เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย

บอร์ดกลุ่มชมรม => ชมรมนักกลอน => ข้อความที่เริ่มโดย: Number9 ที่ วันที่ 18 พฤศจิกายน 2014, 19:01:52



หัวข้อ: << กลอนดอกสร้อยรำพึงในป่าช้า >>
เริ่มหัวข้อโดย: Number9 ที่ วันที่ 18 พฤศจิกายน 2014, 19:01:52

<<<  กลอนดอกสร้อยรำพึงในป่าช้า  >>>

ผู้แต่ง พระยาอุปกิตศิลปสาร (นิ่ม กาญจนาชีวะ)



๑.      วังเอ๋ยวังเวง                                       หง่างเหง่งย่ำค่ำระฆังขาน

ฝูงวัวควายผ้ายลาทิวากาล                              ค่อยค่อยผ่านท้องทุ่งมุ่งถิ่นตน    

ชาวนาเหนื่อยอ่อนต่างจรกลับ                          ตะวันลับอับแสงทุกแห่งหน

ทิ้งทุ่งให้มืดมัวทั่วมณฑล                                และทิ้งตนตูเปลี่ยวอยู่เดียวเอย



หัวข้อ: Re: << กลอนดอกสร้อยรำพึงในป่าช้า >>
เริ่มหัวข้อโดย: Number9 ที่ วันที่ 18 พฤศจิกายน 2014, 19:12:01

๒.           ยามเอ๋ยยามนี้                           ปฐพีมืดมัวทั่วสถาน

อากาศเย็นเยือกหนาวคราววิกาล                  สงัดปานป่าใหญ่ไร้สำเนียง

มีก็แต่เสียงจังหรีดกระกรีดกริ่ง                      เรไรหริ่ง! ร้องขรมระงมเสียง

คอกควายวัวรัวเกราะเปาะแปะเพียง                รู้ว่าเสียงเกราะแว่วแผ่วแผ่วเอย


หัวข้อ: Re: << กลอนดอกสร้อยรำพึงในป่าช้า >>
เริ่มหัวข้อโดย: Number9 ที่ วันที่ 18 พฤศจิกายน 2014, 19:16:37
๓.          นกเอ๋ยนกแสก                             จับจ้องร้องแจ๊กเพียงแถกขวัญ

อยู่บนยอดหอระฆังบังแสงจันทร์                    มีเถาวัลย์รุงรังถึงหลังคา

เหมือนมันฟ้องดวงจันทร์ให้ผันดู                    คนมาสู่ซ่องพักมันรักษา

ถือเป็นที่รโหฐานนมนานมา                           ให้เสื่อมผาสุกสันต์ของมันเอย


หัวข้อ: Re: << กลอนดอกสร้อยรำพึงในป่าช้า >>
เริ่มหัวข้อโดย: ศิลาสีรุ้ง ที่ วันที่ 19 พฤศจิกายน 2014, 10:13:18


สวัสดิ์เอ๋ยสวัสดี

ถึงวันนี้มีสุขสุดสดใส
พบมิตรเก่าชาวเกลอนัมเบอร์ไนน์
ต้นลมหนาวใหม่ใหม่ได้พัดพา

มิตรกลอนสาวพราวแพรวแว่วขับขาน
ร้อยกลอนกานท์หวานฉ่ำอยู่นำหน้า
ที่เชียงรายโฟกัสตลอดมา
ทุกครั้งคราเสนาะไพเราะเอย

ขอบคุณครับ

ศิลาสีรุ้ง
๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๗



หัวข้อ: Re: << กลอนดอกสร้อยรำพึงในป่าช้า >>
เริ่มหัวข้อโดย: Number9 ที่ วันที่ 19 พฤศจิกายน 2014, 20:41:20


สวัสดิ์เอ๋ยสวัสดี

ถึงวันนี้มีสุขสุดสดใส
พบมิตรเก่าชาวเกลอนัมเบอร์ไนน์
ต้นลมหนาวใหม่ใหม่ได้พัดพา

มิตรกลอนสาวพราวแพรวแว่วขับขาน
ร้อยกลอนกานท์หวานฉ่ำอยู่นำหน้า
ที่เชียงรายโฟกัสตลอดมา
ทุกครั้งคราเสนาะไพเราะเอย

ขอบคุณครับ

ศิลาสีรุ้ง
๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๗



         ดีเอ๋ยดีใจ                         ยิ้มสดใสต้อนรับคำนับสาม
ท่านศิลาสีรุ้งเฟื่องฟุ้งนาม              ให้เกียรติตามมาเยือนห้องเพื่อนกลอน
เชิญเข้ามานั่งพักก่อนสักครู่            จะพาดูแมกไม้ไพรสิงขร
ดื่มน้ำเย็น เย็นหน่อยค่อยจากจร       แล้วจงย้อนมาใหม่เร็วไวเอย
                 



หัวข้อ: Re: << กลอนดอกสร้อยรำพึงในป่าช้า >>
เริ่มหัวข้อโดย: Number9 ที่ วันที่ 19 พฤศจิกายน 2014, 20:53:01

๔.   ต้นเอ๋ยต้นไทร                                      สูงใหญ่รากย้อยห้อยระย้า

และต้นโพธิ์พุ่มแจ้แผ่ฉายา                             มีเนินหญ้าใต้ต้นเกลื่อนกล่นไป

ล้วนร่างคนในเขตประเทศนี้                            ดุษณีนอนราย ณ ภายใต้

แห่งหลุมลึกลานสลดระทดใจ                          เรายิ่งใกล้หลุมนั้นทุกวันเอย


หัวข้อ: Re: << กลอนดอกสร้อยรำพึงในป่าช้า >>
เริ่มหัวข้อโดย: Number9 ที่ วันที่ 19 พฤศจิกายน 2014, 20:57:34

๕.   หมดเอ๋ยหมดห่วง                                หมดดวงวิญญาณลาญสลาย

ถึงลมเช้าชวยชื่นรื่นสบาย                            เตือนนกแอ่นลมผายแผดสำเนียง

อยู่ตามโรงมุงฟางข้างข้างนั้น                        ทั้งไก่ขันแข่งดุเหว่าระเร้าเสียง

โอ้เหมือนปลุกร่างกายนอนรายเรียง                พ้นสำเนียงที่จะปลุกให้ลุกเอย


หัวข้อ: Re: << กลอนดอกสร้อยรำพึงในป่าช้า >>
เริ่มหัวข้อโดย: Number9 ที่ วันที่ 20 พฤศจิกายน 2014, 20:46:36

๖.     ทอดเอ๋ยทอดทิ้ง                         ยามหนาวผิงไฟล้อมอยู่พร้อมหน้า

ทิ้งเพื่อนยากแม่เหย้าหาข้าวปลา             ทุกเวลาเช้าเย็นเป็นนิรันดร์

ทิ้งทั้งหนูน้อยน้อยร่อยร่อยรับ                 เห็นพ่อกลับปลื้มเปรมเกษมสันต์

เข้ากอดคอฉอเลาะเสนาะกรรณ               สารพันทอดทิ้งทุกสิ่งเอย


หัวข้อ: Re: << กลอนดอกสร้อยรำพึงในป่าช้า >>
เริ่มหัวข้อโดย: Number9 ที่ วันที่ 20 พฤศจิกายน 2014, 20:49:24

๗.     กองเอ๋ยกองข้าว                              กองสูงราวโรงนายิ่งน่าใคร่

เกิดเพราะการเก็บเกี่ยวด้วยเคียวใคร              ใครเล่าไถคราดพื้นฟื้นแผ่นดิน

เช้าก็ขับโคกระบือถือคันไถ                          สำราญใจตามเขตประเทศถิ่น

ยึดหางยามยักไปตามใจจินต์                        หางยามผินตามใจเพราะใครเอย


หัวข้อ: Re: << กลอนดอกสร้อยรำพึงในป่าช้า >>
เริ่มหัวข้อโดย: ศิลาสีรุ้ง ที่ วันที่ 21 พฤศจิกายน 2014, 00:46:17


สวัสดิ์เอ๋ยสวัสดี

ถึงวันนี้มีสุขสุดสดใส
พบมิตรเก่าชาวเกลอนัมเบอร์ไนน์
ต้นลมหนาวใหม่ใหม่ได้พัดพา

มิตรกลอนสาวพราวแพรวแว่วขับขาน
ร้อยกลอนกานท์หวานฉ่ำอยู่นำหน้า
ที่เชียงรายโฟกัสตลอดมา
ทุกครั้งคราเสนาะไพเราะเอย

ขอบคุณครับ

ศิลาสีรุ้ง
๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๗



         ดีเอ๋ยดีใจ                         ยิ้มสดใสต้อนรับคำนับสาม
ท่านศิลาสีรุ้งเฟื่องฟุ้งนาม              ให้เกียรติตามมาเยือนห้องเพื่อนกลอน
เชิญเข้ามานั่งพักก่อนสักครู่            จะพาดูแมกไม้ไพรสิงขร
ดื่มน้ำเย็น เย็นหน่อยค่อยจากจร       แล้วจงย้อนมาใหม่เร็วไวเอย
                 



 



        ขอบเอ๋ยขอบคุณ                      รับน้ำเย็นเกื้อหนุนแก้กระหาย
ท่ามลมโชยพัดรื่นชื่นสบาย              ใต้เงารายพฤกษาพายินดี
แว่วเสียงนกอยู่ไหนให้เจื้อยแจ้ว       นั่นบินแล้วสู่เวหาผ่านมานี่
จะพาชมภูผาวนาลี                     หากได้มีเวลาจะไปเอย

ขอบคุณครับ

ศิลาสีรุ้ง
๒๐ พ.ย. ๒๕๕๗




หัวข้อ: Re: << กลอนดอกสร้อยรำพึงในป่าช้า >>
เริ่มหัวข้อโดย: Number9 ที่ วันที่ 22 พฤศจิกายน 2014, 19:51:08


สวัสดิ์เอ๋ยสวัสดี

ถึงวันนี้มีสุขสุดสดใส
พบมิตรเก่าชาวเกลอนัมเบอร์ไนน์
ต้นลมหนาวใหม่ใหม่ได้พัดพา

มิตรกลอนสาวพราวแพรวแว่วขับขาน
ร้อยกลอนกานท์หวานฉ่ำอยู่นำหน้า
ที่เชียงรายโฟกัสตลอดมา
ทุกครั้งคราเสนาะไพเราะเอย

ขอบคุณครับ

ศิลาสีรุ้ง
๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๗



         ดีเอ๋ยดีใจ                         ยิ้มสดใสต้อนรับคำนับสาม
ท่านศิลาสีรุ้งเฟื่องฟุ้งนาม              ให้เกียรติตามมาเยือนห้องเพื่อนกลอน
เชิญเข้ามานั่งพักก่อนสักครู่            จะพาดูแมกไม้ไพรสิงขร
ดื่มน้ำเย็น เย็นหน่อยค่อยจากจร       แล้วจงย้อนมาใหม่เร็วไวเอย
                 



 





        ขอบเอ๋ยขอบคุณ                      รับน้ำเย็นเกื้อหนุนแก้กระหาย
ท่ามลมโชยพัดรื่นชื่นสบาย              ใต้เงารายพฤกษาพายินดี
แว่วเสียงนกอยู่ไหนให้เจื้อยแจ้ว       นั่นบินแล้วสู่เวหาผ่านมานี่
จะพาชมภูผาวนาลี                     หากได้มีเวลาจะไปเอย

ขอบคุณครับ

ศิลาสีรุ้ง
๒๐ พ.ย. ๒๕๕๗




(http://image.free.in.th/v/2013/is/141122075301.jpg)


หัวข้อ: Re: << กลอนดอกสร้อยรำพึงในป่าช้า >>
เริ่มหัวข้อโดย: Number9 ที่ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2014, 20:26:05

๘.      ตัวเอ๋ยตัวทะยาน                           อย่าบันดาลดลใจให้ใฝ่ฝัน

ดูถูกกิจชาวนาสารพัน                              และความครอบครองกันอันชื่นบาน

เขาเป็นสุขเรียบเรียบเงียบสงัด                   มีปวัตติ์เป็นไปไม่วิตถาร

ขออย่าได้เย้ยเยาะพูดเราะราน                   ดูหมิ่นการเป็นอยู่เพื่อนตูเอย





หัวข้อ: Re: << กลอนดอกสร้อยรำพึงในป่าช้า >>
เริ่มหัวข้อโดย: Number9 ที่ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2014, 20:28:03

๙.        สกุลเอ๋ยสกุลสูง                         ชักจูงจิตฟูชูศักดิ์ศรี

อำนาจนำความสง่าอ่าอินทรีย์                   ความงามนำให้มีไมตรีกัน

ความร่ำรวยอวยสุขให้ทุกอย่าง                  เหล่านี้ต่างรอตายทำลายขันธ์

วิถีแห่งเกียรติยศทั้งหมดนั้น                      แต่ล้วนผันมาประจบหลุมศพเอย


หัวข้อ: Re: << กลอนดอกสร้อยรำพึงในป่าช้า >>
เริ่มหัวข้อโดย: Number9 ที่ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2014, 20:29:20

๑๐.      ตัวเอ๋ยตัวหยิ่ง                                    เจ้าอย่าชิงติซากว่ายากไร้

เห็นจมดินน่าสลดระทดใจ                                ที่ระลึกสิ่งไรก็ไม่มี

ไม่เหมือนอย่างบางศพญาติตบแต่ง                    เครื่องแสดงเกียรติยศเลิศประเสริฐศรี

สร้างสานการบุญหนุนพลี                                 เป็นอนุสาวรีย์สง่าเอย


หัวข้อ: Re: << กลอนดอกสร้อยรำพึงในป่าช้า >>
เริ่มหัวข้อโดย: ศิลาสีรุ้ง ที่ วันที่ 01 ธันวาคม 2014, 14:35:42
(http://upic.me/i/4s/m2246981.jpg) (http://upic.me/show/53747694)
picpost.postjung.com

              หอมเอ๋ยหอมพฤกษ์ไพร            ทิวไศลทมึนอิงผืนฟ้า
              ชวนภิรมย์ชมพูพวงผกา             ก้องแนวป่าเรไรร่ายลำนำ
              ผีเสื้อผึ้งภมรอ้อนบุบผา              มวลมาลาคลี่บานสีหวานฉ่ำ
              รับอรุณกรุ่นหมอกลอยหยอกย้ำ    ลมหนาวซ้ำแทรกผ่านซ่านกายเอย


               ขอบคุณครับ

               ศิลาสีรุ้ง
               ๑ ธันวาคม ๒๕๕๗



หัวข้อ: Re: << กลอนดอกสร้อยรำพึงในป่าช้า >>
เริ่มหัวข้อโดย: Number9 ที่ วันที่ 03 ธันวาคม 2014, 20:40:05
(http://upic.me/i/4s/m2246981.jpg) (http://upic.me/show/53747694)
picpost.postjung.com

              หอมเอ๋ยหอมพฤกษ์ไพร            ทิวไศลทมึนอิงผืนฟ้า
              ชวนภิรมย์ชมพูพวงผกา             ก้องแนวป่าเรไรร่ายลำนำ
              ผีเสื้อผึ้งภมรอ้อนบุบผา              มวลมาลาคลี่บานสีหวานฉ่ำ
              รับอรุณกรุ่นหมอกลอยหยอกย้ำ    ลมหนาวซ้ำแทรกผ่านซ่านกายเอย


               ขอบคุณครับ

               ศิลาสีรุ้ง
               ๑ ธันวาคม ๒๕๕๗

ชมเอ๋ยชมไพร                        แสนสุขใจยิ่งล้ำเกินคำขาน
ท่านศิลาสีรุ้งผดุงกานท์             พจมานเรียงร้อยถ้อยวาจา
จนลืมตัวว่าเป็นเช่นนางไม้          อยู่กลางไพรรื่นรมย์ชมบุปผา
เสียงวิหค นกร้องก้องพนา          ทอดสายตามองภู ผู้เดียวเอย
     


หัวข้อ: Re: << กลอนดอกสร้อยรำพึงในป่าช้า >>
เริ่มหัวข้อโดย: Number9 ที่ วันที่ 03 ธันวาคม 2014, 20:43:11

๑๑.   ที่เอ๋ยที่ระลึก                                 ถึงอธึกงามลบในภพพื้น

ก็ไม่ชวนชีพที่ดับให้กลับคืน                      เสียงชมชื่นเชิดชูคุณผู้ตาย

เสียงประกาศเกียรติเอิกเกริกลั่น                 จะกระเทือนถึงกรรณนั้นอย่าหมาย

ล้วนเป็นคุณแก่ผู้ยังไม่วางวาย                    ชูเกียรติญาติไปภายภาคหน้าเอย


หัวข้อ: Re: << กลอนดอกสร้อยรำพึงในป่าช้า >>
เริ่มหัวข้อโดย: Number9 ที่ วันที่ 03 ธันวาคม 2014, 20:44:51

๑๒.    ร่างเอ๋ยร่างกาย                           ยามตายจมพื้นดาษดื่นหลาม

อย่าดูถูกถิ่นนี้ว่าที่ทราม                          อาจขึ้นชื่อลือนามในก่อนไกล

อาจจะเป็นเจดีย์มีพระศพ                        แห่งจอมภพจักรพรรดิกษัตริย์ใหญ่

ประเสริฐด้วยสัตตรัตน์จรัสชัย                   ณ สมัยก่อนกาลบุราณเอย


หัวข้อ: Re: << กลอนดอกสร้อยรำพึงในป่าช้า >>
เริ่มหัวข้อโดย: Number9 ที่ วันที่ 03 ธันวาคม 2014, 20:46:46

๑๓.   ความเอ๋ยความรู้                          เป็นเครื่องชูชี้ทางสว่างไสว

หมดโอกาสที่จะชี้ต่อนี้ไป                      ละห่วงใยอยากรู้ลงสู่ดิน

อันความยากหากให้ไร้ศึกษา                  ย่นปัญญาความรู้อยู่แค่ถิ่น

หมดทุกข์ขลุกแต่กิจคิดหากิน                 กระแสวิญญาณงันเพียงนั้นเอย


หัวข้อ: Re: << กลอนดอกสร้อยรำพึงในป่าช้า >>
เริ่มหัวข้อโดย: Number9 ที่ วันที่ 03 ธันวาคม 2014, 20:48:33

๑๔.   ดวงเอ๋ยดวงมณี                                  มักจะลี้ลับอยู่ในภูผา

หรือใต้ท้องห้องสมุทรสุดสายตา                      ก็เสื่อมซาสิ้นชมนิยมชน

บุปผชาติชูสีและมีกลิ่น                                   อยู่ในถิ่นที่ไกลเช่นไพรสณฑ์

ไม่มีใครได้เชยเลยสักคน                                 ย่อมบานหล่นเปล่าดายมากมายเอย


หัวข้อ: Re: << กลอนดอกสร้อยรำพึงในป่าช้า >>
เริ่มหัวข้อโดย: Number9 ที่ วันที่ 03 ธันวาคม 2014, 20:49:42

๑๕.   ซากเอ๋ยซากศพ                                อาจเป็นซากนักรบผู้กล้าหาญ

เช่นชาวบ้านบางระจันขันรำบาญ                    กับหมู่ม่านมาประทุษอยุธยา

ไม่เช่นนั้นท่านกวีเช่นศรีปราชญ์                     นอนอนาถเล่ห์ใบ้ไร้ภาษา

หรือผู้กู้บ้านเมืองเรืองปัญญา                         อาจจะมานอนจมถมดินเอย


หัวข้อ: Re: << กลอนดอกสร้อยรำพึงในป่าช้า >>
เริ่มหัวข้อโดย: Number9 ที่ วันที่ 03 ธันวาคม 2014, 22:27:02

๑๖.      คุณเอ๋ยคุณเหลือ                   ผู้เอื้อเฟื้อเกื้อชาติซึ่งอาจหาญ 

แน่วนับถือซื่อสัตย์ต่อรัฐบาล                ไม่เห็นการส่วนตัวไม่กลัวตาย 

แสวงชอบกอบคุณอุดหนุนชาติ             กษัตริย์ศาสน์แม้ชีวิตปลิดวาย 

ไว้ปวัตน์แก่ชาติญาตินิกาย                  ได้อ่านภายหลังลือระบือเอย


หัวข้อ: Re: << กลอนดอกสร้อยรำพึงในป่าช้า >>
เริ่มหัวข้อโดย: Number9 ที่ วันที่ 03 ธันวาคม 2014, 22:29:19

๑๗.      ชาวเอ๋ยชาวนา                 วาสนากั้นไว้ไม่วิตถาร 

ไม่ชั่วล้นดีล้นพ้นประมาณ                สองประการนี้แหละขวางทางคระไล 

คือไม่ลุยเลือนั่งบรรลังก์ราช              นำพินาศนรชนพ้นนิสัย 

แต่ปิดทางกรุณาอันพาไป                 ยังคุณใหญ่ยิ่งเลิศประเสริฐเอย


หัวข้อ: Re: << กลอนดอกสร้อยรำพึงในป่าช้า >>
เริ่มหัวข้อโดย: Number9 ที่ วันที่ 03 ธันวาคม 2014, 22:30:55

๑๘.         มักเอ๋ยมักใหญ่                    ก่นแต่ใฝ่ฝันฟุ้งตามมุ่งหมาย 

อำพรางความจริงใจไม่แพร่งพราย          ไม่ควรอายก็ต้องอายหมายปิดบัง 

มุ่งแต่โปรยเครื่องปรุงจรุงกลิ่น                คือความฟูมฟายสินลิ้นโอหัง 

ลงในเพลิงเกียรติศักดิ์ประจักษ์ดัง            เปลวเพลิงปลั่งหอมกลบตลบเอย


หัวข้อ: Re: << กลอนดอกสร้อยรำพึงในป่าช้า >>
เริ่มหัวข้อโดย: ศิลาสีรุ้ง ที่ วันที่ 05 ธันวาคม 2014, 01:42:21
Number9
ระดับ ป.ตรี
***

(http://upic.me/i/ob/48860453.png) (http://upic.me/show/53794851)



ชมเอ๋ยชมไพร                        แสนสุขใจยิ่งล้ำเกินคำขาน
ท่านศิลาสีรุ้งผดุงกานท์            พจมานเรียงร้อยถ้อยวาจา
จนลืมตัวว่าเป็นเช่นนางไม้         อยู่กลางไพรรื่นรมย์ชมบุปผา
เสียงวิหค นกร้องก้องพนา        ทอดสายตามองภู ผู้เดียวเอย
    

(http://upic.me/i/56/5rr11.gif) (http://upic.me/show/39072958)
picpost.mthai.com


ชมเอ๋ยชมผกา                          จากแนวผาธาราล้นท้นเป็นสาย
อวลละอองกระเซ็นเย็นสะบาย      พิรุณปรายโปรยพรมห่มพฤกษ์พันธุ์
ป่าขจีชีวิตชื่นรื่นสดใส                 ลมพัดไกวใบไม้พราวราวแว่วฝัน
ดั่งเสียงทักจากใครหนใดกัน         หรือว่าฉันละเมอเพ้อไปเอย


ขอบคุณครับ

ศิลาสีรุ้ง
๕ ธันวาคม ๒๕๕๗





ขอบคุณภาพจาก internet ครับ





หัวข้อ: Re: << กลอนดอกสร้อยรำพึงในป่าช้า >>
เริ่มหัวข้อโดย: Number9 ที่ วันที่ 05 ธันวาคม 2014, 21:42:16
(http://upic.me/i/56/5rr11.gif) (http://upic.me/show/39072958)
picpost.mthai.com

ชมเอ๋ยชมผกา                          สายธาราหลั่งล้นท้นเป็นสาย
อวลละอองกระเซ็นเย็นสะบาย      พิรุณปรายโปรยพรมห่มพฤกษ์พันธุ์
ป่าขจีชีวิตชื่นรื่นสดใส                 ลมพัดไกวใบไม้พราวราวแว่วฝัน
ดั่งเสียงทักจากใครหนใดกัน         หรือว่าฉันละเมอเพ้อไปเอย

ขอบคุณครับ
ศิลาสีรุ้ง
๕ ธันวาคม ๒๕๕๗

           รินเอ๋ยรินไหล                        เหมือนน้ำใจมวลมิตรสนิทสนม
ละอองเย็นโปรยปรายดั่งสายลม            ที่พร่างพรม ฉ่ำชื่น ระรื่นทรวง
เห็นเพียงภาพก็ซาบซึ้งตลึงหลง            ทั้งป่าดง ดินแดนดุจแมนสรวง
บุปผาชาติดาษดาพาดอกดวง               ออกเป็นพวงช่อระย้าน่ารักเอย



หัวข้อ: Re: << กลอนดอกสร้อยรำพึงในป่าช้า >>
เริ่มหัวข้อโดย: Number9 ที่ วันที่ 06 ธันวาคม 2014, 16:30:26

๑๙.    ห่างเอ๋ยห่างไกล                   ห่างจากพวกมักใหญ่ฝักใฝ่หา 

แต่สิ่งซึ่งเหลวไหลใส่อาตมา             ความมักน้อยชาวนาไม่น้อมไป 

เพื่อนรักษาความสราญฐานวิเวก         ร่มเชื้อเฉกหุบเขาลำเนาไศล 

สันโดษดับฟุ้งซ่านทะยานใจ              ตามวิสัยชาวนาเย็นกว่าเอย


หัวข้อ: Re: << กลอนดอกสร้อยรำพึงในป่าช้า >>
เริ่มหัวข้อโดย: Number9 ที่ วันที่ 06 ธันวาคม 2014, 16:32:29

๒๐.     ศพเอ๋ยศพไพร่                    ไม่มีใครขึ้นชื่อระบือขาน 

ไม่เกรงใครนินทาว่าประจาน              ไม่มีการจารึกบันทึกคุณ 

ถึงบางทีมีบ้างเป็นอย่างเลิศ               ก็ไม่ฉูดฉาดเชิดประเสริฐสุนทร์ 

พอเตือนใจได้บ้างในทางบุญ             เป็นเครื่องหนุนนำเหตุสังเวชเอย


หัวข้อ: Re: << กลอนดอกสร้อยรำพึงในป่าช้า >>
เริ่มหัวข้อโดย: Number9 ที่ วันที่ 06 ธันวาคม 2014, 16:34:27

๒๑.       ศพเอ๋ยศพสูง                 เป็นเครื่องจูงจิตให้เลื่อมใสศานต์ 

จารึกคำสำนวนชวนสักการ             ผิดกับฐานชาวนาคนสามัญ 

ซึ่งอย่างดีก็มีกวีเถื่อน                    จากรึกชื่อปีเดือนวันดับขันธ์ 

อุทิศสิ่งซึ่งสร้างตามทางธรรม์          ของผู้นั้นผู้นี้แก่ผีเอย
 


หัวข้อ: Re: << กลอนดอกสร้อยรำพึงในป่าช้า >>
เริ่มหัวข้อโดย: Number9 ที่ วันที่ 07 ธันวาคม 2014, 16:22:22

๒๒.  ห่วงเอ๋ยห่วงอะไร                     ไม่ยิ่งใหญ่เท่าห่วงดวงชีวิต 

แม้คนลืมสิ่งใดได้สนิท                      ก็ยังคิดขึ้นได้เมื่อใกล้ตาย 

ใครจะยอมละทิ้งซึ่งสิ่งสุข                   เคยเป็นทุกข์ห่วงใยเสียได้ง่าย 

ใครจะยอมละแดนแสนสบาย               โดยไม่ชายตาใฝ่อาลัยเอย


หัวข้อ: Re: << กลอนดอกสร้อยรำพึงในป่าช้า >>
เริ่มหัวข้อโดย: Number9 ที่ วันที่ 07 ธันวาคม 2014, 16:24:36

๒๓.      ดวงเอ๋ยดวงจิต                         ลืมสนิทกิจการงานทั้งหลาย 

ย่อมละชีพเคยสุขสนุกสบาย                    เคยเสียดายเคยวิตกเคยปกครอง 

ละทิ้งถิ่นที่สำราญเบิกบานจิต                   ซึ่งเคยคิดใฝ่เฝ้าเป็นเจ้าของ 

หมดวิตกหมดเสียดายหมดหมายปอง         ไม่ผินหลังเหลียวมองด้วยซ้ำเอย


หัวข้อ: Re: << กลอนดอกสร้อยรำพึงในป่าช้า >>
เริ่มหัวข้อโดย: Number9 ที่ วันที่ 07 ธันวาคม 2014, 16:26:32

๒๔.   ดวงเอ๋ยดวงวิญญาณ             เมื่อยามลาญละพรากไปจากขันธ์ 

ปองแต่ให้ญาติมิตรสนิทกัน              คล่าวน้ำตาต่างบรรณาการไป 

ธรรมดาพาคะนึงไปถึงหลุม               หรือที่ชุมเพลิงเผาเฝ้าร้องไห้ 

คิดถึงกาลก่อนเก่ายิ่งเศร้าใจ              ตามวิสัยธรรมดาเกิดมาเอย


หัวข้อ: Re: << กลอนดอกสร้อยรำพึงในป่าช้า >>
เริ่มหัวข้อโดย: Number9 ที่ วันที่ 09 ธันวาคม 2014, 22:30:16

๒๕.    ท่านเอ๋ยท่านสุภาพ                      ผู้ใคร่ทราบสนใจศพไร้ศักดิ์ 

รู้เรื่องราวจากป้ายจดลายลักษณ์               บางทีจักรำพึงคิดถึงตน 

มาม้วยมรณ์นอนคู้อยู่อย่างนี้                     คงจะมีผู้สังเกตในเหตุผล 

ปลงสังเวชวาบเสียวเหี่ยวกมล                   เหมือนกับตนท่านบ้างกระมังเอย


หัวข้อ: Re: << กลอนดอกสร้อยรำพึงในป่าช้า >>
เริ่มหัวข้อโดย: Number9 ที่ วันที่ 09 ธันวาคม 2014, 22:32:12

๒๖.       บางเอ๋ยบางที                      อาจจะมีผู้เฒ่าเล่าขยาย 

รำพันความเป็นไปเมื่อใกล้ตาย              จนตราบวายชีวาตม์อนาถใจ 

"อนิจจา! เห็นเขาเมื่อเช้าตรู่                  ออกจากหมู่บ้านเดินสู่เนินใหญ่ 

ฝ่าน้ำค้างกลางนามุ่งคลาไคล                ผิงแดดในยามเช้าหน้าหนาวเอย


หัวข้อ: Re: << กลอนดอกสร้อยรำพึงในป่าช้า >>
เริ่มหัวข้อโดย: Number9 ที่ วันที่ 09 ธันวาคม 2014, 22:33:54

๒๗.    "ต้นเอ๋ยต้นกร่าง                        อยู่ที่ข้างเนินใหญ่พุ่มใบหนา 

มีรากเขินเผินพ้นพสุธา                          กลางวันเขาเคยมาผ่อนอารมณ์ 

นอนเหยียดหยัดดัดกายภายใต้ต้น            ฟังคำรนวารีมี่ขรม 

กระแสชลไหลเชี่ยวเป็นเกลียวกลม           เขาเคยชมลำธารสำราญเอย


หัวข้อ: Re: << กลอนดอกสร้อยรำพึงในป่าช้า >>
เริ่มหัวข้อโดย: ศิลาสีรุ้ง ที่ วันที่ 10 ธันวาคม 2014, 02:40:55
.
(http://upic.me/i/75/12569841841.jpg) (http://upic.me/show/53859452)
munjeed.com


.

สายเอยสายหมอก                        มนต์มวลหยอกผืนป่าพนาสัย
พระพายพลิ้วพร้อยพัดไม้กวัดไกว     หม่นมัวไอละอองมองชวนชม
หยาดน้ำค้างแวววับจับใบหญ้า         ตระการตาประกายเกล็ดดั่งเพชรสม
ร้อยระย้าพาใจให้เพลินชม              ครั้นแดดพรมบ่มมลายสลายเอย

ขอบคุณครับ

ศิลาสีรุ้ง
๑๐ ธันวาคม ๒๕๕๗



.




.(http://upic.me/i/0b/1380423782-p878260233-o1.jpg) (http://upic.me/show/53859838)
pantip.com

ขอบคุณภาพจาก internet ครับ



หัวข้อ: Re: << กลอนดอกสร้อยรำพึงในป่าช้า >>
เริ่มหัวข้อโดย: Number9 ที่ วันที่ 10 ธันวาคม 2014, 11:33:25
.
(http://upic.me/i/75/12569841841.jpg) (http://upic.me/show/53859452)
munjeed.com.

สายเอยสายหมอก                        มนต์มวลหยอกผืนป่าพนาสัย
พระพายพลิ้วพร้อยพัดไม้กวัดไกว     หม่นมัวไอละอองมองชวนชม
หยาดน้ำค้างแวววับจับใบหญ้า         ตระการตาประกายเกล็ดดั่งเพชรสม
ร้อยระย้าพาใจให้เพลินชม              ครั้นแดดพรมบ่มมลายสลายเอย

ขอบคุณครับ

ศิลาสีรุ้ง
๑๐ ธันวาคม ๒๕๕๗
.
.(http://upic.me/i/0b/1380423782-p878260233-o1.jpg) (http://upic.me/show/53859838)
pantip.com

ขอบคุณภาพจาก internet ครับ


      เลือนเอ๋ยเลือนลาง                    อยู่ท่ามกลางหมอกมัวทั่วทิศา

ยะเยือกหนาวน้ำค้างกลางวนา            มนต์มายา ป่าดง แห่งพงไพร                         

ดุจดั่งเมืองลับแลชะแง้เหลียว             จะมาเที่ยวหรือพำนักพักอาศัย

หรือเพียงแค่ระรานแล้วผ่านไป            เหลือรอยเท้าเอาไว้ให้ดูเอย



หัวข้อ: Re: << กลอนดอกสร้อยรำพึงในป่าช้า >>
เริ่มหัวข้อโดย: Number9 ที่ วันที่ 10 ธันวาคม 2014, 19:08:08

๒๘.   ป่าเอ๋ยป่าละเมาะ                ยังอยู่เยาะเย้ยให้ถัดไปนั่น 

เขาเดินมาป่านี้ไม่กี่วัน                   ปากรำพันจิตรำพึงคะนึงใน 

บัดเดี๋ยวดูสลดระทดจิต                  เหมือนสิ้นคิดขัดหาที่อาศัย 

หรือคล้ายคนทุกข์ถมระทมใจ           หรือคู่รักร้างไม่อาลัยเอย


หัวข้อ: Re: << กลอนดอกสร้อยรำพึงในป่าช้า >>
เริ่มหัวข้อโดย: Number9 ที่ วันที่ 10 ธันวาคม 2014, 19:09:43

๒๙.       ต่อเอ๋ยต่อมา                    ณ เวลาวันใหม่มิได้เห็น 

ทั้งกลางนากลางเนินเผอิญเป็น          ใต้ต้นกร่างว่างเว้นเช่นเมื่อวาน 

เห็นคนหนึ่งเดินไปใจว่าเขา               แต่ไม่เข้ากลางนามาสถาน 

ที่เขาเคยพักผ่อนแต่ก่อนกาล             ทั้งไม่ผ่านป่าเล่าผิดเขาเอย


หัวข้อ: Re: << กลอนดอกสร้อยรำพึงในป่าช้า >>
เริ่มหัวข้อโดย: Number9 ที่ วันที่ 10 ธันวาคม 2014, 19:11:38

๓๐.       ถัดเอ๋ยถัดมา                    เห็นเขาพาศพไปใจสลด 

เสียงประโคมครื้นครั่นน่ารันทด          ญาติทั้งหมดตามมาโศกาลัย 

ทำการศพตบแต่งที่ระลึก                  มีบันทึกถ้อยคำประจำไว้ 

อยู่ที่ดงหนามนั้นถัดนั่นไป                 ความอย่างไรเชิญท่านไปอ่านเอย


หัวข้อ: Re: << กลอนดอกสร้อยรำพึงในป่าช้า >>
เริ่มหัวข้อโดย: Number9 ที่ วันที่ 13 ธันวาคม 2014, 15:31:10

๓๑.            ที่เอ๋ยที่นี้                               อนุสาวรีย์ศรีสถาน 

แห่งชายไม่ประจักษ์ศักดิ์ศฤงคาร                  แม้สกุลคุณสารต่ำปานไร 

ขอจงอย่าขึ้งเครียดรังเกียจเขา                     ขอจงเคารพงามตามวิสัย 

มัจจุราชรับพาเขาคลาไคล                          ทิ้งร่างไว้ทวงเคารพผู้พบเอย


หัวข้อ: Re: << กลอนดอกสร้อยรำพึงในป่าช้า >>
เริ่มหัวข้อโดย: Number9 ที่ วันที่ 13 ธันวาคม 2014, 15:32:49

๓๒.      น้ำเอ๋ยน้ำใจ                    ซึ่งเนาในร่างกายผู้ตายนี้ 

ล้วนสุภาพผ่องใสด้วยไมตรี             อีกโอบอ้อมอารีมีในคน 

คุณนี้นำชำร่วยอวยสนอง                บำเหน็จมองมูนมากวิบากผล 

คือห่วงใยยั่วหยัดอัสสุชล                จากฝูงคนผู้ใฝ่อาลัยเอย


หัวข้อ: Re: << กลอนดอกสร้อยรำพึงในป่าช้า >>
เริ่มหัวข้อโดย: Number9 ที่ วันที่ 13 ธันวาคม 2014, 15:35:09

๓๓.        แต่เอ๋ยแต่นี้                  เป็นหมดที่ใฝ่จิตริษยา 

เป็นหมดที่อุปถัมภ์คิดนำพา            เป็นนับว่า "อโหสิกรรม" กัน 

เขาจะมีดีชั่วติดตัวไป                    เป็นวิสัยกรรมแต่งและแสร้งสรร 

เรารู้ได้แต่ปวัตน์ปัจจุบัน                 ซึ่งทิ้งอยู่คู่กันกับนามเอย


หัวข้อ: Re: << กลอนดอกสร้อยรำพึงในป่าช้า >>
เริ่มหัวข้อโดย: ศิลาสีรุ้ง ที่ วันที่ 13 ธันวาคม 2014, 23:58:08

๓๐.       ถัดเอ๋ยถัดมา                    เห็นเขาพาศพไปใจสลด  

เสียงประโคมครื้นครั่นน่ารันทด          ญาติทั้งหมดตามมาโศกาลัย  

ทำการศพตบแต่งที่ระลึก                  มีบันทึกถ้อยคำประจำไว้  

อยู่ที่ดงหนามนั้นถัดนั่นไป                 ความอย่างไรเชิญท่านไปอ่านเอย




(http://upic.me/i/2d/42images.jpg) (http://upic.me/show/53908072)
eduzone.gracezone.org



 ๐ ดงเอยดงไพรสณฑ์                 มีกลุ่มคนที่นั้นเห็นกันอยู่
ท่ามความเศร้าวังเวงตนเองรู้         ยังมองดูดินมูลพูนศพไว้
มีป้ายหนึ่งตรึงนามตามที่หมาย       ผู้วางวายชีพชนม์จนยิ่งไหน
ประโยคเดียวจารจดเป็นพจน์นัย     "มาแล้วไป"ได้อ่านทุกท่านเอย


ขอบคุณครับ

ศิลาสีรุ้ง
๑๓ ธันวาคม ๒๕๕๗



ขอบคุณภาพจาก internet ครับ

.


หัวข้อ: Re: << กลอนดอกสร้อยรำพึงในป่าช้า >>
เริ่มหัวข้อโดย: Number9 ที่ วันที่ 15 ธันวาคม 2014, 16:48:55

๓๐.       ถัดเอ๋ยถัดมา                    เห็นเขาพาศพไปใจสลด  

เสียงประโคมครื้นครั่นน่ารันทด          ญาติทั้งหมดตามมาโศกาลัย  

ทำการศพตบแต่งที่ระลึก                  มีบันทึกถ้อยคำประจำไว้  

อยู่ที่ดงหนามนั้นถัดนั่นไป                 ความอย่างไรเชิญท่านไปอ่านเอย




(http://upic.me/i/2d/42images.jpg) (http://upic.me/show/53908072)
eduzone.gracezone.org


 ๐ ดงเอยดงไพรสณฑ์                 มีกลุ่มคนที่นั้นเห็นกันอยู่
ท่ามความเศร้าวังเวงตนเองรู้         ยังมองดูดินมูลพูนศพไว้
มีป้ายหนึ่งตรึงนามตามที่หมาย       ผู้วางวายชีพชนม์จนยิ่งไหน
ประโยคเดียวจารจดเป็นพจน์นัย     "มาแล้วไป"ได้อ่านทุกท่านเอย

ขอบคุณครับ

ศิลาสีรุ้ง
๑๓ ธันวาคม ๒๕๕๗


ขอบคุณภาพจาก internet ครับ

.

   (http://image.free.in.th/x/ix/949531743.gif)

ขอคารวะเจ้า


หัวข้อ: Re: << กลอนดอกสร้อยรำพึงในป่าช้า >>
เริ่มหัวข้อโดย: ศิลาสีรุ้ง ที่ วันที่ 19 ธันวาคม 2014, 21:37:16
(http://upic.me/i/tz/dd-10_zps22d7479b2.jpg) (http://upic.me/show/53983703)


ขอบเอ๋ยขอบคุณ                             มิตรเกื้อหนุนนัมเบอร์ไนน์นำไขขาน
ดั่งเฉกเช่นดอกไม้ในมวลธาร             หมอกตระการสานฝันทั้งวันคืน
เจ้าบานรับเริงล้อพะนอหนาว               ชมพูพราวพลิ้วไหวให้ดาษดื่น
เย็นไอโอบอิงฟ้าพายงยืน                  มวลม่านผืนตื่นตาพาสมจินต์

น้อมคารวะท่านเช่นกันครับ     (http://upic.me/i/xb/a567333579.gif) (http://upic.me/show/331104)

ขอบคุณครับ

ศิลาสีรุ้ง
๑๙ ธันวาคม ๒๕๕๗









หัวข้อ: Re: << กลอนดอกสร้อยรำพึงในป่าช้า >>
เริ่มหัวข้อโดย: Number9 ที่ วันที่ 02 กันยายน 2018, 10:41:31
(https://www.uppic.org/image-484A_5B8B5817.jpg)


หัวข้อ: Re: << กลอนดอกสร้อยรำพึงในป่าช้า >>
เริ่มหัวข้อโดย: Number9 ที่ วันที่ 29 ตุลาคม 2020, 10:26:20
 :(


หัวข้อ: Re: << กลอนดอกสร้อยรำพึงในป่าช้า >>
เริ่มหัวข้อโดย: Number9 ที่ วันที่ 05 พฤษภาคม 2021, 21:07:36
j35DqFTQOHU&autoplay=1.

(https://www.mx7.com/i/159/wB8WTy.jpg)


หัวข้อ: Re: << กลอนดอกสร้อยรำพึงในป่าช้า >>
เริ่มหัวข้อโดย: Number9 ที่ วันที่ 08 กรกฎาคม 2022, 11:45:19
 :'(