล้านบาทจากการขายที่ดินและอาคารเข้ามา แต่ก็เชื่อว่าผลประกอบการยังเป็นบวกได้


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: LoveYou2 ที่ วันที่ 10 มิถุนายน 2011, 23:48:36
 ;D ;D ;D
คืออันนี้ไม่รู้จริงๆครับ
อยากถามว่า  ถ้าราคาน้ำมันจะปรับขึ้นเนี่ย  หุ้นจะ+รึว่า-  มากกว่าครับ
ขอบคุณครับ


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: ....คนหน้าแหลม.... ที่ วันที่ 11 มิถุนายน 2011, 09:17:27
;D ;D ;D
คืออันนี้ไม่รู้จริงๆครับ
อยากถามว่า  ถ้าราคาน้ำมันจะปรับขึ้นเนี่ย  หุ้นจะ+รึว่า-  มากกว่าครับ
ขอบคุณครับ
ตอบก่อนแล้วกัน  ;D

ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญซะด้วย แต่ย่อข้อมูลมาให้ ....

ขอวกกลับมาเข้าเรื่องหุ้นนิดนึงดีกว่า ว่าเหมือนหรือเกี่ยวข้องกับราคาน้ำมันอย่างไรบ้าง น้ำมันนั้นถือเป็นต้นทุนทั้งทางตรงและทางอ้อมของเกือบทุกบริษัท มากน้อยตามโครงสร้างค่าใช้จ่ายของแต่ละบริษัท เช่น บริษัทขนส่งอย่างการบินไทย แน่นอนน้ำมันถือเป็นต้นทุนสำคัญที่สุดตัวหนึ่ง (สมมุติว่าประมาณสัก 20% ของค่าใช้จ่ายทั้งหมด) หรืออย่างบริษัทรับเหมาก่อสร้างก็เช่นเดียวกัน การก่อสร้างนั้นต้องมีการขนส่งเครื่องไม้เครื่องมือและการขนส่งต่างๆเยอะ น้ำมันก็ย่อมเป็นต้นทุนที่สำคัญอย่างหนึ่งเช่นเดียวกัน แล้วเราก็ลองสมมุติต่อว่า น้ำมันขึ้น 50% (เช่น ดีเซล ขึ้นจาก 12 บาทมาที่ 18 บาทต่อลิตร) นั้นหมายถึงต้นทุนน้ำมันของการบินไทยจะกลายเป็นสัดส่วนถึง 30% (20% x 1.50 = 30%) หรือหมายถึง กำไรสุทธิที่ลดลงถึง 10% (เอาแบบตัวเลขง่ายๆนะ) แต่ แต่อย่าพึงตกใจครับ การบินไทยก็อาจไปทำ fixed ราคาน้ำมันไว้ก่อนเพื่อให้ผลกระทบน้อยลง หรือไม่ก็เพิ่มค่าตั๋ว (เช่น surcharge ค่าน้ำมัน) มาเก็บกับผู้โดยสารเพื่อผลักภาระนี้ไป ทำให้ลดความรุนแรงของผลกระทบจากราคาน้ำมันได้บ้าง ส่วนของบริษัทก่อสร้างใหญ่ๆที่รัฐประมูลโครงการจากรัฐบาลนั้น แบบย่อๆคือว่า ถ้าต้นทุนสูงเกินกว่ากำหนดกันไว้ในสัญญา x.x% รัฐบาลเป็นผู้รับผิดชอบแทนครับ ส่วนก่อสร้างรายเล็กๆก็ .... ตายกันเองครับ บริหารกันเอาเอง

นอกจากนี้ น้ำมันยังเป็นต้นทุนสำคัญทางอ้อมส่วนหนึ่งของบริษัทต่างๆอีกด้วย ที่เห็นได้ชัดเจน คือ การผลิตกระแสไฟฟ้านั้นยังใช้เชื้อเพลิงที่เป็นผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับน้ำมัน (น้ำมันเตา) หรืออ้างอิงราคาจากราคาน้ำมัน เป็นวัตถุดิบในการผลิตกระแสไฟฟ้าอยู่ แปลว่าน้ำมันขึ้น ไฟฟ้าก็ขึ้นครับ ไฟฟ้าเป็นสิ่งที่ทุกคนใช้กันอยู่แล้ว ต้นทุนการผลิตของบริษัทและโรงงานต่างๆจึงสูงขึ้นตาม นอกจากนี้ เมื่อต้นทุนการดำเนินชีวิตจากการเติมน้ำมันหรือใช้ไฟฟ้าสูงขึ้น ก็อาจส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายที่น้อยลงของผู้บริโภค แล้วก็ส่งต่อมาถึงยอดขายและกำไรของบริษัทต่างๆในตลาดหลักทรัพย์ เห็นไหมว่าสุดท้ายแล้วมันเกี่ยวข้องกันหมดแหละ

แล้วราคาหุ้นในตลาดละ แน่นอนว่าการที่น้ำมันขึ้นมากๆก็ทำให้คนกลัวถึงผลประกอบการของบริษัทต่างๆในตลาด (จากต้นทุนที่สูงขึ้นและกำลังซื้อที่ลดลง) ทำให้นักเก็งกำไรกลัวและใช้เป็นข้ออ้างในการขายหุ้น โดยเฉพาะช่วงก่อน เมื่อหุ้นตก คนก็มักอ้างว่าเป็นเพราะน้ำมันขึ้น เป็นจิตวิทยาอย่างหนึ่งให้คนที่ลงทุนในหุ้นหันมาสนใจราคาน้ำมันกัน เออ แล้วคิดต่อสิ ว่าถ้าราคาน้ำมันลงละ..... สิ่งที่เกิดขึ้น ก็คือหุ้นก็ตกอยู่ดีครับ เพราะว่าคนกลัวว่าน้ำมันลงทำให้หุ้นใหญ่ๆที่มีผลต่อการคำนวณ SET INDEX มากๆอย่าง ปตท. ปตทสผ. หรือ ไทยออยล์ จะลงทำให้ภาพรวมของ SET INDEX ลงครับ คนก็เลยยังขายกันต่อ ................. สรุปว่าน้ำมันขึ้นหุ้นลง น้ำมันลงหุ้นก็ลง ฮ่า ฮ่า คุ้นๆเหมือนเรื่องราคาน้ำมันในต่างประเทศไหม?

ไม่มีบทสรุปสำหรับหุ้นครับ น้ำมันเราช่วยกันประหยัดได้ แต่หุ้นนั้นมันอยู่ที่จิตวิทยาและความเชื่อในราคาที่เหมาะสม ณ เวลา และ สถานการณ์หนึ่งๆครับ มันไม่ค่อยจะเที่ยงแท้หรอก


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 11 มิถุนายน 2011, 10:19:32
;D ;D ;D
คืออันนี้ไม่รู้จริงๆครับ
อยากถามว่า  ถ้าราคาน้ำมันจะปรับขึ้นเนี่ย  หุ้นจะ+รึว่า-  มากกว่าครับ
ขอบคุณครับ

   ท่านเปาได้กรุณานำข้อมูลเรื่องน้ำมันมาวิสัชนาไว้ชัดเจน พอเป็นสังเขปแล้วนะครับ

   ผมขออนุญาตเพิ่มเติมย่อๆเช่นกันว่า ถ้าราคาน้ำมันปรับขึ้น หุ้นจะเป็นบวก หรือเป็นลบ เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น
สุดแต่ ปัจจัยที่มองไม่เห็น จะเข้ามากำหนด โดยให้บรรดานักวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์ดาหน้ากันออกมา
วิเคราะห์ผ่านสื่อ ทั้งทางหน้าจอ และทางตัวหนังสือฯ เพื่อผลในเชิงจิตวิทยา ในการซื้อขายแต่ละวัน
ถ้าท่านได้ลงสนาม และติดตามข่าวลักษณะนี้บ่อยๆจะเข้าใจได้ครับ บางทีข้อเท็จจริงอย่างเดียวกัน
แต่เกิดขึ้นต่างห้วงเวลากันเท่านั้น นักวิเคราะห์ผ่านสื่อคนเดียวกัน ยังวิเคราะห์ไปในทิศทางตรงกันข้ามได้เลย

   อันนี้ผมพูดถึงเรื่องราคาหุ้นอย่างเดียวนะครับ ส่วนราคาน้ำมันจะมีผลอย่างอื่นอย่างไรบ้าง ให้ดูข้อ
มูลที่ท่านเปาได้กรุณานำมาลงไว้ดังกล่าว น่าจะละเอียดเพียงพอทีเดียวครับ


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Temujin ที่ วันที่ 11 มิถุนายน 2011, 10:23:37
ได้ดูการประชุมโอเปก ที่ผ่านมามั้ย ใครได้กำไร...
เหมือนจะดีนะก่อนประชุมหลังประชุม โอ้...สุดยอดขาเก็งฯ เค้าหละ... ;D ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 11 มิถุนายน 2011, 17:43:18
เครดิตภาษี

   เครดิตภาษี อธิบายอย่างย่อๆพอเข้าใจ คือภาษีที่นิติบุคคลได้จ่ายให้รัฐไปแล้ว แต่บุคคลธรรมดาสา
มารถขอคืนได้ เนื่องจากว่าภาษีที่นิติบุคคลจ่ายไปนั้น เป็นอัตราที่กำหนดไว้เฉพาะนิติบุคคลเท่านั้น
บุคคลธรรมดาทั่วไปไม่ต้องจ่ายภาษีเงินได้ในอัตราที่นิติบุคคลต้องจ่าย  นลท รายย่อยซึ่งเป็นบุคคล
ธรรมดาที่ได้ถือหุ้นของนิติบุคคลนั้นๆอยู่ จึงสามารถขอคืนภาษีที่นิติบุคคลได้ชำระไปแล้วได้

ขอคืนภาษีอย่างไร

   ภาษีนิติบุคคลนั้น จ่ายจากกำไรสุทธิ ตามรอบระยะเวลาบัญชี โดยทั่วไปนิติบุคคลต้องจ่ายภาษีประ
มาณ 25% - 30% ของกำไรสุทธิ และนิติบุคคล (หรือบริษัทฯที่จดทะเบียนในตลาดฯ) นำกำไรที่ได้ชำระ
ภาษีแล้วดังกล่าวมาจัดสรรเป็นเงินปันผลจ่ายให้ผู้ถือหุ้น

   บุคคลธรรมดาที่ถือหุ้นของบริษัทฯจดทะเบียนฯนั้นๆอยู่ ไม่ต้องเสียภาษีเงินได้ในอัตราที่บริษัทฯ
ต้องจ่าย กฎหมายจึงกำหนดให้รัฐต้องคืนภาษีที่บริษัทฯได้ชำระไว้แล้วให้บุคคลธรรมดาที่ถือหุ้น และ
ได้รับเงินปันผลจากบริษัทฯดังกล่าว โดยต้องยื่นแบบแสดงรายการเงินได้ฯ และเมื่อคำนวณภาษีออก
มาแล้วได้มีการชำระภาษีเกินไปเท่าใด ก็สามารถขอคืนได้

   อุทธาหรณ์ บริษัท A ต้องชำระภาษี 30 % ของกำไรสุทธิ เมื่อบริษัทฯชำระภาษีเงินได้นิติบุคคลแล้ว
ก็นำกำไรหลังจากที่ได้ชำระภาษีแล้วนั้น นำมาจัดสรรจ่ายเป็นเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้น  สมมติว่าผู้ถือหุ้น
ซึ่งเป็นบุคคลธรรมดาได้รับเงินปันผลจำนวน 10,000 บาท ก็จะได้รับเครดิตภาษีอีก 30% (แต่ไม่ใช่
30% ของเงินปันผลที่ได้รับนะครับ แต่จะตกประมาณ 42.85% ของเงินปันผลที่ได้รับ) กรณีนี้ผู้ถือหุ้น
ซึ่งได้รับเงินปันผลจำนวน 10,000 บาท ไปแล้ว จึงยังจะได้รับเครดิตภาษีอีกจำนวน 4,285 บาท ด้วย

    ผมเชื่อว่า นลท รายย่อยอีกเป็นจำนวนมาก อาจไม่รู้ว่า นอกเหนือจากเงินปันผลแล้ว ยังจะได้รับเคร
ดิตภาษีอีกด้วย  สำหรับผมนั้นในปีแรกที่เข้าตลาดฯก็ไม่รู้ จึงไม่ได้ขอรับเครดิตภาษี

   ในเวลาต่อมาเมื่อผมได้รู้และได้ขอรับเครดิตภาษีแล้ว ผมยังได้มีโอกาสรู้จักเพื่อน นลท ในห้องค้า
อีกหลายท่านที่ไม่รู้ ซึ่งผมได้ช่วยชี้แนะและคำนวณเครดิตภาษีให้ในครั้งแรกๆ

    ที่ผมนำเรื่องเครดิตภาษีมาเรียบเรียงไว้ย่อๆนี้ ก็เพื่อให้ นลท รายย่อยพอเข้าใจว่า ประโยชน์ที่ นลท
ระยะยาวจะได้รับจากการลงทุนในหลักทรัพย์ นอกเหนือจากส่วนต่างของราคาหุ้น และเงินปันผลแล้ว
นลท ยังจะได้รับประโยชน์จาก เครดิตภาษี อีกด้วย และเพื่อเป็นข้อมูลให้ท่านที่สนใจ ได้ใช้พิจารณา
ประกอบการตัดสินใจเข้าเป็น นลท ระยะยาวด้วยครับ


  

  


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: LoveYou2 ที่ วันที่ 11 มิถุนายน 2011, 20:09:06
ขอบคุณครับ สำหรับคำตอบ สรุปคือไม่แน่เสมอไปใช่ไหมครับ


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 12 มิถุนายน 2011, 08:22:22
ขอบคุณครับ สำหรับคำตอบ สรุปคือไม่แน่เสมอไปใช่ไหมครับ


ถูกต้องครับ สิ่งที่แน่นอนคือ ความไน่นอน  ;)


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 13 มิถุนายน 2011, 10:07:19

คำสอนของศาสดา

   เบรกนี้ ผมขออนุญาตนำบทความของท่านอาจารย์ ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ซึ่งเป็น VALUE INVESTOR
ที่มีชื่อเสียง เป็นที่รู้จักกันดีในแวดวงของนักลงทุน มานำเสนอบ้างนะครับ หลังจากที่ผมได้นำประสบ
การณ์ส่วนตัวมาเล่าสู่กันระยะหนึ่งแล้ว บทความนี้ได้ลงในหนังสือพิมพ์ กรุงเทพธุรกิจ ในคอลัมน์
"โลกในมุมมองของ VALUE INVESTOR" บทความชิ้นนี้ได้ลงพิมพ์มานานหลายปีแล้วละครับ ผมได้
ตัดเก็บไว้ (ไม่มีรายละเอียด วัน เดือน ปี) ดังนี้ครับ


คำสอนของศาสดา

โดย ดร.นิเวศน์  เหมวชิรวรากร  จากหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ
     
    เบน เกรแฮม บิดาของ Value Investment  เขียนหนังสือ บทความ และสอนลูกศิษย์ เกี่ยวกับ
การลงทุนมากมาย ต่อไปนี้คือหลักการสำคัญๆ 10 ข้อ ที่ Value Investor  ควรจดจำและนำไปปฏิบัติ
     
   ข้อแรก  จงเป็นนักลงทุน อย่าเป็นนักเก็งกำไร โดยคำจำกัดความของนักเก็งกำไรก็คือ คนที่แสวง
หากำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาหุ้น โดยไม่คำนึงถึงมูลค่าที่แท้จริงของกิจการ ส่วนนักลงทุน
ก็คือคนที่ซื้อหุ้นในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าพื้นฐานของบริษัทฯ และขายเมื่อหุ้นวิ่งขึ้นไปเกินมูลค่าที่แท้จริง
     
   ข้อสอง    การคำนวณหามูลค่าที่แท้จริงของกิจการ มีสูตรคือ
                     มูลค่าของหุ้น = EPS (8.5+2xG)
       โดยEPS คือกำไรต่อหุ้น ส่วน G คืออัตราการเจริญเติบโตของกำไรต่อหุ้นต่อปี โดยคิดเฉลี่ย
ไป 7-10 ปีในอนาคต ตัวอย่างเช่นหุ้น ก มีกำไรต่อหุ้นเท่ากับ 2 บาท  และเราคาดว่ากำไรต่อหุ้นนี้
จะโตปีละ 5% โดยเฉลี่ยตลอด 10 ปีข้างหน้า มูลค่าของหุ้นจะเท่ากับ 2(8.5+2x5) หรือเท่ากับ 37 บาท
     
   ข้อสาม   จงรู้ว่า กิจการมีราคาเท่าไร สิ่งนี้ทำได้โดยเอาราคาหุ้นคูณด้วยจำนวนหุ้นทั้งหมดที่มีอยู่
หรือที่จะมีเนื่องจากการแปลงสภาพ หรือใช้สิทธิของวอร์แรนท์ พูดง่ายๆก็คือ ถ้าเราจะเป็นเจ้าของ
กิจการทั้งหมดคนเดียว จะต้องจ่ายเงินซื้อในราคาเท่าไร
     
   ข้อสี่     จงตระหนักว่า เราไม่สามารถคำนวณมูลค่าที่แท้จริงได้อย่างแม่นยำ เพราะฉะนั้นจะต้องมี
การ “เผื่อ” การผิดพลาด หรือจะต้องมี Margin of Safety ในการซื้อหุ้น นั่นก็คือ ต้องซื้อหุ้นที่มีราคา
ต่ำกว่ามูลค่าที่คำนวณได้ ไม่ต่ำกว่า 20%
     
   ข้อห้า    ต้องกระจายความเสี่ยงในการลงทุน เม็ดเงินที่จะลงทุนในหุ้น ควรจะอยู่ระหว่าง 25% ถึง
75% ที่เหลือควรเป็นพันธบัตรหรือเงินสด ขึ้นอยู่กับภาวะตลาดหุ้นว่า มีค่า PE ของตลาดสูงหรือต่ำ
หรือมีการจ่ายปันผลสูงหรือต่ำ เทียบกับอัตราดอกเบี้ยของพันธบัตร การซื้อหุ้นเอง ก็ควรซื้อหุ้นกระ
จาย อย่าให้มีหุ้นที่ “หนักพอร์ต” ควรมีหุ้นอย่างน้อย 30 ตัว (คำสอนข้อนี้จะแตกต่างจากแนวของ
วอร์เร็น บัฟเฟตต์ ที่ถือหุ้นน้อยตัวกว่ามาก)

    เบรกนี้ขอแค่ 5 ข้อก่อนนะครับ อีก 5 ข้อ ขอติดไว้ก่อน พิมพ์และจัดหน้า เหนื่อยน่ะครับ  ;)




หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: ....คนหน้าแหลม.... ที่ วันที่ 13 มิถุนายน 2011, 10:27:21
นี่ก็ท่านอีกแล้ว.....
หุ้นหลังรัฐบาลใหม่/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร


การเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงในครั้งนี้ผมคิดว่าเป็นการเลือกตั้งที่น่าจับตามองมาก สาเหตุก็เพราะประการแรก มันเป็นการแข่งขันกันแบบเอาเป็นเอาตายเพื่อจะได้จัดตั้งรัฐบาล ดังนั้นทั้งสองฝ่ายต่างก็ทุ่มเทและเสนอนโยบายที่จะเอาใจผู้ลงคะแนนส่วนใหญ่ของประเทศ ประการที่สองก็คือ นโยบายที่นำเสนอโดยพรรคการเมืองใหญ่ทั้งสองฝ่ายนั้น เป็นนโยบายที่อาจจะมีผลกระทบนอกจากกับประชาชนทั่วไปแล้ว มันยังจะมีผลกระทบไปถึงธุรกิจต่าง ๆ เป็นการทั่วไปอย่างมีนัยสำคัญขนาดที่เรียกว่าอาจจะเปลี่ยนแปลง “โครงสร้าง” ทางเศรษฐกิจหรือการทำธุรกิจของประเทศไทย และประการสุดท้าย มันอาจจะเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจหรือความน่าสนใจของหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แต่ละกลุ่ม มาดูกันว่าเป็นอย่างไร
การเลือกตั้งครั้งนี้มีการเสนอนโยบายที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรมอย่างยิ่งในแง่ที่ว่า “ถ้าคุณเลือกเราแล้ว คุณจะได้อะไร” สิ่งที่จะได้ไม่ใช่แค่นโยบายกว้าง ๆ อย่างที่เคยเป็นมา แต่เป็นสิ่งที่ชัดเจนและบอกเป็นตัวเลขได้ในหลาย ๆ ด้าน ผมคงไม่พูดถึงนโยบายทั้งหมดแต่จะพูดเฉพาะเรื่องที่ผมคิดว่าจะมีผลกระทบรุนแรงและน่าจะเกิดได้ทันทีหรือในเวลาอันสั้นมากนั่นคือนโยบายเกี่ยวกับค่าแรงขั้นต่ำ และนโยบายอัตราภาษีนิติบุคคล เพราะนี่คือนโยบายที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจโดยตรง และนโยบายการ “รับประกันราคา” สินค้าเกษตรหลัก ๆ เช่นข้าว เป็นต้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มรายได้ให้กับคนจำนวนมากที่เป็นเกษตรกร
ถ้าหากมีการดำเนินนโยบายตามที่ประกาศจริงหลังจากที่ได้มีการจัดตั้งรัฐบาลไม่ว่าจะเป็นพรรคไหน ดูเหมือนว่าสิ่งที่ค่อนข้างแน่นอนก็คือ จะมีการปรับอัตราค่าแรงงานขั้นต่ำเพิ่มขึ้นมากซึ่งนี่ก็น่าจะกระทบไปถึงแรงงานในระดับอื่นด้วยที่จะต้องเพิ่มขึ้นไม่มากก็น้อย ผลก็คือ คนงานซึ่งมีอยู่จำนวนมากจะมีรายได้เพิ่มขึ้นมาก เช่นเดียวกัน การประกันราคาพืชผลก็จะส่งผลให้เกษตรกรจำนวนมากมีรายได้เพิ่มขึ้นค่อนข้างมากเช่นเดียวกัน นี่จะส่งผลให้ผู้ใช้แรงงานและเกษตรกรที่เป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้นมากทันที เงินที่มากขึ้นนี้จะถูกนำมาใช้จ่ายซื้อสินค้าทำให้การบริโภคภายในประเทศเฟื่องฟูขึ้นมาก และสิ่งที่จะตามมาก็คือ อัตราเงินเฟ้อก็น่าจะสูงขึ้นพอสมควรทีเดียว อย่างไรก็ตามเงินเฟ้อนี้ก็ไม่น่าจะสูงเกินกว่าค่าแรงที่ได้เพิ่มขึ้น ผลก็คือ คนที่มีรายได้น้อยและเป็นคนส่วนใหญ่ในประเทศน่าจะได้ประโยชน์ ความมั่งคั่งของพวกเขาเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
หันกลับมาดูธุรกิจและผู้ประกอบการทั้งหลายก็จะพบว่า ต้นทุนของสินค้าและบริการของเขาจะเพิ่มขึ้น มากหรือน้อยขึ้นอยู่กับปริมาณแรงงานที่พวกเขาต้องใช้ โดยทั่วไป สัดส่วนต้นทุนแรงงานของธุรกิจขนาดเล็กจะสูงกว่าธุรกิจขนาดใหญ่ สัดส่วนการใช้แรงงานของธุรกิจที่ใช้เท็คโนโลยีต่ำก็จะสูงกว่าอุตสาหกรรมที่ใช้เท็คโนโลยีสูง ดังนั้น ธุรกิจขนาดเล็กและธุรกิจที่ใช้เท็คโนโลยีต่ำก็จะถูกกระทบรุนแรงเพราะจะมีต้นทุนการผลิตสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ถ้าหากว่าธุรกิจมีการแข่งขันหรือขายสินค้าหรือบริการภายในประเทศเป็นหลักและสินค้าหรือบริการจากต่างประเทศไม่สามารถเข้ามาแข่งขันได้อย่างจริง ๆ จัง แบบนี้ธุรกิจก็อาจจะไม่ถูกกระทบมาก เพราะเมื่อต้นทุนของธุรกิจสูงขึ้นพอ ๆ กันทุกราย พวกเขาก็สามารถส่งผ่านต้นทุนที่เพิ่มขึ้นไปยังผู้ซื้อสินค้าหรือใช้บริการ ผลก็คือ พวกเขาก็น่าจะยังสามารถทำกำไรได้ต่อไป ธุรกิจที่ส่งออกสินค้าไปขายยังต่างประเทศนั้น ถึงแม้ต้นทุนค่าแรงจะเพิ่มขึ้นมาก พวกเขาก็ไม่สามารถส่งผ่านต้นทุนไปยังผู้ซื้อในต่างประเทศได้ เพราะคู่แข่งของพวกเขาที่อยู่ในประเทศอื่นนั้น ไม่ได้มีต้นทุนแรงงานที่เพิ่มขึ้น ดังนั้น ผู้ส่งออกน่าจะมีกำไรน้อยลงหรือบางรายอาจจะขาดทุนและไม่สามารถส่งออกสินค้าได้ต่อไป ดังนั้น สิ่งที่แน่ชัดก็คือ การส่งออกของประเทศน่าจะชะลอตัวลง กำไรของบริษัทส่งออกน่าจะน้อยลง ความมั่งคั่งของผู้ส่งออกน่าจะลดลง ผู้ส่งออกเป็นผู้ที่เสียประโยชน์อย่างชัดเจน
ธุรกิจที่เน้นขายให้กับผู้บริโภคภายในประเทศนั้น บอกไม่ได้ชัดว่าเสียประโยชน์จากนโยบายเพิ่มค่าแรงและเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกร เพราะถึงแม้ค่าแรงซึ่งเป็นต้นทุนการผลิตจะเพิ่มขึ้น หลาย ๆ ธุรกิจก็สามารถเพิ่มราคาขายสินค้าและบริการได้ นอกจากนั้น การที่ประชาชนมีรายได้มากขึ้นก็ทำให้พวกเขามีการซื้อมากขึ้น รายได้ของธุรกิจก็สูงขึ้น นี่ประกอบกับอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นก็ส่งผลให้ราคาสินค้าเพิ่มขึ้นซึ่งก็ทำให้ธุรกิจขายสินค้าและมียอดขายสูงขึ้นตามอัตราเงินเฟ้อด้วย นอกจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นแล้ว หากว่ารัฐบาลลดอัตราภาษีนิติบุคคลลง ต้นทุนทางด้านภาษีก็ลดลง เมื่อประกอบกับรายได้ที่เพิ่มขึ้น กำไรของบริษัทก็อาจจะไม่ลดลง หรือบางทีอาจจะดีขึ้นด้วย ดังนั้น สำหรับผู้ที่ขายสินค้าหรือให้บริการภายในประเทศแล้ว พวกเขาอาจจะไม่เสียประโยชน์ หลายบริษัทอาจได้ประโยชน์ด้วยซ้ำ
หากว่าอัตราการเพิ่มของค่าแรงสูงมากพอ ผลกระทบรุนแรงพอ เราก็อาจจะได้เห็นธุรกิจโดยเฉพาะที่เป็นผู้ส่งออกบางรายอยู่ไม่ได้เพราะสินค้าที่เคยผลิตไม่สามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก การส่งออกที่เคยเป็น “เครื่องยนต์หลัก” ในการผลักดันการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศจะมีบทบาทน้อยลง เราจะไม่ได้เห็นการส่งออกที่โตเอา ๆ ต่อเนื่องมาเป็นสิบ ๆ ปีอีกต่อไป ในอีกด้านหนึ่ง การบริโภคภายในประเทศจะเข้ามามีบทบาทในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น ในภาพใหญ่ของประเทศ การกระจายความมั่งคั่งของคนไทยก็จะดีขึ้นเพราะประชาชนทั่วไปจะมีรายได้มากขึ้น ในขณะที่ผู้ส่งออกและผู้ประกอบการจำนวนไม่น้อยอาจจะมีรายได้น้อยลง ดังนั้น ถ้าเป็นแบบนี้ผมคิดว่านโยบายที่เสนอมาก็ไม่น่ามีปัญหาอะไรมากและน่าจะเป็นผลดี
ประเด็นปัญหาก็คือ ถ้าหากการเพิ่มค่าแรงและรายได้ให้กับผู้มีรายได้น้อยนั้นสูงเกินกว่าที่ควรจะเป็นมากเมื่อเทียบกับผลิตภาพในการผลิตและธุรกิจและแรงงานไม่สามารถปรับตัวได้ ผลที่จะเกิดขึ้นก็อาจจะน่ากลัวและเป็นอันตรายกับการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว เหตุผลก็คือ การส่งออกของประเทศก็จะลดลงมาก ธุรกิจก็อาจจะต้องเลิก การจ้างงานอาจจะลดลง คนอาจจะตกงาน รายได้โดยรวมของผู้มีรายได้น้อยก็จะลดลง การบริโภคภายในประเทศก็จะลดลงตาม และดังนั้น แม้แต่ธุรกิจที่เน้นการบริโภคในประเทศเองก็อาจจะมีรายได้น้อยลง การจ้างงานก็อาจจะลดลงไปอีก สุดท้าย การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศก็จะลดลง และเมืองไทยก็อาจจะกลายเป็นประเทศที่ไม่สามารถแข่งขันได้คล้าย ๆ กับประเทศอย่างฟิลิปปินส์ที่มีค่าแรงขั้นต่ำอาจจะสูงแต่คนไม่มีงานทำ
ผมคงไม่กล้าเดาว่าประเทศไทยหลังจากมีรัฐบาลใหม่เศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร แต่ในด้านของหุ้นนั้น ในขั้นนี้เพื่อความปลอดภัย ผมคงพยายามที่จะเลือกหุ้นลงทุนที่จะปลอดภัยถ้ามีการดำเนินการตามนโยบายดังกล่าว และอาจจะพิจารณาหลีกเลี่ยงหุ้นของกิจการที่จะถูกกระทบรุนแรง อย่างไรก็ตาม โดยส่วนตัวแล้วผมก็คิดว่า บริษัทจดทะเบียนในตลาดดูเหมือนว่าจะถูกกระทบน้อยกว่าบริษัทขนาดเล็กและบริษัทผู้ส่งออกที่ส่วนใหญ่อยู่นอกตลาดหุ้น[/size


อ่านแล้วคงต้องไปวิเคราะห์กันเอง เนาะพวกเรา


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 13 มิถุนายน 2011, 13:15:17

   ต้องขอบคุณท่านเปาทุกครั้งที่ท่าน up date ข่าวและบทความที่ทันต่อเหตุการณ์มาฝากพวกเราทาง
หน้าเว็บเสมอๆ ขอคารวะด้วยความจริงใจครับ (เอามาบ่อยๆเน้อ... ;))


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 14 มิถุนายน 2011, 09:34:12
วันนี้ขออนุญาตตัดตอนนำบทความบางส่วน ที่เห็นว่าน่าจะเป็นประโยชน์กับเพื่อน นลท และท่านที่สน
ใจจะเป็น นลท มาให้อ่านกัน ในภาวะที่ตลาดหุ้นกำลังผันผวน ดังนี้ครับ

คำแนะนำในการลงทุน

ทุกครั้ง ในภาวะที่ตลาดหุ้นผันผวน ไม่ว่าจะขึ้นหรือลง ขอให้นึกไปถึงปัจจัยพื้นฐานของประเทศไทย  อย่าตื่นตระหนกหรือฮึกเหิมจนทำให้ตัดสินใจผิดพลาด  สังคมไทยในวันนี้ เป็นสังคมที่เสพข่าวสารและมักคล้อยตามโดยในบางครั้งจะลืมคิดถึงความจริง
ลองมาพิจารณาข้อมูลด้านอื่นๆ บ้าง
 
ธนาคารโลก ชี้ว่าการขยายตัวในประเทศส่วนใหญ่ของเอเชียจะชะลอลงในปีนี้ รวมถึงการ
ชะลอตัวของเศรษฐกิจในประเทศที่พัฒนา สำหรับเศรษฐกิจของประเทศไทยคาดว่าจะขยายตัว 3.7% ในปีนี้ โดยชะลอตัวลงจาก 7.8% ในปีที่แล้ว (ซึ่งมีฐานการเติบโตจากปี 2552 ที่ติดลบ จึงขยายตัวสูงถึง 7.8% ในปี 2553) แต่จะขยายตัวเพิ่มขึ้นสู่ 4.2% ในปีหน้า และ 4.3% ในปี 2556
 
ธปท.> มองว่าสถานการณ์ที่ต่างชาติขายหุ้นและตราสารหนี้ในไทยน่าจะเกิดเพียงชั่วคราว หลัง
การเลือกตั้งชัดเจนก็น่าจะกลับมาลงทุนอีก
 
ปลัดกระทรวงการคลัง มองว่า พื้นฐานเศรษฐกิจไทยยังอยู่ในระดับแข็งแกร่ง ซึ่งเห็นได้จากช่วง 5 เดือนที่ผ่านมานั้น การเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มและการส่งออกในทุกสาขายังขยายตัวได้ดี
 
เดือน พ.ค. รัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิสูงกว่าเป้า 18% โดยเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลจากกำไรสุทธิที่สูงกว่าเป้าหมายมาก ส่งผลให้ในช่วง 8 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2554 จัดเก็บรายได้สูงกว่าเป้าหมายเกิน 1.7 แสนล้านบาทแล้ว
 
บอร์ดบีโอไอ ไฟเขียวส่งเสริมลงทุน 9 โครงการ มูลค่ากว่า 2 หมื่นล้านบาท ขณะที่ยอดคำขอรับส่งเสริม 5 เดือนแรก ทะลุ 2 แสนล้านบาท
 
ผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน พ.ค. อยู่ที่ 71.1 เพิ่มขึ้นจาก 70.5 ใน เม.ย. เป็นการเพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน
 
นายธนินทร์ เจียรวนนท์ ประธานกรรมการ ซีพี กล่าวว่า พื้นฐานเศรษฐกิจไทยในปัจจุบันมีความแข็งแกร่งมากที่สุดตั้งแต่ทำธุรกิจซีพีมา 47 ปี และมีแนวโน้มจะเติบโตได้มากในเวทีโลกภายใต้เงื่อนไขการเมืองนิ่ง ไม่มีสีเหลืองสีแดง และต้องมีผู้นำที่มีวิสัยทัศน์และเป้าหมายบริหารงานที่ชัดเจน
 
ตลาดหลักทรัพย์ฯ ชี้ว่าปัจจัยพื้นฐานการลงทุนในตลาดหุ้นไทยยังดีอยู่จากการที่บริษัทจดทะเบียนไทยมีกำไรสุทธิเติบโตสูงติดอันดับ 1 ใน 5 ของประเทศในแถบภูมิภาคนี้ โดยเติบโตถึง 30% ในไตรมาสแรกปีนี้เทียบกับปีก่อน ขณะที่ผลสำรวจของบลูมเบิร์กคาดว่าจะโต 20% นอกจากนี้ ผลตอบแทนจากเงินปันผลก็ดีที่สุดในภูมิภาค
อย่าลืมว่าปัจจัยพื้นฐานเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่จะใช้พิจารณาว่าอะไร ที่ไหน น่าลงทุน  ลองกลับมาทบทวนเบื้องหลังความสำเร็จของนักลงทุนระดับโลกผู้เป็นตำนานกันบ้าง

Benjamin Graham บิดาแห่งการลงทุนแบบ Value Investment  บอกว่านักลงทุนผู้ชาญฉลาด ไม่ได้หมาย ความว่าต้องมีไอคิวหรือมีการศึกษาสูง แต่หมายถึง ต้องอดทน มีวินัยในการลงทุน  ขวนขวายหาความรู้อยู่เสมอ  ศึกษาทำความเข้าใจกิจการที่สนใจอย่างละเอียด  มีความรอบคอบก่อนที่จะตัดสินใจซื้อหุ้น  และควบคุมอารมณ์ไม่ให้เหนือเหตุผลได้ดี  เขาบอกว่า ในระยะสั้นราคาหุ้นจะขึ้นหรือลงนั้น จะขึ้นอยู่กับการตัดสินใจซื้อขายของผู้เล่น  ถ้าคนเชื่อและลงความเห็นว่า มันจะขึ้นมากกว่าคนที่คิดว่ามันจะลง ราคาหุ้นก็จะขึ้นตามการ "ลงคะแนน" ของนักลงทุน  แต่ในระยะยาวนั้น ราคาหุ้นจะขึ้นอยู่กับผลประกอบการของบริษัท ถ้ามีกำไรมาก ตลาดก็จะให้ราคาหุ้นสูงขึ้นตามกำไรหรือน้ำหนักนั้น

Warren Buffet  บอกให้เราเลือกลงทุนในหุ้นของบริษัทที่ดี ในราคาที่เหมาะสม และถือมันตราบที่มันยังเป็นกิจการที่ดีอยู่  เวลาจะซื้อหุ้นก็ให้ดูก่อนว่า มันเป็นกิจการที่ดีหรือเปล่า ถ้าไม่ดีอย่าซื้อ  ถ้าดีก็ต้องดูว่าราคาหุ้นในขณะนั้นเหมาะสมหรือไม่  ถ้าแพงอย่าซื้อ  ถ้าถูกค่อยซื้อ (นี่คือรากฐานของแนวคิด Good Stock + Good Trade = Good Performance ของ บลจ.บัวหลวง)  นอกจากนี้ยังแนะนำให้เก็บหุ้นไว้ไม่ต้องคิดว่าจะขายแม้ว่าราคาหุ้นจะขึ้นหรือตก ให้ขายต่อเมื่อกิจการเริ่มไม่ดีแล้ว และให้เรากลัวเมื่อคนอื่นกำลังโลภ และให้เราโลภเมื่อคนอื่นกำลังกลัว เพราะในช่วงที่ตลาดดีมาก การกลัวเมื่อคนอื่นโลภจะช่วยให้เรารอดจากหายนะได้
แต่ในยามวิกฤติที่ทุกคนกลัวและถอนตัวออกจากตลาด มันก็ยากมากที่เราจะรู้สึกโลภ

Peter Lynch เปิดเผยความสำเร็จในการลงทุนว่า ไม่ต้องไปสนใจการขึ้นลงของตลาด ให้ใช้เหตุผลในการซื้อขายเท่านั้น เพราะราคาหุ้นกับกำไรจะไปด้วยกันเสมอในระยะยาว และหากราคาหุ้นแยกออกไปจากกำไร ไม่ช้ามันจะวิ่งกลับไปหาเส้นกำไร อย่ากลัวเวลาราคาหุ้นตกหากกำไรของบริษัทยังดีอยู่ ยิ่งหุ้นลงยิ่งเป็นโอกาสซื้อ เพราะไม่ช้าราคาหุ้นจะวิ่งกลับมาตามกำไร และถ้าราคาหุ้นวิ่งขึ้นไปเกินกำไรที่เพิ่มขึ้น ราคาหุ้นก็จะปรับตัวลงมาหาเส้นกำไร

Jesse Livermore ผู้เป็นตำนานของนักเก็งกำไรใน Wall Street บอกว่า ตลาดหุ้นเป็นอันตรายต่อคนที่ขี้เกียจ คนโง่ และคนที่ชอบรวยทางลัด เพราะการเก็งกำไรไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่ทำให้คนรวยได้ในชั่วข้ามคืน และนักเก็งกำไรที่จะประสบความสำเร็จต้องทำงานหนักและ "ฉลาด"  
ทบทวนเบื้องหลังความสำเร็จของกูรูด้านการลงทุนกันแล้ว ก็อย่าลืมทฤษฎีที่เป็นจริงที่สุดที่ว่า  “เงิน ต้องมีที่ไป”

ในเมื่อประเทศตะวันตก เช่น สหรัฐอเมริกา และยุโรป ยังไม่พ้นจากปัญหาที่จะฟื้นฟูเศรษฐกิจและหนี้สิน  คนที่เขามีเงิน ผู้จัดการกองทุนที่บริหารเงินมหาศาลทั่วโลกจะทำอย่างไร ในเมื่อต้องบริหารเงินของผู้ลงทุน  เงินจึงต้องไหลไปในที่ที่คาดว่าจะให้ผลตอบแทนที่พอใจและเหมาะสมกับความเสี่ยง

หากมองว่าทั้งโลกแย่แล้ว ลงทุนหุ้นก็เสี่ยงสูงไปในภาวะที่ไม่แน่นอน ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลไม่ว่าประเทศไหนก็เสี่ยงว่ารัฐบาลประเทศนั้นๆ จะไม่สามารถใช้คืนหนี้พันธบัตรที่เราไปลงทุนได้  เงินจะไหลไปไหน

หากเป็นประเด็นข้างต้น ลงทุนในอะไรที่ประเทศไหนก็น่ากลัวทั้งนั้น  เงินจะไหลไปอยู่ในสินทรัพย์ที่เสี่ยงน้อยที่สุดในภาวะการณ์นั้น  ซึ่งก็น่าจะเป็น ทองคำ (Safe Heaven)
แต่หากยังมีประเทศที่เศรษฐกิจยังไปได้  มีอัตราการเติบโต เดี๋ยวเดียวเงินที่ไหลไปก็จะไหลกลับมา
ประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ (Emerging Market หรือ EM) ยังมีปัจจัยพื้นฐานที่ดีอยู่ และมีอัตราการเติบโตที่ใช้ได้ โดยเฉพาะในเอเชีย แม้จะมีความเสี่ยงอยู่บ้างจากอัตราเงินเฟ้อ
เราน่าจะชินกับสถานการณ์ความไม่สงบทางการเมืองกันแล้ว  ที่อยู่รอดมาได้ก็เพราะนักธุรกิจไทยทำงานกันอย่างหนัก จนส่งผลดีต่อเศรษฐกิจของเรา และเดี๋ยวนี้เขาก็ออกมาโหมโรงต่อต้านคอร์รัปชั่นกันแล้วด้วย

รากฐานของนักธุรกิจเหล่านี้อยู่ในประเทศไทย เขาไม่ปล่อยให้ประเทศพังแน่ เพราะเขาจะพังไปด้วย  ดังนั้น อย่าไปกลัวมากเกินไปกับนโยบายประชานิยมทั้งหลายที่เรากำลังห่วงกันว่าจะทำร้ายประเทศไทยในระยะยาว

หรือจะทำให้เงินเฟ้อจนควบคุมไม่ได้   ทั้งธนาคารแห่งประเทศไทย ข้าราชการกระทรวงการคลัง และพวกเราจะส่งสัญญาณเตือนไปยังรัฐบาลใหม่อย่างแน่นอนหากมีแนวโน้มในทางลบมากเกินไป
นอกจากนี้ นโยบายเศรษฐกิจบางนโยบายของพรรคการเมืองต่างๆ ก็ดูจะดีต่อประเทศ  หากมองอย่างไร้อคติ

เชื่อไหม หากจะบอกว่า สักวันหนึ่งไม่นานนัก ไม่น่าจะเกิน 2 ปี ทุกคนจะเหนื่อยและคิดได้
เราเหนื่อยกันมาหลายปีแล้ว  กีฬาแข่งกันยังมีเวลาเลิก  จึงเชื่อว่าบ้านเมืองคงจะอยู่กันแบบที่ผ่านมานี้ได้อีกไม่เกิน 2 ปี แล้วก็จะกลับเข้ามาอยู่ในวิถีที่ควรจะเป็นจะอยู่ร่วมกัน  ซึ่งจะส่งผลดีต่อประเทศไทยที่มีตำแหน่งที่ตั้งที่ได้เปรียบและเป็นศูนย์กลางของประเทศต่างๆ ในภูมิภาคนี้  ขอเพียงแต่ให้เรามีผู้นำที่มีวิสัยทัศน์และเป้าหมายบริหารงานที่ชัดเจน เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติเท่านั้นเอง
ล่าสุด ตอนนี้กองทุนในประเทศก็เริ่มซื้อหุ้นแล้ว หลังจากที่ดัชนีหุ้นไทยปรับลดลงไปมาก โดยน่าจะมองกันว่าปัจจัยลบต่างๆ ได้สะท้อนไปในราคาหุ้นที่ลดลงไปมากแล้ว
หากอ่านถึงตรงนี้แล้วยังกลัว ไม่กล้าลงทุนในช่วงที่คนอื่นกลัว ก็ขอให้กลับไปอ่านใหม่ตั้งแต่ต้น และทำความเข้าใจที่ 4 กูรูต่างประเทศผู้ประสบความสำเร็จในการลงทุนชั้นเทพเขาแนะนำอีกที

Tags : บทความวิเคราะห์ตลาดหุ้น

ที่มา

http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/finance/finance/20110613/395229/%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%95%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B8%AB%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%99.html


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: ....คนหน้าแหลม.... ที่ วันที่ 14 มิถุนายน 2011, 12:45:14
ลุงแอ๊ด ได้ใจไปโลด  ;D
นลท.Velcome ถืออยู่ไม่ใช่เหรอ ยินดีด้วย


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: vee48 ที่ วันที่ 14 มิถุนายน 2011, 13:11:50
ลุงแอ๊ด ได้ใจไปโลด  ;D
นลท.Velcome ถืออยู่ไม่ใช่เหรอ ยินดีด้วย

 ;D ;D ดู vol แล้วนึกว่าจะไม่ผ่าน 98...เน็ตหลุด เข้าไปเช็คเมื่อสักครู่ แอบตกใจว่าผ่าน 3M มาได้ยังไง...ตอนนี้ก็ท่องไว้ค่ะ 100ๆๆๆ

พี่เปา ได้ข่าว Dtac มั้ยคะ? เค้าจะปันผลพิเศษ 12.6 บาท :o :o (โม้ป่าวเนี่ย??) วันนี้สองตัวนี้เค้าแข่งกันขึ้น ใครถือไว้ก็หน้าบาน อิอิ


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 14 มิถุนายน 2011, 13:21:54
ลุงแอ๊ด ได้ใจไปโลด  ;D
นลท.Velcome ถืออยู่ไม่ใช่เหรอ ยินดีด้วย

 ;D ;D ดู vol แล้วนึกว่าจะไม่ผ่าน 98...เน็ตหลุด เข้าไปเช็คเมื่อสักครู่ แอบตกใจว่าผ่าน 3M มาได้ยังไง...ตอนนี้ก็ท่องไว้ค่ะ 100ๆๆๆ

พี่เปา ได้ข่าว Dtac มั้ยคะ? เค้าจะปันผลพิเศษ 12.6 บาท :o :o (โม้ป่าวเนี่ย??) วันนี้สองตัวนี้เค้าแข่งกันขึ้น ใครถือไว้ก็หน้าบาน อิอิ

 ตอนนี้ นลท Velcome  ก็หน้าบานสิ ลุงแอ๊ดน่ะ น่าจะเกิน 100 ค่อยๆทยอยขายเน้อ...  ;)
 
 cupid ก็มีอยู่ในโกดังนิดหน่อย จะทยอยขายมั่ง... :D
 


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: vee48 ที่ วันที่ 14 มิถุนายน 2011, 13:39:45
ลุงแอ๊ด ได้ใจไปโลด  ;D
นลท.Velcome ถืออยู่ไม่ใช่เหรอ ยินดีด้วย

 ;D ;D ดู vol แล้วนึกว่าจะไม่ผ่าน 98...เน็ตหลุด เข้าไปเช็คเมื่อสักครู่ แอบตกใจว่าผ่าน 3M มาได้ยังไง...ตอนนี้ก็ท่องไว้ค่ะ 100ๆๆๆ

พี่เปา ได้ข่าว Dtac มั้ยคะ? เค้าจะปันผลพิเศษ 12.6 บาท :o :o (โม้ป่าวเนี่ย??) วันนี้สองตัวนี้เค้าแข่งกันขึ้น ใครถือไว้ก็หน้าบาน อิอิ

 ตอนนี้ นลท Velcome  ก็หน้าบานสิ ลุงแอ๊ดน่ะ น่าจะเกิน 100 ค่อยๆทยอยขายเน้อ...  ;)
 
 cupid ก็มีอยู่ในโกดังนิดหน่อย จะทยอยขายมั่ง... :D
 

;D วันก่อนปล่อยไปแล้วนิดหน่อย คงต้องเริ่มทยอยแล้วล่ะค่ะ..พี่ cupid คะ ปันผลพิเศษ 3.5 บาทเน้อ


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: ....คนหน้าแหลม.... ที่ วันที่ 14 มิถุนายน 2011, 14:56:54
ข่าวตอนเที่ยงๆ ได้ยินว่าทรูฟ้องดีแตก น่ะ
วันนี้เจ้ามือ...ขอยืมแมงเม่ามาเรียก...บ่ยอมให้ผ่าน 61 ร้ายกาจ

 TRUEMOVE ฟ้อง DTAC วันนี้เรื่อง DTAC มีต่างชาติถือหุ้นเกือบ 70% (กฏหมายกำหนด < 49% ) //คาดว่าน่าจะเป็นเพราะDTAC ไปฟ้องเรื่องสัญญา3G ระหว่าง CAT กับ TRUE ว่าไม่ถูกกฎหมายกับศาลปกครอง... ดังนั้น TRUE จึงฟ้องกลับว่า DTAC เป็นคนทำผิดกฎหมายพรบ.ต่างด้าวของไทย ซึ่งท้ายที่สุดก็ต้องดูต่อไปว่าจะจบกันยังไง เพราะประเด็นเรื่องการถือหุ้นโดยคนต่างด้าวเกิน 50% น่าจะกระทบกับหุ้นในตลาดฯ อีกหลายแห่ง และประเด็นนี้ก็อยู่ในตลาดฯ มานานแล้ว


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: vee48 ที่ วันที่ 14 มิถุนายน 2011, 15:02:25
เม่าน้อยหรือจะสู้เจ้ามือ :'(


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Atermist ที่ วันที่ 14 มิถุนายน 2011, 21:49:51
เราเรียก วิธีนี้ ว่า Dollar cost average รึเปล่าครับ

ส่วน ถ้าสนใจ ดู money channel online ก็มีนะครับ คลิกไปเลย

http://dcs-digital.com/moneychannel/ ดูสดชมสด แต่ต้องติดตั้งโปรแกรม ไม่เกิน 1 นาทีครับ

ติดตั้งครั้งเดียวดูได้ตลอด


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 15 มิถุนายน 2011, 08:46:10

คำสอนของศาสดา

   เบรกนี้ ผมขออนุญาตนำบทความของท่านอาจารย์ ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ซึ่งเป็น VALUE INVESTOR
ที่มีชื่อเสียง เป็นที่รู้จักกันดีในแวดวงของนักลงทุน มานำเสนอบ้างนะครับ หลังจากที่ผมได้นำประสบ
การณ์ส่วนตัวมาเล่าสู่กันระยะหนึ่งแล้ว บทความนี้ได้ลงในหนังสือพิมพ์ กรุงเทพธุรกิจ ในคอลัมน์
"โลกในมุมมองของ VALUE INVESTOR" บทความชิ้นนี้ได้ลงพิมพ์มานานหลายปีแล้วละครับ ผมได้
ตัดเก็บไว้ (ไม่มีรายละเอียด วัน เดือน ปี) ดังนี้ครับ


คำสอนของศาสดา

โดย ดร.นิเวศน์  เหมวชิรวรากร  จากหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ
     
    เบน เกรแฮม บิดาของ Value Investment  เขียนหนังสือ บทความ และสอนลูกศิษย์ เกี่ยวกับ
การลงทุนมากมาย ต่อไปนี้คือหลักการสำคัญๆ 10 ข้อ ที่ Value Investor  ควรจดจำและนำไปปฏิบัติ
     
   ข้อแรก  จงเป็นนักลงทุน อย่าเป็นนักเก็งกำไร โดยคำจำกัดความของนักเก็งกำไรก็คือ คนที่แสวง
หากำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาหุ้น โดยไม่คำนึงถึงมูลค่าที่แท้จริงของกิจการ ส่วนนักลงทุน
ก็คือคนที่ซื้อหุ้นในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าพื้นฐานของบริษัทฯ และขายเมื่อหุ้นวิ่งขึ้นไปเกินมูลค่าที่แท้จริง
     
   ข้อสอง    การคำนวณหามูลค่าที่แท้จริงของกิจการ มีสูตรคือ
                     มูลค่าของหุ้น = EPS (8.5+2xG)
       โดยEPS คือกำไรต่อหุ้น ส่วน G คืออัตราการเจริญเติบโตของกำไรต่อหุ้นต่อปี โดยคิดเฉลี่ย
ไป 7-10 ปีในอนาคต ตัวอย่างเช่นหุ้น ก มีกำไรต่อหุ้นเท่ากับ 2 บาท  และเราคาดว่ากำไรต่อหุ้นนี้
จะโตปีละ 5% โดยเฉลี่ยตลอด 10 ปีข้างหน้า มูลค่าของหุ้นจะเท่ากับ 2(8.5+2x5) หรือเท่ากับ 37 บาท
     
   ข้อสาม   จงรู้ว่า กิจการมีราคาเท่าไร สิ่งนี้ทำได้โดยเอาราคาหุ้นคูณด้วยจำนวนหุ้นทั้งหมดที่มีอยู่
หรือที่จะมีเนื่องจากการแปลงสภาพ หรือใช้สิทธิของวอร์แรนท์ พูดง่ายๆก็คือ ถ้าเราจะเป็นเจ้าของ
กิจการทั้งหมดคนเดียว จะต้องจ่ายเงินซื้อในราคาเท่าไร
     
   ข้อสี่     จงตระหนักว่า เราไม่สามารถคำนวณมูลค่าที่แท้จริงได้อย่างแม่นยำ เพราะฉะนั้นจะต้องมี
การ “เผื่อ” การผิดพลาด หรือจะต้องมี Margin of Safety ในการซื้อหุ้น นั่นก็คือ ต้องซื้อหุ้นที่มีราคา
ต่ำกว่ามูลค่าที่คำนวณได้ ไม่ต่ำกว่า 20%
     
   ข้อห้า    ต้องกระจายความเสี่ยงในการลงทุน เม็ดเงินที่จะลงทุนในหุ้น ควรจะอยู่ระหว่าง 25% ถึง
75% ที่เหลือควรเป็นพันธบัตรหรือเงินสด ขึ้นอยู่กับภาวะตลาดหุ้นว่า มีค่า PE ของตลาดสูงหรือต่ำ
หรือมีการจ่ายปันผลสูงหรือต่ำ เทียบกับอัตราดอกเบี้ยของพันธบัตร การซื้อหุ้นเอง ก็ควรซื้อหุ้นกระ
จาย อย่าให้มีหุ้นที่ “หนักพอร์ต” ควรมีหุ้นอย่างน้อย 30 ตัว (คำสอนข้อนี้จะแตกต่างจากแนวของ
วอร์เร็น บัฟเฟตต์ ที่ถือหุ้นน้อยตัวกว่ามาก)

    เบรกนี้ขอแค่ 5 ข้อก่อนนะครับ อีก 5 ข้อ ขอติดไว้ก่อน พิมพ์และจัดหน้า เหนื่อยน่ะครับ  ;)




ขออนุญาตต่อ 5 ข้อที่เหลือครับ

     ข้อหก    หุ้นที่จ่ายปันผลต่อเนื่องยาวนานจะมีความเสี่ยงต่ำ คำว่ายาวนานสำหรับ เบน เกรแฮม คือ
20 ปีขึ้นไป เขาเห็นว่าการดูแลผู้ถือหุ้นดีที่สุดก็คือการที่บริษัทฯจ่ายปันผลในอัตราที่เหมาะสมให้กับผู้
ถือหุ้น  ส่วนบริษัทฯที่จ่ายปันผลน้อยนั้น นอกจากจะทำให้ผู้ถือหุ้นขาดรายได้จากการลงทุนแล้ว
ราคาหุ้นยังมักจะไม่ค่อยวิ่งไปไหน
     
     ข้อเจ็ด    เมื่อเกิดความสงสัย ให้ยึดคุณภาพ เพราะบริษัทฯที่มีกำไรดี มีการจ่ายปันผลแน่นอนสม่ำ
เสมอ มีหนี้น้อย มีค่า PE ที่สมเหตุสมผล ปลอดภัยกว่าหุ้นที่มีคุณภาพต่ำ  เบน เกรแฮม พูดว่า นักลงทุน
จะไม่ผิดพลาดหรือเจ็บตัวหนักจากการซื้อหุ้นคุณภาพดีในราคาที่ยุติธรรม  แต่เขาจะเสียหายมากจากการ
ซื้อหุ้นเน่า โดยเฉพาะที่ถูกปั่นทำราคาด้วยวิธีการต่างๆ และบ่อยครั้งอยู่เหมือนกันที่เขาตัดสินใจผิดพลาด
โดยการไปซื้อหุ้นของกิจการที่ดี แต่ไปซื้อในช่วงที่ตลาดฯบูมเป็นกระทิงเปลี่ยว ทำให้ราคาหุ้นสูงขึ้น
ไปถึงบนยอดดอย
     
     ข้อแปด    ระวังตัวเลขข้อมูลจากบริษัทฯ เนื่องจากข้อมูลกำไรของบริษัทฯ และการคาดการณ์ผลการ
ดำเนินงานในอนาคต เป็นสิ่งที่จะทำให้ราคาหุ้นวิ่ง ดังนั้น ข้อมูลเหล่านี้อาจถูกตกแต่งให้ดูดีกว่าความเป็น
จริง หรือสร้างภาพให้ดีเกินกว่าที่จะเป็นไปได้ ดังนั้นก่อนที่จะลงทุนซื้อหุ้น ควรศึกษาให้ลึกซึ้งเสียก่อนว่า
อะไรเป็นอะไร
     
     ข้อเก้า    จงอดทน เบน เกรแฮม พูดว่า นักลงทุนทุกคนควรเตรียมตัวเตรียมใจในการรับกับภาวะที
ตลาดฯตกต่ำในบางช่วงเวลาสั้นๆ ปี หรือสองปี ซึ่งเขาอาจจะขาดทุน “เป็นตัวเลข” แต่ถ้าเขาไม่ขายและ
ถือหุ้นต่อไป เขาก็มักจะได้เงินคืน โดยทั่วไปแล้วถ้าถือหุ้นตั้งแต่ห้าปีขึ้นไป โอกาสได้กำไรในอัตราที
เหมาะสมจะมีสูง
     
     ข้อสิบ     คิดเอง อย่าซื้อขายหุ้นตามแห่ เบนบอกว่า มีเงื่อนไขสองประการในการที่จะประสบความ
สำเร็จในตลาดหุ้น ข้อหนึ่งคือ คุณจะต้องคิดอย่างถูกต้อง และข้อสอง คุณจะต้องคิดเอง อย่าเชื่อคนอื่น
     
      คำสอนของเบน เกรแฮม มีมานานแล้ว สานุศิษย์ของเบน เกรแฮม ที่ประสบความสำเร็จสูง ต่างก็นำ
มาประยุกต์ใช้ และแนะนำสั่งสอนนักลงทุนรุ่นใหม่ต่อกันมานาน จนหลายๆเรื่องเราคิดว่าเป็นความคิดของ
คนที่พูด แต่เมื่อศึกษาย้อนกลับไป จะพบว่าพื้นฐานนั้นมาจากหนังสือ หรือคำสอนของเบน เกรแฮม ที่อาจ
จะ “ซึม” เข้าไปอยู่ในความคิดของลูกศิษย์อย่างไม่รู้ตัว คำสอนสิบข้อนี้เป็นเพียงบางส่วนเท่านั้นใน
 “คัมภีร์ไบเบิล” จากศาสดาที่ชื่อว่า “เบน เกรแฮม”


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: ....คนหน้าแหลม.... ที่ วันที่ 16 มิถุนายน 2011, 16:09:22
น้ำตาล kbs คนจองที่ขายวันแรก ร้องไห้  :'(
age ของใครนะ คงแอบไปดีใจแน่ๆ  ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 17 มิถุนายน 2011, 09:13:41

การซื้อหุ้นของ นลท มือใหม่ที่เพิ่งเข้าตลาดฯ   

   นลท มือใหม่ที่เพิ่งเข้าตลาดฯ เมื่อได้พิจารณาข้อมูลของบริษัทฯจนมั่นใจ และตัดสินใจว่าจะลงทุน
กับบริษัทฯใดแล้ว ลำดับต่อไปก็คือ ให้ดูราคาหุ้นครับ ว่า ณ วันที่ท่านเข้าตลาดฯ ย้อนหลังไปในช่วง
1สัปดาห์ 1 เดือน ถึง 6 เดือนเป็นอย่างน้อย นั้น หุ้นตัวนี้ซื้อขายกันที่ราคาเท่าใด volume ซื้อขายหนา
แน่นมากน้อยเท่าใด เพราะบริษัทฯที่มีพื้นฐานดี ไม่ได้หมายความว่า  ราคาหุ้นในตลาดฯจะเหมาะสม
พอที่จะเข้าซื้อเมื่อใดก็ได้  บางช่วงเวลาราคาหุ้นอาจสูงจนเป็นราคาที่อยู่บนดอยก็ได้
   
   อันนี้เป็นภาคปฏิบัติเลยนะครับ ไม่ใช่วิชาการ แต่ถ้าจะเอาวิชาการมาประกอบ ผมเห็นว่าใช้เพียง
ค่า PE มาประกอบก็น่าจะเพียงพอ
   
   ถ้าเห็นว่าราคาที่ซื้อขายกัน เฉลี่ยตามระยะเวลาดังกล่าวตามวรรคแรก ต่ำกว่าราคาที่ซื้อขายกัน
ณ วันที่ท่านเข้าตลาดฯมาก ก็ขอแนะนำว่าให้อดทนรอครับ รอได้ คอยได้ อย่าใจร้อน  ผมว่าน่าจะ
เป็นคุณลักษณะที่ดี ของ นลท ระยะยาวนะครับ
   
   ต่อเมื่อราคาหุ้นได้ลงมาใกล้เคียงกับราคาเฉลี่ยดังกล่าวแล้ว ก็ให้ทยอยซื้อครับ อย่าใช้เงินทั้งจำนวน
ที่ตั้งใจจะลงทุนกับหุ้นตัวนี้ซื้อหุ้นในคราวเดียว (ให้ย้อนไปดูหน้าแรกๆของกระทู้นี้ครับ)



หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: แมงมุม ที่ วันที่ 17 มิถุนายน 2011, 09:44:02
.

นลท หน้าใหม่...ต้องใจเย็นๆครับ...อดทนเท่านั้น จึงจะสำเร็จ


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: ....คนหน้าแหลม.... ที่ วันที่ 17 มิถุนายน 2011, 16:45:23
ท่านแอ๊ด  ::)
101


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 17 มิถุนายน 2011, 16:56:31

นึกแล้วว่าวันนี้ท่านแอ๊ดต้องปิด high แต่ sccc  ปิด low  ลงตัว... ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: ....คนหน้าแหลม.... ที่ วันที่ 17 มิถุนายน 2011, 17:02:43

นึกแล้วว่าวันนี้ท่านแอ๊ดต้องปิด high แต่ sccc  ปิด low  ลงตัว... ;D
ผมว่าตัวใหญ่ๆ น่าห่วงนา ท่านคิวปิด หลังเลือกตั้งต้องเอาใจช่วย  ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: vee48 ที่ วันที่ 17 มิถุนายน 2011, 18:20:00

นึกแล้วว่าวันนี้ท่านแอ๊ดต้องปิด high แต่ sccc  ปิด low  ลงตัว... ;D
ผมว่าตัวใหญ่ๆ น่าห่วงนา ท่านคิวปิด หลังเลือกตั้งต้องเอาใจช่วย  ;D

ช่วงนี้ชอบตัวเล็กๆ ได้ใจดีค่ะ ;D เล่นรอบหาค่าขนมไปก่อน รอดูสถานการณ์ :o


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: LoveYou2 ที่ วันที่ 17 มิถุนายน 2011, 21:14:44
ได้ความรู้ได้สาระมากครับ 

มีประโยชน์กับคนที่สนใจ ขอบคุณครับ


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 19 มิถุนายน 2011, 11:09:27

อย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจหุ้น
     
   สำนวนของไทยที่ว่า อย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจคน จะจนใจเอง   นี้ หลายท่านคงได้ประสบการณ์
เกี่ยวกับ สำนวนดังกล่าวนี้มาพอสมควร แต่เมื่อท่านมาเป็นนักลงทุนในหลักทรัพย์ ผมอยากให้ท่าน
เปลี่ยนคำว่า อย่าวางใจคน  มาเป็น อย่าวางใจหุ้น บ้างนะครับ  อันที่จริง หุ้น ก็คือ คน นั่นแหละ
เพราะคน  ได้บัญญัติคำว่า หุ้น และก็ คน อีกนั่นแหละที่เป็นผู้ สร้าง ราคาหุ้น
 
     ประสบการณ์ในการซื้อขาย  การบริโภคข้อมูลข่าวสาร  เพื่อนนักลงทุนในห้องค้า  ทำให้ผมเตือน
ตัวเองในการลงทุนในหลักทรัพย์นี้ ด้วยการแปลงสำนวน  อย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจคน จะจนใจเอง   
เป็น อย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจหุ้น     
   
     
     ประสบการณ์ในการซื้อขายนั้น  มันเกี่ยวกับปริมาณการซื้อขาย การตั้งรอซื้อ  การวางขาย
การลากราคาขึ้น  การทุบราคาลง  นั่นแหละครับ มันทำให้ นลท รายย่อยได้ตีปีก  หรือทำให้ใจเต้น
รัวเป็นตีกลอง  ใจตุ๊มๆต่อมๆได้  มากน้อยแล้วแต่ระยะเวลาและประสบการณ์ของ นลท แต่ละท่านครับ
และมันพอจะบอกได้ว่า ราคาหุ้นกำลังจะไปในทิศทางใด แต่ไม่ได้หมายความว่ามันจะเป็นอย่างนั้น
ทุกครั้ง อาจไม่เป็นอย่างที่เคยเป็นก็ได้  อันนี้ ประสบการณ์เท่านั้นจะช่วยท่านได้ ว่าควรจะตัดสินใจอย่างใด
   
    การบริโภคข้อมูลข่าวสาร   ทั้งจากบรรดานักวิเคราะห์  ข่าวบริษัทฯ  สื่อโทรทัศน์  หนังสือพิมพ์
นลท เมื่อได้บริโภคแล้ว ควรใช้หลัก กาลามสูตร  ครับ ผมขออนุญาตอ้างถึงคำสอนของ  เบน เกรแฮม
ข้อ 8 ที่ได้นำมาลงไว้ใน « ตอบ #182 เมื่อ: วันที่ 15 มิถุนายน 2011, 08:46:10 » ดังนี้ครับ
   
    ข้อแปด    ระวังตัวเลขข้อมูลจากบริษัทฯ เนื่องจากข้อมูลกำไรของบริษัทฯ และการคาดการณ์ผลการ
ดำเนินงานในอนาคต เป็นสิ่งที่จะทำให้ราคาหุ้นวิ่ง ดังนั้น ข้อมูลเหล่านี้อาจถูกตกแต่งให้ดูดีกว่าความเป็น
จริง หรือสร้างภาพให้ดีเกินกว่าที่จะเป็นไปได้ ดังนั้นก่อนที่จะลงทุนซื้อหุ้น ควรศึกษาให้ลึกซึ้งเสียก่อนว่า
อะไรเป็นอะไร   
    คงพอชัดเจนนะครับ  ไม่ต้องอธิบายเพิ่มเติม
     
    เพื่อนนักลงทุนในห้องค้า   มีนักลงทุนอาวุโสทั้งรายย่อย  รายใหญ่  ในห้องค้า  เคยบอกกับผมว่า
วงการนี้ ไม่มีบริบูรณ์ดอก (เขาไม่ได้ใช้คำว่า ไม่มีบริบูรณ์ ดอกครับ แต่ผมนำมาแปลงเอา เพื่อให้ออกอากาศได้ ) 


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 19 มิถุนายน 2011, 20:50:33
การกระจายความเสี่ยง    
  
   เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วนะครับว่าการลงทุนทุกประเภทมีความเสี่ยง  ไม่ว่าท่านจะลงทุน
ประเภทใดก็มีความเสี่ยงทั้งนั้น  ก่อนอี่นผมขอทำความเข้าใจสักนิดก่อนว่า การลงทุนก็หมาย
ถึงการทำธุรกิจนั่นแหละครับ  และเรามาดูนิยาม หรือคำจำกัดความของคำว่า ธุรกิจ กันหน่อย
ครับ เท่าที่ผมได้เคยเรียนมาในอดีตกาลนานโพ้น พอจำได้ว่า  การทำธุรกิจ คือการลงทุนทำ
กิจการใดๆ เพื่อหวังผลกำไร และเสี่ยงต่อการขาดทุน    คงพอเห็นภาพนะครับ ว่าการทำธุรกิจ
ก็คือการลงทุน  หรือการลงทุนก็คือการทำธุรกิจนั่นเอง
      
   เมื่อเป็นเช่นนี้ จึงมีคำถามว่า ลงทุนกันเพื่ออะไร คำตอบก็คือ เพื่อหวังผลกำไร น่าจะถูก
ต้องนะครับ  แต่การลงทุนทุกประเภทคงไม่มีการได้กำไรอย่างเดียว อาจมีขาดทุนด้วย ดังนั้น
ผมจึงขอนิยามของการลงทุนว่า การลงทุนก็คือการดำเนินกิจการเพื่อหวังผลกำไร และเสี่ยง
ต่อการขาดทุน  ก็คงไม่ผิดนะครับ  
  
   อาจจะวกวนไปหน่อย แต่คงเข้าใจได้นะครับ  และคงชัดเจนขึ้นกับวลีที่ได้ยินกันบ่อยๆใน
วงการการลงทุนที่ว่า การลงทุนคือความเสี่ยง  นั้น ก็หมายถึง เสี่ยงกับการขาดทุน   ไงล่ะครับ
      
   มาเข้าหัวข้อที่ผมวางไว้เลยครับ  การกระจายความเสี่ยง  ก็คือ ในเมื่อมันเสี่ยงกับการขาด
ทุนแล้วก็ไม่ควรลงทุนในหุ้นเพียงตัวเดียว  เพราะถ้ามันขาดทุน  ก็เท่ากับว่าเงินที่เราลงทุนไป
ในหุ้นตัวเดียวนั้นหายไปโดยที่ไม่มีหุ้นตัวอื่นมาช่วยพยุง  แต่ถ้าเราลงทุนในหุ้นหลายๆตัว  
ตัวหนึ่งขาดทุน อีกตัวหนึ่งมีกำไร หรือขาดทุน 3 ตัว อีก 5 ตัว มีกำไร มันก็ยังพอปะทังไปได้
ใช่ไหมครับ เมื่อเข้าไปดูพอร์ตเพื่อดูผลการลงทุนเป็นระยะๆโดยรวม เราก็จะไม่รู้สึกอึดอัดกัง
วลใจ  ผมเชื่อว่าถ้านักลงทุนได้ศึกษาข้อมูลมาพอสมควร และลงทุนในหุ้นหลายๆตัวเพื่อ
กระจายความเสี่ยงดังกล่าวนั้น คงไม่มีหุ้นในพอร์ตที่ขาดทุนทุกตัว หรือมีกำไรทุกตัวเป็นแน่
และขออ้างอิงอีกนั่นแหละครับ นั่นคือคำสอนของเบน  เกรแฮม ข้อห้า ที่ผมนำมาลงไว้ใน
 « ตอบ #171 เมื่อ: วันที่ 13 มิถุนายน 2011, 10:07:19 » ดังนี้ครับ
  
   ข้อห้า    ต้องกระจายความเสี่ยงในการลงทุน เม็ดเงินที่จะลงทุนในหุ้น ควรจะอยู่ระหว่าง 25% ถึง
75% ที่เหลือควรเป็นพันธบัตรหรือเงินสด ขึ้นอยู่กับภาวะตลาดหุ้นว่า มีค่า PE ของตลาดสูงหรือต่ำ
หรือมีการจ่ายปันผลสูงหรือต่ำ เทียบกับอัตราดอกเบี้ยของพันธบัตร การซื้อหุ้นเอง ก็ควรซื้อหุ้นกระ
จาย อย่าให้มีหุ้นที่ “หนักพอร์ต” ควรมีหุ้นอย่างน้อย 30 ตัว (คำสอนข้อนี้จะแตกต่างจากแนวของ
วอร์เร็น บัฟเฟตต์ ที่ถือหุ้นน้อยตัวกว่ามาก)

          จะเห็นว่าทั้ง เกรแฮม และบัฟเฟต์ ที่เป็นปรมาจารย์ในการลงทุนนั้น ก็ให้มีหุ้นกระจาย
หลายๆตัวในพอร์ต  เพียงแต่ว่าจำนวนมากน้อยต่างกันเท่านั้น
      
   ส่วนผู้เขียนจะมีหุ้นอยู่ในพอร์ตระหว่าง 7 ถึง 12 ตัว แล้วแต่ข้อเท็จจริงและสถานการณ์
เป็นช่วงๆไปครับ


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 20 มิถุนายน 2011, 11:56:55
ลุงแอ๊ด ได้ใจไปโลด  ;D
นลท.Velcome ถืออยู่ไม่ใช่เหรอ ยินดีด้วย

 ;D ;D ดู vol แล้วนึกว่าจะไม่ผ่าน 98...เน็ตหลุด เข้าไปเช็คเมื่อสักครู่ แอบตกใจว่าผ่าน 3M มาได้ยังไง...ตอนนี้ก็ท่องไว้ค่ะ 100ๆๆๆ

พี่เปา ได้ข่าว Dtac มั้ยคะ? เค้าจะปันผลพิเศษ 12.6 บาท :o :o (โม้ป่าวเนี่ย??) วันนี้สองตัวนี้เค้าแข่งกันขึ้น ใครถือไว้ก็หน้าบาน อิอิ

 ตอนนี้ นลท Velcome  ก็หน้าบานสิ ลุงแอ๊ดน่ะ น่าจะเกิน 100 ค่อยๆทยอยขายเน้อ...  ;)
 
 cupid ก็มีอยู่ในโกดังนิดหน่อย จะทยอยขายมั่ง... :D
 

;D วันก่อนปล่อยไปแล้วนิดหน่อย คงต้องเริ่มทยอยแล้วล่ะค่ะ..พี่ cupid คะ ปันผลพิเศษ 3.5 บาทเน้อ

น้าแอ๊ด(หรือลูงแอ๊ด)  เพิ่งได้ข่าวลับ ลวง พราง (หรือไม่ก็ไม่รู้) ว่าจะมีปันผลพิเศษ 10 บาท ...

ข่าวคือข้อเท็จจริงเน้อ...จริงหรือเท็จ ไม่ยืนยัน...! ;)


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: vee48 ที่ วันที่ 20 มิถุนายน 2011, 12:10:27
^
^
^
ยังลับ ลวง พราง กันต่อไปค่ะพี่คิวปิด หนูได้ข่าวมา 8.5 นิ ::) ::) ขอให้มีเถอะ เท่าไหร่ก็ได้ไม่ว่ากันอิอิ ขึ้นไวอย่างนี้ รู้สึกหนาวๆร้อนๆพิกล...บรื๋อออ :-\


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: ....คนหน้าแหลม.... ที่ วันที่ 20 มิถุนายน 2011, 12:16:05
^
^
^
ยังลับ ลวง พราง กันต่อไปค่ะพี่คิวปิด หนูได้ข่าวมา 8.5 นิ ::) ::) ขอให้มีเถอะ เท่าไหร่ก็ได้ไม่ว่ากันอิอิ ขึ้นไวอย่างนี้ รู้สึกหนาวๆร้อนๆพิกล...บรื๋อออ :-\
หนาวๆร้อนๆ อาการของวัยทอง แต่น้าแอ๊ด คนมีต่ำกว่าร้อย เขาคงถือลุ้นได้โน่นเลย สิ้นปี  ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 20 มิถุนายน 2011, 12:24:07
อย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจหุ้น     

ถึงมีต่ำกว่า 100  ก็ค่อยๆทยอยออกของบ้าง... ;)


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: ....คนหน้าแหลม.... ที่ วันที่ 20 มิถุนายน 2011, 12:26:50
ถึงตอนนี้ก็คงมีคนทยอยออก ทยอยเข้า คละกันไป เป็นธรรมดา


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: vee48 ที่ วันที่ 20 มิถุนายน 2011, 13:05:45
มีแอบเหน็บว่าเราวัยทอง  :o


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: น้าวัยทองฯ ที่ วันที่ 20 มิถุนายน 2011, 14:27:28
อะไรวัยทอง - - พาดพิงกันหรือเปล่า อิอิ

ถอนๆ


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 20 มิถุนายน 2011, 14:34:09

ถ้าจะประท้วง หรือใช้สิทธิพาดพิง กรุณาขออนุญาตท่านประธานก่อนครับ  :D

เอ้า...ตลาดฯเปิดแล้ว..พักการประชุมก่อน.. ;)


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 22 มิถุนายน 2011, 18:40:27

ขออนุญาตแนะนำหุ้น BMCL (รถไฟฟ้าใต้ดิน)  

   เดิมตั้งใจไว้ว่า จะไม่แนะนำหุ้นรายตัวทางหน้าเว็บ แต่เห็นว่า มีหลายท่านที่สนใจเปิดพอร์ต
ลงทุน และถ้าตั้งใจเป็น นลท ระยะยาวแล้ว ขณะนี้มีหุ้นราคาไม่สูงนัก คุณภาพและพื้นฐานดี (ใน
ความเห็นของผม) น่าจะสะสมถือลงทุนระยะยาวได้ คือหุ้น BMCL นี่แหละครับ ราคาปิดตลาด
วันนี้อยู่ที่ 0.64 บาท จึงขออนุญาตนำเสนอแนะนำครับ (นานๆครั้ง...ไม่ว่ากันนะครับ)

   ผมได้ลงกรุงเทพฯตั้งแต่เมื่อวาน (21 มิ.ย.54) และได้ใช้บริการ รถไฟฟ้าใต้ดิน ก็ได้เห็นว่า ผู้
โดยสารหนาแน่นมาก และเชื่อว่าจะมีผู้ใช้บริการมากขึ้นเรื่อยๆในอนาคต เป็นธุรกิจเงินสด  มีรายรับ
เป็นเงินสดทุกวัน น่าจะถึงจุดคุ้มทุนประมาณ 3-5 ปีข้างหน้า หุ้นตัวนี้ราคาพาร์ 1 บาท ตอนเข้า
ตลาดขายให้ นลท จองซื้อประมาณ 1.30 บาท เข้าซื้อขายในตลาดเมื่อ 21 กย.49 ถูกกดราคา
ลงมาเรื่อยๆ ลงไปต่ำสุดทีประมาณ 0.34 บาท เมื่อประมาณปลายปี 2551 (ช่วงนั้นเกิดวิกฤตซับ
ไพรม์ ที่สหรัฐฯ ตลาดหุ้นตกทั่วโลก)

   เป็นธุรกิจขนคนโดยสารระบบรางในเมืองหลวงของประเทศที่น่าสนใจครับ  รายละเอียดมากกว่า
นี้ ท่าน นลท.ที่สนใจ ให้เข้าไปศึกษาเองแล้วกันนะครับ (หาข้อมูลมาพิมพ์..เหนื่อย...) แต่ขอเรียน
ว่า ราคาที่เทรดกันในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมานี้ เป็นราคาที่น่าสนใจลงทุนแล้วละครับ มีติดพอร์ตไวั
บ้างก็ดีครับ

   ส่วนตัวผมมีถือเอาไว้นิดหน่อยครับ และช่วงไหนที่มีภาระกิจใน กทม ผมใช้บริการ BMCL เป็น
ประจำครับ 

   
 


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: ....คนหน้าแหลม.... ที่ วันที่ 22 มิถุนายน 2011, 21:17:41
ไม่ว่ากันดอกครับ แนะนำกันได้ แต่ นลท ที่แท้จริงควรจะปรึกษา สอบถามจากหลายๆฝ่าย เช่นเพื่อน นลท จากมาร์ จาก นวค  ห้นมีตั้งหลายร้อยไม่ควรตัดสินใจเองโดยไม่รู้ข้อมูลหรือมีข้อมูลเพียงน้อยนิด ถ้าไม่ให้แนะนำกันเลย เกิดใครมีหุ้นที่ดีมากๆ ก็ไม่กล้ามาโพสบอกกล่าวกัน เสียโอกาสลงทุนได้ หรืออาจช้าไป ฯลฯ ที่แนะนำกันนั้นบางครั้งก็อาจเกิดพลิกผันด้วยสาเหตุที่ไม่คาดการณ์ได้ อันนี้เป็นธรรมดา แต่ นลท จะมีวิธีแก้ไขอย่างไรสำคัญตรงนี้ มีเพื่อนๆ นลท ด้วยกัน ก็น่าจะเป็นทางหนึ่งที่ช่วยกันได้  ;D

ข่าวสั้นวันนี้ จาก cgs.co.th
ท่านคิวปิดคงต้องทบทวนตัวนี้อีกที
... bmcl  //  หุ้นขาดทุนต่อเนื่อง ลองดูตัวอื่นแทนนะครับ.....


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: คำหล้า ที่ วันที่ 23 มิถุนายน 2011, 13:54:51
สวัสดีค่ะอ่านดูแล้วน่าสนใจแต่ไมมีความรู้เรื่องนี้เลย
ขอถามหน่อยนะคะ ว่า  เราต้องมีเงินลงทุนเริ่มที่เท่าไหร่คะ แล้วจะมีรายได้ยังไง


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 23 มิถุนายน 2011, 14:57:07
ไม่ว่ากันดอกครับ แนะนำกันได้ แต่ นลท ที่แท้จริงควรจะปรึกษา สอบถามจากหลายๆฝ่าย เช่นเพื่อน นลท จากมาร์ จาก นวค  ห้นมีตั้งหลายร้อยไม่ควรตัดสินใจเองโดยไม่รู้ข้อมูลหรือมีข้อมูลเพียงน้อยนิด ถ้าไม่ให้แนะนำกันเลย เกิดใครมีหุ้นที่ดีมากๆ ก็ไม่กล้ามาโพสบอกกล่าวกัน เสียโอกาสลงทุนได้ หรืออาจช้าไป ฯลฯ ที่แนะนำกันนั้นบางครั้งก็อาจเกิดพลิกผันด้วยสาเหตุที่ไม่คาดการณ์ได้ อันนี้เป็นธรรมดา แต่ นลท จะมีวิธีแก้ไขอย่างไรสำคัญตรงนี้ มีเพื่อนๆ นลท ด้วยกัน ก็น่าจะเป็นทางหนึ่งที่ช่วยกันได้  ;D

ข่าวสั้นวันนี้ จาก cgs.co.th
ท่านคิวปิดคงต้องทบทวนตัวนี้อีกที
... bmcl  //  หุ้นขาดทุนต่อเนื่อง ลองดูตัวอื่นแทนนะครับ.....

    หุ้นตัวนี้ผลประกอบการยังแสดงตัวเลขขาดทุนอยู่ ไม่เถียงครับ แต่ถ้าไล่เรียงมาตั้งแต่เข้าตลาดฯ
จะเห็นว่า ผลประกอบการดีขึ้น มีผลขาดทุนลดลงทุกปี ผมถึงประเมินว่า อีกประมาณ 3-5 ปีเป็นอย่าง
ช้า น่าจะถึงจุดคุ้มทุน และเริ่มกลับมามีกำไร

    คำว่า ขาดทุนต่อเนื่อง น่าจะใช้ในความหมายที่ว่า ขาดทุนซ้ำซาก ไม่มีดีขึ้น
เลย ยกตัวอย่าง TT&T ก็พอครับ (ยังมีอีกเยอะครับในตลาดฯที่เป็นเหมือน TT&T )

    แต่สำหรับ BMCL เมื่อปี 2548 ขาดทุน  0.23 บาท ปี 2549 ขาดทุน 0.19 บาท ปี2550 ขาดทุน
0.12 บาท ปี 2551 ขาดทุน 0.12 บาท ปี 2552 ขาดทุน0.11 บาท ปี 2553 ขาดทุน 0.09 บาท
(หมายถึงผลขาดทุนต่อหุ้นครับ)

    จะเห็นได้ว่าผลประกอบการจากที่ขาดทุน 0.23 บาท ในปี 2548 แต่ ถึงปี 2553 (5ปีให้หลัง)
ผลผระกอบการดีขึันเหลือผลขาดทุนเพียง 0.09 บาท

    และจากจำนวนผู้โดยสารที่หนาแน่นขึ้นเรื่อยๆ ประกอบกับผลประกอบการที่มีแนวโน้มเป็นเช่นนี้
ผมจีงมีความเห็นเป็นส่วนต้วว่า น่าถือลงทุนระยะยาวครับ

    สำหรับข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์ฯ จากสื่อฯ จากนักวิเคราะห์ ที่เอ่ยถึงหุ้นเฉพาะตัว นั้น ก็ควรรับ
ไว้เป็นข้อมูล และหาข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อเป็นเหตุผล สนับสนุน หรือ หักล้าง  ข่าว ดังกล่าวนะครับ

    ขอบคุณท่านเปา ที่นำข่าวมาฝาก ทำให้ผมต้องหยิบยกข้อมูลขึ้นมาเพิ่มเติม เพื่อสนับสนุนความ
เห็นของตัวเองเกี่ยวกับ BMCL ครับ... ;)


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: วายุ ที่ วันที่ 23 มิถุนายน 2011, 15:59:57
ถึงท่านคิว
เมื่อวานโทรไปไม่รับนะท่าน  ว่าจะไปเที่ยวหาเสียหน่อย  เอาไว้โอกาสหน้าแล้วกันครับ


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 23 มิถุนายน 2011, 16:27:01
ถึงท่านคิว
เมื่อวานโทรไปไม่รับนะท่าน  ว่าจะไปเที่ยวหาเสียหน่อย  เอาไว้โอกาสหน้าแล้วกันครับ

ประทานโทษครับ ลืมโทรศัพท์ไว้ในรถ (บ่อยๆ) แต่ยังไงก็เจอไม่ได้ ตอนนี้อยู่ กทม. น่ะ...
กลับอาทิตย์หน้าครับ... ;)


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 23 มิถุนายน 2011, 17:51:55
สวัสดีค่ะอ่านดูแล้วน่าสนใจแต่ไมมีความรู้เรื่องนี้เลย
ขอถามหน่อยนะคะ ว่า  เราต้องมีเงินลงทุนเริ่มที่เท่าไหร่คะ แล้วจะมีรายได้ยังไง

ทั้ง 2 คำถามนี้ มีคำตอบไว้บ้างแล้วในกระทู้นี้ ให้ค่อยๆอ่านมาตั้งแต่ต้นนะครับ... ;)



หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 27 มิถุนายน 2011, 09:58:58

คำสอนของศาสดา

โดย ดร.นิเวศน์  เหมวชิรวรากร  จากหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ
      
    เบน เกรแฮม บิดาของ Value Investment  เขียนหนังสือ บทความ และสอนลูกศิษย์ เกี่ยวกับ
การลงทุนมากมาย ต่อไปนี้คือหลักการสำคัญๆ 10 ข้อ ที่ Value Investor  ควรจดจำและนำไปปฏิบัติ
    
                          
      
   ข้อสี่    จงตระหนักว่า เราไม่สามารถคำนวณมูลค่าที่แท้จริงได้อย่างแม่นยำ เพราะฉะนั้นจะต้องมี
การ “เผื่อ” การผิดพลาด หรือจะต้องมี Margin of Safety ในการซื้อหุ้น นั่นก็คือ ต้องซื้อหุ้นที่มีราคา
ต่ำกว่ามูลค่าที่คำนวณได้ ไม่ต่ำกว่า 20%
      

ท่านนักลงทุนรายย่อยที่ตั้งใจจะเป็นนักลงทุนระยะยาว ไม่ว่าเพิ่งเข้าตลาดฯ หรือเข้าตลาดฯมานานแล้ว
ต้องประสพกับวลีที่ว่า ซื้อแล้วมันก็ลง  หรือ ขายไปแล้วมันก็ขึ้น  ทุกท่าน เบน เกรแฮม จึงมีคำสอนว่า ต้อง
ซื้อหุ้นที่มีราคาต่ำกว่ามูลค่าที่คำนวณได้ไม่ต่ำกว่า 20% เพราะเราไม่สามารถกะ หรือคำนวณมูลค่าหุ้นที่
แท้จริงได้อย่างแม่นยำ

และจากประสบการณ์ของผม แม้ว่าเราได้กะ หรือคำนวณว่ามูลค่าหรือราคาหุ้นควรเป็นเท่าใดแล้ว และได้
ซื้อหุ้นในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่า หรือราคาที่กะ หรือคำนวณได้ดังกล่าวแล้วก็ตาม หุ้นก็ยัง ตก ลงไปอีก ซึ่ง
ผมจึงได้เรียนว่า ไม่ควรนำเงินจำนวนที่ตั้งใจจะลงทุนกับหุ้นตัวใดตัวหนึ่ง เข้าซื้อหุ้นตัวนั้นทั้งจำนวนใน
ครั้งเดียว ควรแบ่งเงินจำนวนนั้นออกเป็นหลายๆส่วน แล้วทยอยซื้อ ซึ่งก็ต้องอาศัยประสบการณ์พอสมควร
ว่า เมื่อใดจึงจะเข้าทยอยซื้อเพิ่ม  

ขอเพิ่มเติมนิดนะครับ ย้ำกันบ่อยๆ นลท ต้องหมั่นหาข้อมูล และอดทนฯให้มากๆครับ


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 27 มิถุนายน 2011, 20:37:02

จงกลัว เมื่อคนอื่นกำลังโลภ และโลภเมื่อคนอื่นกำลังกลัว

   คำกล่าวข้างบนนี้เป็นของ Warren Buffet ปรมาจารย์ในการลงทุนอีกผู้หนึ่ง เพราะใน
ช่วงที่ตลาดดีมาก การกลัวเมื่อคนอื่นโลภจะช่วยให้เรารอดจากหายนะได้ แต่ในยามวิกฤต
ที่ทุกคนกลัวและถอนตัวออกจากตลาด มันก็ยากมากที่เราจะรู้สึกโลภ

   ส่วน Peter Lynch เปิดเผยความสำเร็จในการลงทุนว่า ไม่ต้องไปสนใจการขึ้นลงของ
ตลาด ให้ใช้เหตุผลในการซื้อขายเท่านั้น เพราะราคาหุ้นกับกำไรจะไปด้วยกันเสมอในระ
ยะยาว และหากราคาหุ้นแยกออกไปจากกำไร ไม่ช้ามันจะวิ่งกลับไปหาเส้นกำไร อย่ากลัว
เวลาราคาหุ้นตกหากกำไรของบริษัทยังดีอยู่ ยิ่งหุ้นลงยิ่งเป็นโอกาสซื้อ  เพราะไม่ช้าราคา
หุ้นจะวิ่งกลับมาตามกำไร และถ้าราคาหุ้นวิ่งขึ้นไปเกินกำไรที่เพิ่มขึ้น ราคาหุ้นก็จะปรับตัว
ลงมาหาเส้นกำไร

   ที่ผมหยิบยกมาข้างต้นนี้ เฉพาะหุ้นดี มีคุณภาพเท่านั้นนะครับ หุ้นเน่าไม่เกี่ยว... ;)



หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: mangkasai ที่ วันที่ 28 มิถุนายน 2011, 15:15:28
คุณวายุเก่งจังเลยอยากลงทุนจังเลย ตอนนี้ทำไมลงทุกวัน 555


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 28 มิถุนายน 2011, 15:53:50

คุณวายุ ต้องไปอีกกระทู้ครับ  ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: vee48 ที่ วันที่ 28 มิถุนายน 2011, 16:44:09
คุณวายุเก่งจังเลยอยากลงทุนจังเลย ตอนนี้ทำไมลงทุกวัน 555

หากคุณเป็นผู้มีความรู้ และมีใจอันเป็นกุศล ก็แบ่งปันประสบการณ์และความรู้ของคุณได้นะคะ หากไม่รังเกียจ... 8)


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: แมงมุม ที่ วันที่ 29 มิถุนายน 2011, 07:59:13
.

คำว่าลง คงหมายความว่าตลาดกำลังขาลงกระมังครับ

ขาลงเพราะฝรั่งทิ้งน่ะ

.


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 29 มิถุนายน 2011, 09:14:56

การทำใจในการลงทุน

นักลงทุนระยะยาวต้องรู้จักทำใจ ผมขออนุญาตนำบทความของท่านอาจารย์ ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
ในคอลัมน์ โลกในมุมมองของ Value Investor จากหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ที่ผมได้ตัดเก็บไว้หลาย
ปีแล้ว มาแบ่งปันกัน (วันเดือนปีที่ลงพิมพ์ จำไม่ได้ครับ) เป็นบทความที่ค่อนข้างยาวสำหรับผมในการ
นำมาพิมพ์ จึงขอทยอยพิมพ์เป็นท่อนๆสัก 4 หรือ 5 ท่อน นะครับ หัวข้อคือ การทำใจในการลงทุน  ดังนี้ครับ

การทำใจในการลงทุน (1) โดย ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
   
    ถ้ารักจะเป็น Value Investor แล้ว จะต้องรู้จัก “ทำใจ” ในหลายๆเรื่อง ใหม่ๆอาจจะรู้สึกกระวน
กระวายใจ และอาจทำไม่สำเร็จ แต่ถ้าฝึกไปเรื่อยๆก็จะทำได้เอง และจะทำได้อย่างเป็นธรรมชาติ
และผลดีก็จะตามมา ต่อไปนี้เป็นบางสิ่งบางอย่างที่ผมคิดว่านักลงทุนควรจะฝึก “ทำใจ”
   
    เรื่องแรกก็คืออย่าตื่นเต้นหรือดีใจเกินไปเวลาหุ้นวิ่งขึ้นไปรวดเร็วและรุนแรง เช่นเดียวกับที่อย่าตก
ใจ ขวัญเสีย เวลาหุ้นตกหนักในช่วงเวลาสั้นๆ เพราะอารมณ์ที่เกิดขึ้นนั้น อาจจะทำให้เราตัดสินใจซื้อ
หรือขายหุ้นบ่อย และที่สำคัญก็คือ ผิดเวลา ซึ่งทั้งสองอย่างนั้น รับประกันว่า จะทำให้เรากระเป๋าฉีกแน่นอน
   
    ใกล้เคียงกับข้อแรกก็คืออย่าเฝ้าจอหุ้น หรือติดตามราคาหุ้นใกล้ชิดเกินไป เพราะจะทำให้เราตาลาย
และสับสน เช่นเดียวกันเราไม่ควรฟังข่าวทั้งข่าวจริงหรือข่าวลือในห้องค้าเกินความจำเป็น เพราะหู
จะอื้อ และเมื่อเราหูอื้อและตาลายพร้อมกัน ก็มีโอกาสสูงที่เราจะทำอะไรโดยไม่ได้คิดได้ง่าย ซึ่งการ
ลงทุนโดยไม่ได้คิดอย่างรอบคอบนั้น ก็ไม่ต่างอะไรกับนักมวยที่เมาหมัด เดินเข้าหาคู่ต่อสู้โดยไม่ได้ป้องกันตัว



หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 29 มิถุนายน 2011, 17:24:35

การทำใจในการลงทุน (2) โดย ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
   
   เรื่องที่ควรทำใจข้อสามก็คือ การยอมรับว่า เราไม่สามารถคาดการณ์ภาวะตลาดหุ้นได้
และไม่มีใครสามารถทำได้ถูกต้องอย่างสม่ำเสมอ เพราะฉะนั้นการลงทุนโดยอิงกับการคาด
การณ์ภาวะตลาด จึงไม่สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีได้ การทำใจในเรื่องนี้บางทีก็เป็น
เรื่องยาก เพราะเรามักจะคิดเข้าข้างตัวเอง ว่าเรารู้และคาดได้ถูกมากกว่าผิด เหตุผลอาจ
จะเป็นเพราะว่าเวลาคาดถูก เรามักจะภาคภูมิใจ ดีใจ และจดจำ ส่วนเวลาที่คาดผิด เรามัก
จะเสียใจและพยายามลืม ซึ่งทำให้สมองเราเก็บสถิติที่ผิดพลาด นึกว่าเราแน่ ทั้งที่ความ
เป็นจริงแล้วไม่ใช่
   
    เรื่องที่นักลงทุนส่วนใหญ่สนใจและติดตามกันมากในช่วงนี้ก็คือ การซื้อหุ้นสุทธิของ
นักลงทุนต่างประเทศ ซึ่งซื้อติดต่อกันมาหลายเดือนนับได้เกือบแสนล้านบาทเข้าไปแล้ว
แต่ผมกลับคิดว่า Value Investor ควรจะทำใจไม่ให้สนใจกับเรื่องนี้ เพราะการซื้อหุ้นสุทธิ
ของ “ฝรั่ง” นั้น ถึงแม้ว่ามันจะทำให้ดัชนีหุ้นวิ่งขึ้น แต่ปัญหาก็คือเราไม่รู้ว่าวันไหนฝรั่งจะ
ซื้อหรือขายมากน้อยแค่ไหน เรารู้ต่อเมื่อเขาซื้อหรือขายเรียบร้อยแล้ว เรามักจะซื้อทีหลัง
และขายทีหลัง ทุกครั้งที่สถาบันลงทุนชื่อดังจากต่างประเทศให้สัมภาษณ์ว่าเขาสนใจตลาด
หุ้นไทย และจะเพิ่มน้ำหนักการลงทุนนั้น เชื่อผมเถอะครับว่าเขาซื้อไปเรียบร้อยแล้ว  เพราะ
ฉะนั้นถ้าเราลงทุนโดยดูการซื้อขายของเขา เราน่าจะเป็น “เหยื่อ” มากกว่าที่จะเป็นคนตกปลา

หมายเหตุ 

   ผม (cupid) ได้เรียนแล้วว่าบทความนี้ได้ลงในหนังสือพิมพ์ กรุงเทพธุรกิจ หลายปี
มาแล้ว ข้อเท็จจริงที่เป็นสีแดงนั้น จึงไม่ใช่ข้อเท็จจริงที่เป็นปัจจุบัน

   แต่ความเห็นของท่านเจ้าของบทความที่เป็นสีน้ำเงิน (ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร) ผมว่า
เป็นความเห็นที่เป็นอมตะ ใช้ได้ตลอดไป.....



หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: nighthox ที่ วันที่ 29 มิถุนายน 2011, 23:27:47
 ;D เล่นไม่เป็นเลย


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 30 มิถุนายน 2011, 10:25:06

การทำใจในการลงทุน (3) โดย ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

    เรื่องที่ห้า สำหรับ Value Investor ที่ควรจะทำใจก็คือ การลงทุนหุ้นนั้น จะให้ผลตอบแทนค่อน
ข้างดีในระยะยาว 4- 5 ปี ขึ้นไป แต่ในระยะสั้นแล้วอาจจะเลวร้าย หรือดีเยี่ยมก็ได้ แต่ไม่ว่าในกรณีใด
การลงทุนในหุ้นไม่ใช่สิ่งที่จะทำให้คนรวยในชั่วข้ามคืน ถ้าอยากจะรวยด้วยหุ้นแบบปลอดภัยผมคิดว่า
ต้องศึกษาการลงทุนมาเป็นอย่างดี และต้องลงทุนต่อเนื่องยาวนานเป็นสิบๆปีขึ้นไป การคิดหวังรวย
ทางลัดในตลาดหุ้นนั้น ผมคิดว่าร้อยละ 99  ขาดทุนและเสียหายหนัก

    นอกจากทำใจว่า การลงทุนหุ้นไม่สามารถจะรวยได้เร็วเหมือนการเก็งกำไรหรือการพนันอย่างอื่น
แล้ว ควรทำใจว่าผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีของเราน่าจะอยู่ในระดับไม่เกิน 10 – 15 % โดยไม่ต้องสน
ใจว่า คนเล่นหุ้นหรือนักลงทุนคนอื่นจะได้กำไรมหาศาลแค่ไหน โดยเฉพาะในช่วงสั้นๆ ไม่เกินปีหรือ
สองปีเพราะการพยายามไปเปรียบเทียบกับคนอื่นที่กำลังประสบความสำเร็จในช่วงสั้นๆ จะทำให้เรา
เข้าใจผิดคิดว่า วิธีการของเราผิด และวิธีการของเขาถูก ซึ่งอาจจะไม่ใช่


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 01 กรกฎาคม 2011, 08:20:02

การทำใจในการลงทุน (4) โดย ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

    การทำใจที่สำคัญที่สุดอีกข้อหนึ่งสำหรับ  Value Investor ก็คือ การเชื่อว่าราคาหุ้นที่เราลงทุน
ไว้นั้น ในระยะยาวจะขึ้นหรือจะลง และกำไรของกิจการ ผลตอบแทนของการลงทุนของเราจะดี
หรือเลวก็ขึ้นอยู่กับผลการดำเนินงานของบริษัทที่เราลงทุน ถ้าเราทำใจในเรื่องนี้ได้ เราก็จะไม่
กระวนกระวาย หรือเสียใจ เวลาที่ดัชนีตลาดปรับตัวขึ้นไปแรง  ในขณะที่พอร์ตหุ้นของเราไม่ได้
ปรับตัวขึ้นตามเช่นเดียวกันเราก็จะไม่เห็นเหตุผลหรือรู้สึกว่าจะต้องปรับพอร์ตตามตามภาวะตลาด
   
    ต่อเนื่องจากเรื่องของกำไรกับราคาหุ้นก็คือ เราควรทำใจให้ได้ว่าการลงทุนซื้อหุ้นในตลาดนั้น ก็คือ
การลงทุนในธุรกิจ  เราซื้อหุ้นก็คือการซื้อส่วนหนึ่งของธุรกิจ เป็นเรื่องยากที่ธุรกิจจะมีค่ามากมายใน
เวลาไม่กี่วัน เช่นเดียวกันเป็นเรื่องยากที่ธุรกิจจะมีค่าตกต่ำลงมากมายในชั่วข้ามคืน ดังนั้นการซื้อหรือ
ขายธุรกิจโดยอิงกับความผันผวนของราคาหุ้นในช่วงสั้นๆ จึงเป็นเรื่องที่ไม่มีเหตุผล



หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: conscious ที่ วันที่ 01 กรกฎาคม 2011, 19:48:55
แวะมาแอบดูครับ คิดถึงคนแถวๆ นี้ คริ คริ  ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Temujin ที่ วันที่ 01 กรกฎาคม 2011, 22:05:51
แวะมาแอบดูครับ คิดถึงคนแถวๆ นี้ คริ คริ  ;D
นึกว่าลืมกันไปแล้ว... ;D ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: conscious ที่ วันที่ 01 กรกฎาคม 2011, 22:11:57
แวะมาแอบดูครับ คิดถึงคนแถวๆ นี้ คริ คริ  ;D
นึกว่าลืมกันไปแล้ว... ;D ;D


- ยังอยู่ในใจเสมอครับ แค่รอฤกษ์งามยามดีแล้วป๊ะกั๋นเน้อ

...แต่ได้ข่าวว่า ท่านออกไปซิ่งยาก เพราะว่า ผบทบ. คุมมิใช่เหรอ ฮิ ฮิ ฮิ ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Temujin ที่ วันที่ 01 กรกฎาคม 2011, 22:21:05
แวะมาแอบดูครับ คิดถึงคนแถวๆ นี้ คริ คริ  ;D
นึกว่าลืมกันไปแล้ว... ;D ;D


- ยังอยู่ในใจเสมอครับ แค่รอฤกษ์งามยามดีแล้วป๊ะกั๋นเน้อ

...แต่ได้ข่าวว่า ท่านออกไปซิ่งยาก เพราะว่า ผบทบ. คุมมิใช่เหรอ ฮิ ฮิ ฮิ ;D
เขาเลื่อนตำแหน่งแล้วครับ กลายมาเป็นผู้ควบคุมงบลับครับ
 แอบไว้ไหนเห็นหมด เฮ่ย...! ตกเป็นเมืองขึ้นเค้าแล้วต้องทำใจครับ... ;D ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 02 กรกฎาคม 2011, 08:16:17

การทำใจในการลงทุน (5)  โดย ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

    การทำใจเรื่องที่เก้า ก็คือการทำใจไม่ให้เข้าไปเกี่ยวข้องกับหุ้นที่ดูเหมือนจะสามารถทำกำไรได้ง่าย
ในระยะเวลาอันสั้น แต่หุ้นนั้นพิจารณาจากพื้นฐานแล้ว ไม่มีความคุ้มค่าที่จะซื้อเลย นี่ก็คือหุ้นที่อาจ
จะกำลังมี “ข่าวดี” หรือกำลังจะมี “คนเล่น” หรืออะไรก็แล้วแต่ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่อดใจได้ยาก แต่จาก
ประสบการณ์ส่วนตัวแล้ว ผมเห็นว่าเป็นเรื่องที่ไม่คุ้มค่าที่จะทำ บางครั้งเราอาจจะได้กำไรมากกว่าขาด
ทุน แต่มันจะไม่เปลี่ยนแปลงขนาดของพอร์ตอย่างมีนัยสำคัญ แต่ถ้าเราทำบ่อยๆเราจะ “หลงทาง”
และหลุดจากเป้าหมายหลักของการสร้างพอร์ตในระยะยาว

    สุดท้าย แต่ไม่ใช่เรื่องสุดท้ายที่จะต้องทำใจก็คือ เมื่อเราประสบความสำเร็จในการลงทุนมา 2-3 ปี
ก็อย่าเพิ่งเชื่อว่าเราจะชนะต่อไปเรื่อยๆด้วยวิธีการลงทุนที่ทำอยู่ เรามีโอกาสที่จะประสบกับความเลว
ร้ายเสมอ และวันหนึ่งเราก็จะเจอ อย่าเชื่อว่าวิธีการที่ทำอยู่จะถูกต้อง จนกว่าคุณจะใช้มาไม่น้อยกว่า
5-6 ปีขึ้นไป และมันสร้างผลตอบแทนที่น่าประทับใจมาอย่างสม่ำเสมอ
     


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 04 กรกฎาคม 2011, 21:06:19

ตลาดกระทิง (BULL MARKET)

      ช่วงตลาดฯบูมอย่างวันนี้ (4 กค. 54) เขาเรียกว่าเป็นตลาดกระทิง (BULL MARKET)นักลงทุน
ระยะยาวที่มีประสบการณ์ และมีหุ้นอยู่ในพอร์ต เห็นว่าหุ้นตัวใดมีกำไรพอสมควร ก็จะแบ่งขาย หรือ
ทยอยขายออกมาบ้าง (ตามที่ผมได้นำเรียนไว้ในตอนต้นๆของกระทู้นี้) แล้วรอรับกลับตามจำนวนที่
ขายออกไป (อันนี้ผมได้เห็นนักลงทุนรายย่อยอาวุโสในห้องค้าหลายท่านมักจะปฏิบัติกัน จึงจดจำไว้
และได้นำมาถ่ายทอดในกระทู้นี้ นี่แหละครับ คือประสบการณ์) เพราะตลาดฯไม่ได้ขึ้นอย่างเดียว
ท่านนักลงทุนที่ลงทุนในหุ้นมานานๆจะทราบดี  เดี๋ยวตลาดฯก็จะมีการปรับฐานบ้าง เมื่อขายออกไป
แล้ว ตลาดฯปรับฐานลงค่อยเข้าไปรับกลับ

    แต่ถ้าตลาดฯยังไม่ปรับฐาน กลับทะยานขึ้นไปอีก ก็ทยอยขายอีกได้ครับ  อย่างวันนี้หุ้นในพอร์ต
ของผมเปิดตลาดแรง (เขาเรียกว่าเปิดกระโดด) คือ advanc และ top ผมจึงได้แบ่งขายออกไปบ้าง
แล้วครับ  ถ้าไม่ลงมาให้รับ ขึ้นแรงๆอีก ก็แบ่งขายอีก  (หุ้น 2 ตัวนี้ของผมมีต้นทุนไม่สูงครับ)

    ผมเอาวิธีการของผมที่จำมา ได้บันทึกวิธีการกว้างๆไว้แล้ว  วันนี้ได้โอกาส จึงถือโอกาสเอาของจริง
มาถ่ายทอดครับ ที่ระบุชื่อหุ้น ก็เพื่อให้เห็นภาพว่า มีหุ้นเพียง 2 ตัวในพอร์ตของผมที่ขึ้นแรงๆในวันนี้
ทั้งๆที่มีหุ้นในตลาดขึ้นแรงๆเยอะมาก เกือบทุกกลุ่มอุตสาหกรรม โดยเฉพาะกลุ่มธนาคาร  ซึ่งหุ้นใน
กลุ่มธนาคารตอนนี้ผมไม่มีเลยครับ

   


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: ....คนหน้าแหลม.... ที่ วันที่ 07 กรกฎาคม 2011, 16:35:45
AGE ยินดีกะคนมีด้วย ทำนิวไฮ


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: ....คนหน้าแหลม.... ที่ วันที่ 08 กรกฎาคม 2011, 10:40:55
ท่านเต ยังเหลือ TKS บ่นี่ มันดูสดใสไม่เบา  ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Temujin ที่ วันที่ 08 กรกฎาคม 2011, 14:19:49
ท่านเต ยังเหลือ TKS บ่นี่ มันดูสดใสไม่เบา  ;D
ผมถือยาวครับ...หรือจะสักครึ่งมั้ยน้อ... ;D ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: วายุ ที่ วันที่ 08 กรกฎาคม 2011, 15:16:32
โทษทีลงผิดห้อง  เดี๋ยวไปลงห้องผม


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 11 กรกฎาคม 2011, 16:37:01

เมื่อวันจันทร์ที่แล้ว  (4 กค.) ผมขาย advanc และ top ออกไป
วันนี้รับคืน top ได้แล้ว ไม่รู้ว่าเขาจะลงต่อหรือเปล่า แต่ไม่เป็นไร
ผมยังคงมีหุ้นเท่าเดิม แต่เงินในกระเป๋าเพิ่มขึ้น

ส่วน advanc ยังไม่ยอมลงมาให้รับคืนเลย... ;)


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: แมงมุม ที่ วันที่ 11 กรกฎาคม 2011, 17:05:59
PTTCH  ราคาเป้าหมาย 200 บาท


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 13 กรกฎาคม 2011, 11:44:38
แก้วที่พร่องน้ำ
      
   ก่อนที่ผมจะเข้าตลาดฯ ได้ศึกษา อ่านบทความมาพอสมควร มีประโยคหนึ่งที่ผมไม่ค่อยเข้าใจนัก
ก็คือประโยคที่ว่า  นักลงทุนต้องเป็นแก้วที่พร่องน้ำอยู่เสมอ   และเมื่อเข้าตลาดฯ ก็ได้พยายามหา
คำตอบจากนักลงทุนอาวุโส และเพื่อนนักลงทุนในห้องค้า ก็ยังไม่ได้รับความกระจ่างเท่าที่ควร  ต่อ
เมื่อผมได้มีประสบการณ์ในการลงทุนเพิ่มขึ้น  ได้เรียนรู้จากเพื่อนนักลงทุนในห้องค้าที่มีความหลาก
หลายในการลงทุน การซื้อหุ้น รวมทั้งหลากหลายทางด้านความคิด ความเห็น ที่แตกต่างกันไป จึง
มาประมวลด้วยตนเอง และได้ความหมายของประโยคที่ว่า  นักลงทุนต้องเป็นแก้วที่พร่องน้ำอยู่เสมอ  
ออกมาเป็นสองนัย  และก็ขอถ่ายทอดความคิดที่ประมวลได้ มาแบ่งปันกัน เพื่ออาจจะเป็นประโยชน์
สำหรับท่านที่สนใจบ้าง ไม่มากก็น้อย และท่านใดจะเพิ่มเติม  ก็ยินดีครับ
 
   นัยแรก   สำหรับความคิดเห็นของผม  คำว่า  แก้วที่พร่องน้ำ นั้นน่าจะหมายความว่า  เราต้องพร้อมที่
จะลงทุนเพิ่มเสมอเมื่อมีโอกาส  ไม่ซื้อหุ้นลงทุนจนเต็มพอร์ต (หมายความว่าไม่ซื้อหุ้นจนหมดเงิน
จำนวนที่ตั้งใจจะลงทุน)  เพราะเมื่อเกิดวิกฤตในตลาดฯ  หุ้นตกลงมาเยอะๆ เงินเราหมดเสียแล้ว ไม่
มีเงินซื้อของถูก ของ (หุ้น) ที่มีอยู่ในพอร์ตก็ขายไม่ได้ เพราะขาดทุนเยอะ  ความหมายตามนัยนี้ ตาม
ความคิดเห็นของผมนั้น เป็นการคิดตรงๆจากประสบการณ์การลงทุนเลยครับ

    นัยที่สอง   คำว่า แก้วที่พร่องน้ำ น่าจะหมายความว่า เราจะต้องเปิดใจให้กว้าง พร้อมที่จะรับความ
คิดเห็นของผู้อื่นอยู่เสมอไม่ปิดกั้น  กล่าวคือ อย่าไปเชื่อ หรือมั่นใจในตัวเองสุดๆว่า วิธีการ หรือความ
คิดเห็นของเราถูกต้องร้อยเปอร์เซ็นต์  ใครจะบอก ใครจะชี้ ใครจะเห็นเป็นอย่างอื่นก็ไม่รับฟังหรือ
ปฏิเสธไม่ยอมรับฟังทั้งสิ้น  เปรียบดังน้ำเต็มแก้วอยู่ตลอดเวลา ใครเอาน้ำมาเติมอีกไม่ได้ เพราะน้ำจะ
ล้นออกไปโดยเปล่าประโยชน์  และต้องไม่ไปว่ากล่าววิธีการ หรือความคิดเห็นของผู้อื่นด้วยว่าไม่ถูก
ต้อง ดังวลีที่ว่า  ไม่เชื่ออย่าลบหลู่   นั่นแหละครับ  
  
   ควรเป็นแก้วที่พร่องน้ำไว้  เพื่อรับน้ำ  และนำน้ำที่รับนั้นมาหาข้อมูลที่เป็นเหตุผลมาสนับสนุน หรือ
หักล้างอย่างสร้างสรร

   ความหมายตามนัยที่สองที่ผมได้นำเสนอมานี้  น่าจะใช้ได้ทั่วไปในข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ทุกๆธุรกิจ
และสาขาอาชีพนะครับ ไม่จำกัดเฉพาะนักลงทุนเท่านั้น





หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Temujin ที่ วันที่ 13 กรกฎาคม 2011, 14:29:05
ขอเสริมนัยที่ ๒ ของคุณลุงคิวฯ นะครับ...รวมทั้งการติดตามข้อมูลข่าวสารต่างๆ ด้วย

ทั้งศึกษาหาเทคนิคดีๆ กระทั่งเป็นความชำนาญของตนเอง เพราะโลกแห่งการลงทุนมันหมุนอยู่ตลอดเวลา

ไม่ยอมหยุดนิ่ง ความเชื่อ(ศาสตร์)เดิมๆ อาจล้าสมัย นี่แหละที่ทำให้ผมชอบสิ่งนี้ 

สำหรับผมถือหุ้นร้อยเปอร์ฯ ดัง ดร.นิเวศน์ฯ กล่าว และอัดเข้าทุกเดือน

เอาไว้เกษียณตัวเองก่อน จะทำตามนัยแรก นะครับคุณลุงคิวฯ    ;D ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: น้าวัยทองฯ ที่ วันที่ 13 กรกฎาคม 2011, 17:44:15
มาครับ ชนแก้วกัน

(http://2.bp.blogspot.com/_k3K05X_G0Pw/SgF92NtWDLI/AAAAAAAAAKA/WwIdQ_GBQbI/s400/6.jpg)


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: ....คนหน้าแหลม.... ที่ วันที่ 13 กรกฎาคม 2011, 19:18:25
PTTCH  ราคาเป้าหมาย 200 บาท
เป็นหุ้นที่น่าลุ้น ท่านแมงมุม ขยุ้มกำไร วิเคราะห์ตาม technical หรือตามพื้นฐานหรือมีข่าวครับ


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 13 กรกฎาคม 2011, 20:34:20
PTTCH  จะควบรวมกับ PTTAR ในเดือนสิงหาคมนี้ PTTCH ผมขายหมดไปนานแล้ว เหลือแต่
PTTAR นิดหน่อย กำลังจะถามท่านแมงมุมเหมือนกันว่า แล้ว PTTAR น่าจะมีเป้าเท่าใด


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 13 กรกฎาคม 2011, 20:41:14
ขอเสริมนัยที่ ๒ ของคุณลุงคิวฯ นะครับ...รวมทั้งการติดตามข้อมูลข่าวสารต่างๆ ด้วย

ทั้งศึกษาหาเทคนิคดีๆ กระทั่งเป็นความชำนาญของตนเอง เพราะโลกแห่งการลงทุนมันหมุนอยู่ตลอดเวลา

ไม่ยอมหยุดนิ่ง ความเชื่อ(ศาสตร์)เดิมๆ อาจล้าสมัย นี่แหละที่ทำให้ผมชอบสิ่งนี้ 

สำหรับผมถือหุ้นร้อยเปอร์ฯ ดัง ดร.นิเวศน์ฯ กล่าว และอัดเข้าทุกเดือน

เอาไว้เกษียณตัวเองก่อน จะทำตามนัยแรก นะครับคุณลุงคิวฯ    ;D ;D
มาครับ ชนแก้วกัน


นี่แหละครับคือสิ่งที่เราต้องเกื้อกูล ต้องแบ่งปันกัน ไม่มีใครรู้อะไรไปทั้งหมดดอกครับ


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: น้าวัยทองฯ ที่ วันที่ 13 กรกฎาคม 2011, 21:11:46

PTTCH  จะควบรวมกับ PTTAR ในเดือนสิงหาคมนี้ PTTCH ผมขายหมดไปนานแล้ว เหลือแต่
PTTAR นิดหน่อย กำลังจะถามท่านแมงมุมเหมือนกันว่า แล้ว PTTAR น่าจะม้เป้าเท่าใด

ถ้าควบรวมแล้ว จะเกิดอะไรขึ้นครับ


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 13 กรกฎาคม 2011, 21:46:46
 

PTTCH  จะควบรวมกับ PTTAR ในเดือนสิงหาคมนี้ PTTCH ผมขายหมดไปนานแล้ว เหลือแต่
PTTAR นิดหน่อย กำลังจะถามท่านแมงมุมเหมือนกันว่า แล้ว PTTAR น่าจะม้เป้าเท่าใด

ถ้าควบรวมแล้ว จะเกิดอะไรขึ้นครับ
   
    บริษัทฯเมื่อควบรวมกันแล้ว ทำให้บริษัทฯใหญ่ขึ้น ต้นทุนการผลิตลดลง เพราะสายงานการ
ผลิตจะต่อเนื่องกัน ผลกำไรในอนาคตจะดีขึ้น เป็นโอกาสในการสร้างราคาหุ้น

    ยกตัวอย่างบิ๊กซี ที่เข้าเทคโอเวอร์คาร์ฟูร์ ไงครับ บิ๊กซีใหญ่ขึ้น ราคาหุ้นบิ๊กซีจึงได้รับการ
สร้างให้สูงขึ้น จากตอนที่เริ่มมีข่าวการเทคโอเวอร์ ราคาอยู่ที่ประมาณ 50 บาท เมื่อปีที่แล้ว
(ประมาณเดือนมิถุนายน)  มาถึงวันนี้ ราคาสูงสุดที่ 112 บาท ปิดตลาดที่ 106.50 บาท

 


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: น้าวัยทองฯ ที่ วันที่ 13 กรกฎาคม 2011, 21:49:19
แล้วมันจะกลายเป็นตัวไหนครับ

ระหว่าง  PTTCH กับ PTTAR

หรือใช้ชื่อใหม่ไปเลย (ถามแบบไม่รู้เลยครับ)


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 13 กรกฎาคม 2011, 21:53:45

   คู่นี้ได้ชื่อบริษัทฯใหม่แล้ว แต่ผมยังจำไม่ได้ รอดูเถิดครับ ได้ข่าวว่าจะเทรดในชื่อใหม่ในเดือนสิงหาคมนี้


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: น้าวัยทองฯ ที่ วันที่ 13 กรกฎาคม 2011, 21:57:14
สงสัยต้องเตรียมตังแล้วละมั่งนี้ครับ

ขอบคุณครับสำหรับข้อมูล


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: แมงมุม ที่ วันที่ 13 กรกฎาคม 2011, 22:13:21
หุ้นที่ผมเล่นทุกตัว พื้นฐานดีครับ อส่วนใหญ่จะอยู่ใน SET100

และ MAI บางตัว

-----------------------------

ผมเล่นหุ้นอยู่ 2 แบบ

1.) ใช้พื้นฐานเพื่อเลือกหุ้น และใช้เทคนิคเข้าหาจังหวะ

2.) ใช้เทคนิคเล่นรอบ เวลาไม่มีหุ้นให้ถือ

--------------------------------

ผมพึ่งมีเงินเข้าตลาดได้ไม่นาน (เพราะต้องขนเงินทุกบาททุกสตางค์มาซื้อบ้านที่เชียงรายนี่ - -)

ครึ่งนึงถือยาวตามแบบ VI

ครึ่งนึง ซื้อขายตามเทคนิค บริหารหัวใจครับ

.

PTTCH เทคนิคควรไปที่ 200

และ PTTAR เป้าแรก ไปที่ 48 บาท ครับ

.


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: แมงมุม ที่ วันที่ 13 กรกฎาคม 2011, 22:14:08
เพิ่มแีกนิดสำหรับ VI

True ไม่เกิน 2 ปี ราคาควรไปที่ 10 บาท นะครับ

วิเคราะห์อนาคตอะนะ

.


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 15 กรกฎาคม 2011, 15:21:16

หุ้นในพอร์ต กับ ปลาคาร์ฟในบ่อ   
   

   การลงทุนในหุ้น โดยมีหุ้นหลายๆตัว อยู่ในพอร์ต กับการเลี้ยงปลาคาร์ฟหลายๆตัวไว้ในบ่อเดียวกัน
ให้ข้อคิดในเชิงเปรียบเทียบได้ครับ

   กล่าวคือ การเติบโตของหุ้นในพอร์ตแต่ละตัวจะแตกต่างกัน หลายตัวค่อยๆเติบโตขึ้นไล่เลี่ยกันไป
ตามกาลเวลาและเหตุปัจจัยที่เปลี่ยนไป บางตัวก็โตช้าหรือแทบไม่โตเลย บางตัวถอยหลังติดลบดื้อๆ
บางตัวโตเร็วอย่างแทบไม่น่าเชื่อ ล้ำหน้าตัวอื่นไปหลายๆเท่าตัว สร้างผลกำไรให้เจ้าของพอร์ตเป็น
กอบเป็นกำ แต่ก็มีตัวที่ถอยหลังติดลบบ้าง

   ทำนองเดียวกับปลาคาร์ฟที่ผมเลี้ยงไว้ในบ่อเดียวกัน เอามาเลี้ยงพร้อมๆกัน ขนาดไล่เลี่ยกัน แต่การ
เจริญเติบโตไม่เท่ากัน หลายตัวเจริญเติบโตไปตามปกติที่ควรจะเป็น  บางตัวขณะที่เอามาเลี้ยงนั้น
เป็นตัวที่เล็กที่สุด แต่พอ 2 ปีให้หลัง กลับเติบโตขึ้นมาใกล้เคียงกับตัวที่ใหญ่กว่าเมื่อ 2 ปีก่อนอย่างไม่
น่าเชื่อ  และมีอยู่ตัวหนึ่ง ตอนเอามาเลี้ยงใหม่ๆก็มีขนาดไล่เลี่ยกับตัวอื่นทั่วๆไป แต่ก็เล็กกว่าบางตัว
เสียอีก  แต่พอ 2 ปีให้หลัง เจ้าตัวที่ว่านี้ กลับเติบโตแบบก้าวกระโดด มันตัวใหญ่กว่าทุกตัวในบ่อมาก
ทีเดียวครับ มันแทบไม่น่าเชื่อว่าไอ้เจ้าตัวที่ใหญ่กว่ามันเมื่อ 2 ปีก่อนนั้น เดี๋ยวนี้เล็กกว่ามันตั้งเยอะ
แยะ  แต่ปลาคาร์ฟที่ผมนำมาเลี้ยงไว้เมื่อ 2 ปีก่อน มันก็ไม่ได้อยู่รอดมาถึงทุกวันนี้ทุกตัวนะครับ ตาย
ไปบ้างก็มี  (เลี้ยงอยู่บ่อเดียวกัน กินอาหารอย่างเดียวกันทุกตัว)

   ผมนำเรื่อง หุ้นในพอร์ต  กับ ปลาคาร์ฟในบ่อ  มาเล่าสู่กันฟัง เพื่อเป็นอุทธาหรณ์ว่า อะไรๆมันก็ไม่แน่
นอนนะครับ 
        
   และการลงทุนในหุ้นสำหรับนักลงทุนระยะยาว ควรมีหุ้นหลายตัวในพอร์ต เพื่อกระจายความเสี่ยง
ถ้าบางตัวไม่เติบโต หรือติดลบ  ก็ยังมีตัวอื่นที่เติบโตช่วยพยุงพอร์ตไว้ได้  เพราะเราไม่รู้ล่วงหน้าว่าหุ้น
ตัวไหนจะโตเร็ว โตช้า หรือไม่โต หรือติดลบ เราซื้อหุ้นลงทุน เพราะคาดการณ์ว่าจะดี แต่เราอาจคาด
ผิด หรือมีเหตุ มีปัญหาบางอย่างเกิดขึ้นในอนาคต โดยที่เราไม่อาจหยั่งรู้ก็ได้ 





หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: น้าวัยทองฯ ที่ วันที่ 15 กรกฎาคม 2011, 16:16:29
คล้ายๆกับ  ปริศนาธรรม เลยครับ

แต่นี้ต้องเรียกว่า  ปริศนาหุ้น แล้วหละครับ

แต่ว่าปลาตัวนั้นก็โตกว่าเพื่อนจริงๆ หุหุ สีสวยด้วย

ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 15 กรกฎาคม 2011, 20:23:49

พอร์ตหุ้น  กับบ่อปลาคาร์ฟ
   
    สมองกำลังแล่น ขอต่ออีกหน่อยครับ การสร้างพอร์ตหุ้นของผม ใช้เวลาหลายปีครับ กว่าจะเป็นรูป
เป็นร่าง ลองผิดลองถูกมาหลายครั้งพอสมควร กว่าจะเป็นพอร์ตที่ทำให้เจ้าของสบายใจ เวลาเปิดดู
และเวลาขายหุ้นออกไป หรือซื้อหุ้นเข้ามา เกือบถอดใจก็หลายครั้งครับ ผมมีวิธีสร้างพอร์ตหุ้นอย่าง
ไร รายละเอียดให้ท่านลองอ่านกระทู้นี้ตั้งแต่ต้นดูนะครับ

   ทำนองเดียวกับบ่อปลาคาร์ฟ แทบจะเหมือนกันทีเดียวครับ ผมเกือบถอดใจเลิกเลี้ยงปลาคาร์ฟตั้ง
หลายครั้งเหมือนกัน  ขอเรียนว่าการเลี้ยงปลาคาร์ฟนั้น ต้องให้น้ำในบ่อใส เพื่อเราจะได้เห็นตัวปลา
สวยๆว่ายวนไปมา น่าเอ็นดูไงครับ ผมลองผิดลองถูกกับการที่จะทำให้น้ำในบ่อปลาคาร์ฟใสอยู่ตลอด
มาประมาณปีครึ่งจึงประสบความสำเร็จ  รายละเอียดว่าทำอย่างไรคงไม่ลงไว้ในที่นี้นะครับ  ถ้าท่านใด
สนใจไปดูได้ที่บ้าน  และเดี๋ยวว่างๆจะถ่ายรูปปลาคาร์ฟในบ่อ มาให้ดูกัน

   ผมนำเรื่อง พอร์ตหุ้น  กับบ่อปลาคาร์ฟ มาเล่าสู่กันฟัง ก็เพื่อให้เป็นอุทธาหรณ์ ทำนองเดียวกับเรื่อง
หุ้นในพอร์ต กับปลาคาร์ฟในบ่อ นั่นแหละครับ  แต่เรื่องพอร์ตหุ้น กับบ่อปลาคาร์ฟนี้ ให้เป็นอุทธาหรณ์
ว่า ความพยายาม คือความสำเร็จ  ครับ



หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 16 กรกฎาคม 2011, 09:18:35

มาดูบ่อปลาคาร์ฟน้ำใสๆ ปลาคาร์ฟสวยๆกันครับ


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 19 กรกฎาคม 2011, 14:25:28

   เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2554 (หลังเลือกตั้งทั่วไป) ดัชนีดลาดฯได้ปรับขึ้นอย่างแรง พร้อมปริมาณ
การซื้อขายที่สูงเป็นประวัติการณ์ ดัชนีขึ้นไปถึง 1,090 จุด บวกขึ้นไป 50 จุด จากวันก่อนหน้า (30
มิถุนายน 2554 ที่อยู่ที่ประมาณ 1,040 จุด) และได้ปรับฐานลงมาที่ 1,060 จุด (ตัวเลขโดยประมาณ)
ซึ่งอยู่ในความคาดหมายของนักลงทุนที่มีประสบการณ์เยอะๆมาเล้วเช่นท่าน ซาลาเปา ของเรานี่ไงครับ

   
ท่านคิวปิด ผมหวั่นว่า set จะลงมาปิด gap ก่อนล่ะมั้ง เพราะเปิดโด่งเหลืออออเกิน  ;D

   วันนี้ ดัชนีได้กลับมาอยู่ที่ 1,090 จุดอีกแล้ว ในความคิดของผม ผมว่าดัชนีน่าจะกำลังแกว่งตัวขึ้น
นะครับ แต่รอบนี้จะไปถึงไหน ผมไม่อาจคาดการณ์ได้ เพราะไม่ค่อยชำนาญด้านเทคนิคอล ต้องท่าน
เปา หรือท่านแมงมุม มาประมาณการให้ครับ  ส่วนผม รู้เพียงว่าถ้าหุ้นในพอร์ตตัวไหนขึ้นแรงๆอย่างเมื่อ
วันที่ 4 กค. อีกละก็ จะตอนออกมาขายอีกครับ  :D
 


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: แมงมุม ที่ วันที่ 19 กรกฎาคม 2011, 14:35:24
.

โดยเทคนิคแล้ว ขึ้นต่อ....ชัวร์

มองไปเลย 1200 จุด

แนวปรับฐาน 1130 และ 1160 ครับ


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: น้าวัยทองฯ ที่ วันที่ 19 กรกฎาคม 2011, 15:20:05
หาอะไรกอดไว้รอดีหว่า 1200 จุด หุหุ


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: แมงมุม ที่ วันที่ 19 กรกฎาคม 2011, 16:24:19
กอด PTTCH ครับ แนวต้านแรก ให้ 200 บาท (2เดือน)


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: น้าวัยทองฯ ที่ วันที่ 19 กรกฎาคม 2011, 17:07:36
กอด PTTCH ครับ แนวต้านแรก ให้ 200 บาท (2เดือน)

สงสัยจะไม่ไหวครับ งบผมไม่พอ อิอิ


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 19 กรกฎาคม 2011, 17:12:42

BMCL  ไง ตัวเล็กๆ กอดง่าย  :D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 20 กรกฎาคม 2011, 13:18:07
ประสบการณ์ของอาม่า    
    
    เมื่อผมเข้าตลาดฯใหม่ๆและได้เข้าไปนั่งซื้อขายหุ้นที่ห้องค้าของบริษัทหลักทรัพย์ใหญ่แห่งหนึ่ง ที่อาคาร
สินธร ใกล้สวนลุมพินี กรุงเทพฯ ได้มีโอกาสรู้จักเพื่อนนักลงทุนหลายท่านในห้องค้า ท่านหนึ่งเป็น
หญิง เป็นคนไทยเชื้อสายจีน อายุน่าจะมากกว่าแม่ของผม แต่สุขภาพของท่านแข็งแรงมาก ลูกชาย
คนเล็กของท่าน อายุอ่อนกว่าผมประมาณ 5-6 ปี  ผมเรียกท่านว่า อาม่า  คุยกันถูกคอทั้งผม อาม่า และ
ลูกชายอาม่า  

     แต่ในการซื้อขายหุ้น ลูกชายอาม่าและผมซึ่งเป็นมือใหม่ สู้อาม่าไม่ได้เลย  ผมเห็นอาม่าซื้อขายได้
กำไรทุกครั้ง ไม่ว่าจะซื้อขายหุ้นพื้นฐานดี หรือหุ้นปั่น บางทีซื้อตอนเช้า บ่ายๆก็ขายได้ หรือซื้อวันนี้
เก็บไว้สัก 2 – 3 วัน ก็ขายได้กำไรอีกแล้ว หรือบางตัวก็เก็บไว้ 1 อาทิตย์บ้าง 2 อาทิตย์บ้าง แล้วขาย
เมื่อมีกำไร ผมได้ทราบจากเพื่อนนักลงทุนอาวุโสอื่นๆ ว่า อาม่าท่านนี้ได้ซื้อขายหุ้นที่ห้องค้านี้มานาน
มากแล้ว น่าจะเกิน 20 ปี ดูเหมือนว่าไม่ได้ศึกษาเรื่องพื้นฐานหุ้นและด้านเทคนิคมาก่อน ท่านได้เข้า
ห้องค้าซื้อขายหุ้นกับสามี  จนสามีเสียชีวิตก่อนที่ผมจะได้มารู้จักกับท่านประมาณ 1 ปี

     อาม่าได้สอนผมว่า ถ้าซื้อหุ้นแล้วหุ้นมันตก ก็ไม่ต้องตกใจ ให้ถือเอาไว้ ยังไม่จำเป็นต้องใช้เงิน ก็
ยังไม่ต้องรีบขาย เดี๋ยวพอหุ้นขึ้น มีกำไรค่อยขาย  ผมก็รับฟัง และลองทำดู ปรากฏว่าหุ้นที่ผมซื้อมันมัก
จะลงไปเรื่อยๆ ไม่ค่อยขึ้นมาให้ขายได้กำไรเลย แต่หุ้นที่อาม่าซื้อ จะเป็นวงจรอย่างที่ผมเรียนไว้ใน
วรรคที่สองข้างต้น คือไม่วันเดียว ก็ 2 วัน หรือ 1 หรือ 2 อาทิตย์ ก็มีกำไร ขายได้  ผมจึงคอยดูว่า
อาม่าซื้อหุ้นตัวไหนบ้าง ก็ได้เห็นว่า อาม่าได้ซื้อขายหุ้นตัวที่ท่านรู้จักเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นหุ้นพื้นฐานดี
หุ้นบลูชิพ หรือหุ้นปั่น  พอขายออกไปได้กำไร ท่านก็นั่งดู แล้วไอ้ตัวที่ขายได้กำไรนั้น ก็กลับลงมาให้
ท่านได้ซื้อใหม่  แต่ในพอร์ตของอาม่าก็มีหุ้นที่ถือลงทุนไว้เยอะแยะเหมือนกัน ซึ่งท่านเคยเปิดให้ผมดู
ผมว่ามีประมาณเกือบยี่สิบตัวทีเดียว มูลค่าหลายล้านบาท  แต่หลังจากที่ท่านรู้จักกับผมประมาณ 3-4
ปี ท่านก็ไม่ได้ไปที่ห้องค้าอีก เข้าใจว่าคงโอนพอร์ตให้ลูกชายไปแล้ว

     ที่ผมนำมาเล่าสู่กันฟังนี้ เพื่อเป็นอุทธาหรณ์ว่า ประสบการณ์คือครูที่ดีที่สุดครับ  อาม่าท่านนี้ไม่ได้
ใช้พื้นฐาน ไม่ได้ใช้กราฟ ไม่ได้ใช้เทคนิคในการซื้อขายหุ้น   แต่ท่านใช้ประสบการณ์ ความชำนาญ
ล้วนๆเลยครับ  ท่านก็ซื้อขายหุ้นอย่างมีความสุข และมีกำไร หรือจะเรียกวิธีการของอาม่าอย่างนี้ว่า
เป็นศิลปะการค้าหุ้น ก็น่าจะได้นะครับ หรือถ้าจะเรียกว่าเป็น เทคนิค ก็ไม่น่าจะผิด หรือท่านใดจะเรียก
ว่าเป็นพรสวรรค์ ก็ได้ แต่ผมว่ามันเป็น พรแสวง หรือประสบการณ์นั่นแหละครับ ซึ่งต้องใช้เวลาสะสม
กันพอสมควร และผมว่าคงมีนักลงทุนรายย่อยน้อยคนนักที่จะทำได้แบบอาม่า ท่านนี้  
    
    สำหรับผมในปัจจุบัน ผมว่าผมยังมีความสามารถในการซื้อขายหุ้นไม่ได้ครึ่งของอาม่าท่านที่ผมนำ
มาเล่าให้ฟังนี้เลยครับ



หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 21 กรกฎาคม 2011, 09:47:29

เมื่อวานนี้ (20 กค.54) หุ้น ADVANC ขึ้นแรงอีก ผมก็ตอนขายไปอีก หลังจากที่ตอนขายไปเมื่อ 4 กค.
ครั้งหนึ่งแล้ว และไม่ยอมลงไปให้รับคืนเหมือน TOP  เมื่อขึ้นต่อก็ตอนขายต่อ ตามสูตรครับ...


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: vee48 ที่ วันที่ 21 กรกฎาคม 2011, 09:51:25

เมื่อวานนี้ (20 กค.54) หุ้น ADVANC ขึ้นแรงอีก ผมก็ตอนขายไปอีก หลังจากที่ตอนขายไปเมื่อ 4 กค.
ครั้งหนึ่งแล้ว และไม่ยอมลงไปให้รับคืนเหมือน TOP  เมื่อขึ้นต่อก็ตอนขายต่อ ตามสูตรครับ...

แสดงว่ามีเยอะ ;D ;D :o


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 21 กรกฎาคม 2011, 10:01:00

เมื่อวานนี้ (20 กค.54) หุ้น ADVANC ขึ้นแรงอีก ผมก็ตอนขายไปอีก หลังจากที่ตอนขายไปเมื่อ 4 กค.
ครั้งหนึ่งแล้ว และไม่ยอมลงไปให้รับคืนเหมือน TOP  เมื่อขึ้นต่อก็ตอนขายต่อ ตามสูตรครับ...

แสดงว่ามีเยอะ ;D ;D :o

เชื่อว่าไม่เยอะเท่าเจ้าของปังปอนด์ หรือเถ้าแก่อาหลั่ยรถยนต์เชียงกงดอกครับ  :D



หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: vee48 ที่ วันที่ 21 กรกฎาคม 2011, 10:48:07

เมื่อวานนี้ (20 กค.54) หุ้น ADVANC ขึ้นแรงอีก ผมก็ตอนขายไปอีก หลังจากที่ตอนขายไปเมื่อ 4 กค.
ครั้งหนึ่งแล้ว และไม่ยอมลงไปให้รับคืนเหมือน TOP  เมื่อขึ้นต่อก็ตอนขายต่อ ตามสูตรครับ...

แสดงว่ามีเยอะ ;D ;D :o

เชื่อว่าไม่เยอะเท่าเจ้าของปังปอนด์ หรือเถ้าแก่อาหลั่ยรถยนต์เชียงกงดอกครับ  :D


แน่ะ รู้ดีจริงคุณพี่ ;D รู้ได้ไงคะเนี่ย??


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 21 กรกฎาคม 2011, 10:54:04
เห็นมั้ย...! รับสารภาพแต่โดยดี  นักลงทุนต้องหูตากว้างครับ... ;)

แต่ตอนนี้ไม่รู้ว่าท่านเปา กับท่าน เตมูจิน หายไปไหน...?


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: vee48 ที่ วันที่ 21 กรกฎาคม 2011, 10:58:20

เห็นมั้ย...! รับสารภาพแต่โดยดี  นักลงทุนต้องหูตากว้างครับ... ;)

5555 ไม่ได้ปิดบังอะไร ทำงานออกหน้าออกตามันเลี่ยงไม่ได้ ;D เคยมาแวะเวียนเป็นลูกค้ากันบ้างมั้ยคะเนี่ย?? รู้สึกเสียเปรียบยังไงไม่รู้ ;D

ท่านเตนี่คงต้องไปตามที่เซ็นทรัล หรืออาจยุ่งๆเพราะกำลังมีความรัก :D แต่ท่านเปานี่ไม่ทราบจริงๆ สงสัยไปฝึกวิชานินจา 8)


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 21 กรกฎาคม 2011, 18:58:04
    เมื่อกลางวันพิมพ์ตอบไปแล้วว่า เคยไปเป็นลูกค้าอยู่หลายครั้งเหมือนกัน พอตอนเย็นมาดู คำตอบ
ไปไหนหว่า  สงสัยลืมคลิกที่ปุ่ม ตั้งกระทู้  ;)


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: vee48 ที่ วันที่ 21 กรกฎาคม 2011, 19:31:01
   เมื่อกลางวันพิมพ์ตอบไปแล้วว่า เคยไปเป็นลูกค้าอยู่หลายครั้งเหมือนกัน พอตอนเย็นมาดู คำตอบ
ไปไหนหว่า  สงสัยลืมคลิกที่ปุ่ม ตั้งกระทู้  ;)
ถ้าเห็นหน้าต้องจำได้แน่เลยค่ะ ;D เห็นอะไรไม่ดีไม่งามป่าวเนี่ย อย่างเช่นเจ้าของร้านเอาแต่อู้งานเล่นคอมฯ 555 :'( :'(


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: ....คนหน้าแหลม.... ที่ วันที่ 22 กรกฎาคม 2011, 10:00:59

เห็นมั้ย...! รับสารภาพแต่โดยดี  นักลงทุนต้องหูตากว้างครับ... ;)

5555 ไม่ได้ปิดบังอะไร ทำงานออกหน้าออกตามันเลี่ยงไม่ได้ ;D เคยมาแวะเวียนเป็นลูกค้ากันบ้างมั้ยคะเนี่ย?? รู้สึกเสียเปรียบยังไงไม่รู้ ;D

ท่านเตนี่คงต้องไปตามที่เซ็นทรัล หรืออาจยุ่งๆเพราะกำลังมีความรัก :D แต่ท่านเปานี่ไม่ทราบจริงๆ สงสัยไปฝึกวิชานินจา 8)
เสียเปรียบไง นลท สาวสวย Velcome


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: vee48 ที่ วันที่ 22 กรกฎาคม 2011, 12:40:53

เห็นมั้ย...! รับสารภาพแต่โดยดี  นักลงทุนต้องหูตากว้างครับ... ;)

5555 ไม่ได้ปิดบังอะไร ทำงานออกหน้าออกตามันเลี่ยงไม่ได้ ;D เคยมาแวะเวียนเป็นลูกค้ากันบ้างมั้ยคะเนี่ย?? รู้สึกเสียเปรียบยังไงไม่รู้ ;D

ท่านเตนี่คงต้องไปตามที่เซ็นทรัล หรืออาจยุ่งๆเพราะกำลังมีความรัก :D แต่ท่านเปานี่ไม่ทราบจริงๆ สงสัยไปฝึกวิชานินจา 8)
เสียเปรียบไง นลท สาวสวย Velcome
ก็ไม่เคยเห็นหน้าค่าตาคุณพี่ๆทั้งหลายเลยสิคะเนี่ย อย่างน้อยจะได้รู้ว่าต้องเรียกพี่ หรือว่าลุง อิอิ....ว่าแต่หายไปไหนมาพี่เปา พี่คิวเค้าถึงขั้นประกาศตามหากันเลยทีเดียว ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: ....คนหน้าแหลม.... ที่ วันที่ 22 กรกฎาคม 2011, 15:38:23
เรียกไรก็เรียกไปเหอะ เรียกลุงเรียกพี่ขี้ปะติ๋ว สนใจหุ้นดีกว่า ที่พูดๆกันมา ส่วนใหญ่ก็ใช้ได้ ที่เกินหน้าเกินตาก็น่าจะ ลุงแอ๊ด  ;D ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: vee48 ที่ วันที่ 22 กรกฎาคม 2011, 16:57:54
วันนี้ Samart ไม่ทำให้ผิดหวังหลังจากรอมาหลายวัน....


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Temujin ที่ วันที่ 22 กรกฎาคม 2011, 21:44:23
วันนี้ Samart ไม่ทำให้ผิดหวังหลังจากรอมาหลายวัน....

สมหวังกันไปแต่ละท่าน แต่ละคน อย่าลืมมาเผื่อแผ่กันมั่งเด้อ... :D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 23 กรกฎาคม 2011, 10:03:16
เรียกไรก็เรียกไปเหอะ เรียกลุงเรียกพี่ขี้ปะติ๋ว สนใจหุ้นดีกว่า ที่พูดๆกันมา ส่วนใหญ่ก็ใช้ได้ ที่เกินหน้าเกินตาก็น่าจะ ลุงแอ๊ด  ;D ;D

ตอนนี้ลุงแอ๊ดน่ารักมาก  :D 


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 23 กรกฎาคม 2011, 11:26:10
ฟังด้วยดีย่อมได้ปัญญา

   ในห้องค้าของโบรคฯใหญ่ๆในกรุงเทพฯ มีนักลงทุนรายย่อยแทบจะทุกสาขาอาชีพเข้าไป
เทรดหุ้นกันมากมาย มีทั้งแพทย์ วิศวกร สถาปนิก ทนายความ พ่อค้า ผู้รับเหมา ครูอาจารย์
คนขับรถแทักซี่ ฯลฯ มีทั้งขาจร (มาเป็นครั้งคราวเมื่อว่างจากงานอาชีพประจำ) และขาประจำ
ซึ่งปลอดภาระงานประจำ หรือซึ่งออกจากงานประจำมายึดอาชีพเป็นนักลงทุนซื้อขายหุ้นอย่าง
เดียวก็มี

   การได้เข้าห้องค้าใหญ่ๆ ได้พบปะรู้จักผู้คนจากหลากหลายสาขาอาชีพ ทำให้ผมได้เปิดโลก
ทัศน์ในการลงทุนได้กว้างขวางมากยิ่งขึ้น เพราะท่านที่มีวิชาชีพต่างกัน ก็มีมุมมอง วิธีการลง
ทุนที่หลากหลายแตกต่างกันไป แต่มีวัตถุประสงค์ หรือเป้าหมายเดียวกันคือ ซื้อขายหุ้นให้ได้กำไร  
ซึ่งมุมมอง วิธีคิด วิธีการลงทุน ที่ได้จากนักลงทุนที่มาจากหลากหลายวิชาชีพนี้ เป็นการได้
เพิ่มเติมนอกเหนือจากหนังสือ หรือตำราในการลงทุน ซึ่งถ้าเราจะศึกษาเรียนรู้จากหนังสือหรือตำรา
อย่างเดียวย่อมไม่หลากหลายแน่นอน และบางทีเราก็อาจ ยึดติด กับหนังสือหรือตำราที่เรา
ศึกษามาอย่างเดียว ใครจะบอกอย่างไรก็ไม่ฟัง ไม่ยอมรับ เหมือนดั่ง แก้วที่มีน้ำอยู่เต็ม นั่น
แหละครับ

   และการที่เราได้รู้จักคนเพิ่มขึ้นจากหลากหลายสาขาอาชีพ มีมนุษยสัมพันธ์มากขึ้น นอก
เหนือจากเราจะได้มุมมอง วิธีคิด วิธีการลงทุน ตามที่ผมได้กล่าวมาแล้ว เราจะได้สิ่งอื่นเพิ่มมาอีก
หลากหลายครับ ผมขอยกอุทธาหรณ์ ซึ่งได้เกิดกับตัวเอง คือผมมีอาชีพเป็นทนายความ ผม
ก็ได้ลูกความที่เป็นเพื่อนนักลงทุนที่รู้จักกันในห้องค้าด้วย และได้เห็นนักลงทุนที่เป็นพ่อค้า
รถยนต์ พ่อค้าทำกล่องกระดาษ ก็ได้ลูกค้าจากห้องค้าหุ้น และ ฯลฯ ซึ่งพอจะเทียบเคียง
กับสุภาษิตจีนที่ว่า นกไม่มีขน คนไม่มีเพื่อน ขึ้นที่สูงไม่ได้

   และที่สำคัญก็คือ ต้องมีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดี รับฟังผู้อื่นให้มากๆ อย่าให้คนอื่นเขายอมรับเรา
แต่อย่างเดียว ดังพุทธภาษิตที่ว่า สุตสู้สัง ลภเตปัญญัง (ฟังด้วยดีย่อมได้ปัญญา)


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Temujin ที่ วันที่ 23 กรกฎาคม 2011, 12:24:25
+24K เห็นด้วยกับคุณลุงคิวฯ ครับ เราควรออกไปเจอสังคมที่หลากหลาย ปฏิสัมพันธ์กับสังคมภายนอกบ้าง

อย่าให้ทฤษฎีเดิมๆ มาเป็นอัคติปิดกั้นเรา บางครั้งประสปการณ์และทักษะ หาไม่ได้จากตำราครับ

ว่าแต่คุณลุงเป็นทนายความใช่มั้ยครับ  ถ้าเข้าตาจนอาจได้พึ่งพานะครับ...แต่ไม่อยากยุ่งด้วยเลย  

แต่ผมเป็นทะแนะความครับ มีคนบอกว่ายังดีกว่าทนาย(ไม่ได้)ความ...อิอิ ล้อเล่นบ่าดาย... ;D ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 23 กรกฎาคม 2011, 12:54:27
+24K เห็นด้วยกับคุณลุงคิวฯ ครับ เราควรออกไปเจอสังคมที่หลากหลาย ปฏิสัมพันธ์กับสังคมภายนอกบ้าง

อย่าให้ทฤษฎีเดิมๆ มาเป็นอัคติปิดกั้นเรา บางครั้งประสปการณ์และทักษะ หาไม่ได้จากตำราครับ

ว่าแต่คุณลุงเป็นทนายความใช่มั้ยครับ  ถ้าเข้าตาจนอาจได้พึ่งพานะครับ...แต่ไม่อยากยุ่งด้วยเลย  

แต่ผมเป็นทะแนะความครับ มีคนบอกว่ายังดีกว่าทนาย(ไม่ได้)ความ...อิอิ ล้อเล่นบ่าดาย... ;D ;D

ถ้าท่านเข้าตารวย  ผมจะไปพึ่งพาท่าน... :D

ทักษะ และประสบการณ์ เกิดขึ้นได้จากปฏิบัติการจริง  ร้อยรู้ ไม่สู้หนึ่งทำ...


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Temujin ที่ วันที่ 23 กรกฎาคม 2011, 13:54:19

ถ้าท่านเข้าตารวย  ผมจะไปพึ่งพาท่าน... :D

ทักษะ และประสบการณ์ เกิดขึ้นได้จากปฏิบัติการจริง  ร้อยรู้ ไม่สู้หนึ่งทำ...

ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดีซิครับ จะต้อนรับทุกท่านเลย แต่นี่เดือนชนเดือนตั้งแต่ขึ้นมาอยู่เชียงรายแล้ว

บ้านเช่า ข้าวซื้อ น้ำยังหยอดเหรียญครับ อีกหน่อยคงได้ไปเบ่งกินข้ามันไก่ ท่านวายุฟรีเป็นแน่แท้.. ;D ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: ....คนหน้าแหลม.... ที่ วันที่ 24 กรกฎาคม 2011, 23:44:59
วันนี้ Samart ไม่ทำให้ผิดหวังหลังจากรอมาหลายวัน....
ด่านต่อไปวัดใจไฮก่อนหน้า 10.10


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 26 กรกฎาคม 2011, 14:45:25
เพื่อนนักลงทุนในห้องค้าหลักทรัพย์

    ผมได้เรียนแล้วว่า นักลงทุนรายย่อยที่เข้าไปซื้อขายหุ้นในห้องค้าของบริษัทโบรคเกอร์ใหญ่ๆนั้น
มาจากเกือบทุกสาขาอาชีพ  แต่ละท่านก็มีแนวคิด มุมมอง และวิธีการซื้อขาย หรือลงทุนในหุ้นที่แตก
ต่างกันไป แต่ด้วยวัตถุประสงค์เดียวกัน คือซื้อขายหุ้นให้ได้กำไร  ผมจะทยอยบันทึกแนวคิด และวิธี
การ ของนักลงทุนรายย่อยที่มาจากแต่ละสาขาอาชีพ มาเล่าสู่กันฟัง ตามที่ผมได้เคยสัมผัสพูดคุย และ
สังเกตเอา เผื่ออาจจะเป็นประโยชน์สำหรับท่านที่คิดจะเป็นนักลงทุนบ้างนะครับ

    วันนี้เริ่มต้นจากนักลงทุนที่มาจากนายธนาคารก่อนนะครับ เพราะผมได้รู้จักและสนิทสนมกับท่านอยู่
น่าจะมากกว่าคนอื่นๆ นายธนาคารท่านนี้อดีตเป็นผู้จัดการสาขาของธนาคารพาณิชย์ขนาดกลาง
แห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ เมื่อเกษียณอายุแล้วจึงเข้าห้องค้าหุ้น (แต่ดูแล้วท่านน่าจะลงทุนในหุ้นก่อนเกษียณ)

    นายธนาคารท่านนี้ซื้อและถือหุ้นลงทุนระยะยาวมากครับ และไม่ค่อยจะมีการ short sell นัก เมื่อหุ้น
ขึ้นแรงๆ (ท่านจะรอให้หุ้นขึ้นไปเยอะๆแล้วจึงขายออก) และท่านจะได้กำไรเป็นกอบเป็นกำ ซึ่งออกแนว
value investor  แต่บางครั้งหุ้นตัวไหนมีข่าวดีท่านก็จะซื้อเอาไว้ และรอจังหวะขายเหมือนกัน และผม
ก็เห็นท่านตัดขาดทุน (cut loss) บ้าง เท่าที่สังเกต ท่านจะชอบดูข่าวจากจอ  ดูกราฟบ้างนานๆครั้ง

    ผมว่านายธนาคารท่านนี้เป็นนักลงทุนแนว value investor ที่ประสพความสำเร็จทีเดียวครับ และผม
เคยทราบว่ามีหุ้นตัวหนึ่งท่านถือไว้ต้นทุน 5 บาท ผมเห็นหุ้นตัวนั้นวิ่งขึ้นไปถึง 20 บาท ท่านยังไม่ขาย
เลยครับ แต่ตอนหลังหุ้นตัวดังกล่าว ขึ้นไปถึง 30 บาท แต่ไม่ทราบว่าท่านขายไปหรือยัง เพราะระยะ
หลังไม่ค่อยได้เจอกัน  แต่สำหรับหุ้นตัวดังกล่าวผมเคยถือไว้ที่ราคาเฉลี่ย ประมาณ 11 บาท  พอมันวิ่ง
ขึ้นมาถึง 20 บาท ผมก็ทยอยซื้อ ทยอยขาย จนสุดท้ายขายไปที่ 24 บาท หมดโกดัง หุ้นตัวนั้นคือ tvo
ไงครับ
   


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 28 กรกฎาคม 2011, 10:06:23

เพื่อนนักลงทุนในห้องค้าหลักทรัพย์ (๒)
   
    วันนี้เอาเพื่อนนักลงทุนรายย่อยของผมที่เป็นนักการธนาคารอีกท่านหนึ่งมาคุยให้ฟังครับ ท่านเป็น
คนไทยเชื้อสายจีน

    ผมลืมบอกไป เพื่อนนักลงทุนรายย่อยในห้องค้าของผมส่วนใหญ่เป็นคนไทยเชื้อสายจีนประมาณ
90 % ครับ และในห้องค้าฯของบริษัทหลักทรัพย์ใหญ่ๆในกรุงเทพฯ นักลงทุนทั้งรายย่อย รายใหญ่
จะเป็นคนไทยเชื้อสายจีนประมาณ 90 % ชาวต่างชาติชาวเอเซีย ก็มีมาจาก ฮ่องกง ไต้หวัน เป็นส่วน
ใหญ่ ชาวยุโรป อังกฤษ อเมริกัน ก็มีบ้างประปราย

    มาคุยถึงเพื่อนนักลงทุนที่มาจากนักการธนาคารดังกล่าวข้างต้น นะครับ ท่านชื่อ ไฉน (นามสมมติ)
ผมเรียกท่านว่า เฮียไหน ซึ่งท่านมีอายุอานามไล่เลี่ยกับผม ลาออกจากงานธนาคารมาเป็นนักลงทุน
อย่างเดียว ตำแหน่งสุดท้ายในงานธนาคาร เฮียไหนไม่ยอมบอกผม เล่าให้ฟังแต่ว่า เดิมบริษัทหลักทรัพย์
เขาให้เฮียไหนเข้าไปนั่งเทรดหุ้นอยู่ในห้อง VIP ( Very Important Person ) และเมื่อมีสัญญาณให้ซื้อ
หรือขายหุ้นตัวใด นักลงทุนที่อยู่ในห้อง VIP ก็จะซื้อ หรือขายตามสัญญาณ (ไม่ทราบเหมือนกันว่า
เป็นสัญญาณของใคร มาจากไหน เฮียไหนไม่ยอมบอก) เฮียไหนนั่งอยู่ในห้อง VIP ได้ประมาณ 2 หรือ 3 ปี
ขาดทุนไปประมาณเกือบสองล้านบาท

    เฮียไหนเล่าให้ฟังว่า นักลงทุนที่อยู่ในห้อง VIP มีไม่มากนัก และไม่ค่อยจะได้พูดคุยเรื่องสัพเพเหระ
สนุกสนานกันนัก เฮียไหนจึงออกมานั่งนอกห้อง VIP ได้พบปะพูดคุย มีเพื่อนนักลงทุนรายย่อยมากมาย
ในห้องค้า และต่อมาจากที่เฮียไหนขาดทุนเกือบสองล้าน ก็ได้คืนและเริ่มมามีกำไร เฮียไหนบอกว่าระยะหลัง
เฮียไหนจะได้กำไรเฉลี่ยปีละประมาณสามแสนบาท บางปีก็ได้ถึงหกแสนบาท (จากหุ้นหนึ่งตัว)

    เฮียไหนมีหุ้นอยู่หลายตัว แต่ละตัวจะถือไว้ประมาณ 2- 3 ปี เมื่อหุ้นตัวใดตกหนักๆเฮียไหนจะซื้อเพิ่ม
ตลอด และพอหุ้นตัวไหนในพอร์ตเริ่มเป็นขาขึ้น เฮียไหนจะรอให้ขึ้นเต็มที่แล้วจึงขาย ส่วนใหญ่จะขาย
ไม่เกิน 3 ครั้ง ก็หมดพอร์ต กำไรประมาณ 50 % - 150 % ของราคาเฉลี่ย

    เฮียไหนบอกผมว่าต้องอดทนกับมัน (หุ้น) อดทนไปแล้วจะประสพความสำเร็จ การจะเล่น day 
trade มันยากมาก แต่บางทีผมก็เห็นเฮียไหนเล่น day trade บ้างเหมือนกัน แต่นานๆครั้ง 



หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Neo_G ที่ วันที่ 30 กรกฎาคม 2011, 21:52:53
สนใจ อยากเล่นหุ้นกับเปิ้ลตั้งเมินละ แต่ใจไม่ถึงเพราะมีตังค์อันน้อยนิด
สงสัยต้องหาความรู้จากห้องนี้ไปก่อนเนาะ


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 01 สิงหาคม 2011, 17:50:50

เพื่อนนักลงทุนในห้องค้าหลักทรัพย์ (๓)

   นักลงทุนที่มาจากอาชีพแพทย์ และวิศวกร ทั้งอาชีพแพทย์ และวิศวกร นี้ นับว่าเป็นบุคคลชั้นมัน
สมองของชาติ เพราะการสอบคัดเลือกเข้าเรียนต่อในสถาบันอุดมศึกษา (มหาวิทยาลัย) นั้น ทั้งสาขา
แพทย์ และวิศวกรรม จะเป็นสาขาที่มีผู้ที่เรียนเก่งๆสอบติดเข้าไปทั้งนั้น

   ผมได้รู้จักนักลงทุนรายย่อยที่เป็นแพทย์อยู่หลายท่าน มีทั้งท่านที่เข้าห้องค้าทุกวัน และหลายๆวัน
เข้าสักครั้ง เท่าที่สังเกต นักลงทุนที่เป็นแพทย์นี้ จะไม่ค่อยดูทางด้านเทคนิคนัก ส่วนใหญ่จะถือหุ้น
กันยาวๆ แต่ก็มีบางท่านจะจับจังหวะการซื้อหุ้น ซื้อได้แล้วบางทีก็เห็นรีบขายออกไปในราคาที่ซื้อมา
โดยยอมเสียค่าคอมฯ ท่านบอกว่าตลาดๆไม่ค่อยดี แต่อยากเล่น พอซื้อเข้าไปแล้ว ดูท่าไม่ไหว จึง
ต้องขายออก ยอมเสียค่าคอมฯ ดีกว่าถือไว้ข้ามวัน อาจเสียมากกว่า ซึ่งตอนนั้นผมเพิ่งเข้าตลาดฯใหม่ๆ
ยังมองทิศทางใดๆไม่ค่อยออก  และคุณหมอท่านนี้เข้าห้องค้า เทรดหุ้นทุกวัน ดูท่านมีความสุขกับการ
เทรดหุ้นมาก ได้ความจากเพื่อนนักลงทุนท่านอื่นๆ ว่าปัจจุบันท่านยึดอาชีพเทรดหุ้นอย่างเดียว
และเข้าห้องค้ามานานแล้ว อายุอานามคงไล่เลี่ยกับผม แต่ผมรู้จักตลาดหุ้นช้ากว่าท่านมาก

   ส่วนนักลงทุนรายย่อยที่มาจากอาชีพวิศวกร ก็รู้จักอยู่ 2-3 ท่าน นักลงทุนที่มาจากอาชีพวิศวกรนี้ ดู
จะชอบศีกษาเรื่องเทคนิคมากเป็นพิเศษ คงเป็นเพราะร่ำเรียนมาอย่างนั้น แต่เวลาซื้อหุ้น ผมก็เห็นท่าน
ที่มาจากอาชีพวิศวกรก็จะซื้อหุ้นพื้นฐานดี และเห็นท่านจับจังหวะในการซื้อเช่นกัน และไม่ซื้อครั้งละ
เยอะ (ใช้ทยอยซื้อ)  นักลงทุนที่มาจากอาชีพวิศวกรที่ผมรู้จักนั้น มีท่านหนึ่งเข้าห้องค้าทุกวัน และจะ
ใช้เวลาส่วนใหญ่ดูกราฟ ไม่ค่อยได้เห็นท่านดูหุ้นมันวิ่งขึ้นวิ่งลงเหมือนท่านที่เป็นหมอเท่าใดนัก และ
ก็เห็นท่านมีความสุขกับการดูกราฟหุ้นทุกวันครับ อายุอานามของวิศวกรนักลงทุนท่านนี้ก็พอๆกับผม
เช่นกัน

   แพทย์ กับวิศวกร ที่ผมรู้จัก ที่เล่ามานี้ มีวิธีการลงทุนที่ดูจะแตกต่างกันไม่มากนัก คุณหมอไม่ค่อย
จะดูกราฟ คุณวิศวกรชอบดูกราฟ แต่จะเหมือนกันตรงที่คอยจับจังหวะ และมีวัตถุประสงค์เดียวกัน คือ
ลงทุนให้ได้กำไร...


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 03 สิงหาคม 2011, 20:31:40
การปลูกต้นไม้ การทำงาน การลงทุน      

    เมื่อ พ.ศ. 2545  ผมปลูกบ้านที่เชียงรายเสร็จ ก็เอาต้นอโศกขนาดสูงประมาณครึ่งเมตร มาปลูกไว้
ในบริเวณบ้าน  6 ต้น  เพราะผมเป็นคนชอบต้นอโศกมานานแล้ว ชอบที่เป็นไม้ยืนต้นที่มีลำต้นตรง ไม่ค่อย
แผ่กิ่งก้านสาขาออกมาเกะกะมากนัก  ในจำนวน  6 ต้นนี้ มีต้นที่ปลูกแล้วต้องขุดย้ายที่ปลูกใหม่อยู่ 1
ต้น อีก 5 ต้น ปลูกแล้วไม่ได้ขุดย้ายไปไหนเลย

    จำได้ว่าต้นที่ขุดย้ายนั้น  ได้ขุดย้ายอยู่ 2 ครั้ง แต่ละครั้งห่างกันประมาณ 2  - 3 เดือน เพราะไม่ถูก
ใจทำเลที่ปลูก  ซึ่งการขุดย้ายต้นไม้ที่กำลังจะเริ่มฟื้นตัวนั้น  ทำให้ต้นไม้นั้นชะงักการเจริญเติบโต เมื่อ
ขุดเอาไปปลูกใหม่ก็ต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งกว่าต้นไม้นั้นจะฟื้นและเริ่มเจริญเติบโตใหม่  เนื่องจากราก
ของต้นไม้ได้รับผลกระทบจากการขุดนั่นเอง เจ้าต้นอโศกต้นที่ผมขุดย้ายที่ปลูกถึง 2 ครั้ง ดังกล่าว จึง
ชะงักการเจริญเติบโตไปพอสมควร เป็นเหตุให้มันโตไม่เท่ากับอีก 5 ต้นที่เอามาพร้อมๆกัน   ซึ่ง
ปัจจุบัน (พ.ศ. 2554 ) เวลาผ่านมา 9 ปี ไอ้เจ้าต้นที่ขุดย้ายที่ปลูกถึง 2 ครั้งนั้น  มันสูงไม่ถึงครึ่งของ
อีก 5 ต้น ที่ปลูกแล้วไม่ได้ขุดย้ายไปไหนเลย ซึ่งเจ้า 5 ต้นดังกล่าวแต่ละต้นสูงประมาณตึก 3 ชั้นนั่น
แหละครับจึงต้องตัดยอดออกไปต้นละประมาณเมตรครึ่ง

    เมื่อประมาณกลางปี 2553 ได้เอาอโศกมาปลูกอีก 6 ต้น  ถึงต้นปี 2554 ทั้ง 6 ต้น กำลังงามไล่เลี่ย
กัน เอาอีกแล้วครับ ผมขุดย้ายเจ้าต้นที่งามที่สุดอีกแล้ว  ผลก็คือหลังจากนั้นประมาณ 5-6 เดือน เจ้า
ต้นที่งามที่สุดที่ถูกขุดย้ายนั้น บัดนี้มันยังสูงแค่ครึ่งเมตรเท่ากับตอนเอามาปลูกใหม่ๆ ขณะที่อีก 5 ต้นที่
เอามาพร้อมๆกันนั้น สูงประมาณเมตรครึ่งถึงสองเมตรครึ่งทีเดียว

    ผมเอาเรื่องการปลูกต้นอโศกในบ้านมาเล่าให้ฟัง ก็เพื่อจะมาเทียบเคียงกับการทำงาน  หรือการลง
ทุน ว่าเมื่อเราตั้งใจจะทำอาชีพอะไรแล้ว จงมุ่งมั่น อดทนทำไป อย่าเปลี่ยนงาน หรือเปลี่ยนอาชีพ
บ่อยๆ เพราะถ้าเปลี่ยนใหม่ เราก็ต้องไปเริ่มต้นเรียนรู้ใหม่อยู่ตลอดเวลา เราจะประสบความสำเร็จในชีวิต
ช้าออกไป  เฉกเช่นเดียวกับการลงทุนในหุ้น  ก็ต้องมุ่งมั่นอดทน  ถ้าหาข้อมูลได้จนมั่นใจว่าธุรกิจใดที่
เราจะซื้อหุ้นลงทุนด้วยนั้นมั่นคง มีอนาคตดีแล้ว ก็ซื้อหุ้นลงทุนกับธุรกิจนั้นๆตามวิธีที่เราถนัด หรือ
เห็นว่าเหมาะสม และติดตามดูการเปลี่ยนแปลง ทิศทางการเจริญเติบโตของธุรกิจ การขึ้นลงของหุ้น
เพื่อเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากหุ้นที่เราลงทุนอยู่ และเพื่อปรับพอร์ตการลงทุนให้เหมาะสมกับการ
เปลี่ยนแปลงแต่ละช่วงไป

    แต่หุ้นในพอร์ตของเราจะเติบโตไม่เท่ากันดอกครับ แม้จะซื้อเข้าพอร์ตพร้อมๆกัน  เช่นเดียวกับปลา
คาร์ฟในบ่อที่ผมเลี้ยงอยู่ก็เติบโตไม่เท่ากัน ที่ผมเคยนำมาเล่าให้ฟังใน « ตอบ #245 เมื่อ: วันที่ 15
กรกฎาคม 2011, 15:21:16 »นั่นแหละครับ  คงพอจะอนุมานได้ว่า การเจริญเติบโตของหุ้นใน
พอร์ตอาจจะพอเทียบเคียงกับปลาคาร์ฟในบ่อได้  แต่เอาไปเทียบเคียงกับต้นไม้ไนบ้านคงไม่ได้.....



  





หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: vee48 ที่ วันที่ 04 สิงหาคม 2011, 13:04:25
วันนี้เจ้ยจะสอย Pttar เป็นกำลังใจให้เจ้ยด้วยนะคะทุกคน >:(


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 04 สิงหาคม 2011, 13:47:56
วันนี้เจ้ยจะสอย Pttar เป็นกำลังใจให้เจ้ยด้วยนะคะทุกคน >:(

สอยมาเลย เป็นเพื่อนกัน ปันผลระหว่างกาล 0.84 บาท /จ่าย 30 สค. รอควบรวม Pttch ด้วย...

น้าแอ๊ด ค่อยทยอยขายเน้อ... ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: vee48 ที่ วันที่ 04 สิงหาคม 2011, 14:49:49
วันนี้เจ้ยจะสอย Pttar เป็นกำลังใจให้เจ้ยด้วยนะคะทุกคน >:(

สอยมาเลย เป็นเพื่อนกัน ปันผลระหว่างกาล 0.84 บาท /จ่าย 30 สค. รอควบรวม Pttch ด้วย...

น้าแอ๊ด ค่อยทยอยขายเน้อ... ;D
ขอบคุณค่ะ เจ้ยได้พวกแล้ว เจ้ยก็สบายใจ 555 ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: ....คนหน้าแหลม.... ที่ วันที่ 04 สิงหาคม 2011, 14:54:08
samart ในที่สุดก้ทาลุ 10.10
pttar pttch เอาใจช่วยเน้อ


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: vee48 ที่ วันที่ 04 สิงหาคม 2011, 14:57:48
samart ในที่สุดก้ทาลุ 10.10
pttar pttch เอาใจช่วยเน้อ

ไม่เอากะเค้าด้วยเหรอคะคุณพี่ ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: ....คนหน้าแหลม.... ที่ วันที่ 04 สิงหาคม 2011, 15:00:15
samart ในที่สุดก้ทาลุ 10.10
pttar pttch เอาใจช่วยเน้อ

ไม่เอากะเค้าด้วยเหรอคะคุณพี่ ;D
ตอนนี้มี loxley ตัวเดียว สามารถราคานี้บ่อยากได้แล้ว ตะวาถูกกว่านี้ไม่ยอมเก็บเอง ฮ่าๆ


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: ....คนหน้าแหลม.... ที่ วันที่ 04 สิงหาคม 2011, 15:02:41
ลืมไป มี global  อีกตัว อิอิ นอกนั้นฟรี


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: ....คนหน้าแหลม.... ที่ วันที่ 04 สิงหาคม 2011, 15:33:18
หุ้นตัวไหนจะขึ้นแรง นอกจากพื้นฐานดีโดยทั่วไปแล้ว ยังต้องมีข่าวหรือ story ให้ติดตามด้วยนะ ว่าม่ะเพื่อนๆ


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 04 สิงหาคม 2011, 16:00:42
หุ้นตัวไหนจะขึ้นแรง นอกจากพื้นฐานดีโดยทั่วไปแล้ว ยังต้องมีข่าวหรือ story ให้ติดตามด้วยนะ ว่าม่ะเพื่อนๆ

แม่นแล้วครับ  ;D

และนอกเหนือจากที่ท่านเปาว่าแล้ว  ยังมีปัจจัยอีกคือ ความต้องการของผู้ถือหุ้นรายใหญ่และเครือข่ายฯ
รวมทั้งเจ้าของธุรกิจนั้นๆด้วย ที่จะสร้างราคาหุ้นไปเท่าไร ทิศทางใด.....


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: ....คนหน้าแหลม.... ที่ วันที่ 04 สิงหาคม 2011, 16:37:45
samart samtel มาตอน set ผันผวนหนัก ร้ายจริงๆ


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: แมงมุม ที่ วันที่ 04 สิงหาคม 2011, 18:21:55
samart ในที่สุดก้ทาลุ 10.10
pttar pttch เอาใจช่วยเน้อ

--------------------------

มันต้องขึ้นสิ อีก 2 เดือนนี่แหละ


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 05 สิงหาคม 2011, 10:26:28

วันนี้ ช้อปปิ้งของถูก... :)


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: ....คนหน้าแหลม.... ที่ วันที่ 05 สิงหาคม 2011, 10:28:40

วันนี้ ช้อปปิ้งของถูก... :)
ต้องใจเย็นๆและเลือกสินค้าให้ถูกตัวด้วย 555+
อาจเป็นตัวเดิมๆที่สุดฮอตที่ผ่านมานั่นแหละ


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: vee48 ที่ วันที่ 05 สิงหาคม 2011, 11:10:14
โชคดีของเจ้ยจริงๆ ที่เมื่อวานไม่ได้ซื้อ หุหุ ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: ....คนหน้าแหลม.... ที่ วันที่ 05 สิงหาคม 2011, 11:11:46
โชคดีของเจ้ยจริงๆ ที่เมื่อวานไม่ได้ซื้อ หุหุ ;D
แล้วเจ้ยจะซื้อตอนไหนล่ะทีนี้ อิอิ
เล่นแรงแดงเดือดในรอบหลายปีเลยล่ะ


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: vee48 ที่ วันที่ 05 สิงหาคม 2011, 11:17:06
โชคดีของเจ้ยจริงๆ ที่เมื่อวานไม่ได้ซื้อ หุหุ ;D
แล้วเจ้ยจะซื้อตอนไหนล่ะทีนี้ อิอิ
เล่นแรงแดงเดือดในรอบหลายปีเลยล่ะ
เจ้ยเริ่มซื้อแระจ๊ะ ตอนนี้รอ M ไม้สุดท้ายอยู่ ลุ้นๆ


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: ....คนหน้าแหลม.... ที่ วันที่ 05 สิงหาคม 2011, 11:19:57
โชคดีของเจ้ยจริงๆ ที่เมื่อวานไม่ได้ซื้อ หุหุ ;D
แล้วเจ้ยจะซื้อตอนไหนล่ะทีนี้ อิอิ
เล่นแรงแดงเดือดในรอบหลายปีเลยล่ะ
เจ้ยเริ่มซื้อแระจ๊ะ ตอนนี้รอ M ไม้สุดท้ายอยู่ ลุ้นๆ
set เสียทรงไปเลย ถ้าไม่บาวด์


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: แมงมุม ที่ วันที่ 05 สิงหาคม 2011, 11:20:28
ไม่ซื้อวันนี้ จะซื้อวันไหนครับ


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 05 สิงหาคม 2011, 11:22:21
โชคดีของเจ้ยจริงๆ ที่เมื่อวานไม่ได้ซื้อ หุหุ ;D

เฮงแล้ว เจ้ย...! :D   (ชื่อเจ้ยจริงหรือเปล่า ผมก็มีเพื่อนชื่อเจ้ยคนหนึ่ง ใช่เพื่อนผมหรือเปล่าเนี่ย... ;))


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: ....คนหน้าแหลม.... ที่ วันที่ 05 สิงหาคม 2011, 11:23:12
ไม่ซื้อวันนี้ จะซื้อวันไหนครับ
จะมี aftershock ตามมาป่าว


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 05 สิงหาคม 2011, 11:24:26
ไม่ซื้อวันนี้ จะซื้อวันไหนครับ

ผมว่า set ไม่น่าหลุด 1,090 จุด บวก ลบ นิดหน่อยนะ...


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: ....คนหน้าแหลม.... ที่ วันที่ 05 สิงหาคม 2011, 11:26:59
ไม่ซื้อวันนี้ จะซื้อวันไหนครับ

ผมว่า set ไม่น่าหลุด 1,090 จุด บวก ลบ นิดหน่อยนะ...
ครับ ตอนนี้คนที่อ่านแนวโน้มได้ และรู้ว่าควรซื้อตัวไหน ตอนไหน น้ำลายไหล


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: vee48 ที่ วันที่ 05 สิงหาคม 2011, 11:28:38
โชคดีของเจ้ยจริงๆ ที่เมื่อวานไม่ได้ซื้อ หุหุ ;D

เฮงแล้ว เจ้ย...! :D   (ชื่อเจ้ยจริงหรือเปล่า ผมก็มีเพื่อนชื่อเจ้ยคนหนึ่ง ใช่เพื่อนผมหรือเปล่าเนี่ย... ;))
นั่นน่ะสิคะ 555

แต่เจ้ยว่า จากกราฟ(มั่วๆของเจ้ย) มันเข้าเขต oversold แล้วนะคะ หากไม่มีปัจจัยซ้ำเติม ก็ไม่น่าจะเลวร้ายกว่านี้ ??? ???


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 05 สิงหาคม 2011, 11:33:07
โชคดีของเจ้ยจริงๆ ที่เมื่อวานไม่ได้ซื้อ หุหุ ;D

เฮงแล้ว เจ้ย...! :D   (ชื่อเจ้ยจริงหรือเปล่า ผมก็มีเพื่อนชื่อเจ้ยคนหนึ่ง ใช่เพื่อนผมหรือเปล่าเนี่ย... ;))
นั่นน่ะสิคะ 555

แต่เจ้ยว่า จากกราฟ(มั่วๆของเจ้ย) มันเข้าเขต oversold แล้วนะคะ หากไม่มีปัจจัยซ้ำเติม ก็ไม่น่าจะเลวร้ายกว่านี้ ??? ???

กำลังรอ M เจ้า Esso อยู่ ตัวนี้เล่นแรง ...!


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: แมงมุม ที่ วันที่ 05 สิงหาคม 2011, 11:40:23
.

ไม่ลงครับ

เพราะมีแค่ข่าวนี้ข่าวเดียว

โดยเทคนิคแล้ว ถ้ามีข่าวร้ายมาซ้ำก้อ ลงไปที่ 1060 และ 1000 ตามรอยเดิมครับ

แต่เชื่อว่าอยู่แค่นี้แหละ

ขนาดผมยังไม่กล้วเลย ซื้อไว้เมื่อวานเพิ่ม

รู้งี้ซื้อวันนี้ดีกว่า อิอิ

ปล.นี่ห้องลงทุนระยะยาวนะ อิอิ กลัวอะไรกับโอกาส


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 05 สิงหาคม 2011, 11:50:04

กลัวเสียโอกาสน่ะซี... :D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 05 สิงหาคม 2011, 11:54:03

ท่านแอ๊ดปันผลระหว่างกาล 4.17 บาท/2 กย.

แกล้งลงนิดหน่อยแล้วขึ้นมาใหม่... ;)


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: singhato ที่ วันที่ 05 สิงหาคม 2011, 16:01:21
สอบถามว่าเอารูปลงยังไงครับผมเอาลงไม่ได้(โลโก้หนะ) ???


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: vee48 ที่ วันที่ 05 สิงหาคม 2011, 16:25:17

ท่านแอ๊ดปันผลระหว่างกาล 4.17 บาท/2 กย.

แกล้งลงนิดหน่อยแล้วขึ้นมาใหม่... ;)
อ้าวไม่ใช่ 16 สค. หรือคะพี่คิว


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: vee48 ที่ วันที่ 05 สิงหาคม 2011, 16:28:21
โชคดีของเจ้ยจริงๆ ที่เมื่อวานไม่ได้ซื้อ หุหุ ;D

เฮงแล้ว เจ้ย...! :D   (ชื่อเจ้ยจริงหรือเปล่า ผมก็มีเพื่อนชื่อเจ้ยคนหนึ่ง ใช่เพื่อนผมหรือเปล่าเนี่ย... ;))
นั่นน่ะสิคะ 555

แต่เจ้ยว่า จากกราฟ(มั่วๆของเจ้ย) มันเข้าเขต oversold แล้วนะคะ หากไม่มีปัจจัยซ้ำเติม ก็ไม่น่าจะเลวร้ายกว่านี้ ??? ???

กำลังรอ M เจ้า Esso อยู่ ตัวนี้เล่นแรง ...!
ตัวนี้แรงดีค่ะ กราฟตัดลงทุกเส้น อิอิ สอยไปรึยังคะพี่คิว?? ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 05 สิงหาคม 2011, 16:35:37

มาไม่ถึง ตั้งไว้ 10.80  สงสัยต้องให้เกิดอาฟเตอร์ช็อคอาทิตย์หน้า... :D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: vee48 ที่ วันที่ 05 สิงหาคม 2011, 16:46:30

มาไม่ถึง ตั้งไว้ 10.80  สงสัยต้องให้เกิดอาฟเตอร์ช็อคอาทิตย์หน้า... :D
ช็อคบ่อยๆไม่ไหวนะคะ ตายพอดี :'( วันนี้จากเมื่อวานบวกๆ ปอดแดงแจ๋เลยวันนี้ ติดลบมากมายหลายตัว :'(


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 05 สิงหาคม 2011, 17:06:32

ท่านแอ๊ดปันผลระหว่างกาล 4.17 บาท/2 กย.

แกล้งลงนิดหน่อยแล้วขึ้นมาใหม่... ;)
อ้าวไม่ใช่ 16 สค. หรือคะพี่คิว

16 สค. ขึ้น XD จ่าย 2 กย. จ้า...


มาไม่ถึง ตั้งไว้ 10.80  สงสัยต้องให้เกิดอาฟเตอร์ช็อคอาทิตย์หน้า... :D
ช็อคบ่อยๆไม่ไหวนะคะ ตายพอดี :'( วันนี้จากเมื่อวานบวกๆ ปอดแดงแจ๋เลยวันนี้ ติดลบมากมายหลายตัว :'(

มันเกิดแน่ อาฟเตอร์ช็อคน่ะ ต้นอาทิตย์หน้า set ยังไม่เขียวหรอก เห็นไหมว่า set มันดีดขึ้นมาปิด 1,093.63 จุด
ขณะที่วันนี้ทำ low ที่ 1,077.12 จุด  อาฟเตอร์ช็อค อาทิตย์หน้าไม่น่าต่ำกว่า low วันนี้ ยกเว้น มี story ใหม่... ;)


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: vee48 ที่ วันที่ 05 สิงหาคม 2011, 17:15:36
เอ้อ ดูแต่วันขึ้น XD  ;D ขอบคุณนะค้าา งานนี้ก็คงต้องยาวไปค่ะ คงอีกหลายวันกว่าจะกลับมาเข้าที่เข้าทางดังเดิม


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: ....คนหน้าแหลม.... ที่ วันที่ 08 สิงหาคม 2011, 10:08:02
....AFTERSHOCK....


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 08 สิงหาคม 2011, 10:20:12

เมื่อวันศุกร์ซื้ออะไรไม่ได้ซักอย่าง  วันนี้ไม่รู้จะได้รึเปล่า...!? ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: ....คนหน้าแหลม.... ที่ วันที่ 08 สิงหาคม 2011, 10:23:07

เมื่อวันศุกร์ซื้ออะไรไม่ได้ซักอย่าง  วันนี้ไม่รู้จะได้รึเปล่า...!? ;D
wait n see 


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 08 สิงหาคม 2011, 10:28:35
ตลาดตก เป็นโอกาสในการหาซื้อหุ้นพื้นฐานดีๆ  

ไม่ใช่เป็นโอกาสดีในการซื้อหุ้น .....!


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: ....คนหน้าแหลม.... ที่ วันที่ 08 สิงหาคม 2011, 10:38:49
ตลาดตก เป็นโอกาสในการหาซื้อหุ้นพื้นฐานดีๆ  

ไม่ใช่เป็นโอกาสดีในการซื้อหุ้น .....!
สามารถ พอไหวม่ะ ท่านคิว วิเคราะห์วิจารณ์หน่อย  ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 08 สิงหาคม 2011, 11:06:16
ตลาดตก เป็นโอกาสในการหาซื้อหุ้นพื้นฐานดีๆ  

ไม่ใช่เป็นโอกาสดีในการซื้อหุ้น .....!
สามารถ พอไหวม่ะ ท่านคิว วิเคราะห์วิจารณ์หน่อย  ;D

ตัวนี้ พื้นฐานดีแน่ครับ แต่ผมไม่รู้นิสัยเขา เมื่อก่อนนานแล้วเคยตั้งรับ แต่ไม่เคยได้สักที

ดูจากการเทรด 1- 2 อาทิตย์มานี้ ขึ้นมาจาก ประมาณ 9 บาท ไปสูงสุดที่ 10.60 บาท เมื่อ วันพฤหัสฯ
นับว่าขึ้นมาเร็วมาก ถ้าผมรับ ผมจะรับที่ประมาณ 9.50 บาท เฉพาะวันนี้ ถ้าไม่ได้ พรุ่งนี้ดลาดตกอีก
ก็ต้องลดราคาลงอีกครับ :)



หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: แมงมุม ที่ วันที่ 08 สิงหาคม 2011, 13:10:06
.

โอย โอ๊ยยย

ต้องขออภัยที่คาดการณ์ผิด

..

.

วันนี้ลงไปที่แนวรับที่2 ที่ 1060 ตามที่คาด

ถ้าข่าวนี้ร้ายกว่าที่คิด ก็ไปรอรับที่ 1020 และ 1000 นะครับ...


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 08 สิงหาคม 2011, 13:45:24
.

โอย โอ๊ยยย

ต้องขออภัยที่คาดการณ์ผิด

..

.

วันนี้ลงไปที่แนวรับที่2 ที่ 1060 ตามที่คาด

ถ้าข่าวนี้ร้ายกว่าที่คิด ก็ไปรอรับที่ 1020 และ 1000 นะครับ...

ภาวะตลาดหุ้น ไม่มีใครคาดการณ์แนวโน้มได้ถูกต้องทุกครั้งดอกครับ.....!

การคาดการณ์ภาวะตลาดหุ้นยากยิ่งกว่าการประมาณการค่าก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างใดๆ หรือการประเมิน
แนวโน้มสิ่งอื่นๆ ก็สามารถทำได้ง่ายกว่าการคาดการณ์ภาวะตลาดหุ้นเป็นไหนๆ... ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: น้าวัยทองฯ ที่ วันที่ 08 สิงหาคม 2011, 17:36:42
ขอบคุณท่าน cupid มากนะครับ ที่โทรมาบอกผมก่อน


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 08 สิงหาคม 2011, 19:11:31
ขอบคุณท่าน cupid มากนะครับ ที่โทรมาบอกผมก่อน

ยินดีครับ ท่านเป็นคนหนุ่ม อายุยังน้อย มีความตั้งใจขวนขวายหาความรู้และข้อมูลดีมาก ผมอยากให้ท่าน
ประสบความสำเร็จในการลงทุน ไม่อยากให้เสียกำลังใจ

ผมจึงเอาประสบการณ์ตรงของผมมาเตือนไว้ จากเมื่อวันศุกร์เห็นท่านว่าจะถือยาว ก็ใจหาย(จริงๆนะครับ)
คิดว่าจะบอกท่านยังไงดี  วันนี้ตลาดตก เห็นท่าไม่ดี จึงโทร.ไปหา....!


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: ⒷⒼ* ที่ วันที่ 08 สิงหาคม 2011, 19:14:14
ถ้าซื้อทองคำแท่ง ตอนนี้เป็นไงบ้างครับ ช่วยวิเคราะให้หน่อย ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Temujin ที่ วันที่ 08 สิงหาคม 2011, 19:19:49
เข้ามาให้กำลังใจทุกท่านครับ ตอนนี้มูลค่าพอร์ตแต่ละท่านเป็นอย่างไร

ของผม -1.05 เปอร์ฯ แล้ว แต่ก็พอมีกระแสเงินสดพอสวนถ้าสบโอกาสกับจิตใจที่มุ่งมั่น.. ;D ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 08 สิงหาคม 2011, 19:46:40
ถ้าซื้อทองคำแท่ง ตอนนี้เป็นไงบ้างครับ ช่วยวิเคราะให้หน่อย ;D

ผมมีประสบการณ์เกี่ยวกับทองคำไม่มาก เคยซื้อขายทองรูปพรรณหลายครั้ง ครั้งหลังสุดซื้อที่บาทละ
ประมาณ 4,000 - 5,000 บาท (นานมากแล้ว) ขายไปเมื่อมันมาถึงบาทละ 15,000 บาท แล้วไม่ได้ซื้อ
อีกเลย

ถ้ามีเงินเย็นก็น่าซื้อไว้ ทยอยซื้อก็ได้ครับ ท่านยังหนุ่มอายุยังน้อย ถือยาวววววไปเลย ทองคำยังไงๆก็
ดีแน่ครับ ช่วงนี้ราคาสูงไปหน่อย ถ้ากลัวมันจะขึ้นไปอีก ซื้อนิดหน่อยก่อน รอให้ราคาปรับตัวลงมาใกล้ๆ
20,000 ค่อยซื้อเพิ่ม แต่ถ้าไม่ลงก็ไม่ต้องเสียดายว่าซื้อน้อยไป ถ้าไม่เดือดร้อนเรื่องเงิน ซื้อเพิ่มได้เรื่อยๆ
ตามกำลังทรัพย์ครับ

ให้ท่านวัยทองฯมาเพิ่มเติมให้บ้าง ขานี้เขาซื้อทองคำเก็บอยู่เหมือนกัน... ;)


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: ⒷⒼ* ที่ วันที่ 08 สิงหาคม 2011, 19:49:45
ถ้าซื้อทองคำแท่ง ตอนนี้เป็นไงบ้างครับ ช่วยวิเคราะให้หน่อย ;D

ผมมีประสบการณ์เกี่ยวกับทองคำไม่มาก เคยซื้อขายทองรูปพรรณหลายครั้ง ครั้งหลังสุดซื้อที่บาทละ
ประมาณ 4,000 - 5,000 บาท (นานมากแล้ว) ขายไปเมื่อมันมาถึงบาทละ 15,000 บาท แล้วไม่ได้ซื้อ
อีกเลย

ถ้ามีเงินเย็นก็น่าซื้อไว้ ทยอยซื้อก็ได้ครับ ท่านยังหนุ่มอายุยังน้อย ถือยาวววววไปเลย ทองคำยังไงๆก็
ดีแน่ครับ ช่วงนี้ราคาสูงไปหน่อย ถ้ากลัวมันจะขึ้นไปอีก ซื้อนิดหน่อยก่อน รอให้ราคาปรับตัวลงมาใกล้ๆ
20,000 ค่อยซื้อเพิ่ม แต่ถ้าไม่ลงก็ไม่ต้องเสียดายว่าซื้อน้อยไป ถ้าไม่เดือดร้อนเรื่องเงิน ซื้อเพิ่มได้เรื่อยๆ
ตามกำลังทรัพย์ครับ

ให้ท่านวัยทองฯมาเพิ่มเติมให้บ้าง ขานี้เขาซื้อทองคำเก็บอยู่เหมือนกัน... ;)

คิดว่าภายใน 1-2 เดือนนี้ ทองจะลดอีกไหม  ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 08 สิงหาคม 2011, 19:52:01
เข้ามาให้กำลังใจทุกท่านครับ ตอนนี้มูลค่าพอร์ตแต่ละท่านเป็นอย่างไร

ของผม -1.05 เปอร์ฯ แล้ว แต่ก็พอมีกระแสเงินสดพอสวนถ้าสบโอกาสกับจิตใจที่มุ่งมั่น.. ;D ;D

ลบนิดเดียวเองนี่นา  นักลบมาเต็มกระดานตั้ง 2 วันแล้ว  :D

ของผมยังบวกๆอยู่  นักลบตอนนี้ทำอะไรผมไม่ได้... ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 08 สิงหาคม 2011, 19:56:56
ถ้าซื้อทองคำแท่ง ตอนนี้เป็นไงบ้างครับ ช่วยวิเคราะให้หน่อย ;D

ผมมีประสบการณ์เกี่ยวกับทองคำไม่มาก เคยซื้อขายทองรูปพรรณหลายครั้ง ครั้งหลังสุดซื้อที่บาทละ
ประมาณ 4,000 - 5,000 บาท (นานมากแล้ว) ขายไปเมื่อมันมาถึงบาทละ 15,000 บาท แล้วไม่ได้ซื้อ
อีกเลย

ถ้ามีเงินเย็นก็น่าซื้อไว้ ทยอยซื้อก็ได้ครับ ท่านยังหนุ่มอายุยังน้อย ถือยาวววววไปเลย ทองคำยังไงๆก็
ดีแน่ครับ ช่วงนี้ราคาสูงไปหน่อย ถ้ากลัวมันจะขึ้นไปอีก ซื้อนิดหน่อยก่อน รอให้ราคาปรับตัวลงมาใกล้ๆ
20,000 ค่อยซื้อเพิ่ม แต่ถ้าไม่ลงก็ไม่ต้องเสียดายว่าซื้อน้อยไป ถ้าไม่เดือดร้อนเรื่องเงิน ซื้อเพิ่มได้เรื่อยๆ
ตามกำลังทรัพย์ครับ

ให้ท่านวัยทองฯมาเพิ่มเติมให้บ้าง ขานี้เขาซื้อทองคำเก็บอยู่เหมือนกัน... ;)

คิดว่าภายใน 1-2 เดือนนี้ ทองจะลดอีกไหม  ;D

ผมว่าน่าจะลงใกล้ๆ 20,000 ในช่วงปลายปี  แล้วใกล้ตรุษจีนน่าจะขึ้นมาใหม่ (ความคิดเห็นส่วนตัวครับ
อาจไม่ลงเลยก็ได้)  ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: น้าวัยทองฯ ที่ วันที่ 08 สิงหาคม 2011, 19:58:58
งานเข้าเลยครับท่าน  แต่ยินดีที่จะตอบครับ

ก็ซื้ออยู่บ้างครับ ตั้งแต่บาทละ 12,000 บาท มีไม่เยอะเท่าไหร่

ถ้าจะซื้อทอง ต้องตอบว่าจะซื้อแบบไหนก่อนครับ

เช่นทองคำรูปพรรณ หรือทองคำแท่ง หรือ ทองคำกระดาษ (โกลฟิวเจอร์)

ถ้าซื้อทองคำรูปพรรณ อันนี้ไม่ต้องตัดสินใจมากครับ ซื้อไปเลย

ยังไงก็เก็บไว้ใช้อยู่แล้ว เพราะโดนค่ากำเน็จหลายบาทไม่คุ้มที่จะลงทุนครับ

แต่ถ้าจะเป็นทองคำแท่ง อันนี้ต้องรู้ก่อนครับว่าเชียงรายเรามีขายเช่นกัน 1 5 10 บาท เป็นต้น

แต่มันโดนบวกค่าขนส่งอีกประมาณ 250+ ขายก็โดนหักออก

ถ้าซื้อแล้วเกร็งกำไรระยะสั่นนี้ลำบากครับ นอกจากจะไปซื้อที่ กทม หรือแหล่งผลิต

เพราะโดนหักค่าบล๊อคเพียงไม่กี่บาท

แต่ถ้าลงทุนระยะยาวนี้ ซื้อได้เลยครับ เพราะ ทองสภาพคล่องสูงพอสมควร

แต่ตอนนี้ก็คงต้องรอให้ราคามันย่อตัวลงมาปรับฐานอีกสักนิดครับแล้วค่อยเข้าซื้อ

อนาคตราคาทองคำน่าจะทะลุไป 2000 เหรียญ ก็เป็นได้ครับ

อย่างเชื่อผมมากนะครับ การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจ

(แต่เราสามารถลดความเสี่ยงได้โดยการศึกษาและทำความเข้าใจครับ)

ขอบคุณครับที่มีโอกาสได้ตอบ



หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: น้าวัยทองฯ ที่ วันที่ 08 สิงหาคม 2011, 20:01:33
เออ ลืมแนะนำ ลองดูช่อง http://www.moneychannel.co.th/มีประโยชน์มากครับ


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: ⒷⒼ* ที่ วันที่ 08 สิงหาคม 2011, 20:23:24
ขอบคุณทุกท่านนะครับ  ถามเฉยๆ ตังส์ยังไม่ค่อยมีหรอก  ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 09 สิงหาคม 2011, 10:17:01

วันนี้ ตลาดฯลงหนัก หนาวมั้ย... :o


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: แมงมุม ที่ วันที่ 09 สิงหาคม 2011, 10:32:50
-13%  ตัดขาดทุนแย้ว

รอที่ 1000


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: vee48 ที่ วันที่ 09 สิงหาคม 2011, 12:36:09
ใครพาเจ้ยส่งโรงพยาบาลที เจ้ยเลือดสาดลุกไม่ไหว :'(


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 09 สิงหาคม 2011, 12:44:19
ใครพาเจ้ยส่งโรงพยาบาลที เจ้ยเลือดสาดลุกไม่ไหว :'(

ถูกนักลบค่ายไหนทำร้ายเอาบ้างล่ะ...!? :D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: vee48 ที่ วันที่ 09 สิงหาคม 2011, 12:56:40
ใครพาเจ้ยส่งโรงพยาบาลที เจ้ยเลือดสาดลุกไม่ไหว :'(

ถูกนักลบค่ายไหนทำร้ายเอาบ้างล่ะ...!? :D
หลายค่ายเลยค่ะ เอ่ยไม่หมด....แงงงงงงงงง Pttar สอยมาวันก่อน วันนี้เกือบเป็นลม แงงงงงง


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 09 สิงหาคม 2011, 13:17:30

แค่เกือบเป็นลม ไม่เป็นไร เก็บไว้ก่อน รักแล้ว รอหน่อย... :)

วันนี้ผมเพิ่งสอย ESSO มานิดหน่อย รอ M อีก 1 order  ถ้าไม่ M อาจได้ day trade ที่ได้มาแล้ว  ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 09 สิงหาคม 2011, 14:24:32

ดัชนีหุ้นหั่งเส็ง ฮ่องกง ตองนี้เหลือติดลบ 460 จุด จากเมื่อเช้าลงไปต่ำสุดติดลบ 1,600 กว่าจุด

ดาวโจนส์ฟิวเจอร์ตอนนี้บวก 250 กว่าจุด

หุ้นไทยบ่ายนี้น่าจะรีบาวน์ตาม... :)


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: น้าวัยทองฯ ที่ วันที่ 09 สิงหาคม 2011, 15:20:16

ดัชนีหุ้นหั่งเส็ง ฮ่องกง ตองนี้เหลือติดลบ 460 จุด จากเมื่อเช้าลงไปต่ำสุดติดลบ 1,600 กว่าจุด

ดาวโจนส์ฟิวเจอร์ตอนนี้บวก 250 กว่าจุด

หุ้นไทยบ่ายนี้น่าจะรีบาวน์ตาม... :)

อ่านๆดูแล้ว ถ้าไม่ดูหัวกระทู้นี้สงสัยจะเป็นห้องลงทุนสั้นซะแล้ว ฮาๆๆๆ


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 09 สิงหาคม 2011, 19:38:45

ดัชนีหุ้นหั่งเส็ง ฮ่องกง ตองนี้เหลือติดลบ 460 จุด จากเมื่อเช้าลงไปต่ำสุดติดลบ 1,600 กว่าจุด

ดาวโจนส์ฟิวเจอร์ตอนนี้บวก 250 กว่าจุด

หุ้นไทยบ่ายนี้น่าจะรีบาวน์ตาม... :)

อ่านๆดูแล้ว ถ้าไม่ดูหัวกระทู้นี้สงสัยจะเป็นห้องลงทุนสั้นซะแล้ว ฮาๆๆๆ

ขออภัยครับ กดผิด สับสนไปหน่อย ว่าจะเอาไปลงที่กระทู้ >>> เก็งกำไร เล่นหุ้น ลงทุนสั้น หมั่นติดจอ <<<   :-[


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 13 สิงหาคม 2011, 10:08:52

เราจะสอนใครด้วยเรื่องอะไร จงทำเรื่องนั้นให้เกิดกับตัวเองเสียก่อน จึงจะเป็นนักสอนที่ไม่ยุ่งเหยิง

    ประโยคนี้ ผมได้รับการอบรมฯจากท่านพระธรรมโกษาจารย์ (หลวงพ่อปัญญานันทะ) อดีตเจ้าอาวาส
วัดชลประทานรังสฤษดิ์ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี  เมื่อนานมาแล้ว สมัยที่ผมอุปสมบทเป็นพระนวกะ อยู่ที่
วัดชลประทานฯ เป็นเวลา 1 พรรษา โดยมีหลวงพ่อฯเป็นพระอุปัชฌาย์ ปัจจุบันท่านมรณภาพแล้วครับ

    ความหมายของประโยคนี้ก็คือ ไม่ว่าเราจะทำอะไรก็ตามก็ต้องมุ่งมั่น พยายาม ทุ่มเท คลุกคลี กับ
เรื่องนั้นๆให้รู้จริง ทั้งทฤษฎี และปฏิบัติให้เกิดความชำนาญ จนเราประสบความสำเร็จในเรื่องนั้นๆใน
ระดับที่น่าพอใจ  ถ้าใครสนใจใคร่รู้ในเรื่องราวความเป็นมาว่าเราประสบความสำเร็จได้อย่างไร เราก็
สามารถที่จะอธิบาย แยกแยะ ขั้นตอนต่างๆที่ทำให้เราประสบความสำเร็จนั้นได้อย่างมั่นใจ เพื่อให้ผู้
ที่สนใจ ต้องการทำ ได้นำไปคิด พิจารณา ศึกษา หรือนำไปประยุกต์ให้เกิดความสำเร็จบ้าง

    ถ้าเรายังไม่ประสบความสำเร็จในระดับที่น่าพอใจ ก็เท่ากับเรารู้ในเรื่องนั้นๆเพียง งูๆปลาๆ ถ้าเราจะ
ถ่ายทอดออกมา เราก็จะขาดความมั่นใจ หรือถ่ายทอดออกมาในลักษณะรับฟังผู้อื่น แล้วมาบอกต่อ
โดยที่เราไม่ได้ทำเอง ปฏิบัติเอง เราก็จะสับสนในการอธิบาย ชี้แจง เข้าลักษณะเป็นพยานบอกเล่า
ในศาล ซึ่งไม่มีน้ำหนักในการใช้ดุลพินิจวินิจฉัยคดีของศาล ไม่เหมือนกับประจักษ์พยาน ที่รู้เห็นเรื่อง
ราวที่เกิดขึ้น แล้วไปให้การเป็นพยานในศาล ที่มีน้ำหนักมากที่สุด นั่นแหละครับ

    ในเรื่องการลงทุนในหุ้นนี้ ผมก็ล้มลุกคลุกคลานมาพอสมควร จนในปัจจุบัน อยู่ในระดับพออยู่พอกิน
เป็นความพอใจของผมในระดับหนึ่ง ผมนึกถึงคำสั่งสอนของหลวงพ่อปัญญาฯ ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์ของ
ผมนั้น จึงได้นำเสนอประสบการณ์ในการลงทุนของผมมาเพื่อท่านที่สนใจได้อ่าน นำไปประยุกต์ใช้ให้
เหมาะสมกับลักษณะของแต่ละท่าน ขอให้ท่านนักลงทุนอดทน สะสมประสบการณ์ ความชำนาญ กัน
ไว้เยอะๆนะครับ และก็ขอขอบคุณ เชียงรายโฟกัส ที่ทำให้ผมได้มีโอกาสถ่ายทอดประสบการณ์นี้

    ยังไม่ไปไหนครับ ผมเป็นสมาชิกเชียงรายโฟกัสเมื่อ ๑ เมษายน ๒๕๕๔ ได้ขอบคุณเชียงรายโฟกัส
มาแล้วหลายครั้ง ในบอร์ดซื้อขายรถยนต์ ซื้อขายของจิปาถะทั่วไป แต่ยังไม่ได้ขอบคุณบอร์ดนี้เลย
ซึ่งผมได้รับเกียรติให้เป็นผู้ดูแลบอร์ดนี้เป็นคนแรก จึงถือโอกาสในวันนี้มาขอบคุณครับ ;)


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 13 สิงหาคม 2011, 14:59:56

เพื่อนนักลงทุนในห้องค้า (๔)

   เพื่อนนักลงทุนในห้องค้าของผมอีกท่านหนึ่ง ที่ดูแล้วประสบความสำเร็จมาก ผมขอเรียกท่านว่า
เฮียหวัง (นามสมมติ) เป็นคนไทยเชื้อสายจีน อายุมากกว่าผม 1 รอบ (12 ปี) ผมไม่กล้าละลาบละ
ล้วงถึงอาชีพเดิมของท่าน ก่อนที่ท่านจะมาเป็นนักลงทุน

   เฮียหวังมีหุ้นในพอร์ตเยอะมาก ประมาณว่าเกิน 20 ตัว (ประเมินจากที่พูดคุยกัน ไม่ได้เคยเห็นพอร์ต
ของท่าน) รู้จักกันมาหลายปีในห้องค้า ไม่เคยเห็นเฮียหวังเล่น day trade สักครั้งเดียว แม้ว่าหุ้นที่เพิ่ง
ซื้อในวันนั้นจะวิ่งขึ้นปรู๊ดปร๊าดอย่างไรก็ตาม

   เฮียหวังจะลงทุนซื้อหุ้นพื้นฐานดี มีปันผลทุกตัว เมื่อเกิดวิกฤติ ตลาดหุ้นตก เฮียหวังจะเข้าซื้อหุ้น
ทุกครั้ง โดยใช้วิธีทยอยซื้อหุ้นที่มีอยู่แล้วในพอร์ต ใช้เงินครั้งละประมาณ 20,000 - 30,000 บาท ต่อ
การทยอยซื้อหุ้น 1 ตัว (ซึ่งผมได้แนวทางนี้มาจากเฮียหวังนี่แหละครับ) และเฮียหวังจะจดบันทึกลง
วันเดือนปีที่ซื้อ จำนวน และราคาที่ซื้อในแต่ละครั้ง แยกตามบัญชีหุ้นรายตัวที่เฮียหวังจัดทำขึ้นเอง
ละเอียดมากครับ เมื่อหุ้นขึ้นไปจากราคาที่ซื้อครั้งใด มีกำไรพอสมควรจึงขายออก แล้วก็บันทึกวันเดือน
ปี ราคาที่ขายเอาไว้ในบรรทัดเดียวกับที่บันทึกราคาซื้อนั่นแหละครับ

   แต่เท่าที่เห็น โดยมากเฮียหวังจะรอรับปันผลก่อน และเมื่อหุ้นขึ้นไปอีกหลังจากวันที่หุ้นขึ้นเครื่อง
หมาย xd หรือในวันที่หุ้นขึ้นเครื่องหมาย xd แล้วหุ้นยังยืนราคาอยู่ได้ เฮียหวังก็ขายออก แต่ก็ไม่ได้
ขายทั้งหมดที่มีอยู่ เฮียหวังใช้วิธีทยอยขายเช่นเดียวกับตอนซื้อ เฮียหวังบอกว่ารับปันผลแล้วเรายังได้
เครดิตภาษีอีก ดีกว่านำเงินไปฝากธนาคาร ซึ่งรับแต่ดอกเบี้ยอย่างเดียว ซึ่งผมเห็นด้วยอย่างยิ่ง และ
ในปัจจุบันดอกเบี้ยธนาคารก็ต่ำเตี้ยเรี่ยดินเสียเหลือเกิน สู้ลงทุนในหุ้นปันผลไม่ได้

   เมื่อหลายปีก่อนเฮียหวังรับเงินปันผลจากการลงทุนปีละประมาณ 300,000 บาท เศษ รับเครดิตภาษี
เงินปันผลปีละประมาณ 100,000 บาท เศษ ไม่รวมส่วนต่างจากการซื้อขายหุ้น ซึ่งผมไม่อาจรู้ได้ และ
ไม่อาจละลาบละล้วงถาม ที่รู้ว่าเฮียหวังรับปันผลเท่าใด เพราะเฮียหวังบอกเอง เนื่องจากในห้องค้านั้น
เพือนนักลงทุนจะคุยกันอยู่ ไม่ทราบว่าปัจจุบันเฮียหวังจะรับเงินปันผลปีละเท่าใด

   เฮียหวังเป็นคนโสด ไม่มีครอบครัว อายุมากแล้ว แต่ยังแข็งแรง นั่งรถเมล์ไป - กลับ ห้องค้าทุกวัน
ให้การอุปการะหลานๆไว้หลายคน ไม่รู้ว่าตอนนี้ยังเดินทางไปที่ห้องค้าอยู่หรือเปล่า เพราะผมไม่ได้
ไปห้องค้าประมาณ 2 ปีแล้ว




หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 14 สิงหาคม 2011, 12:07:42
เพื่อนนักลงทุนในห้องค้า (๕)               
       

    เฮียเหลา เป็นคนไทยเชื้อสายจีน เป็นเพื่อนนักลงทุนในห้องค้าของผมอีกท่านหนี่ง ที่ดูจะประสบ
ความสำเร็จในการลงทุนในหุ้นพอๆกับเฮียหวัง  แต่รูปแบบวิธีการลงทุนของเฮียเหลาแตกต่างจากเฮีย
หวังโดยสิ้นเชิง กระนั้นทั้งเฮียเหลาและเฮียหวัง ก็เป็นเพื่อนต่างวัยที่ถูกคอกันอย่างยิ่ง (เฮียเหลาอายุ
ไล่เลี่ยกับผม ส่วนเฮียหวัง อายุมากกว่าผม 1 รอบ ) ข้อแตกต่างอีกอย่างหนึ่งของทั้งสองท่านคือ เฮีย
เหลาไม่รับประทานเนื้อวัว ส่วนเฮียหวังนั้นชอบรับประทานก๋วยเตี๋ยวเนื้อวัวเป็นชีวิตจิตใจ ทั้งสองจะ
ออกไปรับประทานอาการกลางวันด้วยกันเสมอๆ แต่ถ้าวันใดที่เฮียหวังจะกินก๋วยเตี๋ยวเนื้อวัว ก็จะต่าง
คนต่างไป   ส่วนความชอบที่เหมือนกันของทั้งสองท่านก็คือ ทั้งสองท่านชอบดื่มเบียร์เหมือนกัน

     รูปแบบวิธีการลงทุนของเฮียเหลา เข้าลักษณะ ลงทุนแบบเก็งกำไร หรือลงทุนระยะสั้น เฮียเหลาจะ
ไม่ถือหุ้นนาน (ส่วนใหญ่จะไม่เกิน 1 สัปดาห์) เฮียเหลาบอกกว่าถือนานเป็นความเสี่ยงสูง ซึ่งแตก
ต่างจากเฮียหวังโดยสิ้นเชิง เฮียเหลามักจะหาจังหวะและโอกาสในช่วงเกิดวิกฤต ตลาดฯตกแรงๆ
(หรือหุ้นที่เฮียเหลาติดตามอยู่ตกแรงๆ )เข้าซื้อหุ้น ครั้งละหลายแสนบาท ครั้งเดียว ถ้าวันที่ซื้อหุ้นนั้น
หุ้นเกิดตกลงไปอีก (แม้เพียง 1-2 ช่อง) เฮียเหลาจะขายออกทันที (ตัดขาดทุนในวันเดียว)
ไม่ถือข้ามวัน แต่ถ้าซื้อแล้ว หุ้นขึ้นไปสัก 5-6 ช่อง ได้กำไร เฮียเหลาก็ขายออกในวันเดียว เช่นกัน
แต่ในตอนเย็นปิดตลาด หุ้นที่ซื้อไว้ทรงตัวหรือขึ้นไป 1-2 ช่อง เฮียเหลาก็จะถือไว้ รอประมาณไม่เกิน
1 สัปดาห์ได้กำไรจึงขายออก  เท่าที่สังเกตดู เฮียเหลาจะไม่ค่อยดูกราฟเท่าใด  แต่ผมว่าเฮียเหลา
อาศัยประสบการณ์ในตลาดหุ้นมานานกว่าสิบปี ในการซื้อขายหุ้น คล้ายๆกับ อาม่า ที่ผมเคยเล่าให้ฟัง
มาแล้วนั่นแหละครับ
     
     นอกจากการลงทุนในหุ้นแล้ว เฮียเหลายังลงทุนซื้อขายทองคำอีกด้วย  และก็ดูเหมือนว่าเฮีย
เหลาจะประสบความสำเร็จในการลงทุนซื้อขายทองคำ เช่นเดียวกับการลงทุนในตลาดหุ้น  แต่ผมไม่
ค่อยได้รู้วิธีการการลงทุนในทองคำของเฮียเหลามากนัก  จึงไม่อาจนำเสนอมาเล่าสู่กันฟังได้
     
     และการที่ผมเอาเรื่องราวของเฮียเหลา กับเฮียหวังมาเล่าสู่กันฟังในช่วงเดียวกันนี้ ก็เพื่อให้ท่านผู้
อ่านได้เปรียบเทียบว่าการลงทุนในหุ้นนั้นมีวัตถุประสงค์ตรงกัน คือต้องการได้กำไร แต่รูปแบบวิธีการ
อาจแตกต่างกันไป ซึ่งรูปแบบ วิธีการของเฮียเหลานั้น ต้องใช้ประสบการณ์สูงมากทั้งต้องมีไหวพริบ
มากด้วยครับ ส่วนรูปแบบและวิธีการของเฮียหวัง ก็ต้องใช้ประสบการณ์มาก่อนเช่นกัน  และให้ท่านผู้
อ่านได้เห็นว่า ผู้ที่มีความถนัดที่แตกต่างกัน วัยที่แตกต่างกันมาก หรือการรับประทานอาหารที่แตกต่าง
กัน ก็สามารถคบเป็นเพื่อนที่ถูกคอกันได้ครับ ขอเพียงแต่อย่าไปยกตนข่มท่าน บอกว่าของข้าดีกว่าของ
เอ็ง ของเอ็งไม่ดี เท่านั้นเองครับ



หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: น้าวัยทองฯ ที่ วันที่ 14 สิงหาคม 2011, 13:03:25
พอดีไปอ่านเจอที่ห้องนั่งเล่น

ผมอ่านดูแล้ว ถึงแม้มันจะตลก และ ทะลึ่งนิดหน่อย

แต่มันแผงอะไรบางอย่างอยู่ในนั้น

โดนเฉพาะการมองบริษัทที่เราจะลงทุนในระยะยาว

มันเป็นการยกตัวอย่างแบบง่ายๆ เข้าใจง่าย แต่นำไปปรับใช้ได้จริง

ต้องขออนุญาตเจ้าของกระทู้นี้ที่นำมาลงด้วยครับ

และต้องขออนุญาตท่าน cupid ด้วยนะครับ ที่ใช้พื้นที่ของท่าน


จาก Fwd ใน board pantip ห้องสินธร  laugh1
 
 
ก่อนอื่นดิฉันขอสาบานว่าสิ่งที่ดิฉันพูดเป็นความจริงค่ะ ดิฉันอายุ 25 ปีค่ะ ความสูง 170 ซม. น้ำหนัก 50 กิโล ส่วนสัด 34-24-36 ผมยาว หน้าตาจัดว่าสวยมาก เซ็กซี่ มีรสนิยม ดิฉันอยากจะแต่งงานกับผู้ชายรายได้สักสองแสนบาทอัพต่อเดือนสักคน คุณอย่าเพิ่งมองฉันโลภนะคะ รายได้ประมาณสองแสนเนี้ยแค่ชนชั้นระดับกลางๆในห้องสินธรหรือวงการตลาดหุ้นเอง ฉันไม่ได้เรียกร้องมากไปใช่ไหมคะ มีใครในพันทิพ ห้องสินธรนี้ที่รายได้เกินสองแสนบ้างคะ พวกคุณแต่งงานไปกันหมดหรือยัง กรุณาช่วยตอบดิฉันทีค่ะ คือดิฉันอยากแต่งงานกับคนรวยๆ อย่างพวกคุณ พวกที่ดิฉันคบด้วยนี่มีแต่พวกธรรมดาๆ รายได้อย่างมากไม่เกินสามหมื่นเอง รายได้แค่นี้จะอุตริไปซื้อบ้านแถวสีลมเนี่ย ยังได้แค่มองเลยใช่ไหมคะ ดิฉันมีคำถามดังนี้ค่ะ กรุณาช่วยตอบด้วยนะคะ

1. หลังจากตลาดหุ้นปิด พวกคุณมักไปต่อที่ไหนกันคะ (ชื่อร้าน , ผับ , fitness, ฯลฯ)
2. ถ้าจะแอบมองสาว คุณจะมองสาววัยไหนคะ
3. ทำไมคนที่แต่งงานกับคนรวยๆถึงมีแต่พวกอาซิ่มเฉิ่มๆ รสนิยมห่วยๆล่ะคะ  
4. คุณใช้อะไรเป็นเกณฑ์ในการเลือกคนที่คุณจะแต่งงานด้วยคะ

------------------------  love

หลังจากนั้นไม่เกิน 30 นาที ก็มีเมล จากชายหนุ่มคนนึงส่งมาถึงเจ้าหล่อนว่า:  
ถึงคุณสุดสวยครับ...
หัวข้อกระทู้ของคุณน่าสนใจมากครับ และคงมีผู้หญิงหลายคนมีคำถามเดียวกันกับคุณ ขออนุญาตตอบคำถามในมุมมองของคนเล่นหุ้นแบบผมนะคับ
รายได้ของผมจากการเป็นนักวิเคราะห์หลักทรัพย์และลงทุนในตลาดหุ้นมากว่า 10 ปี อยู่ที่ประมาณห้าแสนบาท ต่อเดือนขาดเหลือนิดหน่อย ซึ่งก็น่าจะผ่านเกณฑ์ของคุณ ดังนั้นผมเชื่อว่าคำตอบของผมน่าจะไม่ทำให้คุณเสียเวลาอ่านนะครับ

จากมุมมองของผมซึ่งเป็นนักธุรกิจ การที่แต่งงานโดยเลือกเฉพาะที่ความสวยเพียงอย่างเดียวนั้น ถือว่าเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด คำตอบนั้นง่ายมาก อธิบายตามตรง จากข้อมูลที่คุณให้มา คุณพยายามจะเน้นจุดแข็งของสินค้าคือ 'ความสวย' เพื่อแลกกับ 'เงิน'

เมื่อคุณมีความสวย และผมมีเงิน แน่นอนว่ามัน Fair และน่าจะเป็นไปได้กับโอกาสทางธุรกิจที่คุณเสนอแต่ก็ติดปัญหาที่ว่าความสวยของคุณนั้นจืดจางลงทุกวัน ในขณะที่เงินของผมไม่ได้ไปไหน ถ้าไม่มีปัญหาอะไร หรือในอีกนัยหนึ่ง รายได้ของผมมีแต่จะเพิ่มทุกปีและเงินของผมก็สามารถนำไปให้ก่อให้เกิดผลตอบแทนงอกเงยขึ้นอย่างสม่ำเสมอ ในขณะที่คุณไม่ได้สวยขึ้นเมื่อข้ามปี และมีแนวโน้มที่จะลดลงๆ ในแต่ละปีที่ผ่านไปเช่นกัน

ในมุมมองของนักเศรษฐศาสตร์ คุณคือสินทรัพย์ที่เสื่อมค่า ไม่ได้เสื่อมธรรมดานะ เสื่อมแบบอัตราก้าวหน้า ดังนั้นถ้าความสวยคือสิ่งเดียวที่คุณมี ก็จงคิดต่อว่า 10 ปีข้างหน้าจะทำอย่างไร
นิยามที่เราใช้กันในตลาดหุ้น คือ ทุกๆ การ Trade มี Position การคบกับคุณก็ถือเป็น Position แต่ถ้า Value ของมันลดลง เราจะขายมันทิ้ง ไม่ใช่ความคิดที่ดีที่จะดันทุรังเก็บมันไว้ ซึ่งหมายถึงการแต่งงานที่คุณต้องการ อาจจะแทงใจดำถ้าผมต้องบอกคุณตรงๆอย่างจริงใจว่า ถ้า Value ของ Asset ลดลงเรื่อยๆ ถ้าเราไม่ขายทิ้ง เราจะ ใช้วิธีการ 'เช่าซื้อ' แทน

แน่นอนว่าคนที่มีรายได้เกินสองแสนบาทต่อเดือนฉลาดพอ พวกเขาแค่คบคุณ แต่จะไม่แต่งงานกับคุณ ดังนั้นจึงขอแนะนำคุณอย่างหวังดีว่าคุณควรที่จะหยุดที่จะหาวิธีที่จะได้แต่งงานกับคนรวย และคุณควรที่จะทำให้ตัวเองเป็นคนที่มีรายได้เกินสองแสนบาทแทนซะเอง ซึ่งในทางเทคนิคแล้วน่าจะมีโอกาสมากกว่าการหาคนรวยแต่โง่คนนึง (รวยธรรมดาอย่างเดียวไม่พอ ต้องโง่พร้อมด้วย) หวังว่าคำตอบนี้จะช่วยคุณได้บ้าง อย่างไรก็ตามถ้าหากคุณสนใจ option ในบริการ ! 'เช่าซื้อ' กรุณาติดต่อผม..... เพื่อทำ Bid offer ในโอกาสต่อไป ***** *********
  


ขอบคุณครับ


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: น้าวัยทองฯ ที่ วันที่ 14 สิงหาคม 2011, 13:17:19
และก็มีคำอธิบายแบบละเอียดดังนี้

   เป็นคำตอบที่สมบูรณ์ที่สุด ชอบมากค่ะ มีเหตุและผล ภายในตัวเอง

เพราะคงไม่มีอะไรที่ได้มาง่ายๆ ถ้าหวังผลเลิศ ขนาดนั้น

แต่ก็เจ็บปวดนะคะ สำหรับคำลงท้ายนั่นเพราะเขาเป็นนักธุรกิจ

เขาก็ต้องมองต้นทุน กำไร ขาดทุนเป็นธรรมดา

อ่านดูอีกครั้งแล้ว เศร้าใจค่ะ ถ้าสิ่งที่เธอเขียนเป็นเรื่องจริงและคาดหวังมาก

และทำไมคนที่แต่งงานกับคนรวยๆถึงมีแต่พวกอาซิ่มเฉิ่มๆ รสนิยมห่วยๆล่ะคะ


    เธอคงไม่รู้ว่า พวกคนรวยๆ กว่าเขาจะสร้างเนื้อสร้างตัวได้ เขาต้องต่อสู้มาขนาดไหน ถ้าไม่มี

พวกอาซิ่ม เฉิ่มๆ รสนิยมห่วยๆ  นั่น ร่วมต่อสู้  ล้มลุกคลุกคลาน

และเป็นคู่ชีวิต คู่คิดเป็นกำลังใจให้กัน มานานขนาดไหน


    ดิฉันรู้จักพวกรวยๆหลายสิบโดยเฉพาะพวกที่มีอาชีพประมง เป็นเจ้าของเรือหาปลาหลายลำ

แถวปากน้ำ มหาชัย เขาร่ำรวยเพราะขยัน อดทน และมีอาซิ้ม เฉิ่มๆ รสนิยมห่วยๆ นี่แหละ ที่ตื่นตีสาม

มาประมูลปลา ขายปลา เนื้อตัวเต็มไปด้วยเกล็ดปลา และกลิ่นคาวปลา นิ้วมือเธอ หยาบ กระด้าง แต่งตัว รสนิยมห่วยๆอย่างที่เธอกล่าว

แต่ความรัก ความเกรงใจ ความนับถือ ความไว้เนื้อเชื่อใจ อาซิ้มพวกนี้ได้รับเกินร้อย จากพวกคนรวยๆ สามีของอาซิ้ม ค่ะ


ดังนั้นผมจึงมองได้ว่า หากเราเลือกหุ้นอะไรสักตัวหนึ่งเพื่อมาลงทุน

เราควรมองหาสิ่งที่จะได้รับหรือประโยชน์ของมันในระยะยาว

ไม่ควรมองแต่เพียงรูปลักษณะภายนอก ว่าดูดี แต่ข้างในไม่มีอะไรเลย

เหมือนบางบริษัทภายนอกดูดีมาก แต่พอเข้าไปดูในเว็บของบริษัท

กลับไม่มีข้อมูลอะไรเลย ถ้าพบแบบนี้ก็ต้องรีบถอยให้ไกลที่สุด

ถ้าเป็นนักลงทุน ท่านจะเลือกแบบไหน

ระหว่างอาซิ่ม ที่ช่วยท่านทำงานหาเงินทุกวัน กลับบ้านก็ทำกับข้าวให้ทาน

กับ อาหมวยหน้าตาสะสวย ไม่ทำการทำงาน วันๆเอาแต่เอาเงินเราไปเที่ยซื้อของ กลับมาก็ไม่ทำอะไรให้ทาน

ขอบคุณครับ


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: แมงมุม ที่ วันที่ 15 สิงหาคม 2011, 09:53:49
.

เป็นบทความที่ถูกต้องครับ และโดนใจมากด้วย

คนตอบเมลล์นี้เป็น VI ของจริงเลยทีเดียว 555+

.


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: iirabitty ที่ วันที่ 16 สิงหาคม 2011, 11:36:40
อิอิ


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 19 สิงหาคม 2011, 13:23:07

ทุบให้ทิ้ง ดันให้มั่นใจ

    สองไตรมาสแรกนี้กิจการที่มีผลประกอบการออกมาเป็นปกติ อยู่ในเกณฑ์ดี หรือค่อนข้างดี ใกล้เคียง
กัน และมีแนวโน้มจะดีต่อไป (ตามข่าว หรือแรงเชียร์จากโบรคเกอร์) ถ้าสังเกตให้ดี หุ้นของกิจการ
ดังกล่าวหลายๆตัว กลับมีแรงเทขายอย่างต่อเนื่อง จนราคาหุ้นตกลงมาเรื่อยๆนับแต่วันประกาศผล
ประกอบการ  แต่หุ้นของกิจการดังกล่าวอีกหลายตัวกลับมีแรงซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ยังให้ราคาหุ้น
เพิ่มสูงขึ้นจนดูเหมือนว่าไม่มีทีท่าจะลง  ทั้งๆที่ผลประกอบการและแนวโน้มอนาคตใกล้เคียงกัน  มัน
สะท้อนอะไรครับ (ไม่นำไปโยงเนื่องจากการขึ้น XD นะครับ)

    สำหรับผม เห็นว่า เป็นการทุบราคาหุ้นให้รายย่อยตกใจเทขายเพื่อรายใหญ่ หรือเจ้ามือเข้าเก็บของ
(สำหรับกิจการดีๆทีราคาหุ้นตกลงมา) และดัน หรือประคองราคาหุ้นเอาไว้ เพื่อให้รายย่อยมั่นใจเข้าซื้อ
เมื่อรายย่อยมั่นใจเข้าซื้อมากๆ ก็เป็นโอกาสให้รายใหญ่ หรือเจ้ามือได้ขายของไงครับ (เป็นความเห็น
ส่วนตัวนะครับ) อาจจะใช่ หรือไม่ หรืออาจมีเหตุผลอื่น หรือท่านใดอาจเห็นเป็นอย่างอื่นก็ได้ครับ


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Temujin ที่ วันที่ 19 สิงหาคม 2011, 14:36:45
อย่าได้ตกใจครับ ถ้าศึกษาข้อมูลมาดี รู้ลึกถึง บ.นั้นๆ จะ" ลับ ลวง พราง" ยังไงผมก็ไม่ปล่อย มีแต่ซื้อเพิ่ม

สำหรับผม หุ้นที่ดีมันดูแลตัวมันเองได้ ตามที่กูรูหลายๆ ท่านได้กล่าวไว้... ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 19 สิงหาคม 2011, 17:14:30
อย่าได้ตกใจครับ ถ้าศึกษาข้อมูลมาดี รู้ลึกถึง บ.นั้นๆ จะ" ลับ ลวง พราง" ยังไงผมก็ไม่ปล่อย มีแต่ซื้อเพิ่ม

สำหรับผม หุ้นที่ดีมันดูแลตัวมันเองได้ ตามที่กูรูหลายๆ ท่านได้กล่าวไว้... ;D

   ครับ ถ้านักลงทุนได้ศึกษาข้อมูลมาดีพอสมควร ก็ไม่ต้องตกใจอะไร เพราะเป็นโอกาสในการซื้อของดี
ราคาต่ำ (สำหรับหุ้นดีที่ถูกทุบลงมา) แต่ให้ทยอยเก็บสะสมนะครับ อย่าเห็นว่าของถูกแล้วจะซื้อครั้งละ
เยอะๆ เพราะมันอาจมีถูกแล้วถูกอีก ดังที่ผมได้เคยกล่าวไว้แล้ว ย้ำกันเรื่อยๆตามที่มีโอกาสนะครับ... ;)


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: wat ที่ วันที่ 24 สิงหาคม 2011, 16:05:47
ดูข่าวตลาดหุ้นลงตลอดช่วงนี้ แต่ราคาทองคำ ขึ้นเอา ๆ มันเกี่ยวกันไหม


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: น้าวัยทองฯ ที่ วันที่ 24 สิงหาคม 2011, 16:58:49
ดูข่าวตลาดหุ้นลงตลอดช่วงนี้ แต่ราคาทองคำ ขึ้นเอา ๆ มันเกี่ยวกันไหม

น่าจะเกี่ยว (มั้ง)


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Temujin ที่ วันที่ 24 สิงหาคม 2011, 17:07:44
ทอง ถ้าเป็นข่าวร้ายจะปรับตัวขึ้้น แต่หุ้นจะปรับตัวลดลง ทั้งหุ้นและทองจะแปลผกผันกันครับเท่าที่สังเกตุดู


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 26 สิงหาคม 2011, 09:43:52

การขึ้นลงของทอง กับหุ้น จะเกี่ยวข้องผูกโยงกันอย่างไร ช่างมันเถอะ...

แต่การบริโภคข่าวสารที่เกี่ยวเนื่องกับหุ้น ทองคำ นั้น  เมื่อบริโภคแล้วอย่ามีอารมณ์ร่วม หรือคล้อยตาม
ไปกับข่าวหรือความเห็นนั้นๆทันทีนะครับ เพราะอาจตกเป็น เหยื่อ ของข่าว หรือของความเห็นนั้นๆได้
 
เพราะไม่ว่าทองคำ หรือกิจการใดๆ มันจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นอย่างรุนแรง หรือลดลงอย่างฮวบฮาบในชั่วข้าม
คืน หรือไม่กี่วันนั้น เป็นไปไม่ได้ดอกครับ...


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: น้าวัยทองฯ ที่ วันที่ 01 กันยายน 2011, 02:24:10
'หุ้นดี' ...ดูอย่างไร

ถ้าท่านศึกษาบทวิเคราะห์ หรือคำแนะนำของโบรกเกอร์ตาม นสพ.
ต่างๆจะพบอยู่บ่อยๆ ว่า มักจะมีคำแนะนำของนักวิเคราะห์ให้ซื้อ 'หุ้นพื้นฐานดี' เก็บ
ไว้ลงทุนระยะยาว บางแห่งก็จะบอกชื่อหุ้นให้ซื้อลงทุนเรียบร้อย
โดยที่ท่านไม่ต้องไปปวดหัวกับการค้นหา 'หุ้นพื้นฐานดี' อย่างที่กล่าวไว้

ขณะที่นักลงทุนจำนวนมากซื้อหุ้นตามที่มีคนบอก
จากนั้นจึงค่อยไปศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจนั้นเพิ่มเติมตามหลัง
หรือลงทุนโดยซื้อหุ้นตามที่มีคนแนะนำให้เราซื้อหุ้นตัวนั้นตัวนี้
โดยที่เราไม่ได้เข้าใจ และศึกษาธุรกิจนั้นอย่างถ่องแท้ด้วยตัวเอง



วิธีการดังที่กล่าวมา จึงไม่ใช่วิธีที่ 'นักลงทุนแบบเน้นคุณค่า' หรือ Value Investor ควรปฏิบัติ

สำหรับ 'นักลงทุนแบบเน้นคุณค่า'
ควรจะทำศึกษาหุ้นตัวนั้นและการบ้านอย่างหนักก่อน
ที่จะลงทุนซื้อหุ้นบริษัทไหนสักบริษัทหนึ่ง

การหา 'หุ้นพื้นฐานดี' นั้น
ไม่ยากเกินความสามารถและเราสามารถค้นหาได้ด้วยตัวเราเอง
ยิ่งถ้าเราเข้าใจในธุรกิจที่เราลงทุนแล้ว
เราก็ไม่ต้องไปกังวลกับสภาพของตลาดหุ้น ที่ราคาหุ้นอ่อนไหวไปตาม 'ความโลภ'
และ 'ความกลัว' ของอารมณ์นักลงทุนทั้งหลายในตลาด

หุ้นพื้นฐานดีสามารถบอกได้โดยดูจากงบการเงินของบริษัทนั้น ก็คือ
งบดุล งบการเงิน และงบกระแสเงินสด โดยดูย้อนหลังไปหลายๆ ปี
เพื่อป้องกันการตกแต่งบัญชี
และดูความสามารถของบริษัทว่าแข็งแกร่งจริงหรือไม่

วิธีดูหุ้นพื้นฐานดีที่จะกล่าวในที่นี้
จะพูดถึงเฉพาะหุ้นที่มีประวัติการดำเนินงานที่ดี
โดยไม่ได้ครอบคลุมถึงหุ้นที่เพิ่งผ่านการปรับโครงสร้างหนี้ (Turnaround)
ที่ผลการดำเนินงานเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดในเวลาไม่นาน



ลักษณะที่ดี 9 ประการของ 'หุ้นพื้นฐานดี' ควรจะมีดังต่อไปนี้

1.มียอดขายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

หุ้นที่ดีควรจะมียอดขายที่เติบโตขึ้น
ถ้าเติบโตเพิ่มขึ้นได้ทุกปีก็จะดีมาก แสดงให้เห็นว่า
ธุรกิจนั้นมีการขยายตัว และสามารถแข่งขันในอุตสาหกรรมนั้นได้
ส่วนหุ้นที่มียอดขายสาละวันเตี้ยลงทุกปีทุกปี
น่าจะเป็นหุ้นที่ควรหลีกเลี่ยง หมายถึงว่า
กิจการนั้นกำลังถูกคู่แข่งแย่งตลาดสินค้าไป
หรือไม่ธุรกิจหรืออุตสาหกรรมนั้นก็อาจจะอยู่ในข่ายอุตสาหกรรมตะวันตกดิน
(sunset industry) หรือผู้บริหารมีปัญหาในการดำเนินกิจการ
แต่ยอดขายเพียงอย่างเดียวอาจจะไม่เพียงพอที่จะบอกได้ว่าหุ้นนั้นเป็นหุ้น
พื้นฐานดีหรือไม่ ต้องใช้ปัจจัยอีกหลายอย่างในการวิเคราะห์ธุรกิจ
ดังจะกล่าวต่อไป

2. มีการควบคุมต้นทุนการดำเนินงานที่ดี

บริษัทที่มีการควบคุมการดำเนินงานที่ดี
เราสามารถตรวจสอบดูได้จากงบกำไรขาดทุน
โดยสังเกตจากต้นทุนสินค้าและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน
ควรจะไปตามยอดขายของกิจการ
ถ้ายอดขายสูงขึ้นค่าใช้จ่ายก็สามารถอนุโลมให้เพิ่มขึ้นได้ตามสัดส่วนยอดขาย
ที่สูงขึ้น แต่ธุรกิจที่ยอดขายลดลงแต่ต้นทุน และค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น
นักลงทุนควรจะระวังและถ้าเกิดขึ้นเป็นประจำควรตรวจสอบให้ดีก่อนลงทุนใน
บริษัทนั้น

3. ไม่ประสบปัญหาขาดทุน

บริษัทที่ดีควรจะมีความสามารถในการทำกำไรอย่างสม่ำเสมอ
บริษัทที่ประสบภาวะขาดทุน
เป็นการแสดงให้เห็นถึงการขาดประสิทธิภาพของผู้บริหาร
ถ้าขาดทุนตลอดปีหรือไม่ ก็ขาดทุนปีเว้นปี
นักลงทุนควรเอาเวลาไปศึกษาธุรกิจอื่นจะดีกว่า ยกเว้นท่านที่ชอบลงทุนใน
'หุ้นฟื้นคืนชีพ' (Turnaround) ที่ขาดทุนมาหลายปีอยู่ดีๆ
ก็กลับมาทำกำไรได้เป็นกอบเป็นกำ

อันนี้ก็แล้วแต่ความถนัดของแต่ละคน
แต่สำหรับท่านที่ยังไม่มีประสบการณ์ในการลงทุนมากนัก
ควรหลีกเลี่ยงหุ้นที่มีผลดำเนินงานขาดทุนจะปลอดภัยกว่า

4. เงินทุนหมุนเวียนเป็นบวก (Positive Working Capital)

ธุรกิจที่ดีควรมีทรัพย์สินหมุนเวียนมากกว่าหนี้สินหมุนเวียน
เพราะธุรกิจควรมีการเตรียมความพร้อมของเงินทุนระยะสั้นให้เพียงพอต่อ
การจ่ายคืนหนี้สินระยะสั้น มิฉะนั้นธุรกิจอาจจะมีปัญหาการเงินเกิดขึ้นได้

โดยเฉพาะบริษัทที่ทำการกู้ยืมระยะสั้นมาก
อาจจะต้องสำรองเงินสดไว้พอสมควรทีเดียวสำหรับการจ่ายคืนหนี้ที่เรียกเก็บภาย
ใน เวลาไม่นาน ยกเว้นธุรกิจบางประเภท เช่น ธุรกิจค้าปลีก หรือค้าส่ง
ที่รับเงินจากการขายให้กับลูกค้าเป็นเงินสด
แต่ได้เครดิตจากผู้ผลิตสินค้าเป็นเวลาหลายเดือนก่อนที่จะจ่ายเงิน

ในกรณีนี้เงินทุนหมุนเวียนอาจจะติดลบได้
ซึ่งกลับกลายเป็นจุดแข็งสำหรับธุรกิจประเภทนี้เสียอีก
เพราะแทนที่จะต้องมีเงินสำหรับของที่อยู่ในสต็อกกลับเป็นผู้ผลิตสินค้าที่จะ
ต้องเป็นคนจ่ายเงินค่าสินค้าคงคลังแทน

5. มีหนี้ไม่มากหรือมีหนี้อยู่ในฐานะที่เหมาะสม

ตัวเลขคร่าวๆ
ที่ใช้กันส่วนใหญ่ในการตรวจสอบสภาพหนี้สินของธุรกิจก็คือ
'อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน' (Debt/Equity Ratio)
ธุรกิจที่มีหนี้สินต่อทุนสูง แสดงว่า มีการกู้ยืมหนี้ระยะยาวมาก
และทำให้ธุรกิจนั้นมีความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจสูง
อัตราหนี้สินต่อทุนที่พอเหมาะที่ใช้กันทั่วไปคือ น้อยกว่าหนึ่งเท่า
หรือไม่เกินสองเท่า

6. มีกำไรสะสม (Retain Earning) เพิ่มขึ้นทุกปี

ธุรกิจที่ดีควรมีกำไรสะสมเพิ่มขึ้นอย่างสม่ำเสมอ
และสามารถนำกำไรสะสมนั้นไปลงทุนต่อให้งอกเงยเพิ่มมากขึ้นจากเดิม
ธุรกิจที่มีกำไรสะสมลดลง
นักลงทุนควรตั้งคำถามก่อนที่จะลงทุนในบริษัทนั้นว่า
บริษัทนำกำไรสะสมนั้นไปใช้ ทำอะไรและมีประโยชน์ต่อผู้ถือหุ้นหรือไม่

7. มีส่วนของผู้ถือหุ้น (Shareholder Equity) เพิ่มขึ้นสม่ำเสมอ

บริษัทที่สามารถเพิ่มส่วนของผู้ถือหุ้นได้อย่างสม่ำเสมอนับว่า
เป็นธุรกิจที่น่าสนใจ
แสดงให้เห็นถึงความสามารถของผู้บริหารในการนำเงินของบริษัทไปลงทุนในกิจการ
ที่มีประโยชน์ต่อผู้ถือหุ้น
ควรหลีกเลี่ยงบริษัทที่มีส่วนผู้ถือหุ้นลดลงหรือติดลบ แสดงว่า
ธุรกิจนั้นที่ผ่านมามีการขาดทุนเกิดขึ้น

8. กำไรต่อยอดขาย (Profit Margin) มากพอสมควร

ธุรกิจที่มีกำไรต่อยอดขายสูง
แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการควบคุมต้นทุนของกิจการในระดับที่ดี
แต่กำไรต่อยอดขายสูง อาจจะดึงดูดให้คู่แข่งหน้าใหม่ๆ
เข้ามาในอุตสาหกรรมนั้นมากขึ้น


ในขณะที่ธุรกิจที่อยู่ในอุตสาหกรรมมีการแข่งขันสูงส่วนมากจะมีกำไรต่อยอดขาย
ต่ำ
เพราะมีการตัดราคาสินค้าเพื่อดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาซื้อสินค้าและบริการของ
ตน ทำให้กำไรของทั้งอุตสาหกรรมลดลง ดังนั้น
ธุรกิจที่น่าสนใจในอุตสาหกรรมที่มีการแข่งขันสูงก็คือ
ธุรกิจที่มีต้นทุนในการดำเนินงานต่ำ (Cost Leadership)


9. ผลตอบแทนต่อส่วนผู้ถือหุ้น (Return on Equity) สูง

ผลตอบแทนต่อส่วนผู้ถือหุ้น คำนวณจาก กำไรหารด้วยส่วนผู้ถือหุ้น (Net
Profit/ Equity) ธุรกิจที่มีผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้นสูงแสดงว่า
ผู้บริหารสามารถบริหารเงินทุนของบริษัทได้อย่างมีประสิทธิภาพ
แต่บางธุรกิจที่มีเงินกู้ยืมสูงก็อาจจะทำให้ผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้นสูงขึ้น
ได้
เพราะเงินลงทุนส่วนใหญ่จะอยู่ในรูปของหนี้สินระยะยาวมากกว่าส่วนผู้ถือหุ้น

ดังนั้น ในบางกรณีอาจจะจำเป็นต้องใช้อัตราส่วนผลตอบแทนต่อเงินลงทุน
(Return on Total Capital)
ในการตรวจสอบความสามารถในการดำเนินงานของธุรกิจนั้น จะเหมาะสมมากขึ้น
เนื่องจากได้รวมส่วนหนี้สินระยะยาวในการคำนวณไว้ด้วย

ผลตอบแทนต่อเงินลงทุน
หาได้จากกำไรหารด้วยส่วนของผู้ถือหุ้นและหนี้สินระยะยาว (Net
Profit/(Longterm Liability+Equity)) บริษัทที่มีผลตอบแทนต่อเงินลงทุนสูง
จะน่าสนใจกว่าบริษัทที่มีอัตราส่วนนี้ต่ำ

การค้นหาลักษณะที่ดี 9 ประการข้างต้นของหุ้นที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์
จะช่วยให้ท่านมีความรู้ความเข้าใจในหุ้นที่ท่านลงทุนมากขึ้น
แทนที่จะรอให้คนอื่นหรือนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ตามโบรกเกอร์ต่างๆ มาแนะนำ
'หุ้นพื้นฐานดี' ให้กับท่าน

ท่านสามารถที่จะเริ่มศึกษาและค้นหา 'หุ้นพื้นฐานดี'
ได้ด้วยตัวท่านเอง ซึ่งนับว่าเป็นหนทางในการเป็น 'นักลงทุนแบบเน้นคุณค่า'
หรือ Value Investor ที่ดีทางหนึ่ง


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: ....คนหน้าแหลม.... ที่ วันที่ 07 กันยายน 2011, 20:17:12
หวยขึ้นราคาล่ะครับ 4.10
ใครขายถูกไปก่อน คงเสียดาย  ;D

LOXLEY บวก 3.11% หวยออนไลน์ส่อแววสดใส หลังสุรสิทธิ์กลับกองสลากฯ
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 7 กันยายน 2554 10:31:30 น.

หุ้น LOXLEY ราคาวิ่งขึ้น 3.11% มาอยู่ที่ 3.98 บาท เพิ่มขึ้น 0.12 บาท มูลค่าซื้อขาย 175.35 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.27 น. โดยเปิดตลาดที่ 3.90 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 3.98 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 3.90 บาท

นายอภิสิทธิ์ ลิมศุภนาค ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.บีฟิท กล่าวว่า ราคาหุ้น บมจ.ล็อกซเล่ย์(LOXLEY) เช้านี้ปรับตัวขึ้น ด้วยวอลุ่มเทรดที่เข้ามาอย่างคึกคัก คาดว่าจะเป็นการเข้ามาเล่นเก็งกำไรของนักลงทุน โดยมีความคาดหวังจากการกลับมาของการออกสลากเลขท้าย 2 ตัว 3 ตัวผ่านเครื่องจำหน่ายสลากออนไลน์(หวยออนไลน์)

อนึ่ง ทางมติครม.เมื่อวันที่ 6 ก.ย.ที่ผ่านมา ได้มีการแต่งตั้งโยกย้าย ตำแหน่งกรรมการในคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาลตามที่กระทรวงการคลังเสนอใน 3 ตำแหน่ง ประกอบด้วย 1.พล.ท.รุจวินท์ กิจวิทย์ แทน พล.ต.ท.สุรสีห์ สุนทรศารทูล 2.นายวีรภัทร ศรีไชยา แทน นายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ และ 3.พล.ต.ต.สุรสิทธิ์ สังขพงศ์ แทน นายฐนนท์ศรณ์ เลิศฤทธิ์ศิริกุล มีผลตั้งแต่วันที่ 6 ก.ย.54

สำหรับ พล.ต.ต.สุรสิทธิ์ ถือเป็นการกลับมาสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลอีกครั้ง เนื่องจากในสมัยรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นั้น พล.ต.ต.สุรสิทธิ์ ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการ สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ได้มีการออกสลากเลขท้าย 2 ตัว 3 ตัวจำหน่ายให้กับประชาชน(หวยบนดิน)

นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า สัญญาณทางเทคนิคระยะสั้นของหุ้น LOXLEY พยายามจะแกว่งตัวขึ้น โดยมีแนวรับ 3.72 บาท แนวต้าน 4.04 บาท

--อินโฟเควสท์


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: น้าวัยทองฯ ที่ วันที่ 08 กันยายน 2011, 09:29:57
ผมก็ขายหมูไปแล้วครับ หุหุ

แต่ก็ไม่เป็นไร ยังดีกว่าขาดทุน

ให้กำลังใจตัวเอง (แอบเศร้า)- -

แต่ก็รอกลับเข้าไปใหม่อยู่นะครับ

แต่ต้องให้เห็นรูปเป็นร่างจริงๆ

ลงทุนในกิจการที่ดี ดีกว่าลงทุนในกิจการที่คาดว่าจะดี


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: ....คนหน้าแหลม.... ที่ วันที่ 12 กันยายน 2011, 10:32:25
ได้นายกคนใหม่มาสองเดือนแล้ว เซทไทยยังบ่ไปไหนไกลกว่านี้ ไงกันแน่ เหนื่อยเลย  ;D งี้ก็สู้สมัยนายกหล่อบ่ได้สิ 2 ปีก่อน มีการชุมนุมเสื้อแดง ไปโลด


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: น้าวัยทองฯ ที่ วันที่ 12 กันยายน 2011, 13:58:52
เหนื่อยครับแบบนี้ ลงมากกว่าขึ้น ไม่ไปไหนเลย


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 12 กันยายน 2011, 15:23:33

เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นซ้ำซาก วนเวียนไปมาอย่างนี้แหละครับ

นักลงทุนในหลักทรัพย์ต้องรู้จัก ทำใจ ตามที่ผมเคยนำบทความของท่าน ดร.นิเวศน์มาลงไว้ ใน Re: >>>
ศิลปการลงทุนระยะยาว <<< « ตอบ #214 เมื่อ: วันที่ 29 มิถุนายน 2011, 09:14:56  ตามนี้ครับ

http://www.chiangraifocus.com/forums/index.php?topic=92942.200



หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 14 กันยายน 2011, 17:57:36

ไม่ได้เรียงความมาลงกระทู้นี้พักใหญ่ ยังมีประสพการณ์ที่ยังไม่ได้เรียบเรียงมาเล่าสู่กันฟังอีก แต่บางที
นึกได้จะมาเรียบเรียง ก็ให้มีภาระอย่างอื่นเข้ามาแทรก เอาไว้มีเวลาจะทยอยนำมาเล่าให้ฟังกันนะครับ

แต่เรืองราวประสบการณ์และความคิดเห็นที่ผมเรียบเรียงไว้ตอนเริ่มกระทู้ เป็นแนวทางกว้างๆ สำหรับ
ท่านที่สนใจลงทุนในหลักทรัพย์ ก็ขอให้ย้อนกลับไปอ่านและนำมาประยุกต์ให้เข้ากับตัวเอง ในการ
ลงทุน เอามาใช้ในส่วนที่เหมาะกับลักษณะนิสัยของตัวท่านเอง ถ้าไม่เหมาะก็ผ่านไปตรับ....

อ่านหลายๆครั้ง จะได้แนวคิดและจับประเด็นได้ครับ อ่านครั้งเดียวแล้วผ่านไป ก็อาจจับประเด็นไม่ได้
เหมือนกับอ่านหนังสือเรียนแหละครับ...

 


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: ....คนหน้าแหลม.... ที่ วันที่ 22 กันยายน 2011, 20:41:49
หนักเลยวันนี้ เลือกทางลงดอยซะแล้ว set
1200 ต้องปาดเหงื่อกันหน่อยนะ เอาใจช่วย  ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 23 กันยายน 2011, 07:24:31

เข้มแข็งไว้ครับ  ;D

ประสบการณ์เท่านั้น จะช่วยท่านได้ แต่ก็เห็นใจนักลงทุนมือใหม่...

เอาใจช่วยทุกท่าน เช่นกัน... ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: ....คนหน้าแหลม.... ที่ วันที่ 23 กันยายน 2011, 11:26:18
หวยออนไลน์โดนเทไปด้วย  ข่าวเมกาและยุโรปแค่นี้ แย่งกันขาย พอจุดหนึ่งก็แย่งกันซื้อ ใครโง่ใครฉลาดกันแน่ 555


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: ....คนหน้าแหลม.... ที่ วันที่ 23 กันยายน 2011, 12:10:13
ปิดตลาดไม่บาวด์ มีหวังหนักกว่าเมื่อวาน  ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: แมงมุม ที่ วันที่ 23 กันยายน 2011, 13:55:32
ใครที่ถือเงินสดตอนนี้ แนะนำว่าอย่าพึ่งรีบเข้าครับ


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: ....คนหน้าแหลม.... ที่ วันที่ 23 กันยายน 2011, 14:42:44
แต่นี้ไปใครตาดีก็คงน้ำลายไหล ได้ซื้อของถูก  ;D
ตัวไหนดีล่ะ เพื่อนๆ นลท ช่วยกันคัดสรรให้หน่อย  ;D
แต่อย่างว่าถ้าเซทไปไม่ไกล ตัวดีก็ลำบาก นอกจากมีข่าวประทับใจมากๆ


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: ....คนหน้าแหลม.... ที่ วันที่ 26 กันยายน 2011, 10:28:54
นาทีนี้ SET ตอกย้ำอย่างเจ็บปวด  ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: แมงมุม ที่ วันที่ 26 กันยายน 2011, 11:15:34
900 >> 860 >> 820  ครับ


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: ....คนหน้าแหลม.... ที่ วันที่ 26 กันยายน 2011, 11:53:12
จะเกิดมีการ Circuit Breaker มั๊ยเนี่ย ฮ่าฮ่าฮ่า


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: แมงมุม ที่ วันที่ 26 กันยายน 2011, 12:18:06
-95.80 จุด เจอแน่ครับ


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 26 กันยายน 2011, 12:39:07
แปลว่า บ่ายนี้จะลงอีก 20 จุด...!?

เพราะปิดเช้านี้ -74.93 จุด (ดัชนีอยู่ที่ 883.23 จุด)

รอชมภาคบ่าย..... ???


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: แมงมุม ที่ วันที่ 26 กันยายน 2011, 12:48:26
ลงมามากขนาดนี้ พรุ่งนี้จะรีกลับขึ้นมามั้ยน้อ


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 26 กันยายน 2011, 13:06:54

บัญชีมาร์จิ้น (กู้เงินโบรคฯ) ลำบากครับ ...! มีถูกบังคับขาย หรือกลัวถูกบังคับขาย จึงขายออกมากัน

มากมาย ทำให้เกิดการขายตาม (panic) ดัชนีจึงลงอุตลุต...!

นักลงทุนที่ไม่ใช้มาร์จิ้น ใช้แต่เงินญี่ปุ่น หรือเงินเวียตนาม (เงินเย็น หรือเงินดอง) ก็ไม่เป็นไร

ถ้าลงทุนในหุ้นดีๆเอาไว้ ควบคุมสติได้ ไม่ตกใจ panic แล้วมันจะผ่านไปครับ (เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป)

ท่านที่อยู่ในตลาดหุ้นมานาน เจอมาแล้วทั้งนั้นครับ

ถ้ามีเงินญี่ปุ้น หรือเงินเวียตนาม ที่พร้อมจะลงทุน ก็น่าจะทยอยรับตัวดีๆที่มีอยู่ในพอร์ต หรือตัวที่เล็งๆ

เอาไว้ก็ได้ครับ





หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: แมงมุม ที่ วันที่ 26 กันยายน 2011, 13:25:15

เงินญี่ปุ่น หรือเงินเวียตนาม (เงินเย็น หรือเงินดอง)


ชอบมุขนี้จัง 555+

.


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: ....คนหน้าแหลม.... ที่ วันที่ 26 กันยายน 2011, 15:52:24
แบบนี้เรียกว่าบาวด์ระหว่างวัน แต่จะมีสักกี่คนได้กำไร นอกจากที่ นลท ทั่วไปเรียกว่าเจ้ามือ  ;D
ผมว่ายังบ่น่าไว้ใจดอก ตามประสบการณ์น่ะ เผื่อใจไว้


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 26 กันยายน 2011, 19:28:22
ถึงวันนี้ ดัชนีลงมาเยอะมาก ทำให้ผมมีโอกาสได้เข้าซื้อหุ้นที่ขายออกไปนานแล้วตัวหนึ่ง คือหุ้น TVO
ทำกิจการอาหารสัตว์ และน้ำมันพืชถั่วเหลือง

ผมลงทุนกับหุ้นตัวนี้มานานหลายปี ได้ผลประโยชน์ทั้งเงินปันผล เครดิตภาษี และกำไรจากส่วนต่าง
ราคาหุ้นมาพอสมควร ได้ขายครั้งสุดท้ายไปที่ราคาประมาณ 24 บาท แล้วหุ้นก็ขึ้นไปถึง 30 กว่าบาท

ตอนนี้ราคาหุ้นตกลงมาอยู่ที่ 17.10 บาท (ราคาปิดวันนี้) ได้ทยอยรับมาตั้งแต่ราคาหุ้นตกลงมาที่ 20
บาทแล้วครับ วันนี้ก็รับไว้อีกที่ 17 บาท (รับทีละน้อยครับ เพราะไม่รู้ว่าหุ้นจะตกลงไปอีกหรือไม่)

ก็เอามาแนะนำกันครับ ผมได้ประโยชน์(กำไร)จากหุ้นตัวนี้โขอยู่ และเห็นว่าท่านแมงมุมเอากราฟหุ้นตัวนี้ไป
ลงแนะนำเอาไว้ใน Re: >>> เก็งกำไร เล่นหุ้น ลงทุนสั้น หมั่นติดจอ <<< ใน« ตอบ #178 เมื่อ:
วันที่ 24 กันยายน 2011, 22:21:56 » ด้วย เป็นกราฟสุดท้าย

ชื่อเต็มๆของบริษัทฯคือ บริษัทน้ำมันพืชไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI VEGETABLE OIL PUBLIC ครับ

ราคาตอนนี้น่าทยอยลงทุนแล้วครับ เอาประสบการณ์มาช่วยสนับสนุนกราฟเทคนิคของท่านแมงมุมด้วย... ;)  




หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: ....คนหน้าแหลม.... ที่ วันที่ 26 กันยายน 2011, 19:40:11
กล้ามากท่านคิว สำหรับผมขอ wait n see


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 26 กันยายน 2011, 20:01:00
ผมถือตามคำกล่าวที่ว่า จงกลัว เมื่อคนอื่นกำลังโลภ และโลภเมื่อคนอื่นกำลังกลัว

ซึ่งเป็นคำกล่าวของ Warren Buffet ปรมาจารย์ในการลงทุนอีกผู้หนึ่ง

และหุ้นตัวนี้ก็เป็นหุ้นที่ผมได้เคยลงทุน พอทราบนิสัยกันบ้างครับ ถ้าเป็นตัวที่ไม่เคย คงไม่กล้า... :D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: ....คนหน้าแหลม.... ที่ วันที่ 30 กันยายน 2011, 11:38:31
นี่ขนาดเยอรมันช่วยอุ้มกรีซนะ เซทไทยก็งั้นๆ ถ้ามีข่าวบ่ดีมานิดนึง คงถล่มทลาย  ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 30 กันยายน 2011, 11:55:31

ดัชนีมีอาการทำท่าจะฟื้น แต่คงยังไม่ฟื้นง่ายๆ สงสัยว่าน่าจะถูกทุบลงไปอีก ก่อนจะฟื้น...!


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: ....คนหน้าแหลม.... ที่ วันที่ 03 ตุลาคม 2011, 10:02:59
วันแรกของไตรมาสสุดท้าย เปิดมาอย่างเจ็บปวด  ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: น้าวัยทองฯ ที่ วันที่ 03 ตุลาคม 2011, 10:17:01
ทั่วโลกก็ปวดเหมือนกัน

หุ้นที่ตกทางนู้น หนาวถึงหุ้นทางนี้


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: ....คนหน้าแหลม.... ที่ วันที่ 03 ตุลาคม 2011, 10:22:44
เลหลังขายแบบนี้ 2 เดือนสุดท้ายถ้าไม่โชคร้ายต่อเนื่อง โอกาสตีกลับให้เม่าได้ดีใจบ้างก็มี แต่ปีหน้าฟ้าใหม่ set อาจงุ่มง่ามไม่ทันใจ นลท ทั้งยาวและสั้น คือซึมๆ เฉื่อยๆ ;D นอกจากมีข่าวกลับตาลปัตร


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 03 ตุลาคม 2011, 10:56:52

ดัชนีมีอาการทำท่าจะฟื้น แต่คงยังไม่ฟื้นง่ายๆ สงสัยว่าน่าจะถูกทุบลงไปอีก ก่อนจะฟื้น...!

ขอสงสัยต่อ ว่าดัชนีคงจะไปที่ 800 ต้นๆ ตามที่ท่านแมงมุมว่าไว้ วันนี้ทั้ง BBL  PTT และ SCC  ทั้ง 3 

ตัวที่มีผลต่อดัชนีอย่างมาก ถูกสอยร่วงอย่างแรงทั้ง 3 ตัว...


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: แมงมุม ที่ วันที่ 03 ตุลาคม 2011, 13:34:29
ตอนนี้เปลี่ยนใจแล้วครับ...

ถ้าสถานการณ์อย่างดีที่สุด เช่น อียูปล่อยเงินกู้ให้กรีซ  ผมให้ที่ 780...

ถ้าสถานการณ์แย่ปานกลาง เช่น กรีซต้องรัดเข็มขัด อียูช่วยเหลือบางส่วน ผมให้ 680...

และในกรณีเลวร้ายที่สุด คือ กรีซล้มละลาย ต้องขายประเทศ แล้วลามถึงยุโรปกับอเมริกา ผมให้ 500...

และสุดท้าย ถ้ามีแย่กว่านี้ ผมให้ 380 เท่าเมื่อ 3 ปีก่อน...

.


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 04 ตุลาคม 2011, 08:53:45
วันนี้มาขออนุญาตเปลี่ยนหัวข้อกระทู้จาก "ศิลปการลงทุนระยะยาว" ซึ่งดูออกจะกินความหมายกว้างไป
หน่อย มาเป็น  "ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น"  เพื่อให้แคบลง และตรงกับเนื้อหาในกระทู้ซึ่งเป็นเรื่องหุ้น
ซะเป็นส่วนใหญ่

ขออนุญาตนะครับ  ;)


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 05 ตุลาคม 2011, 10:43:25

ตลาดหุ้น ผันผวน ชวนปวดหัว
ยังเนียนัว ทุบแล้วปั่น มันขาใหญ่
สนุกสนาน รื่นเริง บันเทิงใจ
รายย่อยต้อง หม่นไหม้ อกใจรัว

อดทนเถิด อดทนไว้ เรารายย่อย
ต้องรอคอย อย่างมั่นคง อย่าหลงหลัว
หุ้นดีดี  มีถือไว้  ไม่ต้องกลัว
จะปรับตัว ปรับราคา ขึ้นมาเอง... :D


มาปลอบใจนักลงทุนรายย่อยครับ..... ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 10 ตุลาคม 2011, 10:02:49
ความผันผวนของตลาด

เหล่านักลงทุนรายย่อยนั้นไม่อาจคำนวณราคาหุ้นได้ถูกต้องแม่นยำ เบน เกรแฮม ปรมาจารย์การลงทุน
จึงสอนไว้ดังนี้

จงตระหนักว่า เราไม่สามารถคำนวณมูลค่าที่แท้จริงได้อย่างแม่นยำ เพราะฉะนั้นจะต้องมี
การ “เผื่อ” การผิดพลาด หรือจะต้องมี Margin of Safety ในการซื้อหุ้น นั่นก็คือ ต้องซื้อหุ้นที่มีราคา
ต่ำกว่ามูลค่าที่คำนวณได้ ไม่ต่ำกว่า 20%      

และจากประสบการณ์ในตลาดหุ้นของผม ขอให้ข้อคิดเพิ่มเติมว่า เราไม่อาจคาดการณ์ภาวะตลาดได้
แม่นยำเช่นกันว่า หุ้นจะลงไปถึงจุดต่ำสุดเมื่อใด ผมจึงใช้วิธีทยอยซื้อหุ้นเป็นระยะๆตามราคาที่ผมเห็น
ว่าเหมาะสม ผมไม่รอซื้อครั้งเดียวตามจำนวนเงินที่ตั้งใจจะนำไปลงทุน

อย่าไปมั่นใจว่าตรงนั้น ตรงนี้ เป็นจุดต่ำสุด แล้วซื้อหุ้นครั้งเดียวครับ ...! จงเผื่อเอาไว้ด้วย...

ตลาดหุ้นมักเกิดเหตุการณ์คาดไม่ถึงเสมอ.....


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 10 ตุลาคม 2011, 19:16:10

หุ้น...ไม่ใช่คณิตศาสตร์

ท่านที่เป็นนักลงทุน และท่านที่ตั้งใจจะเป็นนักลงทุนในหุ้น ในตลาดหลักทรัพย์ ผมขอให้ตระหนักเอา
ไว้อย่างหนึ่งว่า "หุ้น ไม่ใช่คณิตศาสตร์ " เพียงแต่ใช้วิชาคณิตศาสตร์มาคำนวณหาค่าต่างๆ เพื่อนำไป
ประเมินราคาหุ้น ทิศทางหุ้น แนวโน้ม ฯลฯ เท่านั้น

ไม่มีสูตรสำเร็จตายตัวว่า ผลประกอบการของบริษัทฯจะคงที่แน่นอน ราคาหุ้นจะต้องขึ้น ต้องลงไปเท่า
นั้นเท่านี้ ตามระยะเวลาที่ผ่านไป หรือตามผลประกอบการที่ออกมา หรือตามเงินปันผลที่จ่าย

การคำนวณหาราคาหุ้น การคาดการณ์ผลประกอบการ การคาดว่าบริษัทฯจะเติบโตหรือไม่เติบโต
การคาดการณ์ภาวะตลาดว่าจะมีแนวโน้มอย่างไร ฯลฯ

เหล่านี้ ล้วนเป็นการประประมาณการทั้งสิ้น อาจใช่ ไม่ใช่ อาจเกิดขึ้นหรือไม่เกิดขึ้น ตามที่คาดก็ได้

เพราะมีเหตุปัจจัยต่างๆทั้งที่คาดคิดไว้แล้ว หรือที่ไม่ได้คาดคิด เข้ามากระทบ เป็นเหตุให้การประมาณ
การผิดพลาด มากบ้าง น้อยบ้าง แล้วแต่สภาวะ เช่น ผู้บริหารบริษัทฯ เศรษฐกิจ การเมือง ภัยธรรมชาติ ฯลฯ

ขอให้ตระหนักกันไว้ด้วยนะครับ...


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: am arm ไชยเจริญ ที่ วันที่ 11 ตุลาคม 2011, 09:26:41
โทษทีครับพอดีสนใจอยากเริ่มเล่นหุ้น ไม่ทราบว่าเราควรจะเริ่มศึกษาอย่างไร เพราะตอนนี้หาหนังศือมาอ่านพอเข้าใจ แต่ยังงงอยู่ควรหาข้อมูลจากไหนครับ ที่จะเข้าใจแบบชัดเจน รบกวนด้วยครับ


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: ....คนหน้าแหลม.... ที่ วันที่ 11 ตุลาคม 2011, 10:11:22
โทษทีครับพอดีสนใจอยากเริ่มเล่นหุ้น ไม่ทราบว่าเราควรจะเริ่มศึกษาอย่างไร เพราะตอนนี้หาหนังศือมาอ่านพอเข้าใจ แต่ยังงงอยู่ควรหาข้อมูลจากไหนครับ ที่จะเข้าใจแบบชัดเจน รบกวนด้วยครับ
จาก http://www.set.or.th/th/index.html
หรือจาก brokerและmarketing ที่ไปเปิดบัญชีไว้ นอกจากนั้นก็ที่เวบต่างๆที่เกี่ยวกับการลงทุน ตลอดจนการสนทนาประสานักลงทุนในบอร์ดนี้ แล


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: น้าวัยทองฯ ที่ วันที่ 11 ตุลาคม 2011, 11:04:50
โทษทีครับพอดีสนใจอยากเริ่มเล่นหุ้น ไม่ทราบว่าเราควรจะเริ่มศึกษาอย่างไร เพราะตอนนี้หาหนังศือมาอ่านพอเข้าใจ แต่ยังงงอยู่ควรหาข้อมูลจากไหนครับ ที่จะเข้าใจแบบชัดเจน รบกวนด้วยครับ

แล้วข้อมูลที่ท่านยังไม่เข้าใจ มันคืออะไรครับ

ช่วยอธิบายให้ชัดเจนหน่อยครับ

เพราะพี่ๆ-น้องๆ ในบอร์ดนี้ พร้อมที่จะให้คำตอบท่านทุกวินาที (โหเวอร์ไป55+) (http://แล้วข้อมูลที่ท่านยังไม่เข้าใจ มันคืออะไรครับ

ช่วยอธิบายให้ชัดเจนหน่อยครับ

เพราะพี่ๆ-น้องๆ ในบอร์ดนี้ พร้อมที่จะให้คำตอบท่านทุกวินาที (โหเวอร์ไป55+))


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 27 ตุลาคม 2011, 14:33:30

ประสบการณ์ของผม เห็นว่า ดัชนีตลาดฯกำลังแกว่งขึ้นนะครับ...

เพราะหุ้นบลูชิพทั้งหลายไม่ลงไปต่ำกว่าที่เคยลงต่ำมา 2- 3 สัปดาห์แล้ว และเหมือนจะเริ่ม high ขึ้น

ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับ ดาวโจนส์ และหั่งเส็ง

แต่ของเรายังมีปัจจัยลบอยู่ในเรื่องน้ำท่วม ที่จะทำให้ต้องเริ่มฟื้นฟูสภาพเศรษฐกิจกันใหม่หลังน้ำลด...



หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Temujin ที่ วันที่ 27 ตุลาคม 2011, 21:17:41

ตลาดหุ้น ผันผวน ชวนปวดหัว
ยังเนียนัว ทุบแล้วปั่น มันขาใหญ่
สนุกสนาน รื่นเริง บันเทิงใจ
รายย่อยต้อง หม่นไหม้ อกใจรัว

อดทนเถิด อดทนไว้ เรารายย่อย
ต้องรอคอย อย่างมั่นคง อย่าหลงหลัว
หุ้นดีดี  มีถือไว้  ไม่ต้องกลัว
จะปรับตัว ปรับราคา ขึ้นมาเอง... :D


มาปลอบใจนักลงทุนรายย่อยครับ..... ;D

 ชอบครับ ลุงคิวฯ  ;D ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: pairote sitthikhankaew ที่ วันที่ 02 พฤศจิกายน 2011, 02:06:26
ลงทุนในตลาดหุ้นมา 6 ปีเหมือนกันและทำงานในบริษัทที่ใหญ่อันดับต้นๆในตลาดทุน น่าจะเป็นรองแค่บริษัท PTT (ปตท.)  เห็นวิกฤตตั้งแต่โรคซาร์/ไข้หวัดนกแต่ไม่เคยเปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาสได้ซักครั้งหนึ่ง แนะนำว่าคนที่จะมาลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้ดี
ไม่ควรทุ่มจนหมดตัวค่อยๆเป็นค่อยๆไปครับ


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 08 พฤศจิกายน 2011, 17:52:29

จากประสบการณ์ ผมมีความเห็นเป็นส่วนตัวว่า ขณะนี้ตลาดกำลังแกว่งขึ้นครับ เพื่อนสมาชิกที่ถือหุ้น
พื้นฐานดีเอาไว้คงใจชื้นขึ้น

ถ้าท่านได้ทยอยซื้อเอาไว้ ก็ทยอยขายออกบ้างในส่วนที่มีกำไร (ตามแนวทางที่ผมให้ไว้ในกระทู้นี้)
นะครับ อย่ารีบขายออกไปครั้งเดียว หรือรอขายครั้งเดียวเอากำไรเยอะๆ  ;D


 




หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Ukrit ที่ วันที่ 11 พฤศจิกายน 2011, 21:27:45
เล่นหุ้นtfex ยัง/งครับ มีหลักการเล่นหรือวิธีคิดที่จะได้มากกว่าไหมครับ.   เจ็บมาเยอะ    ขอบคุนครับแนะนำหน่อย


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 12 พฤศจิกายน 2011, 10:50:12
เล่นหุ้นtfex ยัง/งครับ มีหลักการเล่นหรือวิธีคิดที่จะได้มากกว่าไหมครับ.   เจ็บมาเยอะ    ขอบคุนครับแนะนำหน่อย

เรื่อง tfex ผมไม่ถนัด รอผู้รู้มาให้ความกระจ่างนะครับ...! ;)


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: วายุ ที่ วันที่ 13 พฤศจิกายน 2011, 17:58:02
     ผมไม่ทราบว่าท่านจะลองภูมิหรือไม่  เพราะเพิ่งลงเป็นกระทู้แรก  แต่ผมก็จะตอบตามความเห็นของผมก็แล้วกันนะครับ

     ขอแยกเป็นประเด็นก็แล้วกัน
1.หลักการเล่น  มันก็คือเล่นให้ถูกทางแค่นั้นเองแหละครับ  ถ้าคุณคิดว่ามันจะไปทางไหน  คุณก็เล่นไปทางนั้น  ถ้าเล่นผิดทาง  มันก็เสีย

2.วิธีที่จะได้มากกว่า  มากกว่าอะไรหรือครับ  เพราะเวลาเราเล่น  มันก็มีหน่วยคูณเป็นจุดอยู่แล้วนี่นา

     และสุดท้ายนี้เป็นข้อคิดนะครับ  ถ้าคุณลงทุนซื้อหุ้น  แล้วสมมุติว่าหุ้นนั้นมันตกลงมาจนไม่เหลือค่าอะไรเลย  นั่นเท่ากับว่า  คุณได้เสียเงินทั้งหมดไปใช่ไหม?  แต่ถ้าคุณซื้ออนุพันธ์(TFEX)  แล้วมันตกลงมามาก  มันไม่ใช่แค่เงินที่คุณได้ลงทุนไปทั้งหมดจะหายไป  แต่คุณยังสามารถติดลบได้ด้วย  โดยการต้องเอาเงินเข้าไปเติมตามที่เขาเรียกร้อง  และถ้าคุณต้องการลดความเสียหายที่จะเกิดขึ้น  คุณก็ต้องนั่งเฝ้าดูตลาดอยู่ตลอดเวลาใช่ไหม  ทีนี้คุณจะมีเวลาเหลือไปใช้ชีวิตทำอย่างอื่นอีกเท่าไหร่  และเมื่อคุณนั่งดูตลาดและเห็นว่ามันกำลังจะไปในทิศทางตรงกันข้ามกับที่คุณเก็งไว้  คุณก็จะต้องปิดสถานะใช่ไหม  และสิ่งที่จะตามมาก็คือ  ค่าคอมในการปิดสถานะ  ก็ตรองดูแล้วกันนะครับ


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: kero2522 ที่ วันที่ 17 พฤศจิกายน 2011, 08:28:24
ผม เล่นหุ้น ออนไลน์ ตลาด forex เหมือนกันเปล่า
http://www.marketiva.com/index.ncre?page=banners
http://www.marketiva.com/index.ncre?page=banners2
วิธีสมัคร
http://www.forexhot.com/About/Open-account.html


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Temujin ที่ วันที่ 17 พฤศจิกายน 2011, 20:50:04
จะ TFEX , AFAT, หรือไปไกลถึง FOREX มันก็ล้วนเป็นอนุพันธ์ อย่างที่ท่านวายุกล่าวไป อย่าง TFEX ก็จะอิงกับหุ้นที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ไทย

แต่ก็มีของใหม่มาให้เล่นก็คือ ทอง และเงินที่เป็นตัวล่าสุด อนาคตก็ผมก็ไม่ทราบว่าท่านนักลงทุนอยากเล่นหรือจะเข็นตัวใหนเข้า

ส่วน AFET คือ สินค้าเกษตรล่วงหน้า ที่เป็นข้าว มัน ยางพารา และอื่นๆ ที่จะเข้ามาเทรดในอนาคต และสุดท้าย FOREX คือ ค่าเงินซึ่งตอนนี้ก็มีหลายสกุล

สำหรับผมผมว่าตลาดล่วงหน้าพวกนี้เหมาะกับการประกันความเสี่ยงมากกว่าลุงทุนเป็นจริงเป็นจัง และถ้าจะเอากับมันจริงๆ ผมว่าแทบจะไม่มีเวลาให้ตัวเอง

เพราะต้องติดตามวินาทีต่อวินาทีทั่วโลก ต้องหาข้อมูลกับแบบนั้นเลยทีเดียว บางครั้งก็อ่อนไหวหรือไม่ก็ไม่เป็นไปตามความจริงเท่าไหร่

อย่างกรณี ญี่ปุ่น ตอนซึนามิ มีหลายท่านที่เก็งว่าเงินเยนมันจะอ่อน แต่ผิดคาดครับ กลับแข็ง เพราะญี่ปุ่นขนเงินเข้าประเทศ เป็นต้น

สำหรับนักลงทุนต่างๆ ที่ยุ่งอยู่กับการส่งออก-หรือนำเข้ากับกับสิ่งที่ผมได้กล่าวมา เช่น เจ้าของห้างทอง หรือ ที่ทำเงิน ทางเหนือก็มีเยอะมิใช่หรือทำเครื่องเงิน

พ้อค้าส่งออกข้าว ยางพารา บริบัทที่รับเหมาก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ ๔ (อิอิ) เป็นต้น เหมาะมากกับตลาดพวกนี้

ส่วนผมตอนนี้ไม่ไหวครับ เลือดกำเดาจะไหล รวมทั้งความเป็นส่วนตัวและมาตราฐานการดำรงชีพเปลี่ยนไปถ้ามาลงทุนกับสิ่งเหล่านี้..

ที่ผมร่ายมาเอาซะยาวคงพอเข้าใจนะครับ อย่าเพิ่งงงล่ะ เอาเท่านี้ก่อนถ้าสงสัยก็ค่อยถามใหม่หรือรอท่านอื่นมาเสริม.


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 20 พฤศจิกายน 2011, 11:04:52

ตลาดหุ้นช่วงนี้แกว่งตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง เหมือนกับน้ำท่วมที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง  ;D

จากประสบการณ์ ผมมีความเห็นเป็นส่วนตัวว่า ตลาดฯจะยังคงแกว่งขึ้นไปอีกระยะหนึ่ง จนถึงประมาณ
ไม่เกินกลางเดือนธันวาคม จะเริ่มปรับตัว ปรับฐานอีก แต่ดัชนีไม่น่าจะลงไปมากเหมือนช่วงที่เพิ่งผ่านมา

ท่านที่มีหุ้นอยู่ในพอร์ต ล้อตใดที่มีกำไรพอสมควร ก็ควรทยอยขายออกบ้างนะครับ อย่าให้เสียโอกาส
สำหรับผม หุ้น top ที่รับไว้ที่ราคา 50 บาท ต้นๆ ก็ขายไปแล้วที่ 60 บาท ต้นๆ จำนวนนิดหน่อยครับ ;D

ท่านที่ไม่มีหุ้นในพอร์ตใช้เงินหมุนลงทุนระยะสั้น ก็หาจังหวะกันเอาเองนะครับ (ลงทุนระยะสั้น อย่า
เอาส่วนต่างมากนัก เดี๋ยวจะพลาดพลั้ง  ;D)



หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 01 ธันวาคม 2011, 09:57:50

มาเรียนย้ำตามประสบการณ์นะครับ ว่าหุ้นล็อตใดที่มีกำไรพอสมควร ให้ทยอยขายนะครับ อย่าให้เสียโอกาส

ภาวะตลาดหุ้นช่วงนี้กำลังแกว่งขึ้น แต่อย่าลืมว่า ตลาดฯมีขึ้น มีลง เหมือนอุทกภัยตอนนี้แหละครับ  ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 01 ธันวาคม 2011, 11:06:36

เพื่อนสมาชิกนักลงทุนท่านใดที่ลงทุนในหุ้นหลายๆตัวที่ต่างอุตสาหกรรมกัน จะเห็นความแตกต่าง
อย่างชัดเจนว่า การแกว่งขึ้น หรือลง ของหุ้น ที่ต่างอุตสาหกรรมกันนั้น จะไม่เหมือนกัน แม้ว่าดัชนี
ตลาดจะแกว่งขึ้นแรงอย่างวันนี้ แต่หุ้นพื้นฐานดีบางตัวเช่น BECL  RATCH  EGCO MCOT  ขยับขึ้น
เพียงเล็กน้อย  แต่หุ้นกลุ่มธนาคาร  และพลังงานน้ำมัน หรือหุ้นของกิจการที่มีพื้นฐานไม่ค่อยดีกลับขึ้น
เยอะกว่า ทั้งนี้เพราะเหตุปัจจัยหลายๆอย่างที่ผมได้เรียนไว้แล้วในตอนต้นๆของกระทู้นี้




 


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 04 ธันวาคม 2011, 12:49:29
การเรียนหนังสือ การทำงานเป็นลูกจ้าง ข้าราชการ ค้าขาย และ ฯลฯ ล้วนเป็นการลงทุนทั้งสิ้น

ผมเชื่อว่ามีคนจำนวนไม่น้อย เป็นนักต่อสู้ชีวิต ที่ต้องลงทุนพร้อมกันในหลายๆอย่าง เนื่องจากความ
จำเป็นในชีวิต มีภาระอันมากมายที่ต้องรับผิดชอบ จึงต้องทำงานไปพร้อมกับเรียนหนังสือไปด้วย ซึ่ง
ผมก็เป็นคนหนึ่งที่ต้องทั้งทำงานและเรียนหนังสือไปด้วย บางห้วงเวลาก็ต้องทำงานหลายๆอย่างด้วย
กัน ซึ่งผมขอเรียกว่าเป็นการลงทุนแบบผสม ซึ่งต้องยอมรับกันว่าห้วงเวลานั้น เป็นห้วงเวลาที่หนักหนา
สาหัสสากรรทีเดียว ท่านที่มีประสบการณ์ดังกล่าวมา ย่อมซาบซึ้งดี

การลงทุนในหุ้นหลายๆตัว (หลายอุตสาหกรรม) สำหรับผม ก็ถือว่าเป็นการลงทุนแบบผสมอย่างหนึ่ง
หรือที่ในแวดวงการลงทุนเรียกว่า การกระจายความเสี่ยง

ในแต่ละธุรกิจอุตสาหกรรมนั้น มีภาวะขึ้นลงแตกต่างกันออกไป จุดสูงสุด ต่ำสุดของแต่ละอุตสาหกรรม
ก็ไม่เหมือนกัน

ในทำนองเดียวกัน หุ้นในตลาดฯของแต่ละอุตสาหกรรม ก็มีภาวะขึ้นลง แตกต่างกันตามภาวะของการ
ขึ้นลงของแต่ละอุตสาหกรรมเช่นกัน

แต่หุ้นนั้นมีปัจจัยอื่นที่เข้ามาทำให้มีราคาขึ้นลงนอกเหนือจากภาวะขึ้นลงของอุตสาหกรรมอีกด้วย



หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 04 ธันวาคม 2011, 15:27:02

เมื่อธุรกิจต่างอุตสาหกรรมมีภาวะขึ้นลงที่ต่างกัน นักลงทุนรายย่อยที่มีศักยภาพด้านการเงินพอที่จะลง
ทุนในหุ้นหลายๆตัวได้ ก็ควรที่จะลงทุนในหุ้นหลายๆตัวที่ต่างอุตสาหกรรม พอร์ตลงทุนจะได้มีการ
ถ่วงดุลกันเอาไว้  มิให้ดูย่ำแย่มากนักในเวลาที่ตลาดฯเป็นขาลง แต่เมื่อตลาดฯเป็นขาขึ้น แม้ว่าพอร์ต
ลงทุนจะไม่ดูดีหวือหวาเหมือนกับพอร์ตลงทุนที่มีหุ้นเพียง 1 หรือ 2 ตัว ก็ไม่ต้องไปอิจฉาเขา

เพราะในโลกแห่งการลงทุนในตลาดหุ้น ความมหัศจรรย์ก็เกิดขึ้นได้เสมอ (เป็นข้อเขียนที่เป็นวลีของ
ท่านอาจารย์ ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร) เพราะหุ้นที่ตามปกติดูจะไม่ใคร่เคลื่อนไหวขึ้นลงมากนัก มีโอ
กาสสร้างส่วนต่าง (ผลกำไร) ให้เจ้าของพอร์ตเป็นกอบเป็นกำสูงถึงกว่า 50 - 100 % ทีเดียวก็มี ซึ่ง
ผมเองเคยได้ประสพมาแล้วหลายครั้ง ที่สำคัญคือต้องเป็นหุ้นของธุรกิจที่มีพื้นฐานดี มั่นคง จ่ายปันผล
สม่ำเสมอ และที่สำคัญที่สุดก็คือ เจ้าของพอร์ตลงทุนต้องมั่นคง ไม่หวั่นไหววอกแวก ในเวลาที่สถาน
การณ์ตลาดไม่ดี (ดูตัวเลขทางบัญชีแล้วเกิดวิตกกังวล เนื่องจากเห็นตัวเลขติดลบขาดทุนทางบัญชี)
 


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 05 ธันวาคม 2011, 10:09:12

การลงทุนในแวดวงตลาดการเงินการลงทุนนี้ มีผู้ให้คำแนะนำไว้หลายๆแนวทางด้วยกันโดยให้เหตุผล
แตกต่างกันไป ตามความต้องการของผู้ลงทุน ตามที่ผู้ลงทุนสามารถรับความเสี่ยงได้ ตามศักยภาพ
ทางการเงินของผู้ลงทุนแต่ละท่าน คือการลงทุนในตั๋วสัญญาใช้เงิน พันธบัตร เงินฝากธนาคาร หุ้น หุ้นกู้
กองทุนรวมประเภทต่างๆ ซึ่งแต่ละรูปแบบก็มีความเสี่ยงและผลตอบแทนที่แตกต่างกันไป

ซึ่งส่วนใหญ่ก็มักจะแนะนำให้ลงทุนแบบผสมผสาน คือให้นักลงทุน ลงทุนทั้งในตั๋วสัญญาใช้เงิน หุ้น
หุ้นกู้ กองทุนฯ พันธบัตร เงินฝากธนาคาร ไปในขณะเดียวกัน โดยให้เหตุผลว่า เพื่อจำกัด หรือกระจาย
ความเสี่ยง แต่จะมีนักลงทุนรายย่อยสักกี่ท่านที่มีศักยภาพทางการเงินที่จะลงทุนได้ทุกประเภทอย่างนั้น

ส่วนตัวของผมก็ไม่มีศักยภาพเพียงพออย่างนั้น ผมจึงหาวิธีลงทุนแบบผสมผสานของผมเอง เฉพาะ
การลงทุนในหุ้น ซึ่งจะได้ค่อยๆทยอยเรียบเรียงออกมาเล่าสู่กันฟังนะครับ

และท่านใดมีวิธีการลงทุนแบบผสมผสานอย่างไร ก็สามารถนำมาแชร์กันได้ครับ  ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 07 ธันวาคม 2011, 19:41:04

การลงทุนในหุ้นแบบผสมผสานของผมคือ การลงทุนใน

1. ธุรกิจที่ต่างอุตสาหกรรมกัน

2. ธุรกิจที่ขายสินค้า หรือบริการที่จำเป็นในการดำรงชีพในชีวิตประจำวัน

3. ธุรกิจที่จ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ

นี้คือหลักการกว้างๆของผม แต่ในรายละเอียดนั้น ในธุรกิจแต่ละธุรกิจ ต้องมีปัจจัยอื่นๆเข้ามาประกอบ
การพิจารณาด้วย เช่นความมีธรรมาภิบาลของผู้บริหาร ธุรกิจทุกประเภทถ้าผู้บริหารไม่มีธรรมาภิบาล
แล้ว แม้ว่าธุรกิจนั้นจะเป็นธุรกิจที่ขายสินค้า หรือบริการที่จำเป็นของมนุษย์ก็ตาม ธุรกิจนั้นๆก็อาจล่ม
สลายได้ ดังปรากฏให้เห็นเป็นข่าวอยู่เนืองๆ เมื่อธุรกิจล่มสลาย ผู้ถือหุ้นก็วอดวาย

ในช่วงที่ธุรกิจซบเซาตามฤดูกาลของธุรกิจแต่ละประเภท หรือเกิดวิกฤติการณ์ทางเศรษฐกิจบางช่วง
ทำให้ธุรกิจซบเซา ราคาหุ้นก็ตกต่ำไปด้วย แต่ถ้าผู้บริหารดีมีธรรมาภิบาล ธุรกิจนั้นๆก็จะฟื้นตัวกลับ
มาได้ ราคาหุ้น ผลตอบแทนผู้ถือหุ้นก็จะฟื้นกลับมาเช่นกันครับ



หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 09 ธันวาคม 2011, 07:53:53

ท่านนักลงทุนที่ทยอยรับหุ้นไว้เมื่อช่วงกันยาตุลา ช่วงนี้คงสดใส ทยอยขายทำกำไรเอาเงินไว้ใช้ฉลอง
คริสมาสต์และปีใหม่กัน...

มาย้ำกันบ่อยๆนะครับ ว่ามีวันน้ำท่วม ก็ต้องมีวันน้ำลด น้ำจะไม่ท่วมอยู่ตลอดไปฉันใด หุ้นก็ไม่ขึ้นตลอด
ไป ฉันนั้น ใช้วิธีทยอยซื้อ ทยอยขาย สบายๆครับ... :)



หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 09 ธันวาคม 2011, 10:23:47
การลงทุนในธุรกิจที่ต่างอุตสาหกรรมกัน

เราลองมาอนุมานว่า ผู้บริหารในทุกธุรกิจอุตสาหกรรมเป็นผู้มีธรรมาภิบาลเหมือนกัน แต่อุตสาหกรรม
ที่ต่างประเภทกัน ก็มีข้อเด่น ข้อด้อย ช่วงเวลาที่เป็นขาขึ้นของธุรกิจ ช่วงเวลาที่ธุรกิจซบเซา แตกต่าง
กันไปด้วย ในสถานการณ์ที่ภาวะเศรษฐกิจดำเนินไปตามปกติไม่มีเหตุแทรกซ้อน แต่ถ้ามีเหตุแทรก
ซ้อน (ซึ่งผมถือว่าเป็นข้อยกเว้นจากสถานการณ์ปกติ) เกิดเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก เช่น กรณีวิกฤตต้ม
ยำกุ้ง หรือแฮมเบอร์เกอร์ ธุรกิจต่างๆซึ่งเชื่อมโยงกันอยู่ทั้งทางตรง ทางอ้อม ก็จะเกิดผลกระทบตกอยู่
ในภาวะถดถอยซบเซา มากน้อยแตกต่างกันไป ตามประเภทของธุรกิจ ธุรกิจธนาคาร อสังหาริมทรัพย์
วัสดุก่อสร้าง พลังงานน้ำมัน จะได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก ธุรกิจขนส่งสินค้า คมนาคม ได้รับผล
กระทบรองลงไปธุรกิจอาหาร พลังงานไฟฟ้า สื่อสาร จะได้รับผลกระทบไม่มากนักเพราะคนทั่วไปย่อม
ต้องการอาหารเพื่อการยังชีพ ขาดไม่ได้ และในโลกปัจจุบัน คนทั่วไปก็ต้อง ใช้ไฟฟ้า ใช้โทรศัพท์
ติดต่อสื่อสารกันในชีวิตประจำวันทุกวัน

ในพอร์ตลงทุนของผมจึงมีทั้งหุ้นในกลุ่มวัสดุก่อสร้าง พลังงานน้ำมัน คมนาคม อาหาร ไฟฟ้า สื่อสาร
(แต่ตอนนี้สื่อสารทั้ง DTAC   ADVANC  ขายไปหมดแล้ว  ;D)  
   




หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 09 ธันวาคม 2011, 14:17:18

ธุรกิจที่ขายสินค้า หรือบริการ ที่จำเป็นในการดำรงชีพประจำวัน

ธุรกิจที่ขายสินค้าหรือบริการที่จำเป็นนี้ เช่น ธุรกิจอาหาร ห้างสรรพสินค้า ผลิตไฟฟ้า จะเป็นธุรกิจที่
ให้ผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้นในรูปเงินปันผลที่สม่ำเสมอ ในสถานการณ์ปกติ ราคาหุ้นจะไม่ค่อยเคลื่อน
ไหวขึ้นลงรวดเร็วหวือหวานัก และส่วนใหญ่จะไม่ขึ้นลงตามดัชนี นอกจากมีสถานการณ์ที่เป็นข้อยกเว้น
ที่ผมได้กล่าวมาแล้ว ซึ่งถ้าหุ้นของธุรกิจประเภทนี้ตกต่ำตามดัชนีมากๆ ขอให้รวบรวมความกล้า ทยอย
รับลงทุนได้ครับ โดยดูอัตราผลตอบแทนปันผลในอดีตที่สม่ำเสมอ เทียบกับราคาหุ้นที่ท่านตัดสินใจ
จะซื้อลงทุนว่าคุ้มหรือไม่ และผมขอย้ำว่า ให้ทยอยซื้อครับ และเมื่อสถานการณ์ที่เป็นข้อยกเว้นผ่านไป
หุ้นประเภทนี้ก็จะค่อยๆกลับขึ้นมาตามผลกำไรของธุรกิจ และผลตอบแทนเงินปันผลครับ


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: สมพร1962 ที่ วันที่ 11 ธันวาคม 2011, 20:12:09
ขอบคุณครับ สำหรับข้อมูล และความรู้เืพื่อเป็นวิทยาทาน ผมอ่านแค่สองหน้า มึนเลย แต่ก็ดีมากครับใช้เปรียบเทียบได้กับการเริ่มลงทุน หรือดำเนินการลงทุนอยู่ อ่านเป็นข้อมูลพื้นฐานธุรกิจได้ครับ ไม่จำเป็นต้องใช้ในตลาดหุ้นเสมอไปครับ


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 11 ธันวาคม 2011, 20:57:59
ขอบคุณครับ สำหรับข้อมูล และความรู้เืพื่อเป็นวิทยาทาน ผมอ่านแค่สองหน้า มึนเลย แต่ก็ดีมากครับใช้เปรียบเทียบได้กับการเริ่มลงทุน หรือดำเนินการลงทุนอยู่ อ่านเป็นข้อมูลพื้นฐานธุรกิจได้ครับ ไม่จำเป็นต้องใช้ในตลาดหุ้นเสมอไปครับ

ด้วยความยินดีครับ..... ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: สมพร1962 ที่ วันที่ 11 ธันวาคม 2011, 21:41:58
รบกวนท่านยังงี้นะครับ คือผมเป็นคนที่ชอบอ่านไปคิดตามไปเลือยตามความเข้าใจ มีอยู่ 2 ข้อความที่ไม่เข้าใจ
ถ้าท่านได้มีคำตอบแล้ว ช่วยบอกหน้าด้วยนะครับ แต่ถ้าท่านยังไม่เคยตอบในกระทู้ใด ผมขอรบกวนท่านช่วยอธิบายพอคร่าวๆ ก็ได้นะครับ

1.เครดิตทางภาษี   คืออะไร ดียังไงครับ
2.ใบสำคัญแสดงสิทธิ  คืออะไรสำคัญยังไงครับ

ขอบคุณครับ


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 12 ธันวาคม 2011, 07:51:35

ขออนุญาตเรียนเรื่อง เครดิตภาษีก่อนนะครับ

ผมได้โพสไว้ในกระทู้นี้ใน« ตอบ #168 เมื่อ: วันที่ 11 มิถุนายน 2011, 17:43:18 » แล้ว แต่ขอ
อนุญาต ก๊อป มาลงไว้เลย เพื่อจะได้ไม่ต้องเปิดย้อนไปอีก

   Re: >>> ศิลปการลงทุนระยะยาว <<<
« ตอบ #168 เมื่อ: วันที่ 11 มิถุนายน 2011, 17:43:18 »   
________________________________________
เครดิตภาษี

   เครดิตภาษี อธิบายอย่างย่อๆพอเข้าใจ คือภาษีที่นิติบุคคลได้จ่ายให้รัฐไปแล้ว แต่บุคคลธรรมดาสา
มารถขอคืนได้ เนื่องจากว่าภาษีที่นิติบุคคลจ่ายไปนั้น เป็นอัตราที่กำหนดไว้เฉพาะนิติบุคคลเท่านั้น
บุคคลธรรมดาทั่วไปไม่ต้องจ่ายภาษีเงินได้ในอัตราที่นิติบุคคลต้องจ่าย  นลท รายย่อยซึ่งเป็นบุคคล
ธรรมดาที่ได้ถือหุ้นของนิติบุคคลนั้นๆอยู่ จึงสามารถขอคืนภาษีที่นิติบุคคลได้ชำระไปแล้วได้

ขอคืนภาษีอย่างไร
   
   ภาษีนิติบุคคลนั้น จ่ายจากกำไรสุทธิ ตามรอบระยะเวลาบัญชี โดยทั่วไปนิติบุคคลต้องจ่ายภาษีประ
มาณ 25% - 30% ของกำไรสุทธิ และนิติบุคคล (หรือบริษัทฯที่จดทะเบียนในตลาดฯ) นำกำไรที่ได้ชำระ
ภาษีแล้วดังกล่าวมาจัดสรรเป็นเงินปันผลจ่ายให้ผู้ถือหุ้น

   บุคคลธรรมดาที่ถือหุ้นของบริษัทฯจดทะเบียนฯนั้นๆอยู่ ไม่ต้องเสียภาษีเงินได้ในอัตราที่บริษัทฯ
ต้องจ่าย กฎหมายจึงกำหนดให้รัฐต้องคืนภาษีที่บริษัทฯได้ชำระไว้แล้วให้บุคคลธรรมดาที่ถือหุ้น และ
ได้รับเงินปันผลจากบริษัทฯดังกล่าว โดยต้องยื่นแบบแสดงรายการเงินได้ฯ และเมื่อคำนวณภาษีออก
มาแล้วได้มีการชำระภาษีเกินไปเท่าใด ก็สามารถขอคืนได้

   อุทธาหรณ์ บริษัท A ต้องชำระภาษี 30 % ของกำไรสุทธิ เมื่อบริษัทฯชำระภาษีเงินได้นิติบุคคลแล้ว
ก็นำกำไรหลังจากที่ได้ชำระภาษีแล้วนั้น นำมาจัดสรรจ่ายเป็นเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้น  สมมติว่าผู้ถือหุ้น
ซึ่งเป็นบุคคลธรรมดาได้รับเงินปันผลจำนวน 10,000 บาท ก็จะได้รับเครดิตภาษีอีก 30% (แต่ไม่ใช่
30% ของเงินปันผลที่ได้รับนะครับ แต่จะตกประมาณ 42.85% ของเงินปันผลที่ได้รับ) กรณีนี้ผู้ถือหุ้น
ซึ่งได้รับเงินปันผลจำนวน 10,000 บาท ไปแล้ว จึงยังจะได้รับเครดิตภาษีอีกจำนวน 4,285 บาท ด้วย

    ผมเชื่อว่า นลท รายย่อยอีกเป็นจำนวนมาก อาจไม่รู้ว่า นอกเหนือจากเงินปันผลแล้ว ยังจะได้รับเคร
ดิตภาษีอีกด้วย  สำหรับผมนั้นในปีแรกที่เข้าตลาดฯก็ไม่รู้ จึงไม่ได้ขอรับเครดิตภาษี

   ในเวลาต่อมาเมื่อผมได้รู้และได้ขอรับเครดิตภาษีแล้ว ผมยังได้มีโอกาสรู้จักเพื่อน นลท ในห้องค้า
อีกหลายท่านที่ไม่รู้ ซึ่งผมได้ช่วยชี้แนะและคำนวณเครดิตภาษีให้ในครั้งแรกๆ

    ที่ผมนำเรื่องเครดิตภาษีมาเรียบเรียงไว้ย่อๆนี้ ก็เพื่อให้ นลท รายย่อยพอเข้าใจว่า ประโยชน์ที่ นลท
ระยะยาวจะได้รับจากการลงทุนในหลักทรัพย์ นอกเหนือจากส่วนต่างของราคาหุ้น และเงินปันผลแล้ว
นลท ยังจะได้รับประโยชน์จาก เครดิตภาษี อีกด้วย และเพื่อเป็นข้อมูลให้ท่านที่สนใจ ได้ใช้พิจารณา
ประกอบการตัดสินใจเข้าเป็น นลท ระยะยาวด้วยครับ



หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: สมพร1962 ที่ วันที่ 12 ธันวาคม 2011, 10:06:24
ขอบคุณครับ


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 12 ธันวาคม 2011, 10:41:49
ใบสำคัญแสดงสิทธิ (Warrant)

ใบสำคัญแสดงสิทธินี้ เท่าที่ทราบจะมีอยู่สองประเภท คือใบสำคัญแสดงสิทธิธรรมดา
และใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ (Covered Warrant)

ใบสำคัญแสดงสิทฺธิธรรมดานั้น คือตราสารอนุพันธ์ชนิดหนึ่งซึ่งบริษัทเจ้าของหลักทรัพย์ (หุ้น) ออก
จำหน่ายให้กับนักลงทุน เพื่อให้สิทธิแก่ผู้ถือตราสารนี้ ในการซื้อหุ้นสามัญของบริษัทฯ ในราคา และ
ระยะเวลาที่บริษัทฯกำหนด ซึ่งบริษัทฯจะออกหุ้นเตรียมไว้เพื่อรองรับการใช้สิทธิดังกล่าว เงินที่ได้จาก
การใช้สิทธิซื้อหุ้นสามัญของนักลงทุน ก็จะนำไปใช้เป็นทุนหมุนเวียนในกิจการของบริษัทฯ เท่ากับ
เป็นเครื่องมือในการระดมทุนในช่วงที่บริษัทฯมีโครงการขยายกำลังการผลิต หรือขยายกิจการนั่นเอง
 
ใบสำคัญแสดงสิทธิธรรมดานั้นมักจะออกให้กับนักลงทุนที่ถือหุ้นสามัญของบริษัทฯอยู่แล้ว และมักจะ
เป็นการให้เปล่าในอัตราส่วนที่บริษัทฯกำหนด (เช่น สี่ ต่อ หนึ่ง หมายความว่าถ้านักลงทุนถือหุ้นสามัญ
อยู่ 4 หุ้น ก็จะได้รับ 1 Warrant หรือ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ) และบริษัทฯจะนำใบสำคัญแสดงสิทธินี้
จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เพื่อให้มีการซื้อขายเปลี่ยนมือกันได้  แต่ก็มีบางบริษัทฯที่ออกใบสำคัญ
แสดงสิทธินี้ให้เฉพาะพนักงานและผู้บริหารในบริษัทฯ ไม่ให้แก่นักลงทุนทั่วไป และไม่นำเข้าจดทะ
เบียนในตลาดฯ ไม่ให้ซื้อขายเปลี่ยนมือได้

และการออกใบสำคัญแสดงสิทธินี้ ต้องได้รับอนุญาตจากตลาดหลักทรัพย์เสียก่อน จึงจะออกได้

ส่วน Covered Warrant นั้นจะคล้ายคลึงกับ Warrant ธรรมดา แต่ต่างกันที่ผู้ออกCovered Warrant
นั้น ไม่ใช่บริษัทเจ้าของหลักทรัพย์ และบริษัทเจ้าของหลักทรัพย์ก็ไม่ได้มีการออกหุ้นใหม่มาเพื่อรอง
รับการใช้สิทธิ แต่ผู้ออก Covered Warrant ใช้หุ้นที่ถืออยู่ หรือหาซื้อหุ้นในตลาดฯมารองรับการใช้
สิทธิ ดังนั้น Covered Warrant จึงเป็นเพียงเครื่องมือทางการเงิน ไม่ใช่เครื่องมือในการระดมทุนเช่น
Warrant ธรรมดา

เอาคร่าวๆก่อนนะครับ ถ้ายังไม่ค่อยกระจ่าง ถามได้อีกครับ จะตอบตามความรู้และประสบการณ์ที่มีครับ... ;D



หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: สมพร1962 ที่ วันที่ 12 ธันวาคม 2011, 14:30:40
ขอบคุณอีกครับนะครับ ขออนุญาติทำความเข้าแล้วหากมีคำถามใด ผมขอรบกวนท่านอีกครั้งนะครับ ขอบคุณครับ


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 13 ธันวาคม 2011, 19:44:23
ธุรกิจที่จ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ

แน่นอนครับ ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนโดยตรงหรือโดยอ้อม ผู้ลงทุนก็ย่อมต้องหวังผลตอบแทนจากการ
ลงทุนทุกคน การลงทุนในหุ้นจัดว่าเป็นการลงทุนโดยอ้อมครับ  คือนักลงทุนรายย่อยที่ลงทุนโดยการ
ซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ ไม่ได้เข้าไปบริหารกิจการเอง แต่อาศัยเจ้าของ ผู้บริหารกิจการ เป็น
ผู้บริหารจัดการธุรกิจ จะกำไรมากน้อยแค่ไหน หรือขาดทุนล้มเหลว ขึ้นอยู่กับเจ้าของ หรือผู้บริหารฯ
เท่านั้น ไม่ขึ้นอยู่กับผู้ถือหุ้น ผมจึงขอเรียนว่า ปัจจัยสำคัญปัจจัยหนึ่งที่นักลงทุนพึงให้ความสำคัญใน
การพิจารณาเลือกซื้อหุ้นลงทุน ว่าสมควรลงทุนกับกิจการใด ก็คือ เจ้าของ และผู้บริหาร ว่ามีความ
สามารถ และมีธรรมาภิบาลเพียงใดหรือไม่ แต่จะดูอย่างไรนั้น เป็นข้อเท็จจริงที่มีรายละเอียดปลีกย่อย
มากมาย ผมจะทยอยเรียบเรียงมาเล่าสู่กันฟัง เท่าที่พอจะออกอากาศได้ และเท่าที่พอจะเข้าใจจาก
ประสบการณ์ที่ผ่านมาครับ

เรามาว่ากันถึงเรื่องธุรกิจที่จ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอก่อนครับ ผมเป็นคนหนึ่งซึ่งก่อนที่จะลงทุนซื้อหุ้นของ
กิจการใด ผมจะมองไปที่การจ่ายปันผลว่า กิจการนั้นมีการจ่ายปันผลสม่ำเสมอหรือไม่ เป็นลำดับแรก
ปัจจัยต่อมาก็คือ ประเภทของกิจการ เจ้าของ ผู้บริหาร  เมื่อได้ข้อมูลเบื้องต้นดังกล่าวพอมั่นใจได้ใน
ระดับหนึ่งแล้ว ก็มาดูที่ราคาหุ้นปัจจุบัน เปรียบเทียบกำไรย้อนหลังไปในอดีต ต่อเนื่องกับการคาดการณ์
ผลประกอบการ ผลกำไร และการที่กิจการจะจ่ายปันผลในอนาคต (การลงทุน คือการซื้ออนาคต)

ขอปิดเบรกนี้ไว้ก่อน สำหรับหัวข้อนี้ยังมีต่ออีกครับ

  


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 14 ธันวาคม 2011, 14:15:23
ธุรกิจที่จ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ (ต่อ)

ธุรกิจ หรือกิจการที่จ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอมีอยู่มากมายในตลาดหลักทรัพย์ โดยเฉพาะกิจการที่มั่นคง
มีนักลงทุนรายย่อยนิยมเข้าไปลงทุนซื้อขายหุ้น เช่น กิจการพลังงานน้ำมัน ถ่านหิน ธนาคาร วัสดุก่อ
สร้าง ซึ่งหุ้นของกิจการเหล่านี้จะมีสภาพคล่องสูง (สภาพคล่องสูง หมายถึงในทุกๆวันจะมีการซื้อขาย
หุ้นเปลี่ยนมือกันเป็นจำนวนมาก ที่เรียกกันว่า มีคนเข้ามาเล่นกันมาก) แต่เงินปันผลที่จ่าย เทียบกับ
ราคาตลาดของหุ้นแล้ว ไม่น่าคุ้มกับการลงทุนซื้อแล้วถือไว้เพื่อรอรับปันผล นักลงทุนรายย่อยส่วนใหญ่
ที่ไม่มีหุ้นในมือ จึงมักจะลงทุนในลักษณะ เก็งกำไร รายวันกันมากกว่า

ส่วนกิจการที่จ่ายเงินปันผลดี ดูคุ้มค่ากับเงินลงทุน หุ้นของกิจการนั้นปกติจะไม่ค่อยมีสภาพคล่องนัก
นานๆครั้งผู้ถือหุ้นรายใหญ่จะหยิบขึ้นมาสร้างราคา ทำให้เกิดสภาพคล่องขึ้นชั่วคราว นักลงทุนรายย่อย
มือใหม่ที่คิดลงทุนเพื่อเงินปันผล เข้าไปซื้อแล้วถือไว้ หุ้นก็ตกเอาๆ เกิดความหงุดหงิดกังวลจนกลาย
เป็นความทรมานใจ (เพื่อนนักลงทุนของผมหลายคนชอบพูดว่า มันทรมานใจ) เพราะตัวเลขทางบัญชี
มันติดลบเอา ติดลบเอา ซึ่งผมเองก็ได้ผ่านสถานการณ์ทรมานใจนี้มาแล้วครับ

ผมจึงใช้วิธี ทยอยซื้อ ทยอยขาย ตามที่ได้เรียนไว้ใน กระทู้ ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น ไงครับ ซึ่งมัน
เกิดจากประสบการณ์ และดูวิธีการของเพื่อนนักลงทุนในห้องค้า นำมาประยุกต์เป็นวิธีของตัวเอง

และขอเรียนว่ากิจการที่มั่นคง จ่ายปันผลดี ผู้บริหารมีธรรมาภิบาล ราคาหุ้นยังอยู่ในวิสัยที่จะซื้อลงทุน
แล้วคุ้มค่า ยังมีอยู่อีกมากในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยครับ


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 15 ธันวาคม 2011, 10:13:47

ตลาดหุ้นช่วงนี้แกว่งตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง เหมือนกับน้ำท่วมที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง  ;D

จากประสบการณ์ ผมมีความเห็นเป็นส่วนตัวว่า ตลาดฯจะยังคงแกว่งขึ้นไปอีกระยะหนึ่ง จนถึงประมาณ
ไม่เกินกลางเดือนธันวาคม จะเริ่มปรับตัว ปรับฐานอีก แต่ดัชนีไม่น่าจะลงไปมากเหมือนช่วงที่เพิ่งผ่านมา

ท่านที่มีหุ้นอยู่ในพอร์ต ล้อตใดที่มีกำไรพอสมควร ก็ควรทยอยขายออกบ้างนะครับ อย่าให้เสียโอกาส
สำหรับผม หุ้น top ที่รับไว้ที่ราคา 50 บาท ต้นๆ ก็ขายไปแล้วที่ 60 บาท ต้นๆ จำนวนนิดหน่อยครับ ;D

ท่านที่ไม่มีหุ้นในพอร์ตใช้เงินหมุนลงทุนระยะสั้น ก็หาจังหวะกันเอาเองนะครับ (ลงทุนระยะสั้น อย่า
เอาส่วนต่างมากนัก เดี๋ยวจะพลาดพลั้ง  ;D)


มาเรียนกันเป็นระยะๆครับ เพื่อนนักลงทุน ช่วงนี้ตลาดฯกำลังปรับตัวปรับฐาน ท่านที่ทยอยขายหุ้นออกไป
เมื่อช่วงที่ดัชนีขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง และเมื่อหุ้นตัวที่ขายออกไป ปรับตัวลงมาต่ำกว่าราคาที่ขายไป
พอสมควร (แค่ไหน เป็นดุลพินิจของแต่ละท่าน สำหรับผม ประมาณ 5% ขึ้นไป) ก็ทยอยรับกลับ เอา
ส่วนต่างไว้ใช้ ได้หุ้นดีๆคืนมา... ;D

ตลาดคงไม่ปรับตัวลงแรงเหมือนที่เพิ่งผ่านมา แต่ก็คงไม่ฟื้นตัวเร็ว ท่านที่ลงทุนระยะสั้น (เงินหมุน)
ควรงดเว้นการลงทุนสักระยะครับ...!
 


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 25 ธันวาคม 2011, 10:51:15
พอร์ตลงทุน กับร้านค้าปลีก

วันนี้ขออนุญาตลองเปรียบเทียบร้านค้าปลีกกับพอร์ตหุ้นของนักลงทุนดูนะครับ

แน่นอนว่าร้านค้าปลีก (ร้านขายของชำ) ที่เปิดขายสินค้าในเมือง หรือในชุมชนต่างๆย่อมต้องมีสินค้า
ให้หลากหลายชนิด เพื่อสนองความต้องการของบรรดาผู้อยู่อาศัยใกล้เคียง ที่จะหาซื้อสินค้าที่จำเป็น
ในชีวิตประจำวัน และตามความต้องการของแต่ละคนในแต่ละห้วงเวลา เช่น อาหารกระป๋อง ขนม นม
กล่อง ไม้ขีดไฟ เทียน มีดโกน สุรา เบียร์ บุหรี่ น้ำแข็ง โซดา ฯลฯ เพื่อลูกค้าจะได้ของครบที่ต้องการจาก
ที่เดียวไม่ต้องไปร้านอื่น เจ้าของร้านก็ได้ประโยชน์มีเงินหมุนเวียนเข้าออกตลอดเวลา แต่ก็ต้องใช้เงิน
ลงทุนสูงในการซื้อสินค้าที่หลากหลายเพื่อนำมาจำหน่าย

ในความคิดของผม การลงทุนในหุ้นก็ทำนองเดียวกันกับการเปิดร้านค้าปลีก ถ้าเรามีศักยภาพทางการ
เงินเพียงพอ ก็ควรลงทุนในกิจการหลายประเภท พูดตรงๆก็คือในพอร์ตลงทุนควรมีหุ้นหลายๆตัวและ
หลายอุตสาหกรรม เท่ากับเรามีสินค้าที่หลากหลายในร้านค้าปลีกดังที่ผมกล่าวข้างต้น ซึ่งหุ้นที่หลากหลาย
ในพอร์ตลงทุน ก็คล้ายกับสินค้าที่หลากหลายในร้านค้า ที่นักลงทุนจะมีความต้องการที่แตกต่างกันไป
ในแต่ละห้วงเวลาเช่นกัน และเพื่อให้มีการถ่วงดุลกันในพอร์ตลงทุนดังที่ผมได้กล่าวมาแล้ว แต่จะมีหุ้นกี่
ตัวมากน้อยแค่ไหนก็เป็นไปตามอัธยาศัย และศักยภาพครับ

ปรมาจารย์การลงทุน เบนจามิน เกรแฮม บอกว่าควรมีหุ้นอย่างน้อย 30 ตัว แต่วอร์เรน บัฟเฟต์ บอกว่า
ควรมี 7-10 ตัว



หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Temujin ที่ วันที่ 26 ธันวาคม 2011, 18:47:11
MUbXo-jj44w&feature=player_embedded#!

             เอา VDO มาดันกระทู้ดี ๆ  ครับ... :D ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 27 ธันวาคม 2011, 09:44:27

มาถึงสัปดาห์สุดท้ายของปี ๒๕๕๔ แล้วครับ เริ่มต้นสัปดาห์วันจันทร์ ที่ ๒๖ (เมื่อวานนี้) มูลค่าซื้อขาย
หลักทรัพย์จำนวน ๙,๐๐๐ ล้านบาทเศษ ต่ำกว่าปกติที่จะมีมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยประมาณวันละ ๑๕,๐๐๐
ถึง ๒๐,๐๐๐ ล้านบาทเศษ ซึ่งเป็นปกติของช่วงสัปดาห์สุดท้ายของทุกปี และต่อเนื่องไปถึงสัปดาห์แรก
ของปีถัดไป น่าจะเป็นเพราะนักลงทุนรายใหญ่ และบรรดากองทุนพักการซื้อขายกัน ช่วงนี้ดัชนีตลาด
จะไม่ค่อยขยับขึ้น จะมีแต่แกว่งลงทำนองปรับตัวปรับฐาน หลังจากที่ขึ้นมาอย่างต่อเนื่องในช่วง ๑ เดือน
เศษๆที่ผ่านมา

ไม่เหมาะกับนักลงทุนรายย่อยที่ลงทุนแบบเก็งกำไรระยะสั้นถือหุ้นนานไม่ได้ แต่ก็อาจมีรายใหญ่
หรือที่นักลงทุนรายย่อยในห้องค้าเรียกว่า เจ้ามือ  เข้ามาเล่นเก็งกำไรกับหุ้นตัวเล็กๆ สร้างสีสันให้
ตลาดฯ และก็มีนักลงทุนระยะสั้นเก็งกำไรรายวันเข้าไปเป็นลูกค้า แต่สำหรับผมขอนั่งดู และรอรับ
หุ้นที่ขายออกไปแล้วกลับคืนพอร์ตครับ  :)   


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: น้าวัยทองฯ ที่ วันที่ 27 ธันวาคม 2011, 23:50:42
ช่วงนี้ผมก็ว่าจะเข้าซื้อไว้สักหน่อยเหมือนกันครับ

เพราะดูจากมูลค่าซื้อขายเบาบางมาก

แต่ถ้าแรงซื้อกลับมาเมื่อไหร่ งานนี้มันแน่ (http://ช่วงนี้ผมก็ว่าจะเข้าซื้อไว้สักหน่อยเหมือนกันครับ

เพราะดูจากมูลค่าซื้อขายเบาบางมาก

แต่ถ้าแรงซื้อกลับมาเมื่อไหร่ งานนี้มันแน่)


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 29 ธันวาคม 2011, 08:26:51
ช่วงนี้ผมก็ว่าจะเข้าซื้อไว้สักหน่อยเหมือนกันครับ

เพราะดูจากมูลค่าซื้อขายเบาบางมาก

แต่ถ้าแรงซื้อกลับมาเมื่อไหร่ งานนี้มันแน่ (http://ช่วงนี้ผมก็ว่าจะเข้าซื้อไว้สักหน่อยเหมือนกันครับ

เพราะดูจากมูลค่าซื้อขายเบาบางมาก

แต่ถ้าแรงซื้อกลับมาเมื่อไหร่ งานนี้มันแน่)

มูลค่าการซื้อขายคงเบาบางต่อเนื่องถึงสัปดาห์แรกของปี ๒๕๕๕ เลือกของดีโดยทยอยซื้อ อย่าซื้อครั้ง
เดียวตามจำนวนที่ตั้งใจจะซื้อ เพราะซื้อวันนี้ปลายปีโดยเห็นว่าถูกแล้ว  ต้นปีอาจถูกกว่าลงไปอีก ;D  


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 04 มกราคม 2012, 17:08:30

ขอบคุณหนุ่มเตฯที่กรุณานำวีดีโอมาดันครับ แต่ตอนนี้วีดีโอถูกลบไปแล้ว ;D

กำลังจะมาโพสต่อ ตอนนี้เลยนึกอะไรไม่ออก เพราะได้เปิดดูเมื่อปีที่แล้ว

ตั้งปีนึงเลยจำเนื้อหาในวีดีโอไม่ได้...! :D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Temujin ที่ วันที่ 04 มกราคม 2012, 19:13:30

ขอบคุณหนุ่มเตฯที่กรุณานำวีดีโอมาดันครับ แต่ตอนนี้วีดีโอถูกลบไปแล้ว ;D

กำลังจะมาโพสต่อ ตอนนี้เลยนึกอะไรไม่ออก เพราะได้เปิดดูเมื่อปีที่แล้ว

ตั้งปีนึงเลยจำเนื้อหาในวีดีโอไม่ได้...! :D

 

  ไม่เป็นไรครับ ช่วยกันไปไหนๆ ห้องนี้ก็มาถึงตรงนี้แล้ว   :D ;D

แต่อย่าขอบคุณผมอีกนะเดียวผมจะอายุสั้น เพราะท่านมีคุณวุฒิ วัยวุฒิ ฯลฯ มากกว่าผม ควรขอบใจ

และผมขอโอกาสสวัสดีปีใหม่ลุงคิวฯ ด้วย  ผมสวัสดีแล้ว ถึงคราท่านอวยพรผมมั่ง  ๕๕๕+




หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: JM.sun ที่ วันที่ 08 มกราคม 2012, 18:26:38
ดีคับ
กระทู้น่าสนใจดีนะคับผมติดตามอ่านมาสักพักหนึ่งล่ะคับ งงบ้างเข้าใจบ้าง แต่ก็ดีขึ้นเยอะเลยคับ สนใจเหมือนกันคับเรื่องการเล่นหุ้น แต่ไม่รู้จะเริ่มอย่างไร คือผมหมายถึงดำเนินการ การเข้าไปเล่นคับ ไม่ทราบถ้าอยุ่เมืองนอกจะเล่นได้ไหมคับ เพราะตอนนี้ไม่ได้อยุ่ไทย ยังไงก็ขอฝากเนื่อฝากตัวด้วยนะคับ


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: น้าวัยทองฯ ที่ วันที่ 09 มกราคม 2012, 00:15:49
ดีคับ
กระทู้น่าสนใจดีนะคับผมติดตามอ่านมาสักพักหนึ่งล่ะคับ งงบ้างเข้าใจบ้าง แต่ก็ดีขึ้นเยอะเลยคับ สนใจเหมือนกันคับเรื่องการเล่นหุ้น แต่ไม่รู้จะเริ่มอย่างไร คือผมหมายถึงดำเนินการ การเข้าไปเล่นคับ ไม่ทราบถ้าอยุ่เมืองนอกจะเล่นได้ไหมคับ เพราะตอนนี้ไม่ได้อยุ่ไทย ยังไงก็ขอฝากเนื่อฝากตัวด้วยนะคับ

ถ้าจะเล่น set ไทยก็ได้ครับ เพียงให้ญาติเปิดบัญชีที่ไทย

เอาเงินไปใส่ ตามงบของท่าน แล้วส่ง id pass ไปให้ท่าน

จากนั้นท่านก็เข้าใช้โปรแกรมของโบรกเกอร์ ก็สามารถเทรดได้

ทุกที่บนโลกเลยครับ (http://ถ้าจะเล่น set ไทยก็ได้ครับ เพียงให้ญาติเปิดบัญชีที่ไทย

เอาเงินไปใส่ ตามงบของท่าน

แล้วส่ง id pass ไปให้ท่าน จากนั้นท่านก็สามารถเทรดได้

ทุกที่บนโลกเลยครับ)


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 09 มกราคม 2012, 13:59:46

ผสมผสานโดยปัจจัยพื้นฐาน+ตำรา+ขาดประสบการณ์

ตัวผมนั้น แรกเข้าตลาดฯ ยังไม่มีประสบการณ์ ใช้วิธีเลือกกิจการที่จะลงทุน โดยเข้าไปดูรายละเอียด
ของกิจการว่าธุรกิจที่ผมสนใจจะลงทุนนั้นประกอบกิจการอะไร เป็นสินค้า หรือบริการที่คนทั่วไปต้อง
การในการดำรงชีวิตประจำวันอย่างไร ดูผลประกอบการและการจ่ายปันผลในอดีตถึงปัจจุบันว่าเป็นอย่าง
ไร สม่ำเสมอแค่ไหน เรียบเรียงรายชื่อเอาไว้

ต่อจากนั้นผมก็มาดูว่าจะซื้อหุ้นที่ราคาเท่าใด โดยดูจากคำแนะนำในหนังสือที่บรรดานักลงทุนที่มีประ
สบการณ์ได้แนะนำไว้ ซึ่งผมได้ศึกษามาพอสมควร และก็ดูราคาที่ซื้อขายประจำวันทุกวัน จากหนังสือ
พิมพ์และโทรทัศน์ (ดูราคาหุ้นจากหน้าหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์อยู่อย่างนั้นประมาณ ๒ เดือนเศษจึง
ไปเปิดพอร์ต)

เมื่อเปิดพอร์ตแล้ว ดูหุ้นตัวใดที่เรียบเรียงรายชื่อไว้เข้าทางปืน ;D จึงสั่งซื้อทางโทรศัพท์เลยครับ โดย
วิธีเคาะขวา (เคาะซื้อเลย ไม่ตั้งรอ) มาร์เก็ตติ้งย้อนถามผมว่า เคาะซื้อเลยรึ? ทำไมไม่ตั้งรอ? ผมก็งง
ไม่เข้าใจว่าทำไมมาร์เก็ตติ้งจึงถามผมเช่นนั้น ซึ่งต่อมาจากการที่ได้เข้าไปนั่งในห้องค้าระยะหนึ่งแล้ว
และมีประสบการณ์มากขึ้น จึงได้เข้าใจเองว่าเหตุใดจึงมีคำถามจากมาร์เก็ตติ้งอย่างนั้น

เมื่อเข้าตลาดฯได้ประมาณ ๖ เดือน พอร์ตลงทุนติดลบทางบัญชีประมาณ ๒๐-๓๐ % ชักเริ่มอึดอัดเป็น
กังวล เริ่มปวดกระโหลกขึ้นมาแล้วครับ


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 10 มกราคม 2012, 14:03:08
ประสบการณ์ที่แตกต่าง นำมาซึ่งความเห็นและแนวทางที่หลากหลาย

ในวงการค้าหุ้น (การลงทุนในตลาดหลักทรัพย์) มีทั้งผู้ที่ประสพความสำเร็จ และไม่ประสพความสำเร็จ
ผู้ที่ประสพความสำเร็จที่ได้ถ่ายทอดประสบการณ์ในการลงทุนก็ได้ถ่ายทอดแนวทางของแต่ละท่าน
ออกมาให้ผู้สนใจลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ได้ศึกษา ทั้งเป็นคำพูด และเป็นตัวหนังสือ ซึ่งอาจแตกต่าง
หลากหลายกันไป แนวทางที่แตกต่างเหล่านั้น ผมขออนุญาตเรียนว่า เป็นแนวทางที่ถูกต้องทั้งหมด
ไม่มีใครผิดดอกครับ เพราะนักลงทุนที่ถ่ายทอดออกมาล้วนประสพความสำเร็จมาแล้ว จึงนำวิธีการที่
ประสพความสำเร็จของตนออกมาถ่ายทอด

แนวทางของนักลงทุนที่ประสพความสำเร็จนั้น นักลงทุนมือใหม่บางท่านที่ทำตามอาจไม่ประสพความ
สำเร็จเลย บางท่านก็ประสบความสำเร็จบางส่วน บางทีอาจทำให้ท้อใจขึ้นมาก็ได้

ผมขออนุญาตเรียนว่าปัจจัยส่วนบุคคลที่มีความแตกต่างกันก็มีความสำคัญในการลอกเลียนแบบหรือ
ทำตามนักลงทุนแต่ละท่านนะครับ เพราะนิสัยใจคอที่แตกต่าง ความกล้าได้กล้าเสีย ความเยือนเย็น
สุขุมรอบคอบ ความใจร้อนวู่วาม การระงับอารมณ์ การควบคุมอารมณ์ ความตื่นเต้นตกใจ การใช้วิจารณ
ญานในการบริโภคข้อมูลข่าวสาร เหล่านี้ บุคคลย่อมล้วนแล้วแต่แตกต่างกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับอายุ เพศ
การศึกษา ประสบการณ์ ภูมิหลัง และ/หรือกรรมพันธุ์

อุทธาหรณ์ ถ้าเอาแนวทางของนักลงทุนที่ประสพความสำเร็จที่มีลักษณะนิสัยสุขุม เยือกเย็น ควบคุม
อารมณ์ได้ดีในทุกสถานการณ์ ให้คนที่ใจร้อน ตื่นเต้นตกใจง่าย นำมาใช้เป็นแนวทางในการลงทุน ก็
เชื่อว่าคนที่มีลักษณะนิสัยใจร้อนฯนี้คงไม่ประสพความสำเร็จในการลงทุนเป็นแน่แท้  







หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 10 มกราคม 2012, 21:15:47
ขออนุญาตต่ออีกนิดครับในเรื่องประสบการณ์ที่แตกต่าง นำมาซึ่งความเห็นและแนวทางที่หลากหลาย

ด้วยเหตุที่คนเราแตกต่างกันในด้านต่างๆ เช่น ความกล้าได้กล้าเสีย ความเยือนเย็นสุขุมรอบคอบ ความ
ใจร้อนวู่วาม การระงับอารมณ์ การควบคุมอารมณ์ ความตื่นเต้นตกใจ การใช้วิจารณญานในการบริโภค
ข้อมูลข่าวสาร เหล่านี้ ซึ่งขึ้นอยู่กับอายุ เพศ การศึกษา ประสบการณ์ ภูมิหลัง และ/หรือกรรมพันธุ์ ดังที่
ได้กล่าวมาแล้ว แนวทางการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ที่บรรดานักลงทุนที่ประสพความสำเร็จหลายๆท่าน
ได้ให้ไว้นั้น นักลงทุนที่ได้ศึกษาแนวทางดังกล่าว จึงพึง apply ดัดแปลง หรือประยุกต์แนวทางต่างๆ
เหล่านั้น มาใช้ให้เหมาะสมกับลักษณะของตนเอง บวกกับประสบการณ์ที่เพิ่มขึ้น จะนำไปสู่ความสำเร็จ
ได้ครับ


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 16 มกราคม 2012, 08:57:54
วันนี้ไปพบมาจาก http://www.sarut-homesite.net/2012/01/%e0%b8%9a%e0%b8%b1%e0%b8%9f%e0%b9%80%e0%b8%9f%e0%b8%95%e0%b8%95%e0%b9%8c-%e0%b9%82%e0%b8%8b%e0%b8%a3%e0%b8%ad%e0%b8%aa-artemis/

copy มาให้ศึกษากันครับ  ;Dสรุปเนื้อหาจากหนังสือ ‘บัฟเฟตต์-โซรอส ลงทุนถูกนิสัย ยังไงก็ชนะ’

(The Winning Investment Habits of Warren Buffett & George Soros)

เรามาดูกันเลยยว่า อุปนิสัยทั้ง 23 ข้อมีอะไรบ้าง Let’s go  )

1.) จงรักษาเงินต้นไว้ให้ได้เสมอ ข้อนี้สำคัญที่สุด สำหรับโซรอสเขากล่าวว่า ‘การขาดทุนไม่ว่าจะเล็กน้อยเพียงใด ทำให้เขารู้สึกเหมือนเดินถอยหลังกลับไปสู่จุดต่ำสุดของชีวิตอีกครั้ง’

2) มุ่งมั่นที่จะลดความเสี่ยง เป้าหมายของพวกเขา คือ ต้องให้แน่ใจเท่านั้นจึงจะลงทุน เค้าจะไม่ลงทุนในสิ่งที่เขาไม่รู้ ดังคำกล่าวของคุณปู่ที่ว่า “Risk comes from not knowing what you’re doing”

3) สร้างปรัชญาการลงทุนที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของตัวเอง ปรัชญาในการลงทุนของบัฟเฟตต์ คือ ประเมินคุณค่าให้ได้ และมองให้ออกว่า กิจการไหนมีลักษณะที่น่าลงทุน รู้ว่าจะซื้อจะขายตอนไหน

4) พัฒนาระบบที่มีความเหมาะสมเข้ากับนิสัยของตัวเอง ในการเลือกหุ้น หาจังหวะเข้าซื้อและขาย

ตัวอย่างเกณฑ์ในการลงทุนของบัฟเฟตต์

- ผมเข้าใจธุรกิจนี้หรือไม่

- ธุรกิจนี้มีสถานะทางเศรษฐกิจที่น่าดึงดูดใจหรือไม่

- สถานะทางเศรษฐกิจที่น่าดึงดูดใจนั้นมีความยั่งยืนหรือไม่

- ผู้บริหารจัดสรรเงินทุนอย่างเป็นเหตุผลหรือไม่

- ผมอยากเป็นเจ้าของธุรกิจนี้หรือไม่ หากมีทีมผู้บริหารชุดนี้

- บริษัทให้ผลตอบแทนต่อผู้เป็นเจ้าของสูงกว่าค่าเฉลี่ยหรือไม่

- ผมชอบราคานี้หรือไม่ :วัดจากกำไรที่คาดว่าบริษัทจะสามารถทำได้ในอนาคต

5) การกระจายการลงทุนเป็นเรื่องของพวกกระจิบกระจอกเท่านั้น ยิ่งคุณมีหุ้นกระจัดกระจายมากเท่าไร เราก็ยิ่งทุ่มเทกับหุ้นที่เรามีได้น้อยลงเท่านั้น

 

6) ให้ความสำคัญกับผลตอบแทนหลังหักภาษี วิธีที่จะทำให้เงินทวีคูณขึ้น คือ ขจัดภาระเรื่องภาษีและค่าใช้จ่ายในการทำธุรกรรมออกไปให้ได้

7) จงลงทุนในสิ่งที่คุณเข้าใจเท่านั้น บัฟเฟตต์พูดไว้ว่า “สิ่งสำคัญที่สุดของขอบข่ายแห่งความชำนาญไม่ได้อยู่ที่ว่ากว้างขวางขนาดไหน แต่อยู่ที่ว่าคุณขีดวงล้อมของมันได้ชัดเจนเพียงใดต่างหาก”

คนบางคนมักจะลงทุนตามที่โบรกเกอร์เชียร์ ตัวนี้ดี ตัวนั้นดี โดยที่ตัวเองก็ไม่ได้รู้เลยว่าหุ้นตัวนั้นทำอะไร แต่จริงๆแล้วเราต่างหากที่ควรจะลงทุนในสิ่งที่เราเข้าใจอย่างถ่องแท้

มันก็เหมือนกับการที่คุณเข้าใจและสร้างผลตอบแทนได้ดีจากอสังหาริมทรัพย์ แต่พอเห็นว่าสินค้าโภคภัณฑ์บูม ก็เอาเงินไปลงทุนตามคนอื่นแล้วขาดทุนนั่นแหละ

 จงปฏิเสธที่จะลงทุนในสิ่งที่ไม่สอดคล้องกับเกณฑ์ในการลงทุนของคุณ บัฟเฟตต์และโซรอสสร้างขอบข่ายแห่งความชำนาญของตัวเอง ด้วยการตอบคำถามเหล่านี้ คือ ฉันสนใจอะไร,  ฉันรู้อะไรในตอนนี้, และ อะไรที่ฉันอยากรู้แต่ยังไม่รู้

คุณต้องตอบคำถามนี้ให้ได้ก่อน จึงจะหาเอกลักษณ์เฉพาะตัวในการลงทุนของตัวเองได้

9) จงทำวิจัยด้วยตัวเอง มองหาโอกาสในการลงทุนใหม่ๆให้สอดคล้องกับเกณฑ์ในการลงทุนของตัวเองอยู่เสมอ และเอาจริงเอาจังกับการวิจัยหาข้อมูลด้วยตัวเอง แล้วชอบที่จะฟังเฉพาะนักลงทุนหรือนักวิเคราะห์ผู้มีเหตุผลอันลึกซึ้งควรค่าแก่การนับถือ

บัฟเฟตต์ บอกว่า เคยใช้เวลามากกว่าครึ่งเดือนเพื่อนับจำนวนรถจักรที่วิ่งไปมาบนทางรถไฟในแคนซัส O_o แต่เขากลับไม่ได้ซื้อหุ้นบริษัทรถไฟ กลายเป็นว่าไปสนใจหุ้นของบริษัทที่ผลิตแก๊สโซลีนเพื่อใช้กับหัวรถจักรแทน และซื้อหุ้นของบริษัทแก๊สแทนรถไฟ ในกรณีนี้บัฟเฟตต์ลงทุนลงแรงทำภาคสนามด้วยตัวเองเลย เขาจึงลงทุนได้ด้วยความมั่นใจ และรู้ข้อมูลที่นักลงทุนคนอื่นๆนอกบริษัทไม่รู้อีกด้วยยย

10) จงอดทนอย่างไม่สิ้นสุด เมื่อเขายังไมเจอการลงทุนที่สอดคล้องกับเกณฑ์ของตัวเอง เขาก็มีความอดทนพอที่จะรอไปอย่างไม่มีกำหนดจนกว่าจะเจอ

“คุณไม่ได้เงินจากการทำโน่นทำนี่หรอกครับ คุณได้เงินจากการทำสิ่งที่ถูกต้องต่างหาก” บัฟเฟตต์กล่าวในการประชุมประจำปีกับผู้ถือหุ้น
 



หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 16 มกราคม 2012, 09:02:18

ต่อเลยครับ ;D

11) จงทำทันที ลงมือทันที เมื่อตัดสินใจดีแล้ว

12) อยู่กับการลงทุนที่ทำให้ได้รับชัยชนะ จนกว่าเหตุผลสมควรให้ขายที่คิดไว้ล่วงหน้าจะอุบัติขึ้น

กลยุทธ์ในการออก : 1) ออก เมื่อโดนแหกกฎ

2) ออก เมื่อเหตุการณ์ที่คาดไว้ได้เกิดขึ้นแล้ว

3) ออก เมื่อบรรลุเป้าหมายตามระบบแล้วหรือราคาไปถึงเป้าหมายแล้ว

4) ออก เมื่อระบบส่งสัญญาณมา นิยมในหมู่นักเทคนิค

5) ออก ตามกฎที่ตั้งไว้ เช่น พอราคาถึงจุดหนึ่งก็จะขาย หรือขายทันทีเมื่อขาดทุน 10 เปอร์เซ็นต์ หรือจุดที่เราตั้งไว้

6) ออก เมื่อรู้ตัวว่าได้ทำผิดพลาดไปแล้ว

 

13) จงทำตามระบบของคุณด้วยความศรัทธา ไม่มีการเปลี่ยนเกณฑ์การลงทุน หรือลดเป้า เพื่อปลอบใจตัวเองว่าฉันทำถูกแล้ว

14) ยอมรับความผิดพลาดและแก้ไขทันที เมื่อความผิดพลาดนั้นปรากฏชัด ความเสียหายที่เกิดขึ้นก็แค่ขาดทุนเล็กน้อย

15) เปลี่ยนความผิดพลาดเป็นประสบการณ์ ฟิชเชอร์ กล่าวว่า “การทบทวนความผิดพลาด อาจให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าการระลึกถึงแต่ความสำเร็จซะอีก”

16) ลงทุนลงแรง เมื่อประสบการณ์เพิ่มขึ้น ผลตอบแทนก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย ทำให้ใช้เวลาน้อยลงเพื่อทำเงินได้มากขึ้น เพราะได้ลงทุนลงแรงไปแล้ว

17) ไม่เคยพูดคุยเกี่ยวกับสิ่งที่คุณทำ แทบจะไม่บอกใครเลยว่าตัวเองทำอะไรอยู่ ไม่สนใจว่าคนอื่นจะคิดอย่างไรกับการลงทุนของเขา จะบอกทำไม ในเมื่อบัฟเฟตต์รู้ตัวดีว่าตัวเองทำอะไรอยู่ ไม่จำเป็นต้องให้ใครมาช่วยยืนยันการตัดสินใจแต่อย่างใด

เช่นเดียวกับ โซรอส ที่ไ่ม่เคยเปิดเผยความเคลื่อนไหวของตัวเองให้ใครรู้ เพราะถ้าคนอื่นรู้ว่าเขาทำอะไรอยู่ก็จะแห่กันเข้าไปซื้อหุ้นตัวนั้น และราคาก็จะสูงขึ้น ทำให้ต้นทุนของเขาสูงขึ้นไปน่ะสิ

18) รู้วิธีเป็นผู้นำ นักลงทุนชั้นเซียนจะแบ่งหน้าที่รับผิดชอบบางส่วนหรือทั้งหมดให้กับคนอื่น สำหรับบัฟเฟตต์แล้ว ทุกๆการลงทุน คือ การกระจายงาน เขาจะระลึกเสมอว่า เขากำลังเอาอนาคตของเงินของตัวเองไปให้คนอื่นดูแล และเขาจะมอบหมายหน้าที่นี้ให้กับคนที่เขาไว้ใจและนับถือเท่านั้น

19) จงใช้ชีวิตต่ำกว่าฐานะของคุณ ถ้าคุณไม่รู้คุณค่าของเงิน คุณย่อมไม่รู้จักเก็บออมเงินทองที่หามาได้

การใช้เงินนั้นง่ายมากๆ ใครก็ทำได้ แต่หาเงินสิยากกว่า นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมการใช้ชีวิตต่ำกว่าฐานะของตัวเองจึงเป็นทัศนคติที่เป็นรากฐานของความสำเร็จของบัฟเฟตต์และโซรอส

20) ก้าวให้พ้นเรื่องเงิน นักลงทุนชั้นเซียนทำงานที่ทำอยู่ เพราะงานนั้นทำให้กระชุ่มกระชวยและเติมเต็มชีวิตของเขา ไม่ใช่ทำงานเพื่อเงิน ถ้าคุณมีแรงบันดาลใจในการทำสิ่งนั้น เงินทองที่คุณทำได้ในระหว่างไล่ล่าเป้าหมาย จะเป็นเพียงผลพลอยได้เท่านั้นเอง

21) กระบวนการ นักลงทุนชั้นเซียน จะผูกพันกับกระบวนการในการลงทุน สามารถปฏิเสธหรือล้มเลิกการลงทุนใดๆได้ง่ายๆ

// สิ่งที่เหมือนกันในบรรดาที่เป็นคนสุดยอดในแนวทางของตัวเองก็คือ พวกเขาถูกผลักดันจาก กระบวนการกระทำ // การลงทุนสำหรับนักลงทุนชั้นเซียนก็เหมือนการวาดภาพของจิตรกร ซึ่งบางคนอาจชอบวาดภาพด้วยสีน้ำมัน สิ่งที่เขารักคือ การ ‘วาดภาพด้วยสีน้ำมัน’ แต่เข้าไม่ได้รัก ‘สีน้ำมัน’

22) หายใจเข้า-ออก เป็นการลงทุนตลอดเวลา

เรื่องเล่าของบัฟเฟตต์ : เย็นวันหนึ่ง บัฟเฟตต์และซูซาน ไปกินอาหารเย็นที่บ้านเพื่อน ที่เพิ่งจะกลับมาจากอียิปต์ หลังจากทานข้าวเสร็จ เพื่อนก็เตรียมสไลด์รูปภาพไว้ให้ดู แต่บัฟเฟตต์กลับบอกว่า “เอางี้ไหม คุณเปิดสไลด์ให้ซูซานดู ส่วนผมขอเข้าไปในห้องนอนของคุณ เพื่ออ่านรายงานประจำปีแล้วกัน” O_o

23) เอาเงินของคุณใส่ลงไปด้วย ทั้งบัฟเฟตต์และโซรอส ต่างก็เอาเงินใส่ลงไปในการลงทุนที่ตัวเองบริหารจัดการอยู่ ด้วยเหตุผลเดียวกับที่นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จทุกคน ต่างก็มีสินทรัพย์ผูกติดอยู่ในธุรกิจที่ตัวเองทำ การลงทุนของพวกเขา คือ ลงทุนในสิ่งที่ตัวเองรู้ว่าจะทำเงินได้ และนั่นคือ สิ่งที่เขารักนั่นเอง

จบแล้วสำหรับอุปนิสัยการลงทุน หวังว่าทุกคนจะได้ประโยชน์จากบทความนี้ ไม่มากก็น้อยน๊าาา


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 27 มกราคม 2012, 11:43:48
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์กำลังแกว่งขึ้นอีกแล้วครับ พร้อมกับมูลค่าการซื้อขายที่ค่อยๆหนาแน่นขึ้น

ณ เวลา 11.42 น. ดัชนีอยู่ที่ 1,074.41 จุด (27 ม.ค.55)

ดัชนีปิดที่ 1,076.29 จุด มูลค่าการซื้อขาย 27,719.37 ล้านบาท (ณ เวลา 16.43 น.)  


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: ซาลาเปา(เฉพาะกิจ) ที่ วันที่ 02 กุมภาพันธ์ 2012, 21:28:01
ฝากท่านคิว ....

ตลท. รับหุ้นเพิ่มทุนของ PTTGC เริ่มซื้อขายวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2555

           รายงานข่าวจาก ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยแจ้งเรื่อง หุ้นเพิ่มทุนของ
PTTGC เริ่มซื้อขายวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2555
ชื่อบริษัท                                         : บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิ
คอล จำกัด (มหาชน) (PTTGC)
ทุนเดิม (บาท)                                     : 45,061,129,360.00
- หุ้นสามัญ (หุ้น)                                  : 4,506,112,936
จำนวนหุ้นเพิ่มทุน                                    :
- หุ้นสามัญ (หุ้น)                                  : 531,053
ทุนใหม่ (บาท)                                     : 45,066,439,890.00
- หุ้นสามัญ (หุ้น)                                  : 4,506,643,989
มูลค่าหุ้นที่ตราไว้ (บาทต่อหุ้น)                          : 10.00
จัดสรรรเพื่อ                                      : การใช้สิทธิของใบสำคัญ
แสดงสิทธิ (PTTAR ESOP-Warrant)
ที่จัดสรรให้กรรมการ ผู้บริหารหรือพนักงานของ PTTAR หรือ ปตท จำนวน 2,050,100
หน่วย
แปลงเป็นหุ้นสามัญจำนวน 531,053 หุ้น
อัตรา (ใบสำคัญแสดงสิทธิ: หุ้น)                      : 1 : 0.25905
ราคาใช้สิทธิ  (บาท/หุ้น)                             : 46.32
วันใช้สิทธิ                                        : วันที่ 31 ม.ค. 2555
วันที่เริ่มซื้อขาย                                    : 06 ก.พ. 2555

...efinance...


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 03 กุมภาพันธ์ 2012, 17:04:37
ขอบคุณท่านเปาครับ ;D

วันนี้ sccc ขึ้นแรง (แรงมาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว) ปล่อยไปนิดหน่อยที่ 280 บาท (ตั้งรอไว้ตั้งแต่เช้า ได้เอาเกือบปิดตลาด) ถ้าขึ้นต่อก็หาจังหวะปล่อยอีก ถ้าลงมาก็รอรับกลับ ;D

วันนี้ดัชนีปิดที่ 1,098.95 จุด เพิ่มขึ้นจากเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว(27 ม.ค.55) 22.66 จุด มูลค่าการซื้อขาย 26,088.02 ล้านบาท

ท่านเปาปล่อยตัวไหนไปได้มั่งหรือเปล่า ;D...  


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 05 กุมภาพันธ์ 2012, 12:05:19

วิขาการ กับ ปฏิบัติการ 

วิชาการ เป็นแนวทางนำให้เกิดความคิด จินตนาการ คิดอย่างโน้น คิดอย่างนี้ ตามหลักการทางวิชาการ
ที่ศึกษาจากครูบาอาจารย์ จากคำบอกเล่า หรือจากที่อ่านพบเจอในหนังสือ ตำราต่างๆ

ปฏิบัติการ เกิดจากการลงมือทำจริง นำให้เกิดประสบการณ์ ทักษะ ความชำนาญในสิ่งที่กระทำ
บางครั้ง หลายครั้งได้พบเจอปัญหาที่ไม่ตรงหรือไม่มีในตำรา ทุกอาชีพ ทุกวงการ มักเป็นอย่างนี้

ปัญหาเฉพาะหน้าจึงมีคำกล่าวว่า พลิกตำราไม่ทัน แต่ถ้าลงมือปฏิบัติบ่อยๆมากๆ ประสบการณ์ และ
ความชำนาญที่สะสมไว้ ช่วยให้เข้าใจ สามารถแก้ไขให้หลุดพ้นจากปัญหาเฉพาะหน้าได้ทันท่วงที
มิให้ต้องเกิดความเสียหาย หรือเสียหายน้อยที่สุด

ในสนามแข่งขันท่านต้องตัดสินใจเองในปัญหาเฉพาะหน้า ไม่ว่าจะเป็นนักมวย นักฟุตบอล ทนายความ
นักลงทุน หรืออื่นๆ เมื่อเผชิญกับสิ่งที่นอกเหนือหรือไม่มีในตำรา ต้องหาทางออกเองครับ ครู อาจารย์
ทุกท่าน หนังสือ ตำราทุกชนิด ทุกเล่ม คงไม่ละเอียดอ่อนครอบคลุมไปทุกตารางนิ้ว

ร้อยรู้ ฤาจักสู้หนึ่งทำ     สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น สิบตาเห็น ไม่เท่ามือคลำ
คำพังเพยนี้ใช้ได้ตลอดกาลครับ ไม่มีล้าสมัย ;)  


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: ซาลาเปา(เฉพาะกิจ) ที่ วันที่ 06 กุมภาพันธ์ 2012, 10:43:25
 ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 06 กุมภาพันธ์ 2012, 11:07:43
ขอบคุณท่านเปาครับ ;D

วันนี้ sccc ขึ้นแรง (แรงมาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว) ปล่อยไปนิดหน่อยที่ 280 บาท (ตั้งรอไว้ตั้งแต่เช้า ได้เอาเกือบปิดตลาด) ถ้าขึ้นต่อก็หาจังหวะปล่อยอีก ถ้าลงมาก็รอรับกลับ ;D

วันนี้ดัชนีปิดที่ 1,098.95 จุด เพิ่มขึ้นจากเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว(27 ม.ค.55) 22.66 จุด มูลค่าการซื้อขาย 26,088.02 ล้านบาท

ท่านเปาปล่อยตัวไหนไปได้มั่งหรือเปล่า ;D...  

ต้นปีมานี้ผมเอาเข้าพอร์ตอีกเกือบ 10 ตัวแน่ะ ท่านคิว  ;D แต่ไม่บอกว่าตัวไหน  เดี๋ยวว่าผมขี้โม้ ;D ทุกอย่างกำลังเริ่มต้นหลังจากข่าวไม่ดีทั้งน้ำท่วมทั้งหนี้ของพวกฝรั่งที่ยังไม่แล้วไม่หาย ฯลฯ โชคดีอาจได้ถือยาวทั้งหมด หรืออาจต้องตัดทิ้งบางตัว คงต้องรอดู  sccc ของท่านดูแล้วน้ำลายไหลเลย เพราะดูแล้วอุ่นใจได้ลุ้น นาทีนี้ยังไม่เห็นความเสี่ยง ท่านคิวซื้อเพราะไรครับ หรือเพราะหลังน้ำท่วม ต้องการซีเมนต์กันมาก

ตัวนี้ลงทุนมาหลายปีแล้วครับ ถูกกันมาก ตั้งแต่เริ่มต้นลงทุน (เช่นเดียวกับ tvo) เวลาเค้าเป็นขาลง ก็ทยอยเก็บ
พอเป็นขาขึ้นก็ทยอยขาย (ถ้ามันได้อย่างนี้ทุกตัวก็ดี เนอะ ;D)

ช่วงไหนขายไม่ได้ ก็ถือรับเงินปันผล ขอเครดิตภาษี  :D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 08 กุมภาพันธ์ 2012, 10:43:52

เช้าวันนี้ (๘ ก.พ. ๕๕) มูลค่าการซื้อขายหุ้นในตลาดฯหนาแน่นมาก ดัชนีทำนิวไฮอีกแล้วครับท่าน

หุ้นหลายตัวที่มีผลกับดัชนี (กลุ่มพลังงาน วัสดุก่อสร้าง) ทำนิวไฮอีกหลายตัว

การที่มูลค่าการซื้อขายหนาแน่น หุ้น และดัชนีทำนิวไฮอย่างนี้ กูรูหรือผู้สันทัดกรณี (ไม่ใช่ผม :D)
ท่านว่า ดัชนีมีแนวโน้มไปต่อ (เป็นขาขึ้น) ;D





หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: ซาลาเปา(เฉพาะกิจ) ที่ วันที่ 08 กุมภาพันธ์ 2012, 10:51:30
PTTGC SCCC TVO
3 ตัวนี้ ตัวแรกแรงสุด รองมาก็ตัวสอง สำหรับตัวสุดท้าย คงต้องให้ขาใหญ่แฟนพันธุ์แท้อย่างท่านคิว ช่วยออกแรงปั่นให้มากๆหน่อยเน้อ  ;D ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 08 กุมภาพันธ์ 2012, 11:00:04
PTTGC SCCC TVO
3 ตัวนี้ ตัวแรกแรงสุด รองมาก็ตัวสอง สำหรับตัวสุดท้าย คงต้องให้ขาใหญ่แฟนพันธุ์แท้อย่างท่านคิว ช่วยออกแรงปั่นให้มากๆหน่อยเน้อ  ;D ;D

TVO ใน 2-3 เดือนมานี้ ฟันไปหลายรอบแล้ว อิอิ ^_^


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: ณัฐนันท์ ที่ วันที่ 08 กุมภาพันธ์ 2012, 15:37:36
เอาไงดีกับ siri ม่ายวิ่งแล้วอ่ะ


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: ttyy ที่ วันที่ 08 กุมภาพันธ์ 2012, 15:52:30
แตกหุ้นแบบนี้  เหนื่อย


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: ซาลาเปา(เฉพาะกิจ) ที่ วันที่ 08 กุมภาพันธ์ 2012, 16:05:44
...hold...


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: น้าวัยทองฯ ที่ วันที่ 08 กุมภาพันธ์ 2012, 16:15:47
เอาไงดีกับ siri ม่ายวิ่งแล้วอ่ะ

ทุนเท่าไหร่ครับ

สงสัยต้องรอข่าวปันผลมาช่วยดันละครับแบบนี้ (http://ทุนเท่าไหร่ครับ

สงสัยต้องรอข่าวปันผลมาช่วยดันละครับแบบนี้)


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: ณัฐนันท์ ที่ วันที่ 08 กุมภาพันธ์ 2012, 16:24:12
ทุน 1.15 ครับ แต่เนี่ยตันไปสอยw-1,มา 0.83 สงสัยจะดอยแล้วครับพี่น้อง เอาไงดี :P


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: น้าวัยทองฯ ที่ วันที่ 08 กุมภาพันธ์ 2012, 16:29:36
ทุน 1.15 ครับ แต่เนี่ยตันไปสอยw-1,มา 0.83 สงสัยจะดอยแล้วครับพี่น้อง เอาไงดี :P

โอ้ว พระเจ้า ไปสอยลูกมา สงสัยต้องรอข่าวปันผลแล้วคัดออกละมั้งครับ (http://โอ้ว พระเจ้า ไปสอยลูกมา สงสัยต้องรอข่าวปันผลแล้วคัดออกละมั้งครับ)


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: ณัฐนันท์ ที่ วันที่ 08 กุมภาพันธ์ 2012, 16:32:36
เศร้า :'(ครับ คนมันมือบอน อยู่ดีไม่ว่าดี ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 08 กุมภาพันธ์ 2012, 16:49:29

เคยหัดขี่รถจักรยานกันใช่ไหม มันต้องล้ม ทำให้เราเจ็บตัวใช่ไหมครับ

เมื่อขี่จักรยานเป็นแล้ว ถ้าไม่ผาดโผน หรือประมาท หรือมีอุบัติเหตุ ขี่ไปตามธรรมดา ยังไงๆมันก็ไม่ล้ม

ใช่ไหมเอ่ย ;D



หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 08 กุมภาพันธ์ 2012, 17:00:16

วันนี้ (พุธ ๘ ก.พ. ๕๕) ดัชนีปิดที่ 1,116.08 จุด มูลค่าการซื้อขาย 45,367.98 ล้านบาท
หนาแน่นทีเดียวครับ ;D


ดัชนีขึ้นไปสูงสุดที่ 1,121.36 เมื่อเวลา 14.57.40 น.
 


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: ซาลาเปา(เฉพาะกิจ) ที่ วันที่ 09 กุมภาพันธ์ 2012, 11:48:55
มาล่ะ TVO  ;D
+0.60 ณ เวลา 11.48


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 09 กุมภาพันธ์ 2012, 12:44:59
มาล่ะ TVO  ;D
+0.60 ณ เวลา 11.48

 ;D ;D ;D

ยังสต็อคไว้ในโกดังนิดหน่อย :D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2012, 12:09:49

การบริหารความไม่รู้

หลายๆท่านคงเคยได้ยินคำว่า การบริหารความขัดแย้ง ซึ่งสื่อถึงความเห็นที่ไม่ตรงกันระหว่างบุคคล
ในหน่วยงาน หรือองค์กรใหญ่ๆ และ การบริหารความเสี่ยง ซึ่งสื่อถึงความเสี่ยงในการลงทุนในตลาด
หลักทรัพย์ (การลงทุนในหุ้น)

ความไม่รู้ ที่ผมจะพูดถึงในที่นี้ คือความไม่รู้ เกี่ยวกับการขึ้น ลง ของหุ้นในตลาดหลักทรัพย์นี้แหละครับ
คงเป็นที่รู้กันอยู่แก่ใจของนักลงทุนรายย่อยว่า ไม่มีใครรู้ล่วงหน้าว่าขณะที่หุ้นกำลังเป็น ขาลง นั้น หุ้น
จะลงไปถึงจุดต่ำสุดที่เท่าไรและเมื่อใด ทำนองเดียวกันกับในช่วงเวลานี้ ที่มองกันว่าหุ้นกำลังเป็นขาขึ้น
ก็ไม่มีใครรู้เหมือนกันว่า หุ้นจะขึ้นไปสูงสุดที่เท่าไรและเมื่อใด เช่นกัน

การคาดคะเนการขึ้นลงของตลาดฯทางด้านเทคนิค ที่บรรดานักวิเคราะห์ได้นำเสนอนั้น ก็เป็นเรื่อง
ของสถิติที่เคยเป็นมา หรือยกเอาเหตุโน้น เหตุนี้ ต่างๆนาๆขึ้นมาเป็นเหตุผล ซึ่งอาจใกล้เคียง ผิดบ้าง
ถูกบ้าง  หรือหลุดไปเลยก็มีบ่อยๆ ผมจึงขออนุญาตสรุปว่า บรรดานักลงทุนรายย่อยทั้งหลาย ไม่มีใคร
รู้จริงดอกครับ ว่าหุ้นจะขึ้นสูงสุด และ/หรือ จะลงไปต่ำสุดเท่าไร เมื่อใด

การลงทุนซื้อหุ้นดีๆสักตัวโดยใช้เงินทั้งจำนวนที่ตั้งใจนำมาลงทุน และโดยเชื่อมั่นว่าราคาที่ซื้อนั้นเป็น
ราคาที่เหมาะสมแล้ว ขอเรียนว่ามันอาจเป็นความทรมานใจอย่างหนึ่งเมื่อหุ้นมันตกลงไปเรื่อยๆ และ
คงอยู่ในระดับต่ำกว่าราคาที่ซื้อไว้นานๆไม่ยอมกลับขึ้นมาเสียที ซึ่งผมประสพมาแล้ว และเชื่อว่านักลง
ทุนรายย่อยจำนวนไม่น้อยก็เคยประสพมา เช่นกัน

หรือการขายหุ้นทั้งจำนวนที่มีอยู่ออกไป โดยมั่นใจว่าเป็นราคาที่สูงแล้ว แต่เมื่อขายออกไป หุ้นกลับ
ทะยานขึ้นไปอีก จนนึกเสียดาย กรณีนี้ไม่ทรมานใจ แต่ต้องทำใจ พอใจในกำไรที่ได้มา เพราะไม่มีใคร
ที่จะขายหุ้นได้ในราคาสูงสุดดอกครับ

ทั้งสองกรณีดังกล่าว เกิดจากความไม่รู้ ดังที่ผมกล่าวไว้ตอนต้นไงครับ

ผมจึงนำประสบการณ์ของผมมาหาวิธีลงทุนซื้อขายหุ้น โดยการทยอยซื้อ ทยอยขาย เพื่อเป็นการ
บรรเทาความทรมานใจ และ/หรือความเสียดายดังกล่าว ดังที่ได้เรียนไว้ในตอนต้นๆของกระทู้นี้ ซึ่ง
ผมขออนุญาตเรียกว่า เป็นการบริหารความไม่รู้ ในภาวะขึ้น ลง ของตลาดฯ  
 

 
 


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: ซาลาเปา(เฉพาะกิจ) ที่ วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2012, 15:04:14
 ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2012, 19:44:34
ก้เพราะแบบนี้ ผมจึงใช้กลยุทธ์ส่วนตัว คือเลือกหุ้นที่คิดว่าดีที่สุด จะได้น้อยได้มากก็ขึ้นอยู่กับข้อมูลที่ได้มา เวลาซื้อก็รวบหัวรวบหางทั้งหมด แล้วก็จะติดตามว่าตัวไหนถือยาวได้มากน้อยเพียงใด ตัวไหนควรคัดทิ้ง  อาจจะเสี่ยงไปหน่อย แต่ก็ต้องทำ ;D

นี้ก็เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของ การบริหารความไม่รู้ ซึ่งแตกต่างจากวิธีของผม

ผมเชื่อว่าท่านเปา นักลงทุนรายย่อย (ที่ใหญ่กว่าผม ;)) ผู้มีประสบการณ์ มีวิทยายุทธสูงส่ง ;D คงประสบความ
สำเร็จในการลงทุนในรูปแบบและวิธีการของท่านเองนี้แน่นอน

ท่านนักลงทุนรายย่อยที่มีวิธีบริหารความไม่รู้ที่แตกต่างจากนี้อย่างไร ก็เอามาบอกกันบ้างนะครับ



หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2012, 19:58:43

วันนี้ (10 ก.พ. 55) ดัชนีขึ้นไปสูงสุดที่ 1,120.56 จุดเวลา 10.33.15 น.

ต่ำสุดที่ 1,111.60 จุด เวลา 15.00.45 น.

ดัชนีปิดที่ 1,112.91 จุด มูลค่าการซื้อขาย 28,236.53 ล้านบาท


ผมจะบันทึกดัชนีสูงสุด ต่ำสุด และปิดตลาดฯอย่างนี้ทุกวันศุกร์นะครับ



หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: ซาลาเปา(เฉพาะกิจ) ที่ วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2012, 16:31:06
siri วิ่งแล้วไง  ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: น้าวัยทองฯ ที่ วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2012, 21:08:05
siri วิ่งแล้วไง  ;D

ผมเข้าตัวนี้อยู่ 555

รอเป็นหนูตัวที่ 2 ก่อน+

แต่ฝรั่งขายเน้อพี่น้อง
 (http://ผมเข้าตัวนี้อยู่ 555

รอเป็นหนูตัวที่ 2 ก่อน+)


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: ณัฐนันท์ ที่ วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2012, 22:52:45
น้ำตาจะไหลอิอิ ลูกวิ่งนำหน้าแม่ด้วยรอดตัว ;D ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: ซาลาเปา(เฉพาะกิจ) ที่ วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2012, 12:58:37
siri วิ่งแล้วไง  ;D

ผมเข้าตัวนี้อยู่ 555

รอเป็นหนูตัวที่ 2 ก่อน+

แต่ฝรั่งขายเน้อพี่น้อง
 (http://ผมเข้าตัวนี้อยู่ 555

รอเป็นหนูตัวที่ 2 ก่อน+)
ตัวนี้ถ้าทุนบาทกว่าๆนิดหน่อย ถือยาวแน่ไม่ว่าในที่สุดจะเกิดเหตุการณ์ทำให้ได้กำไฮนิดเดียวก็ตาม  ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2012, 09:56:28

เมื่อวาน วันวาเลนไทน์ (14 ก.พ.) มีเหตุระเบิดที่ซอยสุขุมวิท 71 กรุงเทพมหานคร ทำเอาหุ้นดีๆหลาย
ตัวตกใจติดลบลงไป ไม่รู้ว่ารายใหญ่จะถือโอกาสปรับฐานเลยหรือไม่

พวกเรารายย่อยที่เล็งจะลงทุนตัวไหนไว้ก็หาจังหวะกันเอาเองเน้อ ส่วนผมก็หาจังหวะรับคืนตัวที่ขายออกไป
เมื่ออาทิตย์ที่แล้วและก่อนหน้าเท่านั้น

ไม่เชื่อถามท่านเปา หรือหนุ่มวัยทองฯดูก็ได้ (ขออนุญาตแขวะนิดหน่อย :D)


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: :i3abyzeed:: ที่ วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2012, 13:08:37
หายตกใจแล้ว ได้เวลายิ้มรับวันใหม่ ;D ;D ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: น้าวัยทองฯ ที่ วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2012, 13:34:21
หายตกใจแล้ว ได้เวลายิ้มรับวันใหม่ ;D ;D ;D


ใครเก็บตอนที่เขาตกใจ

มาวันนี้ ยิ้มตีพุงสบายๆแล้ว

โอกาสแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อย

ผู้ที่ประสบการณ์เท่านั้นที่จะมองเห็น (http://ใครเก็บตอนที่เขาตกใจ

มาวันนี้ ยิ้มตีพุงสบายๆแล้ว)


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2012, 13:35:04


ดัชนีทำนิวไฮขึ้นไปอีกแล้วด้วย  พร้อมด้วยมูลค่าการซื้อขายหนาแน่นทีเดียว ;D

สูงสุดช่วงเช้าเมื่อเวลา 12.20.54 น. อยู่ที่ 1,125.98 จุด มูลค่าการซื้อขาย  18,095.06 ล้านบาท


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: ซาลาเปา(เฉพาะกิจ) ที่ วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2012, 14:42:49
ตะวาพอร์ตวูบลงไปเยอะเลย  ;D
วันนี้กลับดีขึ้นอย่างเดิม บางตัวดีกว่าเดิมซะอีกแน่ะ
จำไว้เลย พวกเหตุการณ์ร้ายที่ผ่านมาแล้วผ่านไป เตรียมเก็บอย่างเดียวเวลาพวกขี้กลัวแต่มีเงินทิ้งหุ้น  ;D ;D
ทุกอย่างยังกำลังเริ่มต้น หนทางยังยาวไกล


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: ณัฐนันท์ ที่ วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2012, 21:50:39
งานนี้ตกรถครับ เซ็งเป็ด  :-X


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2012, 10:16:39

ช่วงนี้เป็นภาวะที่นักลงทุนรายย่อยที่มีเวลาพอ ดูหน้าจอ สังเกต ติดตาม ลักษณะของราคาหุ้น ดัชนี
ที่มีแนวโน้มเป็นขาขึ้นว่ามีการแกว่งอย่างไร

ผมให้ข้อสังเกตย่อๆว่า ดัชนีช่วงนี้ทำนิวไฮขึ้นมาเรื่อยๆพร้อมกับมูลค่าการซื้อขายที่หนาแน่นทีเดียว
แม้บางวันอาจแกว่งลงไปบ้างแต่ก็ไม่ใช่เป็นการทำนิวโลว์

จึงน่าเชื่อว่าตลาดฯกำลังเป็นขาขึ้น แต่อย่าชะล่าใจครับ หุ้นในพอร์ตตัวใดมีกำไรเยอะแล้ว ปล่อยมัน
ออกไปบ้าง (อย่าลืมว่ารายย่อยอย่างเราไม่รู้และไม่มีทางขายหุ้นได้ในราคาสูงสุดดอกครับ) ถ้าเสีย
ดาย(คิดว่ามันน่าจะขึ้นไปอีก) ก็แบ่งขายอย่างผมไงครับ ;D  




หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: ซาลาเปา(เฉพาะกิจ) ที่ วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2012, 16:12:33
นาทีนี้ ก้คงมีทั้ง take profit , let s profit run, cut loss.... ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2012, 16:18:59
นาทีนี้ ก้คงมีทั้ง take profit , let s profit run, cut loss.... ;D

แม่นแล้วก้า กำลังจะ take profit ท่าน top ซักนิดหน่อย วันนี้แรงจัด วันที่ 23 ขึ้น XD (จ่าย 2 บาท) ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2012, 17:52:43

ได้ take profit ท่าน top ไปตอนปิดตลาดฯที่ 76 บาท นิดหน่อยครับ เพื่อความไม่ประมาท เพราะเมื่อก่อนตอน
เข้าตลาดใหม่ๆ หุ้นที่ถืออยู่ขึ้นแรงๆมาหลายวัน ได้กำไรพอประมาณแล้ว จึงวางขายไว้ทั้งจำนวนที่มีอยู่
ในพอร์ต สักพักเกิดความโลภ คิดว่ามันจะต้องขึ้นไปอีก จึงบอกยกเลิกการขาย วันถัดมามันก็ลง
ในใจคิดว่าเดี๋ยวมันคงจะกลับขึนไปใหม่ แต่เปล่าเลยครับ มันลงเอาๆต่อเนื่องจนต่ำกว่าราคาทุน พอ
มันดีดขึ้นมาใหม่ เกิดความกลัว จึงขายไปทั้งหมดเพื่อเอาทุนคืน พอขายออกไป ทีนี้มันวิ่งขึ้นอ้าวเลย
ครับ หุ้นตัวนั้นคือ RRC ท่านที่อยู่ในตลาดฯมาหลายปีคงรู้จักดีนะครับ เขาไปควบรวมกับ ATC เป็น
PTTAR และ PTTAR มาควบรวมกับ PTTCH เป็น PTTGC ในปัจจุบันไงครับ ;D

ขออนุญาตบันทึกดัชนีตลาดฯนะครับ วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ 17 ก.พ.55

ดัชนีขึ้นไปสูงสุดที่ 1,132.73 จุดเวลา 10.19.06 น.

ต่ำสุดที่ 1,123.01 จุด เวลา 11.19.36 น.

ดัชนีปิดที่ 1,129.93 จุด มูลค่าการซื้อขาย 39,771.87 ล้านบาท



หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Temujin ที่ วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2012, 09:20:58
  กลายเป็นการเสวนาหุ้นไปแล้วลุงคิว กระทู้ท่าน  แต่ไม่เป็นไรชอบ.. :D ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2012, 14:48:35
  กลายเป็นการเสวนาหุ้นไปแล้วลุงคิว กระทู้ท่าน  แต่ไม่เป็นไรชอบ.. :D ;D

 ;D ครับ ในส่วนของประสบการณ์ส่วนตัวที่คิดว่าพอเป็นแนวทางสำหรับนักลงทุนรายย่อยอาจได้นำไป
ประยุกต์ใช้ให้เหมาะกับแต่ละท่านนั้น ได้เรียบเรียงโพสไว้เป็นส่วนใหญ่แล้ว อาจมีเกร็ดย่อยๆที่ยังนึกไม่
ออกอีกบ้าง ถ้านึกออกก็จะเรียบเรียงโพสเข้ามาให้ได้อ่านเป็นข้อคิดกันเรื่อยๆครับ

ถ้ายังนึกไม่ออก ก็คงจะเป็นในรูปของการเสวนาอย่างนี้แหละครับ ไม่ซีเรียส :D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Oconner ที่ วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2012, 09:14:54
 ; :)ขอร่วมวงด้วยคนครับ เคยทำงานประจำแล้วมีปัญหาเลยออกจากงานมาเล่นหุ้นอย่างเดียว อายุ 35 ขอร่วมแจมกับผู้มีประสบการณ์ทุกท่านด้วยครับ  ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2012, 09:16:22
คุยเรื่อง การจ่ายปันผลเป็นหุ้น

การจ่ายปันผลของกิจการจะมีอยู่ 2 อย่าง คือ จ่ายปันผลเป็นเงินสด และจ่ายปันผลเป็นหุ้น การจ่ายปันผล
เป็นเงินสด เป็นเรื่องปกติของกิจการทั่วไป ที่มีผลประกอบการมีกำไร จึงจัดสรรกำไรออกมาจ่ายเป็นเงินปัน
ผลให้นักลงทุนผู้ถือหุ้น แต่นานๆครั้ง บางกิจการก็จะมีการจ่ายปันผลเป็นหุ้นบ้าง แล้วแต่นโยบายของกิจ
การนั้นๆในแต่ละห้วงเวลา

ผมมีประสบการณ์กับกิจการที่จ่ายปันผลเป็นหุ้นหลายครั้ง ขออนุญาตนำมาเล่าสู่กันฟัง โดยประมวลและวิเคราะห์จาก
ประสบการณ์ ผลลัพธ์ที่ได้ประสพมา เอาเฉพาะเรื่องราคาหุ้นนะครับ

กิจการใดที่จะจ่ายปันผลเป็นหุ้นนั้น จะมีการวางแผนระยะยาวพอสมควรทีเดียว (น่าจะเกิน 1 ปีขึ้นไป)
โดยการประชาสัมพันธ์ถึงความก้าวหน้าของกิจการในด้านต่างๆเช่น ยอดขาย กำไร รวมทั้งปริมาณ
สาขาที่เพิ่มขึ้น พร้อมกับค่อยๆสร้างราคาหุ้นให้สูงขึ้น เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นกับนักลงทุนทั้งรายย่อย
และรายใหญ่

ราคาหุ้นจะค่อยๆเพิ่มขึ้น หรืออาจมีการกระชากราคาแรงๆบ้างเป็นระยะๆ ราคาหุ้นจะเพิ่มสูงขึ้นผิดหูผิด
ตาทีเดียว ชั่วเวลาเพียงไม่เท่าใดราคาหุ้นจะเพิ่มสูงเป็นหลายเท่าตัวทีเดียว และราคาจะทรงหรือดำรง
อยู่ อาจจะมีผันผวนลดลงเป็นบางขณะ แต่ก็จะกลับเพิ่มสูงขึ้นไปกว่าเดิมอีกเป็นระยะๆ และเมื่อใกล้จะ
ประกาศการจ่ายปันผลเป็นหุ้น ราคาหุ้นจะทรงอยู่ในระดับสูงมากเมื่อเทียบกับผลกำไรที่กิจการทำได้
นักลงทุนรายย่อยที่มีประสบการณ์เยอะๆ (ไม่ใช่นักเก็งกำไรรายวัน) เห็นว่าราคาหุ้นสูงกว่าที่ควรจะเป็น
(ตามประสบการณ์และดุลพินิจของแต่ละท่าน) จะไม่เข้าไปซื้อลงทุน

ก่อนจะประกาศการจ่ายปันผลเป็นหุ้นไม่นานนัก (ประมาณ 1-2 เดือน) ราคาหุ้นที่ทรงอยู่ในระดับสูงลิ่ว
อยู่แล้วนั้น ก็จะขยับสูงขึ้นไปอีก ครั้นพอประกาศจ่ายปันผลเป็นหุ้น ราคาหุ้นก็จะขึ้นรับข่าวตามสมควร แต่
จะขึ้นไปอีกไม่มากนัก

เมื่อใกล้วันขึ้นเครื่องหมาย XD ราคาจะเริ่มลดลง นักลงทุนรายย่อยบางรายอาจเห็นว่าเป็นราคาไม่แพงแล้ว
จึงเข้าไปซื้อลงทุน

วัน XD  ราคาจะลดลงไปอีกโดยจะคำนวณจากสัดส่วนการจ่ายปันผลเป็นหุ้น เช่น ถ้ามีการจ่ายปันผลเป็นหุ้นใน
อัตราส่วน 1:1 ราคาหุ้น ณ วัน XD จะลดลงครึ่งหนึ่งของราคาในวันก่อนหน้า และเมื่อหุ้นที่ได้จากการปันผลได้มี
การโอนเข้าพอร์ตของนักลงทุนวันใด วันนั้นก็จะเป็นวันที่หุ้นที่ได้รับจากการปันผลนั้นสามารถซื้อขายในตลาดฯได้
ราคาหุ้นก็จะแกว่งตัวลดลงอีก นักลงทุนที่เห็นว่าราคาลงมาเยอะมากมายก็จะเข้าไปซื้อลงทุน ราคาหุ้น
ก็จะลดลงเรื่อยๆ นั่นหมายความว่า มีนักลงทุนรายย่อยเข้าไป ติดหุ้น นั้นแล้ว เพราะหุ้นตัวนี้จะไม่หวน
กลับขึ้นไปอีกในช่วงเวลาสั้นๆแน่นอน ต้องใช้เวลายาวนานเป็นปี

หุ้นตัวใดที่จะมีการแตกพาร์ ก็จะมีการดำเนินการเพื่อสร้างราคาหุ้นทำนองเดียวกันนี้ด้วย เช่นกัน

ผมเอาประสบการณ์มาเล่าสู่กันฟัง เพื่อให้นักลงทุนรายย่อยได้เป็นข้อมูลพิจารณาระมัดระวังและใช้
วิจารณญาณในการลงทุนในหุ้นกันครับ ;D  


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: ซาลาเปา(เฉพาะกิจ) ที่ วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2012, 10:38:38
ตะวาตอนปิดตลาด ผมซื้อ BIGC01CA ที่ราคา 2.00 วันนี้เปิดตั้งขาย 2.18 ขณะที่พิมพ์ราคา 2.94  ;D ตัวนี้ผมไม่คิดถือยาว แบบนี้คงอย่างที่ท่านคิวเคยบอกในกระทู้นี้ว่าสำหรับแมงเม่าไม่มีใครขายได้ราคาสูงสุด หรือซื้อได้ราคาต่ำสุด  ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2012, 11:25:23
ตะวาตอนปิดตลาด ผมซื้อ BIGC01CA ที่ราคา 2.00 วันนี้เปิดตั้งขาย 2.18 ขณะที่พิมพ์ราคา 2.94  ;D ตัวนี้ผมไม่คิดถือยาว แบบนี้คงอย่างที่ท่านคิวเคยบอกในกระทู้นี้ว่าสำหรับแมงเม่าไม่มีใครขายได้ราคาสูงสุด หรือซื้อได้ราคาต่ำสุด  ;D

วันเดียวได้กำไร 9 % ก็สุดยอดและน่าพอใจแล้วครับ ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: น้าวัยทองฯ ที่ วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2012, 00:58:25
งั้นแสดงว่า การจ่ายปันผลเป็นหุ้น

ก็ไม่ค่อนจะเป็นข่าวดีของนักลงทุนหรอครับท่านคิวฯ (http://งั้นแสดงว่า การจ่ายปันผลเป็นหุ้น

ก็ไม่ค่อนจะเป็นข่าวดีของนักลงทุนหรอครับท่านคิวฯ)


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: ซาลาเปา(เฉพาะกิจ) ที่ วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2012, 11:36:19
มีใครเป็นแฟนมาลีบ้าง  ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2012, 12:08:18
งั้นแสดงว่า การจ่ายปันผลเป็นหุ้น

ก็ไม่ค่อนจะเป็นข่าวดีของนักลงทุนหรอครับท่านคิวฯ (http://งั้นแสดงว่า การจ่ายปันผลเป็นหุ้น

ก็ไม่ค่อนจะเป็นข่าวดีของนักลงทุนหรอครับท่านคิวฯ)

ถ้ามองเพียงผิวเผิน สำหรับนักลงทุนรายย่อยที่ยังอ่อนประสบการณ์อาจมองว่าเป็นข่าวดี อย่างเช่น
ตัวผมที่เคยประสพมาแล้วก็ได้ (ต้องทนทรมานใจนานหลายปี ;D)

แต่ถ้ามีประสบการณ์มากเพียงพอ ถ้ามีข่าว หรือประกาศจ่ายปันผลเป็นหุ้นอย่างนี้ และเราไม่มีหุ้นตัวนี้ถือ
อยู่ ก็ไม่ควรไปซื้อลงทุนในราคาปัจจุบันครับ ยกเว้นต้องการลงทุนแบบเก็งกำไรสั้นๆ (เข้าเร็ว ออกเร็ว)
ซึ่งส่วนตัวผมไม่แนะนำ

หรือถ้ามีถืออยู่ก่อนการประกาศดังกล่าว ก็ควรดูราคาที่เราซื้อไว้ประกอบด้วย

เห็นว่าถ้านักลงทุนที่ถือหุ้นดังกล่าวมาก่อนที่กิจการจะเริ่มโครงการจ่ายปันผลเป็นหุ้น (ซึ่งรายย่อยอย่างเรา
ไม่มีทางทราบว่ากิจการจะเริ่มโครงการนี้เมื่อใด) และถือมาจนถึงวันประกาศจ่ายปันผลเป็นหุ้น ซึ่งแน่นอนว่านักลง
ทุนรายย่อยท่านนั้นจะมีกำไรจากส่วนต่างของราคาหุ้นไม่ต่ำกว่า 200 % ทีเดียว (ถ้าลองวิเคราะห์ตามที่ผม
โพสไปดังกล่าว) แต่จะมีนักลงทุนรายย่อยรายใดที่จะใจแข็งขนาดนั้น  ได้สัก 100 % หรือ 50 % ก็คง
ขายกันหมดแล้ว ;D ทั้งนี้ผมหมายความว่าถ้านักลงทุนรายย่อยท่านนั้นใจแข็งพอ ถือจนหุ้นขึ้นมาถึง 200%
ดังกล่าว ก็ถือว่าเป็นเรื่องดีครับ แต่ผมเชื่อว่าอาจมีเพียงหนึ่งในร้อย นอกนั้นขายออกไปตั้งแต่ได้กำไร 50%
หรือ 100 %ไปแล้วดังกล่าว แต่ผู้ที่เข้ามาซื้อลงทุน(ไม่ใช่เก็งกำไร)ในระยะก่อนประกาศไม่นานก็อาจ
มั่นใจ เชื่อว่าเป็นข่าวดีก็ได้ หรืออาจมีข่าวที่บอกต่อๆกันมาก่อนหน้าว่ารู้ข้อมูลภายในมา ซึ่งอาจเป็นผลดี
ของนักเก็งกำไรเท่านั้น แต่ไม่ใช่ข่าวดีของนักลงทุนระยะยาวนะครับ

และขอเรียนว่านี้เป็นความเห็นส่วนตัว ตามประสบการณ์เท่านั้นครับ... ;D






หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2012, 17:02:00

อย่าทุ่มเท จงแบ่งใจ

แม้จะมั่นใจเพียงใด ก็อย่าทุ่มเทให้กับสิ่งนั้น หรือเรื่องราวนั้นๆจนสุดตัว สุดใจนะครับ

เช่น หนุ่มรักสาว แม้จะมั่นใจในตัวสาวเจ้าเพียงใด อย่าทุ่มใจให้ทั้งหมดนะครับ แบ่งใจเผื่อไว้บ้าง
เดี๋ยวจะเป็นอย่างหนุ่มวัยทองฯ เมื่อไม่นานมานี้ (ขออนุญาตแซวนิดหน่อย อย่าโกรธกันนะ ;D)

เอามาเตือนกัน โดยเฉพาะการลงทุนในหุ้น ซึ่งมีความผันผวน อ่อนไหวตลอดเวลา...

ขออนุญาตบันทึกดัชนีตลาดฯนะครับ วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ 24 ก.พ.55

ดัชนีขึ้นไปสูงสุดที่ 1,147.37 จุดเวลา 16.09.45 น.

ต่ำสุดที่ 1,141.72 จุด เวลา 11.01.00 น.

ดัชนีปิดที่ 1,146.14 จุด มูลค่าการซื้อขาย 32,174.76 ล้านบาท


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2012, 07:48:47
มีใครเป็นแฟนมาลีบ้าง  ;D

เมื่อก่อนโน้น...ตอนผมเข้าตลาดฯใหม่ๆ มาร์เก็ตติ้งของ เอเซียพลัส แนะให้จีบไว้ แต่ผมจีบไม่ติด :D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: ซาลาเปา(เฉพาะกิจ) ที่ วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2012, 10:58:10
มีใครเป็นแฟนมาลีบ้าง  ;D

เมื่อก่อนโน้น...ตอนผมเข้าตลาดฯใหม่ๆ มาร์เก็ตติ้งของ เอเซียพลัส แนะให้จีบไว้ แต่ผมจีบไม่ติด :D
ท่านคิวหมายถึงกี่ปีมาแล้ว ตอนนั้นคงหนักใจน่าดู เพราะหล่อนแทบไม่ได้ทำตัวให้ดีขึ้น มีแต่ตกต่ำเหลวแหลก จนต้องถูกจำกัดบริเวณ ไม่ให้ไปไหน แต่ปลายปีแล้วหลังจากปล่อยให้ไปโลดแล่นข้างนอกได้ มาถึงตอนนี้หล่อนเป็นคนละคน  ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2012, 14:46:55
มีใครเป็นแฟนมาลีบ้าง  ;D

เมื่อก่อนโน้น...ตอนผมเข้าตลาดฯใหม่ๆ มาร์เก็ตติ้งของ เอเซียพลัส แนะให้จีบไว้ แต่ผมจีบไม่ติด :D
ท่านคิวหมายถึงกี่ปีมาแล้ว ตอนนั้นคงหนักใจน่าดู เพราะหล่อนแทบไม่ได้ทำตัวให้ดีขึ้น มีแต่ตกต่ำเหลวแหลก จนต้องถูกจำกัดบริเวณ ไม่ให้ไปไหน แต่ปลายปีแล้วหลังจากปล่อยให้ไปโลดแล่นข้างนอกได้ มาถึงตอนนี้หล่อนเป็นคนละคน  ;D

ประมาณ 7 - 8 ปีมาแล้วครับ...

หลังจากหล่อนพ้นโทษออกมา ผมยังไม่ได้ติดตามดูพฤติกรรมของเจ้าหล่อนเลย ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: น้าวัยทองฯ ที่ วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2012, 17:43:09
เมื่อวาน เกือบลิ้งกันเลยเชียว 555+

ผมจีบตอน 10 กว่าบาทเอง ตอนนี้เธอไปซะไกลละ (http://เมื่อวาน เกือบลิ้งกันเลยเชียว 555+

ผมจีบตอน 10 กว่าบาทเอง ตอนนี้เธอไปซะไกลละ)


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: ซาลาเปา(เฉพาะกิจ) ที่ วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2012, 11:38:59
เมื่อวาน เกือบลิ้งกันเลยเชียว 555+

ผมจีบตอน 10 กว่าบาทเอง ตอนนี้เธอไปซะไกลละ (http://เมื่อวาน เกือบลิ้งกันเลยเชียว 555+

ผมจีบตอน 10 กว่าบาทเอง ตอนนี้เธอไปซะไกลละ)
ปิดลิ่งครับ คิดจะจีบตอนนี้ก็น่าลุ้น แต่ระวังเพราะหล่อนก็ประเภทร้อนแรง ผีเข้าผีออกอยู่  ;D
 


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: ซาลาเปา(เฉพาะกิจ) ที่ วันที่ 01 มีนาคม 2012, 10:20:05
TVO  ของท่านคิว มาแนวมาช้าดีกว่าไม่มา  ;D
ไงเอาใจช่วยครับ ถ้ามองระยะยาว ปีนี้ถ้ารักษาฟอร์มดูดี ปีหน้าฟ้าใหม่ยังมีลุ้นต่อนะ  ;D
เอางั้นเลย อิอิ


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 01 มีนาคม 2012, 13:19:22
TVO  ของท่านคิว มาแนวมาช้าดีกว่าไม่มา  ;D
ไงเอาใจช่วยครับ ถ้ามองระยะยาว ปีนี้ถ้ารักษาฟอร์มดูดี ปีหน้าฟ้าใหม่ยังมีลุ้นต่อนะ  ;D
เอางั้นเลย อิอิ

ยังมีอยู่ในโกดังอีกไม่มากนัก ประกาศปันผล 0.30 บาท รอโอกาสเก็บเพิ่มหลัง XD  ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 01 มีนาคม 2012, 18:31:19
การลงทุนกับหุ้น TVO ของผม

ท่านเปาได้แซวเล่นกับผมเรื่องหุ้นตัวนี้มาหลายครั้ง จึงมาขอเล่าย่อๆให้ฟังว่าผมลงทุนกับหุ้นตัวนี้
อย่างไร ตั้งแต่เมื่อใด

ผมลงทุนกับ TVO มาตั้งแต่เมื่อปี 2547 โดยได้ศึกษาข้อมูลมาพอสมควรเริ่มต้นที่ราคาประมาณ 13
บาท มันตกลงมาก็ซื้อเพิ่มเข้าไปอีกจนมีถืออยู่ถึง 30,000 หุ้น (ราคาเฉลี่ยประมาณ 11 บาทเศษ) มัน
ก็ตกลงมาอีกอยู่ที่ประมาณ 7-8 บาทในระยะประมาณ 1 ปีให้หลังจากที่ได้ซื้อครั้งแรก ผมไม่กล้าซื้อ
เพิ่มเข้าไปอีก ในช่วงนั้นผมมีผลขาดทุนทางบัญชีเฉพาะหุ้นตัวนี้อยู่ประมาณ 120,000 - 130,000 บาท
แลมันดำรงอยู่นาน (น่าจะเกิน 6 เดือน) ทรมานใจจริงๆครับ ;D

แต่ผมก็อดทนอยู่กับเขา และเขาก็จ่ายปันผลเป็นเงินสดทุก 6 เดือน มากบ้าง น้อยบ้าง แล้วแต่ผลกำไร
ในช่วงที่เขาขึ้นแรงๆผมก็แบ่งขายออกมาจำนวนหนึ่ง ครั้งละประมาณ 10,000 หุ้น (ระยะนั้นพอจับทิศ
ทาง กระบวนการของการลงทุนในหลักทรัพย์ได้จากเพื่อนนักลงทุนในห้องค้า) และเมื่อเขาตกลงมาต่ำ
กว่าราคาที่ผมขายออกไป ประมาณ 3% - 5% ผมก็ซื้อกลับมาในจำนวนเท่าที่ขายออกไป ได้ส่วนต่าง
จากราคาขายกับราคาซื้อเก็บเข้ากระเป๋า หลายครั้งมากพอสมควร แต่ผมยังคงถือหุ้น TVO ไว้จำนวน
30,000 หุ้น เท่าเดิม

เมื่อประมาณ 2 หรือ 3 ปีก่อน TVO ได้ประกาศจ่ายปันผลเป็นเงินสด และเป็นหุ้นในอัตราส่วน 4 : 1
และแจกใบสำคัญแสดงสิทธิ์ในอัตราเดียวกันนี้ด้วย ซึ่งก่อนหน้านี้ หุ้นก็ได้ขยับราคาจาก 7 -8 บาท
มาสูงพอสมควร น่าจะอยู่ที่ 17 -18 บาท ถ้าจำไม่ผิด เพื่อนนักลงทุนของผมในห้องค้าที่เป็นสมาชิก
TVO อยู่ด้วย ได้มีความสุขกันถ้วนหน้า

รวบรัดให้สั้นเข้านิดนึง ผมได้ทยอยขายหุ้น (ทั้งหุ้นที่มีอยู่เดิม ทั้งที่ได้รับปันผลมา และใบสำคัญ
แสดงสิทธิ์ด้วย) โดยรับกลับบ้างเป็นบางช่วงที่มีโอกาส และสุดท้ายผมขายไปที่ราคาประมาณ
23 - 24 บาท จากนั้นเขาก็วิ่งทะลุทะลวงขึ้นไปถึง 30 กว่าบาท (จำไม่ได้ว่าไปสูงสุดที่เท่าใด)
ผมก็ไม่ได้ติดตามเข้าลงทุนในราคาที่เกินจากที่ผมขายออกไปครั้งสุดท้าย

เมื่อประมาณไตรมาสที่ 3 ของปีที่แล้ว (2554) หุ้น TVO ได้ตกลงมาเหลือ 20 บาท ผมเข้าไปรับไว้จำ
นวนหนึ่ง เพราะเชื่อว่ายังไม่สิ้นสุดขาลงของเขา ท่านเปา (ขออภัยที่เอ่ยนาม) มาแซวว่าผมกล้าหาญ
ผมก็บอกว่า ผมเป็นแฟนเขาอยู่ เขาลงราคามาต่ำกว่าที่ผมขายออกไปถึง 20 % และต่ำกว่าราคาที่ขึ้น
ไปสูงสุดถึงประมาณ 30 % แล้ว ต้องขอสมัครเป็นแฟนกันอีก ;D

แล้วก็เป็นไปตามคาดของผม คือหุ้น TVO ตกลงมาอีกเป็นระยะๆ ผมก็เข้าทยอยรับ ทยอยขาย เป็น
ระยะๆเช่นกัน (น่าจะลงไปต่ำสุดประมาณ 16 บาทนะครับ) และตอนนี้เขากลับขึ้นมาอยู่ที่ราคา
20.40 บาท (ราคาปิดตลาดวันนี้) และผมก็มีเขาอยู่ในโกดังจำนวนหนึ่ง บอกก็ได้ว่าราคาเฉลี่ยประ
มาณ 17 บาท

TVO หรือบริษัทน้ำมันพืชไทยนี้ ธุรกิจหลักของเขาคือ ขายอาหารสัตว์ ส่วนน้ำมันพืชเป็นผลพลอยได้
ครับ (รายได้จากการขายอาหารสัตว์ประมาณ 80 % อีก 20 % เป็นรายได้จากการขายน้ำมันพืช)
ผมเคยไปเยี่ยมชมโรงงานของเขาที่ อ.นครไชยศรี จ.นครปฐม 2 ครั้ง ไปร่วมประชุมผู้ถือหุ้นหลายครั้ง
เคยได้รับเกียรติให้เป็นกรรมการในที่ประชุม 1 ครั้ง (จำไม่ได้ว่าเรื่องอะไร)

เก็บประสบการณ์จากการลงทุนในหุ้น TVO มาเล่าสู่กันฟังเท่านั้นครับ คงพอจะประเมินกันได้ว่าผมได้
ประโยชน์กับเขาพอสมควร และมีข้อมูลที่มาของรายได้ของกิจการของเขา มาให้เพื่อนนักลงทุนได้
พิจารณากันเล็กน้อย โดยส่วนตัวเห็นว่าเขาเป็นบริษัทเล็กๆในตลาดหลักทรัพย์ ที่มีกิจการมั่นคง
พอสมควร แต่ราคาหุ้นนั้นก็ผันแปรขึ้นลงตามเหตุปัจจัยที่มากระทบในแต่ละห้วงเวลา ดูกันให้รอบ
คอบก่อนตัดสินใจลงทุนนะครับ ;D  
 
 


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: montonsiri ที่ วันที่ 01 มีนาคม 2012, 19:50:55
ขอบคุณมากครับสำหรับข้อมูลtvoเคยมีในพร์อตแต่ตอนนี้ปล่อยไปแล้ว ว่าจะหาช่วงดีๆเก็บเข้ามาใหม่ครับ ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: ซาลาเปา(เฉพาะกิจ) ที่ วันที่ 01 มีนาคม 2012, 21:26:06
จากสถิติที่ผ่านมาหุ้นตัวนี้ของท่านคิว บทขึ้นก็ขึ้นได้ใจ แต่บทลงก็ลงน่าใจหาย ร้อนแรงซะไม่มี เช่นปีที่แล้วใจหายใจคว่ำน่าดู ปีนี้อย่างที่บอกครับถ้ารักษาฟอร์มได้อย่างมั่นคงก็มีลุ้นให้ชื่นใจ  ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 02 มีนาคม 2012, 17:04:15

มาบันทึกดัชนีตลาดฯวันศุกร์ที่ 2 มีนาคม 2555

ดัชนีขึ้นไปสูงสุดที่ 1,173.07 จุด เวลา 10.42.44 น.

ต่ำสุดที่ 1,164.14 จุด เวลา 16.15.14 น.

ดัชนีปิดที่ 1,165.15 จุด มูลค่าการซื้อขาย 36,888.76 ล้านบาท

ดัชนีตลาดฯ แกว่งทำนิวไฮขึ้นมาเรื่อยๆประมาณเดือนเศษแล้วนะครับ ไม่รู้ว่าจะขึ้นไปถึงไหน ใครรู้ช่วยบอกที ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: :i3abyzeed:: ที่ วันที่ 02 มีนาคม 2012, 17:30:25

มาบันทึกดัชนีตลาดฯวันศุกร์ที่ 2 มีนาคม 2555

ดัชนีขึ้นไปสูงสุดที่ 1,173.07 จุด เวลา 10.42.44 น.

ต่ำสุดที่ 1,164.14 จุด เวลา 16.15.14 น.

ดัชนีปิดที่ 1,165.15 จุด มูลค่าการซื้อขาย 36,888.76 ล้านบาท

ดัชนีตลาดฯ แกว่งทำนิวไฮขึ้นมาเรื่อยๆประมาณเดือนเศษแล้วนะครับ ไม่รู้ว่าจะขึ้นไปถึงไหน ใครรู้ช่วยบอกที ;D


ขึ้นไปถึงไหน ไม่อยากจะรู้ซักเท่าไหร่.. แต่ถ้ามีแน้วโน้มจะลงหนักๆช่วงไหน กระซิบบอกด้วยนะครับท่านคิวฯ 555+ ::) ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 05 มีนาคม 2012, 14:00:56

ขึ้นไปถึงไหน ไม่อยากจะรู้ซักเท่าไหร่.. แต่ถ้ามีแน้วโน้มจะลงหนักๆช่วงไหน กระซิบบอกด้วยนะครับท่านคิวฯ 555+ ::) ;D

ผมคงไม่อาจชี้ได้แม่นยำดอกครับ ดูกราฟก็ไม่เป็น อาศัยประสบการณ์เอาตัวรอดไปวันๆ ;D

ขณะนี้ดัชนีขึ้นมาค่อนข้างสูง วิธีของผมคือ ทยอยขายออกไป ตอนนี้ตัวที่ทยอยขายออกไป มันก็ทำเหมือน
จะไม่กลับมา ก็ไม่เป็นไร เพราะเราไม่ได้ขายทั้งหมด ถ้าแกว่งขึ้นแรงๆอีกเราก็ยังมีของขายอีก :D

(สำหรับผม) เห็นว่าดีกว่ารอขายครั้งเดียวทั้งจำนวนที่มีอยู่ เพราะสิ่งที่แน่นอน คือความไม่แน่นอน เขาอาจไป
ไม่ถึงเป้าหมายที่เราตั้งใจจะขายก็ได้ หรือเมื่อถึงเป้า เราอาจเกิดความโลภ คิดว่าน่าจะไปได้อีก อาจทำให้
เสียหาย หรือ ขาดทุนกำไรได้  ;)  


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Temujin ที่ วันที่ 05 มีนาคม 2012, 18:29:59
  หลายๆ โบรคฯ แนะว่าครึ่งหลังของเดือนอาจมีอะไรเปลี่ยนแปลง เพราะถึงรอบบัญชีพอดี  ยังไงๆ ก็ระวังๆ กันหน่อยเดียวติดดอยกัน

สำหรับขาเก็งฯ ส่วนระยะยาวก็ค่อยๆ ดูกันไป เพราะช่วงนี้หลายๆ ตัวขึ้นเครื่องหมาย XD ก็สมหวังกันไปสำหรับท่านที่เลือกหุ้นห่านทองคำ  :D ;D

ปล.สำหรับใครที่ถือหุ้นเหมือนท่านวายุคงได้หุ้นเพิ่ม แต่ผมก็มีความเห็นเหมือนลุงคิวฯ



หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: น้าวัยทองฯ ที่ วันที่ 05 มีนาคม 2012, 18:51:16
ผมก็ปล่อย siri ไปเมื่อเช้าแล้ว ปล่อย2.10 ไป วิ่งฉิวเลย 555+

แต่ที่ปล่อยนี้ก็เพราะผมไม่ทราบถึงพื้นฐานอย่างชัดเจน

และอีกอย่างจะมีการเพิ่มทุน เข้าซื้อวันแรก พรุ่งนี้(6 มี.ค. 55)

ก็เลยกลัวว่าราคาจะร่วงไปหาราคาหุ้นเข้าใหม่

แต่ผมก็ไม่อาจทราบด้วยเพราะความรู้ยังน้อย ประสบการณ์ยังไม่แข็งพอ

เลยขอตีหัวเข้าบ้านก่อน ตัวนี้ก็ได้มา ประมาณ 8 % (http://ผมก็ปล่อย siri ไปเมื่อเช้าแล้ว ปล่อย2.10 ไป วิ่งฉิวเลย 555+

แต่ที่ปล่อยนี้ก็เพราะผมไม่ทราบถึงพื้นฐานอย่างชัดเจน

และอีกอย่างจะมีการเพิ่มทุน เข้าซื้อวันแรก พรุ่งนี้(6 มี.ค. 55)

ก็เลยกลัวว่าราคาจะร่วงไปหาราคาหุ้นเข้าใหม่

แต่ผมก็ไม่อาจทราบด้วยเพราะความรู้ยังน้อย ประสบการณ์ยังไม่แข็งพอ

เลยขอตีหัวเข้าบ้านก่อน ตัวนี้ก็ได้มา ประมาณ 8 %)


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: น้าวัยทองฯ ที่ วันที่ 06 มีนาคม 2012, 16:54:40
สรุปแล้ว siri ไม่เป็นอย่างที่คิดไว้

ราคาวันนี้ก็ยังวิ่งไปต่อเนื่อง

ถึงแมhจะไม่หวือหวาก็ตาม

ก็ต้องยอมขายหมูไป  (http://สรุปแล้ว siri ไม่เป็นอย่างที่คิดไว้

ราคาวันนี้ก็ยังวิ่งไปต่อเนื่อง

ถึงแมhจะไม่หวือหวาก็ตาม

ก็ต้องยอมขายหมูไป)


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 09 มีนาคม 2012, 17:14:21
มาบันทึกดัชนีตลาดฯวันศุกร์ที่ 9 มีนาคม 2555

ดัชนีขึ้นไปสูงสุดที่ 1,170.60 จุด เวลา 10.27.50 น.

ต่ำสุดที่ 1,158.58 จุด เวลา 16.09.20 น.

ดัชนีปิดที่ 1,158.71 จุด มูลค่าการซื้อขาย 37,658.17 ล้านบาท

เมื่อวาน (8 มี.ค.55) ดัชนีบวกแรงจากเมื่อวันอังคารที่ 6 มี.ค. 55 วันนี้ดัชนีปรับลดลงจากเมื่อวาน
9.60 จุด หรือประมาณ 0.82 % (มูลค่าการซื้อขายใกล้เคียงกัน) ซึ่งนักวิเคราะห์หุ้นเรียกว่า ดัชนีปรับฐาน

ส่วนตัวผมมองว่า ดัชนีตลาดฯ ได้แกว่งขึ้นอย่างต่อเนื่องมาประมาณ 2 เดือน คงจะใกล้จบรอบแล้ว
ซึ่งเป็นไปตามธรรมดาตามวัฏจักรทั่วไป น้ำท่วมยังมีวันลด หุ้นก็มีขึ้น มีลง ตามเหตุปัจจัยที่มากระทบ
นักลงทุนรายย่อยที่เก็บเกี่ยวประสบการณ์สะสมไว้เพียงพอ ก็เอาตัวรอด สร้างผลกำไรให้กับตัวเองได้

ขอให้เพื่อนสมาชิกนักลงทุนทุกท่านโชคดีครับ ในช่วงนี้อย่ามองหุ้นในแง่ดีนัก  ;D

 


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 16 มีนาคม 2012, 17:06:22

มาบันทึกดัชนีตลาดฯวันศุกร์ที่ 16 มีนาคม 2555

ดัชนีขึ้นไปสูงสุดที่ 1,189.56 จุด เวลา 16.37.24 น.

ต่ำสุดที่ 1,173.95 จุด เวลา 10.50.09

ดัชนีปิดที่ 1,189.56 จุด มูลค่าการซื้อขาย 43,398.87 ล้านบาท

วันนี้ดัชนีปิดตลาดสูงสุดของวัน และทำนิวไฮอีก ด้วยมูลค่าการซื้อขายหนาแน่นทีเดียวครับ

ตัวไหนมีกำไรทยอยแบ่งขายไปมั่งหรือยังครับ หุ้นตัวเล็กๆเริ่มออกมาเพ่นพ่าน น่าจะใกล้จบรอบแล้ว ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: ณัฐนันท์ ที่ วันที่ 17 มีนาคม 2012, 15:21:03
ยังถือsiri  อยู่เลยครับ ตัวนี้มันน่าจะไปต่อไหมครับ ??? ???


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 19 มีนาคม 2012, 09:08:39
ยังถือsiri  อยู่เลยครับ ตัวนี้มันน่าจะไปต่อไหมครับ ??? ???

ธุรกิจอสังหาฯนี้ ผมไม่ค่อยได้ติดตามเท่าใด

ส่วนตัวยังเห็นว่าดัชนีตลาดขึ้นมาสูงพอสมควรแล้ว ตัวไหนถ้ามีกำไรพอสมควร ก็น่าจะใช้ดุลพินิจแบ่ง
ขายออกไปบ้าง (เผื่อมันกลับตัวเป็นขาลง) ถือไว้บ้าง (เผื่อมันอาจทะยานขึ้นต่อ) แล้วแต่ดุลพินิจครับ
ว่าจะขายเท่าใด หรือจะถือไว้เท่าใด ;D

อย่าลืมว่า สิ่งที่แน่นอน คือความไม่แน่นอน... ;)



หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: น้าวัยทองฯ ที่ วันที่ 19 มีนาคม 2012, 17:41:17
ยังถือsiri  อยู่เลยครับ ตัวนี้มันน่าจะไปต่อไหมครับ ??? ???

ที่สอบถามนี้ อยากทราบว่า ติดอยู่หรือกำไรครับ

ถ้าติดอยู่ก็คงต้องรอดีดตัวตอนงบ Q1 55 ออกครับ

เพราะเห็นข่าวคุยนักคุยหนาว่า Q1 กำไรบาน (อ่านจากข่าวหุ้น)

ถ้าหากกำไรอยู่แต่ไม่รู้จะขายราคาไหน

ก็แนะนำตามที่ท่านคิวฯ บอกครับ

แต่ถ้ามั่นใจ และเข้าใจธุรกิจของมัน ก็ยาวได้เลย(ความเห็นส่วนตัว) (http://ที่สอบถามนี้ อยากทราบว่า ติดอยู่หรือกำไรครับ

ถ้าติดอยู่ก็คงต้องรอดีดตัวตอนงบ Q1 55 ออกครับ

เพราะเห็นข่าวคุยนักคุยหนาว่า Q1 กำไรบาน (อ่านจากข่าวหุ้น)

ถ้าหากกำไรอยู่แต่ไม่รู้จะขายราคาไหน

ก็แนะนำตามที่ท่านคิวฯ บอกครับ

แต่ถ้ามั่นใจ และเข้าใจธุรกิจของมัน ก็ยาวได้เลย(ความเห็นส่วนตัว))


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: ณัฐนันท์ ที่ วันที่ 22 มีนาคม 2012, 15:06:10
ขายลูก ทำกำไรไปนิดหน่อย เก็บไว้ลุ้นอีกนิดหน่อยครับ ขอบคุณทุกท่าน สำหรับคำแนะนำ ครับ  ;D ;D ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 22 มีนาคม 2012, 19:18:50

วันนี้ พฤหัสฯที่ 22 มีนาคม 2555 ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ผันผวนทีเดียว

ขึ้นไปทำจุดสูงสุด (นิวไฮ) อีกแล้วเมื่อเวลา 14.57.47 น. ที่ 1,214.31 จุด แล้วถูกแรงเทขายลงมา

ปิดตลาดฯเมื่อเวลา 16.35.47 น. ที่ 1,191.00 จุด มูลค่าการซื้อขาย 40,149.78 ล้านบาท ซึ่งชั่ว

เวลาไม่ถึงสองชั่วโมง ดัชนีก็ลดลงมาจากจุดสูงสุดดังกล่าวถึง 23.31 จุด (1,214.31 - 1,191.00)

ผมเอามาบันทึกไว้วันนี้เพราะเห็นว่าวันนี้ค่อนข้างผันผวนมากกว่าทุกวันที่ผ่านมา และในช่วงต่อ

ต่อจากนี้ไป เราอาจเห็นดัชนีตลาดฯค่อยๆแกว่งลงก็ได้ ;D (เป็นความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ อาจ

ไม่เป็นไปตามนี้ก็ได้)


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: ซาลาเปา(เฉพาะกิจ) ที่ วันที่ 23 มีนาคม 2012, 12:41:26
ถึงตอนนี้พอร์ตใครมีกำไรมาแต่ปีแล้ว ก็คงหดหายไปนิด ส่วนพอร์ตขาดทุนก็เพิ่มนิด  ;D
ถึงเวลาเซียนๆใช้ความรู้ความสามารถของใครของมันว่าจะถือจะเก็บหรือว่าจะทิ้ง


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 23 มีนาคม 2012, 17:24:51

ตลาดหุ้นวันนี้ (ศุกร์ที่ 23 มีนาคม 2555) ผันผวนพอๆกับเมื่อวานครับ

ดัชนีขึ้นไปสูงสุดที่ 1,197.04 จุด เวลา 16.06.40 น.

ต่ำสุดที่ 1,179.49 จุด เวลา 14.43.40 น.

ดัชนีปิดที่ 1,194.44 จุด มูลค่าการซื้อขาย 30,830.34 ล้านบาท

ดูเหมือนว่าดัชนีเริ่มจะแกว่งลง อาทิตย์หน้าถ้าดัชนีขึ้นไม่ถึงจุดสูงสุดที่ทำไว้เมื่อวาน (1,214.31 จุด)
ก็น่าจะแกว่งตัวเป็นขาลงตามที่ผมเรียนไว้เมื่อวาน ขอให้เพื่อนสมาชิกนักลงทุนในตลาดหุ้นโชคดีทุกท่านครับ ;)


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: ซาลาเปา(เฉพาะกิจ) ที่ วันที่ 26 มีนาคม 2012, 11:07:14
ท่านคิวคิดว่าลงแล้วลงเลย หรือลงแล้วน่าจะกลับขึ้นต่อ
เฉพาะ set นะครับ สำหรับหุ้นคงต้องแล้วแต่ตัวมันเอง


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 26 มีนาคม 2012, 11:25:09
ท่านคิวคิดว่าลงแล้วลงเลย หรือลงแล้วน่าจะกลับขึ้นต่อ
เฉพาะ set นะครับ สำหรับหุ้นคงต้องแล้วแต่ตัวมันเอง

ผมว่า set น่าจะค่อยๆแกว่งลงน่ะครับ และอาทิตย์หน้าหุ้นปูนใหญ่ (scc) จะขึ้น XD วันที่ 4
เมษา อาจมีผลต่อ set ให้ลงต่อ และน่าจะซึมยาวเป็นเดือนกว่าจะกลับขึ้นมาใหม่

นักลงทุนรายย่อยจะต้องใช้ดุลพินิจให้มากๆครับ ;D

ขออภัยครับมาแก้ไขวันขึ้นเครื่องหมาย XD จากวันที่ 5 มาเป็นวันที่ 4 เพิ่งไปเปิดดูว่าตลาดหลักทรัพย์
ได้มีการประกาศเปลี่ยนแปลงไปแล้ว...


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: น้าวัยทองฯ ที่ วันที่ 26 มีนาคม 2012, 17:42:17
ไอหย่า พี่เบิ๊มปันผล น่าจะมีผลไม่มากก็น้อยละงานนี้ (http://ไอหย่า พี่เบิ๊มปันผล น่าจะมีผลไม่มากก็น้อยละงานนี้)


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 29 มีนาคม 2012, 09:34:46
ถึงตอนนี้พอร์ตใครมีกำไรมาแต่ปีแล้ว ก็คงหดหายไปนิด ส่วนพอร์ตขาดทุนก็เพิ่มนิด  ;D
ถึงเวลาเซียนๆใช้ความรู้ความสามารถของใครของมันว่าจะถือจะเก็บหรือว่าจะทิ้ง

เพื่อนนักลงทุนรายย่อยระยะสั้น (1 วัน ถึง 1 สัปดาห์) ให้ใกล้ชิดติดจอไว้ครับ...

รายย่อยระยะกลาง (1 เดือน ถึง 6 เดือน) และระยะยาว (เกิน 6 เดือน) ให้ใช้ประสบการณ์ ดุลพินิจ
ควบคุมสติให้มั่นคง ตัดสินใจด้วยตัวเองว่า หุ้นที่มีอยู่ในพอร์ตตัวไหนควรถือไว้ ตัวไหนควรขายออก
ไปบ้าง หรือจะถือไว้หรือจะขายทั้งหมด

ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับว่าจะควบคุมจิตใจในการรับความเสี่ยงได้มากน้อยแค่ไหนเพียงใดด้วยครับ
เพราะตลาดฯช่วงนี้ผันผวนจริงๆ ;D  


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 30 มีนาคม 2012, 17:55:53

วันนี้วันศุกร์ที่ 30 มี.ค.55 มาดูดัชนีตลาดฯกันครับ

ดัชนีขึ้นไปสูงสุดที่1,207.28จุด เวลา 10.13.22 น.

ต่ำสุดที่ 1,194.03 จุด เวลา 16.23.37 น.

ดัชนีปิดที่ 1,196.77 จุด มูลค่าการซื้อขาย 28,420.50 ล้านบาท

นักลงทุนที่ติดตามการซื้อขายหุ้นทุกวัน คงสังเกตถึงความผันผวนของดัชนีในแต่ละวันได้นะครับ
ผมให้ความเห็นไปเมื่ออาทิตย์ที่แล้วว่าดัชนีน่าจะเริ่มแกว่งลง และตอนนี้มูลค่าการซื้อขายก็เริ่ม
ลดลง ประกอบกับหุ้นตัวเล็กๆเริ่มออกมาเพ่นพ่านกันบ้างแล้ว ส่วนหุ้นหลักๆตัวใหญ่ๆที่มีผลต่อ
ดัชนีดูจะทรงตัว หรือบางตัวดูจะแกว่งลง เช่นหุ้นธนาคาร และพลังงาน

รอชมอาทิตย์หน้ากันต่อไปครับ ;D









หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 04 เมษายน 2012, 17:39:00

เมื่อวานนี้ (3 เม.ย.55) หุ้นกลุ่มธนาคารซึ่งเป็นกลุ่มที่มีผลต่อดัชนีขึ้นแรง ทำให้ดัชนีขึ้นแรงตามไปด้วย

วันนี้ (พุธ 4 เม.ย.55) ดัชนีตลาดฯตกตามตลาดต่างประเทศ (ยุโรป อเมริกา และโดยเฉพาะญี่ปุ่นซึ่งลง
แรงมาก) ประกอบกับหุ้นปูนใหญ่ (scc) ขึ้นเครื่องหมาย xd ด้วย (หุ้นปูนใหญ่จ่ายปันผล 7 บาท ติดลบ
ลงไป 9 บาท จากเมื่อวาน มีผลทำให้ดัชนีลงแรงตามไปด้วย)

ระหว่างวันดัชนีขึ้นไปสูงสุดที่ 1,210.80 จุด เมื่อเวลา 10.59.58 น. และต่ำสุดเมื่อปิดตลาดฯ ที่
1,198.09 จุด (ลดลงจากเมื่อวาน 12.98 จุด มูลค่าการซื้อขาย 24,282.23 ล้านบาท)

เอามาบันทึกไว้เพื่อเป็นข้อมูลและข้อสังเกตความเคลื่อนไหวของดัชนีตลาดหุ้น ซึ่งจะมีการซื้อขายใน
วันพรุ่งนี้ (5 เม.ย.55) อีก 1 วัน และจะหยุดยาวไป 4 วัน  ;D

 


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: ttyy ที่ วันที่ 04 เมษายน 2012, 18:25:22
ท่านลุงคิวครับ

ถือ CPF มาตั้งแต่ 30 ต้นๆ แล้วขายไปเรื่อย ล่าสุด ซื้อ 37 ขายไป 38 แล้วซื้อกลับมาที่ 36.90

อยากถามความคิดท่านประกอบการตัดสินใจว่า ควรถือยาว แบบปล่อยทิ้งเลยไหมครับ (6 เดือน ขึ้นไป)

ขอบพระคุณครับท่านลุงคิว


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 05 เมษายน 2012, 08:02:10
ท่านลุงคิวครับ

ถือ CPF มาตั้งแต่ 30 ต้นๆ แล้วขายไปเรื่อย ล่าสุด ซื้อ 37 ขายไป 38 แล้วซื้อกลับมาที่ 36.90

อยากถามความคิดท่านประกอบการตัดสินใจว่า ควรถือยาว แบบปล่อยทิ้งเลยไหมครับ (6 เดือน ขึ้นไป)

ขอบพระคุณครับท่านลุงคิว


หุ้นตัวนี้ผม และเพื่อนนักลงทุนในห้องค้าที่อาคารสินธร สวนลุมฯ หลายๆท่านมีประสบการณ์มาโชกโชน

สำหรับผม เมื่อหลายปีก่อนเคยลงทุนกับเขาครั้งแรกที่ประมาณ 5 บาท เศษ ขายไปที่ประมาณ 6 บาท
พอลงมาที่ประมาณ 4.50 บาท ก็เข้าไปทยอยรับ จนลงมาที่ 3 บาทเศษ ก็รับไม่ไหว (เงินหมด + กลัว ;D)
และเขาก็ลงมาที่ 2 บาทเศษ ผมก็กัดฟันรับไว้อีก และเริ่มทยอยขายเมื่อขึ้นไปถึงประมาณ 5.50 บาท
และซื้อๆขายๆจนกระทั่งขายไปไม้สุดท้ายที่ 8.50 บาท (เมื่อประมาณ 2- 3 ปีที่แล้ว) แล้วเขาก็แกว่งขึ้น
ตลอด จนบัดนี้เกือบ 40 บาทแล้ว (ผมไม่ได้ลงทุนกับเขาอีกเลยตั้งแต่ขายไปไม้สุดท้ายดังกล่าว

เพื่อนักลงทุนของผมในห้องค้าดังกล่าว ส่วนใหญ่ขายไปที่ราคาไม่เกิน 13 บาท มีท่านหนึ่งที่ตามไป
ซื้อๆขายๆอีก แต่ไม่ถือนานอีกแล้ว (มีกำไรนิดหน่อยก็ขาย เพราะท่านมีเงินถัง ซื้อขายครั้งละหลาย
แสนหุ้นถึงเกินหนึ่งล้านหุ้น) แต่ปัจจุบันไม่ได้เจอท่านเกือบ 2 ปีแล้ว จึงไม่ทราบว่าท่านยังลงทุนกับหุ้น
ตัวนี้อีกหรือไม่

เอามาเล่าให้ท่าน ttyy ฟัง เพื่อประกอบการตัดสินใจครับ ส่วนผมมีความเห็นว่าราคาที่ท่าน ttyy ถืออยู่
ขณะนี้ไม่ควรถือยาวเกิน 6 เดือนครับ (เดี๋ยวจะยาวหลายปี ;D แบบผมและเพื่อนๆที่เล่าให้ฟังดังกล่าว)

มีกำไรก็น่าขายไปก่อนครับ

วันนี้ (5 เม.ย.55) ดูข่าวหุ้นอเมริกาและยุโรปลงแรงแล้ว หุ้นไทยวันนี้น่าจะลงแรงตามไปด้วย :D

 



หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: ซาลาเปา(เฉพาะกิจ) ที่ วันที่ 05 เมษายน 2012, 10:28:31
CPF คงใกล้จะปรับฐานสั้นๆ


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 05 เมษายน 2012, 11:07:55

ว่ากันตามพื้นฐาน ลักษณะของธุรกิจ ความมั่นคงของกิจการแล้ว กิจการ CPF เป็นกิจการที่น่าลงทุน
ทีเดียวครับ ที่เมื่อก่อนผมซื้อหุ้นลงทุนก็เพราะดูพื้นฐานเป็นหลัก ให้ความสำคัญกับอย่างอื่นน้อยไป
หน่อย คิดในแง่บวกอย่างเดียวว่าพื้นฐานดี จึงประสบกับความทรมานใจนานนับปีที่ราคาหุ้นลดลง ทำ
ให้มูลค่าทางบัญชีของหุ้นตัวนี้ติดลบถึงกว่า 50 % เช่นเดียวกับเพื่อนนักลงทุนของผมอีกหลายคนที่
เล่าให้ฟัง

จึงเป็นอุทธาหรณ์ว่า จะมั่นใจในพื้นฐานของกิจการอย่างไรก็ตาม ต้องดูจังหวะ สถานการณ์ และอื่นๆ
ประกอบด้วยในการตัดสินใจลงทุนซื้อหุ้นของกิจการนั้นๆ

นักลงทุนรายย่อยมักจะเจอสถานการณ์เช่นนี้ แต่นักเก็งกำไรมักจะไม่เจอ เพราะนักเก็งกำไรจะไม่ถือ
หุ้นนาน


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: ttyy ที่ วันที่ 05 เมษายน 2012, 12:08:54
ขอบพระคุณครับท่าน


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: ซาลาเปา(เฉพาะกิจ) ที่ วันที่ 05 เมษายน 2012, 16:03:20
วันแดงเดือด
กำไรในพอร์ต หายไปหลายเลยน่ะนั่น  :(


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 05 เมษายน 2012, 17:07:35
วันแดงเดือด
กำไรในพอร์ต หายไปหลายเลยน่ะนั่น  :(

ผมทยอยออกไปบ้างแล้ว รอจังหวะรับคืน  ;D

วันนี้พฤหัสฯสุดสัปดาห์ 5 เม.ย.55

ดัชนีสูงสุดที่ 1,197.04 จุด เวลา 11.12.24 น. ต่ำสุดที่ 1,177.83 จุด เวลา 15.57.09 น.

ดัชนีปิดที่ 1,182.41 จุด (ลดลงจากเมื่อวาน 15.68 จุด) มูลค่าการซื้อขาย 29,665.82 ล้านบาท


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: ซาลาเปา(เฉพาะกิจ) ที่ วันที่ 08 พฤษภาคม 2012, 14:31:49
ท่านคิว
มาดู Warren Buffett และ Bill Gates เล่นปิงปองกับนักกีฬาเชื้อสายจีนดีกว่า แบบว่าคนรวยทำไรก็น่ารักกก อ่ะ  ;D

(http://upic.me/i/o3/555000005978402.jpg) (http://upic.me/show/35469140)

(http://upic.me/i/pz/555000005978401.jpg) (http://upic.me/show/35469145)

(http://upic.me/i/ok/555000005978403.jpg) (http://upic.me/show/35469156)


(http://upic.me/i/jj/20120508100333950x700.jpg) (http://upic.me/show/35439693)


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 08 พฤษภาคม 2012, 15:47:15

 :D คนมีกะตังค์ ทำอะไรก็ไม่น่าเกลียดจริงๆ


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Temujin ที่ วันที่ 09 พฤษภาคม 2012, 12:21:32
  นอกจากมีตังค์เยอะ  2 ทั่น นี้ยังใจบุญอีก  บริจาคทำ+ให้มูลนิธิต่างๆ  แบบไม่กลัวจนกันเลยหลายที  นับถือๆ  :D ;D

ปล.พึ่งทราบว่าคนรวยเค้าไม่มีเงินซื้อเข็บขัดใส่  55+ (ลุง Warren)


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 31 พฤษภาคม 2012, 10:27:44

ตลาดหุ้นระยะนี้ผันผวนหนัก นักลงทุนรายย่อยที่ยังมีงบประมาณอยู่ ทยอยสะสมของดีราคาถูก

ถ้าหมดงบประมาณ ทำอะไรไม่ได้ก็นั่งดู และทำใจ ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Ironmaiden ที่ วันที่ 01 มิถุนายน 2012, 11:06:03
พอดีทำงานกะบริษัทต่างชาติ ก็เลยซื้อหุ้นของบริษัทที่เป็นสวัสดิการสำหรับพนักงาน ตอนต้นปีมันประมาณ 54 ยูโร
ตอนนี้ปาเข้าไป 70 ยูโรแล้ว...แถมยังต้องทะยอยซื้อเรื่อยๆอีก(ระเบียบมันบังคับน่ะ)


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: ซาลาเปา(เฉพาะกิจ) ที่ วันที่ 01 มิถุนายน 2012, 11:13:17
พอดีทำงานกะบริษัทต่างชาติ ก็เลยซื้อหุ้นของบริษัทที่เป็นสวัสดิการสำหรับพนักงาน ตอนต้นปีมันประมาณ 54 ยูโร
ตอนนี้ปาเข้าไป 70 ยูโรแล้ว...แถมยังต้องทะยอยซื้อเรื่อยๆอีก(ระเบียบมันบังคับน่ะ)
หุ้นอะไรครับ ราคาเป็นยูโรเลยเชียว  ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 01 มิถุนายน 2012, 11:44:54
พอดีทำงานกะบริษัทต่างชาติ ก็เลยซื้อหุ้นของบริษัทที่เป็นสวัสดิการสำหรับพนักงาน ตอนต้นปีมันประมาณ 54 ยูโร
ตอนนี้ปาเข้าไป 70 ยูโรแล้ว...แถมยังต้องทะยอยซื้อเรื่อยๆอีก(ระเบียบมันบังคับน่ะ)
หุ้นอะไรครับ ราคาเป็นยูโรเลยเชียว  ;D

นั่นซี หุ้นอะไรเอ่ย...!?

แต่หุ้น EGCO เขาจัดให้ผู้ถือหุ้นไปเยี่ยมชมโรงไฟฟ้าลพบุรี โซลาร์ จังหวัดลพบุรี วันที่ ๑๑ กรกฎาคม
๒๕๕๕ รู้สึกว่าผมจะมีรายชื่อติดโผไปด้วย  :D

ไปแล้วจะมาเล่าให้ฟัง...


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: ซาลาเปา(เฉพาะกิจ) ที่ วันที่ 01 มิถุนายน 2012, 12:02:37
พอดีทำงานกะบริษัทต่างชาติ ก็เลยซื้อหุ้นของบริษัทที่เป็นสวัสดิการสำหรับพนักงาน ตอนต้นปีมันประมาณ 54 ยูโร
ตอนนี้ปาเข้าไป 70 ยูโรแล้ว...แถมยังต้องทะยอยซื้อเรื่อยๆอีก(ระเบียบมันบังคับน่ะ)
หุ้นอะไรครับ ราคาเป็นยูโรเลยเชียว  ;D

นั่นซี หุ้นอะไรเอ่ย...!?

แต่หุ้น EGCO เขาจัดให้ผู้ถือหุ้นไปเยี่ยมชมโรงไฟฟ้าลพบุรี โซลาร์ จังหวัดลพบุรี วันที่ ๑๑ กรกฎาคม
๒๕๕๕ รู้สึกว่าผมจะมีรายชื่อติดโผไปด้วย  :D

ไปแล้วจะมาเล่าให้ฟัง...
ท่านคิว ไปประชุมฯบ่อยๆ คงมีของแจกของชำร่วยจากบริษัทกลับมา ไงแบ่งให้ผมบ้างเน้ออ ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: auddy2507 ที่ วันที่ 05 มิถุนายน 2012, 12:07:24
พอดีทำงานกะบริษัทต่างชาติ ก็เลยซื้อหุ้นของบริษัทที่เป็นสวัสดิการสำหรับพนักงาน ตอนต้นปีมันประมาณ 54 ยูโร
ตอนนี้ปาเข้าไป 70 ยูโรแล้ว...แถมยังต้องทะยอยซื้อเรื่อยๆอีก(ระเบียบมันบังคับน่ะ)
     ที่บริษัทขายให้สำหรับพนักงาน ใช่ Warrant หรือปล่าว? ครับท่าน

     ถ้าใช่ ผมว่าน่าซื้อไว้นะครับ เพราะ โดยทั่วไปแล้ว ราคามักจะต่ำกว่าหุ้นสามัญ
ซื้อแล้วมีโอกาสขายได้กำไรครับ

     และท่านบอกเป็นสวัสดิการ ยิ่งเชื่อได้เลยว่าราคาถูกกว่าหุ้นสามัญ ประการสำคัญ
มีกำไรแน่นอน..ครับ


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: ซาลาเปา(เฉพาะกิจ) ที่ วันที่ 05 มิถุนายน 2012, 13:01:39
พอดีทำงานกะบริษัทต่างชาติ ก็เลยซื้อหุ้นของบริษัทที่เป็นสวัสดิการสำหรับพนักงาน ตอนต้นปีมันประมาณ 54 ยูโร
ตอนนี้ปาเข้าไป 70 ยูโรแล้ว...แถมยังต้องทะยอยซื้อเรื่อยๆอีก(ระเบียบมันบังคับน่ะ)
     ที่บริษัทขายให้สำหรับพนักงาน ใช่ Warrant หรือปล่าว? ครับท่าน

     ถ้าใช่ ผมว่าน่าซื้อไว้นะครับ เพราะ โดยทั่วไปแล้ว ราคามักจะต่ำกว่าหุ้นสามัญ
ซื้อแล้วมีโอกาสขายได้กำไรครับ

     และท่านบอกเป็นสวัสดิการ ยิ่งเชื่อได้เลยว่าราคาถูกกว่าหุ้นสามัญ ประการสำคัญ
มีกำไรแน่นอน..ครับ

คุยกันรู้เรื่องแฮะ ทั้งๆยังบ่ฮู้เลยมันคือหุ้นอะไรตัวไหน อยู่ตลาดไหน เอาเข้าไป 5555+


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: ►•••   Natz.   •••◄ ที่ วันที่ 05 มิถุนายน 2012, 13:07:45
พอดีทำงานกะบริษัทต่างชาติ ก็เลยซื้อหุ้นของบริษัทที่เป็นสวัสดิการสำหรับพนักงาน ตอนต้นปีมันประมาณ 54 ยูโร
ตอนนี้ปาเข้าไป 70 ยูโรแล้ว...แถมยังต้องทะยอยซื้อเรื่อยๆอีก(ระเบียบมันบังคับน่ะ)
     ที่บริษัทขายให้สำหรับพนักงาน ใช่ Warrant หรือปล่าว? ครับท่าน

     ถ้าใช่ ผมว่าน่าซื้อไว้นะครับ เพราะ โดยทั่วไปแล้ว ราคามักจะต่ำกว่าหุ้นสามัญ
ซื้อแล้วมีโอกาสขายได้กำไรครับ

     และท่านบอกเป็นสวัสดิการ ยิ่งเชื่อได้เลยว่าราคาถูกกว่าหุ้นสามัญ ประการสำคัญ
มีกำไรแน่นอน..ครับ

คุยกันรู้เรื่องแฮะ ทั้งๆยังบ่ฮู้เลยมันคือหุ้นอะไรตัวไหน อยู่ตลาดไหน เอาเข้าไป 5555+

น่าจะคล้ายๆสมัยตอนเด็ก ๆสมัยประถมที่สหกรณ์โรงเรียนแบ่งขายให้เราถือหุ้นหรือเปล่านะ  ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 16 มิถุนายน 2012, 19:53:37
ประโยชน์ของการติดจอ

การดูความเคลื่อนไหวของราคาหุ้น ก็เพื่อติดตามความเป็นไปในแต่ละวัน แต่ละช่วงเวลา ปริมาณการ
ซื้อขายของหุ้นในแต่ละตัวจะบ่งบอกว่า ขณะนั้นราคาหุ้นจะไปในทิศทางใด เราจะได้ประโยชน์จากการ
ซื้อ หรือขาย เพื่อให้ซื้อได้ในราคาที่ต่ำๆ หรือขายได้ในราคาที่สูงๆ ในแต่ละวัน (ไม่ใช่การซื้อขายเก็ง
กำไรรายวันที่เรียกว่า day trade) ท่านนักลงทุนที่มีเวลาติดตามดูความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นในแต่
ละวันอย่างใกล้ชิด และมีประสบการณ์มากพอ จะได้ประโยชน์มากครับ

ขออนุญาตยกตัวอย่าง ผมลงทุนในหุ้น sccc (ปูนกลางหรือปูนตรานกอินทรี) มาประมาณ 8 ปี แล้ว ได้
ประโยชน์จากหุ้นตัวนี้มาพอสมควรทั้งกำไรจากส่วนต่าง เงินปันผล และเครดิตภาษี เวลาหุ้นตกมากๆ
ก็ทยอยซื้อ ขึ้นแรงๆก็ทยอยขาย

จะพูดถึงประโยขน์ของการติดจอในวันศุกร์ที่15 มิ.ย.55 ที่ผ่านมา โดยเมื่อวันพฤหัสฯที่ 14 มิ.ย.55
หุ้น sccc ปิดตลาดที่ราคา 295 บาท แต่ในวันที่ 15 มิ.ย. 55 มีการสร้างราคาขึ้นอย่างรุนแรง อย่างที่
ผมก็ไม่เคยเห็นมาก่อนสำหรับหุ้นตัวนี้ ไปปิดตลาดฯที่ราคา 346 บาท บวกเพิ่มขึ้นถึง 51 บาท หรือ
ประมาณเกือบ 20 % ในวันเดียว ซึ่งไม่เคยมีปรากฎสำหรับหุ้นตัวนี้ในสภาวะตลาดปกติ

ผมซึ่งเฝ้าดูความเคลื่อนไหวอยู่จึงทยอยขายออกไป 1 ครั้ง ในช่วงระหว่างเทรด และปิดตลาดฯอีก 1
ครั้ง (ครั้งละนิดๆหน่อยๆครับ ไม่ขายทั้งจำนวนที่มีอยู่ในพอร์ต)

ผมเคยเรียนว่าวิธีการลงทุนในหุ้นของผมคือทยอยขายหุ้นในพอร์ตเมื่อหุ้นขึ้นแรงๆ และคอยซื้อคืน
เมื่อหุ้นตกลงมาในระดับที่เราพอใจกับส่วนต่างของราคาที่ขายออกไปกับราคาที่เราจะซื้อคืน และครั้งนี้
ก็เช่นกัน และสำหรับหุ้นตัวนี้ยังไม่ทำให้ผมผิดหวังในตลอดระยะเวลาที่ลงทุนกับเขามา 8 ปี...

 



หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: ซาลาเปา(เฉพาะกิจ) ที่ วันที่ 21 มิถุนายน 2012, 07:13:14
วันนี้มาแต่เช้า มาให้ข้อมูลสำหรับใครที่มี  ผลจะเป็นไงก็ลุ้นกันไป ชีวิต  ;D

MALEE ลดทุนจดทะเบียน ลดพาร์ เพิ่มหุ้น จะมีผลศุกร์ 22 นี้
HMPRO รายได้ปีนี้ 3.6หมื่นล้าน เร่งขยายสาขา



หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 21 มิถุนายน 2012, 11:30:54

น้ำขึ้นให้รีบตัก หุ้นขึ้นให้ทยอยขาย

ผมเอาสุภาษิตน้ำขึ้นให้รีบตัก มาเทียบเคียงกับการลงทุนในหุ้นว่า หุ้นขึ้นให้ทยอยขาย เพราะว่าธรรม
ชาติหรือสรรพสิ่งในโลกนี้ไม่จีรังยั่งยืน มันเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป เป็นวัฏจักร หมุนเวียนผลัดเปลี่ยนกัน
ไปตลอดเวลา น้ำขึ้นท่วมเอ่อนองและทรงตัวอยู่ระยะหนึ่งแล้วน้ำก็จะลดลงไปตามธรรมชาติ ตัวอย่าง
มีให้เห็นทุกปีที่อยุธยา อ่างทอง สิงห์บุรี หรือที่กรุงเทพมหานครเมื่อปีที่แล้ว (๒๕๕๔) หรือแม้แต่เมื่อ
ปี ๒๔๘๕

ตลาดหุ้นก็เช่นกัน นักลงทุนรายย่อยที่ลงทุนในหุ้นมาหลายๆปีก็จะเห็นสัจจธรรมนี้ สำคัญว่าจะแสวงหา
ประโยชน์จากสัจจธรรมนี้ได้มากน้อยเพียงใด ขึ้นอยู่กับประสบการณ์และความสามารถของแต่ละท่าน
ถ้าเพียงแค่มองดูความเปลี่ยนแปลงขึ้นลงของตลาดหุ้นอย่างเดียวด้วยความภาคภูมิใจว่าได้ประสพ
ความสำเร็จในการลงทุนในหุ้นแล้วนั้น ผมมีความเห็นเป็นส่วนตัวว่าน่าจะไม่ได้ประโยชน์นัก เพราะว่า
เมื่อหุ้นเป็นขาขึ้น มันก็จะขึ้นไปถึงระดับหนึ่งแล้วทรงตัวอยู่ แล้วก็จะเปลี่ยนเป็นขาลง ตามรอบตาม
วัฏจักรของมัน ซึ่งเป็นสัจจธรรมดังกล่าว ดังนั้นเมื่อหุ้นเป็นขาขึ้นผมจึงว่าให้ทยอยขาย เมื่อเป็นขาลง
ก็ให้ทยอยรับ


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 26 กรกฎาคม 2012, 15:47:58
แบ่งใจไว้บ้าง

ตลาดหุ้นช่วงนี้ผันผวนพอสมควร  หุ้นหลายๆตัวที่ขึ้นไปแรงๆตั้งแต่เมื่อกลางปีที่แล้วต่อเนื่องถึงกลางปี
นี้ เริ่มทยอยทำนิวโลว์กันบ้างแล้ว ท่านๆที่กะเก็งจะซื้อลงทุน ก็อย่าผลีผลามนะครับ ถ้าอดใจไว้ไม่ได้
เพราะเห็นว่ามันถูก (ลงมาเยอะตั้งเกือบยี่สิบ หรือยี่สิบกว่าเปอร์เซ็นต์แล้ว) ก็ให้ทยอยรับไว้แต่น้อยก่อน
ครับ อย่าผลีผลาม เพราะไอ้ที่เราคิดว่ามันถูกแล้ว มันอาจมีถูกกว่าลงไปอีก ประสบการณ์ของผมบอกว่า
หุ้นที่ทำนิวโลว์ลงมานั้น มันมีโอกาสจะโลว์ลงได้อีก  

แบ่งใจไว้บ้าง อย่าดูแค่พื้นฐานดี หรือผลประกอบการดีเท่านั้นนะครับ

ประสบการณ์จะเป็นครูหล่อหลอมเรา


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 27 กรกฎาคม 2012, 09:01:26

ระยะนี้ไม่ใช่มีแต่หุ้นทำนิวโลว์อย่างเดียวนะครับ หุ้นที่ทำนิวไฮขึ้นมาเรื่อยๆก็มีนะ ;D ;D



หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: ฟ้ามีตา ที่ วันที่ 27 กรกฎาคม 2012, 09:10:19

ระยะนี้ไม่ใช่มีแต่หุ้นทำนิวโลว์อย่างเดียวนะครับ หุ้นที่ทำนิวไฮขึ้นมาเรื่อยๆก็มีนะ ;D ;D



คาดว่ากองทุนย้ายกลุ่มลงทุนแน่ๆครับ

ไปอยู่ที่ปลอดภัยก่อน แต่ถ้าใครรู้ว่าเขาเข้าตัวไหน

รับรองระยะสั้น รวย แต่เราจะรู้ได้ยังไงนี้แหละ

ขอบคุณครับ


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: akrai ที่ วันที่ 25 สิงหาคม 2012, 15:20:41
มีข่าวใหม่ๆ หรือมีตัวไหนแนะนำก็ นำมาเสนอได้น่ะครับ ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: napatt ที่ วันที่ 27 กันยายน 2012, 02:42:36
อยากให้ท่านผู้รู้ช่วยสอน เรื่อง techical บ้างนะครับ


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: ซาลาเปา(เฉพาะกิจ) ที่ วันที่ 27 กันยายน 2012, 10:09:22
อยากให้ท่านผู้รู้ช่วยสอน เรื่อง techical บ้างนะครับ
http://www.chiangraifocus.com/forums/index.php?topic=101573.0


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 27 กันยายน 2012, 10:22:21
อยากให้ท่านผู้รู้ช่วยสอน เรื่อง techical บ้างนะครับ
http://www.chiangraifocus.com/forums/index.php?topic=101573.0

ท่านเปา ว่องไวจริงๆ :D

ผมจะเอากระทู้ Technical Analysis ;; แนะนำเครื่องมือทางเทคนิค   นี้ปักหมุดให้นะครับ ตอนนั้นไม่ได้
ปักหมุดเพราะไม่ได้เป็นผู้ดูแล และขณะนั้นบอร์ดนี้ก็ยังไม่มีผู้ดูแล ได้ขอให้ wm ปักหมุดไปหลายกระ
ทู้ก่อนหน้าที่จะมีกระทู้นี้ จึงเกรงใจไม่ได้ขอให้ปักหมุดกระทู้นี้  ;D ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: atzcret ที่ วันที่ 09 ธันวาคม 2012, 13:50:21
เยี่ยมไปเลย !!


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 11 ธันวาคม 2012, 15:31:11

การลงทุนซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์เป็นการเรียนรู้ที่ไม่จบไม่สิ้น ประสบการณ์เท่านั้นที่จะช่วย
ให้การซื้อ หรือขาย มีประสิทธิภาพ

และประสบการณ์ของผมเท่าที่นำมาถ่ายทอดไว้นี้เป็นเพียงประสบการณ์เล็กๆของผมซึ่งเป็นผู้ลงทุน
รายย่อยคนหนึ่ง ซึ่งยังต้องวนเวียนซื้อขาย และสะสมประสบการณ์ต่อไปอีกครับ ;D ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Temujin ที่ วันที่ 05 มีนาคม 2013, 10:56:56
 ช่วงนี้ตลาดขึ้นมากดูจากเทคนิคแล้วนักลงทุนต่างชาติขนเงินมาถมตลาดเราแน่ ๆ แต่ถ้าใครไม่อยากตกรถหรือคิดว่า"เงินฝาก"

ไม่ใช่เครื่องมือบริหารเงินออมของท่านให้ชนะเงินเฟิ้อได้ ก็ยังมีอีกหลายเครื่องมือในตลาดหลักทรัพย์ ส่วนจะเลือกวิธีไหนนั้นตามลิงค์ครับ

http://thaipropertyfund.com/2012/06/01/%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%84%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A5%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B8%E0%B8%99-3-%E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B8%9A-%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%B7%E0%B9%88/

ป.ล. แต่ผมย้ำตั้งแต่ต้นกระทู้แล้วว่าใช้หลักเหรียญ 2 ด้าน Dollar Cost Averaging (DCA) มาตลอด...^^


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Tonwai ที่ วันที่ 18 เมษายน 2013, 09:56:12
ขอขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆนะครับผม


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: T0yly6969 ที่ วันที่ 24 ธันวาคม 2013, 17:02:56
แฮะๆ.....เข้ามาอ่านหาความรู้ดีๆ
 ขอบคุณครับบบบบ ;D


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: pokman ที่ วันที่ 20 กรกฎาคม 2019, 19:20:21
กำลังศึกษาเรื่อง NPV เลยครับ.] (http://www.ideagoo.com)


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: inter ที่ วันที่ 24 กันยายน 2019, 14:26:06
พึ่งมีโอกาสเข้ามาดู กระทู้ดีดี มีประโยชน์ แต่ทำไมช่วงหลังไม่มีการโพสต์เลยครับ


หัวข้อ: Re: >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<<
เริ่มหัวข้อโดย: inter ที่ วันที่ 25 กันยายน 2019, 10:54:46
ตามอยู่ครับ